ที่สุดแห่งการปล่อยวางคือ ปล่อยวางตัวตน

ข้อปฏิบัติทั้งหลายที่จะทำให้ถึงการ
"ไม่ยึดมั่นถือมั่น"
ยังคงเป็นสิ่งที่ต้อง"ยึดถือ"
ส่วน"ตัวตน" นั้นถ้ายัง
จำเป็นต้องนำมาใช้ในการต่อสู้เพื่อ
ทำลายกองทัพกิเลส
ก็ยังต้องปัดฝุ่นอาวุธนี้ เพื่อเอามาใช้อีก
ถึงแม้จะเป็นอรหันต์แล้ว แต่เมื่อใช้
จบกิจแล้วก็ไม่ได้ยึดไว้
ฮับ

 

Saber, เมื่อวาน เวลา 22:04

+++ เฮ้ยไอ้ Saber วันนี้ 22.31 แล้วเว้ยเฮ้ย "มึงหาเจอหรือยัง" เลย 24 ชั่วโมงแล้วนะเว้ย
+++ ถ้ามึง "หาไม่เจอภายใน 3 วัน" กูจะถือว่ามึง "เป็นนักโกหก แล้ว โกหกคนทั้งเวป" นะเว้ยเฮ้ย
+++ เวลามันยังเดิน "ไม่หยุด" มึงจะ "เป็นภัยสังคม" ในเวปนี้หรือไม่ ขึ้นกับว่า มึงหาเจอหรือป่าว ไอ้ที่มึง "กล่าวหากูแบบเลื่อนลอย" หนะ
+++ กูว่า "มึงเป็นภัยสังคม" แน่นอนว่ะ เฮ้ย นาฬิกา มันไม่หยุดนะเว้ยเฮ้ย....

โพสท์เมื่อ ศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562 เวลา 22.31

 

ตราบใดก็ตามถ้าไม่เห็นจิตก็คงเถียงกันวุ่นวาย บ้างว่าจิตเป็นแบบนั้นและเป็นแบบนี้ ไม่ผิดสักคนเดียวแต่ความมุ่งหมายของการเห็นโดยคำพูดก็คือใช้บางสิ่งเพื่อทำให้เห็น และสิ่งที่ควรจะเป็นถ้าแค่เห็นคงไม่ยากเท่าไหร่ ที่ยากคือจะรู้ก่อน รู้ตอนนี้ หรือรู้ก่อนหน้านี้ ทำยังไง หมายถึง องค์ประกอบของจิตที่นอกจากแบกรับความใโง่แล้ว อันอื่นไม่เห็นมีอะไรวิเศษเลย ว่าไหม

 

อย่าปล่อยให้ความสงสัยทำลายตัวเอง หามันให้เจอ เจอแล้วจะรู้เองแหละว่า มันไม่เห็นแปลกอะไรนี่ มันเป็นตามสิ่งที่ควรเป็น ต่อให้จริงก็รู้ว่าจริงและต่อให้ไม่จริงก็รู้ว่าไม่จริง ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเดือดร้อนอะไรเลยนี่ เซเบ้อ

 

ขออนุโมทนาในธรรมทุกท่านด้วยความเคารพครับ

ขอขอบคุณคุณธรรมชาติอีกครั้งครับ ที่ให้ความรู้อื่นๆเพิ่มเติมครับ
ข้าพเจ้าจะปฏิบัติต่อไปครับ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ

 

เข้าไปฟังที่คุณ saber ยกมาอ้างใน
กระทู้ คนไร้บ้าน ที่หลวงพ่อสงบ
ตอบคำถามตอนท้าย เห็นชัดเลย..

 

ที่ว่าเห็นชัดนี้คือ การคิดเอาเอง นึกเอาเองตามคำพูดคำสอนหรือตามหนังสือที่ได้ยินมาใช่มั้ย ใช้ตระกะ วิเคราะห์ตามความเข้าใจตัวเอง

บอกเลยว่ามั่ว 99.99% แล้วก็จะพาคนอื่นมั่วไปด้วย

ธรรมมะไม่ใช่สิ่งที่จะเข้าใจได้ด้วยกรรมวิธีแบบนั้น

ต้องอาศัยการเดินจิตเพื่อเข้าถึงสภาวะนั้น จึงจะเห็นธรรมตามความเป็นจริง

นั้งฟังแล้วมาวิเคราะห์แบบนี้ลงอบายมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว

 

พระเทวทัต ลงอบายได้
แต่ก็จะกลับมาเป็นพระ
พุทธเจ้าได้ในอนาคต
ต้องพิจารณาด้วยคับ

 

เป็นปัจเจกพระพุทธเจ้าครับ แล้วท่านก็สำนึกได้ก่อนตายด้วยถึงได้เป็น

แต่ ทำไมต้องลงนรกด้วยในเมื่อเลือกกระทำตนเองได้ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่หรือ

รึลุงแมวชอบแบบ ซาดิต ต้องโดนต้มโดนย่างโดนทุบก่อน แล้วถึงจะค่อยสำนึกทีหลังเรอะ

ทำไมไม่ทำให้ดีตั้งแต่ต้นไปเลยละคับ ลุงแมว ในเมื่อก็ชี้แจงไปแล้ว

การใช้ความคิด ไม่สามารถเห็นจริงได้หรอก ต้องทำเท่านั้น ที่อจ.ธรรมชาติ กับ คุณซาตานเนียน บอกธรรมใดก็มาจากการทำแล้วทั้งนั้น ผมก็ทำเช่นกันได้ผลลัพจากการเดินจิตแบบเดียวกัน ผมจึงสนับสนุนเช่นนี้ ไม่ได้เกิดจากการคิด หรือใช้ตระกะแต่อย่างใด

เกิดจากการฝึกและสอบจิตในบัจจุบันขณะ ไม่ใช่การบอกนำจิต ตามสายมโนให้นึกภาพตามแต่อต่างใด มีแต่บอกให้เดินจิตอย่างไร แล้ว ผลลัพเป็นเช่นไร.

ทดลองทดสอบ บันทึกผล ทำซ้ำ บันทึกผล ทำซ้ำ บันทึกผล ๆๆๆๆ เมื่อแน่ใจจริงๆ ผลจากการทดสอบเป็นแบบเดิมซ้ำๆ จึงสรุป แล้วเทียบจากตำราอีกที บางครั้งตำราไม่มีระบุ หรือ เขียนผิดอีกต่างหาก เพราะเกิดจากการแปลภาษามาไม่ถูกต้องเป็นการแปลแบบคิดเองเข้าใจเองของผู้แปลที่ไม่ได้จบกิจ แต่จบปริญญาเอกมาแปล

คนอ่านไม่เคยทำได้จริงก็ยึดตามตำราผิดๆนั้นละ

 

แล้วเข้าไปฟังให้จบหรือยัง?ครับ

หลวงพ่อสงบก็ศิษย์หลวงตามหาบัว
ท่านออกมาโต้แย่้งเพราะเหตุใด?
ควรพิจารณาไว้บ้างน่าจะดี..

เรื่องกรรมฐาน ใครไปฝึกกับใคร
ก็เรื่องของคนนั้น..
จะไปยกใครเป็นอจ. ก็สิทธิของคนนั้น

ส่วนเรามาเล่นเวปนี้ ก็รู้อยู่มีกรรมฐานหลายสาย..

เมื่อมันมีเหตุให้โต้แย้ง
ก็เขียนกันไปสิครับ..

เจ้าของเวป เขาก็ไม่ได้ล๊อคไว้สักหน่อย
เปิดกว้างตลอด..

กิเลสพาฝึกก็มีเยอะ...!!!

 

ขอชี้แจง

หลวงพ่อสงบ
ท่านไม่ให้เอาชื่อของท่าน
มาเถียงกันในเวป และที่อื่นๆ

มีปัญหาอะไร
ก็เขียนถามท่านไป
หรือไปพบท่านที่วัด เท่านั้น

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งขนาดหลวงพ่อเทศน์ภาษาง่ายๆ แต่นะบางทีก็อาจยากจนสับสนปนเปแต่บางคนเขาก็ไม่สงสัยและไม่กล้าเปรียบเทียบกับอะไร มันอาจเหมือนกันสำหรับบางคนและต่างกันสำหรับบางคน ซึ่งหลักคือจะใช้เราเป็นที่ตั้งไม่ได้ในการนำคำสอนใครมาใช้

 

แต่ถ้าปัญหามันพาให้ใจหม่นหมองก็ถามท่านได้เลย เล่าให้ท่านฟังทุกๆสิ่ง ท่านเมตตามากและท่านก็ไม่ได้ว่างมากจะมาตอบแต่ถ้าเราอยากรู้ หลวงพ่อตอบให้ทุกคนแน่นอน ยิ่งไปหาได้ยิ่งดี เป็นบุญเป็นกุศล

 

พระเทวทัตเป็นตัวอย่างของสติที่ดี ก่อนหน้าเพราะไม่มีสติรู้ในทางที่ดีเพราะลุ่มหลงในกิเลสธรรมสร้างกรรมมากสร้างบุญก็มาก มีทั้งอบายมีทั้งสุขคติ จุดเริ่มต้นที่ไม่ดีย่อมลงท้ายไม่ดี แม้ว่าจะนับจากตั้งแต่เริ่มเขาก็เป็นอริต่อความดีทั้งปวงตั้งแต่ครั้งแรกสมัยพระโพธิสัตว์สมณเจ้ายังไม่ปวารณาตน เมื่อครั้งเป็นพ่อค้ารับซื้อของเก่า ผู้ตั้งจิตไว้ในความดีแม้ไม่มีศาสนาย่อมรู้ว่าอะไรคือเบียดเบียนย่อมรู้ว่าวันนึงเราก็ตายจากสภาพทั่งหลายแต่ อริท่านนี้คิดอีกแบบคือต้องได้และหากใครขัดขวางก็ผูกใจเจ็บข้ามภพข้าชาติ คนไม่รู้คิดเวลามันสั้นมักเห็นแค่ตอนจบ ตอนธรณีสูบ. คิดดีดีก่อนหน้าอันเนิ่นนานทำไปเท่าไหร่ กว่าจะรู้สึกตัวก็สายทุกจิต แต่เรื่องนี้ในใจลึกๆเขาเคารพเขายินดีแต่กิเลสร้ายแรงกว่านั่นเพราะจุดเริ่มต้น เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าเรารู้จุดเริ่มต้นที่ดี ทำไมต้องทำเหมือนเทวทัต เรื่องก็เป็นดังฉะนี้

 

+++ เฮ้ยไอ้ Saber หมดไปอีกวัน 22.22 แล้วเว้ยเฮ้ย "มึงหาเจอหรือยัง" เลย 48 ชั่วโมงแล้วนะเว้ย
+++ ถ้ามึง "หาไม่เจอภายใน 3 วัน" กูจะถือว่ามึง "เป็นนักโกหก แล้ว โกหกคนทั้งเวป" นะเว้ยเฮ้ย
+++ เวลามันยังเดิน "ไม่หยุด" มึงจะ "เป็นภัยสังคม" ในเวปนี้หรือไม่ ขึ้นกับว่า มึงหาเจอหรือป่าว ไอ้ที่มึง "กล่าวหากูแบบเลื่อนลอย" หนะ
+++ กูว่า "มึงเป็นภัยสังคม" แน่นอนว่ะ เฮ้ย นาฬิกา มันไม่หยุดนะเว้ยเฮ้ย....
+++ ครบ 72 ชั่วโมง เมื่อไร "แล้วยัง หาไม่เจอ" มึงก็เป็น "ไอ้ชาติชั่ว โกหกไปวัน ๆ" เท่านั้นเอง

โพสท์เมื่อ เสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2562 เวลา 22.22

 

+++ QUOTE มาจาก Saber, พฤหัสบดี เวลา 22:04

+++ เฮ้ยไอ้ Saber หมดครบ 3 วัน แล้วเว้ยเฮ้ย "มึงไม่มีวันหาเจอหรอก"
+++ อย่าว่าแต่ 3 วันเลย ต่อให้ "3 ล้านอสงไขย" มึงก็ "ไม่มีวันหาเจอ"
+++ เพราะ "ข้าไม่เคยบอกว่าข้า "เป็นพระอรหันต์" อย่างที่ มึงเอามา "โกหก"

+++ นอกจาก "โกหกหลอกลวง" คนทั้งเวปนี้แล้ว
+++ มึงยัง "ไม่มีความรับผิดชอบ" ในสิ่งที่มึง "โกหก" เอาไว้
+++ มีคำ ๆ หนึ่งกล่าวไว้ว่า "ลูกผู้ชาย ต้องมีความรับผิดชอบ"
+++ แต่มึง "ไม่เคย" รับผิดชอบ "อย่างลูกผู้ชาย"

+++ แถมยัง เสือกไปตั้ง "กระทู้ตุ๊ด" เอาซะอีก อยู่ที่นี่

พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ห้าม ตุ๊ด เกย์ ไม่ให้บวชนะ ท่านใช้คำว่าบัณเฑาะก์

+++ หึหึหึ... อะไรบางอย่าง "มันฟ้องอยู่ในตัวของมันเอง"
+++ แรก ๆ ก็นึกว่าเป็นแค่ "ไอ้ทึ่มปี้แปะ" แต่ตอนนี้ หึหึ...
+++ สงสัยว่า มึงเป็น "ไอ้ตุ๊ดปี้แปะ" หรือป่าววะ... หือ...
+++ อีกอย่างของมึงคือ "ชอบปลิ้นคำศัพท์" ปลิ้นลิ้นไปเรื่อย ๆ

+++ มึง "ปลิ้นคำพูด" จนสวนทางกับ "พระพุทธเจ้า" ซะแล้ว
+++ มึง "ฝึกกรรมฐาน" ของมึงมายังไง หือ....
+++ ยิ่งฝึก "ฮั๊มยิ่งหด หอยยิ่งงอก" ออกมาเรื่อย ๆ หรือป่าว หาาาา....
+++ อย่าเสือกไปหาเรื่อง "ทำลาย แผงหอยทอด" นะเว้ยเฮ้ย 555.......

 

ตอบแบบนี้ ลองพิจารณา คำต่อไปนี้ดูนะครับ จะได้ไม่ต้องไปอ้างคำครูบาร์อาจารย์
มาเปรียบเทียบให้ท่านเสื่อมเสีย ให้เป็นเวรเป็นกรรมส่งผลต่อการปฏิบัติย้อนมาที่เราเป็นเหตุให้ปฏิบัติมากี่ปีก็ไม่ก้าวหน้าเลยครับ เรียกว่า ถือว่าปลอดภัยกว่าครับ
เริ่มจาก


NECTEC's Lexitron Dictionary
ใส่ความ
[v.] slander
[syn.] หาความ,ให้ร้าย,ใส่ไฟ,กล่าวหา,ใส่ร้าย

หมายเหตุพูดหาเหตุร้าย, กล่าวหาเรื่องร้ายให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย

ตัวอย่างประโยคคำสอนของศาสนาคริสต์บัญญัติห้ามไม่ให้ฆ่าคน อย่าผิดประเวณี อย่าลักขโมย อย่าโกหก ใส่ความผู้อื่น


อ.เปลื้อง ณ นคร
ใส่ความ
ก. พูดหาเหตุร้าย, กล่าวหาเรื่องร้ายให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย

หรือคิดไปเองว่าตนเอง

ความหมายจาก พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถาน

• เก่ง
  ว. สามารถในทางใดทางหนึ่ง เช่น เก่งคํานวณ เรียนเก่ง เป็นเช่นนั้นบ่อย ๆ มักเป็นเช่นนั้น เช่น เป็นหวัดเก่ง หลับเก่ง ลืมเก่ง.
  
  NECTEC's Lexitron Dictionary
  
  
• เก่ง
  [adv.] excellently
  [syn.] สามารถ,รอบรู้
  [v.] be expert
  [syn.] สามารถ,รอบรู้
  
  หมายเหตุสามารถในทางใดทางหนึ่ง

อ.เปลื้อง ณ นคร
เก่ง
ว. กล้า, เข้มแข็ง, ไม่แพ้ใคร, เชี่ยวชาญ.

หรือว่า

ราชบัณฑิตยสถานความหมายจาก คำศัพท์ที่ถูกเพิ่มโดยสมาชิก

แถ
แถเป็นการโต้เถียงโดยไร้ซึ่งเหตุผล เถียงโดยไร้การไตร่ตรอง เถียงไม่คิด เถียงไปเรื่อย

แถเป็นพฤติกรรมของคนไร้สมอง ส่วนใหญ่แล้วการโต้เถียงไม่จบสิ้นลักษณะนี้(แถ) มักจะเกิดขึ้นหลังจากแพ้การสู้กันโดยตรรกะ หรือไม่สามารถใช้ความจริงและเหตุผลเอาชนะได้

หรือเพราะรู้สึกว่ากลัว
NECTEC's Lexitron Dictionary

หน้าแหก
[v.] lose face
[syn.] หน้าแตก,เสียหน้า

หมายเหตุรู้สึกอายเพราะทำเปิ่นหรือทำผิดพลาดต่อหน้าผู้อื่น

ราชบัณฑิตยสถาน

หน้าแหก
(ปาก) ว. อาการที่ต้องได้รับความอับอายขายหน้าอย่างยิ่งเพราะผิดหวังอย่างมากหรือเพราะถูกโต้ถูกย้อนกลับมาอย่างเถียงไม่ขึ้นเป็นต้น.

ก็เลย
ราชบัณฑิตยสถาน

ย้อน
ก. หวนกลับ เช่น ย้อนไป ย้อนมา ย้อนกลับบ้าน ทวนกลับ เช่น ย้อนเกล็ด ย้อนหลัง พูดสวนตอบ (มักใช้ในทางไม่ดี) เช่น เด็กย้อนผู้ใหญ่ ลูกย้อนแม่.

ราชบัณฑิตยสถาน
และ
แย้ง
ก. ไม่ตรงหรือลงรอยเดียวกัน เช่น ความเห็นแย้งกัน ข้อความแย้งกัน

ต้านไว้ ทานไว้.


ส่วนตัวมองว่า แค่ตอบตามความจริง
ในสิ่งที่มีคนถาม ก็จบไปแล้วครับ
ไม่ได้เข้าข้างใครนะครับ

นักปฏิบัติ ถ้ายังมีสิ่งเหล่านี้อยู่
มันแสดงถึง ว่าเรายังมีอัตตาตัวตนสูง
มันจะทำให้การพัฒนาทางปฏิบัติ
ของเราช้ามากนะครับ
และก็จะติดอยู่กับที่ ไม่ไปไหนซักปี
จะกี่ปีผ่านมา ก็ยังเป็นแบบเดิม
ไม่เปลี่ยนแปลงได้
และกลายเป็นคนหลงตัวเอง
ได้อย่างไม่รู้ตัวนะครับ

และก็เลิกใช้เหอะ พวกการอ้างเวรอ้างกรรมอะไร เพียงเพราะมีความเห็นต่าง เพราะเราไม่ใช่ คนที่มีบารมีมากพอ
หรือพวกมีกำลังจิตใช้งานอะไรได้
ที่จะพูดอะไรออกไป แล้วจะเป็นไปดังที่กล่าววาจาออกไป ยิ่งมีพฤติกรรม
ตามที่ ข้าพเจ้าได้ยกคำ ภาษาไทยมาให้อ่านด้วยแล้ว ยิ่งห่างไกลครับ

การที่คุณ Saber ไปโพสต่อท้ายที่ คุณ ธรรมชาติ ตอบว่า

''อาการคนหลงตัวเองว่าเป็นพระอรหันต์ อยู่เป็นฆราวาสโดยที่ไม่ต้องบวชพระ''

นั้น ควรออกมาชี้แจงแสดงเจตนาด้วยครับ
เค้าถามอะไร ก็ตอบในสิ่งที่เค้าถาม
มันยากตรงไหนหละครับ


การเลี่ยงไม่ตอบ การทำเฉยๆ
การเปลี่ยนแปลงประเด็น
การไม่โต้ตอบ มันไม่ได้บอกว่า
เราเป็นนักปฏิบัติที่ดีหรอกครับ
ในทางตรงข้าม กลับทำให้คนมองว่า
เรา ไม่ใช่ สุภาพบุรษ
ไม่ใช่ผู้ชายแท้ได้ครับ

ยกเว้นว่า คุณ อยู่ดีๆแล้วมีคนมา ใส่ความคุณก่อน ทั้งๆที่ตัวคุณเอง อยู่เฉยๆ
ไม่ได้สร้างเหตุอะไร หรือมีส่วนร่วมกันการ
สร้างเหตุอะไร เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ


เล่าสู่กันฟัง ฉันท์มิตร นะครับ
การเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตนเองตอนนี้
ดีกว่าไม่มีสำนึกที่จะเปลี่ยนแปลง
ปรับปรุงนิสัยตนเองให้ดีขึ้นนะครับ
ไม่งั้น เราก็อาจจะกลับสู่วงเวียน
กิริยาเดิมๆ ตาม คำต่างๆ
ที่ ข้าพเจ้าได้ลงไว้

สังคมไทยข้อดีคือ ยังรู้จักการให้อภัยครับ ^_^
.

 

ถ้าปล่อยวางสภาวะได้ น่าจะสุดท้ายรึเปล่าคับ

 

เอาตามที่องค์พระสัมมาฯ ได้ทรงชี้ทางไว้คับ

 

+++ อี "ตุ๊ด Saber" มันหนีไปแล้ว 555

+++ เหรอ... หึหึหึ...
+++ ปฏิบัติแบบ "วิธีใส่ความคนอื่น วิธีเพ่งโทษคนอื่น" ใช่หรือป่าว...
+++ หรือ "วิธี ผิดแล้วเผ่น" หา...
+++ หลุบหางซ่อนฮั้มไปเลย เว้ยเฮ้ย
+++ โผล่มาเมื่อไร "มึงโดนทันที"
+++ ตอนนี้ "ต้องเล่น ปางกระทืบมาร กับมึง" ซะแล้ว
+++ อยากสอนคนอื่นจนตัวสั่นไปหมด หาาา....
+++ สำหรับมึง เป็นได้ก็แค่ "ไอ้โง่อวดฉลาด ดีแต่เพ่งโทษคนอื่น"
+++ วิธีปฏิบัติของมึง คือ "มโนวิปลาศ" เท่านั้นแหละ
+++ ใครที่ทำตามมึง กูบอกได้เลยว่า "อบายแน่นอน"
+++ อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ คือ "มึงไม่สามารถ รับส่วนบุญจากใครได้เลย"
+++ เหตุเพราะมึง "ไม่สามารถ อนุโมทนากับ ความดีของบุคคลอื่นได้"
+++ จากแต้มของมึง "ถูกใจ/อนุโมทนา" การให้ "ต่ำสุด ๆ"
+++ แล้วก็ "ไม่เคยให้ใครมาหลายปีแล้ว"
+++ นี่คือ "การพิสูจน์ ของจิตย่อมลงสู่ที่ต่ำ ของมึงเอง"
+++ ยิ่งมายิ่ง "ดำดิ่ง ลึกล้ำดำมืด" มึงเอาตัวมึงเอง "ให้มันรอดก่อน" ก็แล้วกัน หึหึหึ...