เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

บทฝึกฝนสะกดจิตตนเองเพื่อเปลี่ยนความเชื่อ

ไม่ว่าพวกเราจะได้อ่านหนังสือชุดของท่านอาจารย์อนาลัยไปแล้วกี่เล่มก็ตาม พวกเราจะพบว่าสาระสำคัญที่ปรากฏในหนังสือชุดนี้ได้แก่สาระที่ว่า เราทั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเชื่อของตนเอง โลกแห่งความเป็นจริงของเรารวมถึงประสบการณ์ชีวิต สภาพแวดล้อม ตลอดจนสุขภาพร่างกายของเรา

เรารู้เห็นความปรารถนาที่แท้จริง อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้องจองกับความเชื่อของตนเองได้อย่างหมดเปลือกในความฝัน ซึ่งเป็นโลกที่ปราศจากเครื่องพราง เราจึงรู้เห็นอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตของตนเอง ที่เคยเป็นไป กำลังเป็นไป และจะเป็นไปในอนาคตได้จากความฝัน

ยามตื่น-เราอาจไม่ได้ตระหนักถึงความปรารถนาที่แท้จริงของตนเอง ไม่สามารถแสดงออกซึ่งอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้องจองกับความเชื่อของตนเองได้อย่างหมดเปลือก ด้วยข้อจำกัดของสังคม วัฒนธรรม ตลอดจนกฏระเบียบต่างๆทางโลก แต่ความฝันปราศจากข้อจำกัดทั้งปวง เราจึงรู้เห็นความเป็นไปอันใสซื่อ อันเป็นความปรารถนา อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้องจองกับความเชื่อของตนเอง ที่ตรงไปตรงมาที่สุด

ไม่ว่าประสบการณ์ชีวิตในปัจจุบันของเราแต่ละคนจะเป็นเช่นไร พี่่นักเขียนหวังว่า ความรู้และความเข้าใจ จากมุมมองและความเชื่อใหม่ๆที่พวกเราได้รับจากข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือ น่าจะทำให้เราตระหนักได้บ้างไม่มากก็น้อยว่า ความเชื่อของเรานำพาประสบการณ์ชีวิต ทั้งที่สมความปรารถนาและไม่พึงปรารถนามาสู่เราเสมอ พลังอำนาจในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขประสบการณ์ชีวิต ทุกประสบการณ์ ทุกระดับ จึงอยู่ที่ความเชื่อของเราโดยแท้

ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในประสบการณ์ชีวิต สภาพแวดล้อม ตลอดจนสุขภาพร่างกายของเรา เกิดจากความเชื่อของเรา ซึ่งมีอิทธิพลต่อเราเสมือนการตกอยู่ภายใต้การสะกดจิตตนเอง ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีความเชื่อว่า เราเป็นผู้ที่ยากจน ไม่ประสพความสำเร็จในด้านธุรกิจการงาน หรือเป็นผู้ที่เสียเปรียบเสมอๆ หรือเชื่อว่า เรามีสุขภาพไม่ดี แก่เกินวัย อ่อนแอ เชื่อว่าเราขาดเพื่อนแท้ พบแต่ผู้ที่ขาดความจริงใจหรือเอารัดเอาเปรียบ ความเชื่อของเราสะกดจิตให้เราตกอยู่ในภาวะดังกล่าว เพราะกระแสของความเชื่อ เป็นความคิดที่มีพลังดึงดูดประสบการณ์ทั้งหลายที่คล้องจองมาสู่ประสบการณ์ชีวิตของเรา ตลอดจนมีพลังที่ปรับสภาวะของเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายให้เป็นไปตามความเชื่อนั้น

ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขประสบการณ์ชีวิต สภาพแวดล้อม ตลอดจนสุขภาพร่างกายของเราได้วิธีการเดียวกันกับที่เราดึงดูด หรือสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาเหล่านั้นได้ด้วยวิธีการเดียวกัน คือ ด้วยการสะกดจิตตนเอง

พี่นักเขียนได้รับจดหมายจากผู้อ่านหลายท่านที่เขียนมาถามถึงวิธีการแก้ปัญหาชีวิตหลายด้าน ซึ่งมีทั้งด้านหน้าที่การงาน สัมพันธภาพ ตลอดจนสุขภาพร่างกาย

วันนี้ขอนำบทฝึกฝนสะกดจิตตนเองเพื่อเปลี่ยนความเชื่อ ซึ่งมีปรากฏในหนังสือ
จิตวิญญาณประสานกาย
บทที่ 7 การสะกดจิตตนเองด้วยความเชื่อที่ก่อให้เกิดโรค (หน้า 102)
มาให้พวกเรานำไปทดลองฝึกฝนกัน แม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะเน้นเรื่องการรักษาสุขภาพ หรือรักษาโรคด้วยตนเอง แต่สาระที่ปรากฏในหนังสือก็ครอบคลุมมากกว่าการรักษาโรคทางกาย ทางใจ เพราะการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะเกี่ยวพันกับทุกสิ่งทุกอย่าง ครอบคลุมทั้งสภาวะทางกาย ทางใจ และประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดของเรา

ดังคำกล่าวของท่านอาจารย์อนาลัยที่ว่า
จิตวิญญาณจดจ่อกับสภาวะใด
จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นภาวะนั้นๆ
พร้อมด้วยรูปกายที่คล้องจองกับภาวะนั้นๆ

บทฝึกฝนสะกดจิตตนเองเพื่อเปลี่ยนความเชื่อ
ให้เธอนั่งอย่างสงบ ผ่อนคลายอยู่ตามลำพังในที่เงียบสงัด และให้ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีสำหรับบทฝึกฝนนี้ ให้เธอกล่าวกับตนเองว่า:

 

มาสวัสดีพี่นักเขียนค่ะ ^^
ได้ลองนำแบบฝึกหัดของพี่นักเขียนไปทำแล้ว ที่ว่าให้ทดลองฝันดูถามถึงเหตุการณ์ในอนาคตต่างๆ ก้อปรากฏว่าได้ฝันจริงๆ และจำฝันได้มากขึ้น
เผอิญว่าหนูได้บังเอิญ แต่ในที่นี่คงไม่บังเอิญ เพราะความเชื่อของหนูดึงดูดสิ่งนี้เข้ามามากกว่า
สิ่งนี้คือ สถานที่สำหรับบำบัดจิตใจ โดยจะมีดนตรีผ่อนคลาย คล้ายๆกับการนั่งสมาธิ เพื่อให้เราตกอยู่ในภวังค์จิตไร้สำนึก และได้ล่วงรู้ว่าแท้จริงๆแล้วจิตใต้สำนึกของเราคิดอะไรอยู่ เพื่อนที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้หากมันขัดแย้งกับปราถนาเรา
ตอนแรกที่หนูได้เจออาจารย์ท่านนี้ ท่านไม่ค่อยว่างหรอกค่ะ คนเยอะมากก แล้วแถมหนูยังเป็นแค่นักศึกษาอีก ท่านก้อเลยนัดหนูไว้ซะอีก2 อาทิตย์หน้าเลย แต่พอได้คุยกับท่านซักพัก ก้อได้โยงมาว่า ท่ายก้ออ่านหนังสือ ของพี่นักเขียนเหมือนกันทั้ง 10 เล่มเลย แล้วท่านถามหนูว่าเข้าใจหรือเปล่า หนูบอกว่าเข้าใจค่ะ
กลายเป็นว่า นัดของหนูก้อเร็วขึ้นมาอีกตั้งอาทิตย์นึงแน่ะ เพราะว่าท่านบอกหนูพอเข้าใจ concept ของประโยชน์ของการค้นหาจิตไร้สำนึกแล้ว
ต้องขอบคุณพี่นักเขียน และท่านโนวาด้วยนะคะ อิๆ

 

เห็นห้องวิทย์เราทั้งนักเรียนเก่านักเรียนใหม่ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาเรียนรู้ก็ดีใจจัง
แต่ตอนนี้ตัวเองแอบเกเรไม่ได้ตั้งใจเรียนเล้ยยยย แต่ลึก ๆ คำสอนของอาจารย์อนาลัย ในทุกเรื่องที่พอจะจำได้ก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวเสมอ

งวดนี้พี่เม้าส์มาใบ้หวย รอลุ้น ได้ค่าตั๋วเครื่องบินฟรีไปเที่ยวอียิปต์ อิอิ

 

ยินดีต้อนรับคุณ Da-cho, คุณ Vetinlove เข้าสู่ห้องวิทย์ฯ ค๊า..
เมื่อวานไม่ทันได้ทักทาย เจ้านายเข้ามาพอดีเลยอดคุย..อิอิ..
น้อง Vettinlove ขอให้มีแฟนสวย, ดีเริดไปเลยนะคะ
แล้วอย่าลืมพามาแนะนำให้รู้จักมั่งนะจ๊ะ.. จะรอรอแอนด์รอจ๊า..
(sing) (sing) (sing)

*******************************************
หวัดดีครับยินดีที่ได้รู้จักนะครับ บอร์ดนี้ความรู้เยอะดีครับ ชอบ อ่อแล้วถ้ารู้จักใครที่สวย ๆ นิสัยดี ๆ ก็แนะนำผมให้รู้จักบ้างนะครับ รออยู่ อิอิ (มีคนเคยบอกว่าให้ลองไปหาที่บนสวรรค์ดู)

ปล. พี่นักเขียนบอกว่าอักษรนำหน้าชื่อจริงผมตัว P แล้วผมก็ชื่อ ประเวทย์ รู้ได้ไง เก่งจัง


<!-- / message -->

 

Vetinlove คำเฉลย
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->รู้เห็นบุคลิกภาพ-ในความฝัน
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ตามปกติแล้ว ผู้ที่ขอให้พี่นักเขียนอ่านบุคลิกภาพในความฝันจะบอกพี่นักเขียนว่า มีชื่อจริงๆ เช่นชื่อต้นหรือชื่อเล่นว่าอะไร เพื่อใช้เป็นจุดอ้างอิง คราวนี้ คุณ Vetinlove ให้โจทย์ที่ท้าทายกว่าที่เคย คือไม่บอกอะไรเลยนอกจาก username ซึ่งพี่นักเขียนไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนที่จะฝันเพื่อเข้าถึงบุคลิกภาพโดยปราศจากจุดอ้างอิง ซึ่งนับว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทาย และน่าเรียนรู้สำหรับพี่นักเขียนว่า จิตวิญญาณจะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของสติสัมปชัญญะไปสู่ส่วนของข้อมูลที่ต้องการรับทราบหรือรู้เห็นได้หรือไม่โดยปราศจากจุดอ้างอิง เช่น ชื่อ อย่างไรก็ตาม พี่นักเขียนก็ตั้งจิตขอฝันเพื่อรู้เห็นบุคลิกภาพที่แท้จริงของ คุณ Vetinlove ตามที่ขอมา โดยมีความศรัทธาว่า จิตวิญญาณสามารถรู้เห็นได้ในความฝันได้อย่างเปล่าเปลือย เปิดเผยและตรงไปตรงมาที่สุด โดยปราศจากข้อแม้
--------------------------------
คุณ Vetinlove มีบุคลิกภาพที่ชอบความง่าย เช่น แต่งตัวง่ายๆ ไปไหนมาไหนไม่เตรียมสัมภาระเอาเลย คือจะไปไหนก็ไปได้ทันทีทันใด ขอแต่ว่าให้ได้เอาแว่นตาไปด้วยเป็นใช้ได้ เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่ Combat Ready คือมีความพร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์ใดๆก็ได้โดยไม่วิตกวิจารณ์
------------------------------------------------
***ผมเป็นคนที่ถ้าจะเดินทางไปใหนใกลๆเวลาที่ผมจะเตรียมสัมภาระก็คือช่วงประมาณ15-30นาทีก่อนออกเดินทางเท่านั้น ไม่ชอบเตรียมของก่อนเป็นวันก่อนการเดินทาง คือยีดเสื้อผ้า สบู่ ยาสีฟันอะไรๆ ใส่กระเป๋าแล้วก็ไปเลย เป็นคนที่เรียบง่าย แต่กระนั้นจริงๆแล้วผมเป็นคนที่พิถีพิถันมากกับเรื่องบางอย่าง เช่น ความรัก ความงามของบ้าน ผลงานที่เป็นของตัวเอง เป็นต้น

**********************************


แต่ความเรียบง่ายของ คุณ Vetinlove มักทำให้ คุณ Vetinlove ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับตนเอง หรือแสดงออกซึ่งความสามารถและความสำคัญของตนเองเท่าที่ควร เป็นคนค่อนข้างเก็บตัวและไม่แสดงออก
------------------------------------------------
***อันนี้ค่อนข้างตรงเพราะว่า ผมมักจะโดนบ่นในเรื่องนี้ และผมก็รู้ตัวเองว่าเป็นคนแบบนี้ และส่วนมากผมก็มักจะนึกถึงเรื่องความเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยกล้าแสดงออกของตัวเองอยู่ย่อยๆ คือผมเป็นคนที่ขี้อายมาก ๆ เดินผ่านผู้หญิงยังไม่กล้ามองหน้าเลย และผมก็ไม่ใช่คนที่ชอบแสดงออกอะไรมากด้วย(เพราะความขี้อาย) ผมเป็นคนที่เก็บตัว คือ ผมเป็นคนที่สันโดษนั่นเอง ผมมีเพื่อนคนนึงเป็นคนอิตาลี่ เราเรียนด้วยกันในภาควิชาภาษาอังกฤษ ผมมักจะบอกเขาว่า ผมเป็นคนที่ไม่อยากจะสุงสิงกับใครและไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนมาก เพราะว่าสังคมเราคนไม่ดีเยอะ ผมเลือกรู้จักเพียงน้อยนิดแต่นิสัยดีๆ เอาจะดีกว่า ดีกว่าที่ตะมีเพื่อนเยอะๆ แต่ว่าไม่มีใครดีสักคน ส่วนเขาก็บอกผมว่า ผมนี่ฉลาดมาก การจะอยู่คนเดียวมันไม่ใช่ปัญหาอะไรถ้านายชอบแบบนั้น และเขาก็บอกว่าที่เขาชอบมาคุยกับผมเพราะว่าผมเป็นคนดี-__- ส่วนพี่สาวผมมักจะบ่นกับผมว่า ผมมัวแต่อยู่ในโลกของตัวเอง วันๆเอาแต่เล่นเกมส์ ไม่ออกไปข้างนอก ระวังจะกลายเป็นบ้านะ 555

*************************************


คุณ Vetinlove น่าจะชอบดนตรี หรือเล่นดนตรี เช่น เล่น Guitar หากเล่นอยู่แล้วก็เล่นได้ดีเป็นพิเศษ หากยังไม่ได้เล่นควรจะหัดเล่นเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นคนมีพรสวรรค์ในด้านนี้ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกซึ่งความสามารถเท่าที่ควร คนที่ไม่รู้จัก คุณ Vetinlove ดีพอจะไม่ทราบเลยว่าคุณมีความสามารถพิเศษ
------------------------------------------------
***ที่จริงผมคิดอยู่เสมอว่าผมมความสามารถทางด้านดนตรีมาโดยตลอด(ถึงแม้ว่าผมไม่ได้เรียนทางด้านดนตรีก็ตาม) ผมชอบกีตาร์กับเปียโนมาก ชอบงานศิลปด้วย ชอบวาดภาพมาก และในห้องผมมีกีตาร์2ตัว โปร่ง กับ ไฟฟ้าอย่างละตัว ผมฝึกกีตาร์ด้วยตัวเองมากว่า10ปีแล้ว ตอนนี้ก็พอเล่นได้ แต่ไม่ถึงกับเก่งระดับโปรเฟสชันแนล การที่ผมคิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์ทางด้านนี้เพราะว่า เวลาที่ผมได้นั่งรถไปใหน ผมจะมีอารมณ์ศิลป์มาก คือมักจะคิดทำนองดนตรีได้เอง และไพเราะมากในความคิดของผม แต่ก็มักจะลืมบททำนองนั้นไปเพราะว่าผมจดบันทึกโน๊ตไม่เป็น ผมมีความอีกอย่างคือว่า เวลาเห็นนักดนตรีในไทย เขาเล่นกีตาร์ได้ เขาเล่นดนตรีได้แล้วเขามาทำอัลบัมของเขา ผมรู้สึกว่าเพลงเขาไม่เพราะเลย ถึงแม้เขาจะดังก็ตาม เขาเพียงแต่เล่นเครื่องดนตรีเป็น แต่เพลงของเขาไมได้เข้าถึงจิตวิญญาณเลยด้วยซ้ำ ส่วนพี่นักเขียนท่าทางจะชอบดนตรีเหมือนกัน ไว้ถ้ามีโอกาศผมจะเล่นดนตรีเพราะๆ ให้ฟัง

************************************


คุณ Vetinlove เป็นผู้ที่มีความอดทนสูง สามารถผ่านวิกฤตการณ์ชีวิตหรือสถานการณ์ยากลำบากได้โดยไม่ปริปากบ่น หรือท้อถอย เป็นคนเรียบง่าย แต่งตัวง่่ายๆ เช่น ใส่ T-shirt สีซีดๆ กับกางเกงผ้า cotton สีซีดๆ เช่น สีกากี และสีเขียวมะกอกซีดๆ เป็นคนที่มักจะเข้าออกสถานที่ใดก็ทำตัวเงียบๆ ผู้ที่ไม่เข้าใจในเจตนาและบุคลิกภาพที่แท้จริง อาจมองเห็นหรือเข้าใจผิดเป็นว่า คุณ Vetinlove เป็นบุคคลที่ขาดความอ่อนไหว หรือแม้แต่ขาดมารยาท เพราะจะดูเสมือนบุคคลที่ ไปไม่ลา-มาไม่ไหว้ แต่แท้จริงแล้วคุณ Vetinlove เป็นคนที่เรียบง่าย ไม่มีพิธีรีตอง และมักจะคิดว่าตนเองไม่สำคัญ จะไป-จะมา ก็เชิื่อว่าไม่มีใครสังเกตหรือใส่ใจในตนเอง
------------------------------------------------

***เรื่องความอดทนสูงไม่ย่อท้อนี่ ผมว่าส่วนใหญ่ทุกคนก็จะตอบว่าตัวเองเป็นแบบนั้นนะ ผมคิดว่าตัวเองก็เป็นแบบนั้น ส่วนการแต่งกายนี้ผมชอบใส่เสื้อเชิทสีดำ หรือขาว(ไม่ใช่สีฉูดฉาด)กับกางเกงยีน อันนี้คือแต่งตัวธรรมดา แต่ถ้าให้แต่งตัวดีๆนี่ แต่งยังไงก็ได้ถ้ามันออกมาดีผมก็ใส่หมด ส่วนเรื่องไปไม่ลา มาไม่ใหว้นี้ ผมมักจะโดนติเตียนในเรื่องนี้พอสมควร ครั้งนึงตอนที่ไปที่ว่าการ ไปติดต่อราชการ เขาใหว้เจ้าพนักงานหมด แต่ผมไม่ใหว้ ผมก็เลยโดนว่า ส่วนพี่สาวผมก็มักจะว่าผมเป็นคนขาดความนอบน้อม สัมมาคาระวะ ไม่เคารพผู้ใหญ่ เป็นคนเฉื่อย เฉยชา อะไรประมาณนี้ เพราะว่าผมไม่ค่อยใหว้ใคร
**********************************


ต่อไปในอนาคต คุณ Vetinlove จะพบรักกับสตรีที่ mature หรือมีบุคลิกภาพที่มีความเป็นผู้ใหญ่กว่า คุณ Vetinlove เธอจะมีประสบการณ์ชีวิตคู่มามากกว่าคุณ เธอจะจริงจังกับสัมพันธ์ภาพ แต่ความเรียบง่ายของคุณ Vetinlove จะทำให้ดูเสมือนว่า คุณ Vetinlove เป็นบุคคลที่ไม่มี commitment คือเสมือนไม่จริงจัง ไม่ตัดสินใจ ทั้งที่คุณ Vetinlove ก็มีความจริงใจ แต่บุคลกภาพง่ายๆของคุณอาจทำให้คนรักคนใกล้ตัวที่ยังไม่เข้าใจคุณได้อย่างลึกซึ้งพอ เข้าใจผิดได้ง่าย สัมพันธภาพของ คุณ Vetinlove กับสตรีผู้นั้นจะดูเสมือนว่าจะไปไม่รอด เพราะเธอคิดว่า คุณ Vetinlove ขาดความจริงจัง

แต่ถ้า คุณ Vetinlove ตระหนักได้หรือระลึกได้ว่า พี่นักเขียนได้เตือนไว้ว่า บุคลิกภาพของคุณจะทำให้คนรักเข้าใจผิด คุณ Vetinlove ก็จะต้องสื่อสารและแสดงความรัก ความจริงใจ และความอ่อนไหวที่มีอยู่ในส่วนลึกอย่างเปิดเผยออกมา เพื่อให้คนรักเข้าใจคุณได้ สัมพันธภาพของคุณ Vetinlove ก็จะกลับคืนมา และกลายเป็นสัมพันธภาพที่ยืนยาวมั่นคงต่อไป แต่ถ้าหากคุณ Vetinlove ลืมที่พี่นักเขียนเตือนไว้ว่า บุคลิกภาพของคุณจะทำให้คนรักเข้าใจผิดว่าคุณไม่ใช่คนจริงจัง คุณ Vetinlove จะสูญเสียสัมพันธภาพนี้ไปอย่างน่าเสียดายที่สุด
------------------------------------------------
***เรื่องความรักเป็นเรื่องที่ผมเน้นให้ความสำคัญมากๆ การอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตก็เช่นเดียวกัน มีหลายๆครั้ง น่าจะ3ครั้งได้ ผมฝันว่ากำลังอยู่พิธีแต่งงาน หรือบางทีก็อยู่กับคนรัก แต่เมื่อมองดูหน้าคนรักของผมแล้ว กลับไม่ใช่คนในสเปคของผมเลย และผมก็คิดว่าตายละจะทำยังไงดี จะเลิกล้มการแต่งงานนี้จะทันใหม แล้วถ้าทำเขาจะเสียใจมากขนาดใหน หรือจะบอกเลิกเขามั้ย เพราะท่าทางเขาก้เป็นผู้หญิงที่นิสัยดีมากๆ (ในฝันจะรู้เองว่าเขาเป็นคนดี) ผมจะกลังวลใจมากจนต้องสะดุ้งตื่น เพราะคิดหนักมาก ดังนั้นเมื่อตื่นมา ผมจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้ คือถ้าคบใครแล้วเราจะไม่ทอดทิ้งเขาเป็นอันขาด ดังนั้นเราต้องเลือกให้ดีๆ คนที่ผมอยากจะอยู่ด้วยคือ ต้องสวย น่ารัก ทำให้ผมรู้สึกอยากอยู่ด้วยไปตลอด และที่สำคัญต้องเป็นคนนิสัยดีมากด้วย ด้วยเพราะว่า สเปคที่ข้อนข้างสูงยิ่งกว่าไฮเอนคอมพิวเตอร์ ทำให้ผมยังไม่เคยมีแฟน เพราะว่า ผมไม่ต้องการที่จะบอกเลิกใคร ถ้าผมคบกับคนที่ไม่ได้รักจริงๆ อย่างตอนนี้ผมอยู่ในมหาลัย ถ้าผมจะคบใครเพื่อหวังเพียงร่างกายเขาผมก็ทำได้ แต่ตอนสลัดเขาทิ้งผมทำไมได้ และจะให้อยู่กับเขาไปตลอดผมก็ทำไมได้ ดังนั้นผมขอเลือกให้ดีที่สุด ถึงตอนนี้จะอยู่คนเดียว เล่นแต่เน็ทจนดูเหมือนเป็นคนหมกมุ่น และเก็บตัวก็ไม่เป็นไร ขอให้อนาคตได้เจอกับคนที่ใช่จริงๆก็พอ ส่วนตามคำทำนายของพี่นักเขียนนั้น คำว่า mature นั้นคงไม่ได้หมายความว่าเขาแก่กว่าผม เพราะว่าผมไม่ชอบคนอายุมากกว่า แต่เขาคงมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากกว่า เพราะว่าผมยังอยู่ในโลกส่วนตัวเหมือนเด็กๆเลย ชอบอ่านการ์ตูน ชอบเล่นเกมส์-_- ส่วนที่เขามีประสบการณ์คู่มาก่อน ก็หวังว่าเขาจะไม่เคยแต่งงานมาก่อน แต่คงหมายถึงเขาเคยมีแฟนมาก่อนหน้านี้หลายคน แต่ผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลย ตั้งแต่เกิด-ปัจจุบัน(ผมไร้ซึ่งประสบการณ์ทางด้านนี้ แต่ไม่อ่อนด้อย) ส่วนเรื่องคำเตือนเกี่ยวกับชีวิตคู่ของผม ผมขอขอบคุณมากที่พี่นักเขียนช่วยเตือน ซึ่งมันเหมือนทางเลือก2ทาง ทางหนึ่งก็คือ การประคองชีวิตคู่อย่างมีความสุข กับอีกทางคือทางที่ล้มเหลว ซึ่งการที่พี่นักเขียนกล่าวเตือนถึงบุคคลิค ของผมนั้นก็ถูกแล้ว จากที่ผมได้บอกพี่นักเขียนไป พี่นักเขียนน่าจะเข้าใจได้ว่าผมน่าจะเป็นคนที่รักจริง ไมได้ตั้งใจจะหลอกลวงผู้หญิงคนใหน แต่ด้วยนิสัยของผมที่เป็นคนชอบล้อเล่น พูดเล่นติดตลก พูดตรงข้ามกับความจริง(เพื่อให้คนอื่นสับสน) ชอบพูดประชด(ให้ตลก) ซึ่งบางทีในสิ่งนี้อาจจะทำให้คนที่เรารักเข้าใจผิดได้ เช่นบางทีถ้าผมแต่งงานไป ผมอาจจะพูดว่า เบื่อคนแก่จัง อยากเลี้ยงเด็กนักศึกษาบ้างท่าจะดี ซึ่งทั้งๆที่ผมพูดเล่น แต่อาจจะนำพาหายนะมาให้ ก็ขอขอบคุณพี่นักเขียนที่ช่วยเตือนในเรื่องนี้

***********************************

คุณ Vetinlove ควรจะต้องเรียนรู้ที่จะแสดงออกซึ่งความอ่อนไหว ที่มีอยู่ในส่วนลึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกซึ่งความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองต่อคนรัก คนใกล้ตัว เพราะมิฉะนั้นแล้วคนรักจะเข้าใจว่าคุณ Vetinlove เป็นผู้ที่ไม่แคร์ใคร ไม่ใส่ใจในความรู้สึกของผู้อื่น ทำให้เธอตัดสินใจตีจากคุณไปเพราะขาดความมั่นใจ
------------------------------------------------
***ผมเป็นคนที่ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ การที่ใครจะติดต่อผมเป็นเรื่องยาก เพื่อนผมเลยมีน้อย เพื่อนผมที่เป็นคนอิตาลี เขาบอกว่าเขาชอบผมเพราะว่าผมเป็นคนถ่อมตัว เขาเลยชอบที่จะมาพูดคุยกับผมบ่อยๆ ครั้งนึงเขาบอกผมว่า Vet(ชื่อผม) sometime I think you don't care anyone, you don't care anybody P'Vet แล้วเขาก็หัวเราะ ที่เขาพูดอย่างนั้นเพราะว่า บ่อยครั้งที่เขาจะมาเที่ยวหาผมที่หอพัก บางทีมาก็ไม่เจอ จะโทรติดต่อผมก็ไม่ได้ ส่วนผมก็ไม่เคยโทรหาเขาเลย เขาก็บอกผมว่าผมนี่ไม่แคร์ ไม่ใส่ใจกับเพื่อนฝูงกับญาติพี่น้อง หรือกับใครต่อใครเลย(เขาไมได้ด่า แต่พูดแสดงความคิดเห็นต่อผม) ส่วนผมก็บอก ว่าแคร์ทุกๆ แต่การแสดงออกของผมมันไมได้แสดงออกมาให้เห็น ที่ไม่ได้โทรไป เพราะไม่ได้ใช้มือถือ ที่ไม่ค่อยกลับบ้านไปหาแม่ก็เพราะไม่ชอบนักรถไปใกลๆ ที่ไม่ชอบสุงสิงกับใครก็เพราะคิดว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องรู้จักกับทุกคนไปทั่ว แต่ผมแคร์กับทุกๆคน หวังดีกับทุกๆคน เพียงแต่การแสดงของคนเรามันไม่เหมือนกัน อะไรประมาณนี้ แต่ถ้าการไม่แสดงออกความรู้สึกทางร่างกายของผมนั้นทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ต่อไปถ้าผมเจอคนรักของผมแล้ว ผมก็จะจำคำที่พี่นักเขียนเตือนไว้ครับ

***********************************


คนรักในอนาคตของคุณ Vetinlove จะเป็นบุคคลที่มีบุคลิกภาพจำเพาะคือเป็นคนที่-กลัวมด
------------------------------------------------
***น่ารักซะไม่มี อะ กลัวมด -___-

**********************************

ชื่อจริงของ คุณ Vetinlove มี อักษร P หรือ ภ หรือ พ และมีสองพยางค์
------------------------------------------------***ชื่อจริงของผมก็คือ... นาย ประเวทย์(Pravet)

**********************************
คุณ Vetinlove น่าจะกำลังเรียนสาขาวิชาที่เกี่ยวกับการสื่อสาร เช่น Journalism หรือ นิเทศน์ศาสตร์ หรือ communication study เป็นต้น
------------------------------------------------
***ผมเรียนอยู่ที่ ม.พายัพ ภาควิชา ภาษาอังกฤษ

***********************************

บุคลิภาพของเราทั้งหลาย เป็นสิ่งที่ไม่เคยตายไปพร้อมกับร่างกายเนื้อหนัง แต่สถิตย์อยู่ในจิตวิญญาณ ซึ่งจะดำเนินต่อไปอย่างเป็นอมตะ ทั้งจิตวิญญาณส่วนที่ปราศจากร่างกาย ปราศจากชื่อ และส่วนที่จะดำเนินต่อไปเป็นส่วนหนึ่งของรูปกายใหม่ๆ มีชื่อใหม่ๆ บุคลิกภาพไม่ใช่สิ่งที่ดี หรือ เลว หรือต้องแก้ไข หากแต่เป็นสิ่งที่เราทั้งหลายต้องเรียนรู้ที่จะแสดงออกได้ในทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยบุคลิกภาพนั้นๆ เพื่อทำให้เราเข้าถึงการแสดงออกซึ่งความรักอันปราศจากเงื่อนไขได้ในทิศทางที่เป็นเอกลักษณ์ของเราอย่างดีที่สุด
______________________________
หวังว่าคงได้คำตอบและเฉลยจากคุณ Vetinlove ว่า ความฝันครั้งนี้ พี่นักเขียนได้รับข้อมูลมาถูกจุดหรือไม่ หากพี่นักเขียนได้ F คราวนี้ ก็คุ้มมากเพราะว่าได้บทเรียนพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกบทค่ะ(rose)

------------------------------------------------
ถึงพี่นักเขียน จากข้อความที่ได้รับผมให้ A+ไปก็แล้วกัน เพราะคำตอบที่ได้ก็บอกถึงความเป็นตัวผมได้อย่างดีพอสมควร ที่จริงเรื่องของศาสตรืแห่งความฝันนี้เป็นศาสตร์โบราญที่มีจริงและเชื่อถือได้จริง เพราะในคัมภรีร์ไบเบิลก็มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องของศาสดาพยาการณ์ ดานิเอล ผู้ซึ่งมีพรสวรรค์ในการแปลความหมายและการเห็นนิมิตแห่งอนาคตในความฝันได้ ผมก็มีความยินดีที่ได้รู้จักพี่นักเขียนครับ และหวังว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีโอกาสได้เจอพี่นักเขียนนะ อาจจะได้ไปเยี่ยมเยียนพี่นักเขียนที่บ้านเลย ก็หวังว่าอนาคตจะเป็นเช่นนั้น แล้วเจอกันใหม่ครับ ยินดีพูดคุยกับพี่นักเขียนเสมอ

 

ส่งพาหนะ พร้อมนักบินมารอรับคุณเม้าและชาวห้องวิทย์ค่ะ แวะ Egypt ก่อน
แล้วตรงมา Kansas เลยนะคะ

เตรียม chocolate ไว้คอย คุณ VeggieGuy แล้วค่ะ

 

วันนี้พี่นักเขียนเอาการบ้านมาให้พวกเราทำอีกแล้ว การบ้านงวดนี้คงต้องใช้เวลากันติ๊ดนึงนะคะ พยายามมาหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่สำเร็จสงสัยพลังในการจดจ่อยังไม่เข้มข้นพอ เดี๋ยวไปลองใหม่ค่ะ..

น้อง Vetinlove มาเฉลยการบ้านของพี่นักเขียนยังงี้ ยิ่งตอกย้ำความมั่นใจในศาสตร์ของ ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ มากขึ้นไปอีกตั้งเยอะแน่ะ ยังงัยก็อย่าลืมให้การบ้านตัวเองไปฝึกฝันมั่งนะจ๊ะ เราจะได้สามารถหาคำตอบของปัญหาได้ด้วยตนเอง.. ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายหลักของข้อมูลความรู้ที่ท่านอาจารย์อนาลัยมอบมาให้พวกเราศึกษา ใช่รึปล่าวคะพี่นักเขียน..?

ปล.คุณเม้าท์ขา พี่นักเขียนเอาเครื่องบินกะนักบินมาจอดรอพวกเราแล้ว เที่ยวบินนี้ออกเดินทางเมื่อไหร่เอ่ย???

 

ความฝันที่มีเป้าหมายนี่น่าทึ่งจริงๆนะครับพี่นักเขียน สามารถตีความหมายและบอกเล่าบุคลิกแต่ละคนออกมาได้ชัดมาก แม้แต่ตัวอักษรที่เป็นชื่อขึ้นต้นของหลายๆคนยังบอกได้ขนาดนี้ สัญญลักษณ์ที่ปรากฎให้เห็นเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการถอดความที่ไม่บิดเบือนอย่างที่พี่นักเขียนเคยบอก ตัวอย่างเหล่านี้ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ คุณน้อง Vetinlove ก็น่ารัก และเข้าใจตัวเองมาก ตอบอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ต้องให้ AAA+ทั้งคนถามคนตอบครับ เบิ้ลให้ทั้งคู่ครับ

การรู้เห็นผ่านมุมมองของจิตวิญญาณเท่าที่รู้นี่มีให้เลือกอยู่ 3 วิธีนะครับ (อาจมีวิธีอื่นๆ)
1.จากนิมิต สู่นิมิตติดตารู้ ดูจิตเห็น
2.จากฝันที่เลียบเคียง เอียงอิงเรื่องต่างๆ เมื่อยามตื่น-ระลึกฝัน-ตีความหมาย
3.จากสื่อสาร คือธาตุหนา ลงภาษาเป็นบัญญัติอธิบาย รับได้ เข้าใจ เป็นนิมิต รับไม่ได้ มีคติ ปิดจิตตน

เราคงเลือกตามความถนัดและตามหน้าที่ที่เลือกกันมานะครับ หรือผสมผสานทุกวิธีเพื่อตรวจสอบข้อมูล และทุกๆวิธี สิ่งที่ขาดไม่ได้คือสติสัมปชัญญะที่คมชัด ว่าแล้วก็ต้องไปฝึกเป็นการบ้านชิ้นสำคัญเหมือนกันครับ ^0^

 

คุยกันยาวเลย

ขอย้อนไปเรื่องความฝันของผมหน่อยล่ะกัน ที่ก่อนหน้านี้บอกว่าเมฆครึ้มข้างนอก ฝนที่ตกข้างนอกคงเป็นความวิตกกังวลในใจ

คิดไปคิดมาอาจจะไม่ใช่ อาจจะหมายถึงปัญหาอุปสรรคที่ต้องเจอหรือเปล่า

ถ้าจะให้อธิบายกันตรงๆ เลยล่ะก็ ช่วงนี้ผมคิดว่าจะเรียนโทครับ ในฝัน ฝันจะว่าเก็บข้าวของออกจากหอเพื่อจะไปที่ใหม่ ก็คิดว่าจะหมายถึงความตั้งใจที่จะไปเรียนโทหรือเปล่าเพราะว่าของเก็บหมดแล้วจะกลับเข้ามาอยู่ไม่ได้แล้ว

ถุงเท้าที่ยังไม่ได้ซัก เหมือนเดิมคงจะหมายถึงสิ่งที่ยังไม่ได้ทำให้เสร็จ

ฟ้าฝนข้างนอก เมฆที่ครึ้ม - อุปสรรค/ปัญหาในการไปต่อ(เรียน) พึ่งรู้ว่ามหาลัยที่เรียนโทเค้ามีเรียนเย็นวันธรรมดาด้วย ตอนแรกนึกว่าเรียนแค่เสาร์อาทิตย์(ไปจำเอามาจากไหนนะเนี่ย) เพราะว่าที่ทำงานทำไม่เป็นที่เพราะว่าเป็น outsource ไม่รู้ว่าจะได้ไปทำตรงไหนบ้าง และแม่ก็ดูเหมือนอยากให้เรียนมหาลัยอีกที่มากกว่า...

ความวิตกกังวลใจในฝันเมื่อเห็นฟ้าฝนตกว่าจะเดินทางไปยังไง ก็คงเป็นความวิตกกังวลถึงเรื่องเรียนนี่แหล่ะ

เพื่อนร่วมห้องที่ย้ายออกไปก่อนแล้ว - เพื่อนๆ ในกลุ่มส่วนมากก็เรียนโทกันหมดแล้ว

ส่วนตอนท้ายที่ว่าเจอเพื่อนเก่า แล้วมีป้ายแอบอยู่ในกระเป๋าโดยที่ไม่รู้ตัว อันนี้ยังไม่รู้เลยครับว่าจะหมายถึงอะไร

ปล. วันนี้เหมือนจะฝันว่าขึ้นชกมวยไทย โอ้

 

ขอบคุณพี่นักเขียนมากๆครับ
กัปตันชุดงูเห่าน่ารักมากเลยครับ แถมยังมีช๊อคโกแลต ให้ทานตลอดเส้นทาง

หลายคนรอ confirm วันอาทิตย์ที่ 1/6/51 ใครจะได้ไปบ้างหนอ
ช่วยกันลุ้นนะครับ....งานนี้ได้ไปทั้งอียิปต์และแคนซัส ครับ

จองให้คุณขจรวรรณกับ หน.mead ล่วงหน้า คนละ 1 ที่ แล้วครับ

 

ความฝัน บุคลิกภาพ กับ ความเป็นไปได้

ความฝันเป็นโลกแห่งความเป็นจริงอันเปล่าเปลือย เพราะโลกของความฝันปราศจากเครื่องพรางของช่องว่าง -ระยะทางและกาลเวลา ปราศจากข้อจำกัดของโลกทางกายภาพทั้งปวง เช่น ข้อจำกัดทางสังคม วัฒนธรรม ศาสนา ฯลฯ

เราทุกคนรับข้อมูลที่เป็นจริงที่สุดได้จากความฝันเสมอ
แต่เรามักจะไม่ได้รับความเป็นจริงจากความฝันเท่าที่ควรเพราะเรามักถอดรหัส หรือตีความหมายสัญญลักษณ์ต่างๆบิดเบือนไปด้วยวิตกวิจารณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยการใช้เหตุผลยามตื่นมากมาย

พี่นักเขียนลองผิด-ลองถูก และอาศัยการฝึกมายาวนานกับการถอดรหัสชื่อ ในกรณีที่ฝันให้คุณน้อง Jintawadee พี่นักเขียนรู้เห็นบุคคลที่ชื่อ "ราวดี" ชื่อเล่นของเขาขึ้นต้นด้วย อ และตระหนักว่า คุณน้อง Jintawadee ตัวจริงชื่อเล่นชื่อ เอ ในความฝันตระหนักว่ามีการเปลี่ยนชื่อ โดยที่สระมีความสำคัญต่อชื่อของคุณน้อง Jintawadee มากกว่าพยัญชนะ แต่ถึงกระนั้นก็ยังพลาดด้วยการวินิจฉัยยามตื่นว่า ชื่อของ คุณน้อง Jintawadee มีตัวอักษร ร หรือ ด (จากคนชื่อราวดี) ซึ่งที่จริงแล้วควรทำตามความรู้สึกในฝันที่ว่า พยัญชนะสำคัญ และถอดรหัสว่า ชื่อจริงของคุณน้อง Jintawadee มี า และ ี ซึ่งก็จะตรงกับความเป็นจริงคือ ชื่อ ปวีณา

ส่วนคุณน้อง amsomgal นั้น พี่นักเขียนเผชิญกับบุคคลที่มีชื่อต้นตัว ส -S และมีนามสกุลตัว ว-V จึงถอดรหัสว่าคุณน้อง amsomgal มีตัวอักษร ว และ ส ในชื่อต้น ซึ่งความรู้สึกบอกว่าต้องเอาตัวอักษรทั้งจากชื่อต้นและนามสกุลของบุคคลที่ปรากฏเป็นสัญญลักษณ์ในความฝันมาใช้ และสลับที่ ส และ ว เพราะฝรั่งใช้ชื่อสกุลนำชื่อต้นบ่อยๆ

ส่วนกรณีของคุณ Vetinlove ปรากฏเป็นบุคคลที่เป็นสัญญลักษณ์ มีชื่อว่า Peter ซึ่งพี่นักเขียนควรจะถอดรหัสว่า ชื่อจริงของคุณ Vetinlove มีตัวอักษร P & T ทั้งที่จดบันทึกไว้อย่างนั้น แต่ตอนพิมพ์เป็น e-mail ส่งไปให้ ก็ใช้วิตกวิจารณ์ของสติสัมปชัญญะยามตื่นวินิจฉัยไปว่าอาจเป็นอักษรไทยคือ ภ หรือ พ เพราะสุดแท้แต่จะออกเสียงว่า ปีเตอร์ หรือ พีเตอร์

แม้เราจะจับแบบแผนบางอย่างได้จากความฝันของตนเองก็ตาม แต่การถอดรหัสความฝันก็ไม่ใช่สูตรสำเร็จ เพราะเราไม่สามารถใช้สูตรเดิมได้กับทุกกรณี สิ่งที่สำคัญที่สุดที่พี่นักเขียนเรียนรู้คิือ ให้เชื่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นในความฝัน อย่าเชื่อความรู้สึกตอนตื่น เพราะความรู้สึกตอนตื่นมักคละเคล้าไปด้วยวิตกวิจารณ์ที่ึคล้อยตามความเชื่อของเราเสมอ

พี่นักเขียนเคยบอกพวกเราว่า พี่นักเขียนมักจดบันทึกความฝันเป็นภาษาอังกฤษด้วยเหตุผลสองประการคือ:
ประการแรก ตนเองมักฝันเป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่จำความได้ คุณแม่บอกว่าละเมอเป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่เล็กๆแล้วค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังฝันเป็นภาษาอังกฤษเสมอๆ บางทีก็ได้คำศัพท์ใหม่ๆที่ยังไม่เคยใช้ตอนตื่นด้วยค่ะ

ประการที่สอง หากตื่นมาจดเป็นภาษาไทย ความฝันก็จะถูกแปล ทำให้บิดเบือนไปชั้นหนึ่งแล้ว จากนั้นหากถอดรหัสหรือตีความหมายสัญญลักษณ์อีก ก็อาจบิดเบือนไปได้อีกเป็นชั้นที่สอง

พี่นักเขียนอยากจะส่งต้นฉบับไปให้เจ้าของความฝันเพราะเชื่อว่า มีสาระที่ไม่ได้ถอดรหัสอีกไม่น้อยในบันทึกเหล่านั้น ซึ่งเชื่อว่าเจ้าของบุคลิกภาพจะถอดรหัสเหล่านั้นได้ด้วยตนเอง ยกตัวอย่างเช่น ในความฝันของคุณ Vetinlove จดไว้ว่ามีกีต้าสองตัว ตัวหนึ่งเป็นไม้ Redwood ตัวค่อนข้างใหญ่ อีกตัวหนึ่งเล็กกว่า และมีวงกลมสีดำสองจุด มีสายหรือเส้นตรงสีดำที่ต่อกับวงกลมนั้นได้ ดูเหมือนว่าจะต่อได้ทั้งสองจุด คือต่อกับจุดใดจุดหนึ่ง แล้วเปลี่ยนไปต่อกับอีกจุดหนึ่งก็ได้ ทำนองนั้น และกีต้า Redwood แขวนไว้สูง ส่วนตัวเล็กที่มีวงกลมสีดำ อยู่ใกล้มือมากกว่า สาระส่วนนี้พี่นักเขียนละไว้ไม่ได้ถอดรหัส เพราะมีความรู้สึกว่าไม่ใช่สัญญลักษณ์ของบุคลิกภาพ แต่เป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมของเจ้าของ ซึ่งคุณ Vetinlove ก็ได้เฉลยว่า มีกีต้าสองตัวจริงๆ เป็นกีต้าโปร่งตัวหนึ่ง กีต้าไฟฟ้าอีกตัวหนึ่ง แต่ไม่ได้บอกว่าเก็บไว้อย่างไร ตัวไหนใกล้มือมากกว่ากัน

ผู้ที่ขอให้พี่นักเขียนฝันให้ ขอให้ e-mail ไปที่ writer@novaanalai.com แทนที่จะส่งมาที่ pm เพราะพี่นักเขียนจะ scan บันทึกที่จดไว้ attach e-mail ส่งไปให้ได้สะดวกกว่าค่ะ ผู้ที่เขียนมาขอให้ฝันดูบุคลิกภาพและให้บอกจุดอ่อนที่ควรแก้ไข หรือปัญหาที่แท้จริง-พร้อมทางแก้ไข พี่นักเขียนจะรีบฝันให้นะคะ ไม่ให้คอยนอน ได้การบ้านจากน้องๆ ทั้งในห้องและหลังห้องวิทย์ฯ ทำให้ต้องฝันให้คืนละหลายคน หรือรับสารให้หลายๆคนพร้อมกันในหนึ่งคืน ก็นับว่าเป็นความท้าทายที่ทำให้เกิดการพัฒนา เพราะตามปกติแล้วจะฝันทีละเรื่อง ให้ทีละคน ซึ่งก็ทราบดีว่า ช้าไปหน่อย ทำให้คิวยาว

คุณ Vetinlove ขอให้พี่นักเขียนช่วยฝันอีก เพื่อบอกบุคลิกภาพของคนรักในอนาคตในรายละเอียด
พี่นักเขียนไม่ได้ปฏิเสธที่จะฝันหรือรับสารให้จากความฝัน แต่อยากจะอธิบายให้คุณ Vetinlove ตลอดจนพวกเราที่สนใจในความฝัน เข้าใจธรรมชาติของความฝัน และความเป็นไปของจิตวิญญาณ ตามที่ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า

เธอทั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเชื่อของตนเอง

ธรรมชาติความเป็นจริงในข้อนี้ เป็นความเป็นจริงที่นอกจากท่านอาจารย์อนาลัยจะปรารถนาให้เราทั้งหลายตระหนักได้ว่า เรามีพลังอำนาจในการสร้างสรรค์ เปลี่ยนแปลงแก้ไข ตลอดจนควบคุมประสบการณ์ชีวิตของเราทั้งหมดแล้ว ยังเป็นความเป็นจริงที่เราควรจะตระหนักได้อีกด้วยว่า เราทุกคนมีเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันหลากหลาย-เป็นอนันต์ ปราศจากขีดจำกัด

ชีวิตของเราไม่ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าโดยไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ทุกขณะจิตที่ืเรามีจินตนาการและความคิดใดๆผุดขึ้นมา เราสร้างโลกแห่งความเป็นจริงบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นนั้นๆขึ้นมา หากเราจดจ่อกับมันต่อไป ในที่สุดเส้นทางแห่งความเป็นไปได้นั้นๆจะกลายเป็นเส้นทางแห่งความเป็นจริง หรือกล่าวอีกนัยหนึึ่งได้ว่า เราจะก้าวไปสู่เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นนั้นๆ

หากพี่นักเขียนบอกคุณ Vetinlove ว่าบุคลิกภาพของคนรักในอนาคตเป็นอย่างไร ในรายละเอียด พี่นักเขียนจะไม่ต่างจากหมอดู ที่นำความเป็นไปได้บนเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งเพียงเส้นเดียวมานำเสนอ หากคุณ Vetinlove พอใจในรายละเอียดนั้น คุณ Vetinlove ก็จะเชื่อและจดจ่อกับบุคลิกภาพอันเป็นไปได้ของคนรักในอนาคต จินตนาการตัวตนของเธอขึ้นมาบ่อยๆในความคิดคำนึง เพราะอยากจะให้ความเป็นไปได้นั้นเป็นความจริง

ความเชื่อและความคิดนั้นย่อมก่อเกิดวัตถุธาตุ หรือกล่าวได้ว่า การจดจ่อ การคิดถึงหรือจินตนาการบ่อยๆของคุณ Vetinlove สร้างสรรค์ตัวตนของคนรักคนนั้นขึ้นมาก็ไม่ผิด จนในที่สุดคำทำนายของหมอดูหรือบุคลิกภาพที่พี่นักเขียนำมาเสนอก็จะกลายเป็นความจริงในที่สุด

แต่ความเป็นจริงที่จะเป็นไปนั้น ไม่ได้เกิดจากการที่หมอดู-ดูอนาคตได้แม่นยำ หรือเกิดจากว่าพี่นักเขียนมองเห็นเจ้าสาวในอนาคตได้จริง แต่เกิดจากความเชื่อของคุณ Vetinlove ที่สร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริงพร้อมด้วยบุคคลตัวตนนั้นขึ้นมา

มันอาจจะฟังดูเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยากว่า เราทั้งหลายจะสร้างสรรค์บุคคลตัวตนขึ้นมาจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเราได้อย่างไร? เรามีพลังอำนาจอะไรมากมายปานนั้น? แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง และโลกทางกายภาพที่เป็นไปอยู่ทุกลมหายใจของเรา มีสิ่งใดบ้างที่ปรากฏในชีวิตของเรา ให้เราต้องเผชิญกับมันโดยตรง โดยที่เราไม่เคยนึกคิดถึงมันเลยแม้แต่แว้บเดียว เราได้ยินสิ่งที่ไม่คาดฝันปรากฏขึ้นในชีวิตของคนมากมาย แต่เขาก็จะกล่าวว่า ฝันเป็นจริง หรือฝันร้ายกลายเป็นจริง หรือไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่คิดเท่านั้นจะกลายเป็นจริงไปได้

แม้แต่บุคคลตัวตน เราก็สร้างสรรค์เขาขึ้นมาในประสบการณ์ชีวิต เราไม่ได้สร้างเขาเหมือนปาฏิหารย์ที่ทำให้เขาอุบัติขึ้นอย่างฉับพลัน แต่เราดึงดูดบุคคลที่คล้องจองกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเราเข้ามาสู่ประสบการณ์ชีวิตของตนเอง

ยกตัวอย่างเช่น หากเราเชื่อว่าโลกนี้มีคนดีน้อย มีคนโกงหรือคนไม่ซื่อ ไว้ใจไม่ได้มากมาย ความเชื่อของเราย่อมดึงดูดแต่คนโกงคนไม่ซื่อเข้ามาสู่ประสบการณ์ชีวิตของเราอย่างแน่นอนที่สุด เพื่อสนับสนุนความเชื่อของเรา ท่านอาจารย์อนาลัยจึงตักเตือนว่า ความเชื่อของเราทั้งหลายมีพลังอำนาจมากเพียงใด เราจึงสามารถใช้ความเชื่อนั้นๆสร้างโลกที่พึงปรารถนาได้เสมอหากเราตระหนักได้ในพลังอำนาจของมัน ผู้ที่ปรารถนาจะพบแต่คนดี คนซื่อตรง ไว้ใจได้ จำเป็นต้องเปลี่ยนความเชื่อว่า โลกนี้เต็มไปด้วยคนดี คนซื่อตรง ไว้ใจได้

พี่นักเขียนรู้เห็นบุคลิกภาพคนรักของคุณ Vetinlove ได้เพียงสั้นๆเท่าที่่บันทึกจากความฝัน เพราะสิ่งที่พี่นักเขียนรู้เห็น เป็นการรู้เห็นภาวะจิตอันเป็นต้นกำเนิดของบุคลิกภาพของคุณ Vetinlove ในขณะปัจจุบันนี้เท่านั้น ถ้ามันจะเป็นข้อมูลที่น้อยนิดหรือสั้นๆ ก็เป็นเพราะคุณ Vetinlove ยังไม่มีจินตนาการที่กว้างไกลหรือชัดเจนในรายละเอียดมากไปกว่านี้เกี่ยวกับคนรักในอนาคต ตัวตนของเธอจึงยังไม่เด่นชัดหรือยังไม่อุบัติขึ้นบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นนี้

ที่พี่นักเขียนบอกว่า คนรักในอนาคตจะเป็นคนที่ กลัวมด ความกลัวมดอาจเป็นเพียงสัญญลักษณ์ที่หมายถึง การมีความกลัวในสิ่งเล็กๆน้อยๆ ซึ่งทำให้คุณ Vetinlove เกิดความรักและเอ็นดู อย่า strict กับข้อมูลในอนาคตมากเกินไปนะคะ เพราะทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงได้เสมอ หากชาติภพนี้ไม่เจอคน กลัวมด อาจจะกลายเป็นชายโสดไปอย่างน่าเสียดายค่ะ

สรุปได้ว่า คุณ Vetinlove สามารถใช้จินตนาการของตนเองในแง่บวก เป็นจุดเริ่มต้นที่จะสร้างสรรค์บุคคลตัวตนของคนรักในอนาคตได้จากปัจจุบัน อยากได้แฟนสวย จินตนาการให้เธอสวย อยากได้แฟนที่รักและเข้าใจกันได้เป็นอย่างดี จินตนาการ จดจ่อ คิดคำนึงไปในทิศทางดังกล่าว ในที่สุดตัวตนอันเป็นไปได้ย่อมจะถูกดึงดูดมาสู่ประสบการณ์ชีวิตของคุณ Vetinlove

อย่าให้หมอดู หรือบุคคลอื่นๆสร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริงของเรา เพียงเพราะเราเชื่อและคล้อยตามเขา เพราะหากเป็นเช่นนั้น เราจะเผชิญกับความไร้พลังอำนาจ เมื่อเราได้ในสิ่งที่เราเชื่อหรือคล้อยตามเขาแล้วเราไม่พอใจในสิ่งนั้นๆในภายหล้ง เราจะตกเป็นเหยื่อความเชื่อต่อไปว่า เราไร้พลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขความเป็นไปเหล่านั้นที่หมอดูบอกเรา

เธอทั้งหลายคือผู้สร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริง ด้วยความเชื่อของตนเอง

อีกสิ่งหนึ่งที่พี่นักเขียนอยากให้พวกเราทำความเข้าใจคือ บุคลิกภาพสถิตย์อยู่กับจิตวิญญาณตลอดไป ไม่ว่าเราจะมีร่างกายเนื้อหนังหรือไม่ก็ตาม ความฝันส่วนที่พี่นักเขียนรู้เห็น อันได้แก่ บุคลิกภาพ จึงเป็นส่วนของข้อมูลที่ไม่เปลี่ยนแปลงและถาวร และเป็นส่วนที่เราทั้งหลายต้องเรียนรู้ว่า เราจะใช้บุคลิกภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของเรานั้น ไปในทิศทางใดได้อย่างดีที่สุด ที่จะแสดงออกซึ่งตัวของเราได้อย่างสรัางสรรค์ ก่อให้เกิดความรักความเข้าใจ และการช่วยเหลือเกิื้อกูลจิตวิญญาณในร่างอื่นๆได้อย่างดีที่สุด(rose)

 

ยินดีต้อนรับน้องๆสมาชิกห้องวิทย์ทุกคนค่ะ สวนหลังบ้านพี่นักเขียนเป็นที่เลี้ยงอาหารไทย Wine เทศ ทุกเทศกาล นำภาพน้องๆชาวไทยและเพื่อนฝูงใน Lawrence, Kansas และชาวไทยจากเมืองไทยที่แวะมาเยี่ยมมาเป็นพยานค่ะว่า อาหารอร่อย บรรยากาศดี คุยสนุก คุณเม้าและหัวหน้าจะได้รีบยกทัพมาไวๆ อย่าไถลใน Egypt นานนักนะคะ นักบินอาจจะง่วง (rose)

 

พี่นักเขียนอยากจะส่งต้นฉบับไปให้เจ้าของความฝันเพราะเชื่อว่า มีสาระที่ไม่ได้ถอดรหัสอีกไม่น้อยในบันทึกเหล่านั้น ซึ่งเชื่อว่าเจ้าของบุคลิกภาพจะถอดรหัสเหล่านั้นได้ด้วยตนเอง ยกตัวอย่างเช่น ในความฝันของคุณ Vetinlove จดไว้ว่ามีกีต้าสองตัว ตัวหนึ่งเป็นไม้ Redwood ตัวค่อนข้างใหญ่ อีกตัวหนึ่งเล็กกว่า และมีวงกลมสีดำสองจุด มีสายหรือเส้นตรงสีดำที่ต่อกับวงกลมนั้นได้ ดูเหมือนว่าจะต่อได้ทั้งสองจุด คือต่อกับจุดใดจุดหนึ่ง แล้วเปลี่ยนไปต่อกับอีกจุดหนึ่งก็ได้ ทำนองนั้น และกีต้า Redwood แขวนไว้สูง ส่วนตัวเล็กที่มีวงกลมสีดำ อยู่ใกล้มือมากกว่า สาระส่วนนี้พี่นักเขียนละไว้ไม่ได้ถอดรหัส เพราะมีความรู้สึกว่าไม่ใช่สัญญลักษณ์ของบุคลิกภาพ แต่เป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมของเจ้าของ ซึ่งคุณ Vetinlove ก็ได้เฉลยว่า มีกีต้าสองตัวจริงๆ เป็นกีต้าโปร่งตัวหนึ่ง กีต้าไฟฟ้าอีกตัวหนึ่ง แต่ไม่ได้บอกว่าเก็บไว้อย่างไร ตัวไหนใกล้มือมากกว่ากัน

-----------------------------------------------------------------------
ผมหารูปกีตาร์แบบเดียวกันเด๊ะเหมือนที่ผมใช้มาให้ดูน่ะครับ มีกีตาร์โปร่ง 1 ตัว ส่วนอีกตัวเป็นกีตาร์ไฟฟ้าสีขาวมีออบชั่นเป็นสีดำกับทอง ที่มีสายสะพายบ่าสีดำที่ยึดด้วยหัวหมุด 2 ตัวติดอยู่(น่าจะเป็นสายสีดำที่ต่อกับวงกลม2จุดที่พี่นักเขียนกล่าวถึง) ส่วนขนาดของกีตาร์นั้น กีตาร์ไฟฟ้านั้นจะมีขนาดเล็กกว่ากีตาร์โปร่งอย่างเห็นได้ชัด ส่วนกีตาร์ทั้ง2ตัวนั้นผมตั้งไว้ข้างๆเตียงไว้คู่กัน แต่กีตาร์ไฟฟ้านั้นผมจะเอาไว้ใกล้ตัว(ใกล้เตียง)มากกว่า คงเป็นเพราะว่ากีตาร์ไฟฟ้านั้นมันดูสวยกว่ากีตาร์โปร่งน่ะครับ อีกอย่างกีตาร์ไฟฟามันแพงก็กลัวมันล้มก็เลยต้องเอาไว้ใกล้มือๆ ไว้ก่อน(กีตาร์โปร่งเคยล้มเองครั้งนึงน่ะ)ครับ ว่าแต่พี่นักเขียนมาแอบดูห้องของผมตอนใหนเหรอ -_-?

ป.ล. เรื่องดูหมอดูนั้นคือว่า ตอนผมอายุประมาณ 16-17ปี ได้มีหมอดูเข้ามาทักว่า ตอนอายุ18ปีจะเจอเรื่องร้ายหรือเรื่องเศร้าร้ายแรงมากๆในชีวิตน่ะครับ แล้วพอผมอายุ18พ่อผมก็เสียในปีนั้นพอดี ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลยชอบศึกษาทางด้านศาสตร์การทำนายน่ะครับ

รูปกีตาร์แบบเดียวกับที่วางในห้อง

Epiphone les paul custom



Yamaha f-310

 

คุณ Mead บอกว่าวันหน้าหากเจอเจ้ากบตัวนี้อีกคงจำกันได้ ทำให้พี่นักเขียนนึกถึงคนที่เลี้ยงสิงโตตอนเล็กๆ พอมันโตขึ้นมากเขาจำต้องเอามันไปปล่อยในป่า ปรากฏว่าหนึ่งปีให้หลัง เขากลับไปที่ป่าแห่งนั้น เจ้าสิงโตมันก็โตเต็มที่แล้ว จำนายเก่าได้ แล้วมันก็เข้ามากอดและทักทายเขา โดยปราศจากร่องรอยของสัตว์ป่าที่ดุร้ายอย่างที่เรามักเข้าใจกัน
<object width="425" height="355"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Xr1pWzoLvT8&hl=en"></param><param name="wmode" value="transparent"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/Xr1pWzoLvT8&hl=en" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent" width="425" height="355"></embed></object>

วันหน้าไปไหนแล้วมีกบกระโดดเข้ามากอด อย่าลืมกอดตอบเจ้ากบเพื่อนเก่านะคะหัวหน้า(rose)

 

เมื่อ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา พวกเราเคยพูดถึงเรื่องล็อตเตอรี่ จินตวดีอยากถูกล็อตเตอรี่ จินตวดีฝันเห็นเลข 331 จินตวดีซื้อเบอร์ที่เด็ก ๆ เล่นกัน 331 วันนั้นได้เงินมา 500 บาท เพราะ ล็อตเตอรี่ 3 ตัวท้ายรางวัลที่ 1 คือ 231 เราถูก 2 ตัวข้างหลังรางวัลที่ได้หลังหักคือ 500 บาท จินตวดียังคงรอพิสูจน์บางอย่างอีกวันพรุ่งนี้ แต่เงินจำนวนนี้จินตวดีขอมอบสมทบทุนกองทุนเพื่อหนังสือ โนวาอนาลัย เพราะในฝันเลข 31 เขาบอกเป็นเลขโนวาอนาลัย (ขอโทษแจ้งช้าไปหน่อย เพราะเพิ่งเปิดเว็บเจอบัญชีธนาคารในประเทศไทยในวันนี้นี่เอง ไอ้เราก็นึกว่าเป็น pay pal อย่างแต่ก่อน เพราะทำไม่เป็น)

 

wow!

วันหลังจะเข้าไปแจมร้องเพลงด้วยนะครับ
แต่คงเป็นห้องเพลงลูกทุ่ง
ว่าแต่เขาบันทึกเสียงร้องกันยังไงครับ
ต้องบันทึกเองจากเครื่องของตัวเองแล้วค่อยอัพโหลดลงใช่ป่าว

 

ได้อ่านข้อความของพี่นักเขียนแล้ว..
อยากกลับไปเป็นเด็กๆ และอยู่แถวบ้านพี่นักเขียนบ้างจัง
จะไปเป็นเพื่อนหน้าใหม่อีกคน จะไปกดออดขอช็อกโกแลตบ้าง

และอ่านแล้ว ได้กลิ่นไอของบรรยากาศรอบๆบ้านพี่นักเขียน
ที่มีแต่ความสดใส ความเบิกบาน ความรัก และความเอื้ออาทรต่อกัน

"โดยปราศจากเงื่อนไข"

 

ดูคลิปวีดิโอ ของพี่นักเขียนแล้ว น้ำตาซึมเลยครับ
แม้เวลาจะผ่านไปเป็นปี เขาก็ยังคงจดจำคนเลี้ยงได้ ประทับใจครับ
ความรัก เป็นภาษาของหัวใจ สื่อกันได้ไม่มีขอบเขตจำกัดจริงๆ

 

วันนี้ท้องฟ้าแถวนี้สดใสจังเลยค่ะ(f) (f) (f)
ดีจัยมาก ๆ เลย ที่เพื่อนรักแวะมาทักทายกันถึงห้องวิทย์ฯ เลย
เพื่อนคนนี้อยู่ไกลถึงเวียดนามแน่ะ..
รักษาสุขภาพด้วยนะคร๊าบบ.. รักจัง.. อิอิ..
(||) (||) (||)

 

my songs

ขอบคุณพี่นักเขียนมากครับสำหรับ Chocolate
ผมอิ่มแปล้เลย หลังจากเพิ่งพบเมื่อวานว่าพี่นักเขียนเตรียมไว้ให้
เมื่อคืนฝันว่าตัวเองลงพุงน่าเกลียดมาก
นอนอยู่จนไม่สามารถไปไหนได้ เหมือนงูเหลือมที่กินลูกวัวไปซักตัวยังไงยังงั้นเลย
หวังว่าคงไม่ใช่เพราะ chocolate พี่นักเขียนนะครับ 555(คิดไปได้)

ตอนนี้ผมไปลงเพลงไว้ในห้องคาราโอเกะแล้ว 2 เพลง ท่านใดสนใจลองเข้าไปฟังได้ครับ ไม่ใช่เพลงของตัวเองนะครับ แต่ทำถูกต้องตามเงื่อนไขลิขสิทธิ์
-หยาดเหงื่อเพื่อแม่ http://palungjit.org/showthread.php?t=131299
-ดาวกลางดิน http://palungjit.org/showthread.php?t=131176