เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ก็อาจเป็นไปได้นะคะพี่จินต์ ขจรวรรณก็มักจะมีอาการเหงา ๆ เศร้า ๆ เมื่อเกิดความรู้สึกความขัดแย้งเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้รับมาบางอย่าง หรือเป็นสิ่งที่เราคิดว่าใช่ไม่ใช่อะไรประมาณนี้ บางครั้งเราต้องอยู่นิ่ง ๆ ตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง และก็มักจะได้รับคำตอบที่ถูกต้องตอนตื่นนอนเสมอค่ะอาจด้วยวิธีการฝันหรือมีความคิดผุดขึ้นมาขณะตื่นนอนอะไรประมาณนี้แหล่ะค่ะ ก็คงจะเป็นเรื่องของประสาทสัมผัสภายในเหมือนกันนะคะ.. โดยเฉพาะด้านอารมณ์ความรู้สึกนี่จะชัดมากแต่จะไม่เห็นภาพเหมือนพี่ค่ะ..
    ;8;8;8
     
  2. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ก็เป็นไปตามทฤษฏีของท่านอาจารย์อนาลัยที่ว่า

    จิตวิญญาณคือพลังงาน
    พลังงานก็คือจิตวิญญาณ
    จิตวิญญาณคือข้อมูลความรู้ ความทรงจำข้ามชาติ ซึ่งถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ์ จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด
    จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด จิตวิญญาณ มีชีวิตอยู่ เป็นอยู่ ดำเนินไป เป็นภาวะนั้น
    เราเชื่อสิ่งใดได้สิ่งนั้น ไม่มีกฏเกณฑ์อื่น
    ;aa10:z3:z3:z3
     
  3. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    พี่นักเขียนช่วยขยายความว่า เราจะใช้อะไรในการแยกแยะว่าสิ่งที่เรามองเห็น ไม่ว่าจะในสมาธิหรือการมองเห็นด้วยตาเปล่าของมิติทางจิตวิญญาณว่า ภาพที่เห็นนั้นเป็นภาพลวงตาหรือไม่ เพราะหากเป็นภาพที่ไม่จริงแล้วเราไปยึดติดกับอารมณ์ความรู้สึกกับภาพที่เห็น ซึ่งอาจทำให้การพัฒนาจิตวิญญาณของเราเสียเวลาหรือหลงทางไปมากเกินไป ( ถ้าไม่ได้คำนึงถึงเวลาทางจิตวิญญาณนะค่ะ ) แล้วเราจะสามารถตีความหมายของการมองเห็นนั้นได้อย่างไร เพราะเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วขจรวรรณก็เคยเห็นภาพในสมาธิแต่คิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระเพราะไม่เข้าใจความหมายแต่พึ่งจะมาเข้าใจความหมายของนิมิตนั้นตอนนี้เองค่ะ..
    ;16;16;16
     
  4. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    นี่ถ้าเอาเพลงของหนังเพลงรักชาวเรือมาลง หรือว่าเพลงดาวลูกไก่มาลงคุณมีดจะทายอายุเป็นเท่าไหร่ละเนี่ย อิอิ [​IMG]

    ตอนที่อ่านถึงการฝึกของกลุ่มเขากะลาเกี่ยวกับการละวางขันธ์ 5 ทำให้พอเข้าใจเกี่ยวกับการวางขันธ์ 5 มากขึ้นเหมือนกัน
     
  5. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    วันนี้เอาสาระบ้างนะครับ

    ศึกษามาถึงตอนนี้แล้วก็คิดอยู่ว่า.. พวกเราแต่ละคนน่าจะมี"ความเชื่อ"ที่เปลื่ยนไปยิ่งกว่าแต่ก่อนนะครับ ในวัยเด็กเราก็คิดแบบเด็ก-วัยรุ่นก็คิดไปอีกแนว-เป็นผู้ใหญ่ก็อาจคิดได้ลุ่มลึกขึ้นกว่าเดิม
    บางความเชื่ออาจจะเปลื่ยนไปมาก จนทำให้เราบูรณาการชิวิตและแนวคิดในรูปแบบใหม่ๆได้ชนิดพลิกฝ่ามือเลยทีเดียว ไม่ทราบว่าแต่ละคนเป็นไงกันบ้าง มี "ความรู้ใหม่" ใดบ้างที่รู้สึกว่าพอได้อ่านแล้วสั่นสะเทือนความเชื่อเดิมได้รุนแรงที่สุด..(ใช้คำแบบนี้คงเข้าใจง่ายดี)
    ถามดูครับในช่วงที่พี่นักเขียนฯกำลังฝันถึงห้องวิทย์ฯห้องนี้อยู่...(อิอิ)

    สำหรับตัวเองคิดว่ามีหลายเรื่องมากโดยเฉพาะความรู้เรื่อง "เครื่องพราง" นี่ล่ะที่อ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้เปิดฝาขวดและออกบินอย่างเป็นอิสระ เกิดมุมมองใหม่ๆ ด้วยเหตุว่าจิตวิญญาณอยู่เหนือกฎเกณฑ์แห่งระยะทางช่องว่างและกาลเวลา ไม่มีอดีต-อนาคต มีแต่ปัจุบัน แท้จริงแล้วมิติทั้งหมดคือปัจจุบัน และภพภูมิทั้งหมดคือภาวะของจิตวิญญาณ

    ตรงนี้จึงขอลองอธิบายเป็นภาพให้เข้าใจง่ายขึ้นดูนะครับ (ตามรูป) เสมือนว่าเราเป็นจุดศูนย์กลางของกาลเวลา สามารถพุ่งไปได้ทุกแห่งของกาลเวลาได้ทุกๆตำแหน่ง ไม่ว่าจะย้ายไปที่ใดเช่น จาก A-B หรือ A-D โดยใช้เวลาเท่าๆกัน ไม่ว่าจะเป็นอดีต-ปัจจุบันหรืออนาคต ต่างกับเวลาบนมิติโลก ที่เคลื่อนไหลไปเป็นลำดับ A ผ่าน B ผ่าน C ผ่าน D เป็นสมการเส้นตรง....แบบนี้ไปเรื่อยๆ (หวังว่าจะตรงกับภาพในความคิดของพี่นักเขียนฯนะครับ)


    [​IMG]

    โดยที่เพื่อนๆอาจมีสิ่งที่เปลื่ยนความเชื่อเป็นความรู้แบบอื่นๆอีกมากมายครับ เช่นว่า..
    คุณเดรดอาจะเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับความเชื่อการทำนายโชคชะตา
    คุณจินตวดีก็สามารถจดจ่อสาระจากความฝันได้มากยิ่งขึ้นนำไปปรับใช้กับตัวเองและช่วยผู้อื่น
    คุณเซลล์ก็ค้นพบรายละเอียดอันลุ่มลึกในด้านจิตวิญญาณที่ขยายตัวออกไปอย่างไม่รู้จบ
    คุณซิปฯ ก็พบความเชื่อมโยงของเหตุผลต่างๆที่สอดคล้องกันจนแทบจะหมดความสงสัย (รึเปล่า?)
    คุณเวกกี้กาย ก็สนุกกับการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านที่ตัวเองสนใจอย่างต่อเนื่อง
    คุณขจรวรรณ ก็พบกับคำตอบที่ชัดเจนขึ้นมากว่าตัวเองมาทำหน้าที่อะไรกันแน่?
    ท่านอื่นๆก็อาจพบความกล้าหาญ ความรัก ความปราถนา อารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ได้ดียิ่งขึ้น ฯลฯ

    ส่วนจะใช่รึเปล่าต้องมาขยายความกันดูนะครับ ใครสนุกที่จะตอบก็ตอบแล้วแต่นะครับ
    ว่าไปเรื่อยๆ..ชักจะยาวขึ้น พอเท่านี้ก่อนดีกว่าครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2008
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    อ้าว..แบบนี้หมายความว่าคุณซิปฯก็อาจเคยฟังเพลงโปรด (เพลงรักชาวเรือ) ของคุณพ่อคุณแม่ก็ได้นะ
    หรือไม่ก็เกิดทันได้ฟังเพลงดาวลูกไก่ตอนนั้นพอดี..(อันนี้คงอายุ 50-60 ปีแล้วนะ อิอิ)
    หรือไม่ก็เดินทางไปต่างประเทศช่วงเพลงเฉลียงกำลังดังเลยไม่ได้ฟัง
    ถ้างั้นสมมุติฐานของผมนี้คงใช้ไม่ได้แล้วครับ
    สงสัยคำนวณอายุคุณซิปฯพลาดไปหลายปีแสงแน่เลย 555

    (||)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2008
  7. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    แผนภูมิของคุณ mead ชัดเจน และเข้าใจง่ายเลยนะครับ เรียกว่า มองเห็นภาพเลย
    เหมือนเราอยู่ศูนย์กลางวงกลม ไม่ว่าจะไปที่ไหน เวลาก็เท่ากับ 1

    สำหรับผม ความรู้ชุดนี้สะเทือน ความเชื่อ จนระเนระนาดไปหมด ต้องค่อยๆเก็บที่แตกกระจาย มาต่อเป็นจิ๊กซอว์ตัวใหม่ ยิ่งอ่าน ยิ่งงง เมื่อยิ่งงง ก็ยิ่งอ่าน เมื่อยิ่งอ่าน ก็เริ่มเข้าใจขึ้นเรื่อยๆ

    ช่วง highlight นาทีทองของผม คงเป็นช่วงที่เพิ่งตื่นนอน ที่กำลังทบทวนความฝัน หรือภาวะกายหลับ จิตตื่น ตอนนี้แหละที่เราจะสัมผัสกับตัวตนภายในอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด เป็นช่วงที่เราจะค้นพบคำว่า ความปราถนาอันลุ่มลึกของเรา แม้จะแค่เสี้ยวหนึ่ง แต่ประทับใจไม่รู้ลืม เหมือนกับว่า เมื่อเราทราบแล้ว จะเบียดแทรกความคิด ความเชื่อ เดิมๆ บางครั้งสิ่งที่เราหามาตลอดอยู่แค่ปลายจมูก สิ่งที่เราหาอยู่นั้นอยู่กับเราตลอดเวลา แต่เราวิ่งหาจากตัวตนภายนอกก็เลยไม่เคยเจอ เมื่อเราพบเจอ ก็ยังไม่เชื่ออีกว่าเจอ เหมือนกับเล่นไล่จับกันเลย ตัวตนภายนอกวิ่งไล่จับตัวตนภายใน ซึ่งมักจะวิ่งช้ากว่าเสมอ เลยไม่เคยเจอ
    สิ่งที่เป็นอุปสรรคจริงๆแล้ว คือ ตัวเราเองแหละครับ ตัวตนภายนอกนั่นแหละครับ ที่เราหมายมั่นว่าคือเรา เราจึงไม่เคยเชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่าเราคือจิตวิญญาณ เพราะเรามองจิตวิญญาณจากตัวเราที่เป็นตัวตนภายนอก จนเมื่อเรามีสติรู้จริงๆสิ่งที่เรายึดมั่นว่าเป็นเรา นั่นคือตัวตนภายนอก เราก็จะเปลี่ยนการจดจ่อมาสู่ตัวตนภายใน ซึ่งคือตัวตนภายใน ที่เสพเวลาแห่งจิต เวลาแห่งปัจจุบัน ด้วยสติอันคมชัด ที่นั่นคือ จุดเริ่มของการค้นพบความสามารถที่แท้จริงของจิตวิญญาณของเราเอง
     
  8. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +470
    ปีแสงเชียวหรือเนี่ย
    หุๆ -*-
     
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ยินดีต้อนรับคุณดุษณีสู่ห้องวิทย์ฯครับมาแบ่งปันกันนะครับ
    เรื่องเวลานี่ผู้ที่ดำรงสติสัมปชัญญะอยู่เสมอๆจะสามารถค้นพบและเข้าใจได้ในทันทีนะครับ ปัจจุบันขณะจึงมีบทบาทสำคัญมากครับ การที่เรามีสติรู้ตัวว่า ขณะนี้กำลังทำอะไรอยู่ - เมื่อครู่เพิ่งทำอะไรมา - ต่อไปข้างหน้าจะทำอะไร ? ด้วยจิตสงบไม่ฟุ้งซ่านถูกต้องเลยครับ ฟังดูง่ายๆแต่ทำยากเหมือนกันถ้าหากไม่ฝึกฝน

    และก็ highlight ช่วงนาทีทองของคุณเซลล์ที่เพิ่งตื่นนอน หรือภาวะกายหลับ จิตตื่น ผมว่าเกิดขึ้นแบบเป็นธรรมชาตินะครับผมก็เป็นบ่อย..รู้สึกมีคำถามและคำตอบผุดขึ้นมาให้ขบคิดตลอดเลยช่วงนั้น เชื่อว่าหลายคนจะเป็นครับ
     
  10. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ถ้าจะพูดถึงการทำนายโชคชะตา มันเปรียบเสมือน แผนที่ชีวิต คร่าวๆ อาจเทียบเป็นสัดส่วน 1:1000 คือ มันไม่ได้ละเอียดจนเห็นทุกเหตุการณ์ แผนผังนี้ กำหนด แม่น้ำ ภูเขา ที่ราบ ที่ลุ่ม ฯลฯ ไว้หมดแล้ว การอ่านดวงชะตา จากวิธีการทางโหราศาสตร์ ก็ เหมือนอ่านแผนที่ เห็นแค่เหตุ ที่จะพบเจอ แต่ผลจะเปลี่ยนไปเสมอ ขึ้นอยู่กับ การตัดสินใจเลือกเส้นทาง

    ความหมายทาง โหราศาตร์ จากสมการแบบเดียวกัน ดวงดาว ดวงเดียวกัน โครงสร้าง เดียวกัน สามารถให้คำแปล ไปได้อีกนับไม่ถ้วน ตามนัยยะของมัน ไมได้จำเป็นว่า เราจะต้องเป็นไป ตามคำทำนายของหมอดูทุกครั้ง เค้าดูแค่เหตุ ที่จะเกิดเท่านั้น เค้าอาจไม่ได้ดูผิด แต่เราไม่ได้เลือกเส้นทางที่เค้าดูให้ต่างหาก นอกเสียจากว่าเราจะทำตามคำแนะนำของเค้า ก็เท่ากับเค้าเป็นผู้กำหนดเส้นทางให้เราเดิน เพราะเค้าเห็นแต่เส้นทางที่เค้าเลือก

    สังเกตุไหม ว่าอดีตจะทายกันแม่น เพราะมันจารึกไว้แล้ว แต่อนาคต ทายไม่ค่อยถูกหรอก เพราะ ผลของมัน อยู่ที่การกระทำ ในปัจจุบัน ในสิ่งที่เราเลือก เพราะเส้นทางต่างๆ ไม่ได้เป็นเส้นตรง เป็นลำดับขั้น และมีอยู่มากมายเป็นอนันต์

    หากเรามี จุดๆหนึ่ง แล้วลองลากเส้นตรงผ่านจุดๆนั้น เพื่อนๆ คิดว่า เราจะได้เส้นตรงทั้งหมดกี่เส้นค่ะ นี่ แหล่ะค่ะเส้นทางที่เป็นอนันต์ และไม่ได้เป็นเส้นตรง ที่พุ่งออกจากแค่ จุดๆเดียวเท่านั้น

    จิตวิญญาณของมนุษย์ปราศจากมาตรฐานหรือขีดจำกัดตามที่มนุษย์ กำหนดขึ้น จิตวิญญาณยังคงมีคุณสมบัติตามธรรมชาติอันมีความหลากหลายเป็นอนันต์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2008
  11. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขอต้อนรับ
    คุณ Dussanee_k...สู่ห้องวิทย์ค่ะ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2008
  12. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ;34 ยินดีต้อนรับ คุณ Dussanee_k นะครับ

    เวลาไม่เคยมีอยู่จริง เมื่อเราอยู่ในปัจจุบันขณะ คำนี้เป็นคำที่มีความหมายลุ่มลึกตลอดกาล และตลอดไปนะครับ

    อย่างที่เพื่อนๆเราในที่นี้ที่เคยประสบกับคำนี้

    คงไม่สามารถสรรหาคำพูดใดๆมาบรรยายได้ เท่ากับ อารมณ์ความรู้สึก ที่เราสื่อถึงกัน ในสิ่งเดียวกันได้ ;aa44
    พอพูดถึงทัศนะโหราศาสตร์ของคุณเดรด
    มีเรื่องเล่าน่ารักๆ ของเพื่อนผมคนหนึ่งครับ เค้าไปดูหมอมา หมอดูทักว่า ระวังอุบัติเหตุที่แขนซ้ายกับขาขวา

    เค้าก็คิดว่า มันจะเกิดได้อย่างไร

    วันนึงเราเดินเล่นไปด้วยกัน ในตอนกลางคืน ไปที่เขตกำลังก่อสร้าง เดินอยู่ดีๆ ก็ ผลุ๊บ เค้าตกลงไปที่ท่อน้ำที่ไม่ได้ปิดฝาไว้ ยังดีที่ว่าเค้าใช้แขนยันกับพื้นไว้ก่อน เลยไม่ตกลงไปข้างล่าง ผมก็เลยรีบช่วยดึงเค้าขึ้นมา
    หลังจากนั้นเค้าก็ไปเปิดดูคำทำนาย

    และประหลาดใจกับข้อความบรรทัดที่ว่า ระวังอุบัติเหตุที่แขนซ้ายกับขาขวา ซึ่งก็ตรงกับที่หมอดูนั้นทักมาทันที ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในความคิดเค้า เค้าจะเชื่อถือหมอดูคนนี้หรือไม่

    ถ้ามองในทัศนะของความเป็นจริงของจักรวาลที่ อ.อนาลัย กล่าวไว้ คุณเดรด และเพื่อนๆ คิดยังไงครับ กับข้อความข้างต้น (sing)
     
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441

    พูดถึงขันธ์ 5 ก็มีตัวอย่างนึงนะคุณซิปฯ ที่อธิบายให้ง่ายและนำไปใช้ได้ทันทีครับ
    พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้เรารู้ว่าขันธ์ 5 นั้นคือ เรื่องของแก่นแท้
    กระบวนการในขันธ์ 5 คือเรื่องที่เกิดขึ้นภายในจิต (ส่วนขันธ์ 6 คือเรื่องของกายภาพ)

    ขันธ์ 5
    รูป-สัญญา-เวทนา-สังขาร-วิญญาณ

    รูป คือสิ่งที่รับรู้ทั้งหลาย ผ่านทางตาที่สามหรือศูนย์รวมการรับรู้
    พอรับรู้ก็เกิดเวทนา และบันทึกเป็น สัญญา ปรุงแต่งให้ชัดขึ้นเรียกว่า สังขาร
    พอส่งต่อให้ วิญญาณ เกิดเป็นทางพลังงาน (อารมณ์) ก่อให้เกิดกรรมหรือผลกรรม


    ตัวอย่างเช่น......
    1.ตาเห็นดอกไม้ (ครั้งแรกในชิวิต)
    - มีคลื่นความถี่ของแสงสะท้อนหักเหสู่เรติน่า
    - ตาที่สามรับรู้ ภาพมายานั้น

    2. แปลความหมายภาพมายานั้น?
    - ยังแปลไม่ได้ ยังไม่มีข้อมูล

    3.เรียนรู้จากผู้รู้ว่าสิ่งนั้นคือ "ดอกไม้" (พ่อ-แม่เป็นผู้บอก)
    - เกิด รูป (body)

    4.บันทึกจดจำ รูปลักษณ์ของดอกไม้นั้นไว้
    -เกิด สัญญา บันทึกรหัสใส่เข้ามา

    5.นำ รูป ดอกไม้ในจิตมาปรุงแต่งบอกว่า "สวย"
    - เกิด เวทนา ความรู้สึกใส่รหัสสัญญา

    6. นำ เวทนา มาคิดปรุงแต่ง (จิตสร้างรูปธรรม)
    - เกิด สังขาร หรือเกิดตัวตนขึ้นในจิต

    7.นำ สังขาร มาปรุงแต่งเกิด วิญญาณ
    - เกิดพลังงานเป็นคลื่นความถี่ทางอารมณ์

    8. นำ วิญญาณ มาปรุงแต่ง
    -เกิดกระแสพลังงานเหวี่ยงออกมา
    -เกิดเป็น อาการ ของเครื่องยนต์แห่งกรรม


    ต่อมา กระบวนการทางอารมณ์ ที่ย้อนกลับมาพบอีกครั้ง

    1. ตาเห็น "ดอกไม้" (ครั้งต่อมา)
    -รับรู้ภาพมายานั้น

    2.แปลความหมาย ภาพมายานั้น (seacrh and click+)<SEARCH click! and file>
    - ด้วยรหัส สัญญา (เข้าไปหาว่ามีอยู่ในสัญญารึเปล่า?)

    3.รู้ด้วยสัญญาเดิมนั้นว่ามันคือ ดอกไม้
    - เกิด รูป

    4. รู้ เวทนา ในรูปนั้นด้วย สัญญา เดิม
    - เกิด เวทนา เหมือนครั้งแรกที่แลเห็น
    - หากมีดอกใหม่มาให้เห็น จะปรุงต่อไปว่า สวยกว่าเดิมหรือแย่กว่าเดิม

    5. นำ เวทนา มาคิดปรุงแต่ง
    - เกิด สังขาร อยากได้ มากขึ้น-ไม่อยากได้ มากขึ้น

    6. นำ สังขาร มาปรุงแต่งเกิด วิญญาณ
    - เกิดกรรม ผลลัพธ์เป็น ด้านบวก หรือ ด้านลบ

    7. นำ วิญญาณ มาปรุงแต่ง
    -เกิด อาการ เกิดพฤติกรรมทางกายภาพ

    [​IMG]

    อัตตา เป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ แต่มีอยู่จริงในมายา
    ถามว่าเราจะยึดสิ่งใด? ให้ยึดกับ คุณสมบัติ ของอัตตา
    ซึ่งเป็นตัวแทนของแก่นแท้ของอัตตา
    หากจะเข้าถึงสภาวะของ จิตเดิมแท้ ได้ต้องดับ เวทนา ให้ได้ (สัญญา และ สังขารก็ดับไปด้วย)

    [​IMG]

    ***จิตต้องว่างไปจากความ มีตัวตน เพื่อให้ว่างไปจากการปรุงแต่งใดๆ จิตจะมีสภาวะอับบริสุทธิ์ หยุดก่อกรรมที่ก่อให้เกิดผลกรรม ให้เกิดแต่พลังงานด้านบวกอย่างเดียว โดยใช้สติเข้าควบคุมดูแลอยู่เสมอ เพราะเมื่อละการสังขารไป คุณสมบัติของจิตในปัจจุบันจะถูกถ่ายทอดให้จิตวิญญาณทั้งหมดทั้งสิ้น

    จิตที่สงบ คือจิตที่มีความ อุเบกขา (ว่างไปจากความมีตัวตน)
    ไม่ทุกข์ - ไม่สุข
    ไม่ดีใจ - ไม่เสียใจ
    ไม่มีสมหวัง - ไม่มีผิดหวัง
    ไม่มีพอใจ - ไม่พอใจ

    ***ไม่ใช่การว่างเปล่าจนไม่มีสิ่งใดเลย แต่เป็นความ"มี"ที่เหมือน"ไม่มี"
    เช่น มีความโกรธ แต่ก็ไม่ทำให้ความโกรธ "อุบัติ" ขึ้นมา
    จิตเรามีครบทุกคลื่นความถี่ แต่ไม่ไปเขย่าไปกระเพื่อมให้เกิดขึ้น
    เอามาฝากอีกเรื่องนึง จะได้เป็นการทบทวนไปพร้อมๆกันด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2008
  14. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ขอต้อนรับ
    คุณ Dussanee_k...สู่ห้องวิทย์ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 165.gif
      165.gif
      ขนาดไฟล์:
      50.7 KB
      เปิดดู:
      55
    • 235.gif
      235.gif
      ขนาดไฟล์:
      5.9 KB
      เปิดดู:
      184
    • 167.gif
      167.gif
      ขนาดไฟล์:
      40.5 KB
      เปิดดู:
      50
    • 10743450.gif
      10743450.gif
      ขนาดไฟล์:
      27 KB
      เปิดดู:
      174
    • 10743437.gif
      10743437.gif
      ขนาดไฟล์:
      36 KB
      เปิดดู:
      170
    • coeur_001.gif
      coeur_001.gif
      ขนาดไฟล์:
      7.3 KB
      เปิดดู:
      178
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441

    หลายปีก่อนผมเคยถูกทักเหมือนกันนะแต่ไม่ใช่หมอดูหรอก เป็นเทพแบบร่างทรงครับ ปกติท่านจะพูดเน้นเรื่องงานมากว่าเรื่องส่วนตัว แต่ครั้งนั้นท่านเห็นเข้าเลยบอกว่า "ช่วงนี้ควรระวังอุบัติเหตุการเดินทางโดยเฉพาะรถยนต์ให้ดีๆ" ก็ระมัดระวังอยู่ครับ แต่ไม่ทันถึงอาทิตย์เลย ขับอยู่ดีๆมีก่อสร้างถนนอยู่ข้างหน้า รถทุกคันชลอตัวหมด แต่ก็มีรถคนเมาขับแซงข้างหลังมาชนท้ายพอดีเลย ท้ายรถยุบวิ่งไม่ได้เลยครับ..

    อันนี้อาจเป็นคนละแบบกับหมอดูก็ได้ แต่คำเตือนก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราระมัดระวังตัวขึ้น ส่วนความเชื่อของเราอาจดึงดูดหรือนำมาซึ่งสิ่งที่พะวงหรือระวังอยู่ก็เป็นได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2008
  16. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ผมมีเรื่องเปรียบเทียบอยู่เรื่องนึง มหาสมุทรกับปลา

    เราเป็นเหมือนเวลา จิตวิญญาณอย่างโนวา อนาลัยเป็นมหาสมุทร

    ถ้าถามมหาสมุทรว่าแนวปะการังกับก้นทะเลลึกอยู่ห่างกันมั๊ย มหาสมุทรก็ตอบว่าไม่ห่างกันหรอก เพราะน้ำในมหาสมุทรก็อยู่ในทั้งสองที่

    แต่ถ้าถามปลา ปลาจะบอกว่ามันห่างไกลกันมากเลยนะ

    เมื่อมีระยะทางจึงมีเวลา


    ตอนแรกจะเขียนเปรียบเทียบเกี่ยวกับเวลา เขียนไปเขียนมาก็เขียนเพิ่มว่าเป็นการเปรียบเทียบเรื่องระยะทาง พอเขียนจบแล้วกลับมาอ่านอีกที เอ๊ะ นี่เราจะสื่อเรื่องเกี่ยวกับอะไรเนี่ย -*-

    ขอบคุณเกี่ยวกับเรื่องขันธ์ 5 ที่นำเอามาอธิบายครับ
     
  17. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ส่วนเรื่องอนาคตกับหมอดู ดูท่า zipp จะมีความเห็นอีกทางนึง

    อนาคตนั้นมีจริงอยู่แล้วดั่งที่ว่าอดีต ปัจจุบัน อนาคตมีจริงอยู่เสมอ อดีตส่งผลถึงปัจจุบัน อนาคตก็เช่นกัน เพราะมันมีอยู่แล้วจึงส่งผลต่อปัจจุบันด้วย

    หมอดู ในคนที่ดูได้จริง ก็เห็นอนาคตนั้นจริงเพียงแต่ว่าเมื่อเรารู้แล้วจะทำอย่างไรกับมัน ก็เปรียบเหมือนว่าเราเป็นคนสายตาสั้น หมอดูเป็นคนสายตายาวก็ได้

    จริงอยู่ที่เราสามารถสร้างอนาคตได้ด้วยปัจจุบัน แต่อนาคตที่เกิดจากปัจจุบันที่เราเลือกจะสร้างก็เกิดขึ้นแล้ว ทุกสิ่งที่เราเลือกที่จะดึงดูดเข้ามาในชีวิตเรา ก็เป็นส่วนนึงของอนาคตของเราเหมือนกัน

    หมอดูทักว่าเกิดอุบัติเหตุ ไม่ใช่เพราะว่าเราไปดึงดูดเหตุการณ์นั้นมาเมื่อหมอดูทักหรอก แต่ว่าเราดึงดูดมันมาก่อนหน้านั้นแล้วตะหาก หมอดูแค่เห็นผลแล้วมาบอกเราก่อนก็เท่านั้น

    เมื่อหมอดูมาทักแล้วถ้าเราอยากเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์นั้น เราก็ต้องมาดูภาวะจิตเราว่าภาวะจิตเราเป็นอย่างไรถึงไปดึงดูดเหตุการณ์นั้นเข้ามาได้
     
  18. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ที่กล่าวว่า ดวงชะตา เป็นแผนผังของชีวิต เพราะ จิตวิญญาณที่เลือกมาถือกำเหนิด เป็นร่างกายเนื้อหนัง ได้กำหนดเหตุการณ์ทุกอย่างไว้ทั้งหมด ทั้งสิ้นแล้ว

    เหตุการณ์ในอนาคต ของผู้ทำนายที่มีความสามารถหยั่งรู้ ไม่ว่าด้วยศาสตร์ใด ก็สามารถมองเห็นได้ เหมือนภาพยนตร์เรื่องหนึ่งๆ ที่เราจะเข้าไปเจาะดูตอนไหนของเรื่อง เมื่อไหร่ ตอนไหนก็ได้ เป็นปัจจุบันเสมอ ไม่มีอดีต อนาคตเพราะ ไม่มีระยะทาง

    เนื่องจาก มีเรื่องราวกำหนดอยู่แล้ว เมื่อเกิดการจดจ่อ ที่เข้มข้น จึงดึงดูดเหตุการณ์นั้นๆมา แต่ถ้าหมอดูไม่ทัก แต่ถ้าเราระแวงในเรื่องใดๆ อยู่ เราก็มักจะจดจ่อกับสิ่งนั้น และดึงดูด เหตุการณ์นั้นๆเข้ามาได้เหมือนกัน(ไม่งั้นคง ไม่ไปหาหมอดู) ด้วย ความรู้สึก อารมณ์ และจินตนาการของเรา จากรากฐานของความทรงจำ ทีถูกบันทึกไว้ในแต่ละเซลล์ ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของจิตวิญญาณนั้นๆ

    คนที่ไปหาหมอดู มีความเชื่อ และ ข้อมูลอยู่ก่อนแล้ว การจดจ่อของเค้า ทำให้เกิด ผังภาพที่ชัดเจนขึ้น และทำตัวเป็นสถานีส่งพลังงานออกมา เป็นคลื่น เมื่อมาเจอหมอดูที่มีสถานีรับ ด้วยคลื่นความถี่เดียวกัน จึงรับภาพ และประมวลเรื่องราวออกมาได้...เดรดว่า...นะค่ะ
     
  19. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    คุณ zip เปรียบเทียบได้เห็นภาพดีนะครับ ;aa44
    ผมเลยได้ไอเดียในการอุปมาอุปมัยต่อว่า

    เมื่อจิตจดจ่อกับตัวตนภายนอก ที่บังคับ ร่างกายเนื้อหนัง หรือเครื่องยนต์แห่งกรรม เวลาที่ใช้เป็นเวลาของเครื่องยนต์แห่งกรรม ที่เดินเป็นเส้นตรง ตามมิติของช่องว่าง และระยะทาง

    แต่ถ้าจิต เปลี่ยนการจดจ่อมาที่ตัวตนภายใน ซึ่งปราศจากตัวตน เวลาที่ใช้จะเปลี่ยนมาเป็นเวลาของจิต ที่เป็นปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในช่องว่าง ระยะทางเหมือนเดิมก็ตาม (sing)
     
  20. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ขอบคุณคุณ mead สำหรับแผนผังของขันธ์ 5 นะครับ เห็นชัดแจ๋วเลย ;aa44

    พออ่านบทความคุณ mead ทำให้ย้อนกลับมาดูว่า เราเคยมองเห็นดอกไม้ ตัวเราเอง หรือบุคคลรอบข้างจริงๆหรือไม่?


    ดอกไม้ เมื่อเรามองเห็นครั้งแรก เรารู้สึกถึงความงดงาม ประทับใจ และตราตรึงใจ

    แต่เมื่อมองครั้งที่ 2 และครั้งต่อๆไป กลับไม่เห็น และสัมผัสได้เหมือนครั้งแรก

    นั่นเป็นเพราะอะไร??


    เพราะเรามองผ่านสัญลักษณ์ในชุดข้อมูลความเชื่อที่เรามีต่อดอกไม้ใช่หรือไม่?


    ชุดข้อมูลความเชื่อ
    นั้นประกอบด้วย อารมณ์ ความรู้สึก ที่เราเคยประทับใจ และตราตรึงใจ
    ข้อมูลชื่อ และศัพท์ทางวิชาการเกี่ยวกับดอกไม้นั้นๆ
    ความเชื่อที่เกิดจากการตีความ ที่เรามีต่อข้อมูลวิชาการของดอกไม้นั้น


    เมื่อเรามองผ่านข้อมูลดังกล่าวในครั้งที่ 2 เราจึงไม่สามารถเห็นความงดงามของดอกไม้ได้เหมือนกับครั้งแรก ความสนใจที่เราเคยมีให้ จึงเป็นความสนใจที่มองผ่านชุดข้อมูลความเชื่อมือ 2 ของเราเอง


    จนกระทั่งเรามีสติรู้ว่า สิ่งที่เรามอง และตัดสินนั้น ล้วนมาจากชุดข้อมูลความเชื่อของเรา เมื่อนั้นเราจึงสามารถสัมผัสกับความสดใหม่คุณสมบัติของดอกไม้ได้อีกครั้ง ที่นั่นคือความเป็นปัจจุบัน ที่ไม่มีความแตกต่างระหว่างเรา และดอกไม้


    ดังนั้นผู้ที่มีความสามารถในการมองเห็น หรือสายตายาวอย่างที่คุณ zip ว่าไว้ เค้าเห็นข้อมูลความเชื่อที่เรามีต่อตนเอง บุคคล และสภาพแวดล้อมหรือเปล่า?


    และถ้าเราสามารถตระหนักได้ถึงข้อมูลความเชื่อของเรา เราจะสามารถเปลี่ยนแปลง software นี้ได้หรือไม่? (sing)
     

แชร์หน้านี้

Loading...