ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

วันนี้ได้พบพระอาจารย์ยุคลธรณ์ คณะ ๑ วัดปทุมวนาราม
ท่านกล่าวว่า ถ้าถูกตีหัว แปลว่าเดิมเคยตีหัวเขามา
เรียนถามท่านว่า ทำไมจึงคิดว่าเราเคยตีหัวเขา ไม่ใช่เขาเริ่มก่อกรรมใหม่่
ท่านบอกว่า ถ้าเราไม่ก่อกรรมดีหรือกรรมชั่วในขณะนี้ สิ่งที่เกิดกับเราเกิดจากกรรมในอดีตทั้งสิ้น
ที่เกิดเป็นมนุษย์ก็เพราะมีศีล ๕ ครบ ที่มีกินมีใช้ก็เพราะให้ทาน คนเกิดแถวนี้มักมาจากเทวดา ถ้ามาเกิดจากนรกจะไปเกิดแถวเอธิโอเปีย
ความดีตอนนี้จะไปให้ผลในเบื้องหน้า ความชั่วตอนนี้ก็จะไปให้ผลในเบื้องหน้าเช่นกัน
ที่มาพบกัน ได้ไปแลกเปลี่ยนสนทนาธรรม ก็เพราะมีกรรมเนื่องกัน
เราเกิดมาไม่รู้กี่ชาติภพ กรรมตามมาละเอียดซับซ้อน ถ้าไม่พิจารณาก็ไปวนเวียนจองจำต่อไป มีวิธีเดียวคือหนีกรรมโดยการสะสมบารมีไปนิพพาน เมื่อไปได้ก็ไม่ต้องชำระหนี้ต่ออีก

เขามาฆ่าเรา เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรเรา แต่เขาเลือกที่จะผิดศีล ถ้าเรายังไม่หลุดพ้นเราก็มาฆ่าเขาอีกในชาติถัดไป เว้นแต่ว่าในภพชาติข้างหน้าเรามีปัญญาได้พิจารณาคำสอนพระพุทธองค์ เห็นว่าการฆ่าเป็นบาป ใครเอาเงินมาจ้างก็ไม่ไป

กรรมของประเทศปัจจุบันจองกันมาจากอดีต พระสุปฏิปันโนบอกให้วางอุเบกขา ทำหน้าที่และความดีของเราต่อไป ไม่ใช่เราไม่รักบ้านเมือง แต่เราจะไม่หนุนคนที่จะผิดศีล

เพื่อพิจารณาค่ะ

 

อนุโมทนาบุญครับ กับความรู้และแนวคิดต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อทุกๆอย่างครับ

 

รู้ก่อนติดแก๊ส แอลพีจี-เอ็นจีวี...ดีด้อยต่างกัน

​

แม้ช่วงนี้จะมีข่าวดีเล็ก ๆ กับราคาน้ำมันที่เริ่มปรับลดลง ชั่วโมงนี้ประชาชนที่ยังจำเป็นต้องใช้รถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ส่วนตัว ไม่รอให้รัฐบาลมาพยุงราคาน้ำมัน หรือรอน้ำมันลดราคา รีบออกมาจัดการปัญหาราคาค่าใช้จ่ายจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ด้วยการนำรถไปติดตั้งแก๊ส

ปัจจุบันสถิติรถยนต์ใช้ก๊าซ เชื้อเพลิงทั่วประเทศมี 309,064 คัน แบ่งเป็นรถที่ใช้ก๊าซแอลพีจี 256,083 คัน และใช้ก๊าซเอ็นจีวี 52,981 คัน จากตัวเลขความต้องการที่สูงขึ้น ตัวรัฐบาลเองก็ปรับ ตัวไม่ทันกับความต้องการของประชาชน จะเห็นว่าเรื่องของการออกมาตรฐานรับรองเรื่องของอู่ หรือให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับการติดตั้งแก๊สยังไม่มีหน่วยงานจากภาครัฐออกมาให้ความรู้อย่างจริงจัง ก่อนจะพารถคู่ใจไปยังอู่ติดตั้งแก๊ส มาทำความรู้จักกับแก๊ส 2 ชนิดกันก่อนคือ NGV และ LPG

ยานยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Natural Gas Vehicles หรือเรียกย่อ ๆ ว่า NGV หมายถึง ยานยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัด (Compressed Natural Gas : CNG) เป็นเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงประเภทฟอสซิลอย่างหนึ่ง พบ ในแอ่งใต้ดิน หรืออาจพบร่วมกับน้ำมันดิบ

​

คาดว่าจะเป็นแหล่งพลัง งานหลักที่จะนำมาใช้ได้อีก 60 ปีข้างหน้า ปริมาณสำรองที่มีข้อมูลแล้วทั่วโลกเมื่อปี 2541 มีปริมาณ 5,086 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต พบมากที่สุดในสหภาพโซเวียตเดิม มีปริมาณ 1,700 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ​

ส่วน LPG คือคำย่อ ซึ่งได้มาจากตัวอักษรหน้าของก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas) และเป็นส่วนประกอบที่เบาที่สุดที่มีอยู่ในน้ำมันปิโตรเลียม LPG เป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนมีหลายชนิดด้วยกันขึ้นอยู่กับการรวมตัวของคาร์บอนอะตอม และไฮโดรเจนอะตอม ได้แก่ โพรเพน โพรพิลีน บิวเทน บิวทีลีน เป็นต้น ​

มีส่วนประกอบที่สำคัญคือโพรเพน และบิวเทน ก๊าซเหล่านี้มีคุณสมบัติพิเศษที่ว่า เมื่อได้รับความเย็นหรือความดันจะเปลี่ยนสภาพเป็นของเหลวได้โดยง่าย ในทางกลับกัน เมื่อให้ความร้อนหรือลดความดันก็จะกลายเป็นก๊าซ ซึ่งจะมีน้ำหนักประมาณ 1.5-2 เท่า ของอากาศ โดยปกติ LPG จะ ถูกทำให้เป็นของเหลวโดยได้รับความดัน และถูกเก็บไว้ในภาชนะความดันสูง ​

​

แอลพีจีมี 2 ชนิด คือชนิดก๊าซบ่อน้ำมัน (oil field gas) ที่ได้จากการแยกและกลั่นก๊าซธรรมชาติที่ได้ (ทั้งแอลพีจี และเอ็นจีวี) และชนิดก๊าซโรง กลั่นน้ำมันที่ได้จากการแยกก๊าซ อันเป็นผลพลอยได้จากการกลั่น น้ำมันดิบ เนื่องจาก LPG มีสภาพ เป็นก๊าซที่อุณหภูมิและความดันปกติ จึงต้องทำให้เป็นของเหลวอยู่เสมอ โดยการอัดความดันหรือแช่แข็ง แล้วต้องขนส่งด้วยเรือที่ใช้บรรทุก LPG โดยเฉพาะ ​

ดูจากตัวเลขการติดตั้งข้างต้นการติดตั้ง แอลพีจีสูงกว่าเอ็นจีวี ปรากฏการณ์นี้ ชัยฤทธิ์ กาญจนาเวส นายกสมาคมติดตั้งแก๊สไทย บอกว่า แอลพีจีใช้ในบ้านเรามา นาน 27 ปีแล้ว ขณะที่เอ็นจีวี เพิ่งมาใช้ เมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา ช่างติดตั้ง ช่างซ่อมบำรุงจะมีประสบการณ์มีความเชี่ยวชาญมากกว่า มีผู้ค้าแก๊สรายใหญ่หลายรายไม่ถูกผูก ขาดเหมือนเอ็นจีวี ดังนั้นจึงหาปั๊มเติมได้สะดวกกว่า อีกทั้งรถยนต์ที่ติดตั้งแก๊สแอลพีจีบรรจุก๊าซขนาดใกล้เคียงกันวิ่งได้ระยะทางมากกว่า ซึ่งระยะเฉลี่ยแอลพีจีต่อถังวิ่งได้ 350 กม. ขณะที่เอ็นจีวีวิ่งได้แค่ 100 กม. อีกทั้งขนาดของถังที่หนัก กว่าแอลพีจี ​

นอกจากนี้ยังรวมถึงราคาค่าติดตั้งเอ็นจีวีสูงกว่าแอลพีจี เหตุ ผลหลักของราคาแพง มาจากราคา ค่าถังแก๊ส เพราะถังเอ็นจีวีต้องใช้ แรงดัน 3,000 ปอนด์ ขณะที่แอลพีจี 300 ปอนด์ ต่างกัน 10 เท่า ดังนั้นเมื่อมีความดันสูง ถังเอ็นจีวี จำเป็นต้องใช้เหล็กที่หนากว่า ถังที่ เป็นเหล็กล้วนที่เรียกว่า Type 1 ราคาอยู่ที่หมื่นกว่าบาท ขณะที่ถัง Type 2 ใช้วัสดุเหล็กผสมไฟเบอร์ กลาสเบาลงอีก ราคาขยับขึ้นกว่า 20,000 บาท และถัง Type 3 ขยับขึ้นมาเกือบ 50,000 บาท น้ำหนักเบาลงมาแต่ยังมีเหล็กผสม และถัง Type 4 เป็นไฟเบอร์กลาส ล้วน น้ำหนักใกล้เคียงกับถังแอล พีจี ราคาตกใบละ 100,000 บาท ซึ่งเมื่อรวมอุปกรณ์ชุดฉีด และค่าติดตั้งเบ็ดเสร็จแล้ว 150,000 บาท ​

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันสูงขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้ ราคาค่าติดตั้งแก๊สแอลพีจีและเอ็นจีวีสูงขึ้นเฉลี่ย 20 เปอร์เซ็นต์ บวก กับราคาเหล็กขึ้น ทองเหลืองขึ้น ​

ส่วนรูปแบบของถังที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถังตามมาตรฐาน มอก. ที่อนุญาตให้ใช้ในประเทศไทยต้องเป็นถังชนิด แคปซูล เท่านั้น ส่วนถังล้ออะไหล่หรือถังโดนัท ไม่ได้รับอนุญาตจาก มอก. ในบ้าน เรา แต่ในต่างประเทศใช้กันแพร่หลาย ปลอดภัยเหมือนกันหากได้รับรอง มอก. รถยนต์ที่เลือกติดถังโดนัทจะไม่ผ่านการตรวจสภาพจาก กรมการขนส่งทางบก ​

สำหรับรถยนต์ที่ใช้เครื่องดีเซล หากต้องการติดตั้งแก๊สต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงถึง 80,000-90,000 บาท เพราะต้องเปลี่ยนลูกสูบใหม่ เปลี่ยนฝาหัวเทียน เพิ่มระบบ ราคา ที่สูงมากจนทำให้ผู้บริโภครับไม่ไหว ยกเครื่องดีเซลออกไปเปลี่ยนมาเป็นเครื่องเบนซินแทน ​

นายกสมาคมติดตั้งแก๊สไทย บอกถึงข้อเท็จจริงของเอ็นจีวี อีกด้านหนึ่งว่า ก๊าซเอ็นจีวีในบ้านเรามีกากมาก คือยังมีคาร์บอน ยัง แยกก๊าซที่ไม่ใช้เชื้อเพลิงออกหมด มีความบริสุทธิ์แค่ 73% เมื่อเทียบ กับเอ็นจีวีของมาเลเซียบริสุทธิ์ถึง 99% เมื่อมีความบริสุทธิ์น้อย ส่งผลให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพเร็ว แม้ขณะนี้ราคาของเอ็นจีวีจะถูกกว่า คือลิตรละ 8.50 บาท และจะปรับขึ้นเป็น 12 บาท ในวันที่ 1 ม.ค. ปีหน้า ขณะที่ราคาแอลพีจีอยู่ที่ลิตร ละ 11.50 ซึ่งรัฐบาลพยายามให้ข่าวเป็นระยะว่าจะปรับราคาแอลพีจี โดยจะแยกเป็น 2 ราคา คือราคาก๊าซหุงต้ม และภาคขนส่ง คาด ว่าจะปรับราคาขึ้นอีก 4 บาทต่อลิตร ​

​

 

<TABLE class=tborder id=post1382646 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>CASIO12<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1382646", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 10:28 PM
วันที่สมัคร: Nov 2007
ข้อความ: 99
ได้ให้อนุโมทนา: 49
ได้รับอนุโมทนา 1,132 ครั้ง ใน 87 โพส
<IF condition="">
</IF>พลังการให้คะแนน: 34


</TD><TD class=alt1 id=td_post_1382646 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->Large Hadron Collider จะกลายเป็นเครื่องมือล้างโลก?

Large Hadron Collider (LHC) เป็นเครื่องเร่งความเร็วอนุภาค ของศูนย์วิจัย CERN ในสวิตเซอร์แลนด์ มีลักษณะเป็นท่อใต้ดินวนเป็นวงกลมยาว 27 กิโลเมตร เป้าหมายของ LHC คือใช้ทดลองเร่งความเร็วอนุภาคแล้วเอามาวิ่งชนกัน เพื่อตรวจสอบทฤษฎีทางฟิสิกส์อนุภาคว่าเป็นไปได้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะ Higgs Boson ซึ่งถ้าสร้างขึ้นมาได้จริงตามทฤษฎี วงการฟิสิกส์จะก้าวหน้าขึ้นไปอีกมาก LHC ตอนนี้กำลังสร้างอยู่และมีกำหนดเปิดใช้งานเดือนพฤษภาคมนี้
อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่คาใจเรื่องความปลอดภัยของ LHC ในหลายประเด็น เช่นว่า การใช้งาน LHC อาจก่อให้เกิดแบล็คโฮลขนาดเล็กขึ้นมาทำลายล้างโลก หรือเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กโลกให้เหลือข้างเดียวได้ ล่าสุดได้มีคนยื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐ ให้กระทรวงพลังงานสหรัฐและห้องทดลอง Fermilab ซึ่งเป็นภาคีสมาชิกของ LHC ชะลอการใช้งานไปอีก 4 เดือนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งทางฝ่ายสนับสนุน LHC เองก็ออกมาโต้แย้งว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าจะเกิดอันตรายขึ้นแต่อย่างใด ส่วนศาลจะรับฟ้องหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างกระบวนการด้านเอกสาร
ข้อมูลประกอบ



ประกาศ....อีก 12 วัน จะเดินเครื่องแล้วครับ
<!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("1382646")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>



หน้าตาของมัน



สถานที่ระหว่างฝรั่งเศส และ สวิส



temperatures generated: more than 1000,000 times hotter than the sun's core

จะเกิดความร้อนสูงกว่าใจกลางดวงอาทิตย์ ล้านเท่า

We don’t even know what to expect," says French physicist Yves Schutz. "We’re now in a domain of energy that nobody has ever explored."

เราอาจจะเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด

The idea is to focus all this incredible energy into the smallest space possible. As they say, "the more energy goes in, the more massive the particles that come out". How massive? How about a miniature black hole?

พลังงานมหาศาล หลุมดำ จะเกิดอะไรขึ้น
<TABLE class=tborder id=post1382688 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_1382688 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">เพราะความอยากรู้

http://www.lhc.ac.uk/index.html




เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าจับตาครับ เพราะผลแห่งการทดลองนี้ ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้

ตั้งแต่

จะเกิดหลุมดำหรือไม่
จะเกิดสนามแม่เหล็กแปรปรวนจนทำให้โลกหยุดหมุนหรือไม่
จะเกิดพลังงานการทำลายล้างครั้งรุนแรงยิ่งกว่านิวเคลียร์หรือไม่ ที่แน่ๆพลังงานความร้อนสูงกว่า แกนกลางดวงอาทิตย์แสนเท่า
จะเกิดการเปิดประตูมิติครั้งใหญ่เชื้อเชิญสิ่งที่ไม่พึงปรารถนามาสู่โลกหรือไม่

อีก 11 วันได้รู้ครับ

หากเหตุการนี้เกิดผลด้านลบรุนแรงกับฝรั่งเศส ขอให้ลูกหลานหลวงพ่อที่อยู่ต่างประเทศกลับไทยกันได้ครับ

การทดลองนี้ เป็นการเร่งความเร็วของอนุภาคให้มีความเร็วกว่าแสงตามทฤษฏีของไอน์ไตน์

มุ่งเน้นว่า อาจทำให้ได้ค้นพบ ความลับสู่การวาปพ์ เดินทางผ่านรูหนอน ผ่านมิติในอวกาศได้

แต่ผลกระทบจากการทดลองนี้ยังไม่อาจคาดเดาได้ครับ ดังนั้นจับตาดูเอาไว้ก็ดีครับ

ทุกๆเรื่องมารวมๆ กันในช่วงเดือนนี้ด้วยกันทั้งสิ้นครับ

The Large Hadron Collider

This site introduces the most exciting scientific adventure of the next decade and is for anyone interested in how we might answer some of the fundamental questions we have about the Universe we live in.
<!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("1382688")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>
<!-- / message -->
<!-- / message -->

 

เท่าที่อ่านคำทำนายมาเยอะเยอะ ในบอด ที่จำได้คือ ฝรั่งเศส โดนบุกเมื่อไหร่ เมื่อนั้น คนไทยในต่างประเทศ ควจจะกลับเมืองไทยได้เลย

 

หมอนิดทำนายเหตุการณ์ในเดือน
กรกฎาคม,สิงหาคม,กันยายน 2551​

​

เดือนกรกฎาคม เป็นดาบแรกที่ตะลุยฟันอริราชศัตรูจนโงหัวไม่ขึ้น เข้าทุกดอกตอกจนทรุด ในช่วงนี้ยังอยู่ในเดือนกรกฎาคมอาถรรพ์ความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ความรุนแรงสามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะและทุกสถานที่!!

ซึ่งจะลามต่อเนื่องข้ามเข้าเดือน สิงหาคม ความปั่นป่วนจะมีขึ้นต่อเนื่องและน่าเป็นห่วงมากกับสถานการณ์ที่รุนแรง และเป็นไปได้มากที่ทหารจะต้องออกมาควบคุมสถานการณ์ในเดือนสิงหาคมนี้ เพราะลำพังจะอาศัยกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะเอาไม่อยู่เพราะฝูงชนจะออกมาเรือนแสนทั้งสองฝ่าย(ขออย่าให้เกิดเลย) และการยั่วยุ,ทำร้าย,ทำลายข้าวของรวมทั้งสถานที่ต่างๆ เริ่มจะเกิดขึ้น(อยากขอร้องให้ทุกฝ่ายใช้สติ เพราะเดือนสิงหาคมเป็นเดือน...สิริมงคล...ขอให้เป็นเดือนมหามงคลเถอะครับ)

ในขณะเดียวกันเดือนสิงหาคมก็เป็นเดือน “อริ” กับดวงของผู้นำอย่างรุนแรง! ค.ร.ม.ที่นำโดยท่านนายกสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี จะประสบกับมรสุมรุนแรงมากและมีสิทธิ์ที่จะไม่ผ่านเดือนสิงหาคมด้วยซ้ำ!!! ใครก็ตามที่ได้รับการทาบทามให้เข้ามาร่วม ค.ร.ม.ชุดใหม่นี้ ขอให้คิดให้ดีก่อนเพราะเกรงว่าเสื้อผ้าหรือชุดสูทที่ใส่มาเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ยังไม่ทันถอด... หรือถอดซักยังไม่ทันแห้งก็ "พังครืน” ซะแหล่ว เอาว่าท่านผ่านเดือนสิงหาคมไปได้แบบตาเหลือกก็ตาม...เคราะห์ยังตามติดจนแทบไม่ต้องหายใจเพราะเป็นเดือนอันตรายอย่างมากเรียกได้ว่า...อย่าลืมหายใจ...นะท่าน(เขียนซะตื่นเต้น)

เดือนกันยายน ประชาชนจะมี 3 กลุ่ม ผู้มีอาวุธจะมี 2 ฝ่าย !? จบแล้วครับเมื่อยมือขอพักก่อน

น่าเป็นห่วง....!!! (ด่วน)

ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน ผมรู้สึกเป็นห่วงประเทศไทยของพวกเราทุกคนเหลือเกิน เพราะประเทศไทยของเราที่เคยร่มเย็นเป็นสุข และประชาชนที่เคยรักใคร่สามัคคีกันมาตลอดนั้น อีกไม่นานประเทศของพวกเราคงจะต้องแบ่งเป็น “ประเทศไทยเหนือ...ประเทศไทยใต้” ซ้ำร้ายไปกว่านั้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของเราอาจจะต้องกลายเป็น เขตปกครองพิเศษหรือรัฐอิสระไป

ขอให้ทุกท่านทุกฝ่ายรวมทั้งเจ้าหน้าที่ ของบ้านเมืองทุกหน่วยงานทุกองค์กร รีบหาทางป้องกันและวางแผนจัดการให้ดีอย่างรีบด่วน โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นต้องรีบหาข่าวในทางลับโดยด่วน!! อันตรายครั้งใหญ่กำลังจะเกิด!! เพราะเป็นแผนดึงความสนใจให้ออกจากกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอย่างหนึ่ง มันเป็น “กับระเบิด” ครั้งยิ่งใหญ่ที่มีการวางแผนไว้อย่างน่ากลัว

“อย่าหลงเชื่อ” แต่ใจหนึ่งก็ภาวนาขอให้เกิดสันติสุขขึ้นจริงๆ ไม่รู้ทำไมใจผม “ไม่เชื่อ” ก็ไม่รู้ซ้ำยังสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายรุนแรงขึ้นในเร็วๆนี้ “หนักมาก” และเกรงว่าจะลามไปยังจังหวัดใกล้เคียงด้วย ขอให้ตรวจเข้มขึ้นกว่าเดิมทุกที่ทุกแห่งรวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวด้วย

ผมไม่ได้เขียนเพื่อให้ทุกคนกลัว แต่ขอเตือนให้ระวัง! ขอความกรุณาอย่าได้ตำหนิติเตียนผมเลยในช่วงนี้ ผมห่วงด้วยใจจริงถึงผมจะถูกตำหนิ แต่เหตุการณ์สงบได้จริงๆ ผมก็ดีใจยิ่ง ผมขอเอาใจช่วยครับ(มันมีนัยแอบแฝงที่น่ากลัว)

ประเทศไทยเหนือ-ประเทศไทยใต้ ผมเคยเขียนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548-2549 แล้วและกำลังจะกลายเป็นจริงในอีกไม่นาน.... “ถ้า”....? ไม่รีบตัดไฟแต่ต้นลม!! “รีบตื่นเถิด”

ด้วยความเคารพ
จากหมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)
18 กรกฎาคม 2551

ปล. เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดสามารถที่จะเกิดขึ้น ก่อนกำหนดได้ทุกเมื่อและยิ่งเข้าเดือน.......? อันตรายสุดๆ !!

ที่มา http://www.mornid.com/home.php

“พล.อ.ปรีชา” นับถอยหลัง“รัฐบาล”เหลือเวลา 5 วัน
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 กรกฎาคม 2551 21:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ​

เมื่อเวลาประมาณ 19.25 น.วันที่ 27 ก.ค.51 พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตรองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการพลังแผ่นดินพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวาน ว่า เหลืออีก 5 วันแล้ว สำหรับรัฐบาลเวลาสิ้นสุดของท่านกำลังจะมาถึง เพราะสัญญาณออกมาแล้ว ที่นครสวรรค์ทหารได้ออกมาแล้ว ตนไม่แปลกใจ เพราะเพิ่งลงมาจากลำปาง นี่คือ สัญญาณอันตรายสำหรับรัฐบาล

ที่มา http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000088181
<!-- / message --><!-- attachments -->

 

เค้าดาวการทำงานของเครื่อง lhc กันครับ

http://www.lhcountdown.com/

 

ดาราศาสตร์ไทยชี้ ไทยเห็นสุริยุปราคา 1สิงหาคม พ.ศ.2551



เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (27 กรกฎาคม) นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต นักดาราศาสตร์ไทยปราชญ์ชาวบ้าน จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวที่หอดูดาวบัณฑิต ตลาดบางบ่อ อ.แปลางยาว จ.ฉะเชิงเทรา ว่า

"จากที่จะมีปรากฏการณ์ดาราศาสตร์สุริยุปราคาเต็มดวงในต่างประเทศ และเห็นได้บางส่วนในประเทศไทยวันที่ 1 สิงหาคมนั้น การตื่นตัวด้านดาราศาสตร์ จ.ฉะเชิงเทรา สถานศึกษาต่างๆ ได้แก่โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา และโรงเรียนไผ่แก้ววิทยา อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา จะได้นำนักเรียนศึกษาปรากฏการณ์ตรงในปรากฏการณ์ดังกล่าว พร้อมนำนักเรียนบันทึกภาพปรากฏการณ์ผ่านกล้องโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบการเกิดปรากฏการณ์"

​

ทั้งนี้ นายวรวิทย์ กล่าวต่อว่า การชมปรากฏการณ์ในประเทศไทยที่เห็นสุริยุปราคาบางส่วนในวันนั้น จะเห็นได้ทั่วประเทศแต่เวลาที่เกิดเหตุต่างกันเล็กน้อยตามสถานที่ตั้งแต่ละภูมิประเทศ เช่น ที่กรุงเทพมหานครเริ่มคราสเข้าสัมผัสที่ 1 เวลา 18.00 น. 2 นาที 33 วินาที จนถึงเวลาดวงอาทิตย์ตก เวลา 18 นาฬิกา 46 นาที 2 วินาที มองเห็นดวงอาทิตย์ถูกบังไป 44.7 เปอร์เซ็นต์

จ.เชียงใหม่ เริ่มคราส เวลา 17 นาฬิกา 53 นาที 59 วินาที ดวงอาทิตย์ตกเวลา 18 นาฬิกา 59 นาที 19 วินาที ดวงอาทิตย์ถูกบัง 57 .3 เปอร์เซ็นต์

จ.อุตรดิตถ์ เริ่มคราสเวลา 17 นาฬิกา 55 นาที 45 วินาที ดวงอาทิตย์ตกเวลา 18 นาฬิกา 53 นาที 05 วินาที ดวงอาทิตย์ถูกบังไป 55.3 เปอร์เซ็นต์

จ.หนองคาย เริ่มคราสเวลา 17 นาฬิกา 54 นาที 34 วินาที ดวงอาทิตย์ตกเวลา 18 นาฬิกา 42 นาที 55วินาที ดวงอาทิตย์ถูกบัง 58.1 เปอร์เซ็นต์

จ.ชลบุรี เริ่มคราส เวลา 18 นาฬิกา 2 นาที 56 วินาที ดวงอาทิตย์ตกเวลา 18 นาฬิกา 43 นาที 31 วินาที ดวงอาทิตย์ถูกบัง 43 เปอร์เซ็นต์

 

มีภาพที่น่าสนใจอยู่ในเว็ปข้างล่างนี้ค่ะ ;k03 เพื่อนๆลองดูนะคะ

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=270381

 

เพิ่มเติมจากเดิมที่นี่ค่ะ

http://www.deewrite.com/special/earthquakeclouds/EQCpage.html

http://earthquakecloud.wordpress.com/2007/10/16/earthquake-clouds-3/

http://blogazine.prachatai.com/user/wadwalee/post/829

http://www.deewrite.com/special/earthquakeclouds/EQCphotos.html

 

เราจะช่วยยกศาสนาขึ้นมาใหม่.......

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

หิมะตกชานนครซิดนีย์ครั้งแรกในรอบ 172 ปี


ซิดนีย์ 28 ก.ค.-สภาพอากาศที่หนาวเย็นในออสเตรเลีย ส่งผลให้เกิดหิมะตกในพื้นที่ชานนครซิดนีย์เป็นครั้งแรก ในรอบ 172 ปี

พายุหิมะที่พักกระหน่ำย่านรอสวิลล์และลินด์ฟีลด์นอกเมืองซิดนีย์ เพียงไม่กี่ชั่วโมงเมื่อวานนี้ ทำให้มีปริมาณหิมะทับถมพื้นที่ในเมืองมากพอที่จะทำให้ผู้คนและเด็ก ๆ ออกมาเล่นขว้างปาหิมะรวมถึงสโนว์บอร์ดอย่างสนุกสนาน อย่างไรก็ดี หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาระบุว่า สิ่งที่โปรยปรายลงมาภายหลังพายุนอกพื้นที่นครซิดนีย์ครั้งนี้ไม่ใช่หิมะ เป็นเพียงลูกเห็บเท่านั้น เนื่องจากอุณหภูมิวานนี้อยู่ที่ 10 องศาเซลเซียส ขณะที่หิมะจะตกลงมาเมื่อมีอุณหภูมิต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยครั้งสุดท้ายที่มีหิมะตกในนครซิดนีย์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2379
อย่างไรก็ดี เด็ก ๆ บอกว่าพวกเขาไม่สนใจว่ามันจะเป็นลูกเห็บไม่ใช่หิมะ เพราะบรรยากาศและความหนาวเย็นที่สัมผัสได้ก็ดูเหมือนกับหิมะตกที่พวกเขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน.-สำนักข่าวไทย


พายุพัดกระหน่ำเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ ตายแล้ว 3 ราย


นิวซีแลนด์ 28 ก.ค.-พายุรุนแรงพัดกระหน่ำพื้นที่เกาะเหนือของนิวซีแลนด์ วานนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 ราย

ตำรวจนิวซีแลนด์ยืนยันว่า พบร่างนักพายเรือแคนู 1 คนที่หายสาบสูญไปตั้งแต่วันเสาร์ หลังถูกคลื่นซัดตกทะเลระหว่างพายเรือท่ามกลางกระแสคลื่นเชี่ยวกราก ขณะที่ชาวประมงอีก 2 คนที่หายตัวไปก็ถูกพบศพแล้วเช่นกัน ส่วนลูกเรืออีกคนหนึ่งได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย
พายุที่พัดกระหน่ำพื้นที่เกาะเหนือของนิวซีแลนด์ วานนี้ ยังทำให้เกิดฝนตกหนัก ระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน และเกิดดินถล่มปิดกั้นถนนหลายสาย กระแสลมแรงทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่น ชาวบ้านหลายพันคนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ หน่วยงานอุตุนิยมวิทยานิวซีแลนด์คาดว่า พื้นที่เกาะเหนือจะยังเผชิญกับพายุรุนแรง และฝนตกหนักต่อไปจนถึงวันอังคารนี้.-สำนักข่าวไทย


ไฟป่าสหรัฐขยายวงใกล้ทางเข้าอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี


สหรัฐ 28 ก.ค.-เจ้าหน้าที่สหรัฐเร่งควบคุมเพลิงที่เผาผลาญพื้นที่ป่าใกล้กับทางเข้าอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี อันมีชื่อเสียงในรัฐแคลิฟอร์เนีย

เจ้าหน้าที่ผจญเพลิงระบุว่า ไฟป่าขยายวงจากพื้นที่เล็ก ๆ เพียง 1.6 ตารางกิโลเมตร จนกินเนื้อที่กว้างถึง 40 ตารางกิโลเมตรแล้ว ขณะนี้มีบ้านเรือนประชาชนกว่า 2,000-3,000 หลังตกอยู่ในอันตราย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้อพยพชาวบ้านไปแล้ว 170 หลังคาเรือนในเมืองมิดไพนส์ ริมทางหลวงสาย 140 ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี ที่อยู่ห่างไปไม่ไกล ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้าภายในอุทยานแห่งชาติเพื่อความปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ผจญเพลิงกว่า 900 นายยังคงเร่งควบคุมเพลิงที่เผาไหม้พื้นที่ป่าริมสองฝั่งของแม่น้ำเมอร์เส็ด
อย่างไรก็ดี อุณหภูมิที่สูงกว่า 38 องศาเซลเซียสและความชื้นในอากาศที่มีน้อยมาก ทำให้การควบคุมเพลิงเป็นไปอย่างยากลำบาก.-สำนักข่าวไทย

http://news.mcot.net/international/inside.php?value=bmlkPTQ3MTk0Jm50eXBlPXRleHQ=

 

คลิป vdo แสงไฟ จาก ไส้ดินสอ

http://vdo.kapook.com/?action=k2.core.vdo.viewvdo&id=8230

 

จีนยังแก้ปัญหามลพิษในอากาศไม่ได้ ขณะที่มหกรรมโอลิมปิกใกล้เปิดฉากแล้ว

​

ปักกิ่ง 28 ก.ค.

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 28 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6451 ข่าวสดรายวัน


ไต้ฝุ่นถล่มซ้ำไต้หวัน



เอพีรายงานว่า สำนักงานอุตุนิยมวิทยา เกาะไต้หวัน ประกาศเตือนภัยพายุไต้ฝุ่น "ฟองวอง" พัดถล่มไต้หวันในวันที่ 28 ก.ค. นับเป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 2 ที่พัดผ่านไต้หวันในช่วงเวลาเพียงสัปดาห์เดียว ประชาชนต่างนำกระสอบทรายมาปิดประตูบ้านป้องกันน้ำท่วมเฉียบพลัน ขณะที่อิทธิพลความแรงของพายุ ทำให้อากาศแปรปรวน เกิดเหตุหินถล่มบริเวณช่องแคบทาโรโก แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังในเมืองฮัวเหลียน เมืองชายฝั่งภาคตะวันออก มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ส่วนที่เมืองจีหลง เมืองท่าสำคัญทางภาคเหนือ มีคลื่นสูงซัดเข้าชายฝั่ง ชาวประมงต้องหยุดการออกเรือหลายร้อยลำเพื่อความปลอดภัย [/FONT]

[FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]

จำนวนคนอ่านล่าสุด 1508 คน
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6423 ข่าวสดรายวัน


ขอบขนมปังมีประโยชน์

รู้ไปโม้ด

nachart@yahoo.com



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>เรียน น้าชาติ

เคยได้ยินมาว่าส่วนของขนมปังที่มีไฟเบอร์มากที่สุดคือบริเวณขอบขนมปัง ทำให้เกิดความสงสัยว่าขนมปังเวลาอบก็ใช้แป้งอบเป็นก้อนเดียว กันไปเลย แต่เหตุไฉนไฟ เบอร์จึงมีปริมาณสูงแค่บริ เวณขอบ ขอความกรุณา น้าชาติช่วยหาคำตอบให้ด้วยนะคะ ขอบพระคุณค่ะ

หนุมหนิม

ตอบ หนุมหนิม

ไม่ใช่ไฟเบอร์ แต่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ดร.โทมัส ฮอฟมานน์ นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยมุนสเตอร์ เยอรมนี เป็นผู้พบว่าขอบขนมปังเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระอันอุดมสมบูรณ์มากกว่าส่วนอื่นๆ ของขนมปัง งานวิจัยของเขามาจากการตรวจสอบขอบขนมปัง เนื้อขนมปัง และแป้งธรรมดา พบว่าขอบขนมปังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า โพรนีลไลซีน (pronyl-lysine) มากกว่าในส่วนที่เป็นขนมปังขาว 8 เท่า ขณะที่แป้งธรรมดาไม่มีเลย หมายความว่าสารต้านอนุมูลอิสระที่ว่า จะเกิดขึ้นต่อเมื่อขนมปังผ่านกระบวนการอบมาแล้วเท่านั้น

สารโพรนิลไลซีนเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาของกรดอะมิโนแอล-ไลซีน แป้ง และน้ำตาล ในขั้นตอนการอบ เรียกว่าปฏิกิริยาเมลาร์ด (Maliiard reaction) ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดสีน้ำตาลบนผิวหน้าของขนมปังที่ผ่านการอบแล้ว และกระ บวนการนี้ยังเป็นตัวสร้างสารให้กลิ่น รสชาติให้ขนมปัง รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ

งานวิจัยบอกด้วยว่าขนมปังที่มีสีน้ำตาลเข้ม เช่น ขนมปังโฮลวีท มีสารต้าน อนุมูลอิสระมากกว่าขนมปังสีขาว และสารต้านอนุมูลอิสระจะยิ่งเพิ่มจำนวนหากก้อนขนมปังที่เข้าเตาอบมีขนาดเล็ก เพราะชิ้นขนมปังเล็กๆ จะมีพื้นผิวที่มากขึ้นในการเกิดปฏิกิริยาในกระบวนการนี้ หากเทียบกับขนมปังที่เป็นก้อนใหญ่ หรือเป็นปอนด์ แต่ฮอฟมานน์เตือนว่า ถ้าพยายามอบขนมปังให้เป็นสีน้ำตาลจนเกรียมมากไป สารเคมีที่มีประโยชน์ก็จะอันตรธานได้ง่ายๆ เหมือนกัน

ทั้งนี้ วิธีการที่ทำให้ขอบขนมปังมีประโยชน์คือการอบ จากที่กระบวนการอบเป็นการเปลี่ยนสภาพที่ยังดิบให้สุกโดยการใช้ความร้อน ซึ่งทั่วไปแล้วเตาอบ จะมีอุณหภูมิระหว่าง 191-232 องศาเซลเซียส ระยะเวลาในการอบขึ้นอยู่กับขนาดและส่วนผสมของขนมปังแต่ละชนิด ในขณะอบจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพและทางเคมีในโด คือ

ความร้อนจะแผ่กระจายไปยังโด กระตุ้นให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีแรงดัน น้ำกลายเป็นไอและแอลกอฮอล์ขยายตัว ช่วยกันดันโครงร่างของโดให้มี ปริมาตรเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันความร้อนในช่วงแรกของการอบจะกระตุ้นการทำงานของยีสต์และเอนไซม์ให้เกิดกระบวนการหมักเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดก๊าซและแอลกอฮอล์ เสริมขึ้นมา ซึ่งโดยปกติยีสต์จะหยุดการทำงานที่ 43 องศาเซลเซียส และจะตายที่อุณหภูมิ 54 องศาเซลเซียส เมื่อความร้อนเพิ่มขึ้นสตาร์ชจะพองตัวและกลายเป็นเจล ขณะขนมปังสุกนี้ สตาร์ชจะเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอะมิโลสจะเคลื่อนย้ายออกจากเม็ดสตาร์ช เมื่อทำให้ขนมปังเย็นและทิ้งไว้นาน อะมิโลสจะเปลี่ยนแปลงกลับ มีลักษณะขุ่นเป็นตะกอนขาวอีกครั้ง

ในระหว่างที่สตาร์ชเกิดเจลนั้นจะดึงน้ำจากโดมาทำให้กลูเตนสูญเสียน้ำ เปลี่ยนสภาพจากเดิมที่เคยยืดหยุ่นกลับแข็งตัวขึ้น ทำให้ได้โครงร่างของเซลล์มีรูพรุน ผนังเซลล์บางเป็นใยเชื่อมติดกัน รูปรีบ้าง กลมบ้าง กระจายอยู่ทั่วไปทั้งก้อนขนมปัง ในขณะเดียวกันเอนไซม์และยีสต์จะค่อยๆ ตายไป เนื่องจากทนความร้อนที่เพิ่มขึ้นไม่ได้

ส่วนผิวนอกของขนมปังจะเปลี่ยนสีเพราะเกิดคาราเมล เนื่องจากความร้อนทำให้น้ำตาลที่ผิวโดเปลี่ยนสภาพเป็นสีน้ำตาล และการเกิดปฏิกิริยาเมลาร์ด จากน้ำตาลและกรดอะมิโน ให้สารสีน้ำตาลเรียกว่ามิลานอยดิน พร้อมเกิดสารให้กลิ่นรส และสุกในที่สุด โดยเกิดการสูญเสียน้ำหนักของก้อนโด 9-10% เนื่อง จากการระเหยของน้ำและสารอื่นๆ[/FONT]

[FONT=Tahoma,]หน้า 24[/FONT]
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6411 ข่าวสดรายวัน


ภัยพิบัติทะเลซุง

คอลัมน์ รู้ไปโม้ด

น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com




<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ผมเป็นคนเชียงใหม่ อยากรู้เรื่องภัยพิบัติทะเลซุงที่บ้านกะทูน นครศรี ธรรมราช ว่าเกิดขึ้นเมื่อไรครับ

เดชา

ตอบ เดชา

ฝ่ายธรณีพิบัติภัย กองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม บันทึกเหตุการณ์ดินถล่มในประเทศไทย ไว้ในเว็บไซต์ของกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2531 เกิดเหตุดินถล่มที่บ้านกะทูนเหนือ อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตประมาณ 230 คน บ้านเรือนเสียหายประมาณ 1,500 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 6,150 ไร่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท

ค้นดูข้อมูลของสื่อมวลชนหลายสำนักในช่วงปีนั้น ระบุว่า เหตุการณ์หายนะครั้งนั้นครอบคลุมพื้นที่หลายตำบลใน จ.นครศรีธรรมราช ทั้ง ต.กะทูน ซึ่งอยู่ใน อ.พิปูน และหมู่ บ้านคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา ซึ่งลักษณะทางภูมิศาสตร์ของทั้ง 2 แห่งเป็นที่ราบหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบและมีป่าอุดมสมบูรณ์

ก่อนเกิดเหตุในเดือนพฤศจิกายน มีพายุฝนตกหนักในพื้นที่ติดต่อกันหลายวันและมีลมพายุพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงจนถึงเวลาค่อนรุ่งของวันที่ 22 ชาวบ้านที่กำลังนอนหลับพักผ่อนภายในบ้านก็ได้ยินเสียงดังโครมครามพร้อมกับมรสุมกระแสน้ำป่าที่ไหลทะลักมาพร้อมกับต้นยางพาราที่หลุดโค่นทั้งรากเข้าถล่มบ้านเรือนที่พักอาศัยอย่างชนิดตั้งตัวไม่ติด

แต่เหตุที่กะทูนเลวร้ายกว่า เพราะนอกจากจะมีต้นไม้ที่มีรากไม้โค่นล้มลงมาถล่มทับแล้วยังมีท่อนซุงขนาดใหญ่หลายพันท่อนที่ขบวนการลักลอบตัดไม้ทิ้งเอาไว้ถูกกระแสน้ำพัดพาลงมาเบื้องล่างด้วย ทำให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านอย่างมากมายมหาศาล

นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปีในเวลานั้น

หลังเกิดเหตุหลายหน่วยงานพยายามเดินทางเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่เต็มไปด้วยความยากลำบาก ช่วงแรกใช้การเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น การค้นหาและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตเป็นไปอย่างต่อเนื่องหลายวัน

เหตุครั้งนั้นส่งผลให้ชาวพิปูนที่รอดตายต้องอพยพไปอยู่อาศัยในที่ต่างๆ หลายแห่ง เช่น กิ่งอำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล ที่ดินป่าสงวนกรุงหยัน ตำบลกุแหระ อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ดินทุ่งนาเมืองชัย ตำบลท่ายาง อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช

เป็นพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้ทรงช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยการจัดหาที่พักอาศัยและพื้นที่ทำกินให้กับผู้ประสบภัยอย่างถาวร โดยจัดตั้งเป็นหมู่บ้าน "จุฬาภรณ์" และอพยพผู้ประสบภัยเข้าไปอยู่อาศัย มีการส่งเสริมอาชีพให้กับราษฎรในหมู่บ้านอย่างครบวงจร

นอกจากนี้ยังมีโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำคลองกะทูนและโครงการ สร้างอ่างเก็บน้ำคลองดินแดง เพื่อป้องกันภัยอย่างถาวรให้แก่ชาวบ้านด้วย

ทั้งนี้สื่อมวลชนยังระบุด้วยว่า ความสูญเสียในครั้งนั้นส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากการตัดไม้ทำลายป่า โดยเฉพาะพื้นที่ที่บ้านกะทูน จุดเกิดเหตุทะเลซุงนั่นเอง

[FONT=Tahoma,]หน้า 24[/FONT]

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=images/corner_line_left.gif> </TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 308 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6451 ข่าวสดรายวัน


"น้ำมัน"ขาลง??

รุ้งตัดแวง

สปาย-กลาส



จนถึงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคา "น้ำมันตลาดโลก" ลดลง 7 สัปดาห์รวด

จากที่เคยพุ่งทะลุ 140 กว่าดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 บาร์เรล (160 ลิตร) ก็ลดเพดานลงมาแกว่งแถวๆ 120 ดอลลาร์กว่าๆ

เมื่อบวกกับนโยบายหั่น "ภาษีสรรพสามิต" น้ำมันของรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ทำให้ราคาน้ำมันบางชนิดในบ้านเราลดระดับจาก 40 บาทต้นๆ เหลือ 30 กว่าบาทต่อลิตร

ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่า มาตรการดังกล่าวของนายสมัครไม่ต่างอะไรกับการ "ซื้อเสียง" ประชาชนล่วงหน้า

และยิ่งกระตุ้นให้ผู้บริโภคกลับไปใช้น้ำมันฟุ่มเฟือยเหมือนเดิม

แต่ทางฝ่ายประชาชนบางกลุ่มร้องว่า "แบกภาระต่อไปไม่ไหวแล้ว ยังไงขอให้ลดราคาลงมาก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง!"

เป็นเรื่อง "ต่างมุมมอง" ที่เถียงกันจนโลกแตกคงไม่ได้ข้อยุติง่ายๆ!

ขณะที่ในกลุ่มนักวิเคราะห์ตามบริษัทการลงทุน-สถาบันการเงินต่างประเทศเตือน อย่าดีใจกันจนเกินเหตุกับราคาน้ำมันช่วงนี้

เนื่องจากมันเกิดขึ้นเพราะ "นักเก็งกำไร" ทั่วโลกต่างถอนตัวออกจาก "การลงทุน" หรือ "การเดิมพัน" ในตลาดน้ำมันชั่วคราวด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น

ปัจจุบันแนวโน้มปริมาณการใช้น้ำมันใน "ตลาดใหญ่" ทั้งสหรัฐ-ญี่ปุ่นต่างปรับตัวลดลง และตัวเลขเชื้อเพลิงสำรองของสหรัฐเองก็สูงกว่าที่คาด

นอกจากนั้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ส่วนสถานการณ์วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำในสหรัฐส่อเค้าดีขึ้น หลังจากสภาคองเกรสเตรียมผ่านกฎหมายช่วยฟื้นฟูธุรกิจภาคที่อยู่อาศัยฉบับใหม่ ทางเลือกในการลงทุนทั้งเก็งกำไรค่าเงินและภาคอสังหาฯ จึงหวนกลับมา

คาดว่าภายใน 6 เดือนข้างหน้า ราคาน้ำมันอาจลงไปถึง 100-110 ดอลลาร์ หรือวนเวียนอยู่ไม่เกิน 120 ดอลลาร์ แต่จากนั้นจะค่อยๆ ไต่เพดานสูงขึ้นอีกครั้ง..

การวางแผนแก้ปัญหาน้ำมันแพงใน "ระยะยาว" จึงต้องทำกันต่อไป อย่าหยุด อย่าประมาท อย่าฝันหวานกับน้ำมันถูกลงชั่วครั้งชั่วคราว![/FONT]

[FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]

</TD></TR></TBODY></TABLE> www.khaosod.co.th<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1000 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" align=center bgColor=#dadada border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD><TD background=images/corner_dg_top_line.gif></TD><TD width=10></TD></TR><TR><TD background=images/corner_line_left.gif> </TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 761 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6451 ข่าวสดรายวัน


ใกล้หมดยุคทอง"เมาส์" "ทัชสกรีน-ท่าทาง"เสียบแทน



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>อีกแค่ 3 ปี เมาส์ที่เราใช้กับคอมพิวเตอร์ ก็จะล้าสมัย....นี่เป็นคำทำนายของสตีฟ เพรนทิซ นักวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรม คอมพิวเตอร์

เพรนทิซ กล่าวว่า ขณะนี้ซอฟต์ แวร์ของระบบทัชสกรีน และการตรวจจับท่าทางของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ก้าวหน้าไปมาก ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง "ไมนอร์ริตี้ รีพอร์ต" ของสตีเฟ่น สปีลเบิร์ก เมื่อพ.ศ. 2545 คงจำกันได้ว่า ในเรื่องนี้ พระเอกควบคุมคอม พิวเตอร์ด้วยมือ

สำหรับผู้ที่ประดิษฐ์เมาส์ขึ้นมาใช้เป็นคนแรกของโลกคือ ดร.ดักกลาส เอนเกิลบาร์ต ประดิษฐ์ขึ้นเมื่อ 40 ปีก่อนขณะทำงานอยู่ที่สถาบันวิจัย สแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ต่อมาพ.ศ. 2515 นายบิล อิงลิช พนักงานบริษัท ซีร็อกซ์ ได้ประดิษฐ์ "บอลเมาส์" ที่หมุนไปได้รอบทิศทาง แทนเม้าส์ที่มีลูกล้อ และพ.ศ. 2524 มีการนำบอลเมาส์มาใช้กับคอมพิวเตอร์พีซีเป็นครั้งแรก

นักวิเคราะห์ผู้นี้ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า "เมาส์นั้นโอเคถ้าใช้กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แต่ถ้ากับโน้ตบุ๊กและเกมคอมพิวเตอร์แล้ว มันไม่เหมาะเลย ดูอย่างเกมนิน เทนโดวีไง ที่ผู้เล่นต้องแสดงท่าทางต่อหน้าคอมพิวเตอร์ นับเป็นการสื่อสาร 2 ทาง หรืออย่างโทรศัพท์มือถือเจนเนอเรชั่นใหม่อย่างไอโฟน ก็ใช้ระบบทัชสกรีน พานาโซนิคมีซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งกับจอโทรทัศน์ให้จดจำใบหน้าเราได้ มันจะได้แสดงเมนูที่เราต้องการ จากนั้นก็แค่เคลื่อนไหวมือไปตามเมนูที่เราจะเลือก"

อย่างไรก็ตาม นายรอรี่ ดูลี่ จากบริษัทลอจิเทค หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตเมาส์และคีย์บอร์ด มีความเห็นว่า "การทำนายว่า เมาส์จะสิ้นสุดความสำคัญภายใน 3 ปีนั้น น่าจะเป็นคำทำนายที่เกินจริง เพราะเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เราปรับไปตามการใช้ของผู้บริโภค แต่การปรับนั้น ไม่ได้ทำลายคุณค่าของเม้าส์แต่อย่างใด"[/FONT]

[FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เมื่อกี้เห็นข้อความนี้ แต่อยากจะส่งไปให้สามีอ่านดู แต่ยังไม่ได้เปิดเข้าไปดู คิดว่าเป็นเวปไซท์ แล้วจะมีเลข countdown หน้านั้นที่ใดที่นึง แต่ส่งไปไม่ได้เพราะสามีเพิ่งเปลี่ยนที่อยู่อีเมลล์ใหม่ จำไม่ได้ เลยกลับมาหน้านี้ใหม่ ลองคลิกดู เหลือเวลา 011 days 01hrs 11 mins 17 sec.

 

เมตตา การปรารถนาดีรักใคร่ต่อสัตว์ทั้งหลาย เมตตาคือความไม่โกรธ
กรุณา เมื่อเห็นสัตว์ทั้งหลายได้รับความลำบากก็ ช่วยผู้ที่ได้รับความลำบากนั้นให้ได้รับความสุข
มุทิตา พลอยยินดีในความสุขความสมบูรณ์ของผู้อื่น
อุเบกขา ความวางเฉยต่อสัตว์ทั้งหลาย โดยมีจิตใจที่ปราศจากอาการทั้ง ๓ กล่าวคือ ไม่น้อมไปในความ
ปรารถนาดี ในการที่จะบำบัดทุกข์ ในการชื่นชมยินดี ในความสุข ของสัตว์แต่อย่างใดทั้งสิ้น … พิจารณาในสัตว์ทั้งหลายพอประมาณ
ด้วยการที่ไม่รักไม่ชัง คือ สละความวุ่นวายที่เนื่องด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา … และมีสภาพเข้าถึงความเป็นกลาง

อย่ายึดมั่นในสิ่งสมมุติทั้งปวง ทำให้เป็นอุเบกขา

 

อนุโมทนา

แต่... อย่าบิดเบือนนะครับ ขอร้องละ

(smile)


http://www.skyd.org/html/sekhi/58/98-Bud_Future.html

 

ปีหน้าอาหารจะแพงขึ้นอีกมาก

เราจะเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพงแล้วนะ


Science News


Crop-production Costs Will Jump Dramatically In 2009, Study Predicts

ScienceDaily (July 25, 2008) — Soaring energy prices will yield sharp increases for corn and soybean production next year, cutting into farmers’ profits and stretching already high food costs, according to a new University of Illinois study

 

ไต้หวันท่าทางจะแย่