เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    คือว่าตอนที่โทรศัพท์หายเมื่อวันจันทร์ เกิดนึกย้อนความหลัง พอดีมันลงช่วง 7 ปีพอดี ที่มีเรื่องให้จิตวิญญาณมันตื่นเต้น นะ อิอิอิ (หรือว่าส่วนตัวชอบเลข 7ก็ไม่รู้นะคับ มันเป็นเดือนเกิดด้วยแหละ)

    ปีนี้
    7ปีก่อน ตอนอายุ 20
    14ปีก่อน ตอนอายุ 13
    21ปีก่อน ตอนอายุ 6ขวบ
    27ปีก่อน ปฎิสนธิ หุหุหุ
     
  2. polneomathx

    polneomathx สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    หวัดดีครับทุกคนในกระทู้ ผมถามไรหน่อยจิครับ คือ...อยากมีรูปบ้างต้องทำไงบ้างอ่ะคับ อิอิ ไม่เคยเล่นกระทู้เลยอ่ะครับ โลเทค จริงๆ T_T รบกวนช่วยทีนะก๊าบ ขอบคุงคับ
     
  3. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    รูปข้างล่างชื่อเราใช่หรือเปล่าครับ เข้าไปที่เมนูแผงควบคุมส่วนตัวนะครับ อยู่บนสุดของหน้าเวปเลย แล้วเข้าไปที่เมนูแก้ไขรูปแทนตัวเองครับ
     
  4. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    คุณเซลก็ตอบได้ดีนะ

    อันนี้ขอตอบตามความเข้าใจตัวเองนะ พี่นักเขียนเห็นอาจจะร้องจ๊ากก็ได้ว่าทำไมคิดเข้าใจไปในแนวนั้น อิอิ

    ความรู้ที่ว่าเซลในร่างกายเปลี่ยนไปทุกๆ 7 ปี สำหรับ zipp แล้ว ทำให้มองว่า ตัวเราในสมัยเด็ก กับตัวเราในสมัยนี้ที่เราเข้าใจว่าเป็นคนเดียวกันนั้น อันที่จริงแล้ว.. ทางกายภาพก็ไม่เป็นคนเดียวกันซะแล้ว เพราะว่าเซลในร่างกายเปลี่ยนเป็นชุดใหม่แล้ว ส่วนนึงที่เราคิดว่าเป็นตัวเราก็เพราะว่าเรายึดว่าเป็นตัวเรา โดยยึดจากความทรงจำที่จำได้

    ในวัยเด็กเราก็มีลักษณะทางจิตวิญญาณแบบนึง ตอนโตมาก็อีกแบบนึง หรือบางคนก็อาจจะยังอยู่แบบเดิมก็ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นกับประสบการณ์ที่เจอมาว่าเปลี่ยนแปลงความเชื่อความเข้าใจเราได้ขนาดไหน บางคนโตมาลักษณะถึงต่างกับตอนเด็กมาก เพราะว่าความเชื่อเปลี่ยนไปมาก คุณสมบัติทางจิตวิญญาณเปลี่ยนไป สิ่งนั้นมันก็สะท้อนออกมาทางร่างกาย

    บางคนก็ไม่ต้องดูเทียบจากตอนเด็กกับตอนโตหรอก บางคน 4-5 ปี ก็เปลี่ยนได้ ถ้าเค้ามีความตั้งใจอยากจะเปลี่ยนตัวเอง อันเนื่องจากความเชื่อความเข้าใจเปลี่ยนไป

    zipp มีเพื่อนคนนึงตอนเรียนม.ปลายก็หน้าตา ท่าทางอีกอย่างนึง ตอนเรียนมหาลัยเจอกันหน้าตา ท่าทางก็เริ่มเปลี่ยนพร้อมๆ กับนิสัยที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป พอตอนเรียนจบก็เหมือนกับว่าเปลี่ยนไปคนละคนเลย เค้าอยากทำตัวให้ดูโฉดขึ้น อันนี้เค้าพูดเองนะไม่ได้คิดเอาเอง ตอนเรียนม.ปลายดูเรียบร้อย มาตอนนี้ท่าทางหน้าตาก็ดูโฉดขึ้นแฮะ โดยที่เค้าก็ไม่ได้ไปทำศัลยกรรมอะไรเลยนะ ไม่ได้ไว้หนวดด้วย แต่เหมือนว่าโครงหน้าจะเปลี่ยนไปหน่อยๆ เพื่อนคนนี้ถ้าเพื่อนบอกว่าดูโฉดขึ้นดูเหมือนจะดีใจนะ

    นี่ก็อาจจะเป็นตัวอย่างนึงของการเปลี่ยนแปลงเซลในร่างกายตามความเชื่อที่เปลี่ยนไปได้หรือเปล่า
     
  5. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    อ๊ะจ๊าก ด้วยครับคุณ zip :z6รู้สึกว่าคำตอบยังตอบได้ไม่ลงตัว ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คงต้องให้พี่นักเขียน และเพื่อนๆมาช่วยๆกัน อิอิ

    แต่ก็ดีอย่างนะครับ ถ้าตอบมาจากความเข้าใจ ถ้าเรายังเข้าใจไม่ดีพอ พอพี่นักเขียน และเพื่อนๆมาช่วยแนะ จะได้ช่วยประคับประคองกันไป ให้เปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ได้ดียิ่งขึ้น (||)
    เห็นคำตอบของคุณ zip คิดถึงนักแสดงมืออาชีพครับ
    รูปร่างหน้าตาเค้า ถือว่าคืองานศิลปะ จะอ้วน จะผอม จะหล่อ ไม่หล่อ สวย ไม่สวย คือ งานศิลปะที่จะปรับเปลี่ยนร่างกายตนเองให้เหมาะสมกับผลงาน
    นี่คือ สิ่งที่เห็นภายนอก ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5
    แต่ถ้ามองเข้าไปที่อารมณ์ ความคิด จินตนาการ ของนักแสดงมืออาชีพ
    เมื่อรับบทบาทใดๆ และต้องการให้ผู้ชมเชื่ออย่างที่เค้าต้องการให้เป็น
    เค้าต้องมีความเชื่อก่อนว่าเค้ามีรูปร่าง และหน้าตา และบุคลิกภาพเป็นอย่างนั้น
    แล้วก็สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ในด้านอารมณ์ ความคิด จินตนาการให้เป็นเช่นในบท และส่งผลออกมาที่รูปร่างหน้าตา และบุคลิกภาพในที่สุด
    เมื่อคนดูได้ดูผลงานนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าเค้ามีบุคลิกภาพเช่นนั้นจริงๆ
    เลยให้นิยามนักแสดงผู้นั้นว่า ดาราเจ้าบทบาท

    แต่ในชีวิตประจำวันเรา ก็แสดงกันได้สมบทบาทกว่านี้อีก ว่ามั๊ยครับ อิอิ ;8
     
  6. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    คำตอบ ของคุณzip และ คุณเซลล์ ก็ค่อนข้างครอบคลุมพอทำความเข้าใจกว้างๆได้ทีเดียวค่ะ แต่เดรดสงสัยนิดนึง นิดเดียวเท่านั้น..นะ

    จากหนังสือ ของอ.อนาลัย(ซึ่งจำไม่ได้อีกแระ ว่าเล่มไหน) อธิบายถึง การผลัดเปลี่ยนของเซลล์ในร่างกาย ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เซล์มีการพัฒนา แบ่งตัว เป็นเซลล์ใหม่ตลอด เพื่อซ่อมแซมร่างกายอยู่ตลอด คือ ประมานว่า ในช่อง ว่าง ระยะทาง และเวลา ในโลกความจริง มีการใช้งานอยู่ตลอด ร่างกายจึงจำเป็นต้องคอยสร้าง และซ่อมแซม ส่วนที่ขาดหายไป

    จะยกตัวอย่าง กับอะไรดีหนอ...เอาเป็นว่า เหมือน วัสดุใช้แล้วหมดไป เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง สบู่ แฟ้บ ยาสีฟันฯลฯ ประมาณนี้ ซึ่งเมื่อเซลล์ ถูกใช้งานไปเรื่อยๆ ขบวนการชีวภาพ ภายใน ก็จะทำการพัฒนา เพิ่ม สร้างขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ เพื่อทดแทนส่วนที่หายไป(อันนี้ ไม่ทราบเข้าใจถูกรึเปล่า...อ่านแล้ว งง ไหมค่ะ) ถ้าไม่ทัน อาจเกิดเจ็บป่วยขึ้น แต่ก็จะหายได้เอง เพราะ ร่างกายมีศักยภาพการรักษา และซ่อมแซมตัวเองอยู่แล้ว

    เพราะฉะนั้น ในร่างกาย เซล์ต่างๆ จึงไม่ใช่ชุดเดิมตลอด แต่ระยะเวลา 7 ปี นี้ อาจหมายถึงการเปลี่ยนยกชุดรึเปล่า...เพื่อนๆ ว่าไงค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2008
  7. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    คุณเดรดว่าไงก็ว่าตามกันครับ อิอิ

    จริงๆ แล้วก็คิดเหมือนคุณเดรดหน่ะแหล่ะ ระยะเวลา 7 ปีก็คือเป็นการเปลี่ยนยกชุดเลย แต่ไม่ใช่แบบว่าเปลี่ยนฉับพลันทีเดียวนะ แต่จะค่อยๆ เปลี่ยนอันเนื่องมาจากการซ่อมแซมร่างกาย

    แต่คิดว่าบางที่อย่างกระดูกคงไม่มีเปลี่ยนนะ

    เอ้อ ลืมเล่าไปเรื่องนึง เมื่อวานอยู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บตรงปลายนิ้วนางด้านขวา เจ็บจี๊ดๆ อยู่ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาแปลกดีทั้งๆ ที่มือก็ยังจับอยู่ที่เมาส์เฉยๆ ยกมือขึ้นมาดูก็ไม่มีตัวอะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2008
  8. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    อ้าว...เล่าแค่นี้เหรอ แล้วไงต่ออะค่ะ มันยังไงค่ะ รู้สึกแปลกแบบไหน แล้วไปไหนต่อ แล้วๆๆๆ????

    ไม่เคลียร์นะเนี่ย...
     
  9. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    อ่า เอ่อ ก็เล่าให้ฟัง(อ่าน) เฉยๆ ครับ เผื่อมีคนแบบว่ารู้สึกเจ็บเพราะโดนแมลงกัดหรืออุบัติเหตุที่นิ้วนั้น เผื่อแบบว่ามันส่งสัญญาณข้ามมาได้ (แค่คาดหวังครับ หุหุ)

    ตอนเจ็บมันก็คล้ายๆ .... อธิบายไม่ถูกแฮะ เหมือนโดนแมลงอะไรกัดหรือเปล่าหนอ แต่มันรู้สึกแป๊ปเดียวแล้วมันก็หายไปนะ ก็ยกนิ้วขึ้นมาดู ไม่เจออะไร ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
     
  10. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    อ๋อ...เข้าใจแระ(ว่าง่ายเน๊อะ)
    ยังงี้ แล้วกันค่ะ ไม่ทราบจะเกี่ยวมั๊ย ตอนที่โพสกระทู้ที่ 5617(ไม่ได้ใบ้หวยนา) เสร็จลูกน้องโดนมีดบาดที่นิ้ว เลือดไหลไม่หยุด เดรดก็เลย...เรียกเข้ามาที่ห้อง ใช้วิธีที่ไปเรียนพลังเอกภพ รักษาดูโดยแตะที่บริเวณแผล ซักพักเลือดก็หยุดไหล(ไม่รู้คิดไปเองเปล่า)

    พอซักพัก คุณ zipp มาตอบต่อ และเห็นข้อความที่โพสมา เลยมาแหย่คุณ zip ต่อ เพราะเอะใจเรื่องนี้เหมือนกัน คิดว่าเด็กคนนี้ ส่งพลังงานบางอย่างมาที่เดรด แล้วผ่านไปที่คุณ zipp เป่า(ว่าเข้าไปนั่น...จะโยงซะอย่าง อิอิ) เรื่องนี้ไม่น่าแปลก เพราะหลังๆ พวกเราชาวห้องวิทย์ ร่วมรู้สึกกันบ่อยมาก จนชินแล้วนะ...กะลังหาคนคุยโม้อยู่พอดีเรย ว่ารักษาคนแร้ววว...อิอิ

    เอ้อ...มาโพสผิดกระทู้ป่าวเนี่ย ขออภัย...แหะ แหะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2008
  11. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ประโยคนี้โดนใจกับฝันเมื่อคืนมากเลยนะครับ เพิ่งจะมาเก๊ท ก็ตอนเห็นประโยคนี้แหละครับ
    ในฝันตีความได้ว่า เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายเรา ทำงานประสานกันอย่างกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว การส่งถ่ายพลังงานจากเซลล์หนึ่งไปอีกเซลล์หนึ่ง เหมือนกับว่ามีศูนย์จ่ายพลังงานอยู่ เป็นผู้จัดสรรว่า พลังงานส่วนนี้จะต้องกระจายไปที่จุดไหนบ้าง และปริมาณเท่าไร
    แต่อุปสรรคที่ทำให้กระบวนการทั้งหลายติดขัด ก็คือ เหตุผลที่เรารับเข้ามา และดูว่าสมเหตุสมผล แต่จริงๆแล้วเป็นแค่เพียงความเชื่อที่เราคิดว่าดี ซึ่งจริงๆแล้วไม่ถูกต้อง
    เมื่อเรานำชุดความเชื่อที่ผิดๆนี้มาใช้ เราจะสร้างรูปแบบใหม่ขึ้นมา เพื่อให้เซลล์ทำงานตาม ทำให้สิ่งที่ควรจะเป็นไป โดนขัดขวาง ส่งผลให้ร่างกายแทนที่จะได้ครบเม็ดครบหน่วย ก็ถูกบั่นทอนลงไป
    ดังนั้นเราจึงควรที่ต้องสำรวจความเชื่อภายในเราอยู่เสมอ ไม่ให้สร้างรูปแบบที่ผิดๆขึ้นมา

    เรื่องวนรอบ 7 ปี มีความหมายได้หลายอย่างเลยนะครับ
    ทั้งความเกี่ยวพันกับต่อมไร้ท่อทั้ง 7 ที่ควบคุมอวัยวะ
    และต่อมไร้ท่อทั้ง 7 ก็เป็นตัวสะท้อนอารมณ์ ความคิดความรู้สึก ภายในเช่นกัน
    รวมถึงลักษณะภายนอกของบุคคล เรียกว่าตำรานรลักษณ์ศาสตร์ก็ได้มั๊ง
    ซึ่งเกี่ยวพันกับรอบอายุในแต่ละช่วงๆ
    ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันหมด

    ต้องถามคุณ zip เหมือนกันว่าตอนที่รู้สึกตอนนั้น แว่ปถึงใครรึเปล่า
    คิดว่าน่าจะแว่ปนะครับ ไม่งั้นคงไม่เอามาลงไว้ในกระทู้ อิอิ
     
  12. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    คุณ zipper ระวังออฟฟิสซินโดรมน่ะคับ บริหารนิ้วบ่อยๆคับ

    สงสัยนับเงินจนเมื่อยนิ้วแน่เลย หุหุหุ


    สงสัยความคิดเรื่องเลข 7 (โดยส่วนตัว)จะดึงดูดเหตุการณ์ตามการจดจ่อกระมังครับ
     
  13. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้แว๊บถึงใครนะครับ

    หลังจากที่โพสตอบคุณเดรดไปซักพัก ก็รู้สึกเจ็บนิดๆ แถวกลางฝ่ามือซ้าย แนวระดับประมาณฐานนิ้วโป้ง เป็นแป๊ปเดียวแล้วก็หาย เจ็บคงเหมือนเข็มตำมั๊ง ผมก็ปกติก็อย่างนี้แหล่ะ รู้สึกเจ็บโดยไม่มีสาเหตุ -_-''

    คุณ axzon ถ้ามีเงินให้นับจนนิ้วเมื่อยก็ดีซิครับ อิอิ
     
  14. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ที่จะถามคุณ zip ก็ตรงนี้แหละ อิอิ

    นอกจากเราจะสื่อถึงกันทางด้านอารมณ์ ความคิด และจินตนาการแล้ว

    ทุกครั้งที่พอนึกถึงใคร ในภาวะที่เราก็ปกติดี และรู้สึกถึงจุดสะท้อนต่างๆในร่างกาย
    หมายถึง เราก็รับรู้ถึงร่างกาย และภาวะจิตใจของคนๆที่เรานึกถึงเหมือนกัน

    ตรงนี้ต้องลองสังเกตดูทั้งหมด ว่าเกิดจากความคิด ความเชื่อ ร่างกายเราเอง หรือเรารับข้อมูลมาจากผู้อื่น

    การรับรู้ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่ทันได้สังเกตุเท่านั้นเอง อิอิ
     
  15. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    จำไม่ได้แระว่านึกถึงอะไรใครอยู่ นึกถึงงานมั๊งครับ -*-
     
  16. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เล่าสู่กันฟัง
    เมื่อคืนกำลังนั่งสมาธิตามปกติ แต่เนื่องจากเพิ่งทานข้าวเสร็จ เลยเว้นช่วงไว้เพราะกลัวนั่งแล้วหลับก่อน ปรากฏอยู่ ๆ คิดถึงเรื่องเงินและ ความรวยขึ้นมา ก็เลยว่าจะกำหนดที่ตาที่สามดูเพื่อจะทำให้มันมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ ขณะกำลังนิ่งคิดนั้น จิตข้างในของเรามันถามกลับออกมาว่า "อยากรวยจริงหรือ" จิตเราก็ตอบเองอีก "ใช่" จิตถามกลับมาอีก
    "แน่ใจนะ" แล้วจิตก็นึกได้โดยอัตโนมัติว่า จิตเมื่อจดจ่อกับเงิน ความรำรวย จิตก็จะดึงดูดประสบการณ์ที่เกี่ยวกับเงินหรือ ความร่ำรวยนั้นขึ้นมาให้มีประสบการณ์ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านบวก คือรวยแล้วสามารถซื้อได้ทุกอย่าง หรือไม่ว่าจะเป็นด้านลบ คือ บางอย่าง เช่นความทุกข์ใจ โรคภัย บางอย่าง ซึ่งแม้คุณจะร่ำรวยก็ไม่อาจจะทำให้คลายจากความทุกข์นั้นได้ จิตยกตัวอย่างอดีตผู้นำคนหนึ่ง ซึ่งแม้จะมีเงินเยอะ แต่ก็ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาบางอย่างในขณะนี้ได้ พลันตัวเราก็ตอบตัวเอง "งั้นเอาไม่รวยและไม่จนแล้วกัน" แค่นั้นจิตข้างในตอบกลับออกมาว่า " นั่นแหละ มัชฌิมะปะทา ทางสายกลาง" ตัวเองก็เลยร้อง "อ๋อ" จิตข้างในบอกออกมาอีกว่า เพราะพระพุทธเจ้ารู้กฏแห่งจักรวาลดี ท่านถึงสนับสนุนให้เราเดินในทางสายกลาง คือทำอะไรไม่ให้สุดโต่งจนเกินไป ให้พอดี ๆ พร้อมทั้งแนะนำให้มนุษย์เจริญพรหมวิหารสี่ เพราะท่านรู้ดีถึงกฏแห่งการดึงดูดของจักรวาลนั่นเอง คือถ้าจิตพร้อมด้วยความรัก เมตตา กรุณาแล้ว จิตก็จะดึงดูดพลังที่เหมือนกันเข้ามาซึ่งเป็นผลดี และ บวกกับตัวเรา และถ้าเมื่อใดที่เราเจอเรื่องทีทำให้จิตชุ่นมัว หรือให้ความรู้สึกในแง่ลบ ท่านจึงให้วางอุเบกขา คือวางเฉยไว้ ช่วงนี้ธรรมมะเดลิเวอรี่ทุกคืนเลย

    พอนั่งสมาธิโดยกำหนดที่หน้าผากขอเห็นภาพเหมือนเดิม คราวนี้ขึ้นเป็นจอทีวี (เป็นแอลซีดี ซะด้วย ทันสมัยขนาด) เสียดายยังไม่ทันเห็นรายกาย อยากดูเหมือนกันว่าจินตวดีรับช่องอะไรอยู่ ภาพหายไปซะก่อน พอนั่งกำหนดอีกที คราวนี้เป็นหุ่นกระบอกขึ้นมาเลย หุ หุ เคยมีคนบอกว่าจินตวดีอาจไม่ก้าวหน้าถ้ายึดติดกับภาพภายใน แต่จินตวดีตอบได้อย่างมั่นใจ ภาพลวงตาของจักรวาลนั้น คือ ภาวะทางกายภาพต่างหาก สำหรับจินตวดีแล้ว โลกแห่งความเป็นจริง คือ ภาวะจิตภายในเท่านั้น
     
  17. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    คงต้องให้เป็น plasma tv แล้วมั๊งครับคุณจินต์ อิอิ
    ภาพที่เราเห็นปกติก็เป็นภาพลวงตาอยู่แล้ว ภาพในฝัน และภาพภายในจะไม่ลวงตาได้อย่างไร
    ภาวะจิตภายในนี่ซิของจริง จริงมั๊ยครับคุณจินต์
    ในฝันยังต้องมาถอดอีกที แยกความเชื่อออกมา แล้วจะพบความเป็นจริงในนั้น
     
  18. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897

    ส่วนตัวเดรด เห็นด้วยกับคุณจินต์ ในประโยคนี้นะค่ะ...
    ภาพภายในที่เราเห็น ไม่ว่าจะเกิด จากความฝัน นิมิตรต่างๆ หรือ อะไรก็ตามที่แว่บขึ้นมาแล้วเรารู้สึกได้ เดรดว่ามันเป็นการส่งสัญญาณข้อมูลความรู้จากตัวตนรวม มาจากจักรวาลอันยิ่งใหญ่ แต่สัญญาณเหล่านี้ ก็จะแตกต่างกันไป แล้วส่งมาถึงเราที่เป็นผู้รับ โดยมาในรูปแบบสัญญลักษณ์บางอย่าง ต่างๆ เพื่อให้เราตีความ ตามแต่ อารมณ์ จินตนาการ และความรู้สึก ของเราเอง

    ยกตัวอย่าง ที่ท่าน อ.อนาลัย เคยกล่าวถึงว่า ความรู้ที่ท่านมาถ่ายทอดให้เราว่า จริงแล้ว มันไม่สามารถจะถ่ายทอดออกมาเป็นอะไรได้ชัดเจน แต่ยังไงเสีย ในโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ ก็จำเป็นต้องมีสัญญลักษณ์ เพื่อการสื่อสาร ในการนี้ท่านใช้ตัวอักษร มาเป็นสัญญลักษณ์แทน

    เมื่ออ่านแล้วก็ต้องตีความตามไป ทั้งแต่ละท่านก็ยังได้รับข้อมูลความรู้เหล่านี้ไม่เท่ากันอีกด้วย เพราะการตีความแต่ละท่านก็แตกต่างกันไป ตามประสบการณ์ อารมณ์ จินตนาการ และ ความรู้สึก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์จำเพาะ ของแต่ละบุคคลอีกด้วย...

    เพื่อนๆว่าไงค่ะ
     
  19. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +470
    ภาพลวงตาของจักรวาลนั้น คือ ภาวะทางกายภาพต่างหาก สำหรับจินตวดีแล้ว โลกแห่งความเป็นจริง คือ ภาวะจิตภายในเท่านั้น
    พี่จินต์นี่เก่งจังนะครับ มีประโยคเด็ดๆในฝันมาเล่าให้ฟังตลอดเลย นับถือๆ
    หุๆ<!-- / message -->
     
  20. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    การตีความ เราจะตีความตาม ประสบการณ์ อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ของเราเอง

    เรื่องบางเรื่อง พูดมาประโยคเดียว ให้อีก 10 คนฟัง

    แต่ละคนก็จะตีความตาม ประสบการณ์ อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ของแต่ละคน เป็นความเข้าใจซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล

    การตีความในฝัน หรือภาพนิมิตร ก็เหมือนกัน

    ภาพ 1 ภาพ เหตุการณ์ 1 เหตุการณ์ ตีความออกมาได้หลายภาวะ ทั้งด้านสุขภาพ ด้านอารมณ์ ด้านความรู้สึกนึกคิด ของบุคคลตัวตนหลากหลายตัวตนที่เกี่ยวพันกันอยู่เป็นระบบ ทั้งเหตุการณ์ในอดีต และอนาคตที่ไปพ้องกัน ซ้อนกันไป ซ้อนกันมา แต่เกี่ยวพันกันอย่างเป็นระบบระเบียบ ทุกอย่างจะมีความเชื่อ เครื่องพราง ความจริงอยู่ภายในนั้นทั้งหมด

    ถ้าไม่มีภาพ ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ต่างๆขึ้นมา เราจะไม่สามารถสื่อสารกันรู้เรื่องเลย

    โดยส่วนตัวก็กลัวว่าเราจะตีความออกมาผิด แต่นั่นไม่ได้เป็นปัญหาอะไรครับ เพราะถ้าไม่ครบถ้วน เราก็รู้ว่ายังไม่ครบถ้วนขาดตกบกพร่องตรงไหน แต่อย่างน้อยการตีความจะช่วยขยายสติสัมปชัญญะเราได้มากทีเดียว สุดท้ายแล้วเราก็จะได้ชุดข้อมูลแทนค่าสัญลักษณ์ต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...