เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ข้อความที่คุณจินต์ คุณเดรด คุณเด็กโชว์พาว คุณเซลล์ว่ามา เห็นด้วยตามนั้น (เล่นง่ายดี อิอิ)

 

เล่นง่ายดีนะครับคุณ zip จริงมั๊ยครับเพื่อนๆ
ตอบมาดีมั๊ยครับ อยากเห็นมุมมองของไอน์สไตน์ซิป อิอิ ;aa21

 

ใครก็ได้ตอบผมหน่อยได้ไหมครับว่าทำไมผมนั่งสมาธิแล้วไม่เห็นอะไรเลยครับ มีแต่ลมหายใจเข้า-ออก ไม่เคยเจอนิมิตรอะไรเลยอ่ะครับ แบบนี้แปลว่าไม่ก้าวหน้าเลยใช่ไหมครับ แย่จัง แต่ผมก็ไม่ได้เสียใจนะครับ สงสัยบุญยังน้อยอยู่ รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

ขอตอบแบบขยายความหน่อยละกันครับ ว่าเมื่ออ่านความคิดเห็นของแต่ละคนแล้วเห็นด้วยกับตรงไหนยังไงบ้าง ดูคิด!!(แซวบางกระทู้นิดหน่อย ไม่มีอะไร อิอิ)

ใช่แล้วครับในฝันเราก็ต้องมาถอดสัญลักษณ์ในความฝันอีกที ข้อมูลที่ได้มาข้อมูลเดียวกันนั้น แต่ละคนจะตีความออกมาเป็นสัญลักษณ์ไม่เหมือนกัน เช่น ข้อมูลที่จะสื่อมาว่า "สุขภาพดี" แต่ละคนก็จะสร้างภาพในฝันไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนเมื่อนึกถึงการมีสุขภาพดีแล้วจะนึกสภาพว่าสภาพนั้นเป็นยังไง เป็นต้น

อืมๆๆ ภาพภายในที่เราเห็นเกิดจากข้อมูลบางอย่าง ที่ผ่านเข้ามาทั้งจากนอกตัวเราและในตัวเรา อย่างเช่นถ้าตอนนอนอยู่เกิดปวดปัสสาวะขึ้นมาตัวตนในฝันเราจะเกิดความรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ อันนี้ยกตัวอย่างน่าอายหน่อยแต่คิดว่าทุกคนคงเคยเจอสภาพอย่างนี้แน่ และ zip ว่าสัญลักษณ์นั้นเกิดขึ้นจากตัวเราสร้างเองจากที่อธิบายไปข้างบน การตีความคือการมาทำความเข้าใจตัวเราก่อนถึงจะตีความได้

หงึกๆ (พยักหน้า) เห็นด้วยว่าเก่งจริงๆ เลย ติดต่อกับครูบาอาจารย์ได้ด้วย

อืมใช่แล้ว แค่ประโยคเดียวต่างคนก็ตีความต่างกันไปได้ และบางทีก็เกิดให้เกิดอารมณ์ต่างกันไปด้วย เช่นบางคนพูดคำหยาบ บางคนก็รับได้เพราะอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เจออย่างนั้นบ่อยอยู่แล้ว ก็ไม่คิดว่าคนนั้นจะหยาบอะไรมาก แต่บางคนอยู่ในสภาะแวดล้อมที่ไม่ค่อยมีคนพูดหรือจะพูดก็ต่อเมื่อโมโหว่าใส่กัน เมื่อได้ยินคนพูดอย่างนั้นจะตีความไปว่า คนนั้นดูหยาบมาก


อ้อ มีเรื่องจะแจ้งเรื่องนึงครับ คือผมติด ป.โท แล้วนะครับ ดีใจมากครับ ตอนที่ดูผลสัมภาษณ์ลุ้นแทบแย่แหน่ะในเต้นตุบตับ ก็ใช้ตามที่ได้เรียนรู้มาครับคือคิดดึงดูดเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เข้ามา ช่วงระยะเวลาที่เตรียมตัว ทั้งตอนสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์ ก็สร้างความรู้สึกว่าเราเข้ามาเรียนแล้ว พยายามรู้สึกถึงบรรยากาศในห้องเรียน สร้างความรู้สึกว่าเราได้แน่ๆ เรียกว่าใช้ทั้งความรู้ความสามารถในการสอบเข้า และใช้วิธีการดึงดูดเส้นทางแห่งความเป็นไปได้จากการอ่านมาจากหนังสือของอ.โนวา อนาลัยเลยครับ

แต่.....
กลางเดือนนี้ก็เริ่มมีเรียนปรับพื้นฐานแล้วล่ะครับ แต่ก็ยังไม่หนักมาก แต่เดือนหน้าอาทิตย์นึงเรียน 4-5 วันเลย บางทีอาจจะได้เข้ามาโพสน้อยลง อาจจะแค่เข้ามาอ่านนะครับ... แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนเรียนจริงจะเรียนกันเยอะขนาดไหนนะครับ

 

ผมก็ไม่เคยเหมือนกันครับ บางทีถ้าคุณมีความคิดว่าอยากเห็นนิมิตก็จะไม่เห็นนะครับ เพราะนั่นใจก็เกิดตัวอยากขึ้นมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามผมก็ไม่อยากให้เอานิมิตมาเป็นตัววัดนะครับ (ตามความคิดผมนะ) ผมทำสมาธิเพราะว่ามันสงบดี ได้เข้าถึงความสงบในใจ ส่วนนิมิตที่เห็นหรืออำนาจจิตที่ได้มาจากการทำสมาธิคล่องๆ เข้าถึงระดับสูงๆ ใครบางคน(ผมจำไม่ได้ครับ) ได้เปรียบไว้ว่าก็เหมือนรถประจำตำแหน่งซึ่งเป็นของแถมมาเมื่อเราได้ไปถึงระดับนั้น

ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์หน่อยล่ะกันครับ แต่ก็ไม่ได้ทำสมาธิเก่งอะไรมากมายนะ ตอนก่อนหน้านี้นั้น ผมใช้ความคิดในการจับลม แต่ช่วงในการสอบเข้าโทนั่นแหล่ะ ที่เริ่มใช้ความรู้สึกในการจับลม เพราะว่าตอนนั้นหัดสร้างความรู้สึกว่าเรียนโท เมื่อใช้ความรู้สึกในการจับลม ก็เหมือนรู้สึกว่าจะนิ่งกว่าเดิมนะ คิดว่าที่ว่าทำสมาธิไปเรื่อยๆ จนคำภาวนาเข้า-ออกหายไปเนี่ย อาจจะเพราะว่าตัวเราเปลี่ยนจากการใช้ความคิดในการจับลมหายใจมาเป็นความรู้สึกแทนก็ได้ ก็เพิ่งได้ลองใช้วิธีนี้ในคืนที่ผ่านมานี่เองครับ อาจจะเลยยังจับจุดยังไม่คล่อง เพราะก่อนหน้านั้นก็ยังไม่เคยรู้สึกแบบที่เค้าเขียนกันว่ารู้สึกว่าตัวหายซักที

 

พี่นักเขียนฯส่งข่าวมาให้พวกเราชาวห้องวิทย์ฯครับ
ส่งเพลงไปให้พี่นักเขียน download
แต่เพิ่งขออนุญาติพี่เค้าทีหลัง เพราะอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่-เป็นอยู่ -ดำเนินไปพร้อมๆกัน อิอิ >>>>


<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>OH MY GOD! เพลงเพราะจัง เสียงใครน้า????
ฝากบอกคุณน้อง Kindred ด้วยค่ะว่าเสียงเพราะมาก
ส่วนหัวหน้าละก็ ต้องยกนิ้วให้เลย ไม่ยักกะรู้ว่ามนุษย์ต่างดาวเสี<WBR>ยงเพราะไม่แพ้มนุษย์โลก


คิดถึงทุกคนค่ะ ช่วงนี้งานยุ่งมากๆ หาเวลาได้ยากมากเลย
มีข่าวดีคืบหน้าคือ หนังสือเล่มแรก โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ
จะเป็น eBook ที่ download ได้ในเร็ววันนี้ ตอนนี้ขยายงานเกี่ยวกับเรื่อง downloadable eBook ไปได้ราบรื่นดีมากเกินคาด อีกไม่นานคงจะทำให้ download ได้ครบทั้งชุด 10 เล่ม และอาจทำได้เร็วกว่า on-line eBook ด้วยซ้ำไป

ขอแสดงความยินดีกับหัวหน้าที่ก่<WBR>อตั้งห้องวิทย์ และทำให้กลายเป็นจุดนัดพบที่<WBR>ประสพความสำเร็จ
เพราะ go on ได้ราบรื่นมาเกือบครบปีแล้วนะ Aug 7 นี้จะ Birthday ห้องวิทย์ฯ ครบ 1 ขวบแล้ว
พี่จะรีบสะสางงานและกล้บไปให้ทั<WBR>น Birthday ค่ะ

Miss you all
พี่นักเขียน



</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขอบคุณ คุณ Zipper มากเลยนะครับ ที่ช่วยแนะนำ ค่อยสบายใจขึ้นหน่อยครับ อิอิ จะพยายามนั่งสมาธิต่อไปครับ ถึงแม้จะไม่เห็นอะไรก็ตาม ขอเพียงมีความสงบก็พอแล้ว ใกล้ครบรอบวันเกิดของ ห้องวิทย์ แล้วเหรอครับ ยินดีด้วยนะครับ แล้วตอนเย็นๆจะเข้ามาดูในห้องอีกนะครับ ขอบคุณครับ

 

อันที่จริงการคิดว่าขอให้สงบก็พอแล้วมันก็เป็นอุบายจิตอย่างนึงนะครับ เพื่อไม่ให้ไปยึดกับความคิดที่ว่าจะเห็นนั่นเห็นนี่ เจอนั่นเจอนี่ เอาเข้าจริง บางครั้งการจับยึดว่าอยากสงบ มันก็กลายเป็นความอยากที่เราต้องละเหมือนกันครับ เช่นบางครั้งจิตเราคิดโน่นคิดนี่ แต่ถ้าเรายึดว่าจะต้องสงบจะต้องว่าง เราก็พยายามดับความคิดนั้น ซึ่งมันก็ไม่ใช่ครับ เราก็ต้องเฝ้าดูความคิดนั้นไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง จะเกิดอะไรก็เกิดไปครับ เราแค่เฝ้าดูมันเกิดดับเท่านั้นเองครับ

ถ้าจิตเรานิ่งแล้วเราไปคิดว่าจิตเรานิ่งแล้วนะ ตอนนั้นจิตเราก็ไม่นิ่งแล้วครับ ถ้าอยากประมวลผลว่าจิตเรานิ่งแค่ไหน ก็ให้มาคิดตอนออกจากสมาธิแล้วครับ

 

อันนี้โดนใจ.....
ทีแรกว่าจะไม่แสดงความเห็นเพราะ ยังฝึกหัดในการทำสมาธิอยู่ ยังไม่เข้าขั้นจิตละเอียด ถึงสัมผัสอะไรได้ ไม่เคยเห้นอะไรเหมือนกัน อย่างเก่งแค่ได้กลิ่นแปลกอะไรบางอย่าง แต่ก็อาจเป็นอุปทาน ไม่ควรใส่ใจกับมัน

เดรดฝึกนั่งสมาธิ เพื่อละวางตัวเองบ้าง ให้จิตนิ่งๆบ้าง เพราะวันทั้งวัน จิตส่งออกนอดตลอด เอาเรื่องนู้นเรื่องนี้ มาเข้าตัว แต่พอเริ่มทำสมาธิไปเรื่อย สิ่งที่คุณ Zipp พูดนี่แหล่ะ เห็นจริงๆนะ เมื่อออกจากสมาธิ กลับสู่โลกความเป็นจริง เรานิ่งขึ้น ในการทำการงาน การคิด วางแผน มันจัดลำดับขั้น มาทีละเรื่อง ไม่ฟุงซ่าน แค่นี้เดรดก็พอใจแล้วค่ะ...ส่วนจะได้อะไร ไปมากกว่านั้น เดรดถือเป็นโบนัส ถ้าถึงเวลาเค้าคงให้รางวัลเราเอง...เน๊อะ

 

(||)ขอแสดงความยินดีด้วยครับคุณ Zipp
ที่ดึงดูดเส้นทางแห่งความเป็นไปได้มาสู่ความจริง..สำเร็จ เย้ๆๆ
ดูท่าจะเรียนหนักหน่อยนะครับ..ขอเอาใจช่วยครับ
เส้นทางของไอสไตน์คนนี้ข้างหน้ายังอีกยาวไกล..จะคอยลุ้นเป็นกองเชียร์อยู่ข้างๆครับ

 

ขอแสดงความดีใจด้วยนะค่ะ....Mr.Zipper


พาพวกมาร่วมยินดี เพียบเรย...อิอิ

 

อ่า ใช่แล้ว สิ่งที่มากกว่านั้นคือโบนัส แต่ผมมีความอายเป็นอย่างยิ่งที่จะบอกว่าทุกวันนี้จิตผมฟุ้งมากเลย 55 ทำงานอยู่จิตแว๊บไปเรื่องโน้นเรื่องนี้อยู่เรื่อย ยังไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่เลย นี่แหล่ะนะ ฝึกทำสมาธิหย่อนๆ ยานๆ ไม่ได้ฝึกบ่อยเป็นประจำทุกวัน

ขอบคุณครับ ครั้งก่อนหน้านี้ที่สมัครเรียนเมื่อ 4 ปีก่อนมั๊ง ใจนึงก็อยากเรียน ใจนึงก็กลัวว่าจะหนัก คิดกังวลไปว่าจะทำโปรเจคจบยังไงเนี่ย จะทำระบบอะไร หาหน่วยงานที่ไหนที่จะไปทำให้ เรียกว่ายังไม่ติดก็คิดกังวลไปโน่นนนนนน แล้วล่ะครับ และแล้วก็ไม่ติด

มาครั้งนี้ เรื่องโปรเจคจบที่เคยคิดกังวลไว้ ไม่ได้คิดกังวลอะไรกับมันเลย คิดสร้างความรู้สึกด้วยว่าทำได้แหล่ะ ขจัดความกังวลหลายๆ อย่างออกไปจากความคิด และสร้างความรู้สึกว่าติดโท อย่างเดียว ขนาดว่าสอบสัมภาษณ์เสร็จยังจะไปหาซื้อหนังสือวิชาที่ไม่ได้เรียนปรับพื้นเลย จนมาฉุกคิดได้ทีหลังว่านี่เรายังไม่ติดเลยนี่นาจะซื้อไปทำไม แต่ตอนนี้ติดแระ เดี๋ยวคงหาเวลาไปด้อมๆ มองๆ หนังสือหน่อย

 

เย้ ขอบคุณครับคุณเดรด (||)

หลังจากสอบสัมภาษณ์เสร็จผมก็คิดไปถึงความฝันที่ว่าเก็บของออกจากหอเลย และก็นึกไปถึงถุงเท้าที่ยังไม่ได้เก็บ ตอนนี้ก็ยังมีเรื่องหลายเรื่องเลยที่ยังทำไม่เสร็จเหมือนกัน แง่มๆ แล้วตอนเรียนจะมีเวลามั๊ยเนี่ย

 

คิดแบบคุณซิปฯคุณเดรดดีแล้วครับ เพราะเห็นเยอะเหมือนกันครับเรื่องอุปทาน..วิปัสณูกิเลสจากจิตที่ปรุงแต่ง คือเห็นไปเอง คิดเอง-เออเอง..จนทำให้เกิดความไข้วเขวสับสนไปแบบสุดโต่ง..สำหรับเรื่องสมาธิส่วนที่สำคัญที่สุดอยู่ที่เรื่อง"สติสัมปชัญญะที่ตื่นรู้"นะครับ เพื่อการรู้จักตัวตนภายในที่แท้จริงของเรา แยก "เงา"กับ" แก่นแท้" ให้ออก การฝึกสติจากการทำสมาธิจะทำให้เกิดความสมดุลย์ในจิต ช่วยให้เราเข้าถึงความหมายและคุณสมบัติของสิ่งที่กำลังเรียนรู้ จะคิด-จะทำ-จะตัดสินใจ-รู้แก้ปัญหา-รู้กระทำ-รู้พัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพจากตัวตนภายใน (ไม่ใช่แบบผู้วิเศษ) และต้องยกระดับจิตสำนึกด้วยพลังอำนาจของตัวเอง เรียนรู้ด้วยการมองหาแสงสว่างทางปัญญาครับ

"ในแสงสว่างนั้น ย่อมมีที่สว่างกว่า
ในที่ที่สว่างกว่าย่อมมีที่สว่างที่สุด"

 

อย่างที่คุณนักเขียนและอาจารย์อนาลัย ท่านได้ระบุไว้ในหนังสือ สำหรับภาพที่เห็นภายในนั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพในฝัน ภาพ หรือ ข้อความที่สื่อผ่านมาที่เรา เราต้องรู้จักแยกแยะให้ออกว่า สิ่งใดคือต้นไม้ และ สิ่งใดคือเงาของต้นไม้ เช่นเดียวกับข้อความหรือภาพที่จินตวดีได้รับในฝัน หรือในช่วงที่จิตสงบ จินตวดีเองก็ต้องนำมาแยกแยะเสียก่อนว่าอะไร คือข้อมูล อะไรคือความรู้สึกนึกคิดส่วนตัวที่เข้าไปปรุงแต่ง นั่นแหละสาเหตุสำคัญที่ชาวเขากะลา จำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องการปล่อยวาง และ ขั้นธ์ห้า เพราะข้อมูลที่ได้รับจะบริสุทธิ์ คือเจือปนไปด้วยความเชื่อส่วตัวน้อยที่สุด

ส่วนการนั่งสมาธิ ตามประสบการณ์ส่วนตัว ถ้านั่งด้วยความอยากเห็น จะไม่เห็น แต่ถ้านั่งเพื่อหวังความสงบ บางอย่างจะมาเป็นกำไร ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอาศัยสติสัมปชัญญะในการพินิจ พิเคราะห์ ว่าสิ่งที่เห็นนั้นมีเงื่อนงำอะไร และบอกอะไรกับเรา

CONGREATULATION ZIPPER GO ON !

 

ขอแสดงความยินดีด้วยครับป๋ม คุณZipper ขอให้เรียนได้โดยง่ายจบได้ไวๆ รวดเร็วเหมือนสินมั่นคง นะครับ ห้าๆๆๆ

 

มีบางอย่างมาฝึกสอนให้จินตวดี ขอพักร้อนไปสงบจิตค่ะ

 

ยิงลีล้วยก๊าบบบบบบบ

(||)ยินดีด้วยก๊าบ คุณZipper ขอให้เรียนจบไวๆนะครับ และขอขอบคุณทุกคำตอบที่มีให้กับ พล ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ สู้ๆ(||)
;aa21สู่อนาคตที่สดใสนะครับ

 

;aa50 ยินดีกับคุณ ZIPPER ด้วยนะคะ..เย้..ขอให้สนุกกับการทำ...โท...จ้า...

 

เอ่อ.. ตอนนี้ก็กำลังนับให้อยู่ค๊า.. แต่เป็นเงินของคนอื่น.. อิอิ..
(||)(||)(||)