เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

เล่นฟีนไฟระวังหน่อยนะครับ..เตรียมรถดับเพลิงด่วน ! อิอิ

 

ถึงว่านะค่ะ เมื่อวานได้กลิ่น(อีกแระ) อะไร ไหม้ๆ ทั้งวัน
หันไปโวยวาย ลูกน้อง ว่า ใครเผาอะไรเนี่ย...??
ที่ไหนได้...วันนี้ ตัวเอง มาจุดพลุฉลอง ให้ห้องวิทย์ฯ นี่เอง
แหะ แหะ...(deejai)
;aa55............;17............;aa55

 

ดีนะ ที่คุณ mead ดับทัน :z12
ไม่งั้นคุณเดรดเผาหมดแน่ อิอิ ;17;17

 

ลองเอาชื่อ login ของมายด์ไปหา ไปเจอกระทู้ไพ่ tarot ถามเกี่ยวกับความรักด้วย จะใช่คนเดียวกันมั๊ยน้อ http://www.ztarot.net/modules/newbb...=1421&forum=1&move=prev&topic_time=1195243297, http://www.ztarot.net/modules/newbb/viewtopic.php?topic_id=1414&forum=1#forumpost5667 และก็ไปเจอ hi5 ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้เข้ามาแล้ว http://mindanaric.hi5.com แต่ก็ไม่รู้นะแหล่ะว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่า

 

ครบรอบ 1 ปีแล้วสินะ จินตวดีไม่มีภาพสวย ๆ ไม่มีลูกเล่น แปลก ๆมาลง มีให้แต่ใจที่แสดงความยินดีกับคุณนักเขียน และ อ.อนาลัย ขอให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ทุกประการค่ะ
only love can say
ด้วยรัก จากใจ จินตวดี

 

คุณซิปฯ นี่ช่างไปค้นหาจริงๆ
ลองอ่านดูการใช้คำแล้วใช่เลยครับ สีลาภาษาแบบนี้
พอไปดูที่ Hi-5 เห็นเพื่อนเค้ามาทักว่า "ม่วย"..ก็โป๊ะเช้ะเลยครับ..ไม่ผิดตัวแน่
เดี๋ยวลองไปหาคำว่า Zipper ดูบ้างว่าจะเจอมั๊ย (อิอิ)
เคยมีเพื่อนเก่ามากคนหนึ่งโทรมา..ถามว่ารู้เบอร์ได้ไง
เค้าบอกว่าใส่ชื่อจริงลงไปใน Google แล้วไปเจอข้อมูล+รวมทั้งเบอร์โทรศัพท์ด้วย
ถ้าหาใครไม่เจอก็ลองวิธีนี้ดูครับ
;aa10

 

ใส่คำว่า Zipper ไปเจออันนึงครับ...>>>>

<TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#807050><TD>บทความที่ zipper เคยส่ง</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#ffcc99 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR borderColor=#000000 bgColor=#cccc99><TD align=left width=512>บทความ(หัวข้อ) </TD><TD align=middle width=49>#ผู้อ่าน </TD><TD align=middle width=120>ผลโหวต(#ผู้โหวต) </TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD vAlign=top align=left width=512> การออกแบบเว็บไซต์ ตอนที่1 Design with Pho... (Graphic&CAD/CAM)</TD></TR></TBODY></TABLE>

แต่ทำมัยลงท้ายว่างี้เอ่ย? >>>>..ตกลงว่าใช่คุณซิปฯคนนี้ป่าวน้อ อิอิ
ปล. ผู้เขียนเป็นผู้หญิงนะคะ แต่ที่ลงท้ายด้วยครับ เพราะทำให้อ่านแล้วลื่นหูดีค่ะ หุหุ

 

โอย...คนห้องนี้ น่ากลัวจริงๆเรย...
ขยันหาข้อมูลกันเหลือหลาย แค่ ชื่อ login ยัง สืบกันได้ขนาดนี้
โชคดีนะเนี่ย ชื่อเรา ใช้นามแฝง...เฉพาะ ที่นี่ ซะด้วยซิ...อิอิ
คาดว่า...คงรอด(มั้ง)

 

ไม่แน่ดอก คุณเดรด เหอๆๆ
มีคุณ zip คุณ mead อยู่ เหอๆๆ

 

บ่ใช่จ้า เคยหาชื่อตัวเองเหมือนกัน ก็มีคนใช้ชื่อนี้เหมือนกัน ยังแปลกใจเลยว่าทำไมถึงใช้ชื่อนี้ล่ะเนี่ย บางทีจะใช้ชื่อนี้สมัครบางเวปก็มีคนใช้ไปแล้ว

แหมไม่ได้มีตาทิพย์นะจะได้รู้ว่าที่เวปอื่นใช้ชื่ออะไร หาเจอเท่าที่ google มันหาเจอแหล่ะ แทนที่จะกลัวคนห้องนี้ ไปกลัว google แทนดีกว่านะ

ปล. ผู้เขียนเป็นผู้ชายนะครับ แต่ที่ลงท้ายด้วยจ้า เพราะทำให้อ่านแล้วลื่นหูดีครับ หุหุ

 

Happy 1st Aniversary ชาวห้องวิทย์ทุกท่านค่ะ

;42ขอต้อนรับสมาชิกใหม่ทุกท่าน พร้อมกับการฉลองในวันนี้ด้วยค่ะ;42

ต้องขอขอบคุณ คุณ Mead ที่นำเพลง รักหนู ไปใช้ประกอบ VDO เพราะทำให้เพลงของพี่นักเขียนมีความหมายมากมายขึ้นอีกหลายเท่า จากลำดับภาพที่ปรากฏใน VDO ทำให้พี่นักเขียนคิดถึงการรวมตัวของพวกเราชาวห้องวิทย์ และการเดินทางไกลของจิตวิญญาณของเราแต่ละคน

เราแต่ละคน เป็นจิตวิญญาณที่มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน เราต่างก็แยกย้ายมาถือกำเนิดเป็นบุคคลตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์ เพื่อแสวงหาและเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ และเรียนรู้ถึงคุณค่าของชีวิตที่เราเลือกมาถือกำเนิด จากมุมมอง จุดยืน และความเชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ของเราแต่ละคน กล่าวได้ว่า เราแต่ละคนมาจากบ้านเกิดเดียวกัน เป็นญาติพี่นัองกัน และเราต่างคนต่างก็จากบ้านเกิด เดินทางไกลเพื่อแสวงหาความรู้ เพื่อเผชิญกับความท้าทายอันเป็นเอกลักษณ์ ในรูปแบบที่เราเลือก

วันที่เราจากบ้านเก่ามา บ้านนั้นไม่ได้เงียบเหงา แต่เป็นบ้านที่เฝ้าคอยความรุ่งโรจน์ ความเอิกเกริก ที่จะเกิดขึ้นเมื่อญาติมิตรทั้งหลาย กลับไปชุมนุนกันอีกครั้ง พร้อมด้วยประสบการณ์อันหลากหลายเป็นอนันต์ บ้านนั้นจะกลายเป็นบ้านที่บรรจุด้วยสมาชิกครอบครัวที่เต็มไปด้วยข้อมูลความรู้ที่กว้างไกลยิ่งไปกว่าเดิม และบ้านนั้นก็ไม่เคยร้าง เพราะมีสมาชิกครอบครัวหน้าใหม่ที่เกิดขึ้นที่นั่น และออกเดินทางไกลไปในทิศทางอื่นๆ ที่รุ่นพี่ยังไม่ได้ไปถึง

เมื่อจิตวิญญาณอันเป็นญาติมิตรทั้งหลาย ได้มีโอกาสกลับบ้านเก่า แต่ละคนย่อมนำประสบการณ์มากมายกลับไปถ่ายทอดให้แก่กันและกัน บ้านเก่าพร้อมด้วยสมาชิกครอบครัวซึ่งเคยมีประสบการณ์อันจำกัด จะกลายเป็นบ้านใหม่ที่พรั่งพร้อมไปด้วยประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆมากมาย ครอบครัวทั้งครอบครัวย่อมมีความก้าวหน้าร่วมกัน ด้วยการนำความรู้ความสามารถของเหล่าสมาชิกไปก่อให้เกิดประโยชน์กับบ้านเก่า และสมาชิกทั้งหลาย

ครบรอบหนึ่งปีแล้วนะคะ ที่คุณ Mead หัวหน้าของเราได้เปิดห้องวิทย์ให้เป็นที่ชุมนุมและรวมญาติมิตรทางจิตวิญญาณ เพื่อให้ญาติมิตรทั้งหลายที่เดินทางไกล ได้แวะมาพักเหนื่อย แวะมาถ่ายทอดแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และแวะมาช่วยเหลือเกื้อกูล และสนับสนุนซึ่งกันและกัน ให้สามารถเดินทางไกลต่อไปได้อย่างก้าวหน้า ก่อนที่จะถึงวันกลับบ้านเก่า และกลับไปพบกับญาติมิตรทางจิตวิญญาณอื่นๆ ที่ไม่ได้แวะมาพักเหนื่อยที่นี่ พวกเขาอาจจะไปพักเหนื่อยและชุมนุมกันที่อื่นๆ เกิดเป็นกลุ่มอื่นๆ ที่มีประสบการณ์หลากหลายแตกต่างไปจากกลุ่มห้องวิทย์ที่เรารู้จัก

แต่สักวันหนึ่ง เราต่างก็จะพบว่า ไม่ว่าญาติมิตรเหล่านั้นจะเดินทางไกลไปยังเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ใด และเผชิญกับความท้าทายใดๆ ไม่มีผู้ใดที่เดินทางไกลไปในเส้นทางที่ไร้ค่า ไร้ประสบการณ์ แต่ละคนย่อมจะได้ความรู้และประสบการณ์กลับบ้านเกิด เพื่อถ่ายทอดให้กับญาติมิตรอื่นๆอย่างแน่นอนที่สุด

ขอขอบคุณญาติมิตรทางจิตวิญญาณทุกท่าน สำหรับกำลังใจ คำหวาน น้ำหวาน อาหารอร่อย และมิตรไมตรีที่ทำให้การแวะมาพักเหนื่อยในห้องวิทย์ เป็นช่วงเวลาที่เป็นเสมือนการซ้อมกลับบ้านเกิด เพื่อเผชิญกับความอิ่ม ที่ได้รับแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับญาติมิตรทั้งหลาย ก่อนที่เราแต่ละคนจะออกเดินทางรอบใหม่ เพื่อแสวงหาประสบการณ์ที่ได้ยิน ได้ฟังจากญาติมิตร ด้วยตนเอง-จากมุมมองอันเป็นเอกลักษณ์(rose)

 

คุณ brotherpray ญาติมิตรทางจิตวิญญาณของเรา ผู้เดินทางไกลไปในเส้นทางอันเป็นเอกลักษณ์ บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้จำเพาะเส้นหนึ่ง ได้ตั้งคำถามว่า อะไรคือวิวัฒนาการของจิตวิญญาณ และ ทำไมต้องหาประสบการณ์

ก่อนที่จะตอบคำถามของคุณ brotherpray เราลองมาพิจารณาความหมาของคำว่า พัฒนาการ กับคำว่า วิวัฒนาการกันดูสักนิดนะคะ เพราะสองคำนี้ มีความหมายที่สัมพันธ์กัน หากเราเข้าใจความหมายที่แท้จริงของสองคำนี้ เราจะเข้าใจความหมายของคำถามและคำตอบได้ดีขึ้น

พัฒนาการ (development) หมายถึง เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือกระบวนการที่ก่อให้เกิดการเติบโต ขยายตัว พัฒนาการเป็นสภาวะที่ยังไม่สมบูรณ์ และไม่หยุดนิ่ง แต่จะต้องเปลี่ยนแปลงต่อไปอีก

วิวัฒนาการ (evolution) หมายถึง การพัฒนาที่นำไปสู่การแปลงสภาวะ วิวัฒนามักเป็นการพัฒนาจากภาวะที่ไม่ซับซ้อน ไปสู่ภาวะที่ซับซ้อนกว่าเดิม วิวัฒนาการเป็นการเคลื่อนไหวในหลายระดับ ทั้งระดับกายภาพและจินตภาพ และก่อให้เกิดแบบแผนใหม่

จะเห็นได้ว่า เมื่อกล่าวถึงวิวัฒนาการ มันครอบคลุมสองส่วนด้วยกันอย่างน้อยคือ กระบวนการที่ทำให้เป็นไป และ ภาวะที่จะเกิดขึ้นเมื่อกระบวนการนั้นๆได้เกิดขึ้นแล้ว

ในที่นี้ กระบวนการที่ทำให้จิตวิญญาณมีวิวัฒนาการ หรือพัฒนาจากภาวะที่ไม่ซับซ้อน ไปสู่ภาวะที่ซับซ้อนกว่าเดิม และก่อให้เกิดแบบแผนใหม่ๆ คิือ การเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ จากมุมมองและจุดยืนอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคลตัวตน แต่ละจุดยืน แต่ละชาติภพ แต่ละเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ แต่ละมิติ

ในระดับกายภาพ เราแต่ละคนต่างก็แสวงหาประสบการณ์ชีวิต เพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ไม่ต่างและไม่น้อยไปกว่าในระดับจินตภาพและจิตวิญญาณเลย ชีวิตในแต่ละวันของเรา ในร่างกายตัวตนที่เป็นกายภาพ เป็นชีิวิตเดียวกับจิตวิญญาณที่แตกตัวมาจากต้นกำเนิด เป็นชิีวิตที่จิตวิญญาณหน่วยนั้นๆเลือกมาเผชิญ ด้วยรูปกาย และสภาพแวดล้อมหนึ่งๆ

เราแต่ละคน หรือจิตวิญญาณแต่ละหน่วยปรารถนาที่จะแสวงหาประสบการณ์ เพื่อเติมเต็มช่องว่าง และเรียนรู้คุณค่าชีวิต เพราะการแสวงหาประสบการณ์ เป็นวิธีการเดียวที่จิตวิญญาณจะสามารถเติมเต็มได้

ตัวตนของเรา คือ ร่างกายเนื้อหนัง เราเติมเต็มเนื้อหนังด้วยการรับประทานอาหาร และบริหารร่างกายได้ด้วยการออกกำลัง
แก่นแท้ของจิตวิญญาณ คือ ความรู้ เราเติมเต็มจิตวิญญาณได้ด้วยการแสวงหาความรู้ การเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ และบริหารจิตวิญญาณได้ด้วยการใช้ปัญญา ใช้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด

การแสวงหาความรู้ทุกรูปแบบ จะเป็นไปได้ก็ด้วยการมีประสบการณ์ เพราะความรู้ที่แท้จริงเกิดจากประสบการณ์โดยตรง ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 ระดับด้วยกันคือ :
1. ความรู้ที่ได้จากการได้ยิน ได้ฟัง เป็นความรู้ที่สถิตย์อยู่ในความจำของผู้ฟัง ซึ่งยังไม่อาจเรียกได้ว่า ผู้รู้ แต่กล่าวได้ว่า เป็นผู้ที่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
2. ความรู้ที่ได้จากการรู้เห็นประสบการณ์ของผู้อื่น เป็นความรู้ที่สถิตย์อยู่ในความจำของผู้รู้เห็น ซึ่งยังไม่อาจเรียกได้ว่า ผู้รู้ แต่กล่าวได้ว่า เป็นผู้ที่เชื่อในสิ่งที่รู้เห็น
3. ความรู้ที่ได้จากการเผชิญกับประสบการณ์หนึ่งๆด้วยตนเอง เป็นความรู้ที่สถิตย์อยู่ในสติสัมปชัญญะของผู้เผชิญกับประสบการณ์ ซึ่งเรียกได้ว่า ผู้รู้

เมืื่อเราแต่ละคน หรือจิตวิญญาณแต่ละหน่วยจากบ้านเกิดมา เราจากมาด้วยพลังผลักดันที่ทำให้จิตวิญญาณรวมแตกตัวเป็นหน่วยย่อย เป็นบุคคลตัวตนแต่ละคน ซึ่งเกิดจากความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเติมเต็ม จิตวิญญาณแต่ละหน่วย หรือบุคคลตัวตนแต่ละคน ซึ่งเป็นเรา-เขา ต่างมุ่งหน้าไปตามเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่เราเลือก

ในทางโลก ในทางกายภาพ เราทั้งหลายเติบโต จากเด็กน้อยๆ และเดินทางไกลไปสู่เส้นทางแห่งความเป็นไปได้มากมายหลายสาย-เป็นอนันต์ เรารู้สึกได้ถึงพลังผลักดันของความปรารถนาภายใน อันเป็นพลังธรรมชาติของจิตวิญญาณที่เป็นปัจจัยที่ทำให้เราต้องแสวงหาความรู้ ต้องการแสดงออกซึ่งความรู้ ความสามารถ และแสดงออกซึ่งการเป็นบุคคลตัวตนของเราอย่างดีที่สุด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ

พลังผลักดันทั้งหลายที่ทำให้เราปรารถนาที่จะได้ จะเป็น จะทำ ทำให้เราสามารถเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ชีวิต ทั้งในระดับกายภาพ จินตภาพ และจิตวิญญาณไปพร้อมกันหมด เราไม่อาจแยกความปรารถนาของตัวตนของเรา จากความปรารถนาของจิตวิญญาณได้ เพราะเราไม่ได้เป็นตัวตนที่ไร้จิตวิญญาณ หากแต่จิตวิญญาณมาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง เราจึงเติมเต็มความปรารถนาของจิตวิญญาณผ่านร่างกายของเรา ผ่านอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดอยู่เสมอ

ต่อคำถามของคุณ brotherpray ที่ว่า อะไรคือวิวัฒนาการของจิตวิญญาณ
พี่นักเขียนขอตอบว่า การเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ด้วยการเรียนรู้ หรือด้วยการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ คือ วิวัฒนาการของจิตวิญญาณ

ต่อคำถามที่ว่า ทำไมจึงต้องหาประสบการณ์
พี่นักเขียนขอตอบว่า เพราะการหาประสบการณ์ เป็นหนทางเดียวที่จิตวิญญาณ ซึ่งคือผู้รู้ จะสามารถเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง จนกระทั่งความรู้นั้นๆสถิตย์อยู่ในสติสัมปชัญญะ หรือสถิตย์อยู่ในการจดจ่ออันคมชัดของจิตวิญญาณ และความรู้ทั้งหลายแปลงสภาพผู้รู้

หากปราศจากประสบการณ์ การแปลงสภาวะจากภาวะของผู้ที่เชื่อ เป็นผู้รู้ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ (rose)

 

อ่านที่พี่นักเขียนบรรยายถึงบ้านเก่าแล้ว รู้สึกคิดถึงบ้านจังเลย วันที่ได้กลับไปเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตา พร้อมกับประสบการณ์เพียบ คงเป็นวันที่วิเศษ สุดบรรยาย

 

;17จองพี้นที่ก่อน เดี๋ยวบ่ายๆกลับมาครับ..

 

ไม่ทันเพื่อนๆอีกแล้ว ตื่นสายเป็นประจำ อิอิ
มาช้ายังดีกว่าไม่มา ;aa8

 

วันนี้ พี่นักเขียน ตอบจดหมาย เดรด ในหลายๆประเด็น เลยอยากนำมาแบ่งปันค่ะ...

สวัสดีค่ะคุณน้องเยาวนิต
ต้องขอโทษด้วยที่ตอบช้า เพราะติดงานอื่นๆค่ะช่วงนี้ อยากตอบคำถามของคุณน้องในกระทู้ เพราะเป็นคำถามที่ดีมากๆ และสะท้อนให้เห็นในความฝันของหลายคนที่เล่าสู่กันฟังทั้งในและนอกห้องวิทย์ฯ แต่ท่านอื่นๆไม่ได้ตั้งคำถามเช่นคุณน้อง ซึ่งพี่นักเขียนเห็นว่า เป็นประเด็นสำคัญที่เราทุกคนควรจะเรียนรู้

หากช่วยนำไป post จะขอบคุณมาก พี่นักเขียนไม่อยากข้ามไปตอบที่กระทู้ เพราะเกรงว่าจะน้อยใจว่าไม่ตอบอย่างเคย ยังรักเหมือนเดิมค่ะ และยังยินดีมีเวลาให้เหมือนเดิม แม้จะตอบช้าไปบ้าง ไม่ว่ากันนะคะ พี่นักเขียนรู้จักใครแล้วไม่เคยลืมค่ะ สัญญาด้วยเกียรติลูกเสีอหญิงเลยค่ะ

จากคำถามของคุณน้อง
...บางที พวกเรามักจะมีกิจกรรมเกิดขึ้นคล้ายๆกัน หรือฝันถึงกัน

ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวว่า ความฝันมักเป็นการสื่อสารสองทางหรือมากกว่านั้นเสมอ ซึ่งหมายความว่า เราสื่อสารกับเขา และเขาก็จะสื่อสารกับเราด้วยในระดับจิตวิญญาณ บางคนเข้าใจว่าหากเราฝันถึงเขา เขาจะฝันถึงเราด้วย มันไม่ได้ตรงไปตรงมาเช่นนั้นค่ะ เพราะความฝันเป็นการสื่อสารที่เป็นสัญญลักษณ์ เราเห็นบุคคลตัวตน สัมผัส หรือมีประสบการณ์ร่วมกับบุคคลตัวตนหนึ่งๆในความฝัน บ่อยครั้งบุคคลตัวตนนั้นๆปรากฏเป็นสัญญลักษณ์ ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง บุคคลตัวตนทั้งหลายในความฝัน ทดแทนบุคลิกภาพจำเพาะ ทดแทนมุมมอง ความเชื่อ และทัศนคติจำเพาะ และบางครั้งก็ปรากฏในภาวะที่เป็นการสื่อสารระหว่างบุคคลอย่างแท้จริง

ผู้อ่านหลายท่านเขียน e-mail มาบอกพี่นักเขียนว่า ประหลาดใจว่า ฝันถึงพี่นักเขียนหลายครั้ง ทั้งที่ไม่เคยรู้จักหน้ากันมาก่อนเลย แต่เมื่อได้อ่านหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยแล้วรู้สึกว่า อยากรู้จักนักเขียน บางคนกล่าวว่าไม่ได้คิดเลยว่าจะฝัน แต่ทำไมจึงฝัน และฝันเห็นพี่นักเขียนเป็นคุณครูของตนเองบ้าง เป็นอาจารย์ใหญ่ในโรงเรียนบ้าง ฯลฯ พี่นักเขียนก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ฝันถึง แถมยกให้เป็นคุณครูอีกด้วย ไม่ทราบว่าตอนเด็กรักครูหรือเปล่า? หรือแอบนินทาครูอยู่หลังห้อง !

ในนัยนี้ พี่นักเขียนเชื่อว่า บุคลิกภาพตัวตนของพี่นักเขียนที่ปรากฏเป็นครูในความฝันของใครต่อใคร เป็นทัศนคติที่บุคคลผู้นั้นมีต่อข้อมูลความรู้ที่ปรากฏในหนังสือ เมื่อผู้อ่านตระหนักว่า ตนเองได้รับความรู้ และพี่นักเขียนเป็นบุคคลตัวตนเดียวที่ท่านผู้อ่านสื่อสารได้โดยตรงทางกายภาพ พี่นักเขียนก็กลายเป็นสัญญลักษณ์เชื่อม หรือเป็นบุคคลตัวตนที่เชื่อมต่อผู้ที่ฝันกับข้อมูลความรู้ หรือครู-อาจารย์ ที่ปรากฏในความฝัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่า จิตวิญญาณของบุคคลตัวตนที่เป็นพี่นักเขียนไปเพ่นพ่านในโลกของความฝันของผู้อ่านทุกท่านนะคะ แต่หมายความว่า ผู้อ่านจำนวนมากใช้บุคลิกภาพของพี่นักเขียน เป็นสัญญลักษณ์อ้างอิง ที่จะเชื่อมต่อสติสัมปชัญญะของตนเองกับ หมวดข้อมูลความรู้ที่พี่นักเขียนรับมา หรือหมวดความรู้ที่พี่นักเขียนเรียกว่า เส้นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา หรือเรียกเป็นชื่อว่า โนวา อนาลัย

-----------------------------------

...น้องสงสัยอย่างนึงค่ะพี่ ขออนุญาติเรียนถาม เพื่อนๆมักเอาน้องไปฝันกันเรื่อยเลย แต่น้องไม่เคยฝันถึงพวกเค้าเลย แล้วเรื่องที่เค้าฝันกัน มักเป็นเรื่องที่กำลังจะเกิด หรือเกิดไปแล้ว เพราะเหตุใดค่ะ หรือว่าจิตวิญญาณของน้องมันเชื่อมง่าย ใครๆเข้าออกได้คลอด

การปรากฏในความฝันของคุณน้องเยาวนิต ก็ไม่ต่างไปจากการปรากฏของพี่นักเขียนในความฝันของผู้อ่านทั้งหลาย เพื่อนของคุณน้องเห็นคุณน้องในความฝันของเขา แต่ไม่ได้หมายความว่า จิตวิญญาณของคุณน้องเชื่อมต่อง่ายกว่าจิตวิญญาณของผู้อื่น หรือไปเพ่นพ่านในโลกของความฝันของเขา แต่บุคลิกภาพของคุณน้องคือสัญญลักษณ์ทดแทนปัจจัยหนึ่งในสภาพแวดล้อมของความฝันของผู้นั้น ส่วนที่ว่า เรื่องที่เค้าฝันกันเกี่ยวพันกับความเป็นจริงของคุณน้อง ทั้งในอดีตและอนาคต เพราะเหตุว่า เราทุกคนคือจิตวิญญาณที่เป็นหนึ่งเดียว เราเชื่อมต่อกันหมดเป็นระบบเครือข่าย การเชื่อมต่อของจิตวิญญาณปราศจากเรา-เขา ไม่มีคำว่าจิตวิญญาณของใคร เพราะจิตวิญญาณไม่ได้อยู่เป็นกลุ่มก้อนในร่างกายตัวตนเดียว

คำกล่าวที่ว่า ความลับไม่มีในโลก เป็นคำกล่าวที่จริงเสียยิ่งกว่าจริง เพราะโลกของความฝันปราศจากเครื่องพราง ปราศจากการแบ่งแยกเรา-เขา เราเป็นส่วนหนึ่งของภาวะจิตของผู้อื่น ไม่น้อยไปกว่าที่ผู้อื่นเป็นส่วนหนึ่งของภาวะจิตของเรา

ในความฝันของเขา-เราปรากฏเป็นสัญญลักษณ์ทดแทนภาวะจิตส่วนหนึ่งของเขา
ในความฝันของเรา-เขาปรากฏเป็นสัญญลักษณ์ทดแทนภาวะจิตส่วนหนึ่งของเรา

จิตวิญญาณส่วนหนึ่งของเรา คือจิตวิญญาณของเขา
จิตวิญญาณส่วนหนึ่งของเขา คือจิตวิญญาณของเรา

-----------------------------------

...อีกอย่างค่ะพี่นักเขียน ตั้งแต่ไปเรียนพลังงานยูเรอัสมา(หาประสบการณ์ไปเรื่อยๆนะค่ะ) พอน้องนั่งสมาธิ มักได้กลิ่นเหม็นแปลกๆ ช่วงแรก กลิ่นแรงจนตกใจ ตอนหลังๆ เริ่มชิน และกลิ่นจางลง แต่ตอนนี้เวลาไม่ได้ทำสมาธิ แต่ถ้านั่งเผลอๆ จิตนิ่งๆ บางทีก็ได้กลิ่นติดอยูปลายจมูก มันเหมือนมาจากในท้องค่ะพี่ หรือเรารับรู้สัมผัสกลิ่นในอวัยวะข้างใน เพราะร่างกายก็มักหมมของเสียอยู่เยอะ เคยถามหลายๆคน ไม่มีใครตอบได้ชัดเจนเลยค่ะ เลยคิดว่าเขียนมาถามพี่นักเขียนดีกว่า ครั้งแรกๆ คิดว่าอุปทาน แต่เป็นเดือนแล้วค่ะ แล้วได้กลิ่นจนจำได้แล้วไม่ผิดเพี้ยนแน่ๆ

การรู้เห็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น มองเห็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในรัศมีที่จะมองเห็นได้ ได้ยินเสียงที่ได้ยินไม่ได้ในสภาพแวดล้อม ได้กลิ่นสิ่งที่ไม่ปรากฏในสภาพแวดล้อม ฯลฯ ล้วนเป็นการรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสภายใน หรือประสาทสัมผัสที่หก หรือรับรู้โดยตรงด้วยจิตวิญญาณ คือรับรู้ด้วยอารมณ์-ความรู้สึกนึกคิด ภาวะที่เราเข้าภวังค์สมาธิ เป็นภาวะที่เรามักรู้เห็นการทำงานของประสาทสัมผัสภายใน หรือรู้เห็นการทำงานตามธรรมชาติของจิตวิญญาณเสมอๆ

จิตวิญญาณไม่เคยอยู่กับที่เป็นกลุ่มก้อนในร่างเดียว ตัวตนเดียว มิติเดียว ชาติภพเดียว หรือเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นเดียว ที่นี่ เดี๋ยวนี้ เฉพาะตัวตนนี้ที่เรารู้จักว่าเป็นเรา
จิตวิญญาณปราศจากขึดจำกัด จิตวิญญาณที่เราเชื่อว่าเป็นของเรา ไม่ได้เป็นของเราคนเดียว มันอยู่ในหลายตัวตน หลายมิติ หลายชาติภพ หลายเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ทุกตัวตนเรา-เขา

หากเราสามารถรับรู้ได้โดยตรงด้วยจิตวิญญาณ หรือด้วยประสาทสัมผัสที่หกตลอดเวลา เราจะรู้เห็นผ่านทุกร่าง ทุกมิติ ทุกชาติภพ พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน แต่การมาถือกำเนิดเป็นบุคคลตัวตน ทำให้จิตวิญญาณเรียนรู้ที่จะจำกัดการรู้เห็นของมัน ด้วยการจดจ่อแต่เพียงเฉพาะสิ่งที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เรารับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าเท่านั้น เพื่อช่วยให้เราสามารถตอบสนองกับภาวะทางกายภาพได้เป็นปัจจุบันทันด่วน ในสภาพแวดล้อมจำเพาะ

แต่ความสามารถตามธรรมชาติของจิตวิญญาณ ซึ่งก็คือการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสที่หก ก็ยังดำเนินต่อไปเบื้องหลังการรับรู้อันจำกัดด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า

แว้บใด ที่สติสัมปชัญญะของเราเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปจากสภาวะทางกายภาพ แว้บนั้นการทำงานของประสาทสัมผัสที่หกจะโดดเด่นกว่าการทำงานของประสาทสัมผัสทั้งห้า ทำให้เราได้ยิน ได้กลิ่น หรือรู้เห็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมของเราได้เสมอๆ ผู้ที่ไม่ได้ตระหนักในธรรมชาติความเป็นจริงข้อนี้ มักจะปลิดเอาการรับรู้เหล่านี้ทิ้งไป โดยเชื่อว่ามันเป็นเพียงภาพหลอน ตาฝาด หูแว่ว หรือไร้สาระ

หากเราติดตามสิ่งเหล่านี้ที่ปรากฏขึ้นในสมาธิ หรือในภาวะที่จิตวิญญาณเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่สภาพแวดล้อมของบุคคลตัวตนอื่นๆ ในมิติอื่นๆ ชาติภพอื่น หรือเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นๆ เราจะเผชิญกับประสบการณ์อันหลากหลาย ที่สัมพันธ์กับตัวตนของเราที่เรารู้จัก ไม่มากก็น้อย บางคนอาจพบที่มาของโรคภัยไข้เจ็บ ที่มาของปัญหา หรือพบทางแก้ปัญหา ที่ปรากฏอยู่ในบุคคลตัวตนอื่นๆ ในมิติอื่นๆ ชาติภพอื่น หรือเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นๆ

...ในห้องวิทย์ มีเรื่องของน้องหมาคุณ mead ที่ไปผ่าตัดช่องท้อง กับ คุณศรีรัตนา ทีมีปัญหาเกี่ยวกับอวัยวะในท้องเช่นกัน ทั้งยังมี คุณฟิดจิ ที่อยู่ดีๆ มาฝันว่าได้ยินน้องร้องเพลง ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันเลย และไม่เคยได้ฟังเพลงที่น้องร้องมาก่อน ซึ่งเธอก็ส่ง pm มาเล่าให้ฟัง ล่าสุดบอกว่าฝันเห็นเพื่อนที่ป่วยอยู่ร้องให้ช่วยว่าเจ็บในท้องมาก ท้องบวม อาการเหมือน น้องหมา คุณ mead กับคุณศรีรัตนาเลย

เราทุกคนดึงดูดประสบการณ์ที่คล้องจองกันเข้ามาสู่ประสบการณ์ชีวิต ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเราเสมอ ประสบการณ์ทั้งหลายที่ปรากฏในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ส่วนตน ประสบการณ์ของคนใกล้ตัว หรือประสบการณ์ของคนไกลตัวที่เรารู้เห็น หรือได้ยิน ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อสนับสนุนโลกแห่งความเป็นจริงของเรา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า เป็นประสบการณ์ที่ปรากฏขึ้นตามความเชื่อของเราก็ไม่ผิด

ทุกประสบการณ์ ปรากฏในเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นต่างๆ หากเปรียบความเชื่อกับก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในบ่อน้ำ มันก่อให้เกิดคลื่นเป็นระลอก ที่กระทบคลื่นลูกต่อๆไป จนชนขอบบ่อ คลื่นแต่ละลูกเปรียบได้กับเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นหนึ่งๆ หรือชาติภพหนึ่งๆ มิติหนึ่งๆ ความเชื่อหนึ่งๆส่งผลกระทบต่อทุกชาติภพ ทุกมิติ ทุกเส้นทางแห่งความเป็นไปได้

ผู้ที่อยู่ร่วมสังคมเดียวกัน ย่อมมีความเชื่อในทิศทางที่คล้องจองกันไม่มากก็น้อย มิฉะนั้นแล้วย่อมจะไม่ได้อยู่ร่วมสังคมกัน
ความเชื่อจึงแบ่งแยกด้วยชาติ ศาสนา สังคม วัฒนธรรม และแม้แต่ภูมิประเทศ

พวกเราห้องวิทย์ แม้จะมีความเชื่อพื้นฐานบางอย่างแตกต่างกัน แต่การมารวมกลุ่มกัน ก็เกิดขึ้นด้วยการมีความเชื่อบางอย่างที่คล้องจองกัน เราจึงพบได้ว่า โลกแห่งความเป็นจริงของเรามักคล้องจองกัน อาการเกี่ยวกับท้อง เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากความเชื่ออันพ้องจองกันความเชื่อหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดภาวะทางกายภาพที่พ้องจองกัน

ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า ความบังเอิญเป็นสิ่งที่ไม่มีจริง เพราะทุกประสบการณ์เกิดขึ้นจากความเชื่อ เราสร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเชื่อของตนเอง โลกที่เราแชร์กับคนใกล้ตัว จึงเป็นโลกที่เกิดจากความเชื่อที่คล้องจองกันหรือใกล้เคีียงกันที่สุด มันอาจไม่ใช่ความเชื่อในทิศทางที่เหมือนกัน แต่ก็ย่อมเป็นความเชื่อที่สัมพันธ์กันเสมอ

ยังรักเหมือนเดิมเช่นกันค่ะ
พี่นักเขียน

ตอนแรก เมื่ออ่านจดหมายจบ เดรดว่า เดรดได้คำตอบ อะไรอีกมากมายหลายอย่าง ...เพื่อนๆละค่ะ
การมาร่วมแบ่งปัน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของพวกเรา มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง พี่นักเขียนถึงอยากให้ ทุกท่าน เล่าประสบการณ์ กันไงค่ะ เมื่อเพื่อนๆ อ่านสาร จากพี่นักเขียนฉบับนี้แล้ว อยากให้เพื่อนๆ มาช่วยกันเล่าเรื่องราวกันอีกมากๆนะค่ะ...

น้อง ขอขอบพระคุณ พี่นักเขียนมากค่ะ...ที่สละเวลามาตอบจดหมายทั้งที่งานยุ่งมากๆ และตอบแบบละเอียดถี่ถ้วน จนหมดข้อกังขาไปเลย น้องขอนุญาติ กราบขอบพระคุณพี่นักเขียน ผ่านกระทู้ชาวห้องวิทย์ นะค่ะ

รักจริงๆค่ะ.....;aa50.....

 

ขอบคุณคุณเดรดนะครับ ที่นำจดหมายที่มีค่านี้มาแชร์ให้เพื่อนๆร่วมห้องรับทราบ
ชัดเจน และครบถ้วนดีครับ
เราทั้งหลายต่างมารวมกันด้วยความเชื่อที่คล้องจองกัน
เราทั้งหลายต่างมีภาวะจิตที่เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
ความลับไม่มีในโลก ในภาวะที่ปราศจากเครื่องพราง
ล้วนเป็นความจริง ตามความเชื่อของผม
ประสบการณ์ความฝันที่ฝันร่วมกัน ฝันทุกพี่นักเขียนนั้น ทุกคนต่างเคยประสบกันมาไม่มากก็น้อยครับ อย่างที่พี่นักเขียนอธิบายให้ฟัง
ถ้าเป็นประสบการณ์การได้กลิ่น ผมเคยได้กลิ่นหอมๆเหมือนดอกไม้ แต่ไม่ใช่ดอกไม้ เมื่อไปฟังบรรยายธรรมมะที่เป็นเรื่องของแก่นแท้ และเมื่อได้อยู่ใกล้พระสุปฎิปัณโณบางรูป
ตอนแรกก็คิดว่ามันคือกลิ่นอะไร ทำไมไปคนละที่ คนละบุคคลตัวตน แต่กลิ่นที่ได้รับนั้นเหมือนกันเลย มาทราบตอนหลังว่า เป็นกลิ่นของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในความถี่ที่สูง

 

ขอมาร่วมแสดงความยินดี 1 ปีด้วยครับ ที่นี่เป็นที่พักผ่อนสำหรับคนเดินทาง เป็นที่พบปะพูดคุย เป็นห้องเรียนที่เพิ่มพูนความรู้ เป็นที่สร้างสรรผลงานทางศิลปะ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ประทับใจในห้องนี้ครับ ผมยังจำนิทานเรื่องเมล็ดข้าวได้อยู่เสมอ และหวังว่าซักวันจะเป็นเมล็ดข้าวที่เติบโตเป็นรวงที่สวยงาม

นอกเหนือจากนั้นวันนี้ยังเป็นวันที่เปิดโอลิมปิคอีกด้วย ว้าว

 

:z12หวัดดีครับทุกคนยินดีด้วยครับกับการครบรอบของห้อง อ่านข้อความของทุกคนแล้วเป็นข้อความที่อ่านแล้วได้ประสบการณ์ใหม่ๆเยอะมากเลยครับ ขอบคุณทุกคนนะครับที่เล่าประสบการณ์ดีๆให้ฟัง

ผมมีเรื่องอยากจะถามหน่อยนะครับ คือถ้าเราฝันเรื่องอะไรก็ตามแต่แสดงว่าเรากำลังคิดมากเรื่องนั้นหรือป่าวครับ(ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ดีก็ตามแต่ มันค่อนข้างจะแปลกๆ)เพราะโดยส่วนมากแล้วคนเราชอบคิดมากแต่เรื่องแย่ๆแล้วเก็บเอาไปฝันแต่ผมฝันว่าเจอคนกลุ่มหนึ่งนั่งสมธิกันอยู่ในชุดขาวกันหมดเลยแล้วมีผมกับกลุ่มคนทั่วไปนั่งดูอยู่ข้างล่าง ก่อนนอนก็ไม่ได้คิดมากเรื่องอะไรแค่นั่งสมาธิแล้วรู้สึกว่าสบายใจกว่าทุกวัน เลยอยากรู้ว่าเพราะรู้สึกดีมากเกินไปหรือป่าวเลยเก็บไปฝัน ช่วยตอบให้ป๋มหน่อยนะก๊าบบ ขอบคุงก๊าบบ;17

 

มาร่วมฉลองวันครบรอบ 1 ปีชาวห้องวิทย์ฯ ด้วยคนค๊า..

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาคุยด้วย กำลังอ่านหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัย + ฝึกฝนตัวเองเข้าสู่ภายใน + เรียนรู้ประสบการณ์อยู่ค๊า.. คิดถึงทุกคนเรยย ^^
;17;17;17