เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 26 ธันวาคม 2008.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คุณ 00000 ผมแนะนำให้คุณ เอาแต่เนื้อธรรม คุณอย่าไปมองสิว่า ใครเอาอัตตาออกมาอย่างไร ผมเชื่อว่า มันมีข้อธรรมอยู่มากที่ผมพูดไป และ คนอื่นพูดไป คุณจะไปมองทำไมว่าใครจะถึงมรรคถึงผลหรือไม่ แล้วถ้า มีคนถึงมรรคถึงผลจริง คุณจะไปรู้กับเขาหรือครับ

    ส่วน คุณขวัญ คุณช่วยเฉลยหน่อยแล้วกันที่ ถามว่า

    คุณลองดูคำตอบผมหน่อยว่า ถูกหรือเปล่า แล้วช่วยเฉลยทีนะครับ

    เพราะผม เข้าใจว่าสิ่งที่แตกนั้น มันได้ถูกกวาดทิ้งไปแล้ว เพราะมันแตกดูไม่ดี อาจจะบาดตาบาดใจได้ ไม่รู้เข้าใจตรงกันหรือเปล่า แล้วก็ยังมีคนยังพยายามเก็บเศษแก้วขึ้นมาก่อใหม่ อีกทั้ง แถมยังจะพยายามทำลายสิ่งที่มันไม่แตกให้แตกไปอีก

    ถ้าไม่ถูกอย่างไร รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะครับ จิตมันอยากจะตอบ แล้วก็เลยปล่อยมันไป ถูกไม่ถูกก็ไม่รู้ เพราะรู้น้อยครับ
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตอบอะไร ก็ถูกหมดค่ะ ถ้าตอบมาจิต จิตออกมารับรู้ แล้วตอบสนอง ตรงตามที่จิตรู้สึก และรู้ตัว

    อย่างจิต เค ขวัญ อ่านไปหลายโพสท์ แล้วคิดถึงกระเบื้องสวยๆ
    ที่เขามีไว้เคลือบปกปิดพื้นผิวที่ไม่ราบเรียบ เหมือนสร้างเกราะให้ตัวเอง
    ไม่รับความรู้สึกของคนอื่น ก็คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องว่าคู่สนทนาต้องการสื่ออะไร
    ไม่รู้เจตนาของคู่สนทนา มีแต่ระบายสิ่งที่หมักหมม คั่งค้างในใจ ตั้งแต่สมัยไหนๆ
    ก็กระเพื่อมออกมา โดยไม่รู้ตัว คิดว่าหน้ากระบื้องยังสวยอยู่ แต่คนอื่นเห็นว่าแตกเป็นริ้วๆ

    พอกระเบื้องโดนกระทบ กระแทก ภายในก็แสดง สะท้อนออกมา
    เพราะถึงจะปกคลุมด้วยกระเบื้อง แต่แรงสั่นสะเทือนนั้น ไปถึงภายใน
    ดูได้จาก สิ่งที่สะท้อนแฝงออกมา มีแต่น้ำ จนทำให้มองไม่เห็นเนื้อ ที่ตั้งใจสื่อสาร
    ทำให้ คู่สนทนาไม่เข้าใจ ก็เลยเหมือนคุยไม่รู้เรื่อง จับประเด็นไม่ถูก

    นี่ก็เพ้อเจ้อ ออกมาจากจิต เคขวัญ เขาคิด เขานึกไปตามความเห็นของตน
    ซึ่งอาจไม่ตรงกับความเห็นของคนอื่น ก็ถูกเฉพาะของเขา แต่คนอื่นอาจบอกไม่ใช่
    ก็เป็นเรื่องโลกของความคิด มายาภาพในใจตน

    แต่ความจริงมีแค่ คนสนทนากัน

    ปล. สงสัยจะตอบเไม่ตรงประเด็น ความจริงมีแค่ นึกถึงกระเบื้องลีลา
    ชอบปรุงไปเรื่อยเปื่อย สงสัยกลัวว่ากระเบื้องจะไม่สวยมั้งนิ
    ^.^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2009
  3. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    มันไม่ทัน ผมก็ไม่ทันเหมือนกัน ^-^
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขยาย หน่อยดิ อยากรู้ (จิตสาระแน มาเชียวนิ)
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    นั่นแหละครับ คือคำตอบ ที่เฉลยออกมา
    แต่คราวหลังพูดตรงๆ เลยอย่าอ้อมค้อมอะไรมาก

    ส่วน การจะเป็นน้ำหรือเป็นเนื้อ นั้น มันขึ้นอยู่กับอคติ หรือ คติ
    คนมีอคติ มันก็มองเนื้อเป็นน้ำ มองน้ำเป็นเนื้อได้
    เพราะฉะนั้น ข้อนี้จึงให้มาคุยกัน ไม่ใช่ให้ล้างทิ้ง

    แล้วถ้ากล้าพูดมาตรงๆ เมื่อไร ผมจะพูดตรงๆ เช่นกันว่าอะไรคืออะไร แต่ถ้าอ้อมๆ มาผมก็จะอ้อมๆ ไป
     
  6. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ไม่ทัน คือ ไม่เท่าทันในกระบวนการเกิดดับแห่งทุกข์ (ปฎิจจสมุปบาท) ^-^
     
  7. บุคคลทั่วไป 1 คน

    บุคคลทั่วไป 1 คน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +7
    หากผิดทางแล้วยังเดินต่อ มันจะไม่เสียเวลาเปล่าเหรอครับ :)
    ตรวจสอบกิเลสแล้ว มันยังอยู่ครบ ไม่ได้เบาบางลงไปเลย
    มันจะเป็นทางที่ถูกได้ยังไง

    กว่ามันจะพอกพูนมาขนาดนี้ได้ ใช้เวลาตั้งหลายปี
    อยู่ดีๆ กิเลสมันจะหายวับไปชั่วข้ามคืนได้อย่างไร
    มันน่าจะต้องค่อยๆ เบาบางลงเรื่อยๆ แบบอนาล็อก
    ไม่ใช่ทำไปเรื่อยๆ วันหนึ่งมันก็หายวับไปแบบดิจิตอล

    เราตรวจสอบใจตัวเองอยู่ตลอด ไม่ได้ประมาท
    เห็นว่ามันไม่น่าจะถูก ก็ต้องหาทางสู้กับมันด้วยวิธีอื่นสิครับ
    อย่านิ่งนอนใจ จะตายเปล่าเสียชาตินี้ :)
     
  8. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    จิตตํ ทนฺตํ สุขาวหํ
     
  9. บุคคลทั่วไป 1 คน

    บุคคลทั่วไป 1 คน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +7
    ไม่รู้ที่คุณเอกวีร์พูด (ตัวจมรู้) หมายถึงอะไร
    แต่ที่ผมทำก็คือพอเผลอมีอารมณ์ปรุงแต่งเกิดขึ้น ก็จะมีตัวนึงเกิดขึ้นตามมาโดยอัตโนมัติ (ไม่ทุกครั้ง แต่บ่อยขึ้น) ไอ้เจ้าตัวนี้มันจะกระโดดออกไปนั่งดูอยู่ข้างๆ เห็นตัวเอง เห็นอารมณ์ และก็มีบุคคลที่สามก็คือไอ้เจ้าตัวแปลกปลอมตัวนี้ซึ่งนั่งดูอยู่ข้างๆ

    พอมันดับ ไอ้เจ้าตัวนี้ก็หายไปด้วย
    มันก็เป็นอยู่อย่างนี้มาหลายเดือนแล้ว
    แต่ตรวจสอบตัวเองดูแล้วก็พบว่ากิเลสมันก็ยังอยู่ครบเหมือนเดิม
    พอถึงเวลามันก็มา เพียงแต่มีไอ้เจ้าตัวนี้มานั่งดูอยู่ด้วยเป็นครั้งคราว
    ก็เลยคิดว่าจะโดนไอ้เจ้าตัวนี้มันหลอกให้นั่งดูมันไปอีกหลายปีเป็นแน่แท้ :)
     
  10. บุคคลทั่วไป 1 คน

    บุคคลทั่วไป 1 คน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +7
    อาจจะเป็นเพราะมันขาดกำลังสมาธิอย่างที่คุณขันธ์ว่าก็ได้
    เคยอ่านท่านพุทธทาสว่าไว้ว่ามันเหมือนกับหัดขี่จักรยาน มันต้องมีทั้งการทรงตัวและพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกัน มันจึงจะไม่ล้มและวิ่งไปตามที่ต้องการได้
    หากเราเอาแต่จะพุ่งไปข้างหน้า ขาดการทรงตัว มันก็พุ่งไปล้มแผละข้างหน้า
    แต่หากเราเอาแต่ทรงตัว ไม่พุ่งไปข้างหน้า จักรยานมันก็อยู่ที่เดิม :)
     
  11. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    อืมน่าคิดนะ
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คุณ บุคคลทั่วไป 1 การที่ไม่ก้าวหน้า นั้น เพราะองค์ธรรมยังไม่สมบูรณ์
    พูดง่ายๆ คือ อะไรๆ ก็ตามในวิถีชีวิตประจำวันมันยังไม่เข้าที่ เข้าทาง

    ก็ปรับเลยครับ คุณรู้ไหมว่า พระกว่าท่านจะได้ธรรมมาบอกชาวบ้าน ท่านตบแต่ง วิถีชีวิตท่านแค่ไหน ท่านออกธุดงค์ ท่านต่อสู้กับจิตตนเอง ต่อสู้กับความกลัว ต่างๆ

    ทีนี้ ไม่ใช่ปรับแค่ สมาธิ แต่ให้ค่อยๆ ศึกษา ใน ไตรสิกขา ให้เหมาะสมกับวิถีการครองเรือนของเรา ซึ่ง สมาธิ ทำให้พอดีกับ ศีล กับ ปัญญา เอาธรรมอันเป็นพละ 5 ให้ดี แล้วท่านจะค่อยๆ ก้าวหน้าเอง

    แต่สติ นี้ให้เจริญทุกๆวัน ทำอะไรคอยรู้ตัว ทำจิตใจให้เบิกบาน หงุดหงิด ละเอียดน้อยมากให้คอยดูให้เห็น แล้วจะก้่าวหน้าเป็นลำดับ
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ความอัศจรรย์ไม่เคยมีในมหาสมุทร ๘ ประการ
    [๔๔๙] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย ความ
    อัศจรรย์ ไม่เคยมี ในมหาสมุทร ๘ อย่างนี้ ที่พวกอสูรพบเห็น แล้ว พากันชื่นชมอยู่ในมหาสมุทร
    ๘ อย่างเป็นไฉน
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาสมุทรลุ่มลึกลาดลงไปโดยลำดับ มิใช่ลึกมาแต่ เดิมเลย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่มหาสมุทรลุ่มลึกลาดลงไปโดยลำดับมิใช่ลึกมา แต่เดิมเลย นี้เป็น
    ความอัศจรรย์ ไม่เคยมี ในมหาสมุทรเป็นข้อที่ ๑ ที่พวก อสูรพบเห็นแล้ว พากันชื่นชมใน
    มหาสมุทร ฯ

    [๔๕๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง มหาสมุทรตั้งอยู่ตามธรรมดาไม่ล้นฝั่ง
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่มหาสมุทรตั้งอยู่ตามธรรมดาไม่ล้นฝั่ง แม้นี้เป็น เป็นความอัศจรรย์
    ไม่เคยมี ในมหาสมุทรเป็นข้อที่ ๒ ที่พวกอสูรพบเห็นแล้ว พากันชื่นชมในมหาสมุทร ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2009
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    [๔๕๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง มหาสมุทรไม่ร่วมกับซากศพที่ตายแล้ว ซากศพที่
    ตายแล้วใดมีอยู่ในมหาสมุทร มหาสมุทรย่อมนำซากศพที่ตายแล้วนั้นไป สู่ฝั่ง ซัดขึ้นบกโดยพลัน
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่มหาสมุทรไม่ร่วมกับซากศพที่ตายแล้ว ซากศพ ที่ตายแล้วใดมี
    อยู่ในมหาสมุทร มหาสมุทรย่อมนำซากศพที่ตายแล้วนั้นไปสู่ฝั่ง ซัดขึ้นบกโดยพลัน แม้นี้ก็
    เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคยมี ในมหาสมุทร เป็นข้อ ที่ ๓ ที่พวกอสูรพบเห็นแล้ว พากันชื่นชม
    ในมหาสมุทร ฯ
    [๔๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง แม่น้ำใหญ่บางสาย คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี
    สรภู มหี ไหลถึงมหาสมุทรแล้วย่อมละนามและโคตรเดิมเสียถึงซึ่งอันนับว่ามหาสมุทร
    ทีเดียว
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่แม่น้ำใหญ่บางสาย คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู
    มหี ไหลถึงมหาสมุทรแล้ว ย่อมละนามและโคตรเดิมเสีย ถึง ซึ่งอันนับว่ามหาสมุทรทีเดียว
    แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคยมีในมหาสมุทรข้อที่ ๔ ที่พวกอสูรพบเห็นแล้วพากันชื่นชม
    ในมหาสมุทร ฯ
    [๔๕๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง แม่น้ำบางสายในโลกที่ไหลไป ย่อมไปรวมยัง
    มหาสมุทร และสายฝนยังตกลงมาจากอากาศ ความพร่องหรือความเต็ม ของมหาสมุทรย่อมไม่
    ปรากฏ เพราะเหตุนั้น
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่แม่น้ำบางสายในโลกที่ไหลไป ย่อมไปรวมยัง มหาสมุทร และ
    สายฝนยังตกลงมาจากอากาศ ความพร่องหรือความเต็มของ มหาสมุทร ไม่ปรากฏ เพราะเหตุนั้น
    แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคยมี ใน มหาสมุทรเป็นข้อที่ ๕ ที่พวกอสูรพบเห็นแล้ว พากันชื่น
    ชมในมหาสมุทร ฯ
    [๔๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง มหาสมุทรมีรสเค็มรสเดียว ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่
    มหาสมุทรมีรสเค็มรสเดียว แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคย มีในมหาสมุทรเป็นข้อที่ ๖ ที่พวก
    อสูรพบเห็นแล้ว พากันชื่นชมในมหาสมุทร ฯ
    [๔๕๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง มหาสมุทรมีรัตนะมาก มีรัตนะมิใช่ ชนิดเดียว รัตนะ
    ในมหาสมุทรนั้นเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม มรกต
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่มหาสมุทรมีรัตนะมาก มีรัตนะมิใช่ชนิดเดียว รัตนะใน
    มหาสมุทรนั้นเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา ประพาฬ เงิน
    ทอง ทับทิม มรกต แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคยมีใน มหาสมุทร เป็นข้อที่ ๗ ที่พวก
    อสูรพบเข้าแล้ว พากันชื่นชมในมหาสมุทร ฯ
    [๔๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง มหาสมุทรเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ ใหญ่ๆ สัตว์ใหญ่ๆ
    ในมหาสมุทรนั้นเหล่านี้ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคละ ปลา ติมิติมิงคละ ปลามหาติมิงคละ อสูร
    นาค คนธรรพ์ อยู่ในมหาสมุทร มี ลำตัวตั้งร้อยโยชน์ก็มี สองร้อยโยชน์ก็มี สามร้อยโยชน์
    ก็มี สี่ร้อยโยชน์ก็มี ห้าร้อยโยชน์ก็มี
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่มหาสมุทรเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ใหญ่ๆ สัตว์ ใหญ่ๆ ใน
    มหาสมุทรนั้นเหล่านี้ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคละ ปลาติมิติมิงคละ ปลามหาติมิงคละ อสูร
    นาค คนธรรพ์ อยู่ในมหาสมุทร มีลำตัวตั้งร้อยโยชน์ก็มี ... ห้าร้อยโยชน์ก็มี แม้นี้ก็เป็นความ
    อัศจรรย์ ไม่เคยมีในมหาสมุทร เป็นข้อที่๘ ที่พวกอสูรพบเห็นแล้ว พากันชื่นชมในมหาสมุทร
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมีในมหาสมุทร ๘ อย่างนี้แล ที่ พวกอสูรพบเห็น
    แล้ว พากันชื่นชมอยู่ในมหาสมุทร ฯ
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ความอัศจรรย์ไม่เคยมีในธรรมวินัย ๘ ประการ
    [๔๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมีในธรรมวินัยนี้ มี ๘ อย่างเหมือน
    กันแล ที่พวกภิกษุพบเห็นแล้วพากันชื่นชมในธรรมวินัยนี้ ๘ อย่าง เป็นไฉน
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาสมุทรลุ่มลึกลาดลงไปโดยลำดับมิใช่ลึกมาแต่เดิม
    เลย สิกขาตามลำดับ กิริยาตามลำดับ ปฏิปทาตามลำดับ ใน ธรรมวินัยนี้ก็เหมือนกัน มิใช่แทง
    ตลอดอรหัตผลมาแต่เดิมเลย ข้อที่สิกขาตามลำดับ กิริยาตามลำดับ ปฏิปทาตามลำดับ ในธรรม
    วินัยนี้ มิใช่แทงตลอดอรหัตผลมาแต่เดิมเลย นี้เป็นความอัศจรรย์ไม่เคยมีในธรรมวินัยนี้ เป็น
    ข้อที่ ๑ ที่ภิกษุ ทั้งหลายพบเห็นแล้ว พากันชื่นชมในธรรมวินัยนี้ ฯ

    [๔๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาสมุทรตั้งอยู่ตามธรรมดา ไม่ล้นฝั่ง สาวก
    ทั้งหลายของเราก็เหมือนกัน ไม่ล่วงละเมิดสิกขาบทที่เราบัญญัติ แล้วแก่สาวกทั้งหลาย แม้เพราะ
    เหตุแห่งชีวิต ข้อที่สาวกทั้งหลายของเราไม่ล่วง ละเมิดสิกขาบทที่เราบัญญัติแล้วแก่สาวกทั้งหลาย
    แม้เพราะเหตุแห่งชีวิต แม้นี้ ก็เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคยมีในธรรมวินัยนี้ เป็นข้อที่ ๒ ที่ภิกษุ
    ทั้งหลายพบเห็น แล้ว พากันชื่นชมในธรรมวินัยนี้ ฯ

    ........................................

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาสมุทรมีรัตนะมาก มี รัตนะมิใช่ชนิดเดียว
    รัตนะในมหาสมุทรนั้นเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ
    เงิน ทอง ทับทิม มรกต ธรรมวินัย นี้ก็เหมือนกัน มีรัตนะมาก มีรัตนะมิใช่อย่างเดียว
    รัตนะในธรรมวินัยนั้นเหล่านี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕
    โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ ข้อที่ธรรมวินัยนี้ มีรัตนะมาก มีรัตนะมิใช่อย่างเดียว รัตนะ
    ในธรรมวินัยนั้นเหล่านี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ... อริยมรรคมีองค์ ๘ แม้นี้ก็เป็น ความอัศจรรย์ ไม่

    เคยมีในธรรมวินัยนี้ เป็นข้อที่ ๗ ที่ภิกษุทั้งหลายพบเห็นแล้ว พากันชื่นชมในธรรมวินัยนี้ ฯ
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    สุตตันตปิฎก เล่มที่ 2
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ขอยก กายานุปัสนาบางส่วนมาให้ดูว่า พระพุทธองค์ สอนให้พิจารณาอย่างไร


     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    มาดูที่จิตตานุปัสสนาต่อ

    การพิจารณาตรงนี้ นี้แหละ คือ การทบทวน ธรรม ที่เกิดกับจิต ธรรมที่พระพุทธองค์ว่า นี้จะเกิดกับจิตก็ต่อเมื่อ เรามองตามความจริง เช่นการพิจารณา ว่า ทำไมเราโมโห ทำไมเราเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ แล้วธรรมจะเกิดขึ้น ธรรมที่เกิดขึ้นนี้คือ เห็นว่า จิตนี้แปรปรวน เราก็จะถอนความยึดมั่นถือมั่น ไม่ใช่นั่งรู้ดูเฉยๆ แล้ว ละ หรือ เร่งรอบ นั่นคือ สมถะ
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    มาดูข้อธรรม ซึ่งผมพูดไว้ก่อนหน้าเรื่องนิวรณ์ ให้ดูให้มาก แล้วมาดูในพระสูตร
    จะได้ ไม่งมงาย อะไรส่งๆเดชๆ เอาแต่นั่งรู้ดูเฉย

    ยกคำพูดพระพุทธองค์ มาก็ใครเถียงก็เชิญ ตามสบาย ยังยึดแนวทางของตนก็ตามแต่จะศรัทธาแล้วกัน

     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    มาดูทุกข์อริยสัจ ที่พระพุทธองค์พูดว่า พิจารณาอะไร ให้เห็นทุกข์อริยสัจ
    กับ ทุกข์ ของ นั่งรู้ดูเฉย นี้มันต่างกัน

    แล้วจะมาบอกว่า ธรรมตื้นๆ ธรรมทั่วไป

    ธรรมตื้นๆ นี้แหละ เมื่อเห็นจริงเมื่อไร นั้น ทุกข์อริยสัจจะเกิดขึ้นกับ ตน แบบชัดเจน เรียกว่า จึงจะผ่าน วิปัสสนูกิเลส
     

แชร์หน้านี้

Loading...