สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละครับ
     
  2. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    เว ลา ทำ ตัว เป็น คน ธรรม ดา ก็ ดู ธรรม ด๊า๊ ธรรม ดา

    ดู ยาก จริง จริง เลย

    ใคร จะ รู้ ได้ นอก จาก ตัว เรา เอง
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณฮาฯ การจะเชื่ออะไรคุณควรยืนอยู่บนหลักเหตุผลที่ถูกต้อง

    พระบรมศาสดาได้วางหลักเหตุผลไว้ในกาลามสูตรดังนี้
    อย่าเพิ่งเชื่อ ฟังแต่โดยดี แล้วน้อมนำมาสมาทานให้เต็มที่แล้ว
    เป็นสิ่งดี มีประโยชน์ ไม่มีโทษ ยังกุศลให้เกิดขึ้น ท่านผู้รู้สรรเสริญ
    เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ผู้อื่น ค่อยเชื่อก็ยังไม่สายครับ

    ส่วนเรื่องความละเอียดลึกซึ้งนั้น
    ให้ดูกันที่วัตรปฏิบัติหรือต้องคลุกคลีอยู่ด้วยกัน จึงจะรู้ได้?

    ถ้ายังปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสิ่งภายนอก แสง สี เสียงแล้ว
    ต่อให้ยกเอาพระไตรปิฎกทั้งตู้มาพูด ผมก็ไม่เชื่อครับ

    คุณฮาฯ เรื่องความเชื่อนั้นคงห้ามกันไม่ได้ครับ
    การเชื่ออะไรนั้นควรตั้งอยู่บนหลักเหตุผลและความเป็นไปได้ครับ

    ;aa24
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณศรีฯ คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่า คุณยิ่งพยายามอธิบายอะไรออกมา
    ยิ่งเป็นการแสดงให้รู้ได้ว่า คุณไม่รู้อะไรในการปฏิบัติธรรมเลย
    แถมยังชอบแสดงแบบกำกวมอีกต่างหาก

    เมื่อผมแย้งอะไรออกไป คุณก็จะมาอีหรอบเดิมอีกว่า
    ผมกำลังเพ่งโทษคุณอยู่ ซึ่งไม่จริงเลย
    การที่ผมถามไปนั้น คุณตอบมาว่าพระโสดากับพระอรหันต์ ต่างกันที่
    พระโสดายังต้องหาอุบายมาละกิเลส
    ส่วนพระอรหันต์นั้น ไม่ต้องหาอุบายมาละกิเลส
    ซึ่งขาดเหตุผลจะไม่ให้ผมถามแย้งได้อย่างไร???

    คุณศรีฯ คุณไม่รู้จริงๆหรือว่า พระอริยะเจ้าทั้งหลายนั้น
    ทุกท่านล้วนแล้วแต่รู้อุบายในการละกิเลสทั้งนั้น
    ถ้าท่านไม่รู้อุบายในการละกิเลส ท่านย่อมข้ามโคตรไปไม่ได้หรอกครับ
    ต่างกันที่ความคล่องแคล่วชำนาญในการละวางกิเลสต่างหาก

    พระอรหันต์นั้นกิจของท่านจบแล้ว กิจที่จะทำไม่มีอีกแล้วนั้น
    (ไม่ต้องเสียเวลาในการวางกิเลส)
    หมายถึงว่าท่านกระทบกิเลสแล้ว กิเลสร่อนออกไปในทันที

    ส่วนพระอริยเจ้าทั้งหลายในชั้นรองๆลงมา
    เมื่อกระทบกิเลสแล้วมีการยึกยักอยู่กิเลสอยู่บ้าง
    กว่าจะละกิเลสได้(ยังมีกิจต้องทำ)
    ขึ้นอยู่กับกิเลสเหล่านั้นประทับจิตใจมากน้อยขนาดไหน ต่างหากครับ
    ผมคิดว่าคุณควรเลิกเดาสวดถึงเรื่องสภาวะธรรมชั้นสูงได้แล้วนะครับ

    ส่วนเรื่องที่เราถกกัน คุณเองพยายามแถอยู่ร่ำไป
    "แม้ธรรมะเรายังละ" เพราะสุขทุกข์เป็น ของเนื่องอยู่ด้วยกัน
    ถ้าไม่วางสุขเสียก็เป็นอันไม่พ้นทุกข์
     
  5. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    คุณ ธรรม ภูติ ครับ

    การ จะ เชื่อ หรือ ไม่ เชื่อ อะไร นี่

    ไม่ ใช่ เรา ยัง พิสูจน์ ไม่ ได้ ก็ เป็น เรื่อง ไม่ จริง ไปก่อน อัน นี้ ไม่ ถูก นะ

    เรา ต้อง เก็บ เอา ไว้ แล้ว หา ทาง พิสูจน์ ชัด ก่อน แ้ว ถึง จะ บอก ได้ ว่า มัน ถูก หรือ ผิด

    ที่ ท่าน ศรี เขา ว่า มา ถูก แล้ว

    ต้อง ละ ทั้ง สุข และ ทุกข์ เพราะ ว่า มัน เป็น ของ เนื่อง กัน อยู่

    ทุก อย่าง ต้อง ไม่ เอา แล้ว

    ต้อง เป็น 0 สัมบูรณ์ ครับ ไม่ ใช่ บวก มาก ถึง ดี

    คุณ คง ยัง ไม่ เข้า ใจ แบบ ที่ ท่าน ศรี เข้า ใจ เลย ตี ความ เข้า ข้าง ตน ว่า ไม่ ใช่ แบบ ที่ คุณ รู้

    ผม ก็ ยัง ไม่ รู้ เหมือน ที่ คุณ รู้ และ ท่าน ศรี รู้

    ผม ก็ รู้ ใน แบบ ของ ผม

    พอ เข้า ใจ มาก ขึ้น รู้ มาก ขึ้น เดี๋ยว โลก และ จักรวาล ของ คุณ ก็ เปลี่ยน ไป เอง แหละ
     
  6. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    คุณฮาฯ คุณเชื่ออะไรนั้น
    ผมไม่สามารถๆปห้ามคุณได้หรอกครับ

    ส่วนคุณยกใครให้วิเศษแค่ไหนก็สุดที่จะห้ามได้เช่นกัน
    แต่เท่าที่ผมได้สนทนากับคุณศรีฯแล้ว

    ผมบอกได้เลยครับว่า คิดเองเออเองทั้งสิ้น
    เพียงแต่อ่านมาก ฟังมาก น้อมนำเอามาคิดจนตกผลึกแล้วเท่านั้น

    ผมได้พิสูจน์ด้วยคำถามจนกระจ่างแล้ว
    คนที่เคยผ่านสภาวธรรมดังกล่าวแล้วย่อมต้องตอบได้
    ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้วครับ

    ผมฝากข้อให้คิด "ศูนย์" กับ "สูญ"ต่างกันตรงไหน

    ;aa24
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ส่วนพระอริยเจ้าทั้งหลายในชั้นรองๆลงมา
    นั่นแหละถูกต้อง ตราบใดที่สังโยชน์ ยังละไม่ได้ อนุสัยที่ดองอยู่ จะทำให้จิตวิ่งไปทางนั้นทันที
    เช่น คนเรา พอตากระทบรูป ถ้าผู้ชายเห็นรูปผุ้หญิง ก็เกิดชอบทันที แบบนี้เรียกว่า จิตวิ่งไปทันที เกิดราคะทันที โดยไม่มีปี่ไม่มีชลุ่ย

    ทีนี้ ถ้าปุถุชน เขาก็ มีจิตที่วิ่งแล่นออกไป ในสังโยชน์ 10 ทุกตัว เช่นว่า เมื่อ ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกตัวตนแล้วว่าเรา
    แต่ถ้าพระอริยะตื่นขึ้นมา จะเห็นจิตเป็นอันดับแรก

    วิจิกิจฉา นี้ ถ้าเป็นปุถุชนมีอะไรเกิดขึ้นกับตน ที่ประหลาดไป เช่นว่า วันนี้มือชา วันนี้ตัวหาย แบบนี้ปุถุชนสงสัยทันที
    แต่ถ้าเกิดกับพระอริยะ พระอริยะจะไม่สงสัยอะไรเลยว่า มันจะเป็นอะไร

    สีลพตรปรามาส ถ้าเป็นปุถุชน เวลากลัว เวลาตระหนก คิดอะไรขึ้นมาได้ก็ทำแบบนั้น ใครเขาว่าต้องแก้แบบนั้นแบบนี้ ปุถุชนก็รีบไปทันที
    แต่ถ้าเป็นพระอริยะ ท่านก็ไม่ได้สนใจจะต้องแก้ แต่ท่านจะดับความกลัวที่ใจท่านอันดับแรก หรือ ดับความกังวลอันดับแรก จึงเรียกได้ว่า แก้ถูกทาง

    ทีนี้มันก็ไม่ได้มีเฉพาะ เหตุที่จะทำให้จิตวิ่ง เพียงเท่าที่กล่าวไป บางคนมีจิตแล่นไปขึ้นอยู่กับ อนุสัยเราจะสะท้านกับสิ่งใด มันก็วิ่งออกไป

    ก็พระอริยะ ที่ละสังโยชน์ 3 ได้ ก็ละ อนุสัย ที่จะทำให้จิตวิ่งไปใน ทิศทาง แห่ง สักกายทิฎบิ วิจิกิจฉา และ สีลพตรปรามาส ได้บริบูรณ์ เนื่องจาก อบรม ศีล สมาธิ ปัญญา ด้วยมรรคญาณ จนแก้ไขความลังเลและความสับสนเหล่านั้นได้แล้ว

    ก็ ราคะ โทสะ ก็เช่นเดียวกัน บางคนด่าแม่ไม่โกรธ แต่ด่าเมีย โกรธ แบบนี้ก็เพราะว่ามีอนุสัยดองอยู่
    พยายามทำความเข้าใจ ที่ผมกล่าวไปให้ดี เมื่อธรรมเกิดในใจ จะละได้เอง เปรียบเหมือนกับ คนคิดได้ วันเดียวมันก็เปลี่ยนตัวเองได้
    แต่หากคิดไม่ได้ เป็นปีมันก็อยุ่อย่างนั้น ใจที่มันเห็นธรรมก็เหมือนกันนั่นแหละ
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ก็ ธรรมนี้แปลก แม้คุณจะเข้าใจ แต่ว่าไม่เปลี่ยนแปลง มันก็ไม่ได้ธรรม
    แม้ว่า เข้าใจตั้งแต่นิพพานยัน นรก แต่ว่าใจมันไม่รับ ธรรมไม่ได้เกิดที่ใจ ธรรมนั้นก็กลายเป็นสัญญาไป
    ที่พระอาจารย์มั่นว่า ธรรมเมื่อประดิษฐานอยู่กับ พระอริยะก็เป็นของจริง แต่ถ้าไปอยุ่กับปุถุชนก็กลายเป็นของปลอมไป

    นี่แหละ ตรงนี้ ผมจึงพูดนักพูดหนาว่า เรื่องง่ายๆ เช่นคุณธรรม การพูดปด การเหน็บแนม การพุดจาเรื่อยเปื่อย ให้ระวัง
    เพราะใจมันจะต้องบริสุทธิ์ ธรรมจึงจะเกิดได้ บริสุทธิ์ ในขณะใดขณะหนึ่งก็ได้นะ แต่ต้องทำเป็นนิสัย แล้วธรรมจะเกิด
    เมื่อ ธรรมเกิด คือ ใจสัมผัสธรรม นั้นแหละ ให้มีสติตามไปด้วย เรียกว่า ธัมมานุปัสนามหาสติปัฎฐาน อันเป็นหมวดที่ละเอียดที่สุด
     
  9. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    พี่สี ฟังพี่ธรรมภูตบ้างนะ
    กิเลสยังเต็มหัว แต่ทำตัวเหมือนคนบรรลุแล้ว
    พี่สียังอีกนานครับ...
     
  10. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ผมกำลังคิดว่า....
    เอ้...มันกรรมของใครกันนะ
     
  11. Srijun

    Srijun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +71
    มาอ่าน มาดัน มาแจม มากวน
     
  12. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    วิมุตติ ถ้าธรรมภูตไม่เป็นบัณฑิตทางธรรมะที่รู้หลง

    ผมก็จะฟัง ไม่ฟังเท่านั้น ยังจะเสริมส่ง

    และอนุโมทนาสาธุ

    แต่เป็นไปในทางตรงกันข้ามกับพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์

    ผมไม่ให้ธรรมภูติผ่าน
     
  13. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    แล้วธรรมภูตเคยได้ทำตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องกาลามสูตรบ้างยัง

    ไม่ใช้ดีแต่ยืมจมูกพระพุทธเจ้า และ พระธรรม หายใจทิ้งไปวัน ๆ

    โดยที่ตนเองก็ยังไม่รู้ถึง รสชาติของวิมุตติรส
     
  14. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
     
  15. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ผู้ทรงภูมิประเภทไหน มองเป็นตัวตนบุคคลขนาดนี้
    แม้แต่เด็กเล็กเด็กน้อย ก็กล่าวธรรมได้ในบางครา
    ไม่ใช่ว่า พอเห็นคนนี้กล่าวผิดเป็นบางครั้ง ก็เหมาว่าผิดทั้งหมด
    อคติเกินไปหน่อยหรือเปล่าครับ...
     
  16. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ถ้ารู้ไม่จริง

    แล้วจะไปเผยแพร่ผิด ๆ ทำไม

    ผมก็ไม่ได้เก่ง แต่แค่ทำให้มันถูกต้อง
     
  17. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ถ้ากล่าวแบบนี้ ก็คงไม่มีใครควรเข้ามาเล่นเว็บแล้วล่ะครับ

    มีใครบ้างรู้จริง กล่าวอะไร ก็ไม่ผิดเลย

    หรือว่าเป็น ท่านผู้ทรงภูมิครับ...
     
  18. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    อ้าว ท่าน วิมุตติ

    ว่า จาน ขัน ทะมาย อ่า
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ผมแนะให้ครับว่า จะเริ่มอย่างไร

    คุณต้องไปเริ่ม สะกดภาษาไทยให้ถูก
    ทำเป็นพวกแอ๊บแบ๊วไปได้
    เขารณรงค์ การใช้ภาษาไม่เห็นหรือ
    บรรพบุรุษ กว่าจะคิดภาษามาได้ จิตสำนึกแค่นี้ยังไม่มีจะไปเริ่มทำอะไรครับ

    ไปฝึกเขียนภาษาไทยให้ถูกก่อน แต่ไม่ใช่เป็นพวกแอ๊บแบ๊ว เป็น ภาษาพม่ากะเหรี่ยงแบบนี้ ไม่ควรครับ
     
  20. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    "เธอมาจากไหน" ท่านอาจารย์ถาม
    "มาจากปักษ์ใต้ครับ"
    "คนทางใต้เป็นคนป่าคนดง จะหวังเป็นพุทธะได้อย่างไร"
    "คนอาจจะมาจากภาคเหนือภาคใต้ แต่พุทธภาวะไม่มีเหนือไม่มีใต้ มิใช่หรือครับ" เด็กหนุ่มย้อน
     

แชร์หน้านี้

Loading...