ไม่ใช่นะครับที่มักกล่าวว่า “สมถะเหมือนการหลบภัย วิปัสสนาเหมือนการผจญภัย”

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 26 พฤษภาคม 2009.

  1. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ไม่มีใครตัดสินใจ ใครได้หรอก แม้แต่ตัวเราเอง
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD background=images/gradients/bg_p.gif>สมาชิก 1 คน ได้กล่าว "ไม่เห็นด้วย" กับข้อความของ คุณ ธรรมภูต ที่เขียนไว้ทางด้านบน</TD></TR><TR><TD class=alt2 height=29>nanakorn (วันนี้</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขอบคุณครับ ที่กดไม่เห็นด้วย
    ผมไม่เคยตัดสินใครว่าโง่กว่าใคร

    พระสูตรที่ยกมาให้นั้น เป็นเครื่องตัดสินครับ

    ที่คุณกดไม่เห็นด้วยกับผม
    แสดงว่าคุณยอมรับว่าเค้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ จึงทนไม่ไหว

    ;aa24
     
  3. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ใจของท่านธรรมภูต ยังกระเพื่อมมาก
    ท่านแสดงให้นานาเห็นเอง
    นานาบอกได้เลยว่าหลักใจท่านไม่มั้นคง แค่คำว่าเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
    ท่านเอาไปปรุงสะมากมาย นานาก็บ่อยๆนะ หลายครั้งที่มีคนไม่เห็นด้วย
    นานามองกลางๆ ไม่คิดต่อ ไม่ทุกข์ด้วย


    ประโยค ต่อมา นานาพูดเป็นกลาง ๆ ว่า ไม่มีใครตัดสินใครได้ แม้แต่ตัวเราเอง
     
  4. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ก็สนทนาตามกาลนะครับ คุณสวนัง คุณธรรมภูต เรื่องจิต ใช่ขันธ์สี่ ไหม ถ้าไล่กันคงต้องยาว และอาจเกินความรู้ผม

    ผมขอทิ้งท้ายไว้ให้ชวนคิดตรงนี้ เพราะมีจิต จึงมีเจตสิกได้ เพราะมีขันธ์ จึงเกิดอุปทานขันธ์

    ขอลงท้ายด้วยข้อความดี ๆ จากปราชญ์ท่านหนึ่งนะครับ

    ความคิดเห็นที่ 11 : (สัจจะญาโณ)
    ขันธ์ ๕ คือกองทั้ง ๕ ที่พระพุทธเจ้าจำแนกออกมาจากคำว่าตัวตนของเรา เพื่อให้เข้าใจในหมวดหมู่ของธรรมะที่เกิดขึ้นกับเรา อย่างที่รู้กันทั่วไป คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
    ขันธ์ ๕ พระพุทธเจ้าทรงสมมุติชื่อเพื่อความเข้าใจในการที่จะแสดงให้แก่ผู้สดับรับฟัง เข้าใจง่าย ๆ โดย ร่างกายของเราแบ่งเป็นกอง ได้ ห้ากอง ตามหมวด ตามหน้าที่ หรือตาม ลักษณะการเกิดก่อนหรือหลัง ตามสถานะ ตามฯลฯ
    เหตุผล เพื่อให้เข้าใจง่ายในการพิจารณาธรรมะ ขณะฟังธรรม เพื่อการเกิดศรัทธาหลังจากที่ฟังธรรม
    ส่วน จิต เจตสิก รูป นิพพาน นั้น เป็นชื่อ(นาม)ของธรรมะอันสูงสุด การที่จะทำให้เกี่ยวเนื่องด้วยกันมีเยอะมาก ไม่ควรจะเอามารวมกันเลย มันจะทำให้ฟุ้งเปล่า นำไปใช้เมื่อมีเหตุที่ควรใช้ อะไรเกิดก่อนใช้อันนั้น ค่อยนำมาพิจารณา
    จิต คือ รู้อารมณ์ คิดอารมณ์ มีการสืบต่อ
    เจตสิก คือ สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อม จิต แต่เกิดเองไม่ได้ ต้องอาศัยจิตคิดก่อน จึงจะเกิดได้
    รูป คือ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงสภาพไปเพราะเหตุจากปัจจัยภายนอก รูปไม่ใช่แค่สิ่งที่มองเห็นจับได้เท่านั้น เสียง กลิ่น รสชาด ก็เป็นรูปเหมือนกัน
    นิพพาน คือ ความดับกิเลส เมื่อดับได้คือคือนิพพาน นิพพานอยู่ในตัวเราทุกคน
    จิต มีดวงเดียว เจตสิกคือห้องที่จิตเข้าไปอยู่ ตามชื่อของมันแหละครับ นิพพานก็เป็นห้องหนึ่งที่มีอยู่ในเจตสิกของเรา แต่เราเข้าไม่ได้ ส่วนห้องที่เราได้เข้าบ่อย ก็คือ โลภ โกรธ หลง ปัญญา เยอะแยะ ห้องไหนเข้ามาก จิตก็เข้าง่ายจนติดเป็นนิสัย เป็นสันดาน เป็นกิเลส ดังนั้นที่เราฝึกทุกวัน ก็เพื่อเข้าห้องที่มีประโยชน์เกื้อกูลแก่การบรรลุธรรม เช่น การเจริญสติ ก็เพื่อให้จิตเข้าห้องนี้ให้มากหน่อย เป็นต้น เพื่อจะบรรลุเข้าถึงห้องนิพพานในตัวเองได้ ถ้าใครก็ตามเข้าห้อง ปัญญาบ่อย มันก็หลงอยู่กับความรู้ ที่อยากรู้นั่นเอง การฟังธรรมศึกษาธรรม ให้เราพิจารณาเป็นอุบายแก่ตัวเราให้เข้าใจง่าย ๆ บางทีของง่ายกลายเป็นยาก เพราะเราปรุงมากเกินไป เลยทำให้ สับสนวกวนกับความคิดตัวเอง ทางไหน เป็นทางฝึกเพื่อเข้านิพพาน ควรทำ ดีกว่า ธรรมที่เกิดจากความคิดพระพุทธเจ้ายังบอกว่าไม่ควรเชื่อ ต้องรู้ เห็นด้วยตนเอง ดีกว่า ​
    จากคุณ : สัจจะญาโณ [ 27 เม.ย. 2545 / 07:26:31 น. ] [SIZE=-1]
    [ IP Address : 203.113.44.10 ]


    005042 -
     
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    [​IMG]

    แมลงปอ ล้อคลื่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2009
  6. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    คลื่นซินามิ สะด้วยดิ แต่แมงปอ ไม่เคยจมน้ำตายนะ
     
  7. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    [​IMG]

     
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อีกนัยหนึ่ง

    นิพพาน ไม่ใช่ สัญญาเวทยิตนิโรธน



    การเข้านิพพาน จึงไม่ใช่การเข้าในสภาวะของฌาณใดๆ

    นิพพานเป็นนามที่ต้องทำให้แจ้ง เมื่อแจ้งในนิพพานแล้ว จะอยู่ในภพไหนก็ย่อม
    แจ้งในนิพพานได้ตลอด และเมื่อจะปรินิพพาน(ปริ แปลว่ารอบ - ซึ่งก็คือรู้รอบอยู่ในนิพพาน)
    นิพพานย่อมหยั่งลงไปในนิพพานได้เอง อยู่ในธรรมหนึ่ง เป็นหนึ่งอยู่อย่างนั้น

    และเมื่อนิพพานไม่มีการหยั่งลงมารู้ในอารมณ์ จึงไม่เกิดการหยั่งการลงในรูป-นาม
    เมื่อไม่เกิดการหยั่งลงในรูป-นาม จึงไม่เกิดจิต ไม่เกิดขันธ์ แม้ขันธ์1(ได้แก่สัญญา
    เวทยิตนิโรธน)
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อีกความหนึ่ง

    เราอาจเคยได้ยินว่า ผู้บรรลุอรหันต์แล้ว มีอยู่ในพรหมโลก ตรงนี้ต้องดูฐานะให้ดี

    ไม่ใช่ว่า เราเป็นมนุษย์แล้ว พอปรินิพพานแล้ว จะไปอยู่ในพรหมโลก

    แล้วทำไมจึงมี สัตว์พรหมที่อยู่ในพรหมโลกและบรรลุอรหันต์ นั่นก็เพราะเขาอยู่
    พรหมโลกของเขาอยู่แล้วตามวาสนา และได้ภาวนาต่อในพรหมโลกนั้นจนบรรลุ
    และเพราะอาสวะยังไม่สิ้น(หรือมีวาสนาบางประการ) จึงยังคงดำรงอิทธิบาทอยู่
    คือยังไม่ปรินิพพาน ก็เหมือนมนุษย์ที่บรรลุอรหันต์แล้วยังมีวาสนาอยู่จึงไม่ปรินิพพาน

    สังเกตให้ดีว่า อยู่โดยวาสนาบางประการ ไม่ใช่อยู่เพื่อสิ่งที่ไม่ใช่วาสนา

    ตรงนี้หากไม่สังเกต ไม่พิจารณาอะไรเป็นฐานะ อะไรไม่ใช่ฐานะ ก็จะทำให้เกิด
    มิจฉาทิฏฐิบางอย่างเกี่ยวกับฌาณสมาธิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2009
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คุณ นิวรณ์ ก็พูดไปเรื่อย ตามความไม่เข้าใจ
    ผมเพิ่งกลับไปอ่านว่าเถียงอะไรกัน
    ก็สรุปว่า เถียงกันว่า จิตเป็นนามขันธ์หรือไม่

    ตอบว่า จิตไม่เป็นนามขันธ์ เพราะว่า ขันธ์นี้ประกอบไปด้วย 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ

    เพราะปรากฎว่า ใน สมาบัติ 8 นั้น เมื่อละตัวหยาบเข้าสู่ตัวละเอียด ก็ยังปรากฎว่า ยังมีจิตอยู่ แม้ดับนามทั้งหลายไปแล้ว

    จิตตัวนี้แหละที่ไม่ตาย จิตตัวนี้แหละที่เป็นนักท่องเที่ยว สะสมบุญ สะสมกรรมไปเกิดเป็นนั่นนี่

    การไปหยิบคำหลวงปู่เทส มา ต้องดูด้วยว่า นั่นท่านพูดในส่วนของ เจตสิก หรือ จิตเดิม
     
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    [​IMG].....ไก่พันธ์อะไรเหรอ เอ..หรือไก่ตอนแล้วครับท่าน นิวรณ์
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    วิษณุ12*, jinny95

    ..ท่าจินนี่ มีความเห็นว่าอย่างไร
    เมื่อ จิต ไม่ใช่ วิญญาณ
    ...จิตเมื่อ ไม่มีวิญญาณ(เครื่องรับรู้) จิตจะรู้ได้มั๊ย ผมเข้าใจว่า มันจะขาด วิญญาณไม่ได้ ขันธ์เดียวซึ่งเรียกว่า วิญญาณขันธ์ ก้ต้องมีจิตอยู่ด้วย เพราะวิญญาณเป็นเครื่องรับรู้ของ จิต จิตเป็นสภาพรู้ วิญญาณเป็นเครื่องรับสภาพรู้ เมื่อไม่มีเครื่องรับรู้แล้วจิตจะรู้ได้อย่างไร
    ท่านจินนี่เข้าใจอย่างไรบ้าง
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    จิต คือ ตัวรู้ ไม่ใช่วิญญาณ

    ตัววิญญาณ คือ สมมติ ไม่จริง เป็น อุปาทาน

    แต่ตัว จิตรู้จริง
     
  14. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ตรงนี้น่าสนใจครับ

    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ” พระกัจจานะทูลถาม
    “ที่เรียกว่าสัมมาทิฐิ สัมมาทิฐิ” นั้น อย่างไร
    เรียกว่า สัมมาทิฐิ ?”

    “กัจจานะ” พระศาสดาตรัสตอบ
    “ชาวโลกส่วนมากอาศัยภาวะ ๒ อย่าง แสดง
    ทิฐิของตน คือ อัตถิตา (ความเห็นว่าสิ่งทั้งปวง
    มีอยู่จริง) และ นัตถิตา (ความเห็นว่าสิ่งทั้งปวง
    ไม่มีอยู่จริง)

    ดูก่อนกัจจานะ เมื่อเห็นโลกสมุทัยด้วยปัญญา
    ชอบตามความเป็นจริง นัตถิตาในโลกก็ไม่มี
    เมื่อเห็นโลกนิโรธด้วยปัญญาชอบตามความเป็นจริง
    อัตถิตาก็ไม่มี

    ดูก่อนกัจจานะ ชาวโลกส่วนใหญ่มากไปด้วย
    ความยึดมั่นถือมั่นในอุบาย(systems) และถูก
    คล้องไว้ด้วยหลักการ(อภินิเวส – dogmas)
    ส่วนอริยสาวกย่อมไม่ยึดมั่นถือมั่นในอุบาย
    ความปักใจ (อฐิฏฺฐานํ) หลักการ (อภินิเวส)
    และอนุสัยว่า “ตัวตนของเรา” ย่อมไม่เคลือบ
    แคลงสงสัยในเรื่อง ทุกข์เท่านั้นย่อมเกิดขึ้น
    ทุกข์เท่านั้นย่อมดับไป” อริยสาวกย่อมมีญาณ
    ในเรื่องนี้โดยไม่ต้องอาศัยผู้อื่น เพียงเท่านี้แหละ
    กัจจานะชื่อว่า สัมมาทิฐิ”

    “ดูก่อนกัจจานะ ความยึดมั่นว่า “สิ่งทั้งปวงมีอยู่”
    เป็นส่วนสุดข้างหนึ่ง ความยึดมั่นว่า “สิ่งทั้งปวง
    ไม่มีอยู่ เป็นส่วนสุดข้างหนึ่ง” ตถาคตแสดงธรรม
    เป็นท่านกลาง ไม่เข้าไปอิงอาศัยส่วนสุดทั้งสอง
    นั้นว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยสังขารจึงมี...เพราะ
    อวิชชาดับสังขารจึงดับ...”

    (สํ. นิ. ๑๖/๒๐ ข้อ ๔๒-๔๔)

    อ่านบทความเต็มได้ที่ ปราชญ์ขยะ ปราชญ์ขยะ - ปฏิจจสมุปบาท - ปฏิจจสมุปบาท จะอธิบายชาติเดียว...หรือ ๓ ชาติ...?


    <!--MsgFile=3-->
     
  15. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    มิจฉาทิฏฐิ

    เหตุเพราะ ไม่รู้จักการเห็น ลงเป็นปัจจุบัน ตามความเป็นจริง

    ที่คุณรู้ปัจุบบันนั้น เป็น เพียงการจมจ่อมในภพหนึ่งๆ จึงมองไม่
    ออกถึง กฏอธิปติปจจัย ตามจริง จึงได้แต่คิดคำนึงเอาเท่านั้น

    เมื่อคิดคำนึงเอาเท่านั้น จึงมองไม่พ้น จิตเทียวไป ไม่รู้จักสภาวะ
    นิพพานรู้นิพพาน(อารมณ์) จึงมองไม่ออกว่าสภาวะไร้ จิต(เกิด/ดับ)
    นั้นเป็นอย่างไร

    ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็เตรียมหวลกลับไปจูบปาก พี่ใบ้ไม้ เพิ่มอีกท่าน
    ได้เลย
     
  16. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เพราะปรากฎว่า ใน สมาบัติ 8 นั้น เมื่อละตัวหยาบเข้าสู่ตัวละเอียด ก็ยังปรากฎว่า ยังมีจิตอยู่ แม้ดับนามทั้งหลายไปแล้ว

    .....ทำไมถึงยังรู้ว่ามีจิตอยู่ หากไม่มีเครื่องรับรู้(วิญญาณ) จิตจะรู้ได้อย่างไร.....เหมือน ทีวี ไม่มีเสาอากาศ ไม่สามารถรับสัญญาณทีวีได้อย่างนั้นไหม
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    นั่นแหละ เวรกรรมของนิวรณ์ ที่ทำให้เห็นอะไรคลาดเคลื่อนไปหมด เห็นจริงเป็นไม่จริง

    เห็นไม่จริงเป็นจริงไป

    ผมจะบอกอะไรให้ เตรียมเอามือกุมใจไว้ให้ดี คำพูดที่คุณขีดตัวแดงๆ นั่นเป็นคำพูดของหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน ผมถอดมาทั้งดุ้น เอามือกุมใจไว้ นิวรณ์ แล้วก็หายใจลึกๆ

    555
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    จะตีกรรเชียงไปยังไงหละทีนี้

    จะลืมความผิดพลาดตัวเองไปเลย มันก็ลืมไม่ลง อยากลืมกลับจำอยากจำกลับลืม

    จะแก้ไปอีกทางหนึ่งก็แก้ไม่ถูก มันไปไม่ได้

    มีอีกทางหนึ่ง แกล้งบ้า นั่นนะพอได้ 555
     
  19. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ไม่เห็นจะต้อง กุมหัวใจอะไรเลยครับ

    เพราะผมทราบว่า คำพูดนี้ หากออกจากปากของพระอริยะ นั้น จะหมายถึงรสธรรมอย่างไร

    แต่ไม่ใช่ แบบที่คุณขันธ์ใช้ มันต่างกัน

    ก็เหมือน คำพูดนี้ เมื่อก่อนคุณลุง ใบไม้ฯ ก็เอามาหยิบใช้ แล้วคุณลุงใบไม้นี่ คุณขันธ์
    รู้สึกอย่างไรหละ เขามีภูมิเท่ากันกับคุณขันธ์ไหม ..... แล้วเขามีภูมิเท่ากันกับหลวงตา
    ไหม
     
  20. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ความสะใจมีนัยพระอริยเจ้าด้วยหรือนี่ น่าคิดนะ

    สังเกตตัวเองดี ๆ กำลังหลงอะไรรึป่าวครับ

    ขอให้บรรลุธรรมไว ๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...