ไม่ใช่นะครับที่มักกล่าวว่า “สมถะเหมือนการหลบภัย วิปัสสนาเหมือนการผจญภัย”

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 26 พฤษภาคม 2009.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ไม่รู้จะพูดอย่างไร ให้คนหลง กลับมาตื่นได้

    ได้แต่สังเวช ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมของแต่ละท่านแล้วกัน
     
  2. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER>[ แนะนำเรื่องเด่น ] </CENTER></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>..กลับตัวกลับใจ.., sriaraya5, ขันธ์ </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ขอบคุณค่ะพี่ศรี ที่เล่าให้ฟัง นานาชอบประโยคที่ว่าชี้ทางให้กับพ่อแม่ นานาความคิดเห็นว่านี่คือสุดยอดของนักปฏิบัติเลยก็ว่าได้
     
  4. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ท่านชมเกินไปแล้วนานา
     
  5. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    [​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG]

    [​IMG]
     
  7. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ไม่ว่า จะได้ฌาน ไหน วิปัสนารู้อะไร บ้างสิ่งสำคัญต้องกตัญญู นี่คือหัวใจ
    ทีบริสุทธิ ของอุปทาน เจริญในธรรม
     
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    [​IMG]
     
  9. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ตามภาษาคนรู้น้อย ถ้อยศึกษา 55+ขออภัย

    เห็นชอบกล่าวหากันไปมาว่า ว่าอีกฝ่ายเป็นมิจฉาทิฐิ ฝ่ายตนเป็นสัมมาทิฐิ
    ก็เลยขอยก
    ฉันนสูตร ว่าด้วยเหตุที่เรียกว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ มาให้ทัศนากันค่ะ


    [๒๓๒] ฯลฯ ลำดับนั้น ท่านพระฉันนะเกิดความคิดนี้ว่า

    แม้เราก็มีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า
    รูปไม่เที่ยง ฯลฯ วิญญาณไม่เที่ยง
    รูปเป็นอนัตตา ฯลฯ วิญญาณเป็นอนัตตา
    สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

    เมื่อเป็นเช่นนี้ จิตของเราไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่
    ไม่หลุดพ้นในธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ในการสละคืนอุปธิทั้งปวง
    ในความสิ้นตัณหา ในวิราคะ ในนิโรธ ในนิพพาน

    ความสะดุ้งกลัวและอุปาทานย่อมเกิดขึ้น ใจก็ถอยกลับอย่างนี้ว่า
    เมื่อเป็นเช่นนี้ อะไรเล่าเป็นตนของเรา
    แต่ความคิดเห็นอย่างนี้ไม่มีแก่ผู้เห็นธรรม (สัจจธรรม ๔)

    ใครหนอจะแสดงธรรมแก่เรา โดยที่เราจะพึงเห็นธรรมได้. ฯลฯ

    (ฉันนสูตร ยังมีต่อ)
     
  10. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    พระฉันนะในขณะปรารภธรรมนี้ ยังไม่รู้อริยสัจจ์ ๔ ตามความเป็นจริง
    ดังนั้น จึงพูดว่า แม้เราก็มีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า

    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา
    สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

    (....เป็นความคิดเห็น ไม่ใช่ความรู้แจ้งเห็นจริง.... )

    จิตของพระฉันนะ ไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งมั่น ไม่หลุดพ้นในธรรมเป็นที่ระงับสังขาร
    ในการสละคืนอุปธิทั้งปวง ในความสิ้นตัณหา ในวิราคะ ในนิโรธ ในนิพพาน
    ยังมีความสะดุ้งกลัวและอุปาทานอยู่ จึงสงสัยว่า อะไรเล่าเป็นตนของเรา


    พระอริยสาวก รู้อริยสัจจ์ ๔ ตามความเป็นจริง
    จิตของท่าน ย่อมแล่นไป เลื่อมใส ตั้งมั่น หลุดพ้น ในธรรมเป็นที่ระงับสังขาร
    ในการสละคืนอุปธิทั้งปวง ในความสิ้นตัณหา ในวิราคะ ในนิโรธ ในนิพพาน
    ความสะดุ้งกลัวและอุปาทานย่อมไม่เกิดขึ้น จึงไม่สงสัยว่า อะไรเล่าเป็นตนของเรา


    (smile) ปุถุชน ตรงข้ามกับ พระอริยสาวก

     
  11. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    พระฉันนะปรารภว่า
    “แต่ความคิดเห็นอย่างนี้ไม่มีแก่ผู้เห็นธรรม (สัจจธรรม ๔)
    ใครหนอจะแสดงธรรมแก่เรา โดยที่เราจะพึงเห็นธรรมได้.”

    พระอานนท์จึงได้แสดงธรรมที่สดับจากพระผู้มีพระภาคย์ให้พระฉันนะฟัง ดังนี้

    (ฉันนสูตร ...ต่อ ) ฯลฯ

    อา. ท่านพระฉันนะ ผมได้สดับคำนี้มาเฉพาะพระพักตร์ รับมาแล้วเฉพาะพระพักตร์
    พระผู้มีพระภาค ผู้ตรัสสั่งสอนภิกษุกัจจานโคตรอยู่ว่า

    ดูกรกัจจานะ โลกนี้ โดยมากอาศัยส่วน ๒ อย่าง คือ ความมี ๑ ความไม่มี ๑

    ก็เมื่อบุคคลเห็นเหตุเกิดแห่งโลก ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงอยู่
    ความไม่มีในโลก ย่อมไม่มี.


    เมื่อบุคคลเห็นความดับแห่งโลก ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอยู่
    ความมีในโลก ย่อมไม่มี


    โลกนี้โดยมากยังพัวพันด้วยอุบายเป็นเหตุถือมั่นและความยึดมั่น

    แต่อริยสาวกย่อมไม่เข้าถึง ไม่ถือมั่น ไม่ตั้งไว้
    ซึ่งอุบายเป็นเหตุถือมั่น มีความยึดมั่นด้วยความตั้งจิตไว้เป็นอนุสัยว่า อัตตาของเรา

    ย่อมไม่เคลือบแคลงสงสัยว่า ทุกข์นั่นแหละเมื่อบังเกิดขึ้น ย่อมบังเกิดขึ้น ทุกข์เมื่อดับย่อมดับ

    อริยสาวกนั้นมีญาณหยั่งรู้ในเรื่องนี้โดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่นเลย.

    ดูกรกัจจานะ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล จึงชื่อว่า สัมมาทิฏฐิ.

    ฉันนสูตร
     
  12. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    โลกนี้ โดยมากอาศัยส่วน ๒ อย่าง คือ ความมี ๑ ความไม่มี ๑

    เมื่อรู้อริยสัจจ์ ๔ ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริง
    รู้เหตุเกิดแห่งทุกข์
    เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยจึงมีสังขาร เพราะสังขารจึงมีวิญญาณ ฯลฯ
    ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
    ความไม่เกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ ย่อมไม่มี


    เมื่อรู้อริยสัจจ์ ๔ ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริง
    รู้หนทางดับทุกข์
    เพราะอวิชชานั่นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ
    เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ ฯลฯ
    ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
    ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ ย่อมไม่มี

    (smile)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2009
  13. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ปุถุชน เข้าถึงอุบาย(ตัณหาและทิฐิ )และอุปาทานในโลก อันเป็นเหตุตั้งมั่น ถือมั่น
    และเป็นอนุสัยแห่งจิตว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอัตตาของตน


    อริยสาวก ละอุบาย(ตัณหาและทิฐิ )และอุปาทานในโลก อันเป็นเหตุตั้งมั่น ถือมั่น
    และเป็นอนุสัยแห่งจิตว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอัตตาของตน


    อริยสาวก มีญาณหยั่งรู้ คือรู้อริยสัจจ์ ๔ ตามความเป็นจริงแล้ว
    รู้ทุกข์ รู้เหตุแห่งทุกข์ (ปฏิจจสมุปบาทฝ่ายเกิด=สมุทัยวาร)
    รู้ความดับทุกข์-หนทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
    (ปฏิจจสมุปบาทฝ่ายดับ =นิโรธวาร)

    หรือก็คือ
    รู้แจ้งปฏิจจสมุปบาทฝ่ายเกิด(สมุทัยวาร) และฝ่ายดับ(นิโรธวาร)แล้ว

    เกิดวิชชาขึ้นแทนที่อวิชชา เพราะอวิชชาดับ ปฏิจจสมุปบาทดับ จบกิจแล้ว

    สัมมาทิฏฐิ ก็คือ การรู้อริยสัจจ์ ๔ ตามความเป็นจริงนั่นเอง
    (รู้ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)


    (smile)
     
  14. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ฉันนสูตร ต่ออีกหน่อย

    ดูกรกัจจานะ
    ส่วนสุดที่ ๑ นี้ว่า สิ่งทั้งปวงมีอยู่
    ส่วนสุดที่ ๒ นี้ว่า สิ่งทั้งปวงไม่มี

    ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ส่วนสุดทั้งสองนั้นว่า

    เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยจึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ฯลฯ
    ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.

    เพราะอวิชชานั่นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ
    เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับฯลฯ
    ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.

    ฉันนสูตร
     
  15. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ส่วนสุดที่ ๑ นี้ว่า สิ่งทั้งปวงมีอยู่
    (กามสุขัลลิกานุโยค การประกอบตนให้พัวพันด้วยสุขในกาม)

    ส่วนสุดที่ ๒ นี้ว่า สิ่งทั้งปวงไม่มี
    (อัตตกิลมถานุโยค การประกอบความเหน็ดเหนื่อยแก่ตนเปล่า)

    ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ส่วนสุดทั้งสองนั้น
    พระพุทธองค์ทรงพบทางสายกลาง คือ อริยมรรคมีองค์ ๘

    รู้ทุกข์, รู้เหตุแห่งทุกข์
    เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยจึงมีสังขาร เพราะสังขารจึงมีวิญญาณ ฯลฯ
    ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
    หรือก็คือ ปฏิจจสมุปบาทฝ่ายเกิด= สมุทัยวาร

    รู้ความดับทุกข์, รู้หนทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์

    เพราะอวิชชานั่นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ
    เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับฯลฯ
    ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
    หรือก็คือ ปฏิจจสมุปบาทฝ่ายดับ = นิโรธวาร

    (smile) พวกสุดโต่ง ๒ ฝั่ง
    ฝั่งหนึ่งเชื่อว่า การเสพสุขเป็นการดับทุกข์ (กามสุขัลลิกานุโยค)
    อีกฝ่ายเชื่อว่า การทรมานกายเป็นการดับทุกข์ (อัตตกิลมถานุโยค)
     
  16. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    สรุป

    สัมมาทิฐิ คือ การรู้อริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง
    รู้ืทุกข์-เหตุแห่งทุกข์
    รู้ความดับทุกข์-หนทางให้ถึงความดับทุกข์

    จะเกิดขึ้นได้โดยการปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘
    ซึ่งเป็นการปฏิบัติทางจิต ต้องเริ่มต้นด้วยการปฏิบัติ สัมมาสมาธิ
    เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว
    จึงจะเกิดปัญญารู้เห็นอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง

    ก็เรียนเชิญทุกท่านตามอัธยาศัย
    เพราะแต่ละท่านฝีปากเฉียบคมกันทั้งนั้น
    ปฏิบัติธรรมกันบนโลกไซเบอร์...บรรลุธรรมกันบนนิ้วมือ...55+ขออภัย

    (smile)
     
  17. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ขออภัยด้วยนะครับ คำว่า ... นี้ เป็นคำที่พวกผมใช้กันเป็นปกติในกลุ่ม เมื่อเวลาที่กำลังหลงคิดอะไรไม่เข้าเรื่อง หรือคิดมากเกินเหตุ เป็นการดีดความคิดที่ไม่เข้าเรื่องนั้นทิ้งไปทันที ซึ่งก็ได้ผลดีมาก ๆ ใครอยากจะเอาไปใช้บ้างก็เชิญได้เลยครับ ไม่มีลิขสิทธิ์ใด ๆ

    ปัญหาคือบางทีเราหลงไปตัดสินพิพากษาคำพูดพวกนี้ว่าเลว หยาบคาย ซะแล้ว ด้วยการเอาฐานข้อมูลเก่า ๆ (สัญญาเดิม ๆ) ในใจตนเองมาเป็นตัวชี้วัดความถูกผิด อย่างคำสมัยพ่อขุนรามฯ ที่ใช้กันอย่างเป็นปกติในสมัยนั้น คนยุคนั้นไม่รู้สึกว่าเป็นคำหยาบเลย เพราะไม่มีใครป้อนข้อมูลให้เราจำว่าคำนี้ไม่ดี หยาบ แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไป ได้รับข้อมูลใหม่ สัญญาก็เปลี่ยนไป คำนั้น ๆ จึงถูกตัดสินว่า เป็นคำหยาบในที่สุด ถามว่า ใครเป็นผู้กำหนด และกำหนดด้วยเหตุผลอะไร

    บางคนถึงกับรังเกียจภาษาดั้งเดิมของเราอย่างจริงจังไปเลยก็มี เพราะฉะนั้น เราต้องระวัง ต้องไม่หลงสัญญา สัญญาที่เราสะสมมา บางทีมันก็เชื่อถืออะไรไม่ได้เลย เพราะบางทีเราสะสมมันด้วยอารมณ์ ด้วยความหลง ด้วยการถ่ายทอดสืบ ๆ กันมาด้วยความไม่รู้ ไม่ได้ใช้สติปัญญาอย่างเดียว ซึ่งเราก็ห้ามไม่ให้เขาสะสมไม่ได้ เขาจะสะสมด้วยอะไรก็แล้วแต่ หน้าที่หลัก ๆ ของเราคือ เราต้องทันสมัยอยู่เสมอ คือต้องฝึกสติเพื่อให้เรารู้เท่าทันสัญญาพวกนี้ และคัดกรองสัญญาพวกนี้มาใช้อย่างมีเหตุผล ความทุกข์ที่เกิดเพราะความหลงคิดก็จะลดน้อยถอยลงไปเอง เพราะเงื่อนไขที่มันเคยพันธนาการจิตใจเราจากสัญญาเก่า ๆ ที่ไม่เข้าท่่านั้น ถูกรู้ทันและตัดทิ้งไปได้ก่อนซะแล้วนั่นเองครับ...


    ขอให้โชคดีครับ
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ของเราก็มีอาวุธลับเหมือนกัน เวลาจะทำอะไร ที่หมิ่นเหม่ ตัดสินใจยาก ก็ต้องลุย ดุ่ยๆ
    "เอาวะ..... (แล้วถ้าผลมันออกมาไม่ดีก็)...ช่าง...แ_ม่ง"

    คำพูดที่มีอานิสงค์มาก ครูบาอาจารย์บางท่าน ท่านสอนให้เฉพาะลูกศิษย์ก้นกุฏิ ที่สนิทกัน
    กันมากๆ แล้ว รู้จริตกันแล้ว เท่านั้น เพราะท่านเมตตาจึงสอนให้ เรา ก็ รู้ แล้วมันก็ได้ผล
    สั่นสะเทือนกันเลื่อนลั่น (แต่ก็ยังไม่รู้ตัวกันอีก หรือรู้สึกแล้วแต่กลัวเสียฟอร์มก็มี หนา)

    จริงๆแล้ว เราใช้เมื่อต้องการให้รู้ ให้รู้สึกมันสะเทือน ไปถึงข้างใน
    ในบางครั้ง คำว่า ปลง หรือปล่อยวาง มันไม่รู้สึก มันไม่สะเทือน มันไม่รู้ร้อนรู้หนาว
    ถ้าเปรียบไปค่าความรุนแรงก็ประมาณ 0-1 ริกเตอร์ แต่คนที่เซนท์ซิทีฟไหวนิดเดียว
    เขาก็รู้แล้ว แต่บางคน คำว่า ช่าง...แ_ม่ง เถอะครับ เปรียบไปก็ประมาณ 9.1 ริกเตอร์
    เกิดสึนามิก็แล้ว ยังโต้คลื่นสนุกอยู่เลย ทำตัวเป็นปลาวาฬไปซะงั้น มีบางคนรีบไปต่อเรือ
    เอามาเล่นต่ออีกตะหาก

    จริตคนมันต่างกัน คนที่ชอบดัดจริต มันก็ทำอย่างหนึ่ง
    คนที่ไม่ชอบดัดจริต มันก็ทำอีกอย่างหนึ่ง คำหยาบ หรือไม่ ก็แล้วแต่เจตนาของคนใช้

    แต่ถ้าโดนกิเลสมันเหยียบหน้าอยู่ แล้วยังไม่รู้สึก เนี่ย เราว่ากิเลสมันหยาบกว่าคำพูด
    ที่ใช้เตือนสติ ซะอีกนะ แล้วก็ยังไม่รู้สึกอีกอยู่ดีหรือรู้สึกแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน เสาอากาศไม่
    ค่อยดี โดนตัดออฟชั่นอยู่น่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2009
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    1ล้านคำพูด ยังแสดงตัวตนของคนพูดไม่ได้ เท่ากับเห็นของจริงใน 1 การกระทำในขณะเผลอตัว

    การดูตัวเราเอง ตอนที่เผลอ ได้ทัน ก็เกิดปัญญา แต่ไม่ค่อยมีใครใส่ใจกัน

    ก็ไม่รู้ว่า เพราะอะไร เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2009
  20. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    [​IMG]
    การปฏิบัติบำเพ็ญภาวนาไม่แบ่งแยก ว่าอินทรีย์เล็ก อินทรีย์

    ใหญ่ ทุกคนถ้าปฏิบัติ ถูกทางสัมมาปฏิบัติ ก็มีวาระที่จะบรรลุ

    ธรรม ตรัสรู้ธรรมกันได้ ยกตัวอย่างสามเณรอรหันตขีณาสพ

    อายุ 7 ปีสามเณรลาหุล และอีก ที่ไม่กล่าวมา บรรลุธรรมขณะ

    เป็นเด็กน้อยลูกธิดาช่างทอหูก เด็กอนุบาลในวันนี้ ข้างหน้าก็

    จะเป็นคุรุในวันหน้าอย่าดูถูกศักยภาพของตน พี่ศรีมาเสริม

    แรงบวกให้นานาไปในทางธรรมะที่พัฒนาขึ้น ใครเขียนหรือ

    พิมพ์อะไรขึ้นมาก็ตามถ้าทำให้ผมซึ้งน้ำใจได้ ผมก็จะตอบคำ

    ถามเค้า เพื่อให้เค้าทุกคนมีกำลังใจที่จะอยู่ในโลกของการ

    บำเพ็ญ เคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ ให้ถึงความปราถนาของตัวเค้าเอง

    เสียแต่ตอนยังเป็นมนุษย์ พี่มีความจริงบางอย่างจะเปิดเผยให้

    ได้รับรู้กันทุกคนขณะนี้ ท่านที่ประกาศตัวว่าเป็นพระอรหันต

    ขีณาสพ รวมกระทั้งพี่ศรีของน้อง ๆ ด้วย เบื้องจะสอบอีกครั้ง

    ชีวิตหลังความตายว่ามีคุณวิเศษอย่างว่าจริง หรือ ไม่จริง

    ท้าวโกสีย์ ได้สั่งการให้เทวดา พระวิศนุ<WBR>กรรมเนรมิต ทำการ

    สร้างสถานที่เคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ มนุษยธรรมไม่บรรลุ ต้องขัด

    เกลาอยู่ที่ สถานที่เคี่ยวกรำ ยังไม่ได้เข้าสู่ดินแดนสุขาวดี

    พระนิพพานไม่ได้ง่ายอย่างเก่า แบบตกกระไดพลอยโจนไม่มี

    แล้ว จนกว่าจะขัดเกลารูปลักษณ์

    ละลายกายทิพย์หมด ดับวิญญาณเสียหมดสิ้นเชื้อเกิด จึงจะได้

    รับการอนุโมทนาสำเร็จเป็นอริยเจ้าอย่างแท้จริง<!-- google_ad_section_end -->

    พี่ศรีปฏิบัติมานานหรือยัง
    ตอบพี่กระทำมานานแล้ว พอตายจากเป็นพระก็มาเกิดใหม่
    และก็มาสานต่อ พี่ศรีมีของเก่าอยู่มาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...