ความเสื่อมแห่งพระธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 10 มิถุนายน 2009.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ปัญญาเกิดจากการปฏิบัติมีอยู่จริง คิดมากเมื่อไรเสร็จ จิตผู้คิด ไม่ใช่จิตผู้รู้คะ

    การที่เราจะรู้ได้ เกิดจากความว่างที่เราไม่คิด กำหนดคิด กำหนดรู้

    เเต่ไม่ปล่อยให้คิดออกไปในสิ่งที่คนอื่นเขาคิดให้

    เเละ ปล่อยให้จิตผู้รู้กลายเป็นตัวคิดให้ เเล้ว ตามรู้ ดูคิด อันนี้ ไม่ได้คิด ไม่ได้จำ

    เเต่พิมพ์ออกมาเองจากใจ ด้วยอะไรไม่รู้ รู้เเค่ว่า อยากพิมพ์ก็พิมพ์ไปเอง ไม่ได้คิดอะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2009
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ขอให้กล่าวออกมาเป็นคำจริงสักครั้งเถอะ
     
  3. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ก็ถูกนะ อยากพิมพ์ ก็พิมพฺ์มาเอง เป็นเหมือนกันนะ ไม่ค่อยฝืน อย่างน้อยการพิมพ์ก็ช่วยให้เรารู้ว่าเรา คิดอะไร ในความว่างนั้น ยังมีคำภาวนาอยู่ อย่างต่อเนื่อง จะสังเกตุได้ว่า
    จะมีสภาวะบางอย่างผุดมาให้เราดู ก็ดูช่วงหนึ่ง แล้วมัีนก็ดับไป ขอบคุณที่สนทนาธรรมกันคุณสันโดษ อนุโมทนาค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2009
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    "ขวัญ ไหนลองอธิบายหน่อยซิ ว่า พระปราโมทย์ บอกว่าสติไม่ได้เกิดจากการกำหนด

    แต่พระศาสดาบอกว่า ให้กำหนดรู้ มันเหมือนกันตรงไหน"

    เข้าใจตามพระอาจารย์ปราโมช ว่า สติ ซึ่งพระอาจารย์หมายถึง สัมมาสติ เท่านั้น
    กำหนดให้เกิดเองไม่ได้ เพราะ สตินี้ไม่ใช่ของเรา ไม่ได้มีอยู่ในตัวเรา ก็เลยกำหนดเอา
    ไม่ได้ การที่เรากำหนดสติให้เกิดขึ้นมาได้ เราบังคับให้เกิดได้ เป็นเพียง สติธรรมดา
    ไม่ใช่สัมมาสติ ไม่ใช่1ในมรรคองค์8 มันเป็นสติคนละฐาน ที่ตั้งของสติไม่เหมือนกัน
    วิธีที่สร้างมาไม่เหมือนกัน ก็ได้ต่างกัน

    ทีนี้ กำหนดสติ กับ กำหนดรู้ นี่เราเข้าใจว่าไม่เหมือนกัน นะ

    ถ้าเข้าใจว่าเหมือนกัน ก็คงอย่างที่ท่านขันธ์ เข้าใจ ท่านก็เข้าใจไม่เหมือนเ

    อย่างที่เราเข้าใจ เราจะอธิบายของเราดังนี้

    กำหนดสติ แปลว่า สตินั้น เราตั้งใจ เราจงใจ บังคับให้เกิดได้ สตินั้นก็เกิดที่เรา
    สตินั้น คือโลกียะฌาณ แต่คนละเรื่อง กับ กำหนดรู้ (ปัญญาญาณ)

    กำหนดรู้(ในคำสอนพระศาสดาเรื่องสติปัฐาน4) แปลว่า
    เมื่อมีรู้(ไม่ได้บอกว่าใครสร้างตัวรู้) ให้เอารู้นั้นไปกำหนดรู้ที่ 4 ฐานเท่านั้น
    คือ กาย เวทนา จิต ธรรม คือ รู้สภาวะธรรมของตัวเอง รู้ตัวเอง

    ถ้าจะบอกว่า กำหนดรู้ คือกำหนดสติขึ้นมารู้ คือสิ่งเดียวกัน ก็เข้าใจต่างกันแล้ว

    ไม่ได้หมายความว่า เราเข้าใจคำว่า กำหนดรู้ ถูกแล้วนะ เพราะ เราไม่อาจเอื้อมไปคิด
    ว่าเราข้าใจคำสอนถูกต้องอยู่ฝ่ายเดียว เพราะเราไม่เข้าใจ เราจึงต้องไปฟังพระอาจารย์
    ปราโมชอีกที เพื่อสร้างความรู้จากผู้ที่เราศรัทธาว่ารู้แจ้ง มาเข้าใจคำสอนพระศาสดาอีกที
    แต่ก็ยังไม่คิดว่าที่เราเข้าใจจะตรงกับอาจารย์หรือ พระศาสดาแล้ว เพราะสิ่งที่จะบอกได้
    คือเมื่อทำตามความเข้าใจ แล้วได้ผลออกมาถูก เกิดสัมมาทิฏฐิ เกิดปัญญาญาณ
    มีปัญญารู้ธรรม ถึงจะเรียกว่าเข้าใจถูกจริง
     
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อิน-ตุ้ย-ฉัน ( In-tui-tion )
     
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เราไม่รู้ว่า เอกวีร์ พิมพ์อะไร เกี่ยวกับหลวงพ่อปราโมทย์นะ เพราะไม่ได้อ่าน

    เเต่ที่เราฟังหลวงพ่อปราโมทย์ หลวงพ่อสอนให้ เรากำหนดรู้ตลอดเวลา

    เผลอก็รู้ว่า เผลอ ไม่ได้กำหนดให้ นิ่ง ไม่ได้กำหนดให้ดี เเต่ให้กำหนดรู้

    มันยากกว่าคนที่ปฏิบัติสมถะ เพราะ วิปัสสนาญาณ เกิดจากการรู้สึกตัวตลอดเวลา

    หลวงพ่อสอนว่า คนไหนคิดมาก ให้ดูจิต คนไหนรักสวยรักงามให้ดูกายไป เเล้วเเต่จริต

    การทำสมถะ วิปัสสนา อยู่ที่คน เเต่สิ่งที่คนปฏิบัติต้องคำนึงเสมอ คือ เราต้องกำหนดรู้

    หลวงพ่อ เคยดูลึกจนกลายเป็นไปดู ตัวจิตผู้ดู จนปวดหัว

    หลวงพ่อที่เป็นครูของหลวงพ่อ ต้องมาเตือนว่าดูลึกมากเกินไปเเล้ว ให้ถอนออกมา

    เเล้วกำหนดรู้ ดูจิต อย่างเดียว อย่าเพ่ง เพราะมันคือ สมถะ

    จิตที่ดีที่สุด คือ จิตมนุษย์ที่มีอารมณ์ มีความรู้สึก มีไตรลักษณ์ ในการเห็นการเกิดดับของจิต

    ดังนั้น การที่เราจะดูจิตได้ เราต้องมีจิตให้ดู ถ้าเห็นว่า ไม่มีอะไรเลย อันนี้ เรียกว่า ว่าง

    เเต่ว่างเเบบติดอยู่ในชั้นพรหม คือ ติดสุข คนที่ปฏิบัติเท่านี้เมื่อตายไป จะไปอยู่ในชั้นพรหม

    เพราะฉะนั้น จิตที่มีอารมณ์ รักโลภ โกรธ หลง

    คือ จิตที่ดีทีสุดเเละเหมาะในการดู เพื่อปฏิบัติให้บรรลุมรรคผลนิพพาน นะเอย นะเอย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2009
  7. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กระบี่ อยู่ที่ใจ : โกวเล้ง

    หาใจให้เจอก่อน : หลวงปู่เทสก์

    หาใจเจอ ก็เจอกระบี่ : แขก

    เธอวางดาบหนึ่งเล่มในวันนี้ เธอจะมีดาบอีกหมื่นเล่มในวันหน้า : อิมซังอ๊ก
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สหายเอ๋ย... เวลาท่าน เจอ ไอ้เข้ ท่านจะลุยเลยหรอ
    มันก็ต้องเรียก พระสติ มาก่อนดิ
    วัยรุ่น ใจร้อนมาก หรือไง...

    แล้ว เนี่ย "ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนแล้ว" ส่งออกมาด้วย พรหมวิหาร หรือ จิตสังหาร
    กันละท่าน ผู้มีธรรม [​IMG][​IMG]
     
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    พูดง่ายๆก็คือ ผู้ดู มันเกิดเอง สติ มีตั้งเเต่ตื่นนอน

    เพียงเเต่เราไม่รู้เเละไม่ได้ให้ความสนใจ

    มันเป็นระบบออโต้ที่เกิด ขึ้นเองเมื่อเรา ตามรู้

    เมื่อไรที่เราไปตามดู เเละ ตามกำหนด ตัวผู้ดู

    สติเกิดจริง เเต่ จะทำให้ จิตไม่เป็นอิสระ

    สติมีไว้ดูผ่านๆ อย่าไปกำหนดเขา ให้เขาดูไปพอเเล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2009
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับผู้ปฏิบัติ คือ การที่รู้ว่า ตัวเราไม่มีตัวตน

    บางคนที่ภาวนาตรงนี้จะกลัวเเละรู้สึกโหดร้ายที่ตัวเราหายไป

    บางคนรู้สึกเวิ้งว้าง เพราะความที่ไม่มีตัวเรา เเต่สิ่งเหล่านี้ คือ การปฏิบัติเพื่อความเป็นกลาง

    เมื่อใดที่เราไม่ปรุงเเต่ง สุดท้ายเราจะสุขเองในที่สุด จิต คือ จิต มิใช่เรา

    เเม้เเต่เราก็ไม่มี เพียงเเต่ผ่านมา แล้วก็ดับไป

    เหมือนกับ การต่อเนื่อง ของ การ์ตูนที่เราเห็นกันตอนเด็กๆ

    เกิดจากการต่อเนื่องของ ภาพต่อภาพ เท่านั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2009
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    หลวงพ่อปราโมทย์เคยถามหลวงปู่ดุลย์ว่า จิตตั้งอยู่ที่ไหน

    หลวงปู่ดุลย์ตอบว่า ไม่มีที่ตั้ง

    เพราะว่า จิตเกิดที่ไหนดับที่นั้น

    เราไม่มีจิต เพราะ จิตเกิดเเละดับ จบ ณ ปัจจุบันตลอดเวลา
     
  12. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านอาจานนิฯครับ ท่านหรือครับที่กล่าวอะไรไม่ต่างจากพระ
    ท่านคิดเองมั๊ง ผมไม่อาจเถียงท่านจริงๆว่าท่านกล่าวแบบท่านอาจารย์ของท่าน
    แต่แตกต่างจากคำสอนพระ(ศาสดา)ยังสิ้นเชิง
    แถมยังไม่เคารพคำสอนพระ(ศาสดา)เสียอีกด้วย

    ทั้งๆที่พระศาสดา เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
    อบรมสั่งสอนคนให้เป็นพระอรหันต์และพระอริยะในระดับต่างๆมากมาย
    ท่านกลับไม่ให้ความเชื่อถือ และมองเมินคำสอน
    แต่ไปเชื่อสาวกพจน์ที่ขานนาคเพื่อเข้ามาสืบต่อพระศาสนา

    และนิยามการปฏิบัติแบบข้ามขั้นตอนหรือที่เขาเรียกกันว่าเรียนลัด
    เมื่อพลาดมักจะเจ็บ(ใจ) ต้องเวียนตายเวียนเกิด อีกกี่ภพชาติ

    มีที่ไหน พระศาสดาท่านเน้นนักเน้นหนา ศีล สมาธิ ปัญญา
    ซึ่งเป็นความงามตามขั้นตอน พัฒนาเพื่อความหลุดพ้นไปตามลำดับ
    พวกดูจิตทั้งหลายเอาศีล แต่สมาธิไม่เอา(เพราะขี้เกียจหรือดูแคลน)
    กระโดดไปโน้นเลย ปัญญา เป็นไปได้ยังไง เมื่อจิตไม่สงบตั้งมั่น

    พอถูกถามว่า ปัญญาตั้งอยู่ที่ไหน??? แบะๆๆหาแพะรับแทนดีกว่า
    พอถามว่า เอ้!!!ศีล(ข้อห้าม)มีไว้เพื่อควบคุมกาย วาจา
    ไม่ให้แสดงอาการวิปริตออกทางกาย วาจา ใช่มั้ย??? ก็ตอบว่าใช่

    คำถามต่อไปว่า แล้วจิตใช่มั้ยที่ควบคุม กาย วาจา อีกทีหนึ่งใช่มั้ย???
    ชักไม่อยากตอบขึ้นมาซะงั้น กลัวเข้าทางธรรมภูต แต่ไม่เป็นไร ถามต่อก็ได้
    จิตใช่มั้ยมี่เป็นผู้รักษาศีล(ข้อห้าม)???
    เพื่อให้การแสดงออกทางกาย วาจาไปในทางที่เป็นกุศลธรรม

    เราอบรมจิตด้วยการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนา
    เพื่อให้จิตมีกำลังในการรักษาข้อห้ามเหล่านั้น ไม่ออกนอกลู่นอกทาง

    ที่ท่านกล่าวว่า “เรากล่าวธรรมใดๆที่เราปฏิบัติแล้วเห็นผล
    จึงได้กล่าว ตรงตามกันไป”
    ถ้าผลตรงตามคำสอนพระ(ศาสดา)แล้ว
    คงไม่กล่าวอะไรที่ขัดแย้งกับจอมศาสดา
    โดยไม่น้อมนำพามาพิจารณา
    เพื่อเดินตามรอยเดียวกันรสเดียวกันกับจอมศาสดา

    ผมไม่แปลกใจเลยจริงๆว่าทำไม ท่านกับท่านอาจารย์จึงไม่รู้อยู่เห็นอยู่ว่า
    คำสอนที่กล่าวออกมาล้วนเต็มไปด้วยความขัดแย้ง เพราะอะไรรู้มั้ย???
    ถ้าไม่รู้จะบอกให้เอาบุญ

    เนื่องจากเจอผู้รู้ทำลายผู้รู้ เจอจิตทำลายจิต

    เมื่อจิตคือธาตุรู้ถูกทำลาย แล้วที่รู้อยู่ทุกวันนี้เอาอะไรมารู้หละ
    ได้แต่เดาๆเอาเองทั้งหมด เมื่อไม่รู้ ก็ไม่รู้ว่าที่รู้ถูกหรือผิด



    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2009
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สมาธิ คือ การเพ่ง

    สมถะ คือ การนิ่ง

    เเล้ว ดูจิต มันไม่ใช่ สมาธิ ตรงไหน?

    จุดประสงค์ ของการปฏิบัติ คือ อย่าส่งจิตออกนอก

    เเต่ที่เห็น เเละ อ่าน เห็น เพ่ง และ อ่านคนอื่นจัง
     
  14. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    "ผมไม่แปลกใจเลยจริงๆว่าทำไม ท่านกับท่านอาจารย์จึงไม่รู้อยู่เห็นอยู่ว่า
    คำสอนที่กล่าวออกมาล้วนเต็มไปด้วยความขัดแย้ง เพราะอะไรรู้มั้ย???
    ถ้าไม่รู้จะบอกให้เอาบุญ


    เนื่องจากเจอผู้รู้ทำลายผู้รู้ เจอจิตทำลายจิต

    เมื่อจิตคือธาตุรู้ถูกทำลาย แล้วที่รู้อยู่ทุกวันนี้เอาอะไรมารู้หละ
    ได้แต่เดาๆเอาเองทั้งหมด เมื่อไม่รู้ ก็ไม่รู้ว่าที่รู้ถูกหรือผิด"


    เอ๋ ตรงนี้คุณธรรมภูต ตัวน้อยมีหลักฐานอ้างอิงไหมก๊ะ
     
  15. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เมื่อพบผู้รู้ให้ทำลายผู้รู้ ไม่ได้หมายความว่า กระทำการทำลายจริงๆ

    เเต่ หมายความว่า อย่ายึดติดกับจิตผู้รู้จนกลายเป็นอัตตา ค่ะ
     
  16. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    การเจริญสติ ไม่ได้ปฏิเสธ สมถะ แต่ทำให้ถูกกาล
    สมถะเอาไว้ช่วงมีเวลามากหน่อย
    เจริญสติก็ชีวิตประจำวัน
    ศีล มันอยู่ที่ใจ อย่างลง windows ของแท้นะ ไม่ผิดศีลข้อ 2
    ภาวนา เกิดได้จากฝึก ได้บ้างไม่ได้บ้าง
    ปัญญา ก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
    เพราะฉนั้น ไม่ว่ากัน ไม่ว่ากัน นะท่านภูต ตัวน้อย ๆ
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    เห็นแล้วสังเวช นั่นแหละครับ คนเราเอา คำพูดของ คนไม่รู้จริงเอามายึดมาถือ จนกล้ามาแย้งพระไตรปิฎก กล้าทึกทักเอาคำสอนครูบาอาจารย์ไปแปลความหมายตามที่ตนเห็น
    พระศาสนาสมัยก่อน ก็เคยเกิดแบบนี้มาแล้ว
    อันนี้ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม แต่ที่แน่ๆ คือ ไอ้คนที่แย้ง พระธรรม ก็ชาตินี้ไม่รู้จะได้เห็นธรรมจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ
    อันนี้ไม่ได้ขู่ แต่ เป็นกรรมที่ทำกับพระศาสนา

    สำหรับผม กรรมที่ทำกับ พระปราโมทย์ เรื่องจิ๊บจ๊อย และถือว่าเป็นกุศลมากเสียด้วย
    แต่สำหรับ คนที่ทำกรรมกับพระศาสนา นี่หนักเอาการอยู่ เพราะไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ออกมารวบธรรมเป็นดังใจตน
    พูดง่ายๆ คือ มันจะเถียงจนกิเลสชนะให้ได้ นั่นแหละ จึงจะพอ
    ผมก็ขี้เกียจจะพูดอะไรมาก เกาะกลุ่มกันไป 5 คน มี เอกวีร์ ขวัญ วิษณุ นานากร และ สันโดษ
    สำหรับ สันโดษ ถ้าไม่อยากมีกรรมมาก ก็อย่าไปแก้ต่างแทน พระปราโมทย์ และ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้เลย
    ปล่อยให้พวก อวดดี อย่างเอกวีร์ ขวัญ รับกรรมไป

    นี่ผมเตือนจริงๆ ใครไม่อยากรับกรรมที่ทำกับพระศาสนา หรือ ทำพระศาสนาให้หมองไป ก็ให้ถอนตัวไป
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    เห็นแล้วสังเวช นั่นแหละครับ คนเราเอา คำพูดของ คนไม่รู้จริงเอามายึดมาถือ จนกล้ามาแย้งพระไตรปิฎก กล้าทึกทักเอาคำสอนครูบาอาจารย์ไปแปลความหมายตามที่ตนเห็น
    พระศาสนาสมัยก่อน ก็เคยเกิดแบบนี้มาแล้ว
    อันนี้ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม แต่ที่แน่ๆ คือ ไอ้คนที่แย้ง พระธรรม ก็ชาตินี้ไม่รู้จะได้เห็นธรรมจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ
    อันนี้ไม่ได้ขู่ แต่ เป็นกรรมที่ทำกับพระศาสนา

    สำหรับผม กรรมที่ทำกับ พระปราโมทย์ เรื่องจิ๊บจ๊อย และถือว่าเป็นกุศลมากเสียด้วย
    แต่สำหรับ คนที่ทำกรรมกับพระศาสนา นี่หนักเอาการอยู่ เพราะไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ออกมารวบธรรมเป็นดังใจตน
    พูดง่ายๆ คือ มันจะเถียงจนกิเลสชนะให้ได้ นั่นแหละ จึงจะพอ
    ผมก็ขี้เกียจจะพูดอะไรมาก เกาะกลุ่มกันไป 5 คน มี เอกวีร์ ขวัญ วิษณุ นานากร และ สันโดษ
    สำหรับ สันโดษ ถ้าไม่อยากมีกรรมมาก ก็อย่าไปแก้ต่างแทน พระปราโมทย์ และ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้เลย
    ปล่อยให้พวก อวดดี อย่างเอกวีร์ ขวัญ รับกรรมไป

    นี่ผมเตือนจริงๆ ใครไม่อยากรับกรรมที่ทำกับพระศาสนา หรือ ทำพระศาสนาให้หมองไป ก็ให้ถอนตัวไป
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คนที่ศรัทธา ปัญญาตนเอง ย่อมต่างจากคนที่ศรัทธา อัตตา ของตน

    ดูคิด เห็นจิต ดูข้อความที่โพสท์ เห็นใจจริง แท้ๆ หนอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2009
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    การเป็นผู้ดูจิตที่ดี เหมือนกับการเป็น ผู้อ่านหนังสือ เห็นอย่างไร เป็นอย่างนั้น

    เเต่ที่เห็นส่วนมากจะเป็นผู้เเต่ง ผู้วิจารณ์หนังสือเสียมากกว่า

    นอกจากชอบเเต่งหนังสือตัวเอง ด้วยการปรับให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้

    ยังชอบวิจารณ์หนังสือชาวบ้านด้วยนะเอย นะเอย
     

แชร์หน้านี้

Loading...