นามขันธ์กับจิตเดิมแท้นั้นต่างกันอย่างไร...

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Tboon, 12 กรกฎาคม 2009.

  1. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    <CENTER>๒. นตุมหากสูตรที่ ๒</CENTER><CENTER>ว่าด้วยการละขันธ์ ๕ อันไม่ใช่ของใคร</CENTER> [๗๓] พระนครสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่ใช่ของเธอทั้ง
    หลาย เธอทั้งหลาย จงละสิ่งนั้นเสีย สิ่งนั้นอันเธอทั้งหลาย ละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประ-
    โยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    รูปไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงละรูปนั้นเสีย รูปนั้นอันเธอทั้งหลาย ละได้แล้ว
    จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข. เวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร ฯลฯ วิญญาณ
    ไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงละวิญญาณนั้นเสีย วิญญาณนั้นอันเธอทั้งหลาย ละได้แล้ว
    จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข. ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย เธอ
    ทั้งหลาย จงละสิ่งนั้นเสีย สิ่งนั้นอันเธอทั้งหลายละได้ จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข.


    ถ้า จิตก็คือ นามขันธ์ แต่ถ้าจิตไม่ใช่นามขันธ์แล้ว มันจะขัดแย้งไปหมดเลยจริงๆ
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย.
    ดูกรภิกษุทั้งหลายรูปไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย
    เธอทั้งหลาย จงละรูปนั้นเสีย รูปนั้นอันเธอทั้งหลาย ละได้แล้ว

    จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล
    เพื่อสุข. เวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร ฯลฯ วิญญาณ
    ไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
    จงละวิญญาณนั้นเสีย วิญญาณนั้นอันเธอทั้งหลาย ละได้แล้ว
    จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย
    เธอทั้งหลาย จงละสิ่งนั้นเสีย สิ่งนั้นอันเธอทั้งหลายละได้
    จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล
    เพื่อสุข.
    +++++++++

    ดูกรภิกษุทั้งหลายรูปไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย
    เธอทั้งหลาย จงละรูปนั้นเสีย รูปนั้นอันเธอทั้งหลาย ละได้แล้ว


    รูปไม่ใช่ของเธอ เธอคือใคร? ขันธ์๕(รูปนาม)หรือ จิตที่อาศัยขันธ์๕?
    ถ้าของเธอคือ๑ในขันธ์๕ ต้องบอกทำไมว่าอันเธอละได้แล้ว???

    ไม่ต้องบอกก็ได้ละๆไป เดียวเธอก็หายไปเองหรอกใช่มั้ย???
    เหมือนคนทำความสะอาดบ้าน ทำๆไปเดียวบ้านก็สะอาดใช่มั้ย
    คนที่ทำความสะอาดก็หายไปด้วยใช่มั้ย??? ขาดเหตุผลสิ้นดีเลย

    เธอทั้งหลาย จงละสิ่งนั้นเสีย สิ่งนั้นอันเธอทั้งหลายละได้
    เธอทั้งหลาย จงละสิ่งนั้นเสีย สิ่งนั้นอันเธอทั้งหลายละได้
    เธอทั้งหลาย จงละสิ่งนั้นเสีย สิ่งนั้นอันเธอทั้งหลายละได้


    ;aa24
     
  3. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    แล้วถ้าการละหมายถึงดับล่ะ เพราะถ้าเราหรือเธอ ยังคิดว่าเป็นเราหรือเธออยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็คือสิ่งเดิมไงครับ (ไม่ต้องบอกก็ได้ละๆไป เดียวเธอก็หายไปเองหรอกใช่มั้ย???
    เหมือนคนทำความสะอาดบ้าน ทำๆไปเดียวบ้านก็สะอาดใช่มั้ย

    คนที่ทำความสะอาดก็หายไปด้วยใช่มั้ย??? ขาดเหตุผลสิ้นดีเลย) ไม่ขาดเหตุผลหรอกครับ เพราะไม่มีไม่ต้องใช้บ้านอีกจึงไม่มีคนทำ และเหตุใดหนอถึงต้องไม่มีคนทำ แสดงว่าบ้านมันต้องสะอาดดีแล้วหรือว่าบ้านมันไม่มีประโยชน์อีกแล้ว
     
  4. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    อนุโมทนาครับ
    กับการกระทบที่กาย เหมือนมีคนหิ้วของเดินมา ของมากระแทกกับหัวเข่า ใจมันเคลื่อนไปที่หัวเข่า รับรู้อาการของการกระแทก เริ่ม..เปลี่ยน..แล้วหายไป ใจมันเฉยไม่โกรธ แล้วมันเคลื่อนออกเป็นเห็นเขาทางตา

    เหมือนถ้าเป็นโดยเหยียบเท้าใจก็จะเคลื่อนไปที่เท้า ไปรู้อาการของแรงกดที่เท้า แรงกดจะค่อยเริ่มแล้วหาย ใจมันเฉยไม่โกรธ

    คือมันไปสนใจแต่อาการที่เปลี่ยนไปทางกายนะครับ มันลืมโกรธ
    น่าจะเป็นผลจากการฝึกอาปากับการฝึกสตินะครับ แต่ตรงทางตาที่เคลื่อนไปจะขาดสติครับ
    คือผมลองสังเกตุดู เวลาเกิดอะไรกระทบใจมันก็จะเคลื่อนไปด้วย

    คือถ้าภาวะตั้งมั่นเทียบกับ รวมออกเป็นภาวะสักกายทิฏฐิ มันมีลักษณะเหมือนกันบ้างมัยครับ
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    1.ตรงการฝึกกระทบ แล้วหยุดที่รู้ ไม่เติมเรื่องที่รู้ จะทำให้จิตจดจ่ออยู่ที่
    เห็น เวทนา เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป สัญญาเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป และเกิดวิตก
    เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป จบตรงที่รู้การกระเทือน ตรงนี้จะเป็นการฝึกเพื่อเจริญสติ

    2.แต่หลังจากนั้น จิตอาจเผลอหลุดไปปรุงสังขารบ้างตามธรรมชาติ เพราะ
    ยังต้องใช้ชีวิตในโลก จึงเกิดการหมายรู้ที่เกิดกว่าการรู้แบบปรมัตถ์ ตรง
    นี้การทำงานของขันธ์5 ทำหน้าทีแล้ว แล้วเมื่อขันธ์5ทำหน้าที กิเลส โลภะ
    โทษะ โมหะ จึงมีที่อาศัยในการเกิด

    3.ตอนที่ขันธ์5ทำงานก็ดี กิเลสเข้าแทรกก็ดี หากเรายังระลึกรู้แต่เพียง
    ในทโนทวาร(อีกอยาตนะหนึ่ง) ก็จะเป็นการฝึกอีกวาระหนึ่ง คนละวาระ
    กันกับการกระทบกระเทือน หากภาวนาได้ดี ก็แค่เห็นจิตกระเทือนใน
    อก สั่นไหวคล้ายกัน แต่ปราณีตกว่า(การหมุนวัฏฏะเพื่อภาวนาตัดภพชาติ)

    4.แต่ถ้ากิเลสมันทำงานเต็มที่ มันลากเราได้ การสั่นไหวจะรุนแรงจนเหมือน
    พุ่งออกมาจากส่วนหทัย(กลาง,คำไทยใช้ ใจ) ก็จะเกิดความสั่นไหวกร
    เพื่อมที่รุนแรงขึ้น หากเราระลึกรู้ไม่ทัน ก็จะล้นออกไปทางกายสังขาร วจี
    สังขาร

    * * * *

    การจะเห็น สักกายทิฏฐิ จะเห็นตอนที่ 2.

    การเห็นกิเลสทำงาน จะเห็นตอนที่ 3.

    การเห็นว่าศีลขาด จะเห็นตอนที่ 4.
     
  6. sunshine52

    sunshine52 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    ที่เคยได้รับประสบการณ์จากการฝึก....

    ในเรื่องของ...เสียง...

    สำหรับตัวเองจับ"ความรู้สึกตัว" บนการเคลื่อนไหวของกายอยู่ที่ฐานกายตลอด
    ไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่น แต่....ก็ต้องมีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
    มันจะมีความรู้สึกเหมือน"ความรู้สึกตัว"นั้นคล้ายเรดาร์คอยจับความผิดปรกติ
    (ไม่ใช่เพ่งจับจ้อง มันเบากว่านั้น มันมองกว้างๆ เหมือนมองภาพรวมของกาย
    ว่าอะไรกำลังจะเข้าและหรืออะไรกำลังจะออกไป)

    มีเสียงเข้ามากระทบที่หู...บังเอิญขณะนั้น "ความรู้สึกตัว" ชัดไม่เผลอจากฐานกาย
    สิ่งที่ได้รับรู้ คือมันเฉยๆ (จริงๆ) ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงความคิดที่แม้แต่จะบอกว่า
    "อ๋อ...เสียงแตรรถ...อ๋อ....เสียงหมู...อ๋อ...เสียงรถฯลฯ" มันไม่ตัดสินว่าเป็นเสียงอะไรตั้งแต่มันกระทบเริ่มแรกแล้ว เพราะ"ความรู้สึกตัว"ยังอยู่ที่ฐานกาย (ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมทำให้เรารู้แบบกลางไม่ตัดสิน)....

    หลังจากที่ "รู้สึกตัวเฉยๆ"ดังนั้น...ไม่มีแม้แต่ความคิดปรุงแต่ง....กำลังสติสัมปชัญญะขณะนั้น(กำลังขนาดไหนก็ไม่ทราบไม่อาจชั่งตวงวัดได้) ก็เกิดเห็นเกิดรู้หรือจะเรียกว่า
    สภาวะธรรม (ได้ไหม)....เห็นและรู้แบบละเอียดถึงการเกิดแล้วก็ดับอยู่ในระลอกเสียงอยู่ตลอดเวลา เกิดดับ ๆๆๆๆๆๆ สืบเนื่อง.....เป็นอย่างนี้...จนเราหลงเข้าใจว่ามันมีอยู่จริง

    สภาวะธรรมที่ได้เรียนรู้นั้นบางที่อาจไม่เหมือนกันในแต่ละบุคคล....และจริงๆ แล้วมันก็เหมือนกับเกลือ....ถ้าคุณไม่ลงมือกินเสียที...แล้วคุณถามว่ามันมีรสอย่างไร....เราบอกว่า"เค็ม"....อย่างไรเสียคุณก็ไม่รู้อยู่ดีว่า "เค็ม"มันเป็นเช่นไร...ลงมือกินเกลือเลยจะดีกว่าไหม


    (ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ เนื่องจากยังเป็นมือใหม่อยู่)
     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ว่ากันเรื่องเสียงเหรอ ... มีเล่านิดๆ

    ผมได้ยินเสียงเด็กทารกที่เค้าร้องๆ อุแว๊ๆ ๆ ถี่ๆๆกัน รู้สึกตอนนั้น มันลุ่มลึกลงไป สติตามรู้อยู่ ตอนที่ได้ยิน พอทารกร้องนานๆเข้าเหมือนมันเข้าล๊อก แบบเร็วๆมากๆ รู้สึกเหมือน ใจผมมันจะผลุบเข้าไป ยังไงยังนั้น แต่มันเหมือนเด้งออกมาก่อน ผมเป็นแบบนี้อยู่หลายรอบๆ กรณีที่ได้ฟังเสียง เด้งมาหลายครั้งเลย เรื่องเสียงก็มีเท่านี้ล่ะครับ
     
  8. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ขอบคุณที่มาโพสต์ครับ
    ผมเห็นดังนี้ว่า

    พอทารกร้องนานๆเข้าเหมือนมันเข้าล็อกแบบเร็วๆมากๆ ตอนนี้คงเป็นตอนที่จิตเริ่มจะเกิด กำลังจะจมแช่ลงไปกับความคิดจนเกิดอารมณ์คล้อยตามไปแล้ว แต่ทีนี้ความที่จิตมันเห็นความจริงและมีปัญญาระดับหนึ่งแล้ว มันไม่หลงความคิดง่ายๆอีก จิตมันก็เลยดีดตัวออกมาจากความคิดได้ กลายเป็นไม่อิน เวลาอะไรๆมากระทบมันเลยรู้สึกว่าเข้าไปไม่ถึงตัวใจจริงๆ เหมือนก่อน ลึกลงไปก็เหมือนกัน มันก็ทำความศึกษาอย่างนี้ ทำความเข้าใจกับกระบวนการเผลอหลงอย่างนี้เหมือนกัน แต่มันมีรายละเอียดมากขึ้นไปอีกโดยลำดับ คือถ้ากำลังของสติ กำลังของจิตยิ่งมีมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเห็นรายละเอียด เห็นสิ่งที่เป็นต้นเหตุก่อทุกข์ให้เราได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น...

    สาธุด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2009
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    อย่าไป หาวิธีร้อยแปดเลย วางลงให้เป็นในทุกๆ เรื่องนั่นแหละ

    เวลาพิจารณา ความตายก็เอาให้มันซึ้ง

    พิจารณาขันธ์ 5 ท่านเอาไว้ ถอนอนุสัย

    คนทั่วไป ก็เอาให้ซึ้งเรื่องง่ายๆ พอ
     
  10. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    วิษณุ12*, Tboon

    ท่าน ทีชอบฝึกแบบโหดๆไหม ผมจะขึ้นเขาเร็วๆนี้ ว่างไปด้วยกันไหมครับ อยู่ปากช่อง
     
  11. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    จะไปฝึกคอมมานโดกันหรอครับ...
     
  12. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    [๕๐๗]
    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็สักกายทิฏฐิมีได้อย่างไร?
    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับในโลกนี้ ไม่ได้เห็นพระอริยะไม่ฉลาด
    ในธรรมของพระอริยะ ไม่ได้ฝึกในธรรมของพระอริยะ
    ไม่ได้เห็นสัปบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัปบุรุษ
    ไม่ได้ฝึกในธรรมของสัปบุรุษ ย่อมตามเห็นรูป โดยความเป็นตนบ้าง
    ตามเห็นตนว่ามีรูปบ้าง ตามเห็นรูปในตนบ้าง ตามเห็นตนในรูปบ้าง
    ย่อมตามเห็นเวทนา ... ย่อมตามเห็นสัญญา ...
    ย่อมตามเห็นสังขารทั้งหลาย ...
    ย่อมตามเห็นวิญญาณ โดยความเป็นตนบ้าง ตามเห็นตนว่ามีวิญญาณบ้าง
    ตามเห็นวิญญาณในตนบ้าง ตามเห็นตนในวิญญาณบ้าง

    อย่างนี้แลสักกายทิฏฐิจึงมีได้.

    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็อย่างไรสักกายทิฏฐิจึงจะไม่มี
    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้วในธรรมวินัยนี้ ได้เห็นพระอริยะ
    ฉลาดในธรรมของพระอริยะ ฝึกดีแล้วในธรรมของพระอริยะ
    ได้เห็นสัปบุรุษ ฉลาดในธรรมของสัปบุรุษ ฝึกดีแล้วในธรรมของสัปบุรุษ
    ย่อมไม่ตามเห็นรูป โดยความเป็นตนบ้าง ไม่ตามเห็น
    ตนว่ามีรูปบ้าง ไม่ตามเห็นรูปในตนบ้าง ไม่ตามเห็นตนในรูปบ้าง
    ย่อมไม่ตามเห็นเวทนา ...ย่อมไม่ตามเห็นสัญญา ... ย่อมไม่ตามเห็นสังขารทั้งหลาย ...
    ย่อมไม่ตามเห็นวิญญาณ โดยความเป็นตนบ้าง ไม่ตามเห็นตนว่ามีวิญญาณบ้าง
    ไม่ตามเห็นวิญญาณในตนบ้าง ไม่ตามเห็นตนในวิญญาณบ้าง
    อย่างนี้แล สักกายทิฏฐิจึงจะไม่มี.


    ;aa24 หัดน้อมมาสู่ตน ตามความเป็นจริง
     
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    อ๋อ ..จะไปฝึก เงียบๆ แบบมันส์ๆ น่ะ ว่างจะไปด้วยกันไหมล่ะครับ มีแต่เสียง เรไร บ่างป่า เสียงนกเสียงงู
     
  14. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    น่าสนใจมากทีเดียว
    แต่ไม่ว่างเลยครับช่วงนี้
    วุ่นวายเหลือเกิน ชีวิต...
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    [๕๐๘]
    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็อริยมรรคมีองค์ ๘ ไฉน?
    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้ คือ
    ปัญญาอันเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑
    วาจาชอบ ๑ ทำการงานชอบ ๑ เลี้ยงชีวิตชอบ ๑
    ความเพียรชอบ ๑ ความระลึกชอบ ๑ความตั้งจิตไว้ชอบ ๑.

    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นสังขตะหรือเป็นอสังขตะ?
    ธ.
    ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นสังขตะ.

    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ขันธ์ ๓ (กองศีล กองสมาธิ กองปัญญา)
    พระผู้มีพระภาคทรงสงเคราะห์ด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘
    หรือว่าอริยมีองค์ ๘ พระผู้มีพระภาคทรงสงเคราะห์ด้วยขันธ์ ๓.

    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ขันธ์ ๓ พระผู้มีพระภาคไม่ทรงสงเคราะห์ด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘
    ส่วนอริยมรรคมีองค์ ๘ พระผู้มีพระภาคทรงสงเคราะห์ด้วยขันธ์ ๓ คือ
    วาจาชอบ ๑ ทำการงานชอบ ๑ เลี้ยงชีวิตชอบ ๑ ทรงสงเคราะห์ด้วยศีลขันธ์
    ความเพียรชอบ ๑ ความระลึกชอบ ๑ความตั้งจิตไว้ชอบ ๑ ทรงสงเคราะห์ด้วยสมาธิขันธ์
    ปัญญาอันเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ทรงสงเคราะห์ด้วยปัญญาขันธ์.


    ;aa24 ศีล สมาธิ ปัญญา
     
  16. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    สถานที่ เงียบสงบดีครับ บนเขาไม่สูงมาก มีถ้ำอยู่ 2ถ้ำไม่มีคนอยู่ มีถ้ำมืดกับถ้ำสว่างในถ้ำ อากาศเย็นสะบายมากไม่มียุง เสียอย่างเดียว ค้างคาวเยอะไปหน่อยแต่ก็อยู่เป็นส่วนของเค้า

    ที่วัด มีพระเจ้าอาวาส 1รูป ท่านทำงานให้คณะสงฆ์ท่านไม่ค่อยอยู่วัดงานท่านเยอะ
    แม่ชี 1รูป อ.แม่ท่าน74กว่าแล้ว ท่านเจ้าอาวาสท่านก็นับถือเป็นแม่
    ท่านเป็นผุ้อำนวยการสร้างวัดเอง ส่วนใหญ่ไปก็อ.แม่ท่านให้ข้อสอบมาทำตลอด สนุกดีครับ หากชอบเงียบแบบไม่ต้องมีใครบังคับ อยากไปวัดใจ บอกได้ครับ วิเวกถึงใจเลย ไม่ไกลกรุงเทพฯหรอก ขับรถไปก้ ชั่วโมงเศษๆ
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็ธรรมอย่างไร เป็นสมาธิ ธรรมเหล่าใด เป็นนิมิตของสมาธิ
    ธรรมเหล่าใด เป็นเครื่องอุดหนุนสมาธิ การทำให้สมาธิเจริญ เป็นอย่างไร?

    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ความที่จิตมีอารมณ์เป็นอย่างเดียว เป็นสมาธิ
    สติปัฏฐาน ๔เป็นนิมิตของสมาธิ สัมมัปปธาน ๔ เป็นเครื่องอุดหนุนสมาธิความเสพคุ้น
    ความเจริญ ความทำให้มากซึ่งธรรมเหล่านั้นแหละ เป็นการทำให้สมาธิเจริญ.

    [๕๐๙]
    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็สังขาร มีเท่าไร?
    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ สังขารเหล่านี้ มี ๓ ประการคือ กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร.

    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็กายสังขาร เป็นอย่างไร วจีสังขารเป็นอย่างไร จิตตสังขารเป็นอย่างไร?
    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ลมหายใจออกและลมหายใจเข้า เป็นกายสังขาร

    วิตกและวิจารเป็นวจีสังขาร สัญญาและเวทนา เป็นจิตตสังขาร.

    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็เหตุไร ลมหายใจออกและลมหายใจเข้า จึงเป็นกายสังขาร
    วิตกและวิจาร จึงเป็นวจีสังขาร สัญญาและเวทนา จึงเป็นจิตตสังขาร?
    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ลมหายใจออกและลมหายใจเข้าเหล่านี้ เป็นธรรมมีในกายเนื่องด้วยกาย
    ฉะนั้น ลมหายใจออกและลมหายใจเข้า จึงเป็นกายสังขาร
    บุคคลย่อมตรึกย่อมตรองก่อนแล้ว จึงเปล่งวาจา

    ฉะนั้น วิตกและวิจาร จึงเป็นวจีสังขาร
    สัญญาและเวทนาเป็นธรรมมีในจิต เนื่องด้วยจิต
    ฉะนั้นสัญญาและเวทนา จึงเป็นจิตตสังขาร.


    ;aa24 แม้แต่พุทธวจนะยังไม่เคารพ เป็นพวกนอกรีต
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    [๕๑๐]
    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า
    ก็การเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นอย่าง
    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ
    ภิกษุผู้เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ มิได้มีความคิดอย่างนี้ว่า เราจักเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ
    ว่าเรากำลังเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ ว่าเราเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธแล้ว
    ก็แต่ความคิดอันนำเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้น อันท่านให้เกิดแล้วตั้งแต่แรก.

    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ
    ธรรม คือ กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร อย่างไหน ย่อมดับไปก่อน?
    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ
    วจีสังขารดับก่อน ต่อจากนั้นกายสังขารก็ดับ
    จิตตสังขารดับทีหลัง.

    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็การออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ เป็นอย่างไร?
    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ภิกษุผู้ออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ มิได้มีความคิดอย่างนี้ว่า
    เราจักออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ
    ว่าเรากำลังออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ
    ว่าเราออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว
    ก็แต่ความคิดอันนำเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้น อันท่านให้เกิดแล้วแต่แรก.

    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็เมื่อภิกษุออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ
    ธรรมคือกายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร อย่างไหน เกิดขึ้นก่อน.
    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ เมื่อภิกษุออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ
    จิตตสังขารเกิดขึ้นก่อน ต่อจากนั้นกายสังขารก็เกิดขึ้น วจีสังขารเกิดขึ้นทีหลัง.

    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็ผัสสะเท่าไร ย่อมถูกต้องภิกษุผู้ออกแล้ว
    จากสัญญาเวทยิตนิโสมาบัติ?
    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ผัสสะ ๓ ประการ
    คือ
    ผัสสะชื่อสุญญตะ (รู้สึกว่าว่าง)
    ผัสสะชื่ออนิมิตตะ (รู้สึกว่าไม่มีนิมิต)
    และผัสสะชื่ออัปปณิหิตะ (รู้สึกว่าไม่มีที่ตั้ง) ย่อม
    ถูกต้องภิกษุผู้ออกแล้วจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ.

    วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็ภิกษุผู้ออกแล้วจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ. มีจิตน้อมไปใน
    ธรรมอะไร โอนไปในธรรมอะไร เอนไปในธรรมอะไร?
    ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ภิกษุผู้ออกแล้วจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ
    มีจิตน้อมไปในวิเวก โอนไปในวิเวก เอนไปในวิเวก.


    ;aa24 มีจิตน้อมไปในวิเวก โอนไปในวิเวก เอนไปในวิเวก.
     
  19. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    การเกิดเสียง การเกิดเสียงในอากาศ
    เกิดจากการสั่นของต้นกำเนิดเสียง
    ทำให้โมเลกุลของอากาศเกิดการเคลื่อนที่ในลักษณะที่เป็นช่วงอัดและช่วงขยาย
    เสียง เริ่มเกิดขึ้นเมื่อวัตถุหรือแหล่งกำเนิดเสียงมีการสั่นสะเทือน
    ส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของโมเลกุลของอากาศที่อยู่โดยรอบ
    กล่าวคือโมเลกุลของอากาศเหล่านี้จะเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิม
    ไปชนกับโมเลกุลที่อยู่ถัดไป ก่อให้เกิดการถ่ายโอนโมเมนตัม
    จากโมเลกุลที่มีการเคลื่อนที่ให้กับโมเลกุลที่อยู่ในสภาวะปกติ
    จากนั้นโมเลกุลที่ชนกันนี้จะแยกออกจากกัน โดยโมเลกุล
    ที่เคลื่อนที่มาจะถูกดึงกลับไปยังตำแหน่งเดิมด้วยแรงปฏิกิริยา
    และโมเลกุลที่ได้รับการถ่ายโอนพลังงาน จะเคลื่อนที่ไปชนกับ
    โมเลกุลที่อยู่ถัดไปปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นสลับกันไปมา
    ได้เมื่อสื่อกลาง (ในที่นี้คืออากาศ) มีคุณสมบัติของความยืดหยุ่น
    การเคลื่อนที่ของโมเลกุลอากาศนี้จึงเกิดเป็นคลื่นเสียง

    เสียง สั่นสะเทือนยิบๆ ระลอกคลื่น อัดขยาย
     
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ดีครับ หากเห็นบีทของเสียงได้แล้ว ให้น้อมมาในกาย ให้มันสั่นอยู่ในโพรงของหู

    จะจักกะจี้นิดหน่อย แต่ให้นึกไปว่านั่นคือ ปิติ ให้ระลึกว่า เกิดปิติ และยกเป็นของ
    ถูกรู้ถูกดูไป มันจะห่างออกจากเรา แม้จะเกิดในหู

    ระวังการเพ่งเกินไป จะเกิดการตึง จะคล้ายหูตึง มันจะอื้อๆ เสียงไม่แจ่มชัดตามปรกติ
    หากไปประครองไว้ เพราะคิดว่าคือความสงบ จะติดสมถะ ให้ระลึกรู้ว่า จงใจฟังเกินไป
    จิตส่งในไปแล้ว

    ก็ลองฝึกดู มันจะกลับไปกลับมา ยังวิ่งออกไปรู้ข้างนอกได้ เราจะไม่ประครองว่าจะ
    ต้องเห็นอยู่ตรงไหน เพราะนั่นคือส่วนขันธ์5 ที่แปรปรวน ให้ลองชำเลืองดูว่าขณะนั้น
    จิตตั้งมั่นรู้หรือไม่ หากพบว่าจิตตั้งมั่นรู้อยู่ จะรู้ว่า สัมมาสมาธิ หรือ ใจ หรือ กลางๆ นั้น
    อยู่ตรงไหน

    ส่งในเกินไป หากเราหลุดออกมาจะทำให้ โทษะแทรก

    ส่งนอกเกินไป หากเราเผลอยาว จะฝุ้งซ่านกับการได้ยิน

    ความพอดี อยู่ที่การระลึกรู้สภาวะ โดยไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีสัตว์ มีแต่รูปปรมัตถ์ ดัง เบา

    แล้วน้อมพิจารณาช่วยนิดหน่อยว่า เราไปอิงอาศัย การรู้เสียง ดัง เบา เพื่อดำรงค์ความ
    เป็นตน ทั้งๆที่ มันเป็นแค่อนุภาคดิน น้ำ ลม ไฟเล็กๆ ที่ทำหน้าที่ถ่ายโอนมวล และแรง
    ดันผลัก ร้อนเย็น สั่นสะเทือน

    อย่างไรแล้ว ลองเปิด sound track เสียงภาษาต่างประเทศดู แล้วจะพบว่า ทำไมสรรพ
    สัตว์จึงชื่อว่า มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...