แล้วเรา คือ อะไร?...../ใคร....?

อ่ะ น่าเอ๊ะใจ ๆ กายหยาบ กายทิพย์ ไม่ใช่เรา หรือต้องบอกว่ากายธรรมใช่เรา

ต้องเปลี่ยนใหม่ว่า กายหยาบ กายทิพย์ ไม่ใช่เรา กายธรรมใช่เรา แต่คำหลวงปู่มั่นบอก ว่า ..เราไม่มี ไม่มีเรา.. จริงไหมน๊า เอ๊ะ น่าคิด น่าคิด

จาข้อความอ้างอิง http://palungjit.org/threads/สักกาย...กายว่าไม่ดี-สมมุติก็มีความสำคัญ.200122/page-2

 

น่าจะเป็นว่า กายธรรม คือ จิตบริสุทธิ์
คือ เรา(จิต)ปล่อยวางการยึดถือขันธ์ ๕ ได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว

ยังหาอ่านบทเต็มๆที่หลวงปู่มั่นพูดไม่เจอค่ะ

(smile)

 

อนุโมทนา ค่ะพี่หนูเล็ก
ในการปฏิบัติและธรรมทาน เป็นการเตรียมสะเบียงอย่างดีค่ะ
เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะตายวันไหน กำหนดไม่ได้
แต่ก็ความตายก็ไม่น่ากลัว เท่ากับการเปลี่ยนภพที่ต่ำกว่าภพปัจจุบัน
หรือไปเกิดเป็นพรหมลูกฟัก นานาก็ว่าน่าหวาดเสียวนะพี่หนูเล็ก หากเราหลดจากพรหมลูกฟักเราจะเข้าใจว่านั้นคือจิตประภัสสรของเรา นับว่าเสียหายอย่างมากมายของเราที่อุตส่าห์เกิดมากึ่งกลางพุทธศาสนา

ด้วยอนิสงค์ที่ทำขอให้พี่หนูเล็กสำเร็จมรรคผลในชาติปัจจุบันด้วยนะ สาธุค่ะ

 

พรหมลูกฟัก เป็นพวกทำสมาธิได้ฌานขั้นละเอียด เป็นมิจฉาสมาธิ
เป็นพวกนอกลัทธิ มีความเชื่อมแตกต่างจากศาสนาพุทธโดยสิ้นเชิง
เช่น ลัทธิพราหมณ์ เชื่อในอาตมัน เชื่อศรัทธาพระเจ้า ฯลฯ

ไม่ใช่..ทำสมาธิขั้นละเอียดแล้วจะเป็นพรหมลูกฟักเสมอไป...
มันขึ้นอยู่กับว่า...จิตที่ดำเนินมีทิฐิถูกต้องหรือไม่...
ไม่ปฏิบัติในการแนวทางเพื่อทางพ้นทุกข์ มรรค 8
นั่นแหละ..มิจฉาสมาธิ

มันคนละเรื่องกับ..พรหมลูกฟัก..
ที่ไม่มีสติตัวรู้..มีแต่ความนิ่งไม่รู้กายไม่รู้ใจ ...สมาธิไม่รู้สมาธิ

จิตประภัสสร ไปหาอ่านในมุตโตทัย ของหลวงปู่มั่น
มิเช่นนั้นจะเข้าใจคำสอนของหลวงปู่มั่นคลาดเคลื่อน...

ต้องศึกษาให้ดี..จะเสียประโชน์อันควรพึงจะได้รับ
ส่วนจะเชื่อหรือไม่..ก็เป็นสิทธิของท่าน

 

อนุโมทนา ค่ะ ท่านวิสุทโธ ที่ช่วยเกี่ยวกับข้อมูล พรหมลูกฟัก

ที่บอกว่าจะไปเกิดเป็นพรหมลูกฟักหมายถึงพวกที่หลงตายในสมาธิ ค่ะ
ค่ะถ้าเป็นแบบนั้น ก็น่าจะเรียกเป็นมิฉาทิฐิ ใช่ไหมคะ พอเราหลุดมาจากหรหม
ลูกฟัก เพราะเราใช้เวลาอยู่ในนั้นนานเกินไป พอเราหลุดมาเราเข้าใจไปเองว่านั้นคือ
เราเข้าใจเป็นจิตประภัสสร(หรือจิตดวงแรกของเรา) อันนี้ข้อมูลที่ได้มาถูกต้องหรือเปล่าคะ
แต่จริงไม่ใช่

เข้าใจค่ะ ว่าจิตประภัสสรคือจิตดวงแรกที่ถูกอวิชาครอบงำ อาสวะกิเลส ยังไม่หมด
เลยต้องมากำจัดในสังสารวัฐ เพื่อกำจัดออกให้หมด และสลัดอวิชาให้ กลับคืนสู่นิพพาน
เมื่อสำเร็จและสังโยชน์ 10 หมดไป

เดี๋ยวจะลองไปหาฟังค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

แต่ลัทธิ ที่คุณวิสุทธโธ บอกนี้ เขาเล่ามาว่าเกิดก่อนสมัยพุทธกาล
และมีหลายท่าน ที่กลับใจมานับถือพุืทธ ตามและดำเนินสมาธิ และ
วิปัสสนา ตามพระพุทธองค์ อย่างปัจวัคคีตั้ง 5 เป็นพราหมณ์
และกลับใจมาบวชเป็นพระ เพราะเคยเกื้อกูลกันมา หรือครบองค์ธรรม
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครบองค์พระรัตนตรัยเกิดขึ้นครั้งแรกตรงนี้
อันนี้นานาก็อ่านมาเหมือนกัน ข้อมูลอาจจะผิดไปบ้างตามประสบการณ์
ที่มีเพียงน้อยนิดค่ะ
สาธุที่ช่วยเกี่ยวกับข้อมูลค่ะ

 

เมื่อจิตดำเนินสมาธิ...มาถึงขั้นรูปฌานและอรูปฌานแล้ว
จะไม่ตายทิ้งสังขารในสภาวะนั้น...
เพราะในขณะนั้นไม่มีเวทนาในขันธ์ 5

แต่จะค่อยๆ ถอยสภาวะจิตลงมาถึงจะทิ้งขันธ์นั้นได้..
ส่วนจิตนั้นจะจับอารมณ์ใดเป็นอารมณ์สุดท้ายก่อนตาย
จิตก็จะไปปฏิสนธิวิญญาณพาไปเกิดตามภพภูมินั้นๆ

กล่าวคือ..ถ้าจิตจับอารมณ์อรูปฌานละเอียดก็ต้องไปเกิดเป็นพรหม
ในกรณี..ที่เป็นมิจฉาสมาธิ ก็จะเป็นพรหมลูกฟัก หรืออรูปพรหม
แต่ในกรณี..ที่เป็นสัมมาทิฐิ...ก็จะเป็นสุคติภูมิ เช่น พรหมชั้นสูง รูปพรหมขึ้นไป

 

เอ๊ะ พี่มโน พรหมลูกฟัก กับพรหมชั้นสูง วัดกัน แบบไม่เลือกลำดับชั้นหรือเปล่าฮะ
... พรหมลูกฟัก ใช่ เนวะสัญญานาสัญญายตนะหรือเป่า

 

ที่กล่าวมาถูกต้อง...
แต่เพราะก่อนหน้านั้น..ปัจวัคคีย์ทั้ง 5 เข้าใจว่า..พระพุทธองค์ทิ้งความเพียรอุกฤษณ์หันมาเสพกาม
จึงไม่เชื่อว่า...พระพุทธองค์ทรงบรรลุธรรมาพิสมัย
แต่เนื่องจากในขณะที่ปัจวัคคีย์ทั้ง 5 ได้อยู่ร่วมกับพระพุทธองค์ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยกล่าวว่า..พระองค์ทรงบรรลุธรรมวิเศษ
แต่เมื่อพระพุทธองค์กล่าวเช่นนั้น..จึงยอมลดทิฐิน้อมใจมาฟังธรรมเทศนาในหัวข้อเรื่องทางสายกลาง ธัมจักรกัปปะวัฒนะสูตร จนพระอัญญาโกณฑัญญะบรรลุธรรมเป็นพระสงฆ์องค์แรกในบวรพุทธศาสนา

 

พรหมลูกฟัก ไม่ใช่ เนวะสัญญานาสัญญายตนะ
เพราะในชั้นเนวะสัญญานาสัญญายตนะ เป็นอรูปพรหม

 

อ้าว เป็นคุณมโน ดอกหรือนี่...ปัดโธ่ คิดถึงอยู่ตั้งนาน

 

สาเหตุที่พระพุทธเจ้า ทรงให้พระอานนท์เป็นผู้ใกล้ชิดพระองค์
นั้นเป็นเพราะพระอานนท์จะสำเร็จพระอรหันต์ตามพระองค์
หากไม่ใช่พระอานนท์นั้นพระองค์ จะกลับเข้านิพพานไม่ได้ เหตุมีพันธะต่อกัน
อันนี้มีคนบอกมา แต่ยังไม่เชื่อเท่าไร
พอจะมีข้อมูลตรงนี้ไม่คะ
ขอถามอีกนิดเดียว

 

กรณีพระอานนท์นั้น..ท่านปรารถนาสร้างบารมีเป็นพุทธอุปัฐฐาก
และเพราะมีพันธะตามที่คุณได้ชี้แจงถูกต้องครับ...

เพราะการสร้างบารมีเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง เช่น พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์แต่ละองค์บรรลุธรรมพ้นทุกข์เช่นเดียวกันแต่มีบารมีไม่เท่ากัน...ขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีที่อฐิษฐานสร้างสมบำเพ็ญมา..

เปรียบทางโลกเรียนจบปริญญาเหมือนกัน
แต่สอบได้ที่1 กับที่ 10 แต่จบเหมือนกัน

 

เท่าที่ศึกษามานะครับ พระพุทธเจ้ารับอาราธนาจากพระยามาร ก่อนปรินิพาน 3 เดือนไม่ใช่เหรอครับ ส่วนพระอานนท์ที่ได้รับเป็นพระอุปัฐฐากนั้นเพราะพระองค์ทราบว่าความจำพระอานนท์นั้นดีเลิศ ถึงขนาดยกย่องพระอานนท์เป็นเอกทัคคะด้าน ความจำดี เพราะรู้ด้วยพุทธญานว่าต่อไปต้องมีการสังคายนาพระไตรปิฏก ส่วนพันธะกับพระอานนท์นั้นท่านไม่ว่าไว้ในพระไตรปิฏก แต่บอกว่าพระองค์ต้องการไปโปรดสาวกคนสุดท้าย (ท่านเรียกว่าลูกคนสุดท้าย) จำชื่อไม่ได้ที่มาเข้าเฝ้าพระองค์ก่อนปรินิพพานน่ะครับ ตอนนั้นพระอานนท์เป็นพระโสดาบันแล้วด้วย ขนาดหมอชีวกโกมารภัทท์ถวายยารักษาพระองค์ยังไม่รับเลย แสดงว่าทรงตั้งใจปรินิพพาน ตอนนั้น คงไม่เกี่ยวกับพระอานนท์หรอกครับ

 

พระอานนท์ เป็นพระญาติของพระพุทธเจ้าในชาตินี้ แต่อดีตเป็นใครก็จำไม่ได้เหมือนกัน
รู้แต่ว่ามีพันธะ ต่อพระพุทธเจ้าน่ะค่ะ

 

พระพุทธเจ้ารับอาราธนาจากพระยามาร ก่อนปรินิพาน 3 เดือน อันนี้ถูกต้องครับ...
แต่พระพุทธองค์ก็ทรงแสดงเหตุให้พระอานนท์ทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์ทรงดำรงชีพอยู่หลายครั้ง ผมจำไม่ได้ว่า 3 หรือ 7 ครั้ง..แต่พระอานนท์ก็นิ่งเฉย

หาอ่านได้ใน พระอานนท์พุทธอนุชา ของ อ.วศิน อินทรสระ

 

ฟังมาอีกที ไม่รู้ฟังผิดไปรึป่าวนะ แต่จำได้ประมาณนี้

สมัยนั้นพระพุทธองค์ ทรงเล่าให้พระสงฆ์สาวกฟังเรื่องพระที่ติดตามพระพุทธองค์
ขอแยกตัวไปภาวนาทำความสงบ พระพุทธองค์ก็ทรงชวนไว้ให้ไปด้วยกันถึง3ครั้ง
พระองค์นั้นก็วางอัฏบริขารของพระพุทธองค์ไว้แล้วแยกทางไปภาวนาคนเดียว
ที่พระพุทธองค์ทัดทานแล้วชวนให้อยู่ถึง3ครั้ง เพราะเล็งเห็นว่าถ้าพระองค์นั้นแยกไป
ภาวนาองค์เดียว ก็ไม่ได้ความสงบ ไม่ได้มรรคผลนิพพานอยู่ดี แต่ก็ห้ามไม่ได้ พระองค์
ก็ปล่อยให้ไป พอเล่าให้พระสงฆ์สาวกฟังในที่ประชุมสงฆ์ ท่านทั้งหลายก็ปลงว่า แม้แต่
พระพุทธองค์จะหาพระซักรูปตามไปอุปัฏฐากยังไม่ได้เลย ก็เลยอาสาจะติดตามพระ
พุทธองค์กันทุกรูป ทั้งพระสารีบุตร พระโมคคัลา พระกัสสปเถระ ทุกองค์อาสาตามหมด
ยกเว้นพระอานนท์ ไม่ได้อาสาอยู่องค์เดียว พระพุทธองค์ ก็ตรัสว่า พวกท่านมีภาระกิจอื่นที่
ยิ่งกว่านี้ ท่านก็บอกว่าให้ทำกิจอย่างอื่นจะมีประโยชน์กว่า แล้วพระท่านอื่นๆ ก็ถามพระ
อานนท์ว่า ทำไมไม่อาสา พระอานนท์ตอบว่า ถ้าพระพุทธองค์เห็นสมควร ท่านย่อมใช้
กระผมเอง สรุปสุดท้าย พระพุทธองค์ท่านก็เลือกให้พระอานนท์ทำหน้าที่ติดตามอุปัฏฐาก
รับใช้ใกล้ชิดตั้งแต่นั้นมา โดยพระอานนท์ท่านมีข้อแม้ว่า พระพุทธองค์ท่านได้รับของชั้น
เลิศมาทั้งของใช้และอาหารคาวหวาน ท่านไม่รับ แต่ถ้าพระพุทธองค์ไปเทศน์ ไปสอนผู้
ใด ขอให้สอนท่านด้วย หรือใครจะติดต่อเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ต้องผ่านท่านก่อนเพื่อให้
ท่านกราบทูลพระพุทธองค์ก่อน (ประมาณนี้นะ ไม่รู้ถูกหรือผิด)

 

เป็นการเลือกผู้ที่จะมาเป็นพุทธอุปัฐฐาก
และกล่าวถึงคุณสมบัติของพระอานนท์ผู้จะมาเป็นพุทธอุปัฐฐาก
และเป็นการที่พระอานนท์ขอพุทธาอนุญาตจากพระพุทธองค์

 

วาสนา เป็นสิ่งสำคัญ เป็นปัจจัยแรก ที่พระพุทธท่านทรงฌาน
แต่แรก แล้ว ..หากไม่ใช่พระอานนท์ไม่งั้น จะไม่สามารถตัดพันธะ ได้
เขาเรียกสมบัติจักรพรรดิ ได้ไหมคะ