ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ๒๕๖๓ : การเดินทางจากหายนะสู่อารยะแห่งมนุษยชาติ

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เอกอิสโร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2156781", true); </SCRIPT> สมาชิก

    หลังจากวันนั้น มุตโต ก็ใช้เวลาว่างคิดใคร่ครวญ เพื่อจะหาทางแกะรหัสเวลาที่จะเกิดมหาภัยภิบัติ และการตีความในพุทธทำนาย ที่ว่ากันว่า พระมหากัสสปะ ได้ให้จารึกลงใบลานไว้ตามที่ได้รับการถ่ายทอดจากพระอานนท์ ซึ่งได้ฟังคำพยากรณ์จากพระโอษฐ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    <O:p</O:p
    “เอ ถ้าตามในพุทธทำนายบอกว่าจะเกิดใน พ.ศ. ๒๕๐๐ กลางปี แถมมาอีกนั้น มันจะหมายถึงปี พ.ศ. ไหน แต่ที่แน่ๆ คงจะไม่เกินปี ๒๖๐๐ แน่ “ มุตโต คิดและพูดกับตัวเองอยู่คนเดียว
    <O:p</O:p
    อืม... คำว่า ๒๕๐๐ กับกลางปี ไอ้กลางปี นี่มันจะหมายถึงอะไรกันนะ หรือจะเป็นครึ่งร้อย ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เท่ากับว่า เหตุการณ์ร้ายๆ จะเกิดหลังจาก พ.ศ. ๒๕๕๐ ไปแล้ว มุตโต คิดต่อ
    <O:p</O:p
    เอ้อ มันก็แน่หล่ะสิ เพราะนี่มัน ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ แล้วนี่ การที่เราได้มาพบหนังสือผูกเวลานี้ ก็ต้องหมายถึง เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสิ ถ้าเกิด ก่อน พ.ศ. ๒๕๕๑ พ่อก็ต้องเล่าเรื่องราวตื่นเต้นที่รอดพ้นจากมหาภัยภิบัติให้ฟังแล้วหล่ะมุตโตนึกขึ้นมาได้
    <O:p</O:p
    ระหว่างที่มุตโต กำลังนั่งคิดเพลินๆ คนเดียวอยู่นั้น ก็พอดี มุกดา น้องสาวมาตามไปทานข้าวมื้อเย็น
    <O:p</O:p
    ไงค่ะ พี่ชาย นั่งบ่นอะไรงึมงำ งึมงำ อยู่คนเดียว มุกดา เอ่ยปากถามพี่ชาย
    <O:p</O:p
    อ้าว ว่าไงจ๊ะยายมุก มีอะไรจะให้พี่ช่วยรึเปล่า มุตโต ถามน้อง เพราะคิดเพลินจนไม่ได้ยินคำถามของน้องสาว
    <O:p</O:p
    ไม่มีค่ะ แค่จะมาตามไปทานข้าว ว่าแต่พี่ชายมีอะไรให้น้องช่วยรึเปล่า? มุกดา บอกกับพี่ชาย
    <O:p</O:p
    เออ มาก็ดีแล้วว่าที่นักโบราณคดี ปีนี้ มันตรงกับปีอะไร ชวด ฉลู ขาล เถาะมุตโต ถามน้องสาว
    <O:p</O:p
    ปีนี้ เหรอค่ะ ตรงกับปี ชวด ค่ะ มุกดาตอบ
    <O:p</O:p
    งั้น ปี เถาะ ก็ตรงกับ พ.ศ. ๒๕๕๔ ใช่ป่ะมุตโต ถามต่อ
    <O:p</O:p
    ต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ยังเป็นปีขาลอยู่ค่ะ ต้องประมาณ เดือนเมษา โน่นถึงจะเป็นปีเถาะ มุกดา ตอบพี่ชาย
    <O:p</O:p
    เออ แปลกดีน่ะ พ.ศ. เดียว มีตั้ง ๒ ปีมุตโต พูดด้วยความงงๆ เล็กน้อย
    <O:p</O:p
    ไม่ต้องงงหรอก ปรกติแล้วตามปฏิทินโหราศาสตร์ จะเปลี่ยนปีนักษัตร ในวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ของทุกปี ไม่ใช่เปลี่ยนทุกวันที่ ๑ มกราคม ตามปฏิทินสากล นะค่ะมุกดา รีบตอบ เมื่อพี่ชายพูดขึ้นด้วยสีหน้างงๆ
    <O:p</O:p
    ว่าแต่ว่า พี่ชายถามทำไมหล่ะค่ะมุกดา ถามต่อ
    <O:p</O:p
    ก็ในพุทธทำนาย ที่พี่อ่านออกมานี่สิ บอกว่า จะเกิดเหตุร้ายต่างๆ ตั้งแต่ปีเถาะ เป็นต้นไปมุตโต ตอบคำถามน้องสาว
    <O:p</O:p
    อ้าว ถ้าอย่างนั้น ก็อีกแค่ ๓ ปี เองนะสิค่ะมุกดา พูดขึ้นด้วยสีหน้า ดูตื่นเต้น
    <O:p</O:p
    เออ มันไม่น่าจะเร็วขนาดนั้นนะ อีกอย่างในคำทำนาย ก็บอกแต่ว่า จะเกิด หลัง พ.ศ. ๒๕๕๐ ไปแล้วเท่านั้น แต่คงไม่เกิน ปี พ.ศ. ๒๖๐๐ นะพี่คิดว่ามุตโต ออกความเห็น
    <O:p</O:p
    ถ้าอย่างนั้น ก็อาจจะเป็น พ.ศ. ๒๕๖๖ หรือไม่ก็ ๒๕๗๘ ไม่อย่างนั้น ก็ ๒๕๙๐ โน่นเลยสิค่ะ มุกดา ออกความเห็น
    <O:p</O:p
    “พี่ว่า คงไม่น่าจะไปไกลถึงโน่นหรอกนะ เพราะถ้าจะเกิดอีก ๓๐ หรือ ๔๐ ปีข้างหน้า เราก็คงจะไม่ได้พบคำทำนายเร็วขนาดนี้ “ มุตโต บอกกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    ถ้าอย่างนั้น ก็เท่ากับว่า มันน่าจะเริ่มเกิดภัยพิบัติขึ้น ไม่ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ก็ เป็นปี ๒๕๖๖ มุกดา พูดย้ำ
    <O:p</O:p
    พี่ ชักมีลางสังหรณ์ แล้วสิว่ามันน่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้มุตโต นิ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมา
    <O:p</O:p
    เพราะอะไรเหรอค่ะมุกดาถามกลับ
    <O:p</O:p
    ก็เพราะว่า จริงๆ มันได้เริ่มส่งสัญญาณเตือนมาก่อนหน้าหลายปีแล้วนี่นามุตโต ตอบน้องสาว
    <O:p</O:p
    ยังไงค่ะมุกดา ยังถามต่อ
    <O:p</O:p
    อ้าวน้องลืมเหตุการณ์ เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๗ ไปแล้วเหรอแทนที่จะตอบ มุตโตกลับตั้งคำถามกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    โอ้ว น้องไม่เคยลืมเลยค่ะ แค่พูดขึ้นมาก็เห็น ภาพคลื่นยักษ์ที่ถาโถม กวาดเอาผู้คน ลงไปสู่ท้องทะเล ขึ้นมาเลย ภาพผู้คนที่ต้องเสียชีวิตในเหตุการณ์สึนามิ จำนวนมาก โอย น้องไม่อยากนึกถึงเลย นึกเห็นภาพแล้ว ทานข้าวไม่ลงเลยมุกดา พูดจบก็ทำหน้าแบบสะอิดสะเอียนจริงๆ
    <O:p</O:p
    เออ นี่ลืมไปเลยนะนี่ ว่า น้องจะมาตามพี่ไปทานข้าวนี่นามุตโต รีบชวนน้องไปทานข้าว เมื่อเห็นสีหน้าน้องสาวดูไม่ค่อยดี
    <O:p</O:p
    เออ น้องก็ลืมไปเลย งั้นเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะนะค่ะมุกดารับคำพี่ชาย
    <O:p</O:p
    งั้นไปกันเถอะเผื่อยังไงจะได้คุยเรื่องนี้กับพ่อด้วยมุตโต พูดเสร็จ ก็วิ่งนำหน้าน้องสาว รีบไปที่ห้องทานอาหาร
    <O:p</O:p
    แล้ว สองพี่น้อง ก็มาถึงที่โต๊ะทานอาหาร ซึ่ง ดร. เจ วอร์ซีส์ ผู้เป็นพ่อ กำลังนั่งรออยู่แล้ว
    <O:p</O:p
    อ้าว มากันแล้วเหรอ สองพี่น้อง มาทานข้าวกันเลยผู้เป็นพ่อ เอ่ยปาก ชวนลูกๆ ให้มาทานอาหารมื้อเย็นกัน
    <O:p</O:p
    แล้วคุณแม่หล่ะครับมุตโต ถาม เมื่อไม่เจอแม่ที่โต๊ะอาหาร
    <O:p</O:p
    แม่เค้าออกไปที่บ้านตาอำคาครับลูก พอดี เมื่อเช้านี้ไปตลาดมา ได้กล้วย กับมะละกอสุก งามๆ มา แม่เค้าก็เลย แบ่งไปให้ตาอำคา เพราะตั้งแต่ที่ไปหาคุณตา วันนั้นแล้ว ก็ยังไม่ได้ไปเยี่ยมแกอีกเลยดร. เจ วอร์ซีส์ บอกกับลูก
    <O:p</O:p
    อืมม พ่อพูดถึงคุณตาอำคา ก็พอดีเลย เมื่อตะกี้เราสองคนก็กำลังคุยกันเรื่องคำทำนายภัยพิบัติกันอยู่ค่ะมุตโต เริ่มเปิดประเด็นเลย
    <O:p</O:p
    แล้วคุยกันไปถึงไหนแล้วหล่ะดร. เจ วอร์ซีส์ ผู้เป็นพ่อถามขึ้น
    <O:p</O:p
    ก็กำลังจะคุยกันอยู่ว่า ในคำทำนายบอกว่า จะเริ่มเกิดภัยพิบัติต่างๆ ตั้งแต่ ปีเถาะ เป็นต้นไป เราก็เลยกำลังคิดว่า จะเป็นปี พ.ศ. ไหนกันแน่ ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๕๔ หรือ พ.ศ. ๒๕๖๖ ครับมุตโต เล่าเรื่องที่คุยกันกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    เออ นี่ถ้าพ่อเลือกได้ พ่อว่าเกิดเร็วๆ ก็ดีนะดร. เจ วอร์ซีส์ พูดขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย
    <O:p</O:p
    อ้าวทำไมหล่ะค่ะคุณพ่อมุกดาถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
    <O:p</O:p
    พ่อเพียงแต่คิดว่า ถ้าหากมันจะต้องเกิดขึ้นจริงๆ แล้วมันรุนแรงถึงขนาดเกือบจะล้างโลก เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในยุคที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ ถึงเวลานั้น พ่อก็อยากจะอยู่ดูแล ปกป้องลูกๆ ของพ่อนะสิ ถ้าเกิดในอีก ๑๕ ปี ข้างหน้า พ่อคงจะแก่มาก และดูแลปกป้องลูกๆ ไม่ไหวแล้ว
    <O:p</O:p
    แหม คุณพ่อพูดซะหนูน้ำตาจะไหลเลยมุกดาพูดขึ้น นัยน์ตาคลอด้วยน้ำใสๆ
    <O:p</O:p
    ทำไมหล่ะลูกดร. เจ วอร์ซีส์ ถามลูก ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
    <O:p</O:p
    ก็มันรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาบอกไม่ถูกค่ะพ่อ ไม่อยากให้มีวันนั้นเลยมุกดา ตอบ พร้อมกับยกมือปาดน้ำตาที่กำลังไหลออกมา
    <O:p</O:p
    ก็คงไม่มีใครอยากให้มีวันนั้นเหมือนกันหรอกนะลูกแต่ทุกอย่างมันมีวัฏจักรดร. เจ วอร์ซีส์ บอกกับลูก
    <O:p</O:p
    หมายความว่ายังไงครับพ่อ มุตโต ถามขึ้น
    <O:p</O:p
    เอาเป็นว่าเดี๊ยวเราทานข้าวไปคุยกันไปก็แล้วกันนะดร. เจ วอร์ซีส์ ชวนลูกๆ ทานข้าว
    <O:p</O:p
    ค่ะ ดีเหมือนกัน หนูก็รู้สึกหิวแล้ว มุกดา พูดขึ้น
    <O:p</O:p
    ทุกอย่างเป็นไปตามกฎสากล คือ มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในที่สุดดร. เจ วอร์ซีส์เริ่มเข้าเรื่อง
    <O:p</O:p
    เอหนูคุ้นๆ นะค่ะพ่อกฎนี้มุกดา นิ่งคิด ก่อนจะพูดออกมา
    <O:p</O:p
    ผมเคยอ่านเจอในพระไตรปิฎกนะครับมุตโต เริ่มจำสิ่งที่พ่อพูดมา
    <O:p</O:p
    ใช่แล้วหล่ะลูก นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านได้ค้นพบว่า สรรพสิ่งทั้งหลาย มีความเป็น อนิจจัง คือ มันไม่เที่ยงนั่นเองดร. เจ วอร์ซีส์ อธิบายต่อ
    <O:p</O:p
    อ้อ หนูจำได้แล้ว ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เขาเรียกว่า กฎไตรลักษณ์มุกดา เสริม
    <O:p</O:p
    โลกของเราใบนี้มีอายุผ่านมากว่า ๕ พันล้านปีมาแล้ว คงจะผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มาหลายรอบแล้วเหมือนกันมุตโต พูด
    <O:p</O:p
    อย่างที่เกิดขึ้น และทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์นั่นเหรอค่ะมุกดา พูด
    <O:p</O:p
    นั่น อาจจะเป็นเพียงแค่หนึ่งในหลายร้อยเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ของเรามาก่อนดร. เจ วอร์ซีส์ บอกกับลูก
    <O:p</O:p
    แล้วที่มันจะเกิดขึ้นครั้งนี้หล่ะค่ะ มันจะรุนแรงแค่ไหนค่ะมุกดา ถามขึ้นด้วยความอยากรู้
    <O:p</O:p
    พี่ว่า น่าจะหนักหนาสาหัสทีเดียวหล่ะมุตโต บอกกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    ทำไม พี่ถึงคิดอย่างนั้นหล่ะค่ะ มุกดา ถามความเห็นพี่ชาย
    <O:p</O:p
    ก็ในตอนท้ายของพุทธทำนาย พระอานนท์ ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ถ้าเป็นอย่างที่พระพุทธองค์เล็งเห็นนั้นในอนาคตนั้น จะมีใครที่จะเหลือรอดชีวิตบ้างมั๊ยมุตโต อธิบายเหตุผลที่เชื่ออย่างนั้น
    <O:p</O:p
    โอ้โห ขนาดนั้น เลยเหรอค่ะ แล้วตกลงจะมีใครรอดชีวิตหรือเปล่าค่ะมุกดา อุทานขึ้นมา เมื่อมุตโตพูดจบ
    <O:p</O:p
    มีสิ พระพุทธองค์ตรัสตอบพระอานนท์ว่า อยู่ที่โชคของแต่ละคน เพราะคนที่รอดพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ ก็จะได้พบกับพระยาธรรมที่จะมาปกครองโลก ใน ปีกุน ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑มุตโต ตอบคำถามน้องสาว
    <O:p</O:p
    ถ้าอย่างนั้น สมมติว่าภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น เกิดขึ้นในปี เถาะ ตรงกับ พ.ศ. ๒๕๕๔ มะโรง ๕๕ มะเส็ง ๕๖ มะเมีย ๕๗ มะแม ๕๘ วอก ๕๙ ระกา ๖๐ จอ ๖๑ กุน ๖๒ มุกดา พูดไป นับนิ้วไป ไล่ไปทีละปี
    <O:p</O:p
    แล้วน้องรู้หรือเปล่า ว่า ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุน นี่ตรงกับวันที่เท่าไหร่ มุตโต ถามน้องสาว
    <O:p</O:p
    แป้บนึง นะค่ะ มุกดา พูดเสร็จ ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร หายไปครู่หนึ่ง ก็กลับมา
    <O:p</O:p
    “รู้แล้วค่ะ วันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุน ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ค่ะ” มุกดา บอกพี่ชาย
    <O:p</O:p
    เออ ว่าแต่ไปดูปฏิทินที่ไหนมาหล่ะนี่ ที่บ้านเราก็มีแต่ปฏิทินปีนี้นี่นา มุตโต ถามด้วยความสงสัย
    <O:p</O:p
    แหม พี่ชายลืมไปแล้วเหรอ นี่มันโลกยุคอินเตอร์เน็ตแล้วนะค่ะ น้องก็ไปใช้โปรแกรมคำนวณปฏิทินจันทรคติ ในเว๊บไซต์โหราศาสตร์นะสิ มุกดา ตอบให้หายสงสัย
    <O:p</O:p
    อืมม พี่ก็ลืมไปเลยนะเนี่ยะ ว่า เรามีอินเตอร์เน็ต มีเครื่องมือค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้นแล้วนี่นามุตโต นึกขึ้นมาได้
    <O:p</O:p
    ถ้าอย่างนั้น เดี๊ยวทานข้าวเสร็จ เราไปค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตลองดู ว่าจะมีข้อมูลอะไร ที่จะเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติต่างๆ บ้างหรือเปล่ากันนะค่ะ มุกดา ชวนพี่ชาย
    <O:p</O:p
    ดีสิครับ งั้นรีบทานข้าวกันเลยดีกว่า มุตโต บอกน้องให้เร่งทานข้าว
    <O:p</O:p
    ไม่ต้องรีบ กันขนาดนั้น ก็ได้ ทั้งสองคนนั่นหล่ะ เดี๊ยวข้าวก็ติดคอหรอก ดร. เจ วอร์ซีส์ ผู้เป็นพ่อเตือนลูกๆ
    <O:p</O:p
    หลังจาก ทานอาหารเช้ามื้อเย็นเสร็จ ทั้งสองคนพี่น้องก็พากันไปนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เริ่มต้นจาก เว๊บไซต์ กูเกิ้ลดอทคอม
    <O:p</O:p
    เราจะเริ่มจากอะไรดีค่ะมุกดา ถามพี่ชาย
    <O:p</O:p
    “ลองเริ่มจากคำว่า มหันตภัยล้างโลก ดูสิ” มุตโต บอกกับน้องสาว<O:p</O:p
    “เอาอย่างนั้นเลยเหรอ” พูดไป พลางพิมพ์คำค้น มหันตภัยล้างโลก ก่อนที่จะเคาะแป้นเอนเทอร์
    <O:p</O:p
    ข้อมูล ที่กูเกิล ค้นหาจำนวนมากได้แสดงผลขึ้นที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
    <O:p</O:p
    “ไหน น้องลองดูแต่ละเรื่องสิ มีอะไรน่าสนใจบ้าง” มุตโต บอกน้องสาว
    <O:p</O:p
    “ลอง คลิ้ก ที่ลิงค์นี้ดูสิ” มุตโต บอกน้องสาว พลางชี้ไปที่ หัวเรื่อง ...สัญญาณจากจักรวาล มหันตภัยล้างโลกได้เริ่มขึ้นแล้ว ไม่เกินอีก ๑๒ปีข้างหน้าเป็นการเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่... www.universal-signal.com โดยด็อกเตอร์ จี. จี. จูเนียร์ ซึ่งเมื่อคลิ้กไปตามลิงค์ ดังกล่าว ก็พบข้อมูลที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
    <O:p</O:p
    “สั่งปริ้นท์ออกมาอ่านทั้งหมดเลยครับ” มุตโต บอกน้องสาว
    <O:p</O:p
    เพียงไม่กี่อึดใจ ข้อมูลที่ได้มาจากค้นหามาได้ จาก www.universal-signal.com ก็ถูกปรินท์ออกมาทางเครื่องพิมพ์
    <O:p</O:p
    “ไหนค่ะ น้องจะอ่านให้ฟัง” มุกดา พูด พลางหยิบกระดาษ ที่ปริ้นท์ออกมาจากเครื่องพิมพ์ แล้วค่อยๆ อ่านอย่างช้า ให้พี่ชายฟัง
    <O:p</O:p
    “ปัจจุบันนี้ มีความเคลื่อนไหวของผิวเปลือกโลกที่แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจน โดยมีการเกิดแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม ฝนแล้ง พายุหิมะ ลมพายุ พายุฝน ไฟป่า สึนามิและภัยพิบัติอื่นๆ ถี่ขึ้น และกระจายไปทั่วภูมิภาคของโลก นี่คือสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกถึงความไม่สมดุลของวัตถุโลกและพลังงาน มนุษย์ยังไม่สนใจเพราะจิตถูกใจที่ครอบด้วยอวิชชา ตัณหา อุปาทาน

    ความรุนแรงของภัยทั้งหลายทวีความรุนแรงขึ้นในทุกขณะและในที่สุดมหันตภัยล้างโลกก็ได้เริ่มเกิดขึ้นแล้ว ด้วยอัตราเร่งอย่างรวดเร็วตามกิจกรรมมนุษย์ที่ทำลายสมดุลแห่งธรรมชาตินั่นเองอาการที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลก ปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเวลาที่เคลื่อนเข้าใกล้ของมหันตภัยนั้น เริ่มจากหลายร้อยพันล้านปีจากการที่มนุษย์สร้างพลังงานเสียต่อสภาวะแวดล้อมเพิ่มขึ้น และต่อเนื่องส่งผลทำให้เกิดความไม่สมดุลขนาดหนัก เกิดขึ้นอย่างแสนสาหัสในขณะนี้

    ความเลวร้ายที่มนุษย์ยัดเยียดให้กับโลก จนต้องสูญเสียสนามแม่เหล็กที่สมดุลไปการล้างโลกจึงบังเกิดขึ้นแล้วด้วยการเคลื่อนโดยที่มีอัตราเร่ง เริ่มที่ ๕๐๐๐ ปีตามพุทธกาลที่ พ.ศ. ๒๕๐๐ เริ่มปรากฏความไม่สมดุลทั้งวัตถุและจิตของมนุษย์รวมทั้งสัตว์ทั้งหลายดุร้ายขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๐๐-๒๕๔๗ มนุษย์ทำลายธรรมชาติมาก จนกระทั่งมีผลให้ใน พ.ศ. ๒๕๔๗เกิดการเร่งเวลาของมหันตภัยล้างโลกให้เคลื่อนเข้ามาเหลือเพียง ๔๘ ปี และเหลือเพียง ๒๔ ปีเมื่อถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๙

    สุดท้ายวันนี้ คือ วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๐ สัญญาณจากจักรวาลบอกเราว่า เป็นการเริ่มนับเวลาจากนี้ไปที่มนุษย์จะพบภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น จนประสบมหันตภัยล้างโลกในที่สุด ในเวลาอีก ๑๒ ปีข้างหน้า คือ ประมาณต้นถึงกลางปี พ.ศ. ๒๕๖๒
    <O:p</O:p
    อืมม เดี๊ยวๆ หยุดก่อน ตรงนี้น่าสนใจ ที่บอกว่า มหันตภัยล้างโลก จะเกิดในอีก ๑๒ ปีข้างหน้า หรือประมาณ ต้นหรือกลางปี พ.ศ. ๒๕๖๒มุตโต บอกให้น้องสาวหยุดอ่านก่อน
    <O:p</O:p
    มันเป็นเวลาใกล้เคียง กับที่เราคิดกันไว้นะ มุกดา พูดกับมุตโต
    <O:p</O:p
    ไหนลองอ่าน ต่อไปสิครับ มุตโต บอกให้น้องสาวอ่านต่อ
    <O:p</O:p
    “เริ่มต้นขึ้นที่ขณะนี้มันเกิดอะไรขึ้น เวลานี้โลกมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ใครๆก็รับรู้ได้บ้างแล้วว่า โลกตกอยู่ในสภาวะโลกร้อนมีข่าวสารที่แสดงให้มนุษย์เห็นหลายรูปแบบจากการเฝ้าสังเกตติดตามของมนุษย์ที่สนใจในสภาวะแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงของโลกจะเห็นว่าน้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายลงมามากแล้ว ภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะตั้งแต่หลังเกิดเหตุสึนามิเมื่อปลายปี ๒๕๔๗

    หลังจากนั้นมาความเปลี่ยนแปลงของโลกก็ได้ปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ มีเหตุการณ์การปรับตัวของโลกตามจุดต่างๆ ไล่กันเรื่อยมาตลอดมา หลังเกิดสึนามิไม่นานก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่ปากีสถาน ใหญ่มากถึงขนาดที่ ทำให้พื้นดินสะเทือนเลื่อนเป็นคล้ายระลอกคลื่น และหลังจากนั้นเกิดต่อเนื่องกันมา หนักบ้างเบาบ้างอีกหลายๆครั้ง หลายๆ ครา จนในที่สุด ถ้ามนุษย์ติดตามข่าวสารจะเห็นได้ว่าเวลานี้เกิดขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในย่านภูมิภาคแถบที่เป็นรอยต่อรอยเลื่อนทวีปแผ่นดินที่เราอาศัยอยู่นี่แหละเป็นเขตที่เกิดบ่อยที่สุด แทบจะทุกๆ ๑๒ ชั่วโมง

    ก็คืออาณาเขตของประเทศอินโดนีเซีย แถบทะเลโมลุกกะตามมาด้วยอาณาเขตของประเทศญี่ปุ่นและไต้หวัน ตามมาอย่างติดๆ นอกจากนั้นก็เกิดขึ้นประปรายตามพื้นที่ต่างๆ ในดินแดนเหล่านี้ ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าอยู่ใกล้น้ำอยู่ริมน้ำ เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยต่อไปข้างหน้าจะเกิดภาวะล้างโลกในรูปแบบหนึ่ง มนุษย์ที่อยู่บนภาคพื้นทวีปก็จะมองเห็นภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป
    <O:p</O:p
    ต่อไปแผ่นทวีปที่เคลื่อนตัวก็ยังเคลื่อนตัวอย่างไม่หยุดยั้งความร้อนภายใต้เปลือกโลก ยังดันขึ้นมาอยู่เสมอ หรือที่สุดของแรงบีบเค้นของเปลือกโลกมันอย่างนี้นะ ข้าไม่ได้สรรหาภาษาขึ้นมาเอง ข้าดึงเอาภาษาของมนุษย์มาใช้มนุษย์เรียกมันว่า แรงเค้นของเปลือกโลก หมายถึงการชนกันและบีบอัดโดยน้ำหนักที่ทิ้งตัวและถ่วงลงไป เมื่อแรงเค้นบีบอัดจนเต็มที่แล้วเกิดภาวะทำลาย จากแผ่นใหญ่เบียดอัดแผ่นเล็ก แตกออก หักออก

    คนที่อยู่ตามชายฝั่งก็จะตายด้วยน้ำที่โถมทับไม่ทันตั้งตัวบางส่วนอยู่บนพื้นแผ่นดินที่ยังทรุดลงไป ก็จะถูกกลืนกินด้วยธรณี มนุษย์ที่เหลืออยู่ก็คือมนุษย์ที่มีแรงบุญกุศลที่นำพาให้ตัวเอง มีชีวิตอยู่ได้ในโลกยุคใหม่โลกที่มีแผ่นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากทีเดียว ประเทศต่าง ๆจะต้องวาดแผนที่กันใหม่ วัดอาณาเขตกันใหม่ เริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่”
    <O:p</O:p
    หยุด หยุดพักก่อนก็ได้ มุตโต บอกน้องสาว เมื่ออ่านมาถึงตอนที่ว่า คนที่อยู่ชายฝั่งจะถูกคลื่นน้ำถาโถมใส่ แผ่นดินจะทรุด ประเทศต่างๆ จะต้องวาดแผนที่กันใหม่
    <O:p</O:p
    ทำไมหล่ะค่ะมุกดา ถามพี่ชาย
    <O:p</O:p
    ก็ ที่น้องอ่านเมื่อตะกี้นี้ จะมีเหตุการณ์ที่ตรงกับในพุทธทำนาย ที่ว่า ในปีมะเส็งแม่น้ำมหาสมุทรจะไหลเซาะแผ่นดินชายฝั่งให้พังทลายมุตโต บอกกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    เหรอค่ะ แต่ในเว็บไซต์นี้ ไม่ได้บอก ปี พ.ศ. ที่จะเกิดขึ้นนะค่ะ บอกแต่ว่า สัญญาณภัยพิบัติเริ่มแล้วในต้นปี ๒๕๕๐ และจะรุนแรงที่สุดในอีก ๑๒ ปี ข้างหน้า คือในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เท่านั้น มุกดา ทบทวนข้อความในเว๊บไซต์ ที่อยู่ในมือ
    <O:p</O:p
    ก็นี่ไง สัญญาณที่จะตอกย้ำว่า ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นตามที่กล่าวไว้ในพุทธทำนาย จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปีเถาะ ที่จะถึง ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ไม่ใช่ ปี พ.ศ. ๒๕๖๖มุตโต พูดย้ำให้น้องสาวรับรู้
    <O:p</O:p
    อ่านต่อให้จบสิครับมุตโต บอกให้น้องสาวอ่านต่อ
    <O:p</O:p
    ค่ะมุกดา รับคำ แล้วอ่านต่อ
    <O:p</O:p
    “มนุษย์เหล่านั้น อาจจะยังเหลือส่วนที่มีกรรมหนัก มีความหนักของจิตตกค้างอยู่ยังไม่พอ การล้างโลกยังดำเนินการต่อไป ด้วยความผิดปกติของสารเคมีต่างๆและสนามแม่เหล็กที่เปลี่ยนไป ทำให้สัตว์ต่างๆ รวมทั้งมนุษย์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามแรงของสนามแม่เหล็กโลก พฤติกรรมของสัตว์ต่างๆ เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมสัตว์บางอย่างไม่เคยกินเนื้อ กินเลือด หันมากินเนื้อกินเลือดสัตว์บางชนิดได้รับสารเคมีที่ผิดปกติไป

    ทำให้เกิดพิษขึ้นในตัวสิ่งที่เห็นร้ายแรงที่มนุษย์จะต้องดำรงชีวิตอยู่กับพวกมันให้อยู่รอดได้ ก็คือแมลงตัวเล็กๆ ที่เปลี่ยนแปลงเป็นดุร้ายขึ้นยุงก็จะนำพาเอาเชื้อโรคชนิดหนึ่งมาทำลายล้างมนุษย์ เมื่อกัด จะมีอาการตัวร้อนร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ คนที่อ่อนแอจะตายภายใน ๑วัน อาการที่ปรากฏก็คือ เป็นไข้สูงช็อก และหัวใจวาย คนที่มีความแข็งแรง จะสามารถทนอยู่ได้ประมาณไม่เกิน ๓ วัน
    <O:p</O:p
    ส่วนแมลงอีกชนิดหนึ่งที่มีพิษที่ต้องระวังมากๆ ก็คือ ตัวลิ้นทะเล ริ้นดำหรือที่มนุษย์ทางภาคเหนือเรียกว่า ตัวคุ่นตัวเล็กกัดแล้วจะทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นที่ผิวหนัง ต่อไปก็จะลุกลามเข้าสู่น้ำเหลืองเลือด และเข้าสู่หัวใจได้เช่นเดียวกันตั้งแต่ถูกกัดและมีอาการจนถึงเข้าสู่หัวใจจะใช้เวลา ๗ วัน“
    <O:p</O:p
    หยุดก่อนน้อง ตรงนี้ มีอะไรที่ตรงกับในพุทธทำนายตอนหนึ่ง ที่ว่าปีระกาจะมีปรากฏการณ์ท้องฟ้ามืดไปเจ็ดวัน แล้วจะมีผีเสื้อยักษ์หลวงกับทั้งฝูงผีเสื้อ เป็นจำนวนหลายล้านตัวออกมากัดกินผู้คน จนล้มตายเป็นจำนวนมากมุตโต พูดด้วยความตื่นเต้น
    <O:p</O:p
    อืมม น้องนึกขึ้นได้พี่ชาย จำได้มั๊ยที่เราเคยดูหนังอยู่เรื่องหนึ่ง ที่มีตั๊กแตนที่ถูกแปลงพันธุกรรมออกมาทำร้ายคน เรื่องอะไรน้ามุกดา พูดแล้วนิ่งคิด
    <O:p</O:p
    เออ พี่จำได้แล้ว เรื่อง Locust The 8th Plague ฝูงแมลงนรกระบาดโลกมุตโต โพล่งออกมา ในขณะที่มุกดา ยังนิ่งคิด นึกไม่ออกถึงชื่อหนังที่เคยดูมาก่อนนี้
    <O:p</O:p
    ใช่ ใช่ เรื่องนี้แหละมุกดา เพิ่งนึกชื่อหนังได้ เมื่อพี่ชาย พูดขึ้นมา
    <O:p</O:p
    เอ หรือว่า มหาภัยพิบัติตามพุทธทำนาย จะเริ่มขึ้น ใน ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ อย่างที่พี่ชายคิดจริงๆ ค่ะมุกดา เริ่มเห็นด้วยกับความคิดของพี่ชาย
    <O:p</O:p
    เอาอย่างนี้สิค่ะ เดี๊ยวก่อนที่เราจะค้นหาข้อมูลต่อ น้องช่วยใช้โปรแกรมคำนวณปฏิทินจันทรคติของน้อง คำนวณดูสิว่า วันเริ่มต้นของแต่ละปีนักษัตร ตรงกับวันที่เท่าไหร่ เราจะได้รู้วันเริ่ม และวันสิ้นสุดของแต่ละปีนักษัตรได้มุตโต บอกน้องสาว
    <O:p</O:p
    ได้สิค่ะ นี่ค่ะ ต้องเข้าไป เว๊บไซต์นี้ www.payakorn.comมุกดา รับคำพี่ชาย แล้วปลายนิ้วก็กดไปที่แป้นพิมพ์ แล้วก็ป้อนข้อมูล วันทางจันทรคติ ที่จะเป็นวันเริ่มต้นปีนักษัตร คือวัน ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ของแต่ละปี พ.ศ. ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปเรื่อยๆ จนถึง พ.ศ. ๒๕๖๓ จึงได้ข้อมูลวันเริ่มต้น และวันสิ้นสุด ของแต่ละปีนักษัตร ออกมา
    <O:p</O:p
    นี่ค่ะ พี่ชาย เดี๊ยวน้องจะ พิมพ์ แล้วบันทึกเก็บไว้ให้นะค่ะ เผื่อพี่ชายจะได้เปิดดูทีหลังได้มุกดา บอกพี่ชาย
    <O:p</O:p
    “โอเคครับ เดี๊ยวสั่งปรินท์ออกมาให้พี่ด้วยก็แล้วกัน” มุตโต บอกน้องสาว ซึ่งตอนนี้ กลายเป็นผู้ช่วย ถอดรหัสการเกิดภัยพิบัติ ไปโดยไม่รู้ตัว
    <O:p</O:p
    “ได้เลยค่ะ” มุกดา รับคำพี่ชาย แล้วก็สั่งปรินท์ออกมาทางเครื่องพิมพ์ เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ข้อมูลก็ถูกพิมพ์ออกมาในกระดาษ
    <O:p</O:p
    “ไหนพี่ขอดูสิ” มุตโต พูด พลางหยิบแผ่นกระดาษสีขาว ที่เพิ่งไหลเลื่อนออกมาจากเครื่องพิมพ์ ก่อนที่จะค่อยๆ อ่านทีละบรรทัด<O:p</O:p

    “ปีเถาะ .....เริ่ม วันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๔ สิ้นสุดวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๕<O:p</O:p
    ปีมะโรง .....เริ่ม วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕ สิ้นสุดวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๖<O:p</O:p
    ปีมะเส็ง ....เริ่ม วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๖ สิ้นสุดวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗<O:p</O:p
    ปีมะเมีย ....เริ่ม วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗ สิ้นสุดวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘<O:p</O:p
    ปีมะแม .....เริ่ม วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ สิ้นสุดวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๙<O:p</O:p
    ปีวอก .......เริ่ม วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๙ สิ้นสุดวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐<O:p</O:p
    ปีระกา ......เริ่ม วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๐ สิ้นสุดวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๑<O:p</O:p
    ปีจอ .........เริ่ม วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๑ สิ้นสุดวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๒<O:p</O:p
    ปีกุน ........เริ่ม วันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๒ สิ้นสุดวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๓”<O:p</O:p

    เยี่ยมมากเลยยายมุก มุตโต พูดชมน้องสาว
    <O:p</O:p
    “อืมม แสดงว่า ก่อนที่ภัยพิบัติจะสิ้นสุด ในวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๓ จะมีพระยาธรรม ที่จะมาปกครองโลก ตามในพุทธทำนายระบุไว้ ปรากฏตัวขึ้น ในวันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒” มุตโต บอกกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    โอ้โห พี่ชาย นี่เราจะพยากรณ์ แบบระบุวันที่ขนาดนี้ เลยเหรอค่ะมุกดา อุทานขึ้นมา เมื่อมุตโต พูดจบ
    <O:p</O:p
    เราไม่ได้เป็นผู้พยากรณ์หรอกนะมุกดา เพราะเราเป็นแต่เพียงผู้ถอดรหัสเวลา จากพุทธทำนายเท่านั้นมุตโต บอกกับน้องสาว ให้เข้าใจ
    <O:p</O:p
    และหน้าที่เราก็เป็นแต่เพียง หาข้อมูลประกอบ เพื่อขยายความในพุทธทำนายเท่านั้น ว่า ในแต่ละปี จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เพื่อให้คนที่อ่านพุทธทำนาย ซึ่งเป็นภาษาอีสานแล้วไม่เข้าใจ ให้เกิดความเข้าใจ รวมทั้งยังไม่รู้ว่า ในคำทำนายที่เขียนไว้สั้นๆ หมายถึงอะไร จะได้รู้รายละเอียดมากขึ้น ต่างหากเข้าใจมั๊ยค่ะมุตโต บอกกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    ค่ะ น้องเข้าใจแล้วค่ะ มุกดา พยักหน้า รับคำพี่ชาย
    <O:p</O:p
    ถ้าเป็นอย่างที่เราคิด ถ้าเช่นนั้น ก็หมายความว่า เหตุการณ์ร้ายต่างๆ ก็จะเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป จนกระทั่ง สิ้นสุดลงในวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ จากนั้น ผู้นำโลกที่จะปรากฏตัวให้โลกได้เห็น ในวันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ก็จะมาเป็นผู้ที่จะปกครองโลกและนำพามนุษยชาติที่รอดพ้นจากภัยพิบัติ มาร่วมกันฟื้นฟูโลก และท่านก็จะปกครองโลกด้วยธรรม คือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มุตโต พูดสรุปให้น้องสาวฟัง
    <O:p</O:p
    งั้นก็ต้องบอกว่า จากนี้ไปอีกไม่นาน ก็จะเป็นการเดินทางจากหายนะสู่อารยะแห่งมนุษยชาติสินะพี่ชายมุกดา พูดเสริม พี่ชาย
    <O:p</O:p
    อืมม พี่ชอบ คำๆ นี้ ของน้องจังเลย การเดินทางจากหายนะสู่อารยะแห่งมนุษยชาติ คิดได้ยังไงนี่ มุตโต พูดกระเซ้าน้องสาว
    <O:p</O:p
    ก็ไม่รู้สิค่ะ มันก็คิดขึ้นมาของมันได้เองนี่นามุกดา พูดขึ้น ด้วยสีหน้าอมยิ้มภูมิใจกับคำชมของพี่ชาย
    <O:p</O:p
    “พี่ว่า วันนี้ เราพอกันก่อนก็แล้วกันนะ เพราะนี่ก็จะสามทุ่ม แล้ว ถึงเวลาต้องพักผ่อนแล้ว ถ้ามีอะไรที่พี่จะให้ช่วยอีก แล้วจะบอกนะครับ” มุตโต บอกกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    “ได้สิค่ะ ยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ” มุกดารับคำพี่ชาย
    <O:p</O:p
    หลังจาก วันนั้นเป็นต้นมา มุตโต ก็ใช้เวลาว่างหลังจากกลับมหาวิทยาลัย เพื่อค้นหาข้อมูลต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต ที่จะมาช่วยตีความเหตุการณ์ร้ายต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามคำพยากรณ์ในพุทธทำนาย ของแต่ละปี เพราะเหลือเวลาอีก ไม่ถึง ๓ ปี หากการถอดรหัสเวลาของเขาไม่ผิดพลาด นั่นหมายถึง มหาภัยพิบัติต่างๆ ก็จะเริ่มเปิดฉากขึ้น จึงต้องเร่งรวบรวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลให้สมบูรณ์ ก่อนที่จะหาทางเผยแพร่ข่าวสารนี้ เพื่อเปิดเผยให้ชาวโลกได้รับรู้กันไปทั่ว หรืออย่างน้อยก็คนไทยที่เป็นเพื่อนร่วมชาติได้เตรียมตัวที่จะเผชิญกับหายนะที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นหายนะที่อาจจะนำไปสู่การสิ้นสุดของอารยะธรรมยุคปัจจุบัน เพื่อกลับไปเริ่มต้นอารยะใหม่ของมนุษยชาติ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/๒๕๖๓-การเดินทางจากหายนะสู่อารยะแห่งมนุษยชาติ.190773/<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end --><O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image032.jpg
      image032.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.9 KB
      เปิดดู:
      1,976
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2009
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ปีเถาะ : มหาสงครามนิวเคลียร์และอาวุธเคมี
    (๔ เมษายน ๒๕๕๔ - ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๕)

    [​IMG]

    ผลจากการค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ทำให้มุตโต ได้รับรู้ข้อมูลที่น่าจะเป็นเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ แรกที่มนุษยชาติต้องเผชิญ ซึ่งเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเอง นั่นก็ คือ มหาสงครามนิวเคลียร์และอาวุธเคมี
    <O:p</O:p
    เป็นยังไงบ้างค่ะพี่ชาย ค้นข้อมูลอะไรได้บ้างแล้วอาทิตย์นี้ มุกดา ถามพี่ชาย
    <O:p</O:p
    อาทิตย์นี้ พี่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสงครามที่อาจจะเกิดขึ้น มุตโต บอกกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    ทำไม หล่ะค่ะ น้องสาวถามต่อ
    <O:p</O:p
    ก็ใน คำพยากรณ์ ระบุไว้ว่า มหาภัยแรกที่โลกมนุษย์จะต้องเผชิญ ในปีเถาะ ก็คือ มหาสงครามจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งในคำพยากรณ์บอกไว้ว่า จะมีชาติมหาอำนาจ ๒ ประเทศ ยกพลเป็นจำนวนมาก มาจากทางตะวันตก เพื่อทำสงครามเข่นฆ่ากัน มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก มุตโต ตอบคำถามน้องสาว
    <O:p</O:p
    ในอดีตที่ผ่านมา สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ ซึ่งเป็นสงครามความขัดแย้งจากการล่าอาณานิคม ระหว่างมหาอำนาจยุโรปสองค่าย คือ ฝ่ายมหาอำนาจกลาง ซึ่งประกอบไปด้วยจักรวรรดิเยอรมัน จักรวรรดิออตโตมาน และ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี กับฝ่ายมหาอำนาจไตรภาคี ประกอบไปด้วยสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และรัสเซีย ต่อมายังมีประเทศต่างๆ เข้าร่วมสงคราม อีก ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น อิตาลี อเมริกา โดยสงครามครั้งนั้นเกิดขึ้นระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๕๗-๒๔๖๑

    มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ สูญหายไม่ต่ำกว่า ๔๐ ล้านคน แต่ก็ไม่หนักเท่าครั้งสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่เกิดขึ้นระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๒-๒๔๘๘ ซึ่งเป็นการสู้รบระหว่างฝ่ายอักษะที่มีประเทศเยอรมันอิตาลีญี่ปุ่นกับฝ่ายสัมพันธมิตรที่มีประเทศ อังกฤษฝรั่งเศสจีนสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตสงครามโลกครั้งที่ ๒ นี้ได้ชื่อว่าเป็นสงครามที่มีขนาดใหญ่และทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกโดยมีผู้เสียชีวิตประมาณ ๗๐ ล้านคน แล้วสงครามก็จบด้วย ระเบิดนิวเคลียร์

    ซึ่งเป็นการใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในสงคราม โดยประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทิ้งระเบิดที่เมืองฮิโรชิมา และนางาซากิ ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบตัวเลขแน่ชัดว่ามีผู้สูญเสียชีวิตไปจำนวนมากมายเพียงใดแต่เชื่อว่าที่ฮิโรชิมามีผู้คนล้มตายราว ๑๔๐,๐๐๐ศพที่เมืองนางาซากิมีคนเสียชีวิตราว ๗๐,๐๐๐ศพ รวมกว่า ๒๑๐,๐๐๐ศพ บาดเจ็บ ป่วยไข้ด้วยพิษกัมมันตภาพรังสี และเสียชีวิตสังเวยภายหลังอีกจำนวนมาก มุกดา นึกทบทวนสงครามใหญ่ๆ ในอดีต ให้พี่ชายฟัง
    <O:p</O:p
    ไม่รู้ว่าเป็นโชคดี หรือโชคร้ายนะมุกดา ที่เราเกิดไม่ทัน สงครามโลกครั้งที่ ๑ กับ ๒ มุตโต พูดขึ้น
    <O:p</O:p
    อ้าวทำไมหล่ะค่ะ น่าจะโชคดีสิค่ะ ที่เกิดไม่ทันสงครามใหญ่ทั้ง ๒ ครั้ง มุกดา พูดขึ้นด้วยความสงสัย
    <O:p</O:p
    ก็พี่คิดเหมือนน้องนั่นหล่ะ คือโชคดี ที่เกิดไม่ทันสงครามใหญ่ทั้ง ๒ ครั้ง แต่ เราอาจจะโชคร้ายที่เกิดทัน อภิมหาสงครามโลกครั้งที่ ๓ นะสิ มุตโต เฉลยความคิดของตัวเองให้น้องสาวฟัง
    <O:p</O:p
    นั่นสิค่ะพี่ชาย สงครามโลกครั้งที่ ๒ ผ่านมา ๖๐ กว่า ปี แล้ว แทนที่มนุษย์โลกเราจะตระหนักถึงพิษภัยและความพินาศ ย่อยยับของสงคราม กลับยิ่งแข่งขันกันพัฒนาอาวุธร้ายแรง ขึ้นมาเพื่อประหัตประหารกัน มุกดา พูดขึ้นด้วยสีหน้าทดท้อ
    <O:p</O:p
    จริงๆ มันก็ไม่ใช่ว่า มนุษย์โลกของเราอยากจะทำสงครามประหัตประหารกันหรอก แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นความอยากหรือการกระหายสงครามของผู้นำประเทศใหญ่ๆ ไม่กี่ประเทศมากกว่า มุตโต แสดงความเห็น
    <O:p</O:p
    มันก็จริงอย่างที่พี่ชายพูด เพราะน้องก็ได้ดูข่าวในทีวี ว่า ในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย ก็มักจะมีสมาคม หรือขบวนการต่อต้านสงคราม เพื่อผลักดันให้เกิดความสันติสุขขึ้นในโลก มุกดา พูดขึ้น
    <O:p</O:p
    แต่มันก็เหมือนน้ำน้อย ย่อมแพ้ไฟ มุตโต พูดโพล่งขึ้น ยังไม่ทันที่มุกดา จะได้พูดต่อ
    <O:p</O:p
    พี่จะพูดอย่างนั้น มันก็ไม่ถูก เพราะบางทีคนที่ออกมาต่อต้านสงครามมีเป็นหมื่น เป็นแสนคน แต่คนที่ประกาศสงครามกัน คือผู้นำประเทศเพียงไม่กี่คนเอง อย่างนี้ จะเรียกว่า น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ได้ยังไงค่ะ ต้องบอกว่า คนที่รักสันติภาพจำนวนมากย่อมแพ้คนบ้าอำนาจที่มีไม่กี่คน ถึงจะถูก มุกดา พูดแย้งพี่ชาย ขึ้นมา
    <O:p</O:p
    เออ ใช่สิน่ะ น้องพูดมันก็ถูก พี่ใช้คำเปรียบเปรยผิดไปเองนั่นหล่ะ มุตโต เห็นด้วยกับคำพูดน้องสาว
    <O:p</O:p
    เห็นมั๊ยหล่ะค่ะพี่ชาย แค่เราคุยกัน ยังเกิดความเห็นแย้งกันเลย แต่ยังดีนะที่พี่ชายยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด แต่ความขัดแย้งที่เราเห็นและบานปลายไปหันใหญ่ ก็เพราะไม่มีฝ่ายไหนยอมรับผิดนั่นเอง จึงต้องใช้กำลังเข้าห้ำหั่น เพราะฝ่ายชนะ คือ ฝ่ายถูกเสมอ มุกดา พูดให้เห็นเหตุแห่งความขัดแย้ง
    <O:p</O:p
    แล้วน้องคิดว่าทำไมไม่มีฝ่ายไหน ที่จะยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด ทั้งที่รู้ว่า ความขัดแย้งจากจุดเล็กๆ อย่างที่สำนวนไทยว่า น้ำผึ้งหยดเดียว มันอาจจะบานปลายนำไปสู่การทำสงครามกันได้ แล้วพอมีการถือหางกันหลายๆ ประเทศเข้า ก็กลายเป็นสงครามใหญ่ และลุกลามเป็นสงครามโลกอย่างที่เคยเกิดขึ้น มุตโต ตั้งคำถาม ทั้งๆ ที่รู้ไม่รู้ว่า น้องสาวจะสามารถให้คำตอบได้หรือไม่?
    <O:p</O:p
    อืมม คราวนี้ใช้สำนวนไทยพอยอมรับได้ค่ะมุกดา พูดสัพยอกพี่ชาย ก่อนจะพูดต่อไปว่า
    <O:p</O:p
    แต่แหม คำถามของพี่ชายนี่ตอบยากนะค่ะ น้องคงจะตอบไม่ได้หรอก น้องรู้แต่ว่า การที่มันจะเกิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้น ย่อมมีเหตุแห่งการเกิด ซึ่งบางทีเมื่อเราไม่สามารถหาคำตอบได้ เราก็จะบอกว่า เป็นเคราะห์กรรมมุกดา บอกกับพี่ชาย
    <O:p</O:p
    จริงๆ แล้วในทางพระพุทธศาสนาของเรา ก็เชื่ออย่างนั้น เพราะสังสารวัฏนี้มันยาวนาน มีการเวียนตายเวียนเกิดหลายภพหลายชาติ ย่อมจะได้กระทำทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว สะสมไว้ น้องลองคิดดูว่า โลกเรามีอายุมากว่า ๕ พันล้านปี สมมติว่า เริ่มมีมนุษย์เกิดขึ้นบนโลกนี้ เมื่อ ๔ พันล้านปีที่แล้ว และเฉลี่ยว่า ๑ แสนปี กลับมาเกิดครั้งหนึ่ง

    นับจนถึงชาติปัจจุบันนี้ ก็เท่ากับว่า มนุษย์สมัยนั้นได้เกิดมาแล้วตั้ง ๔ หมื่นครั้ง ไม่รู้ว่าผลของกรรมดี กรรมชั่ว อะไรบ้าง ที่จะตามส่งผลมาถึงชาติปัจจุบัน เพราะฉะนั้น มันก็ถูกแล้วหล่ะ ที่เราจะไม่สามารถบอกได้ว่า ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะเราไม่รู้ถึงผลกรรมในอดีตนั่นเอง มุตโต เห็นด้วยกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    แหม พอพี่ชาย พูดถึงผลของกรรมแล้ว ทำให้น้องนึกถึง เรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล ที่พระเจ้าวิฑูฑภะพร้อมด้วยทหารบางส่วน ได้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่ริมฝั่งแม่น้ำอจิรวดี หลังเดินทางกลับจากไปทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ศากยะของพระเจ้าตา

    ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า เหตุที่พระเจ้าวิฑูฑภะกับทหารส่วนหนึ่งที่ต้องตายเพราะคลื่นน้ำที่ถาโถมท่วมบริเวณตั้งค่ายพักทัพ เป็นเพราะเคยได้ฆ่ามด ปลวก ด้วยการกวาดลงไปในน้ำ ส่วนพวกที่ไม่ได้กระทำกรรมมา ก็เกิดคันตามเนื้อตามตัว ต้องหนีขึ้นไปนอนบนต้นไม้ จึงได้รอดชีวิตมุกดา พูดเท้า ความย้อนไปเมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปีโน่นเลย
    <O:p</O:p
    เพราะฉะนั้น หากครั้งนี้ โลกของเราจะต้องเผชิญกับอภิมหาสงครามโลก ครั้ง ๓ ก็คงจะเกิดจากกรรมชั่ว ที่มนุษย์โลกได้กระทำสั่งสมมา ไม่รู้แต่ภพไหน ชาติใด ซึ่ง ก็ย่อมจะต้องมีผู้รอดชีวิต ก็เพราะเหตุที่ได้กระทำกรรมดี และส่งผลคุ้มครองให้รอดพ้นจากมหาภัยสงครามที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้มุตโต พูดตอบคำถามที่ตัวเอง ถามน้องสาวไว้
    <O:p</O:p
    เออ ว่าแต่ว่า แล้วที่พี่ค้นข้อมูลมา ได้เจอสัญญาณอะไร ที่จะนำไปสู่มหาสงคราม ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔-๕๕ ดังในพุทธทำนาย หรือเปล่าค่ะมุกดา วกเข้ามาถึงเรื่องสงครามที่จะเกิดขึ้น ในปัจจุบัน
    <O:p</O:p
    ก็มี ที่น่าสนใจ และอาจจะเป็นชนวนสงครามโลกครั้งที่ ๓ ก็เป็นไปได้ ซึ่งก็จะมีชาติมหาอำนาจเจ้าเก่าอย่างสหรัฐอเมริกา และอาจจะมีประเทศใหญ่ในยุโรป อย่างฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศใหญ่ทางซีกโลกตะวันตก ร่วมกันประกาศสงคราม กับประเทศที่อยู่ซีกโลกตะวันออก อย่างเกาหลีเหนือ เป็นประเทศคู่สงครามมุตโต บอกกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    เออ มันเหมือนกงกรรม กงเกวียน ย้อนกลับมาอีกนะค่ะพี่ชาย เพราะอเมริกากับเกาหลีเหนือ นี่ก็เคยรบกันมาก่อน เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาแต่ครั้งนั้นมุกดา นึกถึงสงครามเกาหลี ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
    <O:p</O:p
    พี่ว่าครั้งนี้ อเมริกาน่าจะชนะนะ มุตโต พูดขึ้น
    <O:p</O:p
    น้องว่า ไม่ว่าอเมริกาจะชนะ หรือเกาหลีเหนือ จะแพ้ น้องว่า คนที่แพ้จริงๆ ก็คือคนส่วนใหญ่ในโลกที่ต้องการสันติภาพ และก็จะไม่มีคนที่ชนะจริงๆ ด้วย มุกดา พูดอย่างมีข้อคิด
    <O:p</O:p
    มันก็จริงของน้อง พี่เห็นด้วยอย่างยิ่ง มุตโต พูดสนับสนุนคำพูดของน้องสาว
    <O:p</O:p
    แล้วทำไมพี่ถึงคิดว่า จะเกิดสงครามระหว่างอเมริกากับเกาหลีเหนือ หล่ะค่ะมุกดา ถามถึงความคิดของพี่ชาย
    <O:p</O:p
    ก็จาก ข้อมูลที่พี่ค้นมาได้ มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวประเทศต่างๆ ว่า ประเทศเกาหลีเหนือ ได้ลักลอบพัฒนาและทำการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้พื้นดิน (underground nuclear test) เพื่อไม่ให้ชาติมหาอำนาจอย่างอเมริการู้ ว่ากันว่าเกาหลีเหนือได้พัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกล ที่สามารถยิงไปถล่มถึงประเทศอเมริกาได้แล้ว ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประเทศอเมริกา และพร้อมที่จะเปิดฉากตอบโต้ด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์เช่นเดียวกันมุตโต พูดถึง ข่าวสารที่ประมวลมาได้จากอินเทอร์เน็ต
    <O:p</O:p
    น้องไม่อยากจะคิดเลย ว่าขนาดเทคโนโลยีเมื่อ ๖๐ กว่าปีที่แล้ว ที่อเมริกาใช้ระเบิดนิวเคลียร์ถล่มญี่ปุ่น ยังมีอานุภาพทำให้ผู้คนล้มตายเป็นแสนๆ คน ผ่านมาถึงปัจจุบัน ความร้ายกาจ รุนแรงของระเบิดนิวเคลียร์ มันจะเพิ่มอานุภาพของมันไปมากสักเพียงใดมุกดา พูดขึ้นด้วยสีหน้า กังวลขึ้นมาเล็กน้อย
    <O:p</O:p
    แน่นอน มันน่ากลัวมากทีเดียวเลยหล่ะเพราะอาวุธนิวเคลียร์เป็นอาวุธที่อาศัยพลังงานจากปฏิกิริยานิวเคลียร์มีอำนาจการทำลายล้างสูงและผลกระทบของระเบิดนิวเคลียร์ นี่ไง น้องลองอ่านที่ พี่ปริ้นท์ออกมา นี่สิ มุตโต พูดพลางยื่นกระดาษในมือให้น้องสาว อ่าน
    <O:p</O:p
    มุกดา รับเอากระดาษจากมือพี่ชาย แล้วค่อยๆ อ่านไป ว่า
    <O:p</O:p
    เรามาดูผลของสิ่งที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากระเบิดนิวเคลียร์อย่างช้าๆ แรงของคลื่นกระแทกและรังสีความร้อนจากระเบิดนิวเคลียร์ มีพลังมหาศาลกว่าระเบิดธรรมดาทั่วไป อาคารส่วนใหญ่ที่อยู่ในรัศมีของคลื่นกระแทก ที่ไม่ได้ออกแบบให้ต้านทานแรงกระแทก จะเกิดความเสียหายอย่างหนัก คลื่นกระแทกจะทำให้เกิดลมแรงหลายร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง

    ความเสียหายที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ เป็นผลมาจากทั้งความกดดันสูงและแรงลม เนื่องจากคลื่นกระแทกความกดดันสูงจากคลื่นกระแทก จะทำให้โครงสร้างอาคารล้า และจะถูกแรงลมดึงให้หลุดออกความกดดัน จะทำให้เกิดสูญญากาศ ซึ่งจะดึงสิ่งรอบข้างเข้ามาในเวลาไม่กี่วินาที แรงนี้จะสูงกว่าพายุเฮอริเคนที่แรงที่สุดหลายเท่า
    <O:p</O:p
    อาวุธนิวเคลียร์ให้รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าออกมามาก เช่น แสงรังสีอินฟราเรด รังสีเหนือม่วง อันตรายส่วนใหญ่ของรังสีเหล่านี้ คือการเผาไหม้ ทำให้เป็นอันตรายต่อดวงตาในวันที่สภาพอากาศดีมีท้องฟ้าแจ่มใส อันตรายจากส่วนนี้จะเกิดได้สูงและไปได้ไกล
    <O:p</O:p
    เมื่อครั้งที่มีการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมา เกิดเพลิงไหม้ทั่วเมืองอยู่นาน ๒๐ นาที ความร้อนจากเปลวไฟทำให้เกิดลมพายุ พัดจากทุกทิศทางเข้าสู่ศูนย์กลางของกองเพลิง ซึ่งไม่ใช่ลักษณะที่เกิดเนื่องจากระเบิดนิวเคลียร์ แต่มีลักษณะเดียวกับกรณีที่ไฟไหม้ป่าเป็นบริเวณกว้าง หรือการทิ้งระเบิดโจมตีระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
    <O:p</O:p
    อาวุธนิวเคลียร์อาจเป็นไพ่ใบสุดท้าย ของประเทศที่แสวงอำนาจในการต่อรองกับประเทศอื่นๆ ในโลกแต่ก็เป็นฝันร้ายของประชาชนทั่วไปที่เป็นผู้รับผลกระทบจากการใช้อาวุธนิวเคลียร์ คงไม่มีใครอยากพับนกกระเรียนหนึ่งพันตัวให้กับตัวเองหรือคนที่รักเป็นแน่มุกดา อ่าน จบแล้ว ยื่นกระดาษในมือ คืนให้พี่ชาย
    <O:p</O:p
    จริงๆ แล้ว นอกจาก อาวุธนิวเคลียร์ ที่จะถูกนำมาใช้ในสงครามแล้ว ยังมีอาวุธเคมี อีกอย่างหนึ่งจะถูกนำมาใช้ประหัตประหารกันมุตโต พูดให้เห็นภาพ ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น หากเกิดสงครามจริง
    <O:p</O:p
    แต่เอ พี่ชายมั่นใจแค่ไหนค่ะ ว่า คู่สงครามที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้ จะเป็น อเมริกา ฝรั่งเศส กับ เกาหลีเหนือ เพราะที่น้องติดตามข่าวสารโลกมาบ้าง ก็เห็นว่า อย่างประเทศอิหร่าน ก็มีการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธเคมี หรือแม้แต่กลุ่มอัลไคด้า ของ โอซามา บินลาเดน ก็เป็นศัตรูตัวร้ายของอเมริกา เหมือนกัน มุกดา ถามพี่ชาย และให้ความเห็นเพิ่มเติม
    <O:p</O:p
    ที่น้องพูดมา ก็มีความเป็นไปได้ เพราะที่พี่ค้นหาข้อมูลมา ก็มีคำทำนายการเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๓ ของ นอสตราดามุสแห่งบัลแกเรีย ที่ทำนายไว้ว่า ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ สงครามโลกครั้งที่ ๓ จะเริ่มเปิดฉากโดยประเทศอิหร่านจะยิงอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธเคมี พวกมุสลิมจะใช้อาวุธเคมีเข้าจัดการกับชาวยุโรปมุตโต พูดถึงข้อมูล ที่ค้นมาได้
    <O:p</O:p
    อืมม มันก็ใกล้เคียงกับ ที่พี่ชายถอดรหัสเวลา นะค่ะ ถ้ายึดตามพุทธทำนาย เหตุการณ์ ปีเถาะ ซึ่งจะอยู่ในช่วงเวลา ระหว่าง วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึง วันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ก็อาจเป็นไปได้ ที่ชนวนสงครามจะเริ่มปะทุขึ้น ในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๓มุกดา พูดเสริมขึ้น
    <O:p</O:p
    ยังมีอีกคำทำนายหนึ่ง ที่น่าสนใจ เป็นของ ฮวน พอล วัลเดส เป็นพระที่เขามูนเตซในสเปนเรื่องราวของเขาเป็นที่ฮือฮามาก โดยเฉพาะคำทำนายสุดท้ายของเขามุตโต พูดขึ้น แล้วหยุดไปครู่หนึ่ง ทำให้มุกดา อยากจะรู้เรื่องต่อไปอีก
    <O:p</O:p
    ยังไงค่ะ เล่าต่อสิค่ะพี่ชาย มุกดา เร่งเร้าให้พี่ชาย เล่ารายละเอียดให้ฟัง
    <O:p</O:p
    เรื่องมีอยู่ว่า ฮวน พอล วัลเดส เกิดเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๓๗๕ และตายเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๑ ฮวนบวชเป็นพระในนิกายโรมันแคโธลิกตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๐๓ แต่ด้วยความสามารถพิเศษที่ไม่สำรวมในการทำนายอนาคต ทำให้ฮวนต้องถูกออกจากความเป็นพระในปี พ.ศ. ๒๔๑๓ เนื่องจากทางโบสถ์ถือว่าฮวนเป็นพวกนอกคอก เพราะในแต่ละวันฮวนจะใช้เวลาในการจดบันทึกรายละเอียดความฝันของเขา ซึ่งทางโบสถ์ถือว่าไม่สอดคล้องกับจริยวัตรที่ดี
    <O:p</O:p
    เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ในวาระที่ครบ ๑๐๐ปี หลังการตายของฮวน ได้มีการตัดสินใจย้ายที่ฝังศพของฮวนเพื่อเปิดโอกาสให้กับความ เจริญของท้องถิ่นซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ก่อให้เกิดความแตกตื่นทั้งในสเปนและประชาคมยุโรป โลงศพของฮวนวางอยู่ใต้แผ่นหินอัคนีขนาดใหญ่ เพราะเมื่อใช้รถบูลโดเซอร์ขนาดใหญ่ กำลังสูงในการขยับแผ่นหินอัคนีขนาดใหญ่ที่ทับอยู่บนโลงศพของเขาออก และเมื่อยกโลงศพขึ้นเปิดออกดู พบว่า

    โครงกระดูกของเขาถือไม้กางเขนที่จารึกคำทำนายสุดท้ายของเขาไว้ว่า หลุมศพของเขาจะถูกรื้อและเปิดในวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ ผู้คนที่อยู่ใน เหตุการณ์ทั้ง ๑๗ คน ต่างใบ้กิน ตะลึงในความแม่นยำของคำทำนายของฮวน พอล วัลเดสมุตโต หยุดพูด เมื่อน้องสาว พูดโพล่งขัดจังหวะขึ้นมา
    <O:p</O:p
    โอ้โห พี่ชาย นี่มันจะเป็นได้จริงๆ เหรอค่ะพี่ชาย มุกดา พูดขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
    <O:p</O:p
    ถ้าถามว่า เป็นไปได้มั๊ย พี่ก็คิดว่า เป็นไปได้นะครับ เพราะอย่างพระสงฆ์ที่ท่านปฏิบัติจนได้ฤทธิ์อภิญญา ท่านก็รู้วันที่ท่านจะมรณภาพได้ หรือ อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ที่มีข่าวการเปิดกรุที่เจดีย์วัดประยูรฯ ที่ กรุงเทพ ปรากฏว่า ในกระดานชนวนที่พบในกรุ ระบุว่า ในวันที่เท่านั้น ปี พ.ศ. นี้ กรุจะแตก มุตโต หาเหตุผล มาสนับสนุน ถึงความเป็นไปได้ ที่น้องสาวสงสัย
    <O:p</O:p
    ค่ะ มันก็เป็นไปได้ ว่าแต่ว่า แล้ว ฮวน พอล วัลเดส นี่เขาทำนายเรื่องสงครามโลกครั้งที่ ๓ ไว้ยังไงบ้างหล่ะค่ะ น้องชักอยากจะรู้แล้วสิมุกดา ขอให้พี่ชาย เล่าคำทำนาย ของ ฮวน พอล วัลเดส ต่อ
    <O:p</O:p
    จริงๆ แล้ว เขาทำนายไว้หลายเรื่องเหมือนกัน แต่มีคำทำนาย ข้อหนึ่ง ที่เกี่ยวกับ สงครามโลกครั้งที่ ๓ซึ่งเขาระบุว่า สงครามจะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ลอบปลงชีวิตของผู้นำประเทศตะวันออกกลางและสงครามจะถึงจุดสูงสุดในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ เมื่อประเทศตะวันตกทิศเหนือ ไม่อาจยอมทนต่อไปกับการวางระเบิดแบบพลีชีพและการก่อการร้ายจากขบวนการก่อการร้ายในประเทศตะวันออกลางมุตโต หยุดพูด เมื่อ มุกดา ท้วงขึ้น
    <O:p</O:p
    แต่เอ พี่ชาย คำทำนายนี้ จะแม่นจริงเหรอค่ะ เพราะ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ก็ไม่ปรากฏว่าจะมีสงครามใหญ่เกิดขึ้นเลยนี่ค่ะ มุกดา พูดทบทวนย้อนหลังประวัติศาสตร์ ที่ผ่านมาไม่กีปี
    <O:p</O:p
    ก็ต้องฟังหูไว้หูค่ะ แล้วก็ใช้หลักกาลามสูตร ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ มาประกอบการพิจารณา ใคร่ครวญดูก่อนที่จะปักใจเชื่อ จะได้ไม่เป็นมงคลตื่นข่าวมุตโต บอกกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    ค่ะมุกดา รับคำพี่ชาย
    <O:p</O:p
    แต่ คำทำนายของเขา ก็ไม่จบแค่ตรงนั้น นะ เพราะเขาบอกต่อไปว่า สงครามโลกครั้งที่ ๓จะมีประเทศเข้าร่วมสงคราม ๑๒๕ประเทศ ใช้เวลา ๙ปีมุตโต หยุดพูด เหมือนจะรอฟังความคิดเห็นของน้องสาว
    <O:p</O:p
    ถ้าประเทศตะวันตกทนไม่ได้ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ และสงครามใช้เวลา ๙ ปี ๔๖ ๔๗ ๔๘ ๔๙ ๕๐ ๕๑ ๕๒ ๕๓ ก็จะมาสิ้นสุด ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔มุกดา พูดไป พลางนับนิ้วมือไป
    <O:p</O:p
    มันก็เป็นเรื่องบังเอิญอีกนะ ที่คำทำนาย จะวนเวียนอยู่แถวๆ ปี พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๔มุตโต ตั้งข้องสังเกต
    <O:p</O:p
    มันก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าคิดค่ะ ที่คำทำนาย จากแต่ละแหล่ง แล้วก็ทำนายไว้ในคนละช่วงเวลา จะมีความสอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญมุกดา พูดให้ฉุกใจคิด
    <O:p</O:p
    นอกจาก ช่วงเวลาที่จะเกิดสงครามแล้ว เขายังได้ทำนาย ต่ออีกนะว่า สงครามโลกครั้งที่ ๓จะเริ่มด้วยระเบิดนิวเคลียร์ของประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย ต่อชาติเล็กคู่อริที่ไม่ลงรอยกันเป็นเวลา ๕๐ ปี แล้วระเบิดนิวเคลียร์ลูกที่ ๔ และ ๕ จะเกิดในประเทศที่เพิ่งผ่านการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่มีการนองเลือดซึ่งมีผู้เสียชีวิตเป็นล้านเฉพาะในประเทศนี้มุตโต พูดถึงคำทำนาย ต่อ
    <O:p</O:p
    นี่เท่ากับว่า จากคำทำนายหลายๆ แหล่ง ที่สอดคล้องตรงกัน และมีความเป็นได้ ว่า จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๓ จริงๆ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๔ มุกดา สรุปความเป็นได้
    <O:p</O:p
    ก็น่าจะสรุปได้ว่า มหาภัยพิบัติ ที่จะเกิดขึ้นตามพุทธทำนาย ในปีเถาะ ก็คือ สงครามโลกครั้งที่ ๓ จะเปิดฉากขึ้น ซึ่งสงรามครั้งนี้ ก็คงจะกินระยะเวลาไม่เกิน วันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่เราถอกรหัสเวลาไว้ ซึ่งก็เป็นไปได้ที่ ด้วยเทคโนโลยีอาวุธนิวเคลียร์ กับอาวุธเคมี จะทำให้เกิดความสูญเสียอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ไม่ยืดเยื้อ เหมือนเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ และ ๒ มุตโต สรุปให้น้องสาวฟัง
    <O:p</O:p
    ถ้าเป็นอย่างนั้น นะค่ะ น้องว่า ถ้าเราคิดง่ายๆ แค่ว่า ความรุนแรงครั้งนี้ จะมากกว่าสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งมีคนเสียชีวิตประมาณ ๗๐ ล้านคน สักสิบเท่า ก็หมายความว่า สงครามโลกครั้งที่ ๓ ก็อาจจะมีคนเสียชีวิต ประมาณ ๗๐๐ ล้านคน มุกดา ประเมินความสูญเสีย ที่อาจจะเกิดขึ้น
    <O:p</O:p
    ก็คงจะต้องติดตามดูต่อไปหล่ะครับ ว่า ถ้าสงครามเกิดขึ้นจริงๆ ประเทศไหนจะเป็นฝ่ายเริ่มต้น และจะรบกับประเทศไหน ถ้าโชคดีว่า อเมริกาทำสงครามนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ หรือประเทศตะวันออกกลาง หรือประเทศในยุโรปทำสงครามนิวเคลียร์กับประเทศตะวันออกลาง ประเทศไทยของเราก็คงจะได้รับผลกระทบไม่มากมุตโต พูด เหมือนจะบอกน้องสาว ไม่ให้เป็นกังวลมาก
    <O:p</O:p
    ทำไม พี่ถึงคิดอย่างนั้นหล่ะค่ะ มุกดา สงสัย ในความคิดของพี่ชาย

    <O:p</O:p
    ก็น้องดูแผนที่โลกนี่สิครับ ถ้าสมมติว่าอเมริกาหรือฝั่งเศสยิงขีปนาวุธมาที่อิหร่านจริง มันก็ไม่ถึงประเทศไทย หรือถ้าอเมริกาจะยิงขีปนาวุธมาที่เกาหลีเหนือ หรือเกาหลีเหนือจะยิงขีปนาวุธไปที่อเมริกา ก็จะต้องยิงมามาทางซีกนี้ ซึ่งจะมีแค่ประเทศญี่ปุ่นที่คั่นกลางอยู่ ผิดพลาดจริงๆ ก็คงตกอยู่ในประเทศจีน ไม่ถึงเมืองไทยอีกเช่นกัน มุตโตอธิบายให้น้องสาว พลางชี้ให้ดูแผนที่โลกไปด้วย
    <O:p</O:p
    อืมม ก็ต้องถือว่า ประเทศไทยของเราตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดีของโลก เหมือนกันนะค่ะ ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อยนึงมุกดา พูดด้วยความรู้สึกคลายความกังวลลงไปได้บ้าง
    <O:p</O:p
    แต่นั่น ก็เป็นเพียงแค่ การเริ่มต้นเดินทางนะยายมุก เพราะ โลกของเรายังต้องเผชิญกับมหาภัยพิบัติต่อไปอีก จนกว่าจะถึงปี พ.ศ. ๒๕๖๓ มุตโต เปิดประเด็นใหม่
    <O:p</O:p
    จริงสินะค่ะ เรายังต้องเดินทางผ่านหายนะจากมหาภัยพิบัติอีกตั้งหลายเหตุการณ์ กว่าจะถึงยุคแห่งการสถาปนาอารยธรรมใหม่ของมนุษยชาติ มุกดา เห็นด้วยกับพี่ชาย
    <O:p</O:p
    แต่พี่ว่า วันนี้ เราคงจะต้องหยุดพัก แค่นี้กันก่อนนะ เพราะ พรุ่งนี้ มีชั่วโมงเรียนแต่เช้า ถึงเวลาต้องพักผ่อนกันแล้วหล่ะมุตโต บอกกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    ดีค่ะ งั้นเดี๊ยวพรุ่งนี้ ตอนเย็นกลับจากมหาวิทยาลัย ค่อยมาแกะรหัสคำทำนายต่อกันนะค่ะ มุกดา นัดหมายกับพี่ชาย
    <O:p</O:p
    ตกลงครับ งั้นคืนนี้ ก็ไปนอนกันได้แล้ว มุตโต พูดขึ้น เมื่อเห็นน้องสาวแสดงอาการง่วงนอนแล้ว

    <O:p</O:p
    “ค่ะ หลับฝันดีนะค่ะพี่ชาย” มุกดา รับคำ ก่อนที่จะขอตัวกลับไปนอนที่ห้องตัวเอง<!-- google_ad_section_end -->

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2009
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ปีมะโรง : ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัว
    (๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕ - ๑๐ เมษายน ๒๕๕๖)

    [​IMG]

    เย็นวันอังคารที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ หลังจากกลับจากมหาวิทยาลัยมา ทั้งสองพี่น้อง มุตโต กับมุกดา ก็รีบจัดการกับอาหารมื้อเย็น ก่อนจะแยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย เพราะทั้งสองคนมีนัดหมายไปเจอกันที่ห้องของพี่ชาย เพื่อจะช่วยกันแกะรหัสมหาภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในช่วงปีมะโรง ตามที่ ในพุทธทำนาย กล่าวไว้แต่เพียงสั้นๆ ว่า บ่ใส่แต่ทอนั้นทวีเท่าทั่วแดน จนว่ามาเถิงปีมะโรงจังสิได้โค้งอ่วยซึ่งความยุ่งยากในการตีความหมายของภัยพิบัติจะยุ่งยากสักเพียงใด เรามาติดตามกันต่อไป
    <O:p</O:p
    “วันนี้ ทั้งเพลียทั้งง่วงเลย เพราะช่วงบ่ายที่ผ่านมาพี่ต้องออกไปเก็บข้อมูลตัวอย่างชั้นดิน ที่ ภูเวียง เพื่อมาทำรายงาน เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาในอดีต ไม่รู้เย็นนี้ จะฝืนสังขารไปได้สักกี่ทุ่มก็ไม่รู้มุตโต เอ่ยปาก บอกน้องสาว
    <O:p</O:p
    “ถ้าไม่ไหว ก็พักก่อนก็ได้มั้งค่ะ พี่ชาย เพราะดูท่าแล้ว โจทย์ที่จะถอดรหัสของปีมะโรงนี้ถ้าจะยากเอาการมุกดา พูดขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของพี่ชายดูเหนื่อยๆ
    <O:p</O:p
    “ก็ลองดูก่อนก็แล้วกัน ว่าแต่ว่า จะเริ่มค้นหาจากคำค้น อะไรดีนะ พี่นึกไม่ออกเลย เพราะในคำทำนายบอกแต่ ว่า ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในปีเถาะนั้น ยังไม่จบเพียงแค่นั้น แต่พอถึงปีมะโรงถึงจะได้พลิกกลับมุตโต เริ่มคิดหา คำค้น ที่จะเริ่มต้นการถอดรหัสภัยพิบัติ
    <O:p</O:p
    “เอาอย่างนี้สิค่ะ ถ้าไม่รู้จะเริ่มจากคำค้นอะไร ก็ เอา พ.ศ. ๒๕๕๕ กับ ภัยพิบัติ ดีมั๊ยค่ะ มุกดา เสนอความเห็นให้พี่ชาย
    <O:p</O:p
    “ตกลงครับ เพราะพี่ก็มึนๆ ยังคิดไม่ออกเหมือนกัน มุตโต บอกกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    “ สอง ห้า ห้า ห้า บวก ภัยพิบัติมุกดาพูดไป พลางกดแป้นคีย์บอร์ด เพื่อป้อนคำค้น ใน กูเกิลดอทคอม ก่อนจะทำการเคาะแป้นเอนเทอร์ และเปิดอ่านดูข้อมูลที่ได้จากการใช้คำค้น
    <O:p</O:p
    “เป็นไงบ้างยายมุก มีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้างมั๊ย มุตโต เอ่ยปากถามน้องสาว
    <O:p</O:p
    “พี่ชายมาดูนี่สิค่ะ มีอะไรที่น่าสนใจมากเลยมุกดา พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
    <O:p</O:p
    “ไหนครับ ขอพี่ดูหน่อยสิครับมุตโต ดีดตัวลุกขึ้นมาจากเตียงนอน เสียงตื่นเต้นของน้องสาวเมื่อครู่ กระตุ้นให้ความอยากรู้ขับไล่ความง่วงนอนที่กำลังครอบงำเขาอยู่หายไปในทันใด
    <O:p</O:p
    “นี่ไงค่ะพี่ชาย มีจดหมาย ที่คุณเอกอิสโร ส่งไปถึงประธานคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘ มุกดา พูดพลางชี้ให้พี่ชายดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
    <O:p</O:p
    “แล้วจดหมายมันเกี่ยวอะไร กับภัยพิบัติ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ หล่ะครับ มุตโต ถามน้องสาว
    <O:p</O:p
    “พี่ลองฟังดูนะ น้องจะอ่านให้ฟัง เนื้อความในจดหมายมีอยู่ว่า เรื่องขอให้มีการศึกษาข้อเท็จจริงและผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมจากปรากฏการณ์ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัว” มุกดา อ่านได้แค่ถึงตอนนี้ ก็ต้องหยุดอ่าน ด้วยความตกใจ

    “ว่ายังไงนะ ยายมุก อะไรพลิกตัว” มุตโต พูดโพล่งขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง <O:p</O:p
    “โอ๊ย ตกใจหมดเลยพี่ชายนี่ อยู่ๆ ก็พูดเอะอะเสียงดังยังกะเจอผีหลอกแน่ะ” มุกดา บอกกับพี่ชาย
    <O:p</O:p
    “เออ เออ พี่ขอโทษด้วย ตกลงเขาว่าอะไรพลิกตัวนะ” มุตโต ถามคำถามย้ำ ด้วยความอยากฟังใหม่ให้ถนัดหูตัวเอง
    <O:p</O:p
    “เขาบอกว่า ขั้วแม่เหล็กโลกจะพลิกตัวค่ะ” มุกดา ตอบคำถามพี่ชาย
    <O:p</O:p
    “อะไรนะ ขั้วแม่เหล็กโลกจะพลิกตัวอย่างนั้นเหรอ ไหนๆ แล้วเขาว่ายังไงต่อ” มุกดา อยากจะฟังน้องสาวอ่านต่อ
    <O:p</O:p
    “ฟังต่อนะค่ะ ...กราบเรียนประธานคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎรนายนพดลพลเสนสิ่งที่ส่งมาด้วย หนึ่ง เอกสารแปลจากสำนักข่าวอินเดียเดลี่ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๘ เรื่องแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์คาดการณ์ว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กในโลกและดวงอาทิตย์จะนำมาซึ่งการสิ้นสุดของอารยธรรมมนุษยชาติในปี ค.ศ. ๒๐๑๒ สองเอกสารแปลจากบทความต่างประเทศ เรื่อง การเคลื่อนตัวของขั้วแม่เหล็กโลกและการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกในปี ค.ศ. ๒๐๑๒

    ด้วยกระผมนายเอกอิสโร วรุณศรี ได้มีโอกาสรับทราบข้อมูลจากทางอินเทอร์เนต ซึ่งได้มีการนำเสนอเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่าขั้วแม่เหล็กโลกพลิก หรือ Magnetic Pole Reversal ซึ่งจากการที่ได้ศึกษาจากเว๊บไซต์ต่างๆ พบว่า เรื่องดังกล่าวมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นได้จริง ทั้งมีสถาบันหรือองค์กรที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ เช่น องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐหรือ นาซาออกมายืนยันถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดปรากฏการณ์ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัวที่จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. ๒๐๑๒ หรือ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่จะถึงอันใกล้นี้

    ซึ่งหากท่านประธานคณะกรรมาธิการฯ จะได้พิจารณาจากเอกสารที่กระผมส่งมาด้วยนี้ ซึ่งเป็นแต่เพียงข้อมูลเพียงส่วนน้อยที่กระผมจะสามารถแปลจากภาษาต่างประเทศ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากและไม่สามารถนำมาเสนอได้ทั้งหมด จะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติทั้งโลก แต่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดที่ในประเทศไทยเอง กลับไม่มีการกล่าวถึงปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นในแวดวงนักวิชาการ

    ทั้งที่ผลกระทบข้างเคียงในระหว่างกระบวนการ ที่จะเกิดการพลิกตัวของขั้วโลก จะส่งผลต่อสภาวะแวดล้อม รวมทั้งวิถีการดำเนินชีวิตซึ่งอาจจะต้องเผชิญกับอุบัติภัยต่างๆ มากมาย ดังที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นลมพายุรุนแรง ภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วม ดินถล่มหรือบางพื้นที่เกิดความแห้งแล้ง รวมทั้งแผ่นดินไหวล้วนแล้วแต่เป็นผลเกิดจากกระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กโลก เกิดการเคลื่อนตัวและจะนำไปสู่การพลิกตัวของขั้วแม่เหล็กในที่สุด

    กระผมจึงใคร่ขอเสนอต่อท่านประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ เพื่อเชิญหน่วยงานและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มาให้ข้อมูลในเรื่องนี้เพื่อที่จะนำไปสู่การศึกษาข้อเท็จจริง และผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมจากปรากฏการณ์ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัวดังกล่าว และแจ้งให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบ หากจะนำมาซึ่งการเผชิญกับภัยพิบัติที่อาจมีขึ้นตามมา” มุกดา อ่านจดหมายที่เคยมีผู้เสนอให้ สภาผู้แทนราษฎร ขอให้มีการศึกษาข้อเท็จจริงและผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมจากปรากฏการณ์ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัว จบลง
    <O:p</O:p
    “แล้วตกลงมีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาข้อเท็จจริงและผลกระทบขึ้นมาหรือเปล่า” มุตโต ถามน้องสาวต่อ
    <O:p</O:p
    “ในกระทู้ที่ตั้งไว้ บอกแต่ว่า ได้มีการบรรจุเรื่องนี้เข้าพิจารณาในการประชุมคณะกรรมาธิการการสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๔๘ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เข้ามาชี้แจงและให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการฯ อย่างกว้างขวาง แต่ก็ไม่ได้มีมติให้ตั้ง คณะทำงานเพื่อศึกษาข้อเท็จจริงและผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อม จากปรากฏการณ์ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัวแต่อย่างใด

    เนื่องจากผู้แทนจากส่วนราชการส่วนใหญ่เห็นว่ายังเป็นเรื่องไกลตัว และยังไม่ปรากฏมีสัญญาณใดที่จะเกิดขึ้นได้จริง และการนำเสนอข้อมูลเรื่องนี้ในวงกว้าง อาจจะก่อให้เกิดความตระหนกต่อประชาชนในประเทศได้ จึงสรุปแต่เพียงว่า ให้ทุกฝ่ายเฝ้าระวังและติดตาม จนกว่าจะถึงปี พุทธศักราช ๒๕๕๕ ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ค่ะ” มุกดา ตอบคำถามพี่ชาย
    <O:p</O:p
    “น่าเสียดายนะ ที่ไม่ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทำให้เราไม่รู้ข้อเท็จจริงว่ามันจะเกิดการพลิกกับของขั้วแม่เหล็กโลกในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จริงหรือเปล่า และจะมีผลกระทบยังไงบ้าง แต่พี่ว่า เหตุการณ์ที่ว่านี้มันก็เข้าเค้านะ ที่จะเกิดการพลิกตัวของสนามแม่เหล็กโลก เพราะในคำทำนายบอกว่า ถึงปีมะโรงถึงจะได้พลิกกลับ” มุตโต ตั้งข้อสังเกต
    <O:p</O:p
    “แต่ในเอกสาร ที่ส่งไปพร้อมกับ จดหมายที่คุณเอกอิสโร แกส่งถึงประธานคณะกรรมาธิการ สิ่งแวดล้อม ก็น่าสนใจนะค่ะพี่ชาย” มุกดา พูดขึ้น พร้อมกับยื่นกระดาษที่เพิ่งสั่งปรินท์ออกมาจากเครื่องพิมพ์ ให้พี่ชาย <O:p</O:p
    มุตโต รับเอากระดาษ ๒-๓ แผ่น จากน้องสาว แล้วจึงได้อ่านเนื้อความในเอกสารแนบ ที่ได้ส่งไปพร้อมกับ จดหมายถึงประธานคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ว่า
    <O:p</O:p
    “แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์คาดการณ์ว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กในโลกและดวงอาทิตย์ จะนำมาซึ่งการสิ้นสุดของอารยธรรมมนุษยชาติในปีคริสต์ศักราช ๒๐๑๒ จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่ม นักธรณีฟิสิกส์ และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่าทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก หรือ Magnetic Pole Reversal ในปี คริสต์ศักราช ๒๐๑๒ หรือ พุทธศักราช ๒๕๕๕

    โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันในไฮเดอร์ราบัดได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี คริสต์ศักราช ๒๐๑๒

    การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือ และขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยเกาซ์ และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งแรงดึงดูดอย่างสิ้นเชิง ซึ่งถ้าหากปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นควบคู่ไปพร้อมกับการสลับขั้วของดวงอาทิตย์ ที่จะมีขึ้นในทุกๆ ๑๑ ปี ในปี พุทธศักราช ๒๕๕๕ แล้ว ปัญหาอันใหญ่ยิ่งจะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน

    ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติสมัยใหม่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเช่นนี้ยังไม่เคยได้มีการการบันทึกไว้จะมีก็แต่เพียงแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่จะสามารถทำนายผลลัพธ์ที่เคยเกิดขึ้นนั้นได้เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การนาซ่าได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคง แต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์

    แต่จากแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ของไฮเดอร์ราบัดกลับพบว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กของโลกและดวงอาทิตย์นั้น สามารถที่จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างรุนแรงที่มากไปกว่าแค่การทำงานผิดพลาดของอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์เท่านั้นพวกนกที่อพยพย้ายถิ่นอยู่ตามฤดูกาลจะสูญเสียประสาทสัมผัสในการกำหนดทิศทางและอื่นๆ ตามมาอีก เช่น
    <O:p</O:p
    - ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์ต่างๆ รวมถึงมนุษย์จะอ่อนแอลง
    <O:p</O:p
    - โลกจะประสบกับการเพิ่มความถี่ของการเกิดภูเขาไฟระเบิด, การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก, แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม ที่จะมีมีสูงขึ้นกว่าปรกติ

    - สภาวะความเป็นแม่เหล็ก หรือ Magnetosphere ของโลกจะอ่อนตัวลง และการแผ่รังสีคอสมิคจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณขึ้น และก่อให้เกิดอันตรายจากการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น มะเร็งและอื่นๆ อีก ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
    <O:p</O:p
    - กลุ่มเทหวัตถุในอวกาศขนาดใหญ่ จะถูกดึงดูดเข้ามายังโลกอย่างมากมาย
    <O:p</O:p
    - แรงดึงดูดของโลกจะประสบกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
    <O:p</O:p
    ถ้า รวมเอาเหตุการณ์ความน่าจะเป็นที่จะเกิดการทำลายล้างเหล่านี้ทั้งหมดมาผนวกรวมกันแล้ว ก็จะสามารถอธิบายภาพที่เห็นได้ ด้วยคำง่ายๆ ว่า โลกอาจจะไม่ใช่ที่เหมาะสมสำหรับอารยธรรมของมนุษยชาติและผู้คนทั้งหลาย ผู้ซึ่งอาศัยอยู่บนพื้นผิวโลกหรือใกล้กับพื้นผิวโลกในปี พ.ศ. ๒๕๕๕

    สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใต้ผิวโลกที่ลึกลงไปเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่รอด โดยปราศจากการแทรกแซงใดๆ ในกระบวนการที่จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาตินี้ คงเป็นเวลาอีกหลายล้านปีถัดจากนี้ เราจึงจะได้เห็นรูปแบบของสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่หรือมีความชาญฉลาด ที่จะกลับมาครอบครองบนพื้นผิวโลกอีกครั้ง

    เหตุการณ์เช่นนี้มันอาจจะเหมือนดังเช่นที่ได้เคยเกิดขึ้นในห้วงที่เกิดคลื่นสึนามิซึ่งมันทำให้เรารู้สึกงงงวย และเฝ้าจ้องมองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างคิดไม่ถึงว่ามันจะเกิดขึ้นได้ แล้วในที่สุดมันก็พัดพาเราออกไปสู่ท้องทะเล

    ถ้าแบบจำลองนี้ถูกต้องแม่นยำนั่นหมายถึงว่าหนทางเดียวเท่านั้นสำหรับพวกเราที่จะอยู่รอดเพื่อที่จะรักษาอารยธรรมของเราเอาไว้ต่อไป นั่นก็คือการลงไปอาศัยอยู่ใต้พื้นผิวโลกหรือไม่ก็อพยพเคลื่อนย้ายไปอาศัยยังดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ เหตุการณ์เช่นนี้มันอาจจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับดาวอังคารเมื่อย้อนหลังไปหลายล้านปีที่ผ่านมา” มุตโต หยุดอ่านเมื่อหมดเนื้อความในกระดาษที่ถืออยูในมือ
    <O:p</O:p
    “โอ้ โห นี่มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ”มุกดา อุทาน ด้วยความตกใจถึงผลกระทบ เมื่อขั้วแม่เหล็กโลกเกิดการพลิกตัว
    <O:p</O:p
    “อืมม พี่ว่าเรายังต้องค้นข้อมูลอีกเยอะเลยสำหรับเรื่องนี้ เอาเป็นว่าคืนนี้พอแค่นี้ก่อนนะ พรุ่งนี้เราค่อยว่ากันใหม่ เพราะพี่รู้สึกว่าร่างกายจะไม่ค่อยไหวแล้ว ปวดหัวขึ้นมาหนึบๆ เลย” มุตโต บอกน้องสาว
    <O:p</O:p
    “ได้ค่ะ งั้นพรุ่งนี้ เราค่อยมาค้นข้อมูลกันต่อ นะค่ะพี่ชาย” มุกดา บอกกับพี่ชาย<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->

    ที่มา http://palungjit.org/threads/๒๕๖๓-การเดินทางจากหายนะสู่อารยะแห่งมนุษยชาติ.190773/<O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1197604008.jpg
      1197604008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.3 KB
      เปิดดู:
      1,926
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2009
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เมื่อถึงเวลาที่ความลับจะถูกเปิดเผย

    [​IMG]
    ภาพคุณ เอกอิสโร วรุณศรี ที่วัดพระพุทธบาทภูแฝด จังหวัดชัยภูมิ

    เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๑ ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชา เป็นวันหยุด ครอบครัว ดร. เจ วอร์ซีส์ ได้ชักชวนกันไปทำบุญ ที่วัดคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งที่ตั้งของหมู่บ้านนี้ เคยเป็นดินแดนอารยะธรรมยุคทวาราวดี มีนามว่า “นครกาหลง” เสร็จจากทำบุญก็พากันไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่น้ำตกตาดโตน ซึ่งเป็นน้ำตกมีชื่อของจังหวัดชัยภูมิ

    ระหว่างทางขากลับ ได้แวะไปที่ วัดพระบาทภูแฝด ซึ่ง ณ ที่นี้ มีเรื่องราวเล่าขานกันในหมู่ของพระ และแม่ชีที่ดูแลวัดรู้กันเป็นการเฉพาะภายใน ว่า สถานที่แห่งนี้ ในอดีตมีความเกี่ยวข้องกับพระมหากัสสปะ ซึ่งเป็นพระอรหันต์แต่ครั้งพุทธกาลเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว และพระมหากัสสปะรูปนี้ท่านเป็นพระสาวกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เลิศทางถือธุดงค์
    <O:p</O:p
    พระมหากัสสปะรูปนี้ ประวัติของท่านเป็นเรื่องที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง เพราะเวลานี้ว่ากันว่า พระสรีระศพของท่านยังคงอยู่ โดยไม่เน่าไม่เปื่อย แม้เวลาจะผ่านมาสองพันกว่าปีมาแล้ว และจะคงอยู่เช่นนี้ไปอีกหลายล้านปี เพื่อรอการประชุมเพลิงโดยพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรย ที่เป็นอย่างนี้ ก็เกิดจากผลกรรมในอดีตของท่านทั้งสองตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้ากัสสปะ


    ซึ่งครั้งนั้น พระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ได้เกิดเป็นกษัตริย์นครหนึ่ง พระศรีอาริยเมตไตรยเกิดเป็นนายควาญช้าง พระมหากัสสปะเกิดเป็นช้างพระที่นั่ง วันหนึ่งพระมหากษัตริย์ไปเที่ยวชมพระราชอุทยาน ในคืนนั้นมีโขลงช้างเข้าพระราชอุทยาน ถ่ายมูตรคูถเปรอะเปื้อนไว้ในพระราชอุทยาน เมื่อช้างพระที่นั่งได้กลิ่นช้างป่าก็เกิดซับมันขึ้นทันใด คึกคะนองพาเอาพระมหากษัตริย์วิ่งเตลิดตามโขลงช้างไปไม่ลดละ แม้ว่าพระมหากษัตริย์จะสับเกียวพระแสงขออันคมกริบ ก็มิได้สามารถหยุดช้างพระที่นั่งได้เลย
    <O:p</O:p
    เมื่อช้างพระที่นั่งวิ่งเตลิดไปไม่หยุดยั้ง พระองค์จึงคอยระวังต้นไม้ที่พอจะห้อยโหนให้พระองค์พ้นอันตราย ช้างพระที่นั่งได้วิ่งรอดต้นมะเดื่อๆ มีกิ่งก้านสาขา พระองค์จึงคว้าโหนพระองค์ติดอยู่กับคาคบไม้นั้น หมู่เสนาอามาตย์ก็ได้ติดตามพระองค์โดยไม่ลดละ และได้ไปทันพระองค์ที่ต้นมะเดื่อนั้น ได้พร้อมด้วยเสนนาอำมาตย์เสด็จกลับสู่พระนคร เมื่อช้างพระที่นั่งตามโขลงช้างไปได้ ๗ วัน กลับมาอยู่โรงช้างตามเดิมแล้ว ก็ด้วยความกริ้วนายควาญช้างเป็นที่ยิ่ง พระมหากษัตริย์จึงสั่งให้หานายควาญช้างให้เข้าเฝ้าโดยทันที “ท่านควาญช้างคิดจะให้ฉันตาย จะปฏิวัติ รัฐประหาร เป็นใหญ่ในแผ่นดินหรือ”
    <O:p</O:p
    พระอาญามิพ้นเกล้า ข้าพระองค์ได้ฝึกหัดช้างเป็นอย่างดียิ่งแล้ว พะยะค่ะ ถ้าอย่างนั้น ท่านจงทดลองกระทำให้เราดู ขึ้นชื่อว่า ไฟราคะนี้ ร้อนยิ่งกว่าไฟร้อยเท่าพันทวี พะยะค่ะ ดังนั้น จึงได้จัดการเผาท่อนเหล็กแดงท่อนใหญ่ให้ร้อนลุกโชน จัดการนำอกมาวางไว้ ทันใดนั้น นายควาญช้างก็ได้ใสช้างพระที่นั่งเข้าไปใกล้ บังคับใช้ให้ช้างพระที่นั่งเอางวงอุ้มท่อนเหล็กแดงนั้น ช้างพระที่นั่งได้คิดว่า ถ้าเราไม่ทำตามคำสั่งของนายควาญนี้ นายควาญจักต้องตายด้วยพระอาญาเป็นแท้ ดังนั้น ช้างพระที่นั่งจึงเอางวงแมท่อนเหล็กแดง จนไฟลุกไหม้งวงช้าง เป็นที่น่าสังเวชสังเวชยิ่งนัก ทันใดนั้น พญาช้างก็ได้ล้มได้ล้มลงจนสิ้นใจตายในบัดดลนั้น
    <O:p</O:p
    ในกาลของพระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ พญาช้างจึงได้มาเกิดเป็นพระมหากัสสปะเถระ เมื่อออกบวชแล้วจึงได้บรรลุความเป็นพระอรหันต์ ท่านเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการสืบทอดรักษาพระพุทธศาสนาของเรามาจนถึงทุกวันนี้ ก็ด้วยเพราะท่านเป็นผู้ที่ริเริ่มชักชวนคณะสงฆ์ ให้มีการสังคายนาร้อยกรองพระธรรมวินัยขึ้น ภายหลังจากที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ดับขันธปรินิพพาน หลังจากกระทำสังคายนาเสร็จแล้ว


    ท่านได้พำนักอยู่ที่พระเวฬุวันวนาราม ใกล้กรุงราชคฤห์ จนพระชนมายุได้ ๑๒๐ ปี เมื่อถึงวันที่ท่านจะเข้านิพพานท่านได้ประชุมสงฆ์ที่เป็นสานุศิษย์ของท่านให้ได้ทราบและท่านได้กล่าวธรรมกถาสั่งสอนสานุศิษย์ให้ได้ธรรมสังเวช พอรุ่งเช้าท่านก็นุ่งสบงห่มจีวรทำความสะอาดปัดกวาดที่ท่านพักอาศัย เก็บเครื่องใช้ที่เป็นของสงฆ์เรียบร้อยแล้ว ท่านได้เข้าไปบอกลาพระเจ้าอชาติศัตรูให้ได้ทราบถึงการปรินิพพานของท่านฯ
    <O:p</O:p
    เมื่อใกล้เวลาจะปรินิพพาน ท่านได้ไปกุกกุฏสัมปาตบรรพตในกรุงราชคฤห์มหานคร กาลนั้นเหล่าสงฆ์สานุศิษย์ทั้งหลายทั้งอุบาสกอุบาสิกาและทวยเทพทั้งหลายเป็นอันมาก ได้ไปประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน ท่านพระมหากัสสปะเถระขีณาสพเจ้า ได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์เหาะขึ้นสู่อากาศสูง ๗ ชั่วลำตาล บันดาลให้ท่อน้ำท่อไฟออกจากกายแลนิมิตกายเป็นท้าวสักกเทวราชพร้อมด้วยบริวาร นิมิตกายเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชพร้อมด้วยเสนาใหญ่ตามสมควรแก่การได้แสดงพระธรรมเทศนาให้เกิดสังเวชในที่ชุมนุมใหญ่ครั้งนั้นฯ
    <O:p</O:p
    เมื่อพระมหากัสสปะเถระได้แสดงพระธรรมจบลงโดยควร พระมหากัสสปะเถระเจ้าก็เหาะลอยลงสู่แท่นนิพพาน ประหนึ่งว่าพระยาหงษ์อันบินลอยลงสู่ห้องแห่งสระโบกขรณีประทุมชาติอันท้าวสักกเทวราชนิรมิตไว้และปุด้วยผ้าอันเป็นทิพย์ อันประดับด้วยทิพยมาลามาลัยอันเหล่ามวลเทพยดาจัดบูชาไว้เป็นระเบียบอันดี พระผู้เป็นเจ้านั่ง ณ บัลลังก์นั้น ประหนึ่งว่ารูปปั้นด้วยทองคำงามอันวิจิตร พระเถระเจ้าได้เข้าสู่สมาบัติ แล้วจึงอธิษฐานจิตว่า


    “เมื่ออาตมาภาพเข้าสู่นิพพานแล้ว ขอให้กายแห่งอาคมาพร้อมด้วยประทีปชวาลาสดใสเป็นอยู่โดยปรกติ พร้อมด้วยกุกกุฏสัมปาตบรรพตนี้จงน้อมยอดเข้าสู่กันปกป้องกายอาตมานี้ไว้ด้วยดี ตราบเท่าองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จมาทรงกระทำฌาปนกิจร่างของอาตมานี้ด้วยเถิด"
    <O:p</O:p
    ด้วยผลกรรมที่กระทำร่วมกันมา และด้วยคำอธิษฐานของพระมหากัสสปะนี้ ศพของพระมหากัสสปะจึงปรากฏอยู่ที่กุกกุฏสัมปาตบรรพต อันเป็นที่นิพพานของพระมหากัสสปะเถระ จนวันที่พระศรีอาริยเมตไตรยได้มาตรัสปรมาภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ถึงวันที่พระองค์ปรินิพพานได้เอาศพพระมหากัสสปะขึ้นมาเผาบนฝ่าพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองค์ได้ปรินิพพานพร้อมกับพระศพของพระมหากัสสปะเถระก็จะมีในกาลนั้น เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก

    <O:p</O:p
    เมื่อ ดร. เจ วอร์ซีส์ และครอบครัวเดินทางไปถึงบริเวณวัด เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆ แดดกำลังกล้าทีเดียว บัวคำ ที่เหน็ดเหนื่อยเพราะต้องตื่นขึ้นมาเตรียมข้าวของที่จะมาทำบุญแต่เช้า จึงขอตัวงีบพักอยู่ในรถ โดยลำพัง ปล่อยให้ สามคนพ่อลูก ลงไปเดินสำรวจรอบๆ บริเวณวัด
    <O:p</O:p
    ระหว่างที่ ดร. เจ วอร์ซีส์ กำลังเดินสำรวจรอบๆ บริเวณวัดอยู่นั้น พลันท้องฟ้าที่แจ่มใส ดวงอาทิตย์ที่กำลังแผดแสง แดดที่กำลังแผดร้อน ก็กลับค่อยๆ เปลี่ยนสภาพครึ้มลง ครึ้มลง บรรยากาศที่สงบนิ่งอยู่กลับเริ่มมีลมพัดขึ้นมา แรงขึ้นและแรงขึ้น หอบเอาฝุ่นและใบไม้ปลิวว่อนไปทั่วทั้งบริเวณวัด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีเค้าว่าฝนจะตกแต่อย่างใด เสียงฟ้าเริ่มคำราม ครืนๆ จนมุกดา ตกใจร้องเสียงหลง สายฟ้าแลบแปล้บๆ มุตโต พูดขึ้นทีเล่นทีจริงกับพ่อว่า

    มันจะไหวเหรอพ่อ
    <O:p</O:p
    ยังไม่ทันที่ ดร. เจ วอร์ซีส์ จะได้ตอบลูกชาย จู่ๆ สายฝนก็ได้เทลงมาอย่างถล่มทะลายราวกับฟ้ารั่วยังไงยังงั้น เขารีบตะโกนร้องบอกลูกๆ ว่า
    <O:p</O:p
    มุตโต มุกดา มาทางนี้ลูก เราต้องหาที่หลบห่างๆ ต้นไม้ใหญ่ก่อน
    <O:p</O:p
    พอพูดไม่ทันขาดคำ สายฟ้าก็ผ่าเป็นทางลงมาที่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในบริเวณวัด เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยงสิ้นเสียงสายฟ้า ก็ได้ยินเสียงครืน ต้นไม้ใหญ่อายุนับร้อยปี ถูกสายฟ้าผ่าออกเป็นสองซีกล้มครืนลงมากองอยู่ที่พื้น
    <O:p</O:p
    ดร. เจ วอร์ซีส์ รีบคว้าแขนลูกทั้งสองวิ่งฝ่าสายฝน ทั้งที่มองไม่เห็นทาง เพราะสายฝนที่ตกลงลงมาอย่างหนัก ด้วยความที่ยังไม่ทันได้ระวัง ทำให้ลื่นไถลล้มก้นจ้ำเบ้าไม่เป็นท่า แต่จับมือกันแน่น ไม่ยอมปล่อย
    <O:p</O:p
    มุตโต ร้องปลอบน้องไม่ให้ตกใจกลัว
    <O:p</O:p
    ไม่เป็นไรนะค่ะมุกดา ตั้งสติดีๆ ไม่เป็นไรนะค่ะ ไม่เป็นไร
    <O:p</O:p
    แล้วทั้งสามคนก็ลื่นไถลไปตามทางน้ำ ยังกับกำลังเล่นสไลเดอร์ที่สวนสยาม ดร. เจ วอร์ซีส์ ได้แต่ร้องบอกลูกๆ ให้จับมือกันไว้แน่นๆ อย่าให้มือหลุดจากกัน<O:p</O:p

    จับมือไว้น้องไว้แน่นๆ นะลูกอย่าให้น้องหลุดมือได้
    <O:p</O:p
    มันเป็นเหมือนนาทีชีวิต ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างความเป็นกับความตาย เพราะภูมิประเทศที่ตั้งของภูแฝด นี้ เป็นภูเขาเตี้ยๆ ก็จริงแต่ก็มีส่วนที่เป็นชะง่อนหิน เป็นหน้าผา ที่ถ้าตกลงไปกระแทกพื้นข้างล่าง ก็ใช่ว่าจะไม่ทำให้แค่เจ็บเบาะๆ แต่มันถึงตายได้ทีเดียวเชียวหล่ะ
    <O:p</O:p
    ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ
    <O:p</O:p
    เสียงร่างของสามพ่อลูกกระแทกพื้นทีละคน โชคดีที่ทั้งสามคนไม่ได้ไถลลื่นจนตกลงจากหน้าผาไปกองอยู่ที่พื้นข้างล่าง ไม่อย่างนั้น คงต้องกลายเป็นผีเฝ้าวัดแน่
    <O:p</O:p
    แต่จุดที่ทั้งสามคนตกลงไปนั้น กลับเป็นพื้นถ้ำที่หลบอยู่ใต้ชะง่อนเขา เป็นถ้ำที่เป็นคูหาห้องขนาดไม่ใหญ่นัก ซึ่งคงจะเป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรของพระสงฆ์ในวัดนี้ เพราะสามารถป้องกันแดด ลม และฝนได้เป็นอย่างดี
    <O:p</O:p
    เป็นยังไงบ้าง มุตโต มุกดา เจ็บตรงไหนบ้างมั๊ยลูก
    <O:p</O:p
    ดร. เจ วอร์ซีส์ ตั้งสติได้ จึงรีบเอ่ยปากถามลูกๆ แต่มันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง ที่ทั้ง มุตโตและมุกดา กลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดตรงไหนแม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่รอยถลอก ฟกช้ำ ดำเขียว
    <O:p</O:p
    ไม่เลยค่ะพ่อ หนูไม่เป็นอะไรเลย มุกดาตอบพ่อ หลังจากสำรวจดูจนทั่วตัว
    <O:p</O:p
    ผมก็ไม่เป็นอะไรเหมือนกันครับพ่อ มุตโตเอ่ยปากบอกกับ ดร. เจ วอร์ซีส์
    <O:p</O:p
    แปลกดีเหมือนกัน นะลูก เพราะพ่อนึกว่า กระดูกกระเดี้ยวจะหักไปทั้งตัว แต่พ่อก็ไม่ยักจะเป็นอะไรเลย ดร. เจ วอร์ซีส์ พูดขึ้นมาบ้าง
    <O:p</O:p
    นี่เราอยู่ที่ไหนกันค่ะคุณพ่อมุกดาเอ่ยปากถาม
    <O:p</O:p
    น่าจะเป็นถ้ำนะครับพ่อ มุตโตตั้งข้อสังเกต
    <O:p</O:p
    ใช่แล้วครับลูก นี่เราพลัดตกเข้ามาในถ้ำจริงๆ ด้วยดร. เจ วอร์ซีส์ บอกกับลูกๆ หลังจากมองสำรวจไปรอบๆ กาย
    <O:p</O:p
    เราคงต้องรอให้ฝนหยุดตกก่อน ถึงจะออกไปหาทางกลับไปที่รถได้ ดร. เจ วอร์ซีส์ พูด
    <O:p</O:p
    อืมม พูดถึงรถ ป่านนี้คุณแม่จะเป็นยังไงน่ะค่ะคุณพ่อ มุกดา พูดขึ้นมา หลังจากนึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนที่จะเกิดฝนตกลงมา แม่ของเขางีบหลับอยู่ในรถคนเดียวลำพัง
    <O:p</O:p
    แม่เขาคงไม่เป็นอะไรหรอกนะลูก ดร. เจ วอร์ซีส์ บอกกับลูกๆ ให้คลายกังวล
    <O:p</O:p
    ระหว่างที่ทั้งสามหลบฝนอยู่ในถ้ำอยู่นั้น ทันใด ก็ได้เกิดฟ้าผ่าอย่างรุนแรงเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไปทั่วบริเวณ
    <O:p</O:p
    เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
    <O:p</O:p
    คราวนี้ มันเหมือนแผ่นดินจะถล่ม เพราะทั้งสามคนรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น จนเซล้มลงไป เศษดินเศษหินร่วงหล่นลงมาจากเพดานถ้ำ ลงมาที่พื้นที่พวกเขาทั้งสามนั่งอยู่
    <O:p</O:p
    ตุ้บ
    <O:p</O:p
    คราวนี้ ไม่ใช่ใครหล่นลงมาตามเป็นคนที่สี่ แต่เป็นเสียงของวัตถุประหลาดที่ร่วงหล่นลงมาพร้อมกับ เศษดิน เศษหิน เมื่อตกลงมากระแทกกับพื้นแล้ว ก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เพราะเป็นกล่องไม้ผุๆ แล้ว นั่นเอง ในกล่องไม้นั้น ปรากฏว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าที่ผูกมัดไว้อย่างดี
    <O:p</O:p
    พ่อครับ นั่นมันห่อผ้านี่ครับ มุตโต พูดขึ้น เพราะกล่องไม้ที่ร่วงหล่นลงมา ตกเฉียดหัวพ่อหนุ่มน้อยชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด ชนิดที่ว่า ถ้ากล่องไม้ไม่แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ หัวของเขานั่นหล่ะจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แทน
    <O:p</O:p
    พ่อค่ะ ห่อลายแทงขุมสมบัติหรือเปล่าค่ะมุกดา ถามขึ้น ด้วยสัมผัสพิเศษของว่าที่นักโบราณคดี
    <O:p</O:p
    พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ท่าทางจะเก่าเอามากทีเดียวหล่ะ ดร. เจ วอร์ซีส์ พูดกับลูกๆ
    <O:p</O:p
    โดยที่ยังไม่ทันได้สังเกต ว่าฝนหยุดตกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะมัวแต่ตกใจกับกล่องไม้กับห่อผ้าที่ตกลงมา พอ ดร. เจ วอร์ซีส์ พูดจบ มุตโต จึงค่อยรู้สึกได้ว่า ฝนหยุดตกแล้ว ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเมื่อชั่วครู่ที่ผ่านมา กลับพลันสว่างขึ้น ก็เพราะแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาในถ้ำนี่ไงหล่ะ ที่ทำให้มุตโตมองเห็นวัตถุประหลาดที่ร่วงลงมา ว่าเป็นห่อผ้า
    <O:p</O:p
    พ่อครับ ฝนหยุดตกแล้วนี่ครับ มุตโต พูดขึ้น
    <O:p</O:p
    จริงๆ ด้วยค่ะ คุณพ่อ ฝนหยุดตกแล้วจริงๆมุกดา พูดขึ้นบ้าง
    <O:p</O:p
    แล้วห่อผ้านี่หล่ะครับ มุตโต เอ่ยถาม ดร. เจ วอร์ซีส์
    <O:p</O:p
    พ่อว่า เราต้องเอาไปให้พระในวัดดูครับลูก ว่ามีอะไรในห่อผ้านี้ ดร. เจ วอร์ซีส์ บอกกับลูกชาย
    <O:p</O:p
    งั้นส่งมาให้พ่อครับลูก เดี๊ยวพ่อจะถือให้เอง ดร. เจ วอร์ซีส์ พูด พร้อมกับเอื้อมมือไปรับเอาห่อผ้าที่ลูกชายยื่นให้
    <O:p</O:p
    ไปกันค่ะ คุณพ่อ หนูชักจะเป็นห่วงคุณแม่แล้ว ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างมุกดาพูดขึ้น หลังจาก คลายจากความตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่อึดใจที่ผ่านมา
    <O:p</O:p
    ไปกันครับลูก ตามพ่อมา ค่อยๆ เดินนะลูก ดร. เจ วอร์ซีส์ บอกกับลูกๆ ก่อนจะออกเดินนำหน้า ออกมาจากถ้ำ
    <O:p</O:p
    เมื่อทั้งสามคนเดินขึ้นมาสวนกับทางที่ลื่นไถลตกลงมา ก็พบว่าอยู่ไม่ห่างจุดที่จอดรถอยู่ เมื่อตอนที่มาถึงวัด
    <O:p</O:p
    นั่นไงค่ะคุณพ่อ รถเราจอดอยู่ที่นั่นไงค่ะ มุกดา ร้องบอกทุกคนด้วยความดีใจ
    <O:p</O:p
    ไปกัน รีบไปดูคุณแม่กัน มุตโต พูดเสร็จ ก็วิ่งนำหน้ามุกดา ไปยังรถที่จอดอยู่
    <O:p</O:p
    ก็พอดี ที่บัวคำ ซึ่งเพิ่งจะตื่นจากการงีบหลับไป พอเห็นลูกชาย ลูกสาว กำลังวิ่งมา เนื้อตัวเปียกมะล็อกมะแล่ก เหมือนลูกหมาตกน้ำ ก็รีบเปิดประตูรถวิ่งออกไปหาลูก
    <O:p</O:p
    อ้าวมุกดา มุตโต นี่ไปทำอะไรกันมาหล่ะลูก ถึงได้เลอะเทอะเปรอะเปื้อนกันอย่างนี้ผู้เป็นแม่ถามขึ้น ก่อนที่ลูกทั้งสอง จะถามด้วยความเป็นห่วงแม่
    <O:p</O:p
    แม่ปลอดภัยดีนะค่ะ หนูเป็นห่วงคุณแม่มากเลยค่ะ มุกดา ถามแม่ ก่อนที่จะตอบว่า ไปทำอะไรกันมา
    <O:p</O:p
    ก็ปลอดภัยดีนี่ค่ะ มีอะไรเกิดขึ้นเหรอค่ะ แม่ก็หลับอยู่ในรถดีๆ ของแม่นี่นา บัวคำ งงๆ กับคำถามของลูกสาว เหมือนกัน
    <O:p</O:p
    อ้าว แล้วนี่คุณไม่รู้เลยเหรอว่า เมื่อตะกี้ ฝนก็ตกอย่างหนัก ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยง เปรี้ยง ดร. เจ วอร์ซีส์ถามภรรยาสุดที่รัก ด้วยสีหน้างงๆ
    <O:p</O:p
    ก็ไม่เห็นมีอะไร เกิดขึ้นนี่ค่ะ ฉันก็นอนหลับของฉันดีๆ ไม่เห็นนี่นา คำตอบของบัวคำ ยิ่งทำให้ ดร. เจ วอร์ซีส์ งงหนักเข้าไปอีก
    <O:p</O:p
    นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับพ่อ แล้วที่เราต้องวิ่งหนีหลบสายฝน สายฟ้า เมื่อครู่นี้มันหมายความว่ายังไงมุตโต เริ่มงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อครู่ที่ผ่านมา
    <O:p</O:p
    พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นดร. เจ วอร์ซีส์ เองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    <O:p</O:p
    อ้าวแล้วนี่ คุณหอบห่อผ้าอะไรมาค่ะนี่ บัวคำถามขึ้น เมื่อเห็นสามีกอดห่อผ้าแนบอยู่กับอก
    <O:p</O:p
    เออ ผมเกือบลืมไปเลย เดี๊ยวเราต้องนำห่อผ้านี้ ไปให้หลวงพ่อดูว่าข้างในเป็นอะไรกันแน่ ดร. เจ วอร์ซีส์ นึกขึ้นได้ หลังจากงงๆ กับเหตุการณ์เหนือคำอธิบายที่เกิดขึ้น
    <O:p</O:p
    งั้นเรารีบไปหาหลวงพ่อกันเลยดีกว่าครับพ่อมุตโต ชวนให้ผู้เป็นพ่อให้ไปหาหลวงพ่อเจ้าอาวาส
    <O:p</O:p
    “เอ้า จะรอกันอยู่ทำไมหล่ะค่ะ รีบไปกันเลยสิค่ะ” มุกดา เร่งเร้าให้รีบไป เพราะอยากรู้เต็มทีแล้วว่าข้างในห่อผ้าจะเป็นอะไรกันแน่
    <O:p</O:p
    เมื่อไปถึงกุฏิ หลวงพ่อก็นั่งรออยู่แล้ว เหมือนกับรู้ว่าจะมีอาคันตุกะมาพบ
    <O:p</O:p
    เป็นยังไงคุณโยม ทำไมถึงได้พากันเลอะเทอะเปรอะเปื้อนกันมาอย่างนี้หล่ะคุณโยมหลวงพ่อเอ่ยปากถามขึ้นก่อน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แล้ว ดร. เจ วอร์ซีส์ จึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อครู่ให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสฟังโดยละเอียด แล้วจึงมอบห่อผ้าที่ได้มาจากในถ้ำให้หลวงพ่อ
    <O:p</O:p
    นี่ครับ หลวงพ่อ ห่อผ้าที่ผมได้มาจากในถ้ำดร. เจ วอร์ซีส์ พูดขึ้น พร้อมกับยื่นห่อผ้าให้หลวงพ่อ
    <O:p</O:p
    หลวงพ่อรับเอาห่อผ้าไป แล้วก็แก้เชือกที่มัดห่อผ้าไว้ออก ก็พบว่าสิ่งที่อยู่ในห่อผ้านั้นเป็นใบลานผูกที่ร้อยเข้าเป็นหนังสือผูก เมื่อเปิดดูแต่ละลาน ก็พบว่ามีตัวหนังสือที่เป็นอักขระโบราณจารอยู่ในใบลาน แต่หลวงพ่อเองก็ไม่สามารถที่จะอ่านได้
    <O:p</O:p
    คุณโยม อาตมาเองก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน แต่ที่อาตมารู้ก็คือ คงจะถึงเวลาแล้วที่ความลับจะถูกเปิดเผย

    หลวงพ่อพูดขึ้นมา ทำให้ทุกคนเกิดอยากรู้ขึ้นมาว่าความลับอะไรที่จะถูกเปิดเผย
    <O:p</O:p
    ความลับอะไรเหรอครับหลวงตา มุตโต อดใจไม่ไหว รีบถามด้วยความอยากรู้
    <O:p</O:p
    อาตมาก็ไม่รู้เหมือนกันโยมหลวงพ่อหันมาทาง มุตโต แล้วตอบคำถามที่ยิ่งทำให้คนถามเกิดความสงสัย
    <O:p</O:p
    อ้าว หลวงตา เจ้าค่ะ แล้วนี่ตกลงจะรู้กันไหมค่ะว่าความลับเรื่องอะไร มุกดา พูดขึ้น เพราะร้อนใจอยากรู้ว่าจะใช่ลายแทงขุมสมบัติอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า?
    <O:p</O:p
    มันคงจะถึงเวลาแล้วหล่ะคุณโยม ที่ความลับจะเปิดเผย ตามที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสองค์ก่อนๆ ที่ได้สั่งความกันมาเป็นทอดๆ ว่า เมื่อถึงเวลาที่คนที่เกี่ยวข้องกับความลับนี้ได้เดินทางมาถึงที่นี่ เขาจะเป็นผู้ที่ได้นำเอาความลับนี้ไปเปิดเผย ไม่ให้เป็นความลับอีกต่อไป หลวงพ่อเล่าให้ครอบครัวของ ดร. เจ วอร์ซีส์ ฟัง
    <O:p</O:p
    ชะรอยว่าจะมีใครสักคนหนึ่งในครอบครัวของคุณโยมที่มีความเกี่ยวพันกับความลับที่ว่านี้ ซึ่งได้ถูกซ่อนไว้ในพื้นที่ภูแฝดนี้มานับเป็นพันปีมาแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าถูกเก็บซ่อนไว้อยู่ที่ไหน รู้แต่ว่า วันหนึ่งจะถูกเปิดเผย ซึ่งวันนั้นก็คงมาถึงแล้ว เรื่องราวประหลาดเกินคำอธิบายจึงได้เกิดขึ้นกับคุณโยมทั้งสามหลวงพ่อเล่าต่อ
    <O:p</O:p
    ดังนั้น หนังสือผูกนี้ อาตมาจึงขอมอบให้คุณโยมนำกลับไปพิจารณาว่า จะทำอย่างไร ถึงจะสามารถอ่านออกมาได้ พวกเราถึงจะรู้ว่า ความลับที่ว่านั้นคืออะไรหลวงพ่อพูด พลางยื่นห่อหนังสือผูกให้กับ มุตโต เหมือนกับรู้ว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่โดยตรงของ มุตโต
    <O:p</O:p
    ครับ หลวงตา มุตโต ยื่นมือไปรับเอาห่อหนังสือผูก จากหลวงพ่อ
    <O:p</O:p
    เอาหล่ะนะคุณโยม นี่ก็ใกล้จะมืด จะค่ำแล้ว เดี๊ยวจะเดินทางกลับกันลำบากนะ ถ้าได้ความคืบหน้ายังไง ก็กลับมาเล่าให้อาตมาฟังบ้างนะหลวงพ่อ พูดขึ้น เมื่อมองเห็นแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า
    <O:p</O:p
    ครับ หลวงตามุตโต รับคำหลวงพ่อ
    <O:p</O:p
    จากนั้น คณะครอบครัว ของ ดร. เจ วอร์ซีส์ จึงได้พากันกราบลาหลวงพ่อ เพื่อเดินทางกลับบ้าน ที่ขอนแก่นต่อไป<O:p</O:p
    <!-- google_ad_section_end -->

    ที่มา http://palungjit.org/threads/๒๕๖๓-การเดินทางจากหายนะสู่อารยะแห่งมนุษยชาติ.190773/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ความลับ คือ คำพยากรณ์หายนะของโลก

    [​IMG]

    ระหว่าง ขับรถกลับจากวัด ดร. เจ วอร์ซีส์ ยังคงครุ่นคิดอยู่ในใจว่า จะทำอย่างไรดีหนอ ถึงจะสามารถอ่านตัวหนังสือโบราณนี้ออกมาได้ เพื่อที่จะได้รู้ว่า ความลับที่ว่านั้นคืออะไร?
    <O:p</O:p
    พ่อครับ พ่อคิดว่า จะมีใครจะช่วยเราอ่านหนังสือโบราณนี้ได้บ้างมั๊ยครับมุตโต ถามผู้เป็นพ่อ
    <O:p</O:p
    เออ พ่อนึกออกแล้ว ตาอำคา ไงลูก ตาอำคาที่หมู่บ้านเรา แกอ่านตัวหนังสือโบราณได้ ดร. เจ วอร์ซีส์ นึกขึ้นมาได้ เมื่อเจอกับคำถามของลูกชาย
    <O:p</O:p
    ดีเลยค่ะพ่อ งั้นพรุ่งนี้ เราเอาหนังสือผูกไปให้ตาอำคาอ่านแต่เช้าเลยนะค่ะ มุกดา พูดขึ้นด้วยความดีใจ ที่จะได้รู้ความลับในหนังสือผูกโบราณนั้นสักที<O:p</O:p

    เมื่อกลับมาถึงบ้าน ทุกคนต่างก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อย และอ่อนเพลีย จึงได้แยกย้ายกันไปอาบน้ำ พักผ่อน โดยไม่มีใครสนใจที่จะถามหาอาหารมื้อเย็น กันเลย มุตโต นำห่อหนังสือผูกโบราณ ไปวางไว้ที่หัวเตียงนอน ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนล้า แล้วก็หลับอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งก่อนฟ้าจะสาง เรื่องราวสุดประหลาดก็เกิดขึ้น กับ มุตโต
    <O:p</O:p
    ตื่น ตื่น ตื่นได้แล้ว พ่อหนุ่ม เสียงเรียกปลุกให้ตื่นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด
    <O:p</O:p
    มุตโต งัวเงีย รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แล้วก็ต้องขยี้ตา ก่อนที่จะเพ่งมอง ให้แน่ใจอีกทีว่าตาไม่ฝาด เพราะเบื้องหน้าของเขาตอนนี้ มีตาชีปะขาวยืน จ้องมองมาที่เขาอยู่
    <O:p</O:p
    คุณตาเป็นใครกันครับ แล้วเข้ามาในห้องนอนผมได้ยังไง มุตโต ถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
    <O:p</O:p
    พ่อหนุ่มไม่ต้องตกใจ ตามาดี ไม่ได้มาร้าย เสียงของตาปะขาว พูดเนิบๆ ชวนให้มุตโต รู้สึกคลายความกังวลลงไปได้บ้าง
    <O:p</O:p
    คุณตายังไม่ได้ตอบผมเลยว่า คุณตาเข้ามาในห้องนอนผมได้ยังไงครับมุตโต ยังถามต่อ ด้วยความสงสัย
    <O:p</O:p
    ตาก็เข้ามาพร้อมกับหนังสือผูกที่พ่อหนุ่มถือเข้ามาวางไว้ที่หัวเตียงไงเล่า ตาปะขาวตอบ พลางชี้มือไปที่ห่อหนังสือผูกที่วางอยู่บนหัวเตียงนอนของมุตโต
    <O:p</O:p
    ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับคุณตา แล้วคุณตาเข้ามาทำอะไรเหรอครับ มุตโต ถามคำถามใหม่ต่ออีก
    <O:p</O:p
    ก็ตาอาศัยอยู่ในหนังสือผูก ที่พ่อหนุ่มได้มาจากวัดภูแฝด นี่ไงหล่ะ ตาได้รับมอบหมายให้ดูแล รักษาหนังสือผูกเล่มนี้ จนกว่าที่พ่อหนุ่มจะมาพบหนังสือนี้ และตายังได้ถูกมอบหมายให้ มาเป็นผู้สอนให้พ่อหนุ่มอ่านหนังสือผูกนี้ เพื่อที่จะได้เปิดเผยให้คนทั้งหลายได้รับรู้ จึงจะหมดหน้าที่ของตาไงหล่ะ

    ตาปะขาวนั้น ตอบข้อสงสัยของมุตโต
    <O:p</O:p
    ที่แท้แล้ว ตาปะขาวนี้ก็เป็นเทวดาที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรักษาหนังสือผูก เพื่อรอให้ผู้ที่จะมาทำหน้าที่เปิดเผยความลับที่จารึกบันทึกไว้ให้คนในยุคปัจจุบันได้รับรู้ นี่เอง
    <O:p</O:p
    ตารอเวลานี้มาเป็นเวลาสองพันกว่าปีแล้ว บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่ความลับจะได้ถูกเปิดเผยเสียทีหนึ่ง มาพ่อหนุ่ม อย่าได้ชักช้า ตาจะสอนให้เจ้าได้อ่านหนังสือคำพยากรณ์นี้ตาปะขาว หรือเทวดาจำแลงแปลงกายมา ชักชวนให้ มุตโต มาเรียนการอ่านตัวหนังสือโบราณนี้
    <O:p</O:p
    แต่ผมไม่เคยเรียนมาก่อนเลยนะคุณตา แล้วนี่จะต้องใช้เวลาอีกกี่เดือน กี่ปี ผมถึงจะอ่านออกรู้เรื่องได้หล่ะครับมุตโต ถามขึ้นด้วยความสงสัย
    <O:p</O:p
    ไม่ต้องกังวลพ่อหนุ่ม ยังไงก่อนฟ้าสางเจ้าก็จะต้องอ่านออกจนได้นั่นหล่ะ เพราะตารู้ว่า หน้าที่ขงตากำลังจะหมดลงแล้ว ฮ่าๆๆๆ ดูเหมือนท่านตาปะขาว จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษสงสัยว่า ดีใจที่จะได้กลับเมืองสวรรค์เสียที
    <O:p</O:p
    มาพ่อหนุ่ม เรามาเริ่มเรียนกันเลย ตาปะขาว ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไป โดยไม่ได้เริ่มต้น
    <O:p</O:p
    แล้วตาปะขาวก็เริ่มสอนให้ มุตโต อ่านหนังสือผูกทีละตัว ทีละตัว จนหมดทุกอักขระ ทุกหน้าใบลาน จนหมดทั้งหนังสือผูกนั้น
    <O:p</O:p
    อ้าวไหน คราวนี้เจ้าลองอ่านตั้งแต่ต้นจนจบให้ตาฟังหน่อยสิตาปะขาว บอกให้มุตโต อ่านหนังสือผูกให้ฟัง
    <O:p</O:p
    ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างยิ่งที่ มุตโต สามารถอ่านตัวหนังสือโบราณที่จารลงไว้ในใบลานนั้น ได้อย่างคล่องแคล่ว
    <O:p</O:p
    เหอะ เหอะ เหอะ ดีมาก ดีมาก พ่อหนุ่มเทวดา ในร่างของตาปะขาว หัวเราะร่วน อย่างอารมณ์ดี ทั้งกล่าวชมมุตโต ที่สามารถอ่านคัมภีร์โบราณที่บันทึกพุทธทำนาย ได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ติดขัด พลางกล่าวต่อไปว่า
    <O:p</O:p
    เออ ว่า แต่ว่า นี่เจ้า อ่านออกแล้ว เจ้าเข้าใจความหมายหรือเปล่าหล่ะนี่ ตาปะขาวเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วงขึ้นมา
    <O:p</O:p
    เข้าใจสิครับ คุณตา ก็ผมเป็นคนอีสานนี่ครับ มุตโต ตอบตาปะขาว
    <O:p</O:p
    เออ ดีแล้ว ดีแล้ว ตาก็นึกว่า เจ้าจะเป็นคนอีสานรุ่นใหม่ ที่ลืมภาษาอีสานไปเสียแล้ว ตาปะขาว พูดขึ้นด้วยความดีใจ
    <O:p</O:p
    ต่อจากนี้ไป ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้วหล่ะน่ะพ่อหนุ่ม ที่จะต้องหาทางเปิดเผยความลับนี้ ไม่ให้เป็นความลับอีกต่อไป

    ตาปะขาว บอกให้มุตโต รู้เป็นนัยๆ ถึงภารกิจที่ต้องทำต่อไป
    <O:p</O:p
    เฮ้อ หมดหน้าที่ของตาซะที คราวนี้ จะได้กลับไปนั่งไปนอนเสวยสุขบนวิมานทิพย์ให้สุขเกษมเปรมปรีดิ์ ลงมาอยู่โลกมนุษย์นี้ เสียตั้งสองพันกว่าปีแล้ว ไม่รู้นางเทพธิดายาหยีของตาจะยังอยู่ดีสบายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตาปะขาวพูดขึ้นอย่างสบายอารมณ์
    <O:p</O:p
    โอ้โห คุณตานี่อายุปูนนี้แล้ว ยังจะมีแม่เทพธิดายาหยีอีกเหรอนี่มุตโตพูดกระเซ้า ตาปะขาว
    <O:p</O:p
    เหอะ เหอะ เหอะ เจ้านี่ไม่รู้อะไร ตาลืมไป แหม แปลงร่างเป็นตาแก่เสียนาน ตาจะบอกให้ ความจริงตานี่เป็นเทวดาหล่อเฟี้ยวเชียวหล่ะพ่อหนุ่ม ตาปะขาว หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เนรมิตกายจากร่างของตาปะขาว เป็นเทวดารูปงาม เครื่องทรงสังวาลย์ประดับด้วยวัตถุอันเป็นทิพย์ส่องประกายแวววับ ขับผิวกายสีทองให้ดูผ่องยิ่งขึ้น หน้าตามหล่อสมที่คุยไว้จริงๆ
    <O:p</O:p
    โอ้ว ว้าว นี่ตั้งแต่เกิดมา ผมเพิ่งจะเคยเห็นเทวดาตัวเป็นๆ นี่หล่ะครับ เคยเห็นแต่ในละครทีวี

    มุตโต อุทานขึ้น ด้วยความตื่นเต้น
    <O:p</O:p
    ฉันต้องไปแล้วหล่ะนะพ่อหนุ่ม คิดถึงทิพยวิมานเต็มแก่แล้ว ท่านเทวดา บอกกับมุตโต
    <O:p</O:p
    อ้าว ท่านจะไปแล้วเหรอครับมุตโต พูดเสียงอ่อยๆ เหมือนอยากจะเชิญชวนให้ท่านเทวดาอยู่ต่อ
    <O:p</O:p
    ใช่แล้วหล่ะ ฉันต้องไปแล้วนะท่านเทวดาพูดขึ้น แล้วก็หายวับไปพร้อมๆ กับ ประกายแสงวาบจรัสจ้าไปทั่วทั้งห้อง
    <O:p</O:p
    มุตโต ยกแขนขึ้นปิดหน้า เพื่อบังแสงที่สว่างจ้านั้น พลันก็หมดสติ ล้มลงบนที่นอน หลับไม่รู้สึกตัว จนกระทั่ง
    <O:p</O:p
    ก๊อก ก๊อก ก๊อก
    <O:p</O:p
    มุตโต มุตโต ตื่นหรือยังลูก สายแล้วนะครับ เสียง ดร. เจ วอร์ซีส์ เคาะเรียกปลุกลูกชาย ด้วยความเป็นห่วง ว่าลูกชายจะไม่สบายหรือเปล่า
    <O:p</O:p
    ครับพ่อ ตื่นแล้วครับ มุตโต ขานรับพ่อ พลางเดินไปเปิดประตูห้องนอน
    <O:p</O:p
    เป็นไงบ้างครับลูก พ่อนึกว่าลูกจะไม่สบายเสียอีกดร. เจ วอร์ซีส์ เอ่ยถามลูกชายด้วยความเป็นห่วง
    <O:p</O:p
    “ผมสบายดีครับพ่อ” มุตโต ตอบ
    <O:p</O:p
    ดีแล้วครับลูก งั้นก็ไปอาบน้ำก่อนเถอะนะ เดี๊ยวทานโจ๊กร้อนๆ เสร็จแล้ว เราจะไปบ้านตาอำคากันดร. เจ วอร์ซีส์ บอกกับลูกชาย
    <O:p</O:p
    อืมม คุณพ่อครับ ผมมีเรื่องประหลาดมหัศจรรย์จะเล่าให้คุณพ่อฟังมุตโต นึกขึ้นมาได้ เมื่อผู้เป็นพ่อพูดถึงตาอำคาขึ้นมา
    <O:p</O:p
    มีเรื่องอะไรเหรอครับลูก ดร. เจ วอร์ซีส์ ถามลูกด้วยความอยากรู้<O:p</O:p
    มุตโต จึงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนรุ่งสางที่ผ่านมาให้ ดร. เจ วอร์ซีส์ ฟัง ซึ่งผู้เป็นพ่อก็ตั้งใจฟังลูกด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะคิดว่าสงสัยลูกจะฝันไปเป็นแน่
    <O:p</O:p
    แน่ใจนะลูก ว่าไม่ได้ฝันไป ดร. เจ วอร์ซีส์ เอ่ยถามลูก ด้วยความไม่มั่นใจกับสิ่งที่ลูกเล่าให้ฟัง
    <O:p</O:p
    เรื่องจริงๆ นะครับพ่อ ผมไม่ได้ฝันไป ไม่เชื่อผมจะอ่านคัมภีร์โบราณนั้นให้พ่อฟังมุตโต พูดย้ำ เพื่อให้พ่อเชื่อมั่นว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาและเล่าให้พ่อฟังนั้น เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ความฝัน
    <O:p</O:p
    เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะครับลูก เดี๊ยวลูกไปอาบน้ำ ทานโจ๊กให้เรียบร้อยแล้ว เราค่อยไปหาตาอำคา แล้วลูกค่อยอ่านให้คุณตาฟังนะครับ ดร. เจ วอร์ซีส์ บอกกับลูกชาย โดยที่ยังไม่เชื่อนักว่า ลูกชายจะสามารถอ่านคัมภีร์โบราณนั้นได้จริงๆ
    <O:p</O:p
    ได้ครับพ่อ งั้นผมรีบไปอบน้ำก่อนนะครับ มุตโต บอกกับพ่อ ก่อนที่จะขอตัวไปอาบน้ำ
    <O:p</O:p
    หลังจาก รับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ทั้ง ดร. เจ วอร์ซีส์ มุตโต และมุกดา ก็ชักชวนกันไปบ้านตาอำคา
    <O:p</O:p
    ไปกันเถอะค่ะคุณพ่อ หนูอยากจะรู้เต็มแก่แล้ว ว่าความลับในคัมภีร์โบราณนั้น คืออะไรกันแน่ จะใช่ลายแทงขุมสมบัติอย่างที่หนูคิดหรือเปล่า? มุกดา รีบชวน ดร. เจ วอร์ซีส์
    <O:p</O:p
    มันไม่ใช่ลายแทงขุมสมบัติอย่างที่เธอเข้าใจหรอกนะมุกดา มุตโต บอกกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    อ้าว แล้วนี่พี่รู้ได้ยังไง หรือว่าแอบเอาไปให้ตาอำคาอ่านให้ฟังก่อนน้องแล้วค่ะมุกดา ถามพี่ชาย
    <O:p</O:p
    เปล่าครับ แต่พี่อ่านใบลานนั้นได้เมื่อเช้านี้เองมุตโตบอกกับน้องสาว<O:p</O:p
    มันจะเป็นไปได้ยังไงกันค่ะ ก็พี่ไม่เคยเรียนอักขระโบราณมาก่อนเลยนี่ มุกดา พูดขึ้นด้วยความสงสัยในคำตอบจากพี่ชาย
    <O:p</O:p
    มันเป็นไปแล้ว และมันก็เป็นเรื่องประหลาดสุดมหัศจรรย์ที่เดียวเลยหล่ะ มุตโต บอกกับน้องสาว
    <O:p</O:p
    เอายังงี้ ก็แล้วกัน เดี๊ยวเราเอาคัมภีร์ใบลาน ไปให้ตาอำคาดูก็แล้วกัน ว่าตาแกจะอ่านได้มั๊ยดร. เจ วอร์ซีส์ ชวนลูกๆ ไปหาตาอำคา เพราะในใจก็อยากจะพิสูจน์ เรื่องราวที่ลูกชาย เล่าให้ฟังเหมือนกัน
    <O:p</O:p
    งั้น พี่ก็รีบขึ้นไปเอาคัมภีร์ใบลานมาสิครับ จะได้ไปหาตาอำคากันเลย มุกดาคะยั้นคะยอ พี่ชาย
    <O:p</O:p
    ได้สิครับ มุตโตรับคำ แล้วก็รีบขึ้นไปบนห้องนอนเพื่อไปหยิบเอาคัมภีร์ใบลาน
    <O:p</O:p
    แล้วทั้งสามคนพ่อลูก ก็พากันเดินไปยังบ้านตาอำคา ที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านของ ดร. เจ วอร์ซีส์ ซึ่งก็เป็นจังหวะพอดีที่ตาอำคาอยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปทำธุระที่ไหน
    <O:p</O:p
    อ้าว ไปยังไง มายังไงกันหล่ะนี่ ถึงได้พากันมาพร้อมหน้าพร้อมตากันเลย ตาอำคาเป็นฝ่ายร้องทักทายก่อน ตามประสาเจ้าบ้าน
    <O:p</O:p
    สวัสดีครับ พ่อใหญ่ ดร. เจ วอร์ซีส์ ยกมือไหว้ ตาอำคา
    <O:p</O:p
    สวัสดีครับ คุณตา /สวัสดีค่ะ คุณตา ทั้งมุตโต และมุกดา ยกมือไหว้ พร้อมกล่าวทักทายตาอำคา
    <O:p</O:p
    ไหว้พระเถอะหลานตาอำคารับไหว้
    <O:p</O:p
    ว่าแต่ว่า มีธุระอะไรกับพ่อใหญ่กันรึเปล่า อ้าวแล้วนั่นถือห่ออะไรมาด้วยหล่ะนั่น เจ้ามุตโตตาอำคา ถามขึ้น เมื่อมองเห็นห่อผ้า ที่อยู่ในมือของมุตโต
    <O:p</O:p
    คือว่าอย่างนี้ครับ ดร. เจ วอร์ซีส์ พูดขึ้น แล้วก็เล่าเรื่องราวที่ได้ไปประสบมาที่วัดพระบาทภูแฝด มาเมื่อวานนี้ให้กับตาอำคาฟัง ซึ่งตาอำคาฟังแล้วถึงกับอึ้ง
    <O:p</O:p
    ไม่ใช่แค่นี้นะครับ คุณตา มุตโต พูดขึ้นบ้าง แล้วก็เล่าเรื่องราวที่ตัวเองได้ประสบมาเมื่อก่อนรุ่งสาง ให้กับตาอำคาฟังบ้าง คราวนี้ไม่ใช่แต่เฉพาะตาอำคาที่ฟังแล้วอึ้ง แต่รวมทั้งมุกดา ที่เพิ่งจะได้ฟังเรื่องนี้พร้อมๆ กับตาอำคา ก็อึ้งไปตามกัน
    <O:p</O:p
    จริงๆ เหรอค่ะพี่ ไม่ใช่พี่ฝันไปเหรอค่ะ มุกดา เอ่ยถามพี่ชาย เพื่อให้มั่นใจว่าที่เล่าเป็นเรื่องจริง
    <O:p</O:p
    เอาอีกแล้ว พูดเหมือนพ่อเลย มุตโต ชักรู้สึกน้อยใจขึ้นมานิดๆ ที่ทั้ง พ่อ และน้องสาว ไม่เชื่อว่าเรื่องที่เขาเล่าให้ฟัง จะเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน<O:p</O:p
    ซึ่ง ดร. เจ วอร์ซีส์ ก็พอจะจับน้ำเสียงและสีหน้าของลูกชายได้ และเริ่มจะเกิดความเชื่อมั่นว่าลูกชาย ไม่ใช่คนที่จะเหลวไร้ พูดในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องจริง จึงได้พูดขึ้นกับลูกชายว่า
    <O:p</O:p
    โอเค โอเค ลูก พ่อชักจะเชื่อลูกแล้วหล่ะ เอาเป็นว่า ไหนลองมาดูกันสิว่า ที่ลูกบอกว่า ลูกสามารถอ่านตัวหนังสือโบราณในใบลานนี้ได้ จะตรงกับที่คุณตาอ่านได้มั๊ย
    <O:p</O:p
    ได้สิครับมุตโต เริ่มมีสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมานิดหนึ่ง แล้วก็แก้ห่อผ้าที่ห่อหนังสือผูกออก ให้ตาอำคาดู
    <O:p</O:p
    โอ้โห นี่มันตัวหนังสือโบราณจริงๆ เก่ากว่าตัวหนังสือลาว ตัวธรรมอีสาน เลยนะเนี่ย สมัยนี้ หาคนจะอ่านได้ยากเต็มทีแล้ว ตาอำคาอุทาน เมื่อได้เห็นตัวอักขระที่จารอยู่ในใบลาน
    <O:p</O:p
    ก็อย่างที่ ผมเล่าให้พ่อใหญ่ฟังนั่นหล่ะครับ ว่า คัมภีร์โบราณนี้ ได้รับการบอกเล่ากันมาเป็นทอดๆ ว่า เขียนขึ้น เมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว ดร. เจ วอร์ซีส์ พูดย้ำถึงความเก่าแก่ของคัมภีร์และตัวหนังสือ ให้ตาอำคารู้
    <O:p</O:p
    ใช่แล้วครับคุณตา เทวดาที่รักษาหนังสือผูกนี้ บอกกับผมว่า ท่านรักษาดูแล มาเป็นเวลาสองพันกว่าปีมาแล้ว มุตโต พูดย้ำอีกครั้งหนึ่ง
    <O:p</O:p
    อ้าว ไหนหล่ะค่ะ ที่พี่ว่าพี่อ่านได้ หนูอยากรู้เต็มทนแล้ว ว่า ความลับในใบลานนี้คือเรื่องอะไรแน่?มุกดาพูดกระเซ้าพี่ชาย เพราะยังไม่แน่ใจนักว่า พี่ชายจะอ่านได้จริงหรือเปล่า?
    <O:p</O:p
    นี่คือพุทธทำนายเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับโลกของเรา มุตโต พูดขึ้น เพราะจำเนื้อความในหนังสือผูกได้ขึ้นใจ
    <O:p</O:p
    อ้าว ถ้างั้น เจ้าลองอ่านให้ตาฟังสิ ตาอำคาพูดขึ้น พลางชี้ตามตัวอักขระโบราณในใบลานนั้น แล้วมุตโต ก็อ่านไปตามที่ตาอำคาชี้ไล่ไปทีละบรรทัด ได้ดังนี้
    <O:p</O:p
    บัดนี้จักกล่าวภาคพื้นติดต่อตามประวัติ ตามแต่เฮามองเห็น หากสิจาไปหน้าอันว่าแนวนามเชื้อผิวเหลืองชนะเลิศ พวกพระสังฆเจ้าประจำไว้สู่เมืองจำพวกผิวขาวเผี้ยงสิพากันแพ้พ่าย พญาครุฑราชเจ้าสิบินเข้าสู่สถานอันนรานอรินเดินจรก็สิได้กลับต่าว สิได้ไหลหลั่งเข้ากรุงกว้างดั่งเดิมหยู่ทางบำเพ็ญสร้างศีลทานบ่ได้ขาดศาสนาของเฮาจังสิฮูงเหลื่อมเสมอแก้วหน่วยพิฑูรย์ไผผู้มาเพียรสู้ตามพระธรรมเฮาชี้ช่องมานั้น สิบ่ขำเขือกฮ้อนคาถานั้นให้ฮ่ำเฮียนหรือสิเขียนใส่ผ้าพันหัวกันเสนียด หรือเอาไปกราบไหว้แลงเซ้าก่อนเข้านอนอานนท์เอ่ยอานนท์เป็นศิษย์แก้วเพียรเฮาบ่ได้ห่าง เฮาสงสารมากล้นภายหน้าศาสนาฝูงหมู่อุบาสกอุบาสิกาคณาญาติ ให้พร่ำเพียรต่อสู้อย่าคร้านเศิกยามเฮาแนะซ่องให้ยากง่ายตามความจริง อันความชั่วให้ละทิ้งเพียรไว้ตั้งแต่ดีทางไกลก็สิเป็นทางใกล้ คนเฮาไปบ่ได้หย่อน ควรหมั่นสีของหม่นเศร้าให้ใสแจ้งอยู่เฮิ่ง
    <O:p</O:p
    ไผผู้บ่เกียจคร้านเพียรหมั่นภาวนา ก็จักมีอายุยืนอยู่เสถียรหายฮ้อนองค์พระยาธรรมเจ้าสิลงมาครองโลก หากสิเห็นเที่ยงแท้ให้เพียรสร้างส่วนบุญหัวทีนั้นพระองค์ทรงยั้งอยู่เมืองใหญ่สีปาดเป็นปัจจุบันเป็นเมืองลานช้างเฮาแท้เที่ยงจริง เผินจักมาเถิงแท้เดือน ๑๑ ขึ้น ๘ ค่ำครั้น พ.ศ. ไปเถิงสองพันห้าฮ้อยแล้วปีกุนหน้าเที่ยงจริงลูกแก่นต้นสิตามพ่อโดยเสด็จ กับทั้งหลานสององค์สิเหล่าเทียมมาพร้อม
    <O:p</O:p
    ตามแต่มาศะเกณฑ์ตั้งในระหว่างปีเถาะก็จักมีมหาสองยักษ์ยกพลมาล้นมาแต่ทางหนห้องทางปัจฉิมเอ้าอูดมากินสะมะณะพราหมณ์ทั้งหลายให้ตายประมาณได้เจ็ดล้านสามแสนห้าหมื่นบ่ใส่แต่ทอนั้นทวีเท่าทั่วแดน จนว่ามาเถิงปีมะโรงจังสิได้โค้งอ่วยครั้นผู้ใดอยากพบหน้าพระธรรมเจ้าให้หมั่นเพียร เต็มใจสู้ทำศีลทานเททอดให้พากันอุปถากพ่อแม่เจ้าสองเฒ่าให้อยู่เย็น ลุเถิงเข้าเขตปีมะเสงแม่น้ำมหาสมุทรไหลเซาะออกมาพังม้าง ฝูงหมู่สังโฆเจ้ามัวหมองปองหาลาภธุดงคะคุณมีแต่ละน้อยเพียรสู้ก็บ่หลายพอมาเถิงห้องปีมะเมียแถมถ่าย คนจักละถิ่นบ้านเดินดั้นเทียวขอฝูงลูกเต้าสิพรากแม่มารดา กับทั้งบิดาพลัดพรากกันคนก้ำในระหว่างคราวนั้นมันจักเกิดเป็นหนามเสี้ยนคันคายอยู่ในบ่อนเพราะว่าผีป่าในบ้านอืดเสียงผีเมืองดั้นหนีภัยเข้าป่าเมืองกรุงศรีอยุธยาก็จักเกิดเดือดร้อนการเขี้ยวขุ่นมัวอันว่านารีสร้อยฝูงผู้หญิงสิลำบาก จักเกิดเข็ญยากยุ่งเสมอด้ามดั่งกันวันคืนมื้อกังวนไหวหวั่น
    <O:p</O:p
    อานนท์เอ๋ยหากสิเห็นเที่ยงแท้ภายสร้อยศาสนา พอมาเถิงห้องพระยาลิงปีวอกคนสิออกจากบ้านเดินเข้าสู่ทะเล ถัดจากนั้นมาจวบปีระกากรรมของพวกชาวมนุษย์มันสิบันดาลให้มีมืดควันคุงฟ้า ดูประมาณได้เจ็ดวันเป็นเขตในเวลามืดนั้นเทวดาเฮียกเอิ้นเอาผีเสื้อยักษ์หลวงนับอ่านได้เถิงโกฏิเป็นประมาณมากินฝูงหญิงชายหมู่กรรมเหลือล้นกับทั้งฝูงผีเสื้ออีกแสนตัวแข็งขนาด ฝูงคนบุญอย่าได้ประมาทแท้คุณแก้วให้ฮำเพิงให้พากันบำเพ็ญสร้างบำเพ็ญบำเพ็ญบุญอย่าได้หย่อนลางเทื่อบุญช่วยยู้เวรฮ้ายสิแล่นหนีแท้แล้วจำจากนี้สิเข้าเขตปีจอ พระยาอินทร์เผิ่นสิแปลงสารทิพย์หว่านโปรยลงพื้นสาส์นนั้นอินตาใช้ตัวทองเขียนขีด เพราะว่าบอกล่วงหน้าพระธรรมเจ้าสิล่วงลงบ่นานแท้ปีเดียวเสด็จด่วน ลงมาเที่ยวตรวจค้นตามบ้านหมู่คนถ้าบ่ได้พบพ้อคำแห่งพระคาถา อันพระสงฆ์ทำนายคำสอนสั่งมาจริงแจ้งกับทั้งเป็นคนฮ้ายประมาทธรรม******นะโหด บอกว่าโทษผู้นั้นเห็นแท้สิเกิดกรรมเลยสิบรรดาลให้ตายโหงลงเลือด เพราะว่าเขาบ่ฮู้จำข้อแห่งพระธรรมในคราวนั้นคนสิเกิดเหลือหลาย ทั้งหญิงชายบ่คัณนาได้ฝูงหมู่อาหารเข้าบ่พอกินสิเขินขาด ความอดอยากก็จะบังเกิดขึ้นทั้งเฝ้าฮบเฮ็วแท้แล้ว
    <O:p</O:p
    ครั้นผู้ใดได้ฟังแล้วให้เว้าต่อกันฟังแด่เดอ ก็จักมีอานิสงส์อายุยืนยาวมั่นกับทั้งหวังเห็นหน้าพระยาธรรมิกราช เผินสิขึ้นผ่านแผ้วครองคุ้มให้อยู่เย็นครั้นไผบ่บอกเล่าจาต่อกันไปมัวแต่ปิดบังเสียสิเกิดโภยภายซ้อยทั้งบ่หวังเห็นห้องความเจริญดั่งเฮาบอก พระยาธรรมิกราชเจ้าเลยจ้อยแม่นบ่เห็น
    <O:p</O:p
    เวลาเข้าเถิงปีกุลจำจือเอาเนอเดือนสิบเอ็ดข้างขึ้นจำไว้อย่าสิลืมให้พวกท่านทั้งหลายพร้อมหญิงชายชาวโลกเฮาเฮ๋ย ฮีบหากันก่อสร้างกุศลไว้ฮับพระองค์ครั้นผู้ใดโมโหฮ้ายโลภาโลภมาก ศีลบ่เข้าพระธรรมเจ้าบ่เหลียวมีแต่เมาทางได้บ่ตรึกตรองทางชอบ เห็นแต่ทางหม่อตื้นตัวได้แม่นเอาอันว่าในหนห้วงศีลธรรมพระเจ้าเทศน์มานี้ เขาบ่ตั้งต่อสร้างให้เห็นแจ้งแก่ใจคนผู้นั้นสิบ่ได้พบพ้อองค์เอกพระยาธรรม สิเกิดมีโภยภัยเบียดเบียนให้ตายเมี้ยนเพราะว่ายุคกุลีขึ้นนำภัยนับบ่ข่วย เมตตานับมื้อน้อยโมโหหุ้มห่อใจ
    <O:p</O:p
    ตามกระบิลเบื้ององค์พุทโธเผิ่นกล่าวมานั้น เผิ่นว่า พ.ศ. ๒๕๐๐ กลางปีมาแถมถ่ายมานั้น อุบาทฮ้ายโฮมฮ้อนสิเกิดเป็น มีแต่กุมกันวุ้นถกเถียงหาเหตุเหลียวเห็นกันมีแต่คิดอยากฆ่าก็ทำได้ดั่งใจ บ่ว่าแต่ไกลและใกล้จีนจามแขกฝรั่งเกิดรบเร็วอยู่บ่มั้วยั้งเขี้ยวเขาใส่กัน จนว่าโลหิตห้งเสมอธารแม่น้ำใหญ่เลือดสิท่วมเล็บช้างหนูน้อยได้ล่องลอยพุ้นแล้ว เผิ่นจึ่งซ้ำแล้วซ้ำให้เฮาหน่ำทำบุญใ ห้พากันบำเพ็ญจิตใจให้อ่อนโอนหายกระด้าง ลางเทือพอไขได้กันคะดีให้เบาห่างหรือเพื่อตัดขาดเว้นให้หายเสี้ยงหมู่เวร องค์ก็จึ่งตรัสเผือไว้เสมือนตืมเต็มปัญญาเถิงคราวหน้าปัญญาเฮานับมื้ออ่อน อวิชชาตัณหานับมื้อแก่กล้า ธรรมสิเศร้าหม่นหมองความจริงธรรมหากรักษาไว้โลกาจิงบ่แตกโลกของเฮานี้หากจักยังอยู่ได้พระธรรมเจ้าจ่องดึง
    <O:p</O:p
    อันคราวไปหน้า ความโมหังนับมื้อแผ่ ความมืดใจนั้นนับมื้อห่อหุ้มขังไว้บ่ให้เห็นพอปานเอาฟืนมาอ่อยไว้ทางเย็นนั้นแม่นบ่มีความดีเผิ่นว่าได้ขันตีธรรมให้เพียรฮำเอาท่อนหากสิเห็นทางดับมอดเชื้อไฟได้บ่หล่ายความองค์นั้นมาเป็นกำแพงแก้วกันไฟกองใหญ่เอาความอีดูเมตตากรุณานั้นเป็นน้ำบ่แก้วเทเข้ามอดไฟโลกของเฮา จังสิเย็นอยู่ได้หายกังวลแสนแสบหัวทีนั้นหัดให้ฮักใกล้ๆ คือพ่อแม่เป็นประถม หักให้สงสารกันตลอดทั้งลุงป้าหัดให้ดีไปเรื่อยๆ ญาติกาชั้นใกล้ก่อน ต่อจากหั้นขอให้รักเพื่อนบ้านบ่มีขั้นต่อไปจนตลอดสัตว์สองเท้าทุบบาทพระหุบท ทั้งอยู่ในดินแดนหมู่ปลาในน้ำครั้นว่าเฮาฮักกันแล้ว ความชังก็เลยผ่าย ครั้นความชังหนีจากแล้วความอยากฆ่าแม่นบ่มีความอยากหักง้าวปืนกระสุนก็อิ๊ดอ่อน มีแต่ฮักฮ่วมห้องเสมอน้องพี่กันยู่ถ่างทำการสร้างหากินโดยทางชอบ ประกอบอาชีพล้นชาวเผี้ยงโทษบ่ดีอินทรีพรหมฟ้าเทวดาก็ยินม่วนนำแล้ว เหตุว่าอานิสงส์เมตตานั้นเป็นเสน่หาจ่องน้าวจิตใจนั้นให้ชื่นชม ก็จิงบรรดาลให้ชลธาไหลหลั่งข้าวในนาและหมากไม้หวานส้มก็มากมูล ครั้นแม่นมันแข็งกล้าหมดโลกาบ่มีอ่อนดั่งนั้น ก็จักเกิดเดือดร้อนคุงฟ้าดั่งกัน อินตาเจ้าจึ่งหลิงโลกโลกาเผิ่นก็ยินระอาเมืองมนุษย์บาปหนาเหลือล้น อันว่าธรณีเจ้าพระสุธาก็อกแตกเกิดระแหงแผ่ม้างดังขึ้นทั่วไป ฝูงหมู่คนกลัวย้านขวัญหายอกสั่นย้านแต่ภัยห่อหุ้มสิตายเมี้ยนบ่นาน มันหากบรรดาลขึ้นเพราะเข็ญกรรมที่สัตว์ก่อพร้อมทั้งฝนขาดฟ้าน้ำขาดห้วยอึดล้นยิ่งทวี ตามทีเผิ่นกล่าวไว้ในปีจอคนสิเข้ามามากแต่ว่ามันสิลดน้อยเพราะฝนฟ้าบ่ซุ่มเลิ่งแท้แล้วแต่ว่าราคาข้าวเกวียนเดียวหกร้อยชั่งพุ้นแล้วนับเงินใส่เม็ดข้าวเสมอเท่าพอกันนั่นแล้ว
    <O:p</O:p
    แต่นั้นอานนท์ต้านขานตอบองค์พุทโธ<O:p</O:p
    ครั้นแม่นเป็นจั่งซั้นไผหนอสิค้างโลกพระองค์เอ๋ย”<O:p</O:p
    แต่นั้นพระองค์แย้มไขวาจาแล้วตรัสบอก <O:p</O:p
    อานนท์เอ๋ยโชคไผมีจิงสิได้พ้นคือความดั่งกล่าวมานั้นอันนี้เผิ่นกล่าวไว้ตามแห่งสรญาณ ตามความมีแต่ประถมประเ******ยนได้ครั้นบ่เป็นจริงแท้สาธุการเป็นจังโชค ขอให้มนุสสาโลกกว้างเจริญขึ้นอย่าเสื่อมถอยอันนี้องค์พุทโธเจ้าหลิงโลกาสอดส่อง เผิ่นก็รู้เหตุฮ้อนดีแล้วจิงเผยเผิ่นเทศนาเอาไว้อาจารย์เฮาจำจื่อจึงดาย เผิ่นได้จารึกไว้เสาหินหน้าวัดใหญ่เผิ่นบอกให้ฮอดห้องคราวนี้ให้ฮินตรองนั่นท่อนไผผู้ได้ฟังแล้วให้พยายามเพียรเอาแน่อีเฮียมเอ๋ย
    <O:p</O:p
    พอมุตโตอ่านไปจนจบเท่านั้นหล่ะ ตาอำคาถึงกับอุทานขึ้นมาด้วยความฉงนสนเท่ห์ ในความสามารถของเด็กหนุ่ม ที่ไม่เคยได้เรียนรู้การอ่านอักขระโบราณมาก่อน แต่สามารถที่จะอ่านตัวหนังสือที่มีความเก่าแก่นี้ได้ อย่างไม่ติดขัด
    <O:p</O:p
    โอ้ว มันบ่ธรรมดา มันบ่ธรรมดา หมอนี่ ตาอำคาอุทานเป็นภาษาอีสาน
    <O:p</O:p
    หมายความว่ายังไงครับ พ่อใหญ่ กำลังจะบอกว่า ที่มุตโต อ่านมานี้ถูกต้องเหรอครับ ดร. เจ วอร์ซีส์ เอ่ยปากถามตาอำคา
    <O:p</O:p
    ถูกต้อง ถูกต้อง ที่เจ้ามุตโตอ่านมานี่ ถูกต้องทั้งหมดเลยตาอำคา ตอกย้ำความเข้าใจของ ดร. เจ วอร์ซีส์
    <O:p</O:p
    โอ้ว ช่างเป็นเรื่องประหลาดมหัศจรรย์ อย่างไม่น่าเชื่ออะไรอย่างนี้ดร. เจ วอร์ซีส์ อุทานบ้าง
    <O:p</O:p
    คราวนี้ จะเชื่อหรือยังหล่ะว่าที่ผมเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง มุตโต พูดขึ้น
    <O:p</O:p
    อืมม ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วหล่ะค่ะมุกดา พูดขึ้นบ้าง
    <O:p</O:p
    ว่าแต่ว่า ภัยพิบัติอย่างที่กล่าวไว้ในพุทธทำนายนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่กันหล่ะค่ะมุกดา ตั้งคำถามต่อ
    <O:p</O:p
    นั่นสินะ พ่อก็อยากจะรู้เหมือนกัน เพราะถ้าเกิดภัยพิบัติร้ายแรงขนาดนี้ คงจะไม่ต่างจากที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปี จนทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปจากโลกของเรา ดร. เจ วอร์ซีส์ พูดเสริมขึ้น
    <O:p</O:p
    หนูว่า คงต้องเป็นหน้าที่ของพี่มุตโต แล้วหล่ะที่จะต้องถอดรหัส ออกมาให้พวกเราได้รู้ เพราะคงจะเป็นหน้าที่ของพี่มุตโต ที่จะทำหน้าที่เผยแพร่ความลับนี้ อย่างที่หลวงตาที่วัดพระบาทภูแฝดบอก มุกดา นึกไปถึงคำพูดของหลวงตาเจ้าอาวาส ที่บอกเมื่อวานนี้
    <O:p</O:p
    อืมม คงจะเป็นหน้าที่ของพี่จริงๆ อย่างที่ท่านเทวดาบอกไว้ มุตโต นึกถึงคำที่เทวดาผู้รักษาหนังสือผูกนี้ สั่งไว้<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->

    โดย เอกอิสโร : 05-06-2009 เมื่อ 02:58 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/๒๕๖๓-การเดินทางจากหายนะสู่อารยะแห่งมนุษยชาติ.190773/

    หมายเหตุ

    เนื่องจากพุทธทำนายฉบับภาษาอีสานนี้ ได้บอก พ.ศ.วัน เดือน ปีนักษัตร ที่เป็นข้างขึ้น ข้างแรม ไว้อย่างชัดแจ้ง จึงไม่จำเป็นต้องแก้ไขจำนวนปีพุทธศักราช ให้ถูกต้องเหมือนอย่างพุทธทำนายในศิลาจารึก ที่ประเทศอินเดีย เพราะสามารถเปรียบเทียบข้างขึ้นข้างแรมในคำทำนาย กับปีปฏิทินสากลในปัจจุบันนี้ได้ครับ -เกษม-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2009
  6. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 02 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6913 ข่าวสดรายวัน


    จีนยะเยือก




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>จักรยานจอดอยู่บนถนนในกรุงปักกิ่งของจีน ถูกน้ำแข็งเกาะขาวโพลนทั้งคัน ขณะที่หิมะแรกของฤดูกาลห่มคลุมหนาไปทั่วทั้งปักกิ่ง และมณฑลเหลียวหนิง จิ้หลิน และเหอเป่ย มาพร้อมลมเหนือ ทำให้อุณหภูมิติดลบ 2 องศา (เอพี)




    เครื่องซักผ้าสยอง ด.ช.ซน-แขนขาด



    เดลี่เมล์รายงานว่า วันที่ 1 พ.ย. เกิดอุบัติ เหตุสยองกับเด็กชายวัย 4 ขวบ ในเมืองอูล์ม ทางใต้ของเยอรมนี เล่นซนกับเครื่องซักผ้าชำรุด เปิดสวิตช์ปั่นผ้า ในจังหวะสอดแขนลงไป ทำให้ถูกใบพัดตัดแขนขาด ด้วยความกลัวแม่ดุด่าจึงไม่ยอมบอก พี่ชายวัย 11 ขวบใช้ผ้าเช็ดตัวพันห่อห้ามเลือดให้น้องแล้วเข้านอน ส่วนแขนที่ตัดขาดนำไปแช่แข็งไว้ในตู้เย็น

    แม่เด็กสุดช็อกเมื่อปลุกลูกไปโรงเรียนแล้วพบลูกแขนขาด โดยลูกชายบอกแม่ว่า "ขอ โทษฮะแม่ ผมเล่นจนแขนขาด ผมไม่ได้ตั้งใจ" หลังเรียกรถพยาบาลพร้อมตำรวจมานำเด็กชายส่งโรงพยาบาลพร้อมด้วยท่อนแขน แต่แพทย์ผ่าตัดเชื่อมต่อให้ไม่ได้เพราะทิ้งไว้นานเกินไป

    โวล์ฟกัง เจอร์เกนส์ โฆษกตำรวจเมืองอูล์ม กล่าวว่า โชคดีที่เด็กไม่เสียเลือดจนเสียชีวิตไปตั้งแต่กลางคืน หลังตรวจสอบเครื่องซักผ้าพบว่าตัวเซ็นเซอร์ที่คุมใบพัดไม่ให้หมุนถ้ามีการเปิดฝาตู้ปั่นผ้าเกิดชำรุดทำให้เกิดเหตุครั้งนี้


    สร้างกองทัพ"มดดิจิตอล"รับมือไวรัสคอมพิวเตอร์



    [​IMG]
    ผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยเวกฟอเรสต์ และห้องปฏิบัติการนอร์ธเวสต์ เนชั่นแนล ประเทศสหรัฐอเมริกา พัฒนาโปรแกรมตรวจสอบ-กำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์ใหม่ล่าสุด โดยจำลองแบบมาจากการทำงานของ "มด"

    โปรแกรมนี้ได้รับการขนานนามว่า "มดดิจิตอล" หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่าระบบ "สวอร์ม อิลเทลลิเจนซ์" (ฝูงแมลงอัจฉริยะ) ภายในโปรแกรมจะแบ่งวิธีตรวจหาไวรัสคอม พิวเตอร์เป็น 3 ระดับ ไล่ตามยศจากต่ำไปหาสูง ได้แก่ มดงานธรรมดา มดยาม และมดยศนายสิบ

    ศาสตราจารย์เอียร์ริน ฟัลป์ อาจารย์วิศวะคอมพิวเตอร์ ม.เวกฟอเรสต์ กล่าวว่า มดระดับล่างจะทำหน้าที่คอยค้นหาสัญญาณผิดปกติขั้นพื้นฐานที่เกิดขึ้นในระบบ จากนั้นแจ้งให้มดยามเข้ามาวิเคราะห์ปัญหา และส่งต่อข้อมูลให้มดนายสิบรับทราบ เพื่อให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ควบคุมระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาแก้ไขปัญหาในขั้นตอนสุดท้าย

    จุดเด่นของกองทัพ "มดดิจิตอล" ก็คือไม่กินหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ เนื่องจากโปรแกรม หรือฝูงมดจะออกทำงานเป็นจำนวนมากต่อเมื่อพบความผิดปกติเท่านั้น แต่ในยามที่ไม่มีสิ่งแปลกปลอมแทรกซึมเข้ามาในเครือข่าย จำนวนมดที่ออกปฏิบัติงานก็จะลดจำนวนลงมา แตกต่างจากโปร แกรมต่อต้านไวรัสคอมพิวเตอร์ตามปกติ ซึ่งคอยกินพื้นที่หน่วยความจำอยู่ตลอดเวลา

    "เราทราบว่ามดตามธรรมชาติมีวิธีป้องกันตัวเองจากผู้บุก รุกที่มีประสิทธิภาพดีมากๆ เพราะพวกมันรวมตัวกันรับมือปัญหาอย่างรวดเร็ว และเมื่อจัดการผู้บุกรุกสำเร็จแล้วก็กลับไปทำหน้าที่ดั้งเดิมของมันตามปกติ แนวคิดของเราตอนนี้คือ จะสร้างมดดิจิตอลขึ้นมาสัก 3,000 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีความสามารถควานหาภัยคุกคามในระบบคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันไป" ศาสตราจารย์ฟัลป์กล่าว

    พืชพันธุ์คน!

    เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ข่าวนี้ "จริง-เท็จ" อย่างไร..ยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญพันธุ์พืชคนไหนยืนยัน

    แต่คุณ "เจิ้ง เต้อซุน" เกษตรกรชาวจีนในเมืองลั่วจง เล่าเสียงสั่นว่า

    พอขุดพืชสมุนไพร "หอสิ่วโอว" ขนาด 62 ซ.ม. หัวนี้ขึ้นมาจากดินแล้วก็ต้องพบภาพชวนตกตะลึงตึง-ตึงอย่างแรง..

    เพราะว่าลักษณะของมันมีรูปร่างหน้าตาเหมือน "คน" แทบทุกประการ จนคุณเจิ้งรีบจับฝังกลับลงไปในดินโดยด่วน เพราะเกรงจะเป็นลางร้ายมาหลอกหลอน.. กุ๊กๆ กู๋!


    เสื้อกันหนาว"แม่สาย"เริ่มขายดี ทะลักจากจีนเข้าไทย-นักท่องเที่ยวแห่ซื้อถูก



    เชียงราย - นายบุญธรรม ทิพย์ประสงค์ ประธานหอการค้า อ.แม่สาย จ.เชียงราย เปิดเผยว่าต้นฤดูหนาวนี้พบว่าตลาดการค้าชายแดนด้าน อ.แม่สาย ทั้งที่ตลาดดอยเวา ตลาดสายลมจอยและหน้าด่านพรมแดนทั้งฝั่งไทยและ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า คึกคักขึ้นอย่างทันตาเห็นและนักท่องเที่ยวก็เดินทางไปเยือนตั้งแต่ต้นฤดูกาลมากอย่างไม่น่าเชื่อทำให้การค้าขายคึกคักตามมา สาเหตุเพราะทุกคนคุ้นเคยกับสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ส่วนด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็เริ่มกลับคืนมา โดยเฉพาะสินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มกันหนาวขายดีเป็นพิเศษ สาเหตุเพราะย่างเข้าสู่ฤดูหนาวและยังมีราคาถูก โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศจีนและนำขนส่งสู่ตลาดชายแดนเชียงรายทางเรือในแม่น้ำโขงและถนนสายอาร์สามบีผ่านเข้ามาทางประเทศพม่า

    นายบุญธรรม กล่าวว่าด้วยความคึกคักดังกล่าวเมื่อผนวกกับการค้าชายแดนในภาพรวม การส่งออกและการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวทำให้ตลาดโดยเฉพาะฝั่ง อ.แม่สาย มีเงินสะพัดวันละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และในช่วงฤดูท่องเที่ยวที่หนาวเย็นของปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นกว่านี้อีกไม่น้อยกว่า 20-30% แน่นอนเพราะอั้นมาจากความซบเซาในปีก่อน ขณะที่การค้าในระบบผ่านด่านศุลกากรมีการค้าระหว่าง อ.แม่สาย กับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ปีละประมาณ 4,000 ล้านบาท เป็นการส่งออกประมาณ 3,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสินค้าวัสดุก่อสร้าง น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องอุปโภคบริโภค รัฐฉานของพม่าโซนนี้ต้องรับจากประเทศไทยเกือบทั้งหมด

    นายสาม นามยี่ พ่อค้าขายเสื้อผ้าเครื่องกันหนาวคนหนึ่งที่ตลาดแม่สาย กล่าวว่าราคาขายเสื้อผ้าเครื่องกันหนาวที่ชายแดนจะถูกกว่าที่ขายตามห้างถึง 50% เพราะเป็นสินค้าจากจีนที่มีต้นทุนถูก อยู่แล้วแต่คุณภาพก็แล้วแต่จะเลือกซื้อ โดยเสื้อกันหนาวทั่วไปมีตั้งแต่ตัวละ 100 กว่าบาทไปจนถึงหลายพันบาท นอกจากนี้ยังมีถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอ ฯลฯ คู่ละประมาณ 20-30 บาทเท่านั้น ดังนั้นปีนี้จึงมีนักท่องเที่ยวแห่ไปซื้อกันอย่างเนืองแน่นทำให้ต้องสั่งออร์เดอร์ล่วงหน้าและส่งสินค้าไปป้อนตลาดกันแทบไม่ทัน


    ยันไม่กระทบพธม.ประท้วงเขมร



    วันที่ 1 พ.ย. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงมาตรการรับมือกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะไปปิดล้อมสถานทูตกัมพูชาในประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือประท้วงสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในวันที่ 2 พ.ย.ว่า เป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความปลอดภัย ขณะนี้ไม่มีการร้องขอกำลังทหารให้เข้าร่วมดูแลความสงบ ทั้งนี้ การดำเนินการของกลุ่มพันธมิตรฯจะกระทบต่อการทำงานระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาหรือไม่นั้น ขอให้แยกระหว่างเรื่องการเมืองและกองทัพ โดยทหารของทั้งสองประเทศยังยืนยันจะใช้แนวทางสันติวิธี และเน้นการเจรจาเป็นหลัก ซึ่งสถานการณ์ไม่มีความตึงเครียด และทหารของทั้งสองประเทศในบริเวณขัดแย้งยังพูดคุยกันได้ ไม่มีปัญหา

    เมื่อถามว่าพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้สั่งการให้เตรียมพร้อมกรณีอาจเกิดเหตุรุนแรงหลังกลุ่มพันธมิตรฯประท้วงหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่กลุ่มพันธมิตรฯจะดำเนินการ แต่ท่านเน้นหลักในกรอบการเจรจาระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายเป็นหลัก ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ไม่ได้สั่งให้เพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา ขณะนี้ยังคงกำลังทหารไว้เท่าเดิม เชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบ
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เราจะได้เห็น "ไฟประลัยกัลป์ ลมหอบ แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก" ในชาตินี้ !!!

    [​IMG]
    นายประมวล รุจนเสรี

    ท่านผู้อ่านที่เคารพ

    เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 เวลา 17.45 น.สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพระราชวโรกาส ให้คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าถวายฯ พระพรชัย เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา และได้พระราชทานพระราชดำรัส ถึงเรื่องการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว งานศิลปาชีพ ปะการังเทียม การพระราชทานพันธุ์ข้าว ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ และเป็นพระมหากรุณาธิคุณ แก่ประชาชนชาวไทยอย่างยิ่ง

    มีเรื่องสำคัญยิ่งเรื่องหนึ่ง ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงหนังสือไตรภูมิพระร่วง ถึงพระฤาษีองคต ผู้มีอายุยืนยาวที่สุด ตั้งแต่สร้างโลกมา ซึ่งพระฤาษีได้เล่าว่า โลกของเราแบ่งออกเป็น 5 ยุค คือ

    กฤดายุค - ยุคที่บริบูรณ์ไปด้วยคุณงาม ความดี

    ไตรตายุค - ยุคที่มีความดี สามส่วน ความไม่ดีหนึ่งส่วน

    ทวาบรยุค - ยุคที่ความดี ความไม่ดี เสมอกันครึ่งต่อครึ่ง

    กลียุค - ยุคปัจจุบันที่ความดีมีส่วนเดียว ความไม่ดีสามส่วน

    ยุคไฟประลัยกัลป์ล้างโลก -มีลมหอบแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก

    กระผมขออันเชิญกระแสพระราชดำรัส ในตอนนี้มาเป็นเครื่องเตือนสติ มนุษยชาติทั้งปวงที่กำลังหลงทาง ทำลายโลก ทำลายล้าง ตนเองอยู่ทุกวันในขณะนี้ เพื่อพิจารณาให้เห็นว่าชีวิตที่อยู่ในกลียุค เช่นทุกวันนี้ เป็นอย่างไร และชีวิตอันน่าสะพรึงกลัว เมื่อไฟประลัยกัลป์ แผ่นดินไหว แผ่นดินแยกมาถึง จะเป็นอย่างไร และจะดำรงรักษาชีวิต และเผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติ ให้อยู่รอดต่อไปได้อย่างไร

    ปัจจุบันนี้กระผมให้ความสนใจ ในเรื่อง"จิตจักรวาล"มากเป็นพิเศษ เหตุที่ต้องสนใจเพราะได้สวดมนต์ ในบทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ที่ได้สาธยาย ความหยั่งรู้ของพระพุทธเจ้าในหลายๆ เรื่อง และในบทสวดนี้เอง ได้สาธยายการหยั่งรู้ของพระพุทธองค์ ด้วยปัญญาญาณของพระองค์ ในเรื่องธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ และจักรวาลธาตุ

    ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ เป็นสิ่งที่พอสัมผัสรู้ได้ง่าย แต่วิญญาณธาตุ และจักรวาลธาตุ เป็นสิ่งลึกซึ่งกว้างไกลยิ่ง เกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะเข้าใจ เข้าถึงได้ ประกอบกับพระพุทธองค์ ได้สอนพระภิกษุสงฆ์ ผู้เป็นศิษย์ตถาคต ว่าความรู้ที่ท่านนำมาสอนเปรียบได้กับใบไม้กำมือเดียว ในโลก และจักรวาลนี้ ยังมีความรู้อีกมากมาย เหมือนกับใบไม้ในป่า ที่มีมากมหาศาล จึงทำให้กระผมสนใจในเรื่องจิต และจักรวาลมากขึ้น

    โชคดีมีผู้แนะนำ ให้กระผมรู้จักอาจารย์ปริญญา ตันสกุล MBA.,M.S นักจิตวิทยาพฤติกรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตจักรวาล และได้อ่านหนังสือหลายเล่ม ที่ท่านผู้นี้เขียนไว้ ทำให้กระผมมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่อง "จิต" และ "จักรวาล" รวมถึง "จิตจักรวาล" มากขึ้น

    กล่าวคือ จักรวาล จะมีจิตเป็นแก่นแท้ จิตจักรวาล เป็นแหล่งความรู้ใหญ่ที่สุด คือใบไม้ในป่าใหญ่ที่พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบไว้

    อาจารย์ปริญญา ตันสกุล ได้ฝึกฝนพัฒนา จิตของตนเองจนเข้าถึง "จิตจักรวาล"และสามารถสื่อคลื่นความคิด กับจิตจักรวาลได้ จนได้รับรู้ว่า จะมีการชำระโลก ครั้งสำคัญในอนาคตอันใกล้นี้

    ทั้งเรื่อง "การชำระโลก" และ " ไฟประลัยกัลป์ ลมหอบ แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก" จึงเป็นเรื่องเดียวกันที่มนุษยชาติ ควรให้ความใส่ใจ แก้ไข เยียวยา รักษาตนให้พ้นจากหายนะ อันเกิดจากภัยธรรมชาติ ที่กำลังคืบคลานเข้ามาสู่โลกใบนี้

    จากการสื่อสารรับข้อมูลจาก"จิตจักรวาล"ของอาจารย์ปริญญาที่ได้รับบอกกล่าวกันไว้ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ผ่านทางรายการ "สำนึกรักแผ่นดิน" โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่องสุวรรณภูมิ เวลา 18.00 - 20.00 น. อาจารย์ปริญญาได้บอกกล่าวถึงหายนภัยทางธรรมชาติ ไว้ล่วงหน้าเป็นการเตือนให้มนุษย์คิดตระหนัก และสร้างจิตสำนึกที่ถูกต้อง ดีงามกันใหม่ กระผมจึงนำมาเสนอไว้ ณ บทความนี้ คือ

    ค.ศ. 2012 ( พ.ศ. 2555) กรุงเทพฯ ธนบุรีน้ำท่วมหนัก - พายุใหญ่ถล่มกรุง - คอนโดใหญ่ และตึกสูงพัง ถล่มสะพานแขวนขาด เพราะพายุ และฟ้าผ่า จะมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง

    ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) ไทย-พม่า-อินเดีย-ศรีลังกา จะประสบภัยร้ายแรงระดับที่ต้องเขียนแผนที่โลกกันใหม่ แผ่นดินส่วนหนึ่งจะจมหายไปในทะเล จะมีผู้ประสบภัยไร้ที่อยู่ที่กิน-เสียชีวิตรวมกัน 3.23 ล้านคน/คนไทย 1.2 แสนคน เหตุการณ์นี้จะทำให้ด้ามขวานของไทยหักจมทะเล ตรงประมาณหลัก กม.ที่ 346 จากกทม. ไปตามถนนเพชรเกษม ทำให้ทะเลเชื่อมต่อกันสองด้าน เป็นระยะห่างประมาณ 1,823 เมตร ในส่วนที่หักจมทะเลหายไป

    ค.ศ.2018 (พ.ศ. 2561) เขื่อนใหญ่-เชี่ยวหลานทางภาคใต้อาจแตกเป็นเขื่อนแรกของไทย

    ค.ศ. 2018 ประเทศญี่ปุ่น เกาะฮอกไกโด จะประสบแผ่นดินไหวรุนแรง-แผ่นดินหักจม ทะเลเป็นเกาะแรกของประเทศ ตามด้วยหมู่เกาะกิวชิว

    ค.ศ. 2018 กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ อาจจะประสบภัย 2 เรื่อง (เกิดพร้อมญี่ปุ่น) 1.แผ่นดินไหวรุนแรง 2.เกิดโรคระบาดร้ายแรง

    ค.ศ. 2018 ประเทศรัสเซีย แผ่นดินไหวรุนแรง สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในกรุงมอสโก อาจจะถูกอสุนีบาต และแผ่นดินจะแยกแตกออกเป็น 2 ซีก ตามด้วยธรณีสูบ จนแผ่นดินซีกหนึ่งจมอยู่ใต้น้ำ

    ค.ศ. 2018 กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตรงพิกัดเส้นแบ่งเวลาระหว่าง ASIA กับ EUROPE อาจจะเกิดแผ่นดินแยกธรณีสูบ

    ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) เวลา 13.00 น. อาจเกิด แผ่นดินไหว กทม.-นนทบุรี-ปทุมธานี คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตถึงจำนวนหมื่นราย

    ค.ศ. 2019 เกาหลีเหนือ-ใต้ อาจจะแยกแตกออกเป็นสองซีก

    ค.ศ. 2019 อาจเกิดภูเขาไฟระเบิดที่เชียงใหม่ ในเขต อ.ฮอด และ อ.แม่แตง อาจเกิดภูเขาไฟระเบิดที่ จ.ตาก อาจเกิดภูเขาไฟระเบิดที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

    ค.ศ. 2019 ทองผาภูมิ และด่านเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี อาจเกิดแผ่นดินแยก ทำให้ลาวา - แก๊สพิษจะผุดขึ้นมา และอาจทำให้เขื่อนใหญ่แตก เพราะภูเขาแยกตัวออก น้ำทะเลจะเข้าแทน

    ค.ศ. 2019 ในยามค่ำคืนวันหนึ่ง อาจมีเขื่อนแห่งหนึ่งในภาคอีสานแตก

    ค.ศ. 2019 เขื่อนภูมิพล อาจจะแตกเพราะรับน้ำไม่ไหว เหตุการณ์อาจจะเกิดตอนกลางวัน - ทุกคนรู้ตัวล่วงหน้าก่อนแล้ว

    ค.ศ. 2020 (พ.ศ.2563) เขื่อนศรีนครินทร์-เขื่อนใหญ่สุดของไทย อาจเป็นคิวต่อไปที่ต้องแตก ไม่มีใครเคยเชื่อว่ามันจะแตกได้ แต่โปรดอย่าประมาทเถิด

    ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) วันที่ 19 สิงหาคม 2022 - ทำเนียบขาว บริเวณสนามหญ้าหน้าทำเนียบขาว แผ่นดินจะแยกตัวออก น้ำใต้ดินจะท่วมขึ้นมาจนทำเนียบขาวเสียหายใช้การไม่ได้ ประธานาธิบดีเป็นหญิง ชื่อ "B" รองประธานาธิบดีเป็นหญิง ชื่อ Hillary

    ค.ศ. 2022 เหตุเกิดตอนกลางวัน (สิงหาคม-กันยายน ค.ศ. 2022) อเมริกาอาจจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในโลก ระดับ 19 ริกเตอร์ จนแผ่นดินใหญ่แตกหักหลายส่วน ทำให้แผ่นดินหักทรุดจมลงใต้ทะเล

    ค.ศ. 2022 กันยายน ค.ศ. 2022 อาจจะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่มชายฝั่งของ Losangelis สหรัฐอเมริกา โดยเหตุจากแผ่นดินไหว และการทรุดตัวจมทะเล ของประเทศที่เป็นหมู่เกาะใหญ่ใต้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งอยู่ในทวีปเอเชีย

    ค.ศ. 2022 อาจจะเกิดพายุทอร์นาโด Henna พัดเข้าถล่มผ่ากลางเมืองนิวยอร์ก อนุสาวรีย์แห่งเทพีสันติภาพ จะถูกอสุนีบาตจนแต่หักออกเป็น 4 ส่วน ยังผลให้เมืองนิวยอร์กพังเสียหายหมดแทบทั้งเมือง

    ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) อาจเกิดปฏิบัติการชำระโลกคาบสุดท้าย เป็นเวลา 56 วัน 7 ราตรี ติดต่อกัน หลังจากนั้น โลกจะเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่

    ทั้งหมดที่กล่าวนี้ คือ การชำระโลก ไม่ใช่ การทำลายโลก เพื่อให้มนุษย์พลังใหม่ เข้ามาแทนที่มนุษย์พลังเก่าผู้ทำให้โลกเสียสมดุล ขาดความรักต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ต่อต้นไม้ สัตว์ และต่อโลกผู้มีอุปการคุณใบนี้

    ประมวล รุจนเสรี

    เพื่อประชาชน ประจำวันที่ 23 สิงหาคม 2552
    ที่มา http://www.naewna.com/news.asp?ID=175558
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2009
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "วิบัติภัยธรรมชาติเกิดจากจิตวิบัติของมนุษย์"

    [​IMG]
    นายประมวล รุจนเสรี

    ท่านผู้อ่านที่เคารพ

    ช่วงฤดูฝนปีนี้ เราได้เห็นภัยธรรมชาติรุนแรงอย่างน้อย 2 รูปแบบ คือ ภัยจากพายุไซโคลน พายุไต้ฝุ่น ทำให้น้ำท่วมหลายประเทศ ผู้คนล้มตายจำนวนหนึ่ง บ้านเรือน เรือกสวน ไร่ นา ถูกทำลายจำนวนมาก มีผู้คนประสบเคราะห์กรรมถึงแก่ความตาย เดือดร้อนจากผลภัยพิบัติครั้งนี้ กับอีกประเภทหนึ่ง คือแผ่นดินไหวที่ความรุนแรงมากกว่า 6 ริกเตอร์ เกิดขึ้นถี่บ่อยครั้ง แทบทุกวัน สร้างความเสียหาย ด้วยแผ่นดินถล่ม โคลนตมไหลทับถมบ้านเรือน และเกิดคลื่นสึนามิ ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก

    ลักษณะการเกิดภัยพิบัติดังกล่าว เป็นอาการของโลกรั่ว และโลกทะลุ โลกรั่ว คือ การที่โลก ถูกพายุพัดพาฝนกระหน่ำลงมา อย่างลืมหู ลืมตาไม่ขึ้น ทำให้น้ำท่วม แผ่นดินทรุด จนไปถึงเขื่อนแตก อาการประกอบของโลกรั่ว คือ เกิดฟ้าผ่า ฟ้าร้องอย่างรุนแรง จะมีสายอสุนีบาต ฟาดตึกสูง สะพานลอยให้ล้มพังทลายลงได้

    ส่วนโลกทะลุ ก็คืออาการแผ่นดินไหว จากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ตามบริเวณที่เป็นรอยต่อของเปลือกโลก แต่ละแผ่น หากแผ่นดินไหวเกิดใต้ทะเล ก็จะเกิดสึนามิขึ้นได้ และหากไหวรุนแรงจนเปลือกโลกขยับเขยื้อน แยกออกจากกัน จนทำให้แผ่นดินแยก บางแห่งแผ่นดินจะจมน้ำหายไป บางแห่งน้ำใต้พิภพ ใต้บาดาล จะทะลักพุ่งขึ้นมาเหนือผิวโลก จนทำให้บ้านเรือนของประชาชน เมืองใหญ่รวมทั้งบางประเทศ จมหายไปกับแผ่นน้ำ

    ภัยพิบัติที่กล่าวมานี้ โลกใบนี้กำลังออกมาเตือนภัยมนุษย์ทั้งโลก ให้ได้ทราบว่าโลกใบนี้ กำลังประสบสภาวะความไม่สมดุล ในมวลสารต่าง ๆ บนโลกใบนี้ เกิดความไม่สมดุล ในแม่เหล็กโลก และเกิดความไม่สมดุลในการเหวี่ยง หมุนรอบตัวเองของโลก

    ความไม่สมดุลในน้ำหนักมวลสารของโลก เปลี่ยนแปลงไปด้วยการกระทำอันเกิดจากความโลภโมโทสันของมนุษย์ ด้วยการตัดไม้ทำลายป่า ด้วยการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำขนาดยักษ์ บนแม่น้ำสายสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ด้วยการขุดทำลายภูเขาเป็นลูก ๆ เพียงเพื่อจะขนย้ายหิน ดิน มาใช้ในการสร้างตึกอาคารสูง ที่เรียกว่า ป่าคอนกรีตขึ้นมา ภูเขาแม่น้ำ แผ่นดิน มหาสมุทร ถูกมนุษย์บุกเข้าไปทำลาย ด้วยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตน และพวกพ้องเท่านั้น

    และด้วยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจนี่เอง ที่มนุษย์ได้หลงเข้าไป ยึดติดกับรายได้ และ GDP ก่อสร้างโรงงานที่ผลิตมลภาวะขึ้นมา อย่างมากมาย และโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้ บันดาลให้เกิดภาวะโลกร้อนเรือนกระจกขึ้น จนเกิดสภาวะโลกร้อนทำให้ น้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือ และใต้ ละลายจนน้ำทะเล มีระดับสูงขึ้น เกิดภาวะเอลนิโญ่ คือ ภาวะที่มีทั้งฝนตกหนัก และแห้งแล้งในเวลาเดียวกัน

    นอกจากนี้ โดยสภาพที่มีการย้าย เปลี่ยนแปลงมวลสารต่างๆ ที่ตั้งอยู่อย่างสมดุลในอดีตของโลกใบนี้ ทำให้การเหวี่ยงหมุนรอบตัวของโลก เปลี่ยนแปลงไป แกนโลกเอียงเพิ่มขึ้นจาก 23.5 เป็น 32 องศา ในเร็วๆนี้ ทำให้ขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ หันเข้ารับความร้อนจากดวงอาทิตย์มากขึ้น ก็ย่อมแน่นอนว่า สภาวะน้ำแข็งที่ขั้วโลกทั้ง 2 จะละลายเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่เกิดจากสภาวะเรือนกระจก เพียงอย่างเดียว

    นอกจากมนุษย์ทั้งโลก พากันหลงทางไปกับการเคลื่อนย้าย ทรัพยากรธรรมชาติ การขุดหาทรัพยากรธรรมชาติใต้ดิน ขึ้นมาใช้อย่างสุรุ่ย สุร่าย ฟุ่มเฟือย มนุษย์ยังพากันทำลายชีวิต สัตว์ทุกชนิด ฆ่าฟันทำสงครามล้างเผ่าพันธุ์กันเอง ด้วยอาวุธภัยนานาชนิด โดยเฉพาะอาวุธนิวเคลียร์ หรืออาวุธปรมาณู ที่ทำการทดลองกันทั้งใต้ดิน และบนดิน แรงระเบิดอันรุนแรง จากอาวุธสงคราม ที่ทำลายล้างเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ก็ดี ที่เกิดจากการทดลองก็ดี ที่เกิดจากการยิงจรวดขีปนาวุธต่าง ๆ ออกไปสู่อวกาศก็ดี การยิงจรวดพุ่งชนดวงจันทร์ก็ดี ล้วนเป็นเหตุ เป็นปัจจัยทำให้โลกใบนี้กำลังประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งสิ้น

    แต่มนุษย์ก็มิได้รู้สึกตัวว่า พวกเราเหล่ามนุษย์ ผู้มีปัญญาเป็นเลิศกว่าสรรพสิ่งใด ๆ ใน โลกนี้ คือ ปฐมเหตุของภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่เกิดจากความโลภ ความโกรธ ความหลง และความงมงาย

    มนุษย์ในซีกโลกตะวันตก พากันคิดว่าโลกนี้ ธรรมชาติต่าง ๆ ทั้งทรัพยากร ดิน น้ำ ลม ไฟ ล้วนเป็นสมบัติของมนุษย์ ที่มนุษย์จะนำมาใช้อย่างใดก็ได้ เพื่อบำรุง บำเรอ ความใคร่ ความสนุกสนาน ความสะดวกสบาย ของตนเอง มีนักคิด นักปราชญ์ชาวตะวันตก ต้องการเอาชนะโลกใบนี้ เอาชนะธรรมชาติ เอาชนะดิน น้ำ อากาศ ให้จงได้ เพื่อโลกจะได้อยู่ในอาณัติของตนเอง ที่เป็นมนุษย์

    แต่มนุษย์เหล่านี้ไม่เคยคิดว่า โลกใบนี้ที่แท้จริงคือที่คุ้มหัว คุ้มภัยให้ทั้งสิ้น และตนเองเป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งของโลกนั่นเอง โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ หรือหมุนรอบตัวเองก็นำพามนุษย์หมุนรอบดวงอาทิตย์หรือหมุนรอบตัวเองไปพร้อมกัน ไม่มีทางใดที่มนุษย์จะสามารถขัดขืนอำนาจของโลกได้

    ความคิดมนุษย์แบบนี้ สู้ความคิดของชนเผ่าอินเดียแดง เจ้าของถิ่นในสหรัฐอเมริกา สมัย 200 กว่าปีมาไม่ได้ ชาวเผ่าอินเดียแดง ได้สอนบุตรหลานของตนไว้ว่า

    "มนุษย์เป็นสมบัติของโลก ไม่ใช่โลกเป็นสมบัติของมนุษย์"

    ย้อนกลับไปพิจารณาถึงการกำเนิดของจักรวาล โลก และมนุษย์ ก็จะทราบทันทีว่า มนุษย์เกิดมาเพื่อพึ่งโลก และขณะเดียวกัน โลกก็ต้องพึ่งพามนุษย์

    ในยุคพลังงานใหม่ ที่กำลังมาถึง มนุษย์เริ่มได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร จากองค์จิตจักรวาล ว่าในจักรวาลอันเวิ้งว้าง กว้างใหญ่ไพศาลนี้ มีอนุภาคแห่งพลังงาน จำนวนมากหมุนรอบตัวเอง และเคลื่อนตัวพากันหมุนวน ในทิศทางเดียวกัน นานเข้าพลังงานจำนวนนี้ ก็เกาะติดแน่นเข้า เกิดเป็น องค์จิตจักรวาล ที่เป็นพลังอำนาจอันบริสุทธิ์ สามารถหยั่งรู้ ทุกสรรพสิ่งได้ สามารถกำหนดสร้างสรรพสิ่งได้ และองค์จิตจักรวาลนี้เอง ได้กำหนดสร้าง จิตจักรวาลดวงเล็ก ๆ ของมนุษย์ขึ้นมาใน จักรวาลอัน

    เวิ้งว้าง คู่กับจิตจักรวาลดวงใหญ่ กำหนดสร้างเอกภพ สร้างระบบสุริยะขึ้น รวมทั้งสร้างโลก และดาวนพเคราะห์อื่น ๆ อีก 8 ดวง ขึ้นมาก่อน ต่อมาก็กำหนดให้ จิตจักรวาลดวงเล็ก แบ่งภาคลงมา เกิดเป็นมนุษย์ในโลกใบนี้ เพื่อร่วมงานคู่กับโลก ให้มนุษย์ได้อาศัยโลกใบนี้ และให้โลกใบนี้ได้อาศัยมนุษย์

    โดยที่ดวงจิตวิญญาณของมนุษย์ คือพลังงานเป็นอนุภาค แห่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่จิตวิญญาณของมนุษย์ผลิตขึ้นมา ให้ค้ำจุนโลก ด้วยการส่งอนุภาคไฟฟ้าที่เป็นบวก ซึ่งเกิดจากความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรัก ไปผนวกกับประจุไฟฟ้าที่แกนโลกมีอยู่ แต่เป็นด้านลบ เมื่อประจุไฟฟ้าด้านบวก เจอกับลบ ก็เกิดการระเบิดสั่นสะเทือนขึ้นในแกนโลก ทำให้โลกหมุนรอบตัวเอง และเป็นอัตราการหมุนที่คงที่

    แต่ถ้ามนุษย์ ไม่ผลิตคลื่นกระแสไฟฟ้าด้านบวก ผลิตแต่คลื่นกระแสไฟฟ้าด้านลบ ซึ่งเกิดจากอารมณ์แห่งกิเลส ตัณหา ด้วยความโลภ โกรธ หลง งมงาย พลังงานที่มนุษย์ปล่อยออกเป็นอนุภาคไฟฟ้าด้านลบ ก็จะลอยไปในอากาศ ไม่สามารถทำปฏิกิริยากับแกนโลก ได้การระเบิดของออกซิเจน ในแกนโลกก็ลดลง ทำให้การหมุนรอบตัวเองของโลก ขาดความสมดุล แกนโลกจะเอียงเพิ่มมากขึ้น

    สิ่งที่กล่าวมานี้ คือความรู้ใหม่ ที่มนุษย์ทั่วไป ทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักดาราศาสตร์ ยังเข้าไม่ถึง และไม่เชื่อ ไม่ยอมรับ เอาความรู้ใหม่นี้มาใช้ประโยชน์ เมื่อไม่เชื่อไม่ยอมรับ แต่กลับดูถูก ดูแคลน ความรู้นี้ด้วยทิฐิผิด ๆ และทิฐิอันผิดนี้ ก็ย่อมนำพามนุษย์ทั้งโลก สร้างความวิบัติให้แก่โลกต่อไป และรุนแรงขึ้น มนุษย์ก็ขาดความสมดุลในจิตใจของตนมากขึ้น และมากขึ้นจนสุดคณานับ

    เมื่อโลกใบนี้ขาดความสมดุล ทั้งมวลสารต่าง ๆ ทั้งจิตใจของมนุษย์ เป็นเช่นนี้ ธรรมชาติก็ต้องวิปริต แปรปรวน จะต้องมีการชำระล้างโลกเกิดขึ้น ด้วยภัยพิบัติธรรมชาติขนาดใหญ่เกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นเพียงการเตือนภัยให้มนุษย์ หันมาปรับจิต ปรับใจ ปรับตัวเองเสียใหม่

    ท่านผู้อ่านยังจะจดจำพุทธทำนาย 13 ประการ ได้หรือไม่ คือ

    1.ไฟจะลุกลามมาทางตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม นักบวช และพระจะอดอยากยากเข็ญ

    2.ลูกไฟจะตกจากฟากฟ้า เป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ

    3.มหาสมุทรจะชอกช้ำ

    4.ศึกจะติดเมือง

    5.ข้าวจะขาดแคลน

    6.ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง

    7.พระเสื้อเมือง พระทรงเมืองจะหนีเข้าไพร

    8.ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจ จะเรียกผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ

    9.ยักษ์หิน ที่ถูกสาปให้หลับไหลเป็นนาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก

    10.ดิน ฟ้า อากาศ จะแปรปรวน

    11.ตลิ่งจะพัง

    12.แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่หายนะ

    13.นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ

    พุทธทำนาย 13 ข้อนี้ จะพอเตือนสติมนุษย์ ให้เกิดสำนึกใหม่ หรือยัง ถ้ายังพลังงานของจักรวาล จากดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ จะชำระทุกสรรพสิ่งในโลกใบนี้ จำนวน 1 ใน 3 ทิ้งไป

    ประมวล รุจนเสรี

    เพื่อประชาชน ประจำวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2552
    ที่มา http://www.naewna.com/news.asp?ID=183604
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1_156.jpg
      1_156.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.9 KB
      เปิดดู:
      2,190
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2009
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ประมวล รุจนเสรี
    (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

    [​IMG]

    นายประมวล รุจนเสรี เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2482 ที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับราชการในกระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอด จนกระทั่งเกษียณอายุราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง จากนั้นจึงเข้าสู่วงการการเมืองด้วยการเป็นรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ระบบบัญชีรายชื่อ เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

    จนกระทั่งเกิดวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2550 เมื่อนายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทยเริ่มมีการไม่ลงรอยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายประมวลซึ่งเป็นผู้ที่สนิทกับนายเสนาะ ได้เขียนหนังสือออกมา 2 เล่ม ซึ่งเป็นที่ฮือฮาและกล่าวขานกันอย่างมาก คือ การใช้อำนาจเป็นธรรมชาติของมนุษย์ และ พระราชอำนาจ (โดยเฉพาะหนังสือ พระราชอำนาจ นี้ นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ได้อัญเชิญกระแสพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาแจ้งกับนายประมวล ว่าเมื่อได้ทอดพระเนตรแล้ว ได้ทรงมีพระราชดำรัสว่า "…เราอ่านแล้ว เราชอบมาก เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง")
    <SUP></SUP>
    จนกระทั่งเกิดการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในปี พ.ศ. 2549 ที่ท้องสนามหลวง นายประมวลได้ขึ้นเวทีปราศรัยพร้อมกับนายเสนาะ เทียนทอง ด้วย จากนั้นนายประมวลได้เข้าร่วมงานกับพรรคประชาราช แต่ในกลางปี พ.ศ. 2550 นายประมวลก็ได้ออกจากพรรคประชาราชเพื่อดำเนินงานทางการเมืองด้วยตนเอง และมีข่าวว่าอาจจะไปร่วมงานกับทางพรรคประชาธิปัตย์ หากตั้งพรรคการเมืองของตัวเองไม่สำเร็จ แต่ท้ายที่สุด นายประมวลก็ได้จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา โดยที่ตนเองเป็นหัวหน้า คือ พรรคประชามติ

    ชีวิตส่วนตัวสมรสกับนางวันเพ็ญ รุจนเสรี มีบุตรชาย หญิง รวม 3 คน

    หนังสือพระราชอำนาจ อ่านฟรีได้ที่นี่ครับ
    http://power.manager.co.th/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • His1.jpg
      His1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.1 KB
      เปิดดู:
      2,237
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2009
  10. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    [​IMG]
    สโตนเฮนจ์ (StoneHenge)
    สโตนเฮนจ์ (StoneHenge) แห่งเมืองซาลเบอรี่ (Salisbury) ประเทศอังกฤษ มีอายุนานประมาณ 5,000-6,000 ปีผู้สนใจสามารถหาข้อมูลละเอียดมากเท่าที่ต้องการได้จากแหล่งข้อมูลอื่นๆ หากเป็นความรู้ที่ได้มาจากวิทยาศาสตร์ทางจิต จำเป็นต้องให้เครดิตกับ “ชาวแอตแลนตีส” ก่อนเมื่อประมาณ 13,000 ปี ล่วงมาแล้ว มหาอาณาจักรแอตแลนตีส เป็นศูนย์รวมของสรรพวิทยาการและอารยธรรมในยุคนั้น เรียกกันว่า “ยุคพีระมิด” เนื่องจากใช้พลังของพีระมิดเป็นพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ทางจิต พลังจิต การสื่อสาร การเดินทาง การรักษาโรค การคำนวณบอกเวลาทางดวงดาวและกาแลคซี่ทั้ง 3 (ปฏิทินดาราศาสตร์) วิวัฒนาการ ด้านพลังงาน พลังจิต ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากชาวดาวอังคาร จนสามารถก้าวไปถึงลำดับสุดท้าย คือการเปลี่ยนวัตถุเป็นแสง และการเปลี่ยนแสงเป็นวัตถุ วิวัฒนาการ ด้านพลังงานมีด้วยกัน 7 ระดับ คือ 1. ความร้อน 2. แสง 3. เสียง 4. แม่เหล็กไฟฟ้า 5. ปรมาณู 6. เส้นแสง 7. การเปลี่ยนวัตถุเป็นแสงและการเปลี่ยนแสงเป็นวัตถุ


    1 เดือนล่วงหน้าก่อนการล่มสลายของมหาอาณาจักร มีนักบวชรูปหนึ่ง เป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา ยุคที่เหลือแต่พระธรรมคำสอน ของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ก่อนพระสมณโคดมของยุคนี้) นักบวชเป็นผู้มีความสามารถมาก มีพลังจิตสูง รู้อดีต อนาคต จึงได้รู้ถึงเวลาของการล่มสลายและยุบตัวจมลงในมหาสมุทรของมหาอาณาจักร ที่จะเกิดขึ้นภายใน 1 เดือน จากสาเหตุการใช้ “อาวุธแสง” ทำสงครามทำลายล้างแผ่นดินคู่อริ นักบวชได้ชักชวนและอพยพบุคคลที่เชื่อพาลงเรือ เดินทางร่วม 1 เดือนพ้นออกมาจากการยุบตัวของทวีปขึ้นฝั่งที่แถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ประเทศอียิปต์ในปัจจุบันนี้ นักบวชได้บอกไว้อีกว่า “แผ่นดินมหาอาณาจักรแอตแลนตีสนี้จะคืนกลับอีกครั้งในรอบ 13,000 ปีข้างหน้า จะเป็นแผ่นดินที่สมบูรณ์ด้วยทรัพยากรและจิตวิญญาณของมนุษย์” พร้อมทั้งยืนยันสัจจวาจาในครั้งนั้น โดยใช้พลังจิตและความช่วยเหลือจากชาวดาวอังคาร สร้าง สัญลักษณ์ สฟิงซ์ (Sphinx) ขึ้น ด้วยวิธีของการเปลี่ยนวัตถุเป็นแสงและการเปลี่ยนแสงเป็นวัตถุ เพื่อเคลื่อนย้ายหินขนาดใหญ่ทำเป็นรูปสิงห์หมอบ มีใบหน้าเป็นชาวดาวอังคาร จัดวางไว้ในแนวทิศตะวันออก ตะวันตก มีพลังมโนธาตุสำหรับสร้างเป็นแกนพลังงานโลกใหม่อยู่ที่เท้าหน้าขวาของสฟิงซ์
    การสร้างสฟิงซ์มีจุดมุ่งหมายสำคัญ 3 อย่าง
    1. เป็นสัญลักษณ์แทนคำมั่นสัญญาของนักบวชที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดเพื่อกลับมาแก้ไขเหตุที่ได้สร้างไว้ในอดีต
    2. จมูกสฟิงซ์เป็นแหล่งของพลังกระแสลมปราณ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการหายใจของชาวดาวอังคารในยามที่แวะเวียนมาเยือนโลก ของเรา แต่ในที่สุดจมูกถูกอาวุธสงครามทำลายแตกหักจนจมูกตัน ชาวดาวอังคารจึงค่อนข้างลำบากเมื่อมาท่องโลก
    3. เมื่อถึงเวลาครบรอบของการเปลี่ยนแปลงแรงดึงดูดเข้าสู่อิทธิพลของอีกกาแลคซี่ ผู้กลับมาทำหน้าที่จะใช้เท้าขวาเหยียบลงบนเท้าหน้าขวาของสฟิงซ์ เกิดการขับเคลื่อนของพลังมโนธาตุและกระแสลมปราณม้วนหมุนเป็นเกลียวเข้าสู่ ศูนย์กลาง สร้างเป็นแกนพลังงานโลกใหม่ มีขั้วโลกอยู่ในแนวทิศตะวันออกและตะวันตก นักบวชรูปนั้น มีนามว่า รต (อ่านว่า ระตะ)
    นับเป็นเวลาหลายพันปีที่อารยธรรมแอตแลนตีสได้ถ่าย ทอดสู่อนุชนรุ่นหลัง แตกแยกออกเป็นหลายเผ่าพันธุ์ เชื้อชาติ แยกกระจัดกระจายออกจากลุ่มแม่น้ำไนล์ไปทั่วทุกส่วนของโลก พร้อมกับนำความรู้ของแอตแลนตีสเผยแพร่อย่างกว้างขวาง เช่นการทำมัมมี่ เคล็ดลับของการมีอายุยืน พลังพีระมิด รวมทั้งหลักการคำนวณของดวงดาวและกาแลคซี่ทั้ง 3 เป็นปฏิทินดาราศาสตร์ที่อธิบายถึงการสับเปลี่ยนแรงดึงดูดที่มีอิทธิพลต่อโลก และระบบสุริยจักรวาลในช่วง 26,000 ปี

    [​IMG]

    ชาวมายา (มายัน) เป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งที่สืบเชื้อสายและมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการเผย แพร่อารยธรรมแอตแลนตีสสู่สายตาชาวโลกเป็นหลักฐานที่มีชีวิต บ่งบอกยืนยันว่า “แอตแลนตีส” มีอยู่จริง มิใช่เป็นเพียงตำนานเล่าขาน ชาวมายาจึงได้สร้างปฏิทินดาราศาสตร์ขึ้นด้วยเสาหิน แท่งหินขนาดใหญ่จำนวนหลายร้อยแท่งจัดวางเป็นวงกลมซ้อนกันอยู่ 3 วง และวิธีการสร้างเป็นวิธีเดียวกับการสร้างสฟิงซ์ คือเป็นผลงานของมนุษย์ผู้มีพลังจิตสูงร่วมมือกับชาวดาวอังคารในการเปลี่ยน หินแท่งใหญ่ที่มีน้ำหนักมากกว่า 1 ตัน ให้เป็นพลังงานแสงก่อนแล้วเคลื่อนย้ายนำไปจัดวางในที่ที่ต้องการ และใช้พลังจิต เปลี่ยนพลังงานแสงคืนเป็นแท่งหินแท่งใหญ่อีกครั้งสโตนเฮนจ์ เป็นสัญลักษณ์ที่มีอายุประมาณ 5,000-6,000 ปี ใกล้เคียงกับยุคมหาพีระมิดของประเทศอียิปต์ ศาสตร์พีระมิดของชาวอียิปต์ เป็นตัวแทนของชาวแอตแลนตีสในการถ่ายทอดพลังของพีระมิดในศาสตร์การทำมัมมี่ทำ สถานที่เก็บศพ เคล็ดลับการมีอายุยืน ยารักษาโรค ฯลฯ ตลอดจนปลูกฝังความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายที่แสนงดงาม ในขณะที่สโตนเฮนจ์ของชาวมายาสร้างขึ้นเพื่อเตือนภัยแก่ชาวโลกเมื่อถึงวาระการเปลี่ยนแปลงแรงดึงดูดของแต่ละกาแลคซี่ ในรอบ 13,000 ปี

    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG]

    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ไขปริศนาและอ่านความลับจากการจัดวางเสาหินเป็นวงกลม 3 วงไว้ดังนี้
    เสาหินวงนอก เป็นวงกลมขนาดใหญ่ มีเส้นรอบวงกว้างโอบล้อมครอบคลุมวงกลมเล็กอีก 2 วงหมายถึง กาแลคซี่อันโดรเมดา (Andromeda Galaxy) พระอาจารย์เรียกกาแลคซี่นี้ว่า กาแลคซี่สะเทิน เพราะมีทั้งพลังงานเบา ดี และพลังงานหนัก มีขนาดใหญ่มาก เหมือนแผ่อาณาเขตปกป้องควบคุมไว้ทั้งกาแลคซี่ทางช้างเผือกและกาแลคซี่ไตรแอ งกุลัม
    เสาหินวงกลาง หมาย ถึง กาแลคซี่ทางช้างเผือก (Milky Way Galaxy) เป็นกาแลคซี่ที่ดึงดูดระบบสุริยจักรวาลของเราไว้ในขณะนี้ตั้งอยู่ทางทิศ เหนือ พระอาจารย์เรียกกาแลคซี่นี้ว่า กาแลคซี่หนัก เพราะพลังงานแรงดึงดูดที่เรียกว่าพลังงานแม่เหล็กโลกกำลังให้โทษอย่างรุนแรง และจะนำไปสู่การพลิกเพื่อเปลี่ยนแกนพลังงานโลกใหม่เข้าสู่อิทธิพลแรงดึงดูด ของกาแลคซี่ไตรแองกุลัมอีกครั้ง เมื่อครบวาระ 13,000 ปี
    เสาหินวงใน หมายถึงกาแลคซี่ไตรแองกุลัม (Triangulum Galaxy) มีขนาดเล็กกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกพระอาจารย์เรียกกาแลคซี่นี้ว่า กาแลคซี่เบา เพราะเต็มไปด้วยพลังงานดี เบา ขาวนวล เหลืองสบาย เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์ และกำลังส่งอิทธิพลค่อยๆดึงโลก และระบบสุริยจักรวาลไปทางทิศตะวันออกทีละน้อยๆจนกว่าจะถึงวาระแกนโลกพลิกอีก ครั้ง โลกและระบบสุริยจักรวาลจะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัมอย่าง สมบูรณ์ไปอีกประมาณ 13,000 ปี
    ฉะนั้นในช่วงระยะเวลา 26,000 ปี สุริยจักรวาลจะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก 13,000 ปี และอีก 13,000 ปีจะสลับมาอยู่ในอิทธิพลของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม ดังนั้นเราคงพอจะรู้เหตุผลอย่างชัดเจนแล้วว่าการที่ขั้วโลกเหนือไม่ชี้ตรงไป ทางทิศเหนือเสียทีเดียว ตามอิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือกแต่กลับตั้งเอียงไปทางทิศตะวัน ออก องศาเพราะต้านแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัมไม่ได้ การ มีแรงดึงดูดระหว่าง 2 แรงที่แตกต่างคือมากกว่าและน้อยกว่าทำให้กาแลคซี่ทางช้างเผือกส่งแรงดึงดูด มายังโลกเราในลักษณะดึงเข้าและผลักออกเข้าหาศูนย์กลาง เป็นแรงยืดและแรงหด ในขณะที่กาแลคซี่ไตรแองกุลัม
    ตั้งอยู่ทางขวามือตรงกับทิศตะวันออก แรงดึงดูดที่ส่งมาจึงเกิดขึ้นเป็นแรงรับและแรงเหวี่ยง คือเหวี่ยงซ้าย-ขวา
    ผลจากการรับแรงกระทบแรงดึงดูดจากทั้งสองกาแลคซี่เป็นสาเหตุทำให้โลกของเรา กำเนิดสิ่งมีชีวิตที่มีขันธ์ ครบ 5 ขันธ์ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) และตั้งชื่อเรียกว่า “มนุษย์” ซึ่งมีความแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่นที่อาจจะมีขันธ์เพียง 4 ขันธ์ เพราะขาดตัว “รูป” พวกเขาจึงมีลักษณะเป็นเพียงพลังงานท่องเที่ยวไปได้ทั่วจักรวาลและใช้พลังจิต เพื่อสร้าง “รูป” ขึ้นมาบ้างในบางครั้ง
    ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา ทั้งแรงดึงเข้า-แรงผลักออก และแรงรับ-แรงเหวี่ยง จากทั้งสองกาแลคซี่เริ่มผิดปกติ คือมนุษย์แทบจะไม่รู้สึกถึงการกระทบของแรงเนื่องจากความหนาแน่นของพลังงาน แม่เหล็กโลกที่ถมลงในโลกได้มาถึงจุดอันตราย ทำให้เกิดสภาพนิ่งเหมือนหยุดหมุน เป็นเหตุให้เชื้อไวรัสแบคทีเรีย ธรรมดาๆ กลับมาระบาดอีกครั้งพร้อมกับการกลายพันธุ์ ซึ่งภาวะนิ่งแบบนี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552

    สฟิงซ์ สื่อความหมายบอกสถานที่ที่ถูกกำหนดให้เป็นจุดสร้างแกนพลังงานโลกใหม่
    สโตนเฮนจ์ บอกถึงกำหนดเวลาการเปลี่ยนขั้วอำนาจของแรงดึงดูดที่มีต่อโลกและระบบสุริยจักรวาล

    ระบบวงโคจรของโลกและสุริยจักรวาลจะยังคงเคลื่อน ที่ผิดปกติต่อไปอีก ถูกพลังงานแม่เหล็กโลกดึงเข้าใกล้ขอบกาแลคซี่ทางช้างเผือกทางทิศตะวันออกมาก ยิ่งขึ้น (ในอดีตเคยถูกดึงเข้าใกล้ทางทิศเหนือมาก่อน) เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า พลังงานแม่เหล็กโลกกำลังอัดแน่นเพิ่มมากขึ้นๆ ทางทิศตะวันออก และเมื่อความหนาแน่นทวีขึ้นจนถึงอัตราสูงสุดจะเกิดการรีดตัวเป็นเส้นตรง พุ่งออกจากกาแลคซี่ทางช้างเผือกไปทางทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตรงเข้าหากาแล คซี่อันโดรเมดา แต่เนื่องจากกาแลคซี่อันโดรเมดามีขนาดใหญ่กว่ามาก จึงมีพลังแรงดึงดูดมากกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกเป็นหลายพันเท่า พลังงานแม่เหล็กโลกจึงถูกอัด เด้งกลับคืนเข้าสู่ระบบสุริยจักรวาลและกาแลคซี่ทางช้างเผือก ซึ่งการเสียดสีของพลังงานจากทั้ง 2 กาแลคซี่ในครั้งนี้ จะทำให้แสงสว่างวาบขึ้น มองเห็นได้ทั่วจักรวาล ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน มนุษย์ในโลกจะเห็นแสงนี้ปรากฏขึ้นทันทีทันใด แบบที่ไม่ต้องตั้งตาคอย เป็น “แสงที่วาบ” อย่างรวดเร็ว เหมือนละครปิดฉากและผ้าม่านเวทีถูกดึงปิดทันที จากนั้นจะเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและพลังงานของโลก สุริยจักรวาลครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งเหมือนกับที่มหาอาณาจักรแอตแลนตีสเคย ประสบมาแล้วเมื่อ 13,000 ปีที่ผ่านมา แต่ในครั้งนี้เป็นการวนครบรอบเปลี่ยนเข้าสู่อิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตร แองกุลัม เป็นเวลาอีกประมาณ 13,000 ปี และถ้าหากปรากฏการณ์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริง โลกของเราจะมีทั้งแกนสสารและแกนพลังงานโลกใหม่ โดยมีขั้วโลกตั้งอยู่ ณ จุดที่ตั้งของสฟิงซ์ มีการเปลี่ยนที่กันระหว่างพื้นดิน 1 ส่วน กับพื้นน้ำ 3 ส่วนทั่วโลก มหาสมุทรแอตแลนติกคงมี
    โอกาสคืนกลับมาเป็นผืนแผ่นดินกว้าง ใหญ่อีกครั้ง เทือกเขาหิมาลัยอาจจะลดต่ำลงมาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ของทวีปเอเชีย (เปลี่ยนแผนที่โลกใหม่) กล่าวโดยรวมคือช่วงเวลา 13,000 ปีครั้งนี้จะเป็นยุคทองของทรัพยากรธรรมชาติและจิตวิญญาณของมนุษย์ นักบวชรูปนั้น ได้ทำหน้าที่ของท่านเรียบร้อยแล้ว

    ภาพแสดงถึงกาแลคซี่ทั้ง 3 ที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ เป็นภาพที่ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ใช้ “จิต” ศึกษา


    [​IMG]

    ที่มา health11 (ingdhamma)
     
  11. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    [​IMG]
    ความสัมพันธ์ระหว่างสสาร - พลังงาน กับ กายหยาบ - กายละเอียด
    สโตนเฮนจ์ อาจจะบอกความเป็นอนาคตหลายอย่างที่ยากต่อการเชื่อ ผู้เขียนได้นำมาบอกต่อตามที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณได้ใช้ “จิต” ไขปริศนาจากการจัดวางเสาหินเหล่านั้น อนาคตที่โหดร้ายต่อทุกชีวิตของแต่ละบุคคลที่มีความผูกพันอย่างเหนียวแน่น โยงใยเป็นเครือญาติ อาจจะต้องมีการพลัดพรากหรือตายจาก องค์ ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ท่านสอนให้อยู่กับปัจจุบัน อนาคตตามรูปแบบที่สโตนเฮนจ์บอกไว้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ สิ่งเหล่านั้นยังมาไม่ถึง หากจะเกิดจริง เรายังมีเวลาเตรียมตัวเพื่อผ่านจุดเปลี่ยนอีก 3 ปีเศษ แต่สิ่งที่มนุษย์ทุกคน ต้องเผชิญอยู่ทุกวัน เหมือนการตายผ่อนส่งจากการรับพลังงานแม่เหล็กโลกที่มีคุณสมบัติร้อนและหนัก เข้าสู่ร่างกาย ถมเต็มเนื้อเยื่อ เซลล์ทุกวินาที ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายที่มนุษย์มีน้อยอยู่แล้วยิ่งลดน้อยลงจนถึงจุดเสื่อม ถอย เยียวยารักษาได้ยากยิ่งขึ้น (ภูมิต้านทานร่างกายลดต่ำลงตั้งแต่ประมาณปีพ.ศ. 2544 เป็นต้นมา) มนุษย์เราอาศัยอยู่ในโลกที่กำลังป่วยหนักจากวิกฤตพลังงานแม่เหล็กโลก มนุษย์จึงต้องป่วยตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ลองถามตัวท่านเองดูว่าเคยมีอาการอย่างนี้และเคยได้รับฟังข่าวสุขภาพเช่นนี้ บ้างไหม

    • รู้สึกหายใจได้ยาก หายใจได้ไม่อิ่ม หายใจได้แค่คอ หรือบางครั้งเหมือนหายใจไม่เข้า เหนื่อยง่าย
    • รู้สึกมึนและปวดศีรษะ น้ำตาไหลหรือตาฟางมองเห็นไม่ชัดโดยไม่ทราบสาเหตุ
    • รู้สึกหนักปวดเมื่อยทั่วตัว โดยเฉพาะที่ต้นคอ ไหล่ บั้นเอว จะลุก นั่ง ก้ม เงย เปลี่ยนอิริยาบถได้ลำบาก หรือมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างปัจจุบันทันที
    • กลางคืนนอนหลับได้ยาก ชอบตื่นกลางดึกและแทบไม่หลับอีกเลย
    • อยู่มาวันหนึ่งตรวจพบว่า มีอาการของเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง ทั้งๆที่ไม่เคยมีประวัติมาก่อน
    • ทราบข่าวว่าคนที่รู้จัก เพื่อนฝูง ฯลฯ เป็นอัมพฤกษ์หรือเสียชีวิตแล้ว ทั้งๆที่เมื่อวานยังพูดคุยกันเป็นปกติ
    • ฟังข่าวบอกว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะมี สาเหตุมาจาก “การติดเชื้อในกระแสเลือด” หรือบางคนเป็นนักกีฬาร่างกายแข็งแรง อายยุยังน้อยแต่มีอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เสียชีวิตทันที
    • พบผู้ป่วยมะเร็งมีเพิ่มมากขึ้นและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
    • เชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้กลายเป็นแชมป์ประจำปีไปเสียแล้ว
    ทุกอาการของโรคและทุกข่าวของการสูญชีวิตที่ได้ยิน ย่อมมีสาเหตุของการเกิดโรคและวิธีของการรักษา องค์ ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณใช้หลักของคลื่นพลังงานบำบัด เป็นทางเลือกของสุขภาพที่พึ่งตนเองสนับสนุนการใช้อาหารแทนยา และประเด็นสำคัญที่สุดคือ โรคภัยทุกชนิดมีสาเหตุเบื้องต้น สืบเนื่องมาจากพลังงานแม่เหล็กโลกแทบทั้งสิ้น ดังนั้นองค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จึงได้ปรับเปลี่ยนไปจากเดิมบ้างเพื่อแก้ไขอาการและรับมือกับความใหม่และ รุนแรงของโรคทุกโรคได้ทันท่วงที ด้วยการบำบัดรักษาทั้งสองส่วนควบคู่กันไปทั้งรูปหยาบและรูปละเอียด หรือทั้งกายสสารและกายพลังงาน
    องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณให้อุบายของหลักวิปัสสนากรรมฐานด้วยการดูกฎไตรลักษณ์ ตัวแรกคือ ความเป็นอนิจจัง (ความไม่เที่ยง) ดูให้เห็นอาการเกิด-ดับ (ยืด-หด) และการกระทบ 2 ส่วน หรือการหมุนธรรมจักร (รับ-เหวี่ยง) เป็นปัจจุบันขณะ ทั้ง 2 อุบายนี้หากผู้ฝึกปฏิบัติทำได้ จะให้ประโยชน์ทั้งกายหยาบและกายละเอียด (กายสสารและกายพลังงาน) ยังความเป็นปกติสุขและมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรงเนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา พลังงานภายในโลกยังคงสมดุลอยู่แตกต่างจากปัจจุบันอย่างสุดขั้ว
    เมื่อองค์ความรู้ฯ พัฒนาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น จนกลายเป็นทางเลือกของสุขภาพจึงมีการใช้อุปกรณ์ประกอบพลังพีระมิด เพิ่มขึ้นนอกเหนือไปจากการใช้พลังจิตเพียงอย่างเดียว พลังพีระมิดเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยดึงพลังงานละเอียด เช่น พลังกระแสลมปราณ พลังมโนธาตุและธาตุว่างเข้าสู่ร่างกาย ทั้งทางลมหายใจเข้า (อากาศ) และน้ำดื่มพลังกระแสลมปราณ และพลังมโนธาตุ หากแต่วิกฤตพลังงานกลับทวีความรุนแรงขึ้น องค์ความรู้ฯ จึงพัฒนาต่อไปอีกเพื่อหาทางรับมือกับความรุนแรงของโรคทุกโรคได้ทันท่วงที ทั้งการป้องกันและบำบัดรักษาอย่างหวังผลได้จริงอย่างครบถ้วนทั้งรูปหยาบและ รูปละเอียด หรือทั้งกายสสารและกายพลังงาน
    ท่านลองจินตนาการนึกถึงอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งให้ เห็นเป็นวงกลม ซ้อนอยู่ด้วยกันถึง 4 วง ซึ่งหมายถึงเนื้อเยื่อเซลล์ที่ซ้อนเรียงลำดับจากชั้นในออกมา มี 4 ชั้น
    [​IMG]

    • วงกลมที่ 1 เป็นวงกลมที่อยู่ลึกที่สุด มีขนาดเล็กมาก จนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เป็นจุดศูนย์กลางของเซลล์ ประกอบด้วยธาตุว่าง เรียกว่า นิวเคลียส
    • วงกลมที่ 2 เป็นวงกลมที่อยู่ถัดออกมา มีลักษณะออกสีขาว เป็นส่วนประกอบของมโนธาตุ คือธาตุรู้ของใจ
    • วงกลมที่ 3 เป็นวงกลมของเซลล์ชั้นกลาง มีลักษณะออกสีเหลือง เป็นส่วนประกอบของปราณหรือกระแสลมปราณ พลังแห่งชีวิต พลังของภูมิต้านทานร่างกายและยังเป็นพลังงานสำคัญทำให้เลือดไม่ข้น
    • วงกลมที่ 4 เป็นวงกลมของเซลล์ขอบนอก มีธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ
    จากการจำแนกให้เห็นเซลล์ทั้ง 4 ชั้น ภายในร่างกายของมนุษย์จะพบว่ามีสิ่งที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้เพียง 1 ส่วน เพราะมองเห็นโครงสร้าง หรือ รูปเป็นชาย-หญิง โครงสร้างเหล่านั้นประกอบขึ้นจากการรวมตัวของสสาร เช่น ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ (ธาตุดิน คืออาหารหลากหลายที่นำเข้าสู่ร่างกาย โดยการบริโภคเป็นส่วนประกอบหลักของเนื้อ กระดูก เอ็น, ธาตุน้ำ ได้แก่น้ำที่ดื่ม เลือด น้ำเหลือง, ธาตุลม หมายถึงออกซิเจน ไนโตรเจนรวมทั้งคาร์บอนไดออกไซด์, ธาตุไฟคือความร้อนที่เกิดจากการเผาผลาญ อาหาร ตลอดจนความร้อนที่ได้รับจากดวงอาทิตย์) ที่เหลืออีก 3 ชั้นเซลล์เป็นพลังงาน ถ่ายทอดรูปแบบที่เหมือนกันจากวงกลมที่ใหญ่กว่าคือโลกหากเราผ่าโลกออกมาดู จะเห็นได้ตามลำดับดังนี้
    [​IMG]
    1. ชั้นใน เป็นมโนธาตุสีขาว
    2. เป็นปราณ สีเหลือง
    3. เป็นพลังงานแม่เหล็กโลก สีเทาออกดำ
    4. ชั้นนอกเป็นแผ่นดิน พื้นน้ำ อากาศ ป่าไม้สิ่งมีชีวิต ฯลฯ

    1, 2 และ 3 เป็นพลังงาน 4 เป็นสสาร
    แกนพลังงานโลกซ้อนอยู่ในแกนสสารโลกฉันใด กายพลังงาน(กายละเอียด) จึงซ้อนอยู่กับกายสสาร(กายหยาบ) เฉกเช่นเดียวกัน หากพื้นผิวโลกที่มนุษย์อาศัยอยู่กำลังจะวิบัติเพราะพลังงานให้โทษ มนุษย์จะดำรงชีวิตอยู่ได้ ต้องควานหาพลังงานที่ดีเนื่องจากอาหารละเอียด, อาหารพลังงานจะช่วยรักษา ฟื้นฟู และส่งเสริมสุขภาพได้ ทั้งกายสสารและกายพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม
    กายสสาร (กายหยาบ) เป็นกายที่ประกอบขึ้นด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ จึงต้องเลี้ยงดูด้วยอาหารบริโภคที่มีโครงสร้างด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เหมือนกัน มีการเสื่อมถอย ร่วงโรย ผุพัง ไปตามกาลเวลา อยู่ได้นานไม่เกิน 100 ปี กายพลังงาน (กายละเอียด) เป็นกายที่ซ้อนอยู่ในกายหยาบ ประกอบขึ้นด้วยพลังกระแสลมปราณ พลังมโนธาตุ จากแกนพลังงานโลก ซึ่งมนุษย์ทุกคนได้รับมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของแม่ เป็นพลังงานที่เชื่อมโยงกับกายหยาบเป็น “สายใยแห่งชีวิต” บุคคลที่เสียชีวิตแล้วหากยังดับกิเลสได้ไม่หมด สายใยแห่งชีวิตนี้จะทำงานร่วมกับกิเลสที่ยังเหลืออยู่นำไปสู่ภพภูมิใหม่ใน สังสารวัฏ

    หนังสือ “ทางรอด” วิถีแห่งสุขภาพองค์รวมของคลื่นพลังงานบำบัด นั้นพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณได้นำเสนอสุขภาพทางเลือก โดยใช้อุปกรณ์ประกอบพลังพีระมิดดึงพลังกระแสลมปราณ พลังมโนธาตุ ผ่านทางอากาศคือการหายใจและน้ำดื่ม เช่นสร้อยพลังพีระมิด, กระป๋องยกอากาศ, เตียงพีระมิด, พัดลมพีระมิด, น้ำดื่มพลังปราณ-พลังมโนธาตุ ฯลฯ แต่เนื่องจากสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ มิได้มีเพียงแค่อากาศและน้ำเท่านั้น ยังต้องมีอาหารบริโภค และภาวการณ์ขาดพลังกระแสลมปราณ พลังมโนธาตุมิได้เกิดขึ้นเฉพาะมนุษย์ หากแต่พืชและสัตว์ทุกชนิดต่างประสบปัญหาการขาดพลังงานละเอียดทั้งสองอย่าง นี้อย่างเท่าเทียมกัน ทำให้พืช ผัก เนื้อสัตว์ ฯลฯ ที่เคยให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างครบครัน กลับด้อยคุณค่าลง
    “แสงสว่างที่ปลายทางรอด” วิถีแห่งสุขภาพองค์รวมของคลื่นพลังงานบำบัด ยังมีทางออกของสุขภาพเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ให้ยืนยาวต่อไปได้ตาม สมควร ตามสิทธิอันชอบธรรมที่ได้มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ในครั้งนี้องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เป็นการใช้พลังพีระมิดดึงพลังกระแสลมปราณ พลังมโนธาตุจากชั้นบรรยากาศแทรกลงไปในโมเลกุลของอาหาร เปลี่ยนสภาพจากโครงสร้างอาหารหยาบเป็นอาหารเสริมพลังงานที่อุดมไปด้วยพลัง กระแสลมปราณ พลังมโนธาตุ ที่นอกจากช่วยบำรุงรักษากายละเอียดแล้ว ปริมาณอาหารเสริมพลังงานจำนวนน้อยยังให้คุณค่าทางโภชนาการมากกว่าเดิมเป็น หลายเท่า เพียงพอกับความต้องการของกายหยาบในแต่ละวัน
    อุปกรณ์ประกอบพลังพีระมิด
    ผู้เขียนตั้งใจจะถ่ายทอด องค์ความรู้ฯเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบของพลังงานแม่เหล็กโลกอย่าง เป็นขั้นเป็นตอนโดยละเอียด แต่เนื่องจากพลังงานแม่เหล็กโลกมีการผันแปรที่รวดเร็วจนเกินไป ทำให้องค์ความรู้ฯกลายเป็นอดีตได้ภายใน 3-5 วัน ผู้เขียนจึงขอกล่าวถึงแต่เพียงย่อๆ สำหรับภาวะ ปัจจุบันของแต่ละปัจจุบันของพลังงานแม่เหล็กโลก (และพลังพีระมิด) ผู้ฝึกปฏิบัติฯโปรดติดตามจากคำสอนของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณด้วยตนเอง ต้องไม่ลืมว่าพลังงานแม่เหล็กโลกคือพลังงานที่หยิบยื่นความเป็นความตายให้ กับมนุษย์ และพลังพีระมิดคืออุปกรณ์ช่วยเหลือชีวิตนอกเหนือไปจากพลังจิตและพลังบุญ
    การผันแปรของพลังงานแม่เหล็กโลก ในช่วง 6 เดือน

    • 7 เมษายน พ.ศ. 2552 พลังงานอัดหนาแน่นมากจนทำให้เกิดสภาพนิ่ง และจุดที่นิ่งเป็นจุดแรกตามเส้นรุ้งเส้นแวงคือประเทศเม็กซิโก เมื่อสภาพนิ่งเกิดขึ้น เชื้อโรคเก่าๆที่เคยหมดพิษสงหรือมีความรุนแรงน้อยในอดีตจะย้อนกลับคืนมาและ รักษาได้ยากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโรคที่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
    • ภาวะแน่น หายใจได้ยากยังคงทวีขึ้นทุกวัน นอกเสียจากมีแผ่นดินไหว เกิดขึ้นบ้าง ณ จุดหนึ่งจุดใดของโลกจึงจะรู้สึกว่าภาวะแน่นค่อยคลายลง หายใจได้โล่งลึก ไปอีกสัก 1-3 วัน อนึ่ง การจะรู้สึก สัมผัสได้ว่า ลมหายใจของตนเองเป็นอย่างไร ผู้ฝึกปฏิบัติต้องใส่สร้อยพลังพีระมิดจึงจะสามารถรับรู้ได้
    • ตามปกติพลังงานแม่เหล็กโลกจะเคลื่อนที่เร็ว กว่าแสงของดวงอาทิตย์ แต่ตั้งแต่กลางเดือนเมษายน พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา ปรากฏว่า พลังงานแม่เหล็กโลกเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เท่ากันกับแสงของดวงอาทิตย์ เกิดการเสียดสีกันระหว่างพลังงานทั้งสอง เกิดความร้อนเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งมีแสง ปรากฏ “วาบ” ออกมา เป็นสาเหตุทำให้เกิดการ “ช๊อต” หรือ “สปาร์ค” (Shot, Spark) ขึ้น ทั้งในชั้นบรรยากาศและเซลล์ของมนุษย์หากการช๊อตเกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศ จะทำให้เชื้อโรคหลายชนิดถูกพลังงานความร้อนช๊อตจนกลายเป็นธาตุดับ ทำให้การรักษาทำได้ยากยิ่งขึ้น และถ้าการช๊อตเกิดขึ้นในเซลล์ร่างกายจะเพิ่มอัตราความผิดปกติของเซลล์อย่าง รวดเร็ว ผลคือมีผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้น
    • ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2552 เชื้อไวรัส 2009 ได้แพร่ระบาดมาถึงประเทศไทย และเชื้อไวรัส 2009 นี้ จะอยู่คู่กับโลกไปอีกนานประมาณ 3 ปีเศษ และพัฒนาความรุนแรงคล้อยตามพลังงานแม่เหล็กโลกเสมอ
    • 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ความหนาแน่นเพิ่มมากขึ้นจนทำให้รูจมูกข้างขวาตัน (ไม่มีลมหายใจเข้าที่รูจมูกข้างขวา จะสัมผัสได้เมื่อมีพลังพีระมิดติดตัว)
    • 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552 รูจมูกข้างซ้ายตัน ผู้ฝึกปฏิบัติฯลองตรวจเช็คได้ด้วยตนเองว่า ไม่มีลมหายใจเข้าทางรูจมูกทั้งสองข้างแล้วจริงๆ (จะสัมผัสได้เมื่อมีพลังพีระมิดติดตัว)
    อุปกรณ์ประกอบพลังพีระมิด ที่ลูกศิษย์ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้มีทั้งสิ่งที่เหมือนเดิมและแตกต่างไปจากหนังสือ“ทางรอด”
    สิ่งที่เหมือนเดิม ได้แก่หลักการและเหตุผลของการนำพลังพีระมิดมาประยุกต์ใช้, อุปกรณ์ยังคงมีหลอดแกนพีระมิด , กระป๋องยกอากาศ ,แถบพลังพีระมิด ฯลฯ
    สิ่งที่แตกต่าง คือ ก้อนพีระมิด จะเป็นชนิด เจาะ 2 รูทะลุถึงกัน เพื่อเร่งการปลดปล่อยพลังงานแม่เหล็กโลกและมลภาวะให้พ้นออกไปจากร่าง กายอย่างรวดเร็ว, หลอดแกนพีระมิด พัฒนามาเป็นสร้อยพลังพีระมิด ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดวางก้อนพีระมิดอยู่บ่อยๆเพื่อประโยชน์ที่ สำคัญคือ ช่วยให้หายใจได้สะดวก ปัจจุบันมีลักษณะแบบใด โปรดดูของจริงได้จากงานฝึกอบรมฯ, วิธีจัดวางแถบแกนพีระมิดในปัจจุบันนี้ จะวางอยู่ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ หรือแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของพลังงานแม่เหล็กโลกเสมอ
    สิ่งเตือนใจ โปรดอย่าหงุดหงิดรำคาญใจเมื่อต้องปรับเปลี่ยนสร้อยพลังพีระมิด หรืออุปกรณ์ประกอบพลังพีระมิดอื่นๆ เพราะคุณยังโชคดีที่ยังมีโอกาสได้เปลี่ยนมาใช้ของใหม่

    ที่มา health12 (ingdhamma)
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดแผ่นดินไหว 6.2 ริกเตอร์ ตอนใต้ตองกา

    [​IMG]

    นูกูอะโลฟา 2 พ.ย. - สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.2 ริกเตอร์ ทางตอนใต้ของตองกา แต่ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายหรือคลื่นยักษ์สึนามิ

    สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ ระบุว่า แผ่นดินไหวดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ห่างจากกรุงนูกูอะโลฟาไปทางใต้ 330 กม. และลึกลงไป 10 กม.ก่อนหน้านี้เมื่อ 5 สัปดาห์ก่อน เกาะทางตอนเหนือของตองกาเพิ่งเผชิญแผ่นดินไหวขนาด 8 ริกเตอร์ ทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ คร่าชีวิตผู้คนไป 9 คน นอกจากนี้ คลื่นยักษ์สึนามิยังคร่าชีวิตผู้คนในซามัวไป 143 คน และดินแดนอเมริกันซามัวอีก 34 คน. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 19:33:59

    เรือล่มที่ออสเตรเลีย ช่วยชีวิตได้แล้ว 15 อีก 25 คนยังสูญหาย

    [​IMG]

    ออสเตรเลีย 2 พ.ย. - เกิดเหตุเรืออับปางนอกชายฝั่งออสเตรเลีย มีผู้ที่ได้รับการช่วยชีวิตแล้ว 15 คน ขณะที่อีก 25 คนยังคงสูญหาย

    โฆษกสำนักงานความปลอดภัยทางทะเลของออสเตรเลียเปิดเผยว่าเรือบรรทุกก๊าซและเรือประมงของไต้หวันได้เข้าให้การช่วยเหลือเรือเล็กลำหนึ่งซึ่งประสบเหตุอับปางลงนอกชายฝั่งเกาะโคโกส ทางตะวันตกของออสเตรเลียเมื่อวานนี้ โดยเรือทั้งสองลำสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ 15 คน หลังได้รับการร้องขอจากทางการ แต่ยังคงมีผู้สูญหายอีก 25 คน

    ซึ่งขณะนี้การค้นหายังคงดำเนินต่อไป สำหรับเรือลำที่ประสบเหตุนั้น ทางการออสเตรเลียไม่ได้ยืนยันว่าเป็นเรือของผู้อพยพหรือไม่ ทั้งนี้ ตลอดปีที่ผ่านมามีเรือผู้อพยพหลายสิบลำที่พยายามจะเดินทางมายังออสเตรเลีย ซึ่งผู้อพยพส่วนใหญ่มาจากศรีลังกาและอัฟกานิสถาน. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 09:37:15

    ไฟไหม้ชุมชนแออัดในฟิลิปปินส์ เสียชีวิต 16 คน

    [​IMG]

    มะนิลา 2 พ.ย. – เจ้าหน้าที่ตำรวจของทางการฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศในวันนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 16 คน

    เพลิงได้เริ่มลุกไหม้ขึ้นก่อนรุ่งสางของวันนี้ ในเขตชุมชนแออัด ซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองบาโคลอด และลุกลามอย่างรวดเร็วจนเผาไหม้บ้านเรือนไป 47 หลัง เจ้าหน้าที่สอบสวนเหตุวางเพลิงกล่าวว่า เพลิงไหม้ดังกล่าว อาจมีสาเหตุมาจากเทียนซึ่งชาวบ้านจุดขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในวัน All Souls' Day ซึ่งเป็นวันสวดมนต์สำหรับคนที่เสียชีวิต. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 13:21:24

    ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดนอกโรงแรมในปากีสถานเพิ่มเป็น 34 คน

    [​IMG]

    ราวัลปินดี 2 พ.ย. - โฆษกหญิงหน่วยกู้ภัยปากีสถานเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่ด้านนอกธนาคารและโรงแรมในเมืองราวัลปินดีของปากีสถาน เพิ่มขึ้นเป็น 34 คน และผู้บาดเจ็บเพิ่มเป็น 45 คน

    ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงกล่าวว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเป็นฝีมือของมือระเบิดฆ่าตัวตายที่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ เหตุระเบิดเกิดขึ้นขณะที่ผู้คนจำนวนมากกำลังอยู่ด้านนอกธนาคารเนชั่นแนล เพื่อรอรับเงินเดือน ธนาคารดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้กับกองบัญชาการทหาร ซึ่งในจำนวนผู้เคราะห์ร้ายมีทหารรวมอยู่ด้วย
    ด้านประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ระดับสูงปากีสถานต่างประณามเหตุระเบิดครั้งนี้ พร้อมประกาศจะเดินหน้าสู้รบในเซาท์วาซิริสถานต่อไป สหรัฐเชื่อว่าเซาท์วาซิริสถานเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีทหารตะวันตกในอัฟกานิสถาน

    ขณะเดียวกัน สหประชาชาติกล่าวว่ากระแสความรุนแรงที่แผ่ขยายออกไปทำให้สหประชาชาติต้องถอนเจ้าหน้าที่บางส่วน และระงับงานด้านการพัฒนาระยะยาวในพื้นที่ตามแนวพรมแดนอัฟกานิสถานซึ่งติดกับปากีสถาน. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 18:24:06

    ไต้ฝุ่นมิรีแนจะทำให้เกิดฝนตกหนักแถบที่ปลูกกาแฟของเวียดนาม

    [​IMG]

    ฮานอย 2 พ.ย. - ไต้ฝุ่นมิรีแนจะพัดขึ้นฝั่งเวียดนามในวันนี้ และคาดว่าทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่เพาะปลูกกาแฟ ของเวียดนามซึ่งเป็นผู้ปลูกกาแฟรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก หลังจากเพิ่งพัดถล่มฟิลิปปินส์เมื่อสุดสัปดาห์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน

    สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติเวียดนาม รายงานว่า ขณะนี้ไต้ฝุ่นมิรีแน กำลังเคลื่อนตัวอยู่ห่างจากชายฝั่งภาคกลางราว 200 กม. คาดว่าจะอ่อนกำลังลงขณะพัดขึ้นฝั่งเวียดนาม แต่พายุจะเคลื่อนตัวตัดผ่านตอนใต้ของพื้นที่ราบสูงภาคกลาง ซึ่งรวมทั้งจังหวัดเลิมด่ง แหล่งปลูกกาแฟใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ และจะสร้างความเสียหายแก่กาแฟที่กำลังแห้ง ทั้งจะทำให้การขนส่งถั่วสดไปท่าเรือไซ่ง่อนต้องล่าช้าเป็นเวลาหลายวัน ก่อนที่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะแตะระดับสูงสุดในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไต้ฝุ่นมิรีแน เพิ่งจะพัดถล่มฟิลิปปินส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน และสร้างความวุ่นวายให้การคมนาคม แต่ไม่มีรายงานความเสียหายเป็นวงกว้าง -สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 10:01:27

    เวียดนามพบการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในสัตว์ปีก

    [​IMG]

    ฮานอย 2 พ.ย. - กรมสุขภาพสัตว์ของเวียดนามเปิดเผยว่า รัฐบาลเวียดนามได้ออกประกาศการพบไข้หวัดนกในสัตว์ปีกอีกครั้ง หลังจากไม่มีรายงานการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก เอช 5 เอ็น 1 มาเป็นเวลาถึง 6 เดือน

    มีรายงานพบสัตว์ปีกติดเชื้อไวรัสดังกล่าวในฟาร์ม 9 แห่ง ในจังหวัดเดียนเบียน ทางตอนเหนือของประเทศ ระหว่างวันที่ 21-23 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยคณะทำงานของกรมสุขภาพสัตว์ได้กำจัดสัตว์ปีกไปแล้วกว่า 2,200 ตัว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค เวียดนามเป็นประเทศที่พบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอินโดนีเซีย โดยมีผู้เสียชีวิต 56 คน และในปีนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 4 คน โดยรายล่าสุดเป็นหญิงวัย 23 ปี เสียชีวิตเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา. - สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 14:57:09

    ไฟไหม้เรือเจาะของ ปตท.สผ.ในทะเลติมอร์ที่มีน้ำมันรั่ว

    [​IMG]

    ซิดนีย์ 1 พ.ย.-เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียแจ้งว่า เรือเจาะของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.ในทะเลติมอร์ที่มีน้ำมันรั่วมานานกว่า 10 สัปดาห์ เกิดไฟไหม้ในวันนี้ แต่สามารถอพยพคนงานทุกคนได้อย่างปลอดภัย

    เรือเจาะเวสต์แอทลาสเป็นของพีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย บริษัทในเครือของ ปตท.สผ. เกิดน้ำมันรั่วขณะเจาะหลุมพัฒนาในแหล่งมอนทาราตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคมและเพิ่งหยุดการรั่วได้ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียเผยว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังนำโคลนถมรอยรั่วจากหลุมพัฒนา ได้เกิดไฟไหม้เรือเจาะและหลุมพัฒนา อย่างไรก็ดี คนงานทั้งหมดปลอดภัยและได้รับการอพยพออกจากเรือซึ่งลอยลำอยู่ห่างฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย 200 กิโลเมตร ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งลดความรุนแรงของไฟ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำกำลังเร่งปิดรอยรั่ว

    รัฐบาลออสเตรเลียออกรายงานวานนี้ว่า น้ำมันที่รั่วเสี่ยงเป็นอันตรายต่อนกและสัตว์น้ำ แต่ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบทั้งหมดได้ นางราเชล ซีเวิร์ท วุฒิสมาชิกพรรคกรีนส์ กล่าววันนี้ว่า น้ำมันที่รั่วไหลเข้าสู่มหาสมุทรนอกจากส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อการทำประมงทั้งในออสเตรเลียและอินโดนีเซีย ล่าสุดยังเกิดปัญหาเรื่องไฟไหม้ขึ้นอีก

    อนึ่ง ปตท.สผ.ตั้งเป้าสูบน้ำมันจากแหล่งมอนทาราได้วันละ 35,000 บาร์เรล ซึ่งจะทำให้ยอดจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียมในปีนี้เพิ่มเป็นวันละ 240,000 บาร์เรล.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-01 17:36:00

    เหตุน้ำมันรั่วนอกชายฝั่งออสเตรเลียกระทบอินโดนีเซียแล้ว

    [​IMG]

    กุปัง 2 พ.ย. - กลุ่มเวสต์ติมอร์แคร์ฟาวน์เดชั่น เปิดเผยวันนี้ว่า คราบน้ำมันนอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ส่งผลกระทบต่ออินโดนีเซียแล้ว ทำลายปลาและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในหมู่บ้านยากจนริมทะเลติมอร์

    รายงานระบุว่า ชาวประมงราว 7,000 คน ในจังหวัดอีสต์นูซาเตงการา กำลังได้รับผลกระทบจากน้ำมันที่รั่วไหลออกมาจาแท่นขุดเจาะน้ำมันเวสต์แอตลาส ที่ดำเนินงานโดยบริษัท พีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย บริษัทในเครือของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด และปล่อยน้ำมันลงสู่ทะเลติมอร์แล้วหลายพันบาร์เรล นับแต่เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา รายงานระบุว่า หลังจากน้ำมันเริ่มรั่ว รายได้ของชาวประมงก็ลดลงถึงร้อยละ 40 และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วรายได้ลดลงไปมากถึงร้อยละ 80 ด้านกองทุนสัตว์ป่าโลกกล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของออสเตรเลีย

    แท่นขุดเจาะน้ำมันเวสต์แอตลาส เริ่มเกิดไฟลุกไหม้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในระหว่างพยายามอุดรอยรั่ว ส่งผลให้เกิดไฟลุกท่วมบนแท่นขุดเจาะที่อยู่ห่างจากชายฝั่งออสเตรเลียราว 250 กม. - สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 16:47:06

    จีนเร่งทำความสะอาดคราบน้ำมันในแม่น้ำแยงซี

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 2 พ.ย. – สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า เจ้าหน้าที่กำลังเร่งทำความสะอาดคราบน้ำมันบริเวณปากแม่น้ำแยงซี หลังเรือของอิหร่านเกยตื้นเพราะสภาพอากาศอันเลวร้าย

    เมื่อวานนี้เรือขนส่งสินค้าลำดังกล่าวได้เกยตื้นในมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ พร้อมผู้โดยสาร 37 คน ในจำนวนดังกล่าวเป็นเด็กชายวัย 2 ปี 1 คน ซึ่งขณะนี้ได้รับการช่วยเหลือไปสู่ที่ปลอดภัยแล้ว น้ำมันเชื้อเพลิงได้เริ่มรั่วออกมาจากตัวเรือ ภายหลังจากเกิดอุบัติเหตุไม่นาน โดยภาพข่าวแสดงให้เห็นว่า คราบน้ำมันขนาดใหญ่ได้ขยายตัวปกคลุมพื้นน้ำระหว่างตัวเรือกับชายฝั่งแล้ว

    ขณะนี้ทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่จำนวน 30 คนพร้อมเรือ 4 ลำออกไปทำความสะอาดคราบน้ำมัน แต่ปฏิบัติการดังกล่าวถูกขัดขวางจากกระแสลมแรง ซึ่งมีความเร็วลมสูงถึง 100 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม คาดว่า ทางการจะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปยังที่เกิดเหตุเพิ่มขึ้นเมื่อลมได้สงบลงแล้ว -สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 15:30:16

    สถาบันปล่อยเงินกู้รายใหญ่ในสหรัฐประกาศล้มละลาย

    [​IMG]

    วอชิงตัน 2 พ.ย. - ซีไอที กรุ๊ป สถาบันปล่อยเงินกู้แก่ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ประกาศล้มละลายเมื่อวานนี้ โดยคณะกรรมการบริษัทอนุมัติแผนปรับโครงสร้างเพื่อฟื้นฟูกิจการและสะสางหนี้สิน 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 330,000 ล้านบาท)

    หลังได้รับความช่วยเหลือจากที่เกือบล้มละลายเมื่อเดือน ก.ค. เพราะรัฐบาลสหรัฐไม่ยอมให้ความช่วยเหลือ ซีไอที กรุ๊ป พยายามประคับประคองไม่ให้ธุรกิจล้มละลายมาตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และได้รับเงินกู้ฉุกเฉิน 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 148,500 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมา

    ล่าสุด ซีไอที กรุ๊ป แถลงว่า คณะกรรมการอำนวยการบริษัทได้ลงมติให้ดำเนินแผนปรับโครงสร้างฟื้นฟูกิจการของซีไอที กรุ๊ป ซึ่งจะช่วยปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท และลดโครงสร้างเงินทุนลง ภายใต้แผนการดังกล่าว คาดว่า จะช่วยลดหนี้สินของบริษัทได้ทั้งสิ้น 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 330,000 ล้านบาท) เป็นการลดความต้องการสภาพคล่องลงอย่างมากในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มอัตราเงินทุน และช่วยเร่งให้สามารถทำกำไรได้อีกครั้ง ทั้งจะทำให้ธุรกิจในเครือ อาทิ ธนาคารซีไอที แบงก์ สามารถดำเนินกิจการได้ต่อไป

    คำร้องที่ยื่นต่อศาลล้มละลายในเขตแมนฮัตตัน ระบุว่า ซีไอที กรุ๊ป ซึ่งดำเนินกิจการมา 101 ปี มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 71,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.3 ล้านล้านบาท) และมีหนี้สินเกือบ 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.1 ล้านล้านบาท) กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ 5 ของประวัติศาสตร์สหรัฐที่ล้มละลาย หลังจากการล้มละลายของ เลห์แมน บราเธอร์ส วอชิงตัน มิวชวล เวิร์ลคอม และเจเนอรัล มอเตอร์ส. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 09:30:27

    ผู้นำยูเครนวอนอย่าตื่นกลัวหวัด 2009 ระบาด

    [​IMG]

    ยูเครน 2 พ.ย. - นายกรัฐมนตรียูเครน เรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ หลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศ ก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

    นางยูเลีย ทิโมเชนโก ผู้นำยูเครน ยอมรับระหว่างแถลงต่อประชาชนว่า กำลังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส เอช 1 เอ็น 1 ในประเทศ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อประชาชน แต่นางทิโมเชนโก ย้ำไม่ให้ประชาชนตื่นกลัว และว่า รัฐบาลได้เร่งดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดแล้ว รวมถึงแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการได้รับเชื้อไวรัส

    ทั้งนี้ ยูเครนกำลังเผชิญการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในหลายพื้นที่ทางภาคตะวันตกของประเทศ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน ทำให้รัฐบาลประกาศปิดโรงเรียนทั่วประเทศเป็นเวลา 3 สัปดาห์ รวมถึงห้ามการชุมนุมตามที่สาธารณะต่าง ๆ โดยยูเครนเตรียมจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในวันที่ 17 ม.ค.ปีหน้า. - สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 05:37:04

    วัคซีนต้านไข้หวัดใหญ่ส่งถึงยูเครนแล้ว

    [​IMG]

    ยูเครน 3 พ.ย. - วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ถูกส่งมาถึงยูเครนแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ไม่ทราบสายพันธุ์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

    นายกรัฐมนตรียูเลีย ทิโมเชนโก ของยูเครน แสดงความยินดีที่วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ถูกส่งมาถึงกรุงเคียฟ ขณะที่กำลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 48 คน และอีกหลายพันคนล้มป่วย โดยเฉพาะพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศ แต่ยังไม่แน่ชัดว่า ทั้งหมดติดเชื้อไวรัสชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 สาเหตุของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือไม่ ขณะที่ประชาชนต่างสวมหน้ากากอนามัย ระหว่างดำเนินชีวิตประจำวัน

    ด้านกระทรวงสาธารณสุขอัฟกานิสถาน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข หลังพบผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รายแรกของประเทศ เป็นชายชาวอัฟกัน วัย 35 ปี ทำให้ทางการประกาศปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ 3 วัน. - สำนักข่าวไทย

    2009-11-03 02:34:49

    ที่มา http://news.mcot.net/international/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    The Nephilim

    [​IMG]

    "ในคราวนั้น มีคนเนฟิล (พวกมนุษย์ยักษ์) อยู่บนแผ่นดิน..." (ปฐมกาล 6.4)

    " แผ่นดินที่เราได้ไปสืบดูตลอดแล้วนั้น เป็นแผ่นดินที่กินคนซึ่งอยู่ในนั้น ชาวเมืองที่เราเห็นเป็นคนรูปร่างใหญ่โต ที่นั่น เราเห็นคนเนฟิลในสายตาของเรา เราเหมือนเป็นตั๊กแตน ในสายตาของเขาก็เหมือนกัน" (กันดารวิถี 13.32-33)

    จากเรื่องราวใน หนังสือปฐมกาลและกันดารวิถี ซึ่งเป็นหนังสืออยู่ในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิม ได้เขียนไว้ชัดเจนว่า มีมนุษย์ยักษ์เนฟิลิม ลักษณะของมนุษย์ยักษ์นั้นคือ มีรูปร่างใหญ่โต แสดงว่าจะต้องมีรูปร่างใหญ่โตกว่าคนในสมัยนั้นมากนัก ทั้งๆ ที่ตามหลักฐานทางโบราณคดีหลายชิ้นระบุว่า มนุษย์โบราณทั่วไปก็มีรูปร่างใหญ่โตกว่าคนในปัจจุบันนี้

    แต่นี่ มนุษย์ยักษ์เนฟิลิมกลับมีรูปใหญ่โตกว่ามนุษย์โบราณยุคแรกๆของโลก จึงทำให้คนส่วนใหญ่เกิดคำถามขึ้นมาว่า มนุษย์ยักษ์มีจริงหรือ? หรือว่าพระคริสต์ธรรมคัมภีร์เขียนขึ้นเอง?

    เรื่องฑูตสวรรค์ที่เรียกว่า "เนฟิลิม" นี้ ถือว่ายังลึกลับในวงการคริสเตียนอยู่ เหตุผลคือ
    1. พระคัมภีร์กล่าวถึงแบบตรง ๆ ค่อนข้างน้อยมาก มีเฉพาะในพระคัมภีร์เดิมเท่านั้น
    2. เรื่องราวส่วนใหญ่อยู่ในหนังสือของเอโนค "ฺBook of Enoch" ซึ่งไม่ได้ถูกรวบรวมเข้าสารระบบพระคัมภีร์ที่เห็นปัจจุบันนี้

    [​IMG]

    สรุป เนฟิลิม คือพวกฑูตสวรรค์กลุ่มหนึ่งที่มีหัวหน้าใหญ่คือลูซิเฟอร์ ล่อลวงและพามายังโลกด้วย พวกนี้เท่าที่มีผู้ศึกษาในต่างประเทศได้ค้นคว้า หาข้อมูลจากแหล่ง ต่าง ๆ และในหนังสือเอโนคจริงจัง พบว่า พวกนี้ครั้งหนึ่งได้เคยลงมาสมสู่กับมนุษย์ผู้หญิงที่เป็นมนุษย์โลกปกติ และให้กำเนิดมนุษย์ประหลาดตัวโต เก่งกาจ ไอคิวสูงมาก และแพร่ขยายไปมาก และก่อให้เกิดมนุษย์ยักษ์ที่มีอายุยืน และมีอยู่ในตำนานมนุษย์ทั่วโลก และแพร่กระจายไปยังสัตว์

    เป็นที่มาของ ไดโนเสาร์ และการกลายพันธุ์ของสัตว์แปลก ๆ ซึ่งทำให้เชื่อกันว่านั่นคือการวิวัฒนาการ แต่มันคือการผสมและพยายาม บิดเบือนสิ่งสมบูรณ์ที่พระเจ้าสร้างมาแต่แรก สัตว์ยักษ์ มนุษย์ยักษ์ สัตว์ประหลาด รูปทรงประหลาดผิดปกติ อัปลักษณ์ วิญญาณฑูตสวรรค์ชั่วส่งผบต่อกายภาย หรือวิญญาณส่งผลต่อวัตถุภายนอก วิญญาณชั่วก็ส่งผลให้เกิดรูปกายที่อัปลักษณ์และน่ากลัวด้วย

    จริง ๆ แล้วฑูตสวรรค์ทั้งดีและชั่วหรือพวกเนฟิลิมนี้ เป็นวิญญาณที่สามารถปรากฎในร่างมนุษย์มีเนื้อหนังได้ ดังเช่นที่กล่าวหลายครั้งในพระคัมภีร์เดิม เราไม่รู้ลึกมากเกี่ยวกับ ชีวิตความเป็นอยู่ของฑูตสวรรค์ทั้งสองกลุ่ม เอโนคเป็นคนที่ได้รู้ได้เห็นเรื่องโลกวิญญาณและโลกฑูตสวรรค์อย่างมากจนเขียน เป็นหนังสือหรือเชิงจดหมายเหตุบันทึกไว้เป็นเล่ม

    คำถามคือเหตุใดหนังสือเอโนคไม่ถูกรวบเข้าสารระบบพระคัมภีร์ เพราะมันล่อแหลม เนื่องจากหนังสือเอโนคบรรยายไว้มากเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ และ พวกพ่อมด แม่มด หมอผีนั้นมักเอาเรื่องที่เอโนคเปิดเผยถึงสิ่งเหล่านี้ไปใช้เป็นประโยชน์ใน ทางมืด ซึ่งมันล่อแหลมต่อผู้เชื่อที่จะหลงไปกับสิ่งเหล่านี้ได้

    แต่ไม่ได้หมายความว่าหนังสือเอโนคคือคู่มือพ่อมดหรือแม่มด เพียงแต่กล่าวเล่าเรื่องราวรายละเอียดมากถึงการติดต่อสื่อสารระหว่างสิ่ง เหล่านี้กับมนุษย์ และอื่น ๆ ตามที่เขาได้รู้ได้เห็น การหมกหมุ่นสนใจมากอาจถูกล่อให้หลงไปได้กับการหลงในในอำนาจเหนือธรรมชาติจากอำนาจมืด พระเจ้าก็เลยให้น้ำท่วมโลก เพราะน้ำไม่ว่าอะไรก็หนีไม่พ้น

    คำถามต่อมาแล้วพวกมนุษย์ยักษ์พวกนี้ไปหลบที่ไหน คำตอบก็คือตายหมดสมัยน้ำท่วมโลกแล้ว รวมทั้งสัตว์ประหลาดต่าง ๆ อีกเหตุหนึ่งที่ต้องให้น้ำท่วมโลกเพราะเชื้อสายมนุษย์ที่ผสมและผิดปกติไปนี้ อาจจะไปผสมกับครอบครัวของโนอาห์ในอนาคตได้ ซึ่งนั่นจะทำให้มีผลต่อการมาเกิดของพระเยซู คือเป็นการทำลายพงศ์พันธุ์ของอิสราเอลที่พระเยซูจะมาเกิด และมนุษย์โลกจะไม่รอดหากเป็นเช่นนี้

    ส่วนวิญญาณพวกมนุษย์ยักษ์และตัวประหลาดยังอยู่ ผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์และถกเถียงกันว่าพวกนี้คือวิญญาณที่หลบไปอยู่ใต้ โลกเพราะโลกด้านบนน้ำท่วม ดังที่เคยมีเรื่องเล่าตำนานของชนเผ่าอื่น ๆ ที่ว่าโลกเรานี้กลวง หรือไม่ได้ตันอย่างที่คิด ซึ่งก็น่าจะจริงว่าโลกอาจจะ "กลวง" ก็ได้

    [​IMG]
    ความสูงของโกไลแอธนั้น หากเทียบมาตรากับสมัยนี้แล้วก็ประมาณ 9 ฟุต (270 ซม.)

    กลับมาต่อ...ก็เลยทำให้เรื่องเนฟิลิมนั้นไม่ได้ถูกสอนและเผยแพร่ คริสเตียนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าพวกนี้มีอยู่จริง หรือคิดแต่ว่าคงเป็นพวกวิญญาณที่จับต้องตัวตนไม่ได้ เพราะหนังสือของเอโนคไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์ หลายคนอ่านพระคัมภีร์เดิมในปฐมกาลที่กล่าวถึงพวกมนุษย์ยักษ์ที่สู้กับดาวิด เข้าใจว่าดาวิดคงจะเป็นแค่เด็กตัวเล็ก หรือตัวแคระ แต่จริง ๆ แล้วดาวิดก็เป็นคนปกติ แต่สู้กับยักษ์จริง ๆ ไม่ใช่สู้กับคนตัวใหญ่ธรรมดา ๆ อย่างที่คิด และพวกคนมีชื่อเสียงที่พระคัมภีร์กล่าวก็คือเนฟิลิม คือพวกฉลาดผิดมนุษย์ปกติ พวกมนุษย์ยักษ์ที่แย่งอาหารมนุษย์ปกติและแพร่ขยายไปมาก จนในที่สุดก็หันมากินมนุษย์ปกติ

    เนฟิลิมจะฉลาดกว่ามนุษย์ปกติไอคิว สูง พวกเนฟิลิมนี้เองที่สอนมนุษย์ปกติให้รู้จักการทำเครื่องโลหะ การถลุงแร่ การเล่นแร่แปรธาตุ เวทมนต์คาถา และการสร้างวัสดุสิ่งของต่าง ๆ โดยธรรมชาติฑูตสวรรค์ทั้งดีและชั่วล้วนฉลาดกว่ามนุษย์ธรรมดา ๆ อยู่แล้ว พวกที่หลบไปอยู่ใต้โลกก็ออกมาในรูป UFO มนุษย์ต่างดาวที่เห็น พวก นี้มีเนื้อหนังจริง จับต้องได้ มีไอคิวสูง เลยสามารถสร้างยานอวกาศได้ด้วยเทคโนโลยีที่สูงกว่ามนุษย์

    จะว่าไปแล้วเนฟิลิมพวกนี้ก็ดูเหมือนถูกตัดขาดจากโลกส่วนอื่นเพราะหนีไป อยู่ใต้โลกสมัยน้ำท่วมโลกแล้ว หรือถูกขังไว้ และเป็นวิญญานในนรกหรือเป็นซาตานในนรกที่คอยทรมานวิญญาณคนตาย

    ในเมื่อเนฟิลิมสมัยเอโนคนั้นมีพัฒนาการอย่างไร ฉลาดและก้าวหน้ากว่ามนุษย์สมัยนั้นอย่างไร เนฟิลิมสมัยนี้ก็มีพัฒนาการเหมือนกันคือไฮเทคเหมือนกันก็ว่าได้ ก็คือสร้างยานอวกาศได้ฉลาดกว่ามนุษย์สมัยนี้ด้วย หรือดำเนินไปตามโลกมนุษย์เหมือนกัน คือมันฉลาดกว่าไอน์สไตน์หลายเท่าก็ว่าได้ มนุษย์เรายังโง่กว่าอีกเยอะ สรุปรวม ๆ กันแล้วก็คือพวกซาตาน

    เอโนค พระคัมภีร์กล่าวว่าเขาเป็นคนที่ดำเนินชีวิตกับพระเจ้า คือเป็นคนที่มีความเชื่อในพระเจ้า และมีชีวิตที่ชอบธรรม พระเจ้าจึงรับเขาหายไปเลย ซึ่งเอโนคถูกรับหายขึ้นไปก่อนน้ำท่วมโลกสมัยโนอาห์


    ตรงนี้น่าคิดมาก ๆ ว่า ทฤษฏี Rapture หรือ การที่พระเจ้าจะรับผู้เชื่อให้หายไปจากโลก ก่อนที่จะเกิดกลียุคเวทนาก่อน วันสิ้นยุคอาจจะเกิดจริง เพราะเอโนคอาจเป็นนัยบ่งบอก พระคัมภีร์กล่าวว่า ก่อนวันสิ้นยุคหรือก่อนที่พระเยซูจะกลับมาครั้งที่สอง เหตุการณ์ต่าง ๆในโลกนี้จะเหมือนสมัยโนอาห์ คือ

    จะมีการปรากฎตัวของเนฟิลิมอย่างโจ่งแจ้ง เด่นชัด การล่อลวงอย่าง ก็คือพวก UFO มนุษย์ต่างดาว เอเลี่ยน ที่ออกอาละวาดอย่างมากในปลายยุคนี้ หรือเป็น "มหากาพย์" แห่งการโกหกหลอกลวงระดับโลกจากเนฟิลิม ให้ผู้เชื่อหลงไปหรือให้คนทั่วไปหลงตาม และคิดว่ามนุษย์ต่างดาวคือพระเจ้าที่สร้างมนุษย์ขึ้นมาได้เอาเซลล์มาเพาะไว้ ที่โลกนี้เมื่อหลายหมื่นปีก่อนแล้วกลับมาดูงาน

    สำหรับคนทั่วไปมันคือมนุษย์ต่างดาว แต่สำหรับคริสเตียนมันคือ การกลับมาของเนฟิลิม หรือ "the return of nephilim" คือสัญญาณที่ตรงกับสมัยโนอาห์ คือพวกเนฟิลิมสมัยที่เอโนค โนอาห์ อยู่ที่มีมาก เราเห็นมนุษย์ต่างดาวปรากฎอย่างมากมหาศาลในช่วงไม่กี่สิบปีหลังมานี้ทุกที่ทั่วโลกและนอกโลกตลอดเวลาไม่เคยขาด และการลักพาตัวมนุษย์ปกติไปของมนุษย์ต่างดาว ซึ่งกระทำการเหมือนสมัยเอโนคทุกประการ คือการสมสู่ ผสมพันธุ์ การทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์

    เพราะพระเยซูไม่ได้มาไถ่บาปฑูตสวรรค์และ วิญญาณสมสู่เหล่านี้ แต่เพื่อมนุษย์ปกติ ทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนกันทุกประการแต่ต่างยุคสมัยแค่นั้นเอง ซึ่งถ้าการติดต่อกับเนฟิลิมในการสร้าง ค้นคว้าอะไรทางวิทยาศาสตร์เป็นจริงดั่งคำร่ำลือใน Area 51 อย่างที่ ดร.อาจอง บอกแล้วละก็ เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก!! จนบางคนถึงกับกล่าวว่า คนบางคนในโลกนี้อาจไม่ใช่มนุษย์แท้ ๆ ก็ได้ หรืออาจมีการผสมกันขึ้นมาดังเช่นสมัยโนอาห์แล้วก็ได้

    ชีวิตเอโนค คือนัยยะสำคัญบ่งบอกให้คริสเตียนทั้งหลายรู้ไว้ว่า พระเจ้ารับเอโนคหายไปก่อนน้ำท่วมโลกสมัยโนอาห์ฉันใด พระเจ้าก็จะรับผู้เชื่อให้หายไปจากโลกก่อนที่กลียุคเวทนา (Great Tribulation) จะเกิดในโลกฉันนั้น หรือการ Rapture "แต่" หากเมื่อเกิดการ Rapture แล้ว คนทั้งโลกจะคิดว่า พวกมนุษย์ต่างดาวมาลักพาตัวมนุษย์ไป หรือมนุษย์ต่างดาวจะบุกโลก หรือเป็นการเล่นตลกแหกตาของพวกคริสเตียนหลอกลวงชาวโลก

    งานนี้เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ ยังต้องอายเพราะเสกคนหายไปได้อย่างมากหลักสิบหลักร้อย แต่เกิดมีคนหายไปเป็นหลักล้านใครจะทำได้ แต่คริสเตียนบางส่วนจะไม่ถูกรับไปคือพวก Left Behind คนที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์นี้จะไม่เชื่อ เราประมาณการไม่ได้ถึงจำนวนว่าเท่าไหร่

    ครั้งแรกโลกถูกทำลายด้วยน้ำสมัยโนอาห์ ส่วนครั้งที่สองโลกจะถูกทำลายด้วยไฟ กงล้อประวัติศาสตร์พระคัมภีร์ได้หมุนมาจะเข้าที่เดิมแล้ว วันเวลาตายตัวไม่รู้แต่คาดเดาได้

    สำหรับคนทั่วไปที่ไม่เชื่ออาจเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับผู้เชื่อ นี่คือหมายสำคัญที่มีนัยยะสูงมากอันหนึ่ง และอาจเป็นสงครามฝ่ายวิญญาณครั้งสุดท้าย "The Last Spiritual War" มนุษย์ต้องอยู่ในสงครามนี้และต่อสู้กับมัน ก็คือเรานั่นเอง สงครามทางความคิด และความรู้ที่ทวีคูณมหาศาล

    แต่พระเจ้ามีทางเลือกให้คนที่อยากพบความจริง ในท่ามกลางสงครามฝ่ายวิญญาณที่รุนแรงและยิ่งใหญ่นี้ เนฟิลิมและพรรคพวก ได้สร้างผลงานระดับ Master piece หรืองานชิ้นโบว์แดง และสื่อไปถึงมนุษย์ เช่น หนังเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว เอเลี่ยน UFO พ่อมด แม่มด ต่าง ๆ ที่ออกฉายมาตลอดหลายสิบปีหลังนี้อย่างมากมายไม่ขาด ก่อกำเนิดทฤษฎีเกี่ยวกับพระเจ้าใหม่ ๆ ขึ้นมามากมาย เช่น พระเจ้าจากอวกาศ สตาร์เกท

    สำหรับความเชื่อคริสเตียนแล้ว ไม่มีทางใด ไม่มีผู้ใด ไม่มีหลักการคำสอนของใครที่จะนำเราไปถึงความจริงได้ นอกจากทางพระเยซู และได้สรุปแล้วว่า เนฟิลิมและพรรคพวกซาตานได้ทำสงครามฝ่ายวิญญาณครั้งสุดท้าย เพื่อล่อลวงมนุษยชาติให้เชื่อมัน หรือปฏิเสธพระเยซูในฐานะของการเป็นพระเจ้าไถ่บาปให้มากที่สุด นี่คือสงครามครั้งสุดท้าย เท่าที่ผู้เชี่ยวชาญได้ศึกษา รอเวลาหมายสำคัญทางกายภาพอื่น ๆ เพิ่ม เช่น ภัยพิบัติ สงครามระหว่างอิสราเอลกับอาหรับ การเกิดของคริสตจักรใต้ดินจำนวนมากในดินแดนที่เรื่องพระเยซูห้ามเผยแพร่อย่างเสรี คนทุกวัยฝันเห็นนิมิตต่าง ๆ

    เนฟิลิม คือหมายสำคัญที่สำคัญยิ่งอันหนึ่งในปลายยุคสุดท้าย ก่อนที่พระเยซูจะกลับมาครั้งที่สอง เหตุการณ์ทุกอย่างในโลกจะเหมือนในสมัยก่อนน้ำท่วมโลกยุคโนอาห์ แต่เรายังพอมีเวลาที่จะขึ้นเรือโนอาห์ โนอาห์รู้ล่วงหน้าว่าน้ำจะท่วมโลก มีการเตือนว่าจะทำลายเมืองโสโดมโกมรา ฯลฯ

    มัธทิว 24 ข้อ 37 "ด้วยสมัยของโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย"

    เรื่องเกี่ยวกับ เนฟิลิม
    http://www.returnofthenephilim.com/

    ที่มา http://hopecm.blogspot.com/2009/09/blog-post_16.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2009
  14. andente

    andente เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +101
    รูปที่เขาขุดกระดูก ผมดูแล้วเหมือนมุมกล้องมันต่างระดับมากกว่า เลยดแลดูใหญ่
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    โครงกระดูกนี้จะเป็นของจริงหรือไม่ คุณต้องเข้าไปศึกษาดูเอาเองได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ ความรู้ทุกอย่างในโลกนี้มีทั้งด้านบวกและด้านลบเสมอ สิ่งที่คุณคิดว่าจริงอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง และสิ่งที่คุณคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง อาจจะกลายเป็นเรื่องจริงก็ได้ พระพุทธเจ้าท่านจึงได้สอนให้คนเรารู้จักใช้ปัญญาของตัวเองไตร่ตรองเรื่องทุกอย่าง ด้วยเหตุและผลให้รอบคอบอยู่เสมอ ก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อในเรื่องใดๆ ครับ

    เรื่องเกี่ยวกับ เนฟิลิม
    http://www.returnofthenephilim.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2009
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อุตุฯ เหนือเตือนรับมือหนาวระลอกใหม่อุณหภูมิจะลดอีก

    [​IMG]

    เชียงใหม่ 3 พ.ย.- นางศันทนีย์ ไชยเชียงพิณ นักอุตุนิยมวิทยา ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ รายงานสภาพอากาศพื้นที่ภาคเหนือในสัปดาห์นี้ว่า ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือออกประกาศเตือนฉบับที่ 1 เรื่องมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนแล้วเมื่อค่ำวานนี้

    ทำให้ภาคเหนือมีอากาศหนาวเย็นลง อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-5 องศาเซลเซียส โดยตอนบนของภาคอากาศค่อนข้างหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุดบนยอดดอย 6-9 องศาเซลเซียส กับมีลมแรงและมวลอากาศเย็นนี้จะมีกำลังอ่อนลงในวันที่ 6 พ.ย.นี้ ทำให้มีหมอกหนาหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนในภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยหนาว ลมแรง และหมอกหนา เตรียมรับสถานการณ์และป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจเกิดได้ช่วงวันที่ 3-8 พ.ย.นี้

    อย่างไรก็ตาม ในปีนี้จังหวัดเชียงใหม่ประกาศวาระจังหวัด เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ในการเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยหนาว หมอกควันไฟป่า และภัยแล้ง ซึ่งภัยหนาวปีนี้มีผู้ประสบภัยต้องการเครื่องกันหนาวกว่า 633,000 รายแล้ว.- สำนักข่าวไทย

    2009-11-03 10:22:53

    วางระเบิดอำพรางทหารชุดคุ้มครองครูปัตตานีบาดเจ็บ 1 นาย

    [​IMG]

    ปัตตานี 3 พ.ย.- พ.ต.อ.สุนทร ขวัญเพชร ผู้กำกับการ สภ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่กองวิทยาการและกำลังทหาร เข้าตรวจสอบพื้นที่บนถนนสายไม้แก่น-บ้านทอน ม.1 บ้านโคกนิบง ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่น หลังเกิดเหตุระเบิดเมื่อเวลา 07.10 น. วันนี้ (3 พ.ย.) พบว่ามีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 1 นาย คือ ส.ท.ประกาศิต นาผมทอง อายุ 26 ปี สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4406 ถูกนำส่งโรงพยาบาลไม้แก่นก่อนส่งต่อไปยังโรงพยาบาลปัตตานี

    เบื้องต้นทราบว่าขณะที่ทหารกองร้อยทหารพรานที่ 4406 ชุดลาดตระเวนคุ้มครองครู จำนวน 4 นาย ตรวจความเรียบร้อยตามเส้นทาง พบสีพ่นข้อความอยู่กลางถนนและมีผ้าคลุมอำพรางวัตถุต้องสงสัย จำนวน 2 จุด เมื่อ ส.ท.ประกาศิต ใช้ปลายกระบอกปืนเขี่ยผืนผ้า จึงเกิดระเบิดขึ้นคาดว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุไว้ในกล่องเหล็ก.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-03 10:05:18

    ยิงถล่มกลางถนนดับอดีตผู้ใหญ่บ้านยะลาพร้อมเพื่อน

    [​IMG]

    ยะลา 2 พ.ย.- เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (2 พ.ย.) พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพชรภูมิ รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา พร้อม พ.ต.อ. เฉลิมเกียรติ อมรากระสินธุ์ ผู้กำกับการ สภ.ธารโต และกำลังทหารเข้าตรวจสอบเหตุยิงถล่มรถยนต์ สีขาว ทะเบียน 2139 ยะลา บนถนนสาย 410 ยะลา-เบตง ม.1 อ.ธารโต

    พบผู้เสียชีวิตในรถ 2 ราย คือ นายซาการียา อาซู อายุ 43 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.3 บ้านจาเราะแป อ.ธารโต และนายดอรอเซะ เย็ง อายุ 40 ปี สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามเข้าที่ลำตัวหลายนัด และรถยนต์เป็นรูกระสุนพรุนทั่วคัน นอกจากนี้ ยังมีนายเสรีภาพ ลักษณะเลขา อายุ 45 ปี อาสาสมัครอำเภอธารโต ได้รับบาดเจ็บจากการถูกรถยนต์ของนายซาการียา พุ่งชนรถจักรยานยนต์ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลธารโต

    เบื้องต้นทราบว่าขณะที่นายซาการียา และนายดอรอเซะ เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ มีรถกระบะสีดำขับตามประกบ จากนั้นผู้ที่นั่งท้ายกระบะใช้ปืนเอ็ม 16 และอาก้า รัวใส่รถนายซาการียา ก่อนหลบหนีไปอย่างรวดเร็วทางตำบลแม่หวาด อ.ธารโต ซึ่งสาเหตุเจ้าหน้าที่คาดว่ามาจากสถานการณ์ความไม่สงบ.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 15:00:06

    จ่อยิง อส.ดับคาตลาดนัดกลางเมืองปัตตานี

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    ปัตตานี 2 พ.ย.-เมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัส ผกก.สภ.เมืองปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายยิงนายแวสะมะแอ อับดุลฮานุง อายุ 42 ปี อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.)ประจำ อ.เมืองปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 38/1 บ้านกาฮง ม.4 ต.บาราเฮาะ อ.เมือง จ.ปัตตานี เสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนจะบังติกอ เขตเทศบาลเมืองปัตตานี

    โดยก่อนเกิดเหตุทราบว่า ขณะที่ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์กลับจากซื้อของที่ตลาดนัดจะบังติกอ เพื่อกลับที่ทำงาน มีคนร้าย 2 คนใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ขับมาจอดทักทายกับผู้ตาย จากนั้น 1 ในคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดจ่อยิงที่หน้าผากและหน้าอกผู้ตายจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ คนร้ายยังหยิบเอาอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม.ของผู้ตายหลบหนีไปด้วย สำหรับประเด็นสาเหตุเจ้าหน้าที่ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือ เรื่องขัดแย้งส่วนตัวในพื้นที่ และเรื่องสถานการณ์ใต้.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 11:41:10

    โจรป่วนใต้ประกบยิงชาวบ้านสาหัสก่อนชิง จยย.หลบหนี

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    ปัตตานี 2 พ.ย.- เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ พ.ต.อ.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผกก.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี รับแจ้งมีชาวบ้านถูกยิงบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดบนถนนภายในหมู่บ้าน ที่บ้านบางไร่ ม.1 ต.บางเขา อ.หนองจิก จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

    พบว่าผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลหนองจิก ทราบชื่อ นายชรินทร์ มณี อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 ม.3 ต.ตุยง อ.หนองจิก สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายชรินทร์ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีแดง เพื่อไปทำธุระส่วนตัว ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะตามประกบยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาด จำนวน 2 นัด กระสุนถูกที่ลำตัว บาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นคนร้ายได้ชิงรถจักรยานยนต์ของนายชรินทร์หลบหนีไปด้วย สำหรับประเด็นสาเหตุ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 16:09:44

    อรบ.หญิงยะลาถูกยิงบาดเจ็บพร้อมเพื่อน

    [​IMG]

    ยะลา 3 พ.ย. - เมื่อเวลา 11.34 น. วันนี้ (3 พ.ย.) พล.ต.ต.สายันต์ กระแสแสน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา นำเจ้าหน้าที่ สภ.ธารโต ทหารและฝ่ายปกครอง เข้าพื้นที่เกิดเหตุ

    นางประคิน พงศ์สาลี อายุ 38 ปี อาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน (อรบ.) บ้านบ่อหิน อ.ธารโต ถูกยิงบาดเจ็บ พร้อมกับ น.ส.บุญนภา นวลศรี อายุ 19 ปี ขณะขับรถจักรยานยนต์กลับจากตลาดนัดคอกช้าง โดยมีรถจักรยานยนต์และชาย 2 คน ขับตามหลังมาใช้ปืนยิงใส่นางประคิน และ น.ส.บุญนภา จำนวนหลายนัดก่อนหลบหนีไป ซึ่งผู้บาดเจ็บทั้งสองถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์ยะลาแล้ว เบื้องต้นคาดว่ามาจากสถานการณ์ความไม่สงบ.- สำนักข่าวไทย

    2009-11-03 15:22:10

    ประกบยิงชาวบ้านสายบุรีเสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับบ้าน

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    ปัตตานี 3 พ.ย. - เมื่อเวลา 19.40 น.วันนี้ (3 พ.ย.) พ.ต.อ.วัลลพ จำนงอาษา ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ทราบชื่อผู้ตายคือ นายไฟรุต สาแม อายุ 34ปี บ้านเลขที่84/1 ม.4 ต.ปาเสยะวอ อาชีพรับจ้างทั่วไป เหตุเกิดบนถนนภายในหมู่บ้านทุ่งเท็จ ม.4 ต.ปาเสยะวอ อ.สายบุรี จึงได้สั่งการให้จัดกำลังรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุทันที

    จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์กลับมาจากทำธุระส่วนตัวมุ่งหน้ากลับบ้าน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะตามประกบยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่บริเวณหลัง จำนวน 4นัด ก่อนเร่งเครื่องหลบหนีอย่าง ส่วนสาเหตุนั้น เจ้าหน้าที่กำลังเร่งการสืบสวนและสอบสวนว่าเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบหรือไม่.- สำนักข่าวไทย

    2009-11-03 19:30:42

    ม็อบต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขวาง กฟผ.ชี้แจงที่ประชุมกำนัน-ผญบ.

    [​IMG]

    สุราษฎร์ธานี 2 พ.ย.- ตัวแทน กฟผ.ชี้แจงโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ อ.ท่าชนะ วงแตก ถูกม็อบต้านกว่า 500 คน บุกขับไล่กลางที่ประชุมประจำเดือนกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน

    เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ กลุ่มประชาชนที่ต่อต้านโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์กว่า 500 คน รวมตัวชุมนุมชูป้ายโจมตีไม่เอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ บุกเข้าห้องประชุมประจำเดือนกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ขณะที่ตัวแทนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าชี้แจงทำความเข้าใจ กรณีเจ้าหน้าที่เข้าทำการขุดเจาะสำรวจที่ดินในพื้นที่ หมู่ที่ 11 ต.คันธุลี อ.ท่าชนะ เพื่อหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ตามนโยบายของรัฐ จนสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่มีการรวมตัวประท้วงเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา

    การบุกเข้าขัดขวางครั้งนี้ได้สร้างความชุลมุนวุ่นวายให้กับการประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จนเกิดการปะทะกันระหว่างนายชัยรัตน์ แสงศรี กำนันตำบลคันธุลี และนายบุญยงค์ จรัสจรูญฤทธิ์ อดีตสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) เขตอำเภอท่าชนะ แกนนำม็อบต้าน จนนายสันทัด ณ นคร นายอำเภอท่าชนะ ได้เข้าเคลียร์ขอความร่วมมือทั้งสองฝ่าย พร้อมขอให้แกนนำนำกลุ่มม็อบออกจากห้องประชุม ทางแกนนำไม่พอใจ ใช้เครื่องขยายเสียงปราศัยโจมตีจนการประชุมดำเนินต่อไปไม่ได้ ขณะที่ตัวแทน กฟผ. ได้เดินทางออกจากพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยเข้ม.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-02 12:04:56

    พัทลุงหาเบาะแสลอบตัดไม้กองปนใกล้อ่างเก็บน้ำรอสวมตอ

    [​IMG]

    พัทลุง 3 พ.ย. - ผู้ว่าฯ พัทลุง สั่งจัดการเฉียบขาดตัวการโค่นป่านอกเขตแล้วนำมากองรวมไว้บริเวณอ่างเก็บน้ำเขาหัวช้างที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หวังรอสวมสิทธิ์เป็นไม้ถูกต้อง

    นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมเจ้าหน้าที่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพัทลุงเข้าตรวจสอบอ่างเก็บน้ำเขาหัวช้าง หมู่ 7 ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และมีกำหนดแล้วเสร็จปี 2553 หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีผู้บุกรุกลักลอบตัดไม้ทางด้านเหนืออ่างเก็บน้ำแล้วนำมาไว้บริเวณอ่างเก็บน้ำ เพื่อรอสวมตอเป็นไม้ที่ตัดภายในบริเวณอ่างเก็บน้ำ

    ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ก่อนหน้าที่ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบแล้ว ส่วนวันนี้พบว่ามีไม้อยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งต้องตรวจสอบอีกครั้ง เพราะไม้ที่อยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำนั้นมีอยู่ 2 ประเภท คือ ไม้ที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ตัดโค่นถูกต้องตามกฎหมาย และไม้ที่ถูกลักลอบตัดโค่นชักลากมาสวมสิทธิ์ หากเป็นไม้นอกเขตอ่างเก็บน้ำแล้วชักลากมารอสวมสิทธิ์ จะเร่งขยายผลจัดการผู้บุกรุกตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ไม่ว่าผู้ทำผิดนั้นจะไม่ใคร มีอิทธิพลอย่างไร. - สำนักข่าวไทย

    2009-11-03 11:42:07

    ที่มา http://news.mcot.net/local/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2009
  17. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    ยอดตายจากพายุโซนร้อนมิรีแนถล่มเวียดนามพุ่ง 23 คน
    [​IMG] เวียดนาม 4 พ.ย. - ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุโซนร้อน “มิรีแน” พัดถล่มหลายพื้นที่ทางตอนกลางของเวียดนาม เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 23 คน และอีกหลายหมื่นคนเดือดร้อนจากน้ำท่วม

    พายุโซนร้อน “มิรีแน” พัดถล่มทางตอนกลางของเวียดนาม ยังผลให้เกิดน้ำท่วมจากฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก และจนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 23 คน โดยที่จังหวัดฝูเยน เพียงแห่งเดียวมีผู้เสียชีวิตถึง 15 คน ขณะที่แม่น้ำสายสำคัญในจังหวัดบิน ดิ่น ได้เอ่อล้นเข้าท่วมหมู่บ้านหลายแห่ง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมครั้งรุนแรงในรอบ 40 ปี และมีคนจมน้ำเสียชีวิตไป 5 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้สูญหายอีก 2 คน
    ทางการท้องถิ่นต้องร้องขอความช่วยเหลือไปยังรัฐบาลกลาง เพื่อขอให้จัดส่งเฮลิคอปเตอร์ไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยนับหมื่นคนในหลายร้อยหมู่บ้าน ที่ต้องหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้าน ขณะที่ทหารได้ใช้เรือเร็วช่วยอพยพชาวบ้านบางส่วนไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว. - สำนักข่าวไทย
    -----------------------------------------------------------------------------------------------
    ยูเครน-โรมาเนียพบไข้หวัดใหญ่ระบาดเพิ่ม
    [​IMG] ยูเครน, โรมาเนีย 4 พ.ย. - สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ยังระบาดในยูเครนอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ขณะที่โรมาเนียก็พบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นเช่นกัน

    แถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขยูเครน ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่เพิ่มอีก 71 คน แต่ไม่ได้ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวนเท่าใด โดยบริเวณตะวันตกของประเทศ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแนะนำให้ประชาชนเดินทางในยามจำเป็นเท่านั้น หลังพบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นในอีก 2 แคว้น และพบผู้ป่วยที่มีอาการหวัดและระบบหายใจติดขัดถึง 250,000 คน ในจำนวนนี้กว่า 15,000 คน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
    ส่วนที่โรมาเนีย มีการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยกว่า 60,000 ชิ้น และน้ำยาฆ่าเชื้อโรคกว่า 6,000 ลิตร ไปยังสถานศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ โดยล่าสุดพบผู้ป่วย 581 คน แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต
    ทั้งนี้ ผู้นำโปแลนด์ ซึ่งมีพรมแดนติดกับยูเครนและโรมาเนีย เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (อียู) ยื่นมือเข้าช่วยรับมือการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ด้วย. - สำนักข่าวไทย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2009
  18. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ในสมัยพุทธกาลก็มีเรื่องที่ภรรยาหลวงฆ่าภรรยาน้อยที่ท้องเพราะตัวไม่มีลูก เกิดอาฆาตกัน เป็นแมวมากินลูกไก่ของอีกฝ่าย ไล่กินสลับกันไปหลายชาติ จนชาติสุดท้ายเป็นคนกับยักษ์ไล่จับกันกิน จนมาถึงที่พระพุทธเจ้าเทศน์อยู่ได้ฟังเทศน์จึงอโหสิกรรมกันได้ ยักษ์ยังมีได้เลยนะ
    ในพระชาติที่พระพุทธองค์เป็นพ่อค้ายังได้กล่าวถึงว่า ก่อนจะผ่านเมืองยักษ์ก็ ถูกหลอกว่าเมืองข้างหน้าอุดมสมบูรณ์ ด้วยปัญญาพิจารณาว่าถ้าเมืองที่อุดมสมบูรณ์น้ำ จะต้องมีลมเย็นชุ่มชื้น จึงระมัดระวังไม่หลงเชื่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2009
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    น้ำแข็งมหาสมุทรอาร์กติก อาจละลายหมดภายในปี 2013

    [​IMG]

    น้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติก อาจจะละลายหมดไปภายใน 4 ถึง 5 ปีข้างหน้านี้เท่านั้น จากผลการศึกษาล่าสุดของทีมนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์หลายทีมเคยพยากรณ์ไว้

    การศึกษาล่าสุดนี้เป็นผลงานของทีมนักวิทยาศาสตร์นำโดย ศาสตราจารย์ ไวสลอว์ มาสโลว์สกี้ นักวิจัยของ Naval Postgraduate School มหาวิทยาลัยของกองทัพเรือสหรัฐ ที่เมืองมอนเทอรีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยใช้โมเดลพยากรณ์ภูมิอากาศโลกและใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ประมวลผลข้อมูลตั้งแต่ปี 1979 ถึง 2004 ซึ่งได้ผลลัพธ์ว่า

    น้ำแข็งอาร์กติกจะละลายหมดไป ในฤดูร้อนปี 2013

    น้ำแข็งอาร์กติกจะละลายมากที่สุดในเดือนกันยายนของทุกปี จากนั้นมหาสมุทรอาร์กติกก็จะเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้ำทะเลจะจับตัวเป็นน้ำแข็งอีกครั้งหนึ่ง โดยน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาวจะมีปริมาณมากที่สุดในเดือนมีนาคม

    นักวิทยาศาสตร์หลายทีมเคยพยากรณ์ ช่วงเวลาที่น้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกจะละลายหมดไปแตกต่างกันตั้งแต่ภายในปี 2040 ไปจนกระทั่งถึงปี 2100

    ข้อแตกต่างของผลการพยากรณ์ เกิดจากการประเมินค่าปัจจัย ที่ทำให้น้ำแข็งละลายแตกต่างกัน

    ไวสลอว์ มาสโลว์สกี้ กล่าวในที่ประชุม American Geophysical Union-(AGU) ว่า การพยากรณ์ก่อนหน้านี้ เป็นการประเมินกระบวนการที่ทำให้น้ำแข็งละลายในปัจจุบันต่ำเกินไป

    เขาบอกว่าโมเดลพยากรณ์ภูมิอากาศโลก จำเป็นจะต้องแสดงปัจจัยกระแสน้ำอุ่นที่กำลังไหลมาจากมหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรแอตแลนติกที่เป็นจริงมากกว่านี้ แต่โมเดลพยากรณ์อากาศที่ใช้กันอยู่ประเมินปริมาณความร้อนในมหาสมุทรอาร์กติก ที่มาจากมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรแอตแลนติกต่ำเกินไป

    เหตุผลก็คือข้อจำกัดของข้อมูลจากทางอากาศ ที่ไม่มีความละเอียดพอจึงทำให้ไม่เห็นปัจจัยที่สำคัญนี้

    " เราใช้โมเดลพื้นที่ที่มีความละเอียดสูง ในการศึกษามหาสมุทรอาร์กติกและพลังงานที่กระทำต่อน้ำแข็งด้วย ข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงจากชั้นบรรยากาศ ด้วยวิธีนี้ เราจึงได้ข้อมูลพลังงานที่เกิดขึ้นจริงมากขึ้นจากข้างบน คือชั้นบรรยากาศและจากข้างล่างคือมหาสมุทร" เขากล่าว

    ปรากฏการณ์ที่แสดงว่าโมเดลพยากรณ์ก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้อง คืออัตราการละลายของน้ำแข็งอาร์กติกใน ปี 2007 เร็วกว่าที่เคยพยากรณ์ไว้

    การละลายที่เร็วขึ้นทำให้ปริมาณน้ำแข็งฤดูร้อนในมหาสมุทรอาร์กติก ณ เดือนกันยายน ปี 2007 เหลือน้อยที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกกันมา คือเท่ากับ 4.13 ล้านตารางกิโลเมตร และยังทำลายสถิติต่ำสุดในปี 2005 ซึ่งเท่ากับ 5.32 ล้านตารางกิโลเมตรลงกว่าล้านตารางกิโลเมตรอีกด้วย

    เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำแข็งน้อยที่สุดในช่วงระหว่างปี 1979 ถึงปี 2000 ที่นักวิทยาศาสตร์ใช้อ้างอิงซึ่งเท่ากับ 6.74 ล้านตารางกิโลเมตรแล้ว ลดลงถึง 2.61 ล้านตารางกิโลเมตร คิดเป็นพื้นที่ขนาดเท่ามลรัฐอลาสก้าและเท็กซัสรวมกันเลยทีเดียว

    นอกจากนั้นแล้ว ปริมาณน้ำแข็งอาร์กติกในช่วงฤดูหนาวปี 2005 ถึงปี 2006 ลดลงจากค่าเฉลี่ยถึง 6% อีกด้วย

    งานวิจัยของทีมนักสมุทรศาสตร์ของห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ประยุกต์มหาวิทยาลัยวอชิงตันที่ชื่อว่า Arctic Ocean surface warming trends over the past 100 years พบว่าอุณหภูมิของมหาสมุทรอาร์กติกสูงขึ้นตั้งแต่ปี 1995 โดยอุณหภูมิของน้ำทะเลทางเหนือทะเลชุกชี(Chukchi Sea)สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ย 5 องศาเซลเซียส

    ส่วนบริเวณอื่นๆ คือทางเหนือของอลาสก้า ตะวันออกของไซบีเรีย ช่องแคบแบริงและทะเลชุกชีสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ย 3.5 องศาเซลเซียส

    ปี 2007 ยังเป็นปีที่น้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์ละลายมากที่สุด คือ 552 พันล้านตัน มากกว่าค่าเฉลี่ย 15 %

    ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้แสดงความเห็นกับผลการศึกษานี้ คนแรกคือ ศาสตราจารย์ ปีเตอร์ เวดแฮมส์ จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ซึ่งเคยใช้โซนาร์ของเรือดำน้ำวัดปริมาณน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกมาแล้ว

    เขาเห็นด้วยกับโมเดลของ ไวสลอว์ มาสโลว์สกี้และอธิบายว่าบางโมเดลไม่ได้คำนวณกระบวนการทางกายภาพที่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ แผ่นน้ำแข็งกำลังบางลงเร็วกว่าที่มันหดตัว แต่นักวิทยาศาสตร์เจ้าของโมเดลกำลังเข้าใจว่าแผ่นน้ำแข็งค่อนข้างจะหนาและว่าโมเดลของศาสตราจารย์ ไวสลอว์ มาสโลว์สกี้ มีประสิทธิภาพมาก เพราะว่ามันทำงานกับข้อมูลและคำนวณกระบวนการซึ่งเกิดขึ้นภายในแผ่นน้ำแข็ง

    ตัวอย่างเช่น การสะท้อนรังสีจากดวงอาทิตย์ของแผ่นน้ำแข็ง ผลย้อนกลับที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อน้ำแข็งละลายเป็นน้ำทะเล น้ำทะเลก็จะดูดกลืนรังสีจากดวงอาทิตย์มากขึ้น ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น น้ำแข็งก็จะละลายมากขึ้น

    ปีเตอร์ เวดแฮมส์ เชื่อว่าการละลายของน้ำแข็งในปี 2007 เป็นนัยที่แสดงว่าปรากฏการณ์เดียวกันนี้จะเกิดขึ้นอีกในปีต่อไป ซึ่งจะทำให้เกิดทะเลเปิดในมหาสมุทรอาร์กติกมากขึ้น การดูดกลืนรังสีจากดวงอาทิตย์ก็จะมากขึ้น และน้ำแข็งก็จะละลายมากขึ้น

    " ในที่สุด มันจะละลายทั้งหมดในทันทีทันใด อาจจะไม่เกิดก่อนปี 2013 แต่ก็จะเกิดไม่ช้านี้ และน่าจะเกิดก่อนปี 2040 มากกว่า " เขากล่าว

    ผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่งคือ ดร. มาร์ค เซอเรซ จาก ศูนย์ข้อมูลหิมะและน้ำแข็งแห่งชาติสหรัฐ (US National Snow and Ice Data Center -NSIDC) แสดงความเห็นถึงความเป็นไปได้ของระยะเวลาการละลายหมดไปของน้ำแข็งอาร์กติกในที่ประชุม AGU ว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาคิดว่าน่าจะเป็นปี 2050 หรือ 2070 ซึ่งจะเร็วกว่าปี 2100 เพราะว่าโมเดลบอกอย่างนั้น แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือโมเดลไม่สามารถพยากรณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ เพราะเรากำลังสูญเสียน้ำแข็งในอัตราที่เร็วมาก

    ตอนนี้เขาคิดว่าน่าจะเป็นปี 2030 มากกว่าและเชื่อว่าไม่ว่าจะใช้วิธีใดในการพยากรณ์ก็ตาม น้ำแข็งอาร์กติกจะละลายหมดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในช่วงเวลาที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่นี่เอง

    คอลัมน์ โลกสามมิติ หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10878 โดย บัณฑิต คงอินทร์

    ที่มา เมื่อน้ำแข็งขั้วโลกจะละลายก่อน2100 | ชีช้ำกะหล่ำปลี<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2009
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.9 ริกเตอร์ทางตอนใต้ของอิหร่าน

    [​IMG]

    เตหะราน 4 พ.ย. - สำนักข่าวอีร์นาของทางการอิหร่านรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.9 ริกเตอร์ ที่เมืองท่าบันดาร์ อับบาส ทางตอนใต้ของอิหร่าน เมื่อเช้าตรู่วันนี้ ทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 209 คน

    แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 02.56 น. วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 06.26 น. ตามเวลาในไทย แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ยังรู้สึกได้ในเขตเกชัมที่อยู่ติดกัน. - สำนักข่าวไทย

    2009-11-04 13:43:52

    ผู้บาดเจ็บจากแผ่นดินไหวในอิหร่านเพิ่มเป็น 269 ราย

    [​IMG]

    อิหร่าน 4 พ.ย.-เกิดแผ่นดินไหวขนาดปานกลางในพื้นที่ตอนใต้ของอิหร่านเมื่อเช้าวันนี้ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 269 ราย

    สถานีวิทยุของทางการรายงานว่า เมื่อเวลา 02.56 น. ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่เมืองท่าบันดาร์ อับบาส ทางตอนใต้ของประเทศ วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 4.9 ริกเตอร์ แรงสั่นสะเทือนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 269 คน แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ชาวบ้านต่างวิ่งหนีออกมาอยู่กลางถนนด้วยความตื่นตระหนก กระแสไฟฟ้าและโทรศัพท์ถูกตัดขาด

    อิหร่านตั้งอยู่บนรอยเลื่อนของเปลือกโลก จึงเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง เฉลี่ยแล้วอิหร่านต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวขนาดย่อมทุกวันอย่างน้อยวันละครั้ง เหตุแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในอิหร่านเกิดขึ้นที่เมืองบาม ปี 2546 ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 26,000 คน.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-04 14:27:19

    ยอดผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นมิรีแนในเวียดนามเพิ่มเป็น 57 คนแล้ว

    [​IMG]

    เวียดนาม 4 พ.ย. - จำนวนผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นมิรีแนที่พัดถล่มเวียดนาม ยังพุ่งไม่หยุด ล่าสุดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 57 คนแล้ว

    เจ้าหน้าที่ทางการเวียดนามระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นมิรีแนเพิ่มเป็น 57 คนแล้ว โดยที่จังหวัดฝูเยนมีผู้เสียชีวิต 24 คน และมีรายงานผู้สูญหายอีก 18 คน ส่วนในพื้นที่อื่นๆ รายงานในเว็บไซต์ของรัฐบาลระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมอีก 18 คน และมีผู้สูญหาย 7 คน นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนราว 2,600 หลังที่พังทลาย หรือได้รับความเสียหาย ด้านเจ้าหน้าที่ระบุว่า ขณะนี้ทหารกำลังเดินหน้าใช้เรือเร็วในการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ประสบภัย และจัดหาความช่วยเหลือจำเป็นเร่งด่วนเช่นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และน้ำดื่มให้แก่ผู้ประสบภัยด้วย. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-04 10:18:35

    ยอดเหยื่อรถไฟชนกันที่ปากีสถานเพิ่มเป็น 14 คน

    [​IMG]

    การาจี 3 พ.ย. - เจ้าหน้าที่ปากีสถาน กล่าวว่า เหตุรถไฟโดยสารชนกับรถไฟขนส่งสินค้าบริเวณชานนครการาจีวันนี้ มีผู้เสียชีวิต 14 คน โดยรวมถึงผู้หญิงและเด็กหลายคน

    แพทย์โรงพยาบาลจินนาห์ กล่าวว่า ขณะนี้มีศพ 14 ราย เป็นเด็ก 3 ราย และผู้หญิง 3 ราย รวมทั้งมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 45 ราย โดยผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่อยู่บนรถไฟโดยสาร เวลานี้ตำรวจและหน่วยกู้ภัยยังคงช่วยกันกู้ซากศพและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตออกมาจากซากรถไฟโดยสารหลังเหตุการณ์ผ่านมาหลายชั่วโมง เจ้าหน้าที่คาดว่ายังมีศพติดอยู่ข้างในอีก 3-4 ศพ รวมทั้งยังได้ยินเสียงร้องของเด็ก จึงพยายามค้นหาว่าอยู่จุดไหน .- สำนักข่าวไทย

    2009-11-03 19:46:12

    พบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในอิรักแล้ว 7 คน

    [​IMG]

    แบกแดด 3 พ.ย. – กระทรวงสาธารณสุขของอิรักเปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในอิรักแล้ว 7 คน นับเป็นการแถลงครั้งแรกถึงจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าว

    โฆษกประจำกระทรวงสาธารณสุขแถลงว่า นับตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่คร่าชีวิตผู้คนในกรุงแบกแดดไปแล้ว 5 คน และพบผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวในนครบาสรา 1 คน และเมืองนาจาฟ อีก 1 คน ในจำนวนดังกล่าว รวมถึงเด็กและสตรีด้วย ขณะที่เหยื่อรายล่าสุดเป็นชาย เสียชีวิตในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่กรุงแบกแดดเมื่อวานนี้

    นับตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา มีประชาชนชาวอิรัก 350 คนได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ในจำนวนดังกล่าว 154 คนอาศัยอยู่ในกรุงแบกแดด นอกจากนี้ ยังพบผู้ติดเชื้อใน 13 จังหวัดจากทั้งหมด 18 จังหวัด และเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการสั่งซื้อวัคซีนป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

    เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา โรงเรียนหลายแห่งในกรุงแบกแดดและใน 2 จังหวัดทางตอนใต้ของประเทศถูกสั่งปิดเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และนอกเหนือจากชาวอิรักแล้ว โฆษกประจำกองทัพสหรัฐเปิดเผยว่า ทหารสหรัฐจำนวน 448 นายก็ได้รับเชื้อไวรัสดังกล่าวเช่นกัน แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในกองทัพ ซึ่งถูกส่งมาประจำการยังอิรัก นับตั้งแต่กองกำลังนำโดยสหรัฐเข้าโจมตีในปี 2546.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-03 17:13:01

    ยูเครน-โรมาเนียพบไข้หวัดใหญ่ระบาดเพิ่ม

    [​IMG]

    ยูเครน, โรมาเนีย 4 พ.ย. - สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ยังระบาดในยูเครนอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ขณะที่โรมาเนียก็พบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นเช่นกัน

    แถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขยูเครน ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่เพิ่มอีก 71 คน แต่ไม่ได้ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวนเท่าใด โดยบริเวณตะวันตกของประเทศ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแนะนำให้ประชาชนเดินทางในยามจำเป็นเท่านั้น หลังพบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นในอีก 2 แคว้น และพบผู้ป่วยที่มีอาการหวัดและระบบหายใจติดขัดถึง 250,000 คน ในจำนวนนี้กว่า 15,000 คน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล

    ส่วนที่โรมาเนีย มีการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยกว่า 60,000 ชิ้น และน้ำยาฆ่าเชื้อโรคกว่า 6,000 ลิตร ไปยังสถานศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ โดยล่าสุดพบผู้ป่วย 581 คน แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต
    ทั้งนี้ ผู้นำโปแลนด์ ซึ่งมีพรมแดนติดกับยูเครนและโรมาเนีย เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (อียู) ยื่นมือเข้าช่วยรับมือการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ด้วย. - สำนักข่าวไทย

    2009-11-04 05:16:41

    สหรัฐกังวลความก้าวหน้าทางอวกาศของกองทัพจีน

    [​IMG]

    วอชิงตัน 4 พ.ย. - พล.อ.เควิน ชิลตัน หัวหน้าศูนย์บัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐ กล่าวว่า กองทัพจีนก้าวหน้าอย่างรวดเร็วด้านอวกาศในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่สหรัฐยังไม่ทราบเป้าหมายโครงการอวกาศของจีนอย่างชัดเจน ดังนั้น การพัฒนาความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสองประเทศ จึงมีความสำคัญต่อการสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้น

    คำแถลงของ พล.อ.ชิลตัน มีขึ้นหลังจากนายซู ฉีเหลียง ผู้บัญชาการกองทัพอากาศจีน กล่าวว่า กิจการทางทหารในอวกาศเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ทางประวัติศาสตร์ กองทัพจีนกำลังพัฒนาปฏิบัติการในเชิงรุกและรับในอวกาศ
    หัวหน้าศูนย์บัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐ ยอมรับว่า อวกาศเป็นเวทีของการแข่งขันทางทหารไปแล้ว สังเกตได้จากมีจำนวนประเทศมากขึ้น เช่น อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ที่พัฒนาอาวุธที่มีพื้นฐานด้านอวกาศ ส่วนกรณีความเห็นของผู้บัญชาการกองทัพอากาศจีนนั้น พล.อ.ชิลตัน ย้ำว่าโ ครงการอวกาศของจีนเป็นสิ่งที่ต้องการความเข้าใจในจุดประสงค์ที่แท้จริง

    ขณะที่ ส.ส.ไมเคิล เทอร์เนอร์ สังกัดพรรครีพับลิกัน จากรัฐโอไฮโอ กล่าววิจารณ์จีนที่แสวงหาอาวุธที่ใช้ในอวกาศ และการทดสอบยิงดาวเทียมสำรวจภูมิอากาศ ในปี 2550 ว่าจีนยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีต่อต้านดาวเทียม และคำเปิดเผยของทหารระดับสูงของจีน เมื่อวานนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจเสริมสร้างความสามารถด้านอวกาศเชิงรุก. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-04 13:55:03

    สหรัฐ และเกาหลีใต้ปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกัน

    [​IMG]

    4 พ.ย. - นาวิกโยธินสหรัฐ และเกาหลีใต้ปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกัน ท่ามกลางกระแสข่าวจากเกาหลีเหนือ ที่ระบุว่า ขณะนี้มีพลูโตเนียมมากถึงขั้นผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้แล้ว

    ปฏิบัติการซ้อมรบร่วมระหว่างนาวิกโยธินสหรัฐ และเกาหลีใต้ เริ่มขึ้นแล้วที่เมืองโปฮัง ห่างจากกรุงโซลของเกาหลีใต้ราว 360 กิโลเมตร โดยมีนาวิกโยธินเกาหลีใต้ 2,600 นาย และนาวิกโยธินสหรัฐอีก 600 นาย เข้าร่วมปฏิบัติการยกพลขึ้นบก ใช้เรือรบ 16 ลำ รถถังสะเทินน้ำสะเทินบก 36 คัน และเฮลิคอปเตอร์อีก 27 ลำ นาวาโทลี จาง หรง แห่งหน่วยนาวิกโยธินเกาหลีใต้ เผยว่า การซ้อมยกพลขึ้นบกคราวนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับนาวิกโยธินเกาหลีใต้ ให้พร้อมในการต่อสู้

    การซ้อมรบดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเดียวกับที่เกาหลีเหนือ เพิ่งประกาศไปเมื่อวานนี้ว่า ขณะนี้ดำเนินการเสริมสมรรถนะแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ใช้แล้วจนเสร็จสิ้น ทำให้มีปริมาณพลูโตเนียมมากถึงขั้นสามารถผลิตนิวเคลียร์ได้. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-04 11:09:47

    ศาลไต้หวันสั่งอายัดทรัพย์อดีตผู้นำ

    [​IMG]

    ไทเป 4 พ.ย. – โฆษกประจำศาลแขวงกรุงไทเปของไต้หวันเปิดเผยวันนี้ว่า ศาลได้สั่งอายัดทรัพย์สินภายในประเทศของอดีตประธานาธิบดีเฉิน สุย-เปี่ยน แล้ว เพื่อจะนำมาจ่ายเป็นค่าปรับนอกเหนือไปจากการถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จากความผิดฐานรับสินบน

    ทรัพย์สินดังกล่าวรวมถึงเงินฝากของครอบครัวนายเฉินในบัญชีธนาคารภายในประเทศ หุ้น บ้านและที่ดิน แต่ไม่มีการระบุมูลค่าของทรัพย์สินที่ถูกอายัด อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ไชน่า ไทม์ส รายงานว่า ทรัพย์สินดังกล่าวอาจมีมูลค่ามากกว่า 500 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 514 ล้านบาท)

    เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา นายเฉิน วัย 59 ปี และนางอู๋ ซูเฉิน ภรรยาของเขา ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตฐานรับสินบน และใช้อำนาจในทางที่ผิดระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2543-2551 นอกจากนี้ นายเฉินและครอบครัวยังถูกสั่งปรับเป็นเงินมากกว่า 800 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ด้านคณะอัยการได้เปิดเผยว่า กำลังพยายามเรียกคืนเงินจำนวน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 660 ล้านบาท จากบัญชีของครอบครัวนายเฉิน ซึ่งฝากอยู่ที่ธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-04 15:18:19

    ข่าวภายในประเทศ

    ใต้ฝนตกหนักเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงเชิงเขา-ริมฝั่งน้ำ

    [​IMG]

    ภูมิภาค 4 พ.ย.- ผู้ว่าฯ พัทลุง กำชับ 5 อำเภอ ระวังน้ำป่าเขาบรรทัดหลากทะลักจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวน้ำตกปิดชั่วคราวแล้ว 6 แห่ง ส่วนนราธิวาส แม่น้ำสุไหงโก-ลก ขึ้นสูงและไหลเชี่ยว พร้อมเตรียมแผนรับมือน้ำท่วม

    นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ประกาศเตือนประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยเชิงเขาบรรทัด ใน 5 อำเภอ คือ กงหรา ตะโหมด ศรีนครินทร์ ศรีบรรพต และป่าบอน ให้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม เนื่องจากในพื้นที่มีฝนตกต่อเนื่องมาเป็นวันที่สาม ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมอยู่บนเขา ซึ่งขณะนี้ได้กำชับให้แต่ละอำเภอเฝ้าระวังพื้นที่ไว้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ประกาศปิดน้ำตก 6 แห่ง คือ น้ำตกไพรวัลย์ น้ำตกมโนราห์ น้ำตกหม่องจุ้ย น้ำตกโตนแพรทอง น้ำตกนกรำ และน้ำตกเขาคราม เพื่อเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว หากเกิดน้ำป่าไหลหลากฉับพลัน

    เช่นเดียวกับนายสมเกียรติ สุวรรณนิมิตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เตือนประชาชนริมฝั่งแม่น้ำสุไหงโก-ลก ระวังน้ำเอ่อท่วมจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้กระแสน้ำไหลเชี่ยว นอกจากนี้ ยังกำชับให้หน่วยงานท้องถิ่นจัดเวรยามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมวางมาตรการช่วยเหลือหากมีเหตุฉุกเฉินเพื่อให้สามารถเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างเร่งด่วน

    ด้านนายประดิษฐ์ ปิ่นกระจาย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนราธิวาส กล่าวว่า ได้เตรียมแผนการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่หากเกิดอุทกภัยไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีเครื่องสูบน้ำ 30 เครื่อง ที่จะเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ทันที และเชื่อว่าน่าจะเพียงพอ อีกทั้งก่อนหน้านี้ ได้ขุดลอกลำคลองให้ขยายขึ้น เพื่อรองรับน้ำที่จะไหลเข้ามาถึงศูนย์ราชการ เนื่องจากปีที่ผ่านมา ถือเป็นพื้นที่วิกฤติในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส รวมทั้งยังจัดเตรียมกระสอบทรายไว้บริการกับประชาชน 300 ถุง เพื่อวางแนวป้องกันน้ำท่วมที่พักอาศัย.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-04 11:17:59

    เลยหนาว 10 องศาฯ เปิดศูนย์ช่วยผู้ประสบภัยหนาว

    [​IMG]

    เลย 4 พ.ย.- นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เปิดเผยว่า สถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดเลยรายงานสภาพอากาศในพื้นที่ช่วงวันที่ 3-4 พ.ย.นี้ว่า อุณหภูมิจะลดลงอีก 3-5 องศาเซลเซียส และมีลมพัดแรงอีกด้วย โดยเช้าวันนี้ (4 พ.ย.) อุณหภูมิพื้นราบต่ำสุดที่ อ.ภูเรือ 13.5 องศาเซลเซียส และยอดภูต่ำสุดที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ 10.2 องศาเซลเซียส ส่วนอุทยานแห่งชาติภูกระดึงและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง 11.5 องศาเซลเซียส

    ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมช่วยผู้ประสบภัยที่ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม ทางจังหวัดได้ตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยภัยหนาวไว้เรียบร้อยแล้ว และจากการสำรวจข้อมูลผู้ประสบภัยหนาวในปีนี้มีประมาณ 130,000 ราย ซึ่งเป็นผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้ยากจนและเด็ก เพื่อให้การช่วยเหลือได้ทั่วถึงและรวดเร็ว. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-04 14:35:26

    นายกสมาคมค้าทองคำชี้ราคาทองมีโอกาสขยับขึ้นอีก

    [​IMG]

    เยาวราช 4 พ.ย. - นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกทำสถิติสูงสุดเป็นรายวัน โดยวันนี้ (4 พ.ย.) เคลื่อนไหวถึง 1,087 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก่อนจะอ่อนตัวลงมาเคลื่อนไหวประมาณ 1,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในตลาดเอเชีย

    นายจิตติ กล่าวว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่ราคาทองคำจะปรับขึ้นอีก หากยืนเหนือ 1,085 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์อีกครั้งก็จะไปทดสอบที่แนวต้าน 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาขายในประเทศปรับขึ้นอีก 300 บาท โดยทองคำแท่งซื้อเข้าบาทละ 16,950 บาท ขายออก 17,050 บาท ทองรูปพรรณซื้อเข้าบาทละ 16,706.32 บาท ขายออก 17,450 บาท

    นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวด้วยว่า โอกาสราคาทองคำปรับขึ้นมีมากกว่านี้ เพราะมีแนวโน้มที่จีนจะซื้อทองคำเข้ามาเก็บไว้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันการที่ไอเอ็มเอฟ ขายทองออกมา 200 ตัน ให้กับอินเดีย เพื่อใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศจะทำให้คนหันมาสนใจลงทุนในทองคำมากขึ้น และเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจสหรัฐยังมีความไม่แน่นอน คนจึงลงทุนในทองคำ การติดตามราคาทองคำในช่วงนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีความผันผวน และการประเมินราคาปีหน้ายังยากลำบาก.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-04 12:21:19

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...