ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6915 ข่าวสดรายวัน


    ม.เทคโนปักกิ่งผวาหวัด09เกินเหตุ สั่งกำจัดแมว




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    แมวในรั้ว- เจ้าเหมียวที่ชอบเข้าไปนั่งเรียนอยู่ในห้องเล็กเชอร์ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เป็นข่าวดังไปทั่วโลกเมื่อเดือนต.ค. แต่ตอนนี้ชะตาแมวตัวอื่นๆ ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปักกิ่ง สถาบันอีกแห่ง (ภาพใหญ่) ส่อเค้าถูกกำจัด เพราะผวาว่าอาจเป็นพาหะแพร่เชื้อหวัด ตามข่าว เมื่อ 3 พ.ย.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ไชน่าเดลี่รายงานวันที่ 3 พ.ย. ว่า ชาวจีนยังคงหวาดผวากับการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังจากมีผู้เสียชีวิตแล้ว 7 ราย ติดเชื้ออีกราว 47,500 ราย ในจำนวนนี้อาการหนัก 104 ราย และมีรายงานว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปักกิ่ง ผวาเชื้อหวัด 2009 เกินกว่าเหตุ กลัวว่าแมวอาจแพร่เชื้อให้เหล่านักศึกษา ถึงกับจะกำจัดแมวไร้เจ้าของภายในรั้วมหาวิทยาลัยกว่า 50 ตัว

    นักศึกษาชายแซ่กุ่ย เล่าว่า ยามในมหาวิทยาลัยแจ้งว่า จะกำจัดแมวในมหาวิทยาลัย แต่ไม่ยอมบอกว่าจะจัดการอย่างไร ซึ่งก็ตรงกับรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์ปักกิ่งนิวส์ฉบับวันเสาร์ ว่า ยามมีแผนกำจัดแมวไว้แล้ว แต่เมื่อหนังสือพิมพ์เมโทรสอบถามไป ทางผู้บริหารกลับปฏิเสธว่าไม่มี กระทั่งเวลาต่อมา สถานที่ที่แมวซุกหัวนอนอยู่ก็เกิดไฟไหม้ เพราะก้นบุหรี่ มีแมว 3 ตัวหนีออกไป คาดว่าคงจะอยู่ลำบากมาก เพราะอากาศข้างนอกเย็นยะเยือก

    ด้านอาจารย์หญิงแซ่ซู ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เมโทร ว่า ตอนที่รู้ข่าว ก็ยังไปแนะนำยามว่า ต้องหาคนมารับเลี้ยงแมวดีกว่า ตนกลัวว่าแมวที่อยู่ในมหาวิทยาลัยตอนนี้จะถูกทำร้ายหรือแม้กระทั่งถูกฆ่า ทั้งๆ ที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญแม้แต่คนเดียวบอกว่าหวัด 2009 แพร่ผ่านทางแมวได้ และที่ผ่านมา แมวก็ไม่ได้ก่อปัญหาอะไร ทั้งครูและศิษย์ต่างลงขันออกค่าทำหมันให้แมวส่วนใหญ่ในรั้วสถาบันแล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะกำจัดแมวทำไม

    ตอนนี้อาจารย์ซูพยายามติดต่อให้คนใจบุญมาช่วยรับแมวไปเลี้ยง แต่กลุ่มสมาคมสวัสดิการสัตว์เมืองหลวง กล่าวว่า การหาคนมาเลี้ยงแมวถูกทิ้งไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องเท่าใดนัก เพราะจะยิ่งทำให้คนทิ้งแมวที่ขี้เกียจเลี้ยงแล้วได้ง่ายๆ
    อีก100ปีปะการังถึงฟื้น



    เมื่อ 3 พ.ย. เอเอฟพีรายงานว่า นักวิทยา ศาสตร์สถาบันซินิก้าในไทเป ไต้หวันสำรวจพบว่า แนวปะการังไต้หวัน บริเวณใกล้เกาะภูเขาไฟออร์คิด ซึ่งถูกไต้ฝุ่นมรกตซัดถล่มช่วงต้นเดือนสิงหาคมปีนี้ เสียหายรุนแรงเป็นวงกว้าง ต้องใช้เวลาอีก 100 ปีจึงจะฟื้นตัว เพราะสภาพเหมือนโดนรถบดถนนขยี้ จากร้อยละ 68 รอบเกาะ เหลือไม่ถึงร้อยละ 18


    โลกร้อนกับนิวเคลียร์

    หมุนก่อนโลก

    วิทยา ผาสุก wittayapasuk@hotmail.com



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เริ่มต้นคอลัมน์วันนี้ ก่อนอื่นขอขอบคุณ "กลุ่มศึกษาพลังงานทางเลือกเพื่ออนาคต" ผู้กรุณาส่งจดหมายข่าว "จับตานิวเคลียร์ ข้อมูลอีกด้านที่ควรรู้" มาให้กองบรรณาธิการข่าวสดเพิ่มพูนสติปัญญาอยู่เป็นระยะๆ

    เล่มล่าสุด ฉบับเดือนกันยายน พออ่านจบก็เตะตากับเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยได้ยินใครพูดถึงมาก่อน

    นั่นคือ ตามปกติ ฝ่ายสนับสนุนการสร้าง "โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์" จะเน้นย้ำว่า..

    ยิ่งภัย "โลกร้อน" คุกคามเรามากเท่าไหร่ ยิ่งจำเป็นต้องสร้างมากขึ้นเท่านั้น เพราะไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

    แต่กลุ่มศึกษาพลังงานทางเลือกฯ แย้งว่า ถ้ายังบรรเทาวิกฤตโลกร้อนไม่ได้ ก็ยังไม่ควรสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

    สาเหตุเนื่องจากอุณหภูมิ "อากาศ" และ "กระแสน้ำ" ที่ร้อนขึ้นผิดธรรมชาติ จะเพิ่มความเสี่ยงทำอันตรายต่อ "เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์!"

    ตัวอย่างเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต เช่น ช่วงฤดูร้อนปี 2546 เตาปฏิกรณ์ 1 ใน 4 ของฝรั่งเศสต้องหยุดเดินเครื่องชั่วคราว เพราะผลกระทบจากปรากฏการณ์ "คลื่นความร้อน" ซึ่งเกิดขึ้นรุนแรงทั่วทวีปยุโรป

    ปัญหาน่าวิตกอีกประการของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ก็คือ

    ต้องใช้ "น้ำ" ปริมาณมหาศาลเพื่อป้อนเข้าสู่ระบบหล่อเย็น ไม่ว่าน้ำจากแม่น้ำ ทะเลสาบ หรือทะเล..

    เมื่อโลกร้อนทำให้อุณหภูมิแหล่งน้ำร้อนขึ้น น้ำที่ไหลเข้า-ออกระบบดังกล่าวจึงอาจทำอันตรายต่อระบบการทำงานของเตาปฏิกรณ์เช่นกัน!

    นอกจากนั้น โลกร้อนยังเริ่มสำแดงเดชทำให้สภาพอากาศแปรปรวน เกิดภัยธรรมชาติถี่ยิบและแรงขึ้น ทั้งพายุไต้ฝุ่น ไซโคลน น้ำท่วม ภัยแล้ง

    ถ้าบังเอิญเคราะห์หามยามร้าย ความผิดเพี้ยนทางธรรมชาติทั้งหลายดันเกิดขึ้นพาดผ่านจุดที่ตั้งโรงงานนิวเคลียร์ กระทั่งก่อให้เกิดความเสียหายแล้วใครจะรับผิดชอบไหว..

    ราวๆ กลางปีหน้า ข่าวว่ากระทรวงพลังงาน และกฟผ. มีแผนเริ่มประเมินความเป็นไปได้ พร้อมคัดเลือกสถานที่ก่อสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์กันแล้ว ไม่ทราบว่าได้นำข้อทักท้วงเหล่านี้ไปพิจารณาบ้างหรือไม่!?!

    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>ซู จีปรากฏตัว ปล่อยมุขถาม "สวยมั้ย เวลายิ้ม"

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 4 พ.ย. นางออง ซาน ซู จี ผู้นำประชาธิปไตยพม่า ปรากฏตัวทางสาธารณชนครั้งแรก นับจากปี 2546 ที่ถูกจับกักบริเวณระลอกล่าสุด เมื่อนายเคิร์ต แคมป์เบลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เดินทางมาเยือนพม่า และมีโอกาสได้พบปะนางซู จี ในฐานะเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของสหรัฐในรอบ 14 ปี

    นางซู จี วัย 64 ปีใส่ชุดสีชมพู ยิ้มให้กับช่างภาพและนักข่าวที่เดินทางไปทำข่าวหน้าโรงแรมหรูในกรุงย่างกุ้ง นางซู จี กล่าวติดตลกกับสื่อมวลชน ภายหลังการหารือกับผู้แทนรัฐบาลสหรัฐนานกว่า 2 ชั่วโมง ว่า Am I beautiful when I smile? (ดิฉันสวยมั้ย เวลายิ้ม)

    "ฝนดาวตก"มาแล้ว! ชมชัดๆ17-18พฤศจิกาฯนี้



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เชิญชวนคนไทยร่วมชมปรากฏการณ์ "ฝนดาวตกลีโอนิดส์" หรือ "ฝนดาวตกจากกลุ่มดาวสิงโต" ที่หวนกลับมาให้เห็นกันอย่างชัดเจน-จุใจอีกครั้ง 17-18 พฤศจิกายน!

    กลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปีจะเกิดปรากฏการณ์ "ฝนดาวตกลีโอนิดส์" ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากพื้นโลกมากบ้างน้อยบ้าง โดยปีที่มองเห็นสูงสุดต้องย้อนกลับไปเมื่อปีพ.ศ.2541 และ 2544

    ฝนดาวตกลีโอนิดส์ เกิดจากเศษซากหลงเหลือของ "ดาวหาง 55พี เทมเพล-ทัตเทิล"


    มีวงโคจรรอบ "ดวงอาทิตย์" เป็นวงรี โดยหนึ่งรอบใช้เวลา 33.2 ปี <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    และทุกๆ 33 ปี ดาวหางดวงนี้จะโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด ทำให้เกิดฝนดาวตกมากเป็นพิเศษ เรียกว่า "พายุฝนดาวตก" (Meteor Storm) ซึ่งการโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 และจะเข้าใกล้ครั้งต่อไปในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2556

    อย่างไรก็ตาม สำหรับเดือนนี้ นักดาราศาสตร์พยา กรณ์ว่า คนไทยทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ จะมีโอกาสชม ฝนดาวตกลีโอนิดส์นับร้อยดวงแบบชัดๆ อีกครั้ง ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 17 ต่อเนื่องไปจนถึงรุ่งเช้า 18 พฤศจิกายน เหตุเพราะเวลาเกิดปรากฏการณ์ตรงกับ "คืนเดือนมืด" พอดิบพอดี

    โดยช่วงเวลาที่คาดว่าจะมองเห็นฝนดาวตกสูงสุด คือ

    เวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 18 พฤศจิกายน ตกราวๆ 150-160 ดวงต่อชั่วโมง

    ขณะที่ "เจเรอมี่ โวเบลลอน" นักวิจัยสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ อเมริกา ชี้ว่า ช่วงก่อนตีห้าเล็กน้อยตามเวลาประเทศไทย ถ้าโชคดีชาวโลกอาจได้เห็นฝนดาวตกลีโอนิดส์ร่วมๆ 500 ดวง พุ่งสว่างวาบบนฟากฟ้า!

    "นับเป็นความโชคดีที่จะได้ชมปรากฏ การณ์ฝนดาวตกในปีนี้ เนื่องจากวันที่ 17-18 พฤศจิกายน เป็นคืนเดือนมืด ท้องฟ้าค่อนข้างมืดสนิท แต่เหตุการณ์ฝนดาวตกช่วงที่ตกมากนั้นค่อนข้างสั้น และเกิดก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น 1 ชั่วโมงเท่านั้น" ประณิตา เสพปันคำ เจ้าหน้าที่สำนักบริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ สดร. ระบุ

    สำหรับสถานที่ที่เหมาะสมกับการดูฝนดาวตกลีโอนิดส์ ถ้าจะให้ดีควรเป็นจุดที่ไม่มีแสงไฟรบกวน หรือห่างจากเมืองใหญ่ไม่น้อยกว่า 100 กิโลเมตร หันหน้าไปทางดาวเหนือ

    ส่วนการถ่ายภาพควรตั้งความไวแสง ISO 400-800 ถ้าใช้กล้องสองตาควรมีหน้าเลนส์ไม่ต่ำกว่า 50 มิลลิเมตร และกำลังขยาย 7 เท่าขึ้นไป

    โรคใหม่"ไฟโบรมัยอัลเจีย" ปวดทั่วร่างกาย-ทำลายจิตใจ



    เผยข้อมูลพบผู้ป่วยโรคใหม่ "ไฟโบรมัยอัลเจีย" ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทยมากขึ้น

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงปลายเดือนต.ค. ที่ผ่านมา บริษัทไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานสัมมนาที่ห้องประชุม เบฟเวอรี่ ฮิลล์ โรงแรมคอนราดกรุงเทพฯ เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดจาก "โครงการการสำรวจแนวโน้มและความตระหนักรู้เกี่ยวกับ โรคไฟโบรมัยอัลเจีย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" เพื่อนำเสนอโรคไฟโบรมัยอัลเจียให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เนื่องจากโรคดังกล่าวเป็นโรคใหม่และเพิ่งมีการศึกษาและสำรวจไม่นานมานี้

    ดร.เฮนรี่ ลู หัวหน้าประจำคลินิกควบคุมความปวด มาคาติ ณ ศูนย์การแพทย์มาคาติ ฟิลิปปินส์ อธิบายอาการของโรคไฟโบรมัยอัลเจีย ว่า ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวดเรื้อรังและลุกลามไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ระดับอาการปวดเทียบได้เกือบเท่ากับระดับของการปวดในไมเกรน ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้ป่วยเป็นโรคดังกล่าวอยู่ถึง 40 ล้าน และผู้ป่วยบางคนไม่ทราบว่าตนนั้นป่วยเป็นโรคนี้อยู่

    "อาการปวดจากโรคไฟโบรมัยอัลเจีย มีเอกลักษณ์อยู่ตรงที่อาการปวดจะค่อยๆ แผ่ขยายออกไปตามร่างกายของผู้ป่วย ข้อมูลจากการวิจัยในผู้ป่วยในประเทศสหรัฐ พบว่า ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ในบางรายที่เป็นหนักถึงขั้นชา และนอนไม่หลับ เป็นต้น" ดร.ลู กล่าว

    จากข้อมูลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า สาเหตุของโรคมาจากสมองส่วนที่ทำหน้าที่รับรู้ความเจ็บปวด ซึ่งอาจเป็นส่วน "ทาลามัส" ทำงานไวผิดปกติเพราะปัจจัยหลัก 3 ประการ คือ ความผิดปกติทางพันธุกรรม เคยบาดเจ็บอย่างรุนแรง หรือเกิดจากปัจจัยแวดล้อม เช่น เคยถูกทารุณกรรม เมื่อเป็นหนักเข้าจะทำให้ผู้ป่วยสุขภาพร่างกายและจิตใจถดถอยลง บางรายถึงขั้นเสียสติ เพราะทนอยู่กับอาการป่วยมานานและไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

    ด้านรศ.น.พ.ประดิษฐ์ ประทีปะวณิช นายกสมาคมการศึกษาเรื่องความปวดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับผู้ที่คิดว่าตนป่วยเป็นโรคดังกล่าวอย่าเพิ่งตื่นตระหนก ให้ไปพบแพทย์ที่ไปพบอยู่ประจำ เพราะจะรู้ประวัติผู้ป่วยซึ่งมีความสำคัญมากในการใช้ประกอบการวินิจฉัย แล้วจึงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ไปตามขั้นตอน


    เตือนอากาศเปลี่ยนระวังหวัด-ท้องร่วง



    ศรีสะเกษ - น.พ.ประวิ อ่ำพันธุ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ เผยว่าจากสภาพอากาศของ จ.ศรีสะเกษ เริ่มหนาวเย็น โดยเฉพาะช่วงเช้าตรู่เริ่มจะมีหมอก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กและประชาชนชาวศรีสะเกษเป็นอย่างมาก โดยป่วยเป็นโรคไข้หวัดและโรคท้องเสีย ต้องเข้ารับรักษาพยาบาลตามโรงพยาบาลทุกแห่งในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เป็นจำนวนมาก เด็กบางคนมีอาการไข้ขึ้นสูงมาก พ่อแม่ต้องนำเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวลูกที่ป่วยไข้ตลอดเวลาระหว่างที่รอพบแพทย์เพื่อไม่ให้ไข้ต้องขึ้นสูงมากเกินไป ขณะที่ชาวศรีสะเกษซึ่งป่วยหนักแพทย์ต้องให้นอนพักรักษาตัวที่ ร.พ.หลายรายด้วยกัน

    น.พ.ประวิ กล่าวเตือนประชาชนให้ระมัดระวังโรคที่มากับฤดูหนาว คือ โรคไข้หวัดและโรคท้องเสีย ให้สวมเสื้อผ้ากันหนาวที่สะอาด เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น และรับประทานอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ จะทำให้ปลอดภัยจากโรคต่างๆ ได้ และให้ยึดหลักการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง พักผ่อนให้เต็มที่ จะสามารถป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้ทุกโรค




    </TD><TD vAlign=top align=left>




    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“มิริแน” โหดเกิน เวียดนามตายสูญหายกว่า 100</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 พฤศจิกายน 2552 20:38 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ภาพเอเอฟพี/เตี่ยนฟงวันที่ 3 พ.ย.2552 เจ้าหน้าที่กู้ภัยเจาะหลังคาบ้านช่วยเด็กชายคนหนึ่งออกมา ขณะที่น้ำท่วมสูงในท้องที่ จ.ฝูเอียน (Phu Yen) พายุโซนร้อนมีรีแน (Mirinae) ทำความเสียหายอย่างหนักให้จังหวัดภาคกลางเวียดนามต่อจากไต้ฝุ่นเกดสะหนาในปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันพุธ (4 พ.ย.) นี้ พบผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 90 คนอีกกว่า 20 คนยังสูญหาย

    ASTVผู้จัดการรายวัน -- สองวันหลังจากพายุโซนร้อนมิริแน (Mirinae) เคลื่อนผ่านไปเวียดนามยังคงสร้างความเสียหายที่มากมายเกินคาด พายุทำให้มีผู้เสียชีวิต 90 คน เป็นอย่างน้อย อีก 20 คนสูญหาย บ้านเรือนราษฎรเสียหายหลายพันหลัง น้ำยังท่วมขังบนทางหลวงสาย 1A เหนือ-ใต้ เป็นช่วงๆ และทางรถไฟใน จ.บี่งดีง (Binh Dinh) ยังใช้การไม่ได้ ขณะที่สายการบินเวียดนามเพิ่งจะเปิดเที่ยวบินอีกครั้งไปยังจังหวัดที่ประสบภัย

    ดินเลื่อนและน้ำท่วมสูงได้ตัดขาดทางรถไฟ สายเหนือใต้ช่วง จ.บี่งดีง ฝูเอียน (Phu Yen) แค๊งฮว่า (Khanh Hoa) และ จ.ซยาลาย (Gia Lai) ทางตอนใต้ของเมืองกวีเญิน (Quy Nhon) เมืองเอกของ จ.บี่งดีง หลายท้องที่น้ำยังท่วมสูง 6-7 เมตร ท่วมถึงหลังคาบ้านเรือนราษฎรนับพันๆ หลัง เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเจาะทะลุหลังคา เพื่อนำผู้ประสบภัยออกไปยังที่ปลอดภัย

    ทางหลวงสาย 1A ช่วง เมืองตีฮวา (Tuy Hoa) กับ กับเมืองตวีแอง (Thuy Anh) จ.ฝูเอียน น้ำท่วมสูงราว 1 เมตร และทางรถไฟในเขตเมืองด่งซวน (Dong Xuan) บางช่วง จมอยู่ใต้น้ำลึกถึง 7 เมตร โทรศัพท์ในอาณาบริเวณจังหวัดที่ประสบภัยเป็นอัมพาตสิ้น ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋

    [​IMG]

    ภาพเอเอฟพี/เตี่ยนฟง-- เจ้าหน้าที่กู้ภัยเจาะหลังคาบ้าน ช่วยหญิงสูงวัยออกมา การกู้ภัยทำได้โดยทางเรือและทางอากาศ พายุมีรีแนสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนราษฎรนับพันๆ หลัง ระบบสาธารณูปโภคพินาศสิ้นในหลายจังหวัดภาคกลาง

    [​IMG]

    ภาพรอยเตอร์/เท้เหลิบ -- วันที่ 3 พ.ย.2552 สตรีผู้นี้กับลูกสุนัขและทรัพย์สินที่พอจะเก็บได้ทัน ต้องไปอยู่บนรางรถไฟที่ถูกตัดขาดเนื่องจากอุทกภัยในเขต จ.บี่งดีง (Binh Dinh) ทางภาคกลางตอนล่าง พายุมีรีแนทำให้รถไฟสายเหนือ-ใต้ถูกตัดขาดในหลายช่วง บางช่วงจมอยู่ใต้น้ำลึก 7 เมตร ทางหลวง 1A สายเหนือใต้ก็ตกในสภาพไม่ต่างกัน

    สำนักงานพยากรณ์อากาศภาคใต้ กล่าวว่า ฝนจะยังตกไปทั่วอาณาบริเวณในวันพุธที่ผ่านมา ก่อนจะค่อยๆ ซาลง และ เหนือขึ้นไปใน จ.กว๋างหงาย (Quang Nghai) และ จ.นีงทวน (Ninh Thuan) น้ำยังอยู่ในระดับสูง

    ทางการระดมความช่วยเหลือไปยังผู้ประสบภัย โดยลำเลียงทางเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น

    มีผู้เสียชีวิต 163 คน เมื่อไต้ฝุ่นเกดสะหนา พัดเข้าจังหวัดภาคกลางของประเทศในสัปดาห์สิ้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พายุลูกนี้ยังทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 43 คน ในกัมพูชา อีก 16 คน ในลาว โดยที่ยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนมาก

    [​IMG]

    ภาพจาก VN Express ทางรถไฟในเขตเมืองกวีเญิน (Quy Nhon) เมืองเอกของ จ.บี่งดีง (Binh Dinh) จมน้ำ รางเสียหาย ทางรถไฟสายเหนือ-ใต้อีกหลายช่วงจมอยู่ในต้น้ำลึก 6-7 เมตร ทางหลวงสาย 1A เหนือ-ใต้ ก็มีสภาพไม่ต่างกัน

    [​IMG]

    ภาพจาก VN Express วันที่ 3 พ.ย.2552 คนไข้ในโรงพยาบาลวัณโรค จ.บี่งดีง (Binh Dinh) จับกลุ่มกันที่บริเวณระเบียงอาคาร ไม่สามารถออกไปไหนได้และรอความช่วยเหลือ

    [​IMG]

    ภาพจาก VN Express วันที่ 3 พ.ย.2552 ถ่ายจากเฮลิคอปเตอร์ แสดงให้เห็นทางตอนใต้ของเมืองกวีเญิน (Quy Nhon) เมืองเอก จ.บี่งดีง (Binh Dinh) จมน้ำ พายุโซนร้อนมีรีแน คร่าชีวิตชาวเวียดนามในเขตประสบภัยไปไม่น้อยกว่า 90 คนในขณะนี้

    [​IMG]

    ภาพจาก VN Express วันที่ 3 พ.ย.2552 เบื้องล่าง.. การจราจรในเมืองบิ่งดีง (Binh Dinh) เป็นเช่นที่เห็น พายุมีรีแนพิษสงร้ายกาจเกินคาด ผ่านไปแล้วตั้งแต่วันจันทร์ แต่ฝนยังตกลงมากระทั่งถึงวันพุธ ( 4 พ.ย.) ด้วยผสานกับอิทธิพลของความกดอากาศต่ำอีกหย่อมหนึ่งในทะเลจีนใต้

    [​IMG]

    ภาพจาก VN Express วันที่ 3 พ.ย.2552 ไกลออกไปใน จ.ซยาลาย (Gia Lai) ในเขตสวนกาแฟที่ราบสูงภาคกลาง หลายพื้นที่ยังจมน้ำ ดังที่เห็นในภาพนี้ ระดับน้ำยังท่วมสูงในอีกหลายจังหวัดทางภาคกลางตอนบนของประเทศ จากพิษสงของพายุมีรีแนเมื่อวันจันทร์

    ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9520000132652
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2009
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ทำความจริงด้วยสัจจะ ****

    พระพุทธเจ้า .... พึ่งสัจจะที่ทำได้จริง
    เพราะผลการกระทำ เป็นไปตามหลักสัจจะธรรม
    ไม่ว่าเจตนา หรือไม่เจตนา ก็มีผลตอบแทนทั้งสิ้น
    แล้วตัวท่านหวังจะพึ่งสิ่งใด...

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. 11111111111

    11111111111 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +226
    น่าสงสาร จังเลยครับ
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สัญญาณจากจักรวาล “วิกฤติมหันตภัยล้างโลก"
    โดย Dr.G.G.Junior

    [​IMG]

    มหันตภัยล้างโลกได้เริ่มขึ้นแล้ว ไม่เกินอีก ๑๒ ปีข้างหน้าเป็นการเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่

    ปัจจุบันนี้ ความเคลื่อนไหวของผิวเปลือกโลกแสดงการมีแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วมฝนแล้ง พายุหิมะ ลมพายุ พายุฝน ไฟป่า สึนามิ และภัยพิบัติอื่นๆ นี่คือสัญญาณอันตราย ที่บ่งบอกถึงความไม่สมดุลของวัตถุโลกและพลังงาน มนุษย์ยังไม่สนใจ เพราะจิตถูกใจที่ครอบด้วยอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ความรุนแรงของภัยทั้งหลายทวีความรุนแรงขึ้นในทุกขณะ และในที่สุดมหันตภัยล้างโลกก็เริ่มเกิดขึ้นแล้ว ด้วยอัตราเร่งอย่างรวดเร็ว ตามกิจกรรมมนุษย์ที่ทำลายสมดุลแห่งธรรมชาตินั่นเอง

    อาการที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลก ปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่เคลื่อนเข้าใกล้ของมหันตภัยนั้น เริ่มจากหลายร้อยพันล้านปี จากการที่มนุษย์สร้างพลังงานเสียต่อสภาวะแวดล้อมเพิ่มขึ้น และต่อเนื่อง ผลทำให้เกิดความไม่สมดุลขนาดหนัก เกิดขึ้นอย่างแสนสาหัสในขณะนี้ ความเลวร้ายที่มนุษย์ยัดเยียดให้กับโลก จนต้องสูญเสียสนามแม่เหล็กที่สมดุลไป การล้างโลกจึงบังเกิดขึ้นแล้วด้วยการเคลื่อนโดยที่มีอัตราเร่ง เริ่มที่ 5,000 ปี (ตามพุทธกาล)

    ที่ พ.ศ. 2500 เริ่มปรากฏความไม่สมดุลทั้งวัตถุและจิตของมนุษย์ รวมทั้งสัตว์ทั้งหลายดุร้ายขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระหว่างปี พ.ศ. 2500-2547 มนุษย์ทำลายธรรมชาติมาก จนกระทั่งมีผลให้ใน พ.ศ. 2547 เกิดการเร่งเวลาของมหันตภัยล้างโลกให้เคลื่อนเข้ามาเหลือเพียง 48 ปี และเหลือเพียง 24 ปี

    เมื่อถึงปี พ.ศ. 2549 สุดท้ายวันนี้ คือ วันที่ 30 มกราคม 2550 สัญญาณจากจักรวาลบอกเราว่า เป็นการเริ่มนับเวลาจากนี้ไป ที่มนุษย์จะพบภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น จนประสบมหันตภัยล้างโลกในที่สุด ในเวลาอีก 12 ปีข้างหน้า คือ ประมาณต้นถึงกลางปี พ.ศ. 2562

    มนุษย์ทั้งหลาย จงตื่นจากความโง่เขลา จงตื่นจากความเห็นแก่ตัว คิดแต่อยากได้ทรัพย์ หรือวัตถุ จนไม่รู้ว่าธรรมชาติจะเอาชีวิตไปในไม่ช้านี้แล้ว และพึงรักษาธรรมชาติให้สมดุล รักษาจิตให้บริสุทธิ์ร่วมกัน เพื่อลดความรุนแรงของมหันตภัย ให้เกิดน้อยลงมากที่สุด เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของโลกในเวลานี้ ผู้นำประเทศทั้งหลาย หรือผู้ใดที่มุ่งหวังอำนาจ และกระหายสงคราม จงจำไว้ว่าผู้นำเหล่านั้น หรือผู้นั้นเป็นผู้ทำลายโลกที่ร้ายกาจ

    สภาพของการเกิดมหันตภัยในระยะเวลา 12 ปี สามารถแบ่งโดยความรุนแรงเป็น 3 ช่วงเวลา คือ

    1. ช่วงแรก เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2550-2551 ระยะเวลา 2 ปีแรก

    เกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่อง ตามรอยต่อของแผ่นทวีปทั้งหมดที่แตกร้าวไปทั่วดาวดวงนี้ สัตว์ และมนุษย์มีวิธีทำร้ายกัน แบบดุร้ายป่าเถื่อนมากยิ่งขึ้น สัตว์ขนาดเล็กเตรียมปรับตัวรับวิกฤติดังกล่าวแล้ว และเตรียมปรับตัวเพื่อทำลายล้างมวลมนุษย์อีกด้วย โดยการสะสมถ่ายทอดโรค ที่ร้ายแรงมากขึ้น นอกจากนั้นทั่วโลกยังเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงกว่าเดิม และเกิดอุบัติเหตุที่แปลกๆ

    โดยมนุษย์หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ เช่น ระหว่างปีใหม่ ( พ.ศ. 2550) ที่ผ่านมาเครื่องบินภายในประเทศอินโดนีเซียสูญหายระหว่างบินอยู่เมืองสุราเวสี ไม่สามารถค้นพบได้จนบัดนี้ สาเหตุที่มนุษย์คาดไม่ถึง ก็คือ เกิดจุดตัดสนามแม่เหล็กโลก เกิดขึ้นบริเวณนั้นพอดี เนื่องจากความไม่สมดุล จึงดูดเอาเครื่องบินลำนี้ ออกนอกมิติของโลก เข้าสู่มิติมืดที่ว่างเปล่า

    หรือเป็นปรากฏการณ์ที่มนุษย์เข้าใจแล้วว่า เสมือนสามเหลี่ยมเมอมิวดา ในแกนกลางมหาสมุทร นั่นคือหลุมมิติในน้ำ แต่ที่จริงแล้ว ยังมีหลุมมิติในอากาศ (ที่เครื่องบินหายไปในช่องหลุมมิติ) และหลุมมิติบนพื้นโลก (ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเนื่องจากมิติซ้อนกันทำให้มองไม่เห็นกัน) เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งลี้ลับ แต่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยสมองที่มีแต่ความอยาก และความต้องการในวัตถุทั้งหลาย

    2. ระยะที่ 2 ตั้งแต่ พ.ศ. 2552-2556 ระยะเวลา 5 ปี

    โลกร้อนขึ้นด้วยอัตราเร่ง เกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นมากกว่าเดิม และต่อเนื่องจนมนุษย์ทั้งโลกหวาดกลัว กลุ่มมนุษย์ที่มีจิตต่ำจะก่อกวนมนุษย์ด้วยความรุนแรงเหมือนไม่ใช่คน เกิดหลุมมิติมากมายเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง อย่างที่มนุษย์คาดไม่ถึง มีการตายของมนุษย์เป็นกลุ่มใหญ่จำนวนมาก ด้วยอุบัติเหตุและภัยพิบัติ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย พื้นโลกบางส่วนยุบตัวลง เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด อากาศร้อนขึ้นอย่างมาก และอากาศหนาวก็มากขึ้นเช่นกันของแต่ละพื้นที่

    จะเริ่มมีพื้นที่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์น้อยลง ความแห้งแล้งมากขึ้น น้ำในทะเลยกระดับสูงขึ้นจากสาเหตุการยุบตัวของโลก น้ำแข็งขั้วโลกละลาย และการนำน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้สมทบด้วยอีกแรงหนึ่ง เริ่มเกิดโรคระบาดจากเชื้อไวรัส และแบคทีเรียที่ผุดมาจากดินที่ไม่เคยมีมาก่อน เชื้อเหล่านี้ทนทานต่อการทำลาย เพราะปรับตัวจากที่ที่เย็นจัดหรือปรับตัวจากที่ที่ร้อนจัดจึงทนต่อสภาวะที่เปลี่ยนไป

    3. ระยะที่ 3 ตั้งแต่ พ.ศ. 2557-2561 ระยะเวลา 5 ปี

    โลกร้อนขึ้นด้วยอัตราเร่ง พอที่จะละลายน้ำแข็งเกือบทั้งหมดของขั้วโลกทั้งสอง เกิดน้ำท่วมโลก โดยที่พื้นที่อาศัยของมนุษย์จะหายไปอย่างน้อยก็ 2 ใน 3 ส่วน ได้แก่ ที่ริมทะเลปากแม่น้ำ และที่ราบลุ่มต่างๆ คงเหลือพื้นที่ราบสูงพื้นที่บนภูเขา ซึ่งส่วนมากเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะกับกับการเกษตรนัก จึงเกิดการขาดแคลนอาหาร เฉพาะพื้นที่ประเทศไทยนั้นเหลือเพียงภาคเหนือ ภาคอีสาน นอกจากนั้นที่เหลือก็มีสภาพเป็นเกาะแก่งเล็กๆ สรุปได้ดังนี้

    บนพื้นดินที่อยู่ตรงกลางทวีปทั้งหลาย ก็จะแห้งแล้งด้วยความร้อนจากใต้ผิวดินประทุขึ้นมา พื้นที่ที่อยู่ริมบริเวณชายฝั่ง หรือค่อนมาทางริมขอบทวีปทั้งหลาย ก็จะถูกน้ำทะเลกลืนกิน บางที่ก็จะยุบหายไป บางที่ก็จะถูกเหวี่ยงออกไปแยกตัวเป็นอิสระ มีแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ทั่วโลก มนุษย์จะเผชิญกับสภาพความแล้งจัด จนต้องอดตาย พบโรคใหม่กับสัตว์สายพันธุ์ดุร้าย และมีพิษ คร่าเอาชีวิตมนุษย์ทั่วไป ทั้งโลกนี้เช่นกัน จากความรู้ที่ได้รับคลื่นสัญญาณจากจักรวาลพอสรุปให้ได้ดังนี้

    เริ่มต้นขึ้นที่ขณะนี้มันเกิดอะไรขึ้น เวลานี้โลกมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ใครๆ ก็รับรู้ได้บ้างแล้วว่า ตกอยู่ในสภาวะโลกร้อน มีข่าวสารที่แสดงให้มนุษย์เห็นหลายรูปแบบ จากการเฝ้าสังเกตติดตามของมนุษย์ที่สนใจในสภาวะแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงของโลก จะเห็นว่าน้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายลงมามากแล้ว ภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะตั้งแต่หลังเกิดเหตุสึนามิเมื่อปลายปี 2547 หลังจากนั้นมา ความเปลี่ยนแปลงของโลกก็ได้ปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

    มีเหตุการณ์การปรับตัวของโลก ตามจุดต่างๆ ไล่กันเรื่อยมาตลอดมา หลังเกิดสึนามิไม่นาน ก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่ปากีสถาน ใหญ่มากถึงขนาดที่ ทำให้พื้นดินสะเทือนเลื่อน เป็นคล้ายระลอกคลื่น และหลังจากนั้นเกิดต่อเนื่องกันมา หนักบ้างเบาบ้างอีกหลายๆ ครั้ง หลายๆ ครา จนในที่สุด ถ้ามนุษย์ติดตามข่าวสารจะเห็นได้ว่า เวลานี้เกิดขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในย่านภูมิภาคแถบที่เป็นรอยต่อรอยเลื่อนทวีป แผ่นดินที่เราอาศัยอยู่นี่แหละเป็นเขตที่เกิดบ่อยที่สุด แทบจะทุกๆ 12 ชั่วโมง ก็คือ

    อาณาเขตของประเทศอินโดนีเซีย แถบทะเลมูรุกะ ตามมาด้วยอาณาเขตของประเทศญี่ปุ่นและไต้หวัน ตามมาอย่างติดๆ นอกจากนั้น ก็เกิดขึ้นประปรายตามพื้นที่ต่างๆ ในดินแดนเหล่านี้ ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า อยู่ใกล้น้ำอยู่ริมน้ำ เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยต่อไปข้างหน้า จะเกิดภาวะล้างโลกในรูปแบบหนึ่ง มนุษย์ที่อยู่บนภาคพื้นทวีป ก็จะมองเห็นภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป

    อากาศทุกวันนี้ ไม่เหมือนกับช่วงที่ผ่านมา ความหนาวเย็นที่ปรากฏ เป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งของความรู้ คือ การนำความร้อนไปใช้ละลายน้ำที่ขั้วโลก มนุษย์จงนึกถึงน้ำแข็งที่อยู่ในแก้ว ตัวน้ำแข็งก็คือน้ำแข็งที่อยู่ที่ขั้วโลก เมื่อนำเอาออกมาจากเครื่องทำความเย็น อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น น้ำแข็งละลายตัวน้ำแข็งที่อยู่ในแก้ว จะดึงเอาความร้อนรอบตัว มาใช้ในการละลาย น้ำที่เราใส่ไปในแก้วนั้น จึงมีความเย็นขึ้นมาในทันที ความเย็นนั้น ลามไปถึงตัวแก้วที่บรรจุอยู่ด้วยซ้ำ มันก็เหมือนกับภาวะที่มนุษย์เจอกันอยู่ทุกวันนี้นั่นแหละ ใครบอกว่าโลกร้อน หนาวจะตาย

    โดยแท้จริงแล้วอุณหภูมิของโลกโดยรวมเพิ่มขึ้น แต่เรากำลังถูกดึงดูดเอาพลังงานความร้อนไปใช้ในการละลายน้ำแข็ง เหมือนเราเป็นน้ำที่อยู่ใกล้กับน้ำแข็งนั้น และสภาวะรอบน้ำแข็งนั้นไม่ใช่ช่องแข็งเสียแล้ว มันกลายเป็นอุณหภูมิธรรมดา น้ำแข็งจึงกำลังละลาย ผู้ที่สังเกตเฝ้าติดตามอยู่ นักวิทยาศาสตร์บ้าง นักภูมิศาสตร์บ้างจะถ่ายทอดข้อมูลความรู้เหล่านี้ตามข่าวสารต่าง ๆ อยู่เป็นประจำว่า ชั้นน้ำแข็งที่ขั้วโลกมีขนาดบางลง มีหน่วยวัดมาตราเป็นแบบของมนุษย์ อาณาบริเวณขั้วน้ำแข็งของโลกก็หดเข้ามาจากเดิมเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว

    ถ้ามนุษย์มีความรู้ ตรวจดูข่าวสารอยู่เป็นประจำ ก็จะพบได้ว่า มันไม่ใช่เรื่องที่เกินความเข้าใจของมนุษย์เลย มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วทางกายภาพ เห็นมั้ย มนุษย์ทั้งหลายมันปรากฏขึ้นแล้ว ภายหลังจากที่สัญญาณจากจักรวาลได้เตือนเจ้ามาไม่นานนี้ เมื่อความร้อนกับความเย็นกระทบกัน สิ่งที่ตามมาก็คือ ภาวะภูมิอากาศที่แปรปรวน ความหนาวเย็นที่มาจากขั้วโลกถูกหอบมาด้วยลมที่พัดเข้าสู่ศูนย์กลางเส้นศูนย์สูตร นำพาเอาลมเย็นมาจากทางเหนือ ระลอกแล้วระลอกเล่า

    เมื่อความเย็นกระทบกับความร้อนที่แถบบริเวณศูนย์สูตร ความรุนแรงของความร้อน และความเย็นที่ตัดกันทำให้เกิดพายุต่างๆ ลมมรสุมธรรมดาก็แปรสภาพกลายเป็นไต้ฝุ่น ลมมรสุมธรรมดาที่พัดเข้าหาฝั่ง ก็กลายสภาพเป็นคลื่นลมที่รุนแรง เกือบจะถึงขั้นสึนามิอยู่บ่อยๆ อย่างที่ประจักษ์แก่มนุษย์แล้ว แค่เพียงลมมรสุมที่เข้ามาธรรมดา ก็ทำลายชายฝั่งขอบหินถนนที่มนุษย์สร้างขั้น เอารถขนาดใหญ่รถบรรทุกสิบล้อวิ่งผ่านยังคงทนอยู่ได้

    เจ้าพายุเหล่านี้ มีความสามารถพัดสิ่งที่เจ้าคิดว่าแข็งแรงคงทนแข็งแรงนี้ ให้พังทลายได้ ความรุนแรงของธรรมชาติที่โอบล้อมตัวเราเหล่านี้มาจากอะไร ถ้าเรามองด้วยสายตาของมนุษย์ เห็นได้ชัดทีเดียวว่า มนุษย์นั้นหละตัวทำลาย มนุษย์เป็นผู้ทำให้โลกร้อน นี่พูดแบบอย่างมนุษย์พูดกัน มองเห็นได้ พิสูจน์ได้ จับต้องได้ก็พูดอย่างนี้ อธิบายให้มนุษย์ผู้เขลาฟังอย่างนี้ เป็นเรื่องที่ไม่มหัศจรรย์เกินไป ให้มนุษย์เตรียมตัวเตรียมอย่างไร มนุษย์จะต้องรู้ว่า เมื่อเหตุมาอย่างนี้แล้ว ผลจะเป็นอย่างไร

    ต่อไปแผ่นทวีปที่เคลื่อนตัวก็ยังเคลื่อนตัวอย่างไม่หยุดยั้ง ความร้อนภายใต้เปลือกโลก ยังดันขึ้นมาอยู่เสมอ หรือที่สุดของแรงบีบเค้นของเปลือกโลก มันอย่างนี้นะ ข้าไม่ได้สรรหาภาษาขึ้นมาเอง ข้าดึงเอาภาษาของมนุษย์มาใช้ มนุษย์เรียกมันว่า แรงเค้นของเปลือกโลก หมายถึง การชนกันและบีบอัดโดยน้ำหนักที่ทิ้งตัวและถ่วงลงไป เมื่อแรงเค้นบีบอัดจนเต็มที่แล้ว เกิดภาวะทำลาย จากแผ่นใหญ่เบียดอัดแผ่นเล็ก แตกออก หักออก

    การเหวี่ยงหมุนของโลกผิดปกติเนื่องจากแผ่นทวีปแต่ละแผ่นมิใช่ผืนเล็ก เป็นผืนใหญ่ทีเดียว การเคลื่อนน้ำหนักย้ายมวลจากองศาหนึ่งไปอีกองศาหนึ่ง ทำให้โลกมีแรงเหวี่ยงหมุนที่ผิดปกติไป แม้เพียงเล็กน้อย ก็ทำให้สัณฐานโลกผิดรูปไปจากเดิม การหมุน คือ การทำให้ตัวเองคงสภาพ อยู่ในรูปทรงกลมแป้น การหมุนจึงจัดตัวเอง จัดน้ำหนัก จัดส่วนที่เป็นของเหลว กับส่วนที่เป็นของแข็ง เหมือนกับการที่เราเขย่าอะไรให้เข้าที่โดยการหมุน จะทำให้เกิดความสมดุลขึ้น พื้นโลกบางส่วนที่บอบบางก็จะยุบลงไป

    พื้นโลกบางส่วนที่แข็งและเบียดกัน ก็จะดันขึ้นมากลายเป็นภูเขา น้ำก็จะท่วม ส่วนของพื้นดินที่ถูกดันเข้าไปสูง ผู้คนรอดตายจากการทำลายของน้ำ แต่ภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงความร้อนใต้พื้นผิวโลกปะทุขึ้นมา ความแห้งแล้งจึงเกิดขึ้น คนรอดตายอยู่บนที่สูงก็จะตายด้วยความอดยาก พืชพรรณธัญญาหารที่ถูกทำลายลง จะเพาะปลูกขึ้นมาอีกได้ยากหนักหนาด้วยความแห้งแล้งของผิวโลก

    คนที่อยู่ตามชายฝั่งก็จะตายด้วยน้ำที่โถมทับไม่ทันตั้งตัว บางส่วนอยู่บนพื้นแผ่นดินที่ยังทรุดลงไป ก็จะถูกกลืนกินด้วยธรณี มนุษย์ที่เหลืออยู่ ก็คือมนุษย์ที่มีแรงบุญกุศลที่นำพาให้ตัวเอง มีชีวิตอยู่ได้ในโลกยุคใหม่ โลกที่มีแผ่นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากทีเดียว ประเทศต่าง ๆ จะต้องวาดแผ่นที่กันใหม่ วัดอาณาเขตกันใหม่ เริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่

    มนุษย์เหล่านั้น อาจจะยังเหลือส่วนที่มีกรรมหนัก มีความหนักของจิตตกค้างอยู่ ยังไม่พอ การล้างโลกยังดำเนินการต่อไป ด้วยความผิดปกติของสารเคมีต่างๆ และสนามแม่เหล็กที่เปลี่ยนไป ทำให้สัตว์ต่างๆ รวมทั้งมนุษย์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไป ตามแรงของสนามแม่เหล็กโลก พฤติกรรมของสัตว์ต่างๆ เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม สัตว์บางอย่างไม่เคยกินเนื้อ กินเลือด หันมากินเนื้อกินเลือด สัตว์บางชนิดได้รับสารเคมีที่ผิดปกติไป

    ทำให้เกิดพิษขึ้นในตัว สิ่งที่เห็นร้ายแรงที่มนุษย์จะต้องดำรงชีวิตอยู่กับพวกมันให้อยู่รอดได้ ก็คือ แมลงตัวเล็กๆ ที่เปลี่ยนแปลงเป็นดุร้ายขึ้น ยุงก็จะนำพาเอาเชื้อโรคชนิดหนึ่งมาทำลายล้างมนุษย์ เมื่อกัด จะมีอาการตัวร้อน ร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ คนที่อ่อนแอจะตายภายใน 1 วัน อาการที่ปรากฏก็คือ เป็นไข้สูง ช็อก และหัวใจวายคนที่มีความแข็งแรง จะสามารถทนอยู่ได้ประมาณไม่เกิน 3 วัน

    ส่วนแมลงอีกชนิดหนึ่งที่มีพิษที่ต้องระวังมากๆ ก็คือ ตัวลิ้นทะเล ริ้นดำ หรือที่มนุษย์ทางภาคเหนือเรียกว่า ตัวคุ่น ตัวเล็กกัดแล้วจะทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นที่ผิวหนัง ต่อไปก็จะลุกลามเข้าสู่น้ำเหลือง เลือด และเข้าสู่หัวใจได้เช่นเดียวกัน ตั้งแต่ถูกกัดและมีอาการจนถึงเข้าสู่หัวใจจะใช้เวลา 7 วัน

    สิ่งที่ข้าเตือนสองอย่างนี้ คือ แมลงตัวนี้ กับยุง อย่าคิดว่าอีกนาน ขอให้รู้ไว้ว่า เวลานี้ ยุงได้เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองแล้ว เพียงแต่พิษยังไม่ร้ายแรงมากนักเท่านั้น แต่มันจะเปลี่ยนแปลงและสร้างตัวเองอย่างรวดเร็วทีเดียว ฉะนั้น เวลานี้ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ให้ระมัดระวังแมลง 2 ประเภทนี้ไว้ก่อน พิษเริ่มมากขึ้นกว่าปกติแล้ว อันนี้พิสูจน์ได้ เห็นได้

    สิ่งที่ควรจะบอกกับมนุษย์ก็คือ ให้มนุษย์รู้ว่าการกระทำใดๆ ก็ตาม เริ่มตั้งแต่ ความคิดไปจนถึงพฤติกรรมที่แสดงออกมานั้น ส่งผลในลักษณะพลังงานที่สะท้อนเชื่อมโยงกันไปทั้งหมด มนุษย์ควรรู้เรื่องกรรมดี เป็นกรรมเบาที่ช่วยปัดเป่าวิบากที่จะเกิดกับโลก อันเนื่องมาจากผลการกระทำของมนุษย์นั้น ให้เบาบางลงได้ และก็เชิญชวนมนุษย์ให้รู้จักสนามพลังแห่งมนุษยชาติ และร่วมกันอย่าได้ช้า สร้างสนามพลังงานที่ดีเพื่อลดวิบากของโลก

    สามารถบอกกับมนุษย์ได้ว่า วิบากที่เราสร้างขึ้นนั้น กี่ภพ กี่ชาติ เราไม่สามารถเรียบเรียงได้หมด การร่วมกันสวดมนต์นอกจากจะช่วยโลกได้ ยังช่วยตัวเองได้เป็นประการแรกด้วยซ้ำ การสวดมนต์และแผ่เมตตาออกไป จะทำให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับผลอันนั้น แล้วอโหสิกรรมให้กับเรา ลด ละ เลิกการจองเวรกับเรา ใครยิ่งมีทุกข์มากยิ่งสวดมาก ยิ่งดีขึ้นเร็ว แล้วก็เป็นผลดีกับโลกไปด้วย อันนี้สามารถเชิญชวนได้แบบนี้

    ใครอยากเห็นข้อพิสูจน์ให้เข้าไปดูข้อมูลที่ http://www.universal-signal.com หัวข้อ การร่วมสร้างสนามพลังแห่งธรรมชาติ และมีข่าววิกฤติการณ์ของโลก ซึ่งจะมีข่าวสารที่นำเสนอขึ้นไปตลอดเวลา การแสดงความคิดเห็นของบุคคลผู้มีความรู้ความสามารถต่าง ๆ เราจะเอามาร่วมประชุมกันไว้ในเว็บไซต์นี้ โดยพวกเราจงช่วยกันหามาให้คนได้ขึ้นไปดู จะได้เห็นได้รู้ว่าโลกนี้ที่กว้างใหญ่เขารู้อะไรกันบ้างแล้ว

    มนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนไทยนั้นล้าหลังเพียงใด ตอนนี้ควรจะรับรู้และช่วยกันได้แล้ว นี่แหละวิธีการพูดของข้า..สัญญาณจากจักรวาล สอนเจ้าด้วยพลังแห่งธรรมชาติ... จงตื่นพัฒนาจิตตนและรักษาสมดุลธรรมชาติ... ก่อนที่เจ้าจะเหลือแต่จิตที่ขุ่นมัว

    ที่มา http://www.universal-signal.com

    หมายเหตุ

    วันพิพากษาโลก, วันชำระโลก, วันสิ้นยุคพลังงานเก่า, 56 วัน 7 ราตรี, เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวันอันมืดมิด, โลกมืด 7 วัน 7 คืน, วันโลกาวินาศ, ฯลฯ

    ทั้งหมดนี้ก็หมายถึงสิ่งเดียวกันนั่นเอง เพียงแต่เรียกชื่อแตกต่างกันไปตามความเชื่อของแต่ละศาสนา และวันเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ยังมีความคลาดเคลื่อนไม่ตรงกันอยู่มาก แต่ในความเชื่อส่วนตัวของผมแล้ว ยังเชื่อมั่นในพุทธทำนายว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ชำระโลกขั้นสุดท้ายในปีระกา ที่ได้บอกเอาไว้ว่าโลกมนุษย์จะมืด 7 วัน 7 คืน ในปี พ.ศ.2560-2561 ครับ -เกษม-
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2009
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "ตัวคุ่น" แมลงร้ายรหัส 11
    [​IMG]

    ตอนขึ้นดอยไปได้เผชิญหน้ากับจอมวายร้ายแห่งป่าดอยตัวน้อยๆที่ชื่อว่า " ตัวคุ่น " เลยนำมาเล่าให้ฟังกันครับ ตัวคุ่นเป็นแมลงคล้ายๆยุงผสมแมลงหวี่ขนาดเล็ก คอยไล่กัดคนที่มาเที่ยวในเขตของมัน และบาดแผลจากการถูกมันกัดจะเป็นตุ่มแดงๆ แต่สำหรับคนที่แพ้อาจจะเป็นไข้ได้ และมีผลมากกับคนที่เลือดกรุ๊ป B กับ กรุ๊ป O (นางพยาบาลบนดอยบอกไว้นะครับ) ​

    ทีนี้ถ้าไปเที่ยวตามปกติ ก็อาจจะพอป้องกันตัวด้วยการตบได้ แต่นี่ไปสอบปฏิบัติธรรม แน่นอน 1 ในกฎเหล็กคือห้ามฆ่าสัตว์ ผมกับเพื่อนๆ (ลุงๆ ป้าๆ) เลยลำบากครับ ทำได้แค่เอาตะไคร้หอมทาตัว กับใช้ลมปากเป่ามันให้กระเด็นไปไกลๆ (แบบหมาป่าตอนถล่มบ้านลูกหมู 2 ตัวแรก ในเรื่องหมูสามตัว ยังไงยังงั้น) แถมน้องคุ่นแต่ละตัวก็มีความพยายามเป็นเลิศ ขนาดทาตะไคร้แล้ว ยังเพียรหาจุดที่เราไม่ได้ทาเช่น ใบหู หรือบริเวณรอบตาเป็นเป้าหมายอีกต่างหาก (แถวๆตาพอเป่าทิ้งได้ ตรงหูนี่ต้องอาศัยเพื่อนช่วยกันดู) สุดท้ายเราก็โดนคุ่นกัดไปหลายคน ซึ่งก็ทำให้โลมาคิดว่า ต่อไปไม้แรคเกตตีแมลงน่าจะต้องพัฒนาให้มีช่องตาข่ายถี่ขึ้น สำหรับช็อตตัวคุ่นด้วยแล้วกระมังครับ ​

    ดอลฟิน วันที่: 24 ธันวาคม 2551 / 11:17 ​

    คุ่น เหอะๆ รู้ถึงความร้ายกาจของมันดี ตอนผมไปค่ายบนดอยอินทนนท์ โดนกัดกันเป็นแถบๆ ตุ่มพุพองน่ากลัวมาก จนบางคนที่โดนเยอะจริงๆแทบทำกิจกรรมไม่ได้ แต่ผมก็เลือดกรุ๊ปบีแฮะ ไม่ยักจะมีผล จริงๆไม่โดนกัดเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่ผมก็ใส่ชุดเหมือนคนอื่นๆ คือเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวถุงเท้าครบ ทำไมคนอื่นถึงโดนกันลายพร้อยก็ไม่ทราบ​

    จริงๆ แต่ก่อนผมก็ไม่รู้จักตัวนี้เหมือนกันแหละครับ น่าจะเหมือนกรณีตัว "ปึก" ซึ่งจะอยู่ตามชายทะเล กัดแล้วจะคัน ถ้าแพ้ก็เห่อขึ้น อาจจะอยู่ตระกูลเดียวกันนะ เพราะตัวนี้ผมเคยแพ้ตอนเด็กๆ หลังลายเลย​

    Sirisobhakya วันที่: 24 ธันวาคม 2551 / 20:59​

    ผมเคยเดินป่ากับพี่ทหารพราน เขาจะอธิบายการเตรียมตัว ดูแลความปลอดภัยของร่างกาย ซึ่งการเดินป่านั้นเราจะหลีกเลี่ยงต่อแมลงพิษ หรือสัตว์ชนิดต่าง ๆ ไม่พ้น แต่เราก็ป้องกันได้ เขาบอกผมว่าสิ่งที่ใช้ในการป้องกันพวกงูเงี้ยวเขี้ยวขอ หรือทากดูดเลือด หรือแมลงตัวเล็กตัวน้อยจากการลาดตระเวน คือยาสูบครับ ยาสูบที่ใช้สูบกันทั่วไป ห่อละห้า หกบาท ตราสมอ ตราแมวดำ นำมันมาทา ตามขาตามแขน ซึ่งเอาเข้าจริงก็ใช้ได้ผลเช่นเดียวกับโลชั่นหรือสเปรย์ตะไคร้ที่ว่ากันมา

    เดิมคือผู้แสวงหา วันที่: 25 ธันวาคม 2551 / 12:45 ​


    ตัวลิ้นทะเล ริ้นดำ หรือที่ทางภาคเหนือเรียกว่า"ตัวคุ่น"

    เป็นแมลงขนาดเล็ก สีดำ ขาสั้น และกรามยาว หนวดสั้น 11 ปล้อง มักจะไม่ยาวกว่าศีรษะ ปีกกว้าง แมลงในวงศ์นี้เป็นแมลงชนิดที่แพร่หลายเกือบทั่วโลกตัวเมียเจาะ และดูดกินเลือดคนโดยออกหากินเวลาดึกจนถึงใกล้รุ้ง มักจะกัด และรบกวนอยู่เสมอจนจัดว่าเป็นศัตรูสำคัญในที่บางแห่ง แผลที่โดนกัดบางครั้งจะมีอาการเป็นเม็ดโป่งนูนขึ้น และอาจมีโลหิตไหลออกจากแผล นอกจากจะกัดคนแล้วยังกัดสัตว์เลี้ยงต่างๆ ซึ่ง บางครั้งก็ทำให้สัตว์ถึงตาย​

    ริ้นดำ มีแหล่งเพาะพันธุ์ตามน้ำไหล โดยวางไข่บนผิวน้ำ หรือใต้ผิวน้ำ ตัวอ่อนอาศัยอยู่ตามลำธารใกล้ก้อนหิน และวัตถุอื่นๆ มีการเคลื่อนไหวคล้ายหนอนคืบ ดูภาพประกอบวงจรชีวิตตัวคุ่น​

    <!//-- แสดง ชื่อ - เวลา --//>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2009
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ชุมพรอพยพราษฎรชายฝั่งหนีคลื่นสูง-น้ำป่าซัดถนนขาด

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    ชุมพร 4 พ.ย. - นายเอกรัฐ หลีเส็น นายอำเภอละแม จ.ชุมพร พร้อมนายฉัตรชัย พะลัง รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชุมพร ลงพื้นที่ติดตามความเสียหายในพื้นที่ชายฝั่ง ต.ละแม และ ต.สวนแตง หลังได้รับรายงานพายุฝนกระหน่ำอย่างหนักตั้งแต่เช้ามืด และมีคลื่นใหญ่พัดถล่มอย่างต่อเนื่อง ความสูงกว่า 4 เมตร

    เบื้องต้นมีบ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง จำนวน 15 หลัง โดยตำรวจและอาสาสมัครช่วยอพยพราษฎรไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว 500 คน พร้อมรายงานสถานการณ์ต่อนายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เพื่อหาทางช่วยเหลือ ล่าสุดนายอำเภอละแมสั่งปิดถนนเขาชะมด-เขาหลาง ม.2 ต.ทุ่งคาวัด ซึ่งเป็นสะพานคอนกรีตข้ามคลองห้วยทราย เนื่องจากน้ำป่าที่ไหลหลากจากเขาชะมดพัดสะพานขาด เพื่อป้องกันอันตราย เพราะยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง.- สำนักข่าวไทย

    2009-11-04 17:18:43

    สุราษฎร์ธานีอพยพประชาชนริมทะเล อ.ท่าชนะ หนีคลื่นยักษ์

    [​IMG]

    สุราษฎร์ธานี 5 พ.ย. - จังหวัดสุราษฎร์ธานี เร่งอพยพประชาชนที่อาศัยริมชายฝั่งทะเล อำเภอท่าชนะ หนีคลื่นยักษ์ความสูงกว่า 2 เมตร

    ฝนที่ตกหนัก และคลื่นลมจัดในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ความสูงกว่า 2 เมตร เข้าถล่มชายฝั่งบริเวณบ้านหาดสมบูรณ์ และบ้านท่าม่วง อำเภอท่าชนะ เมื่อวานนี้ และเกรงว่าอาจจะเกิดคลื่นขนาดใหญ่กว่าพัดถล่มซ้ำ ทำให้จังหวัดต้องเร่งอพยพประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัยพร้อมรื้อบ้านพักเพื่อป้องกันความเสียหาย

    ขณะเดียวกันฝายกั้นน้ำคลองพา ได้เร่งปล่อยน้ำเพื่อป้องกันฝายพัง เพราะรับปริมาณน้ำไม่ไหว ประกอบกับมีน้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ได้ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่อำเภอไชยา และท่าชนะบางส่วน ทางอำเภอจึงได้ออกประกาศเตือนให้ประชาชน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์พร้อมออกให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-05 11:08:03

    หาดสมิหลาคลื่นลมยังแรงซัดชายหาดหายแนวยาวกว่า 300 ม.

    [​IMG]

    สงขลา 5 พ.ย.-ชาวประมงในชุมชนเก้าเส้ง ริมหาดสมิหลา เขตเทศบาลนครสงขลา กว่า 500 ครัวเรือน ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังคลื่นลมในอ่าวไทยยังมีกำลังแรง คลื่นขนาดใหญ่ยังซัดเข้าหาชายฝั่ง

    ทำให้ยังไม่สามารถนำข้าวของเครื่องใช้ที่ได้อพยพไปก่อนหน้านี้กลับเข้าสู่บ้านเรือน ชาวประมงบอกว่าตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ยังไม่ได้หลับนอน เนื่องจากเกรงคลื่นซัดเข้าทำลายบ้านเรือน นอกจากนั้น คลื่นลมแรงยังส่งผลให้ชายหาดสมิหลาถูกคลื่นกลืนหายไประยะทางกว่า 300 เมตร ทำให้ในวันนี้หาดสมิหลาไม่มีชายหาดที่สวยงามเหมือนก่อนหน้านี้

    อย่างไรก็ตาม ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จ.สงขลา ยังคงประกาศเตือนพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกให้เฝ้าระวังคลื่นลมแรงอย่างต่อเนื่อง โดยคลื่นลมในอ่าวไทยจะยังคงมีกำลังแรงต่อไปจนถึงวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยควรระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-05 10:21:48

    นครศรีฯ เปิดศูนย์รับมืออุทกภัย-ปัตตานีคลื่นซัดเรือเกยตื้น

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    ภูมิภาค 5 พ.ย.- ผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช สั่งเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั้ง 23 อำเภอ พร้อมอพยพชาวปากพนัง หนีน้ำทะเลหนุนสูง ส่วนปัตตานี คลื่นซัดเรือประมงเกยตื้น ช่วยลูกเรือได้ปลอดภัย ย้ำเรือเล็กงดออกจากฝั่งระยะนี้

    นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งการให้ทั้ง 23 อำเภอ ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมรายงานสถานการณ์เข้ามายังศูนย์ทุกระยะ เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชน ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งมี 7 อำเภอ อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย คือ อำเภอปากพนัง อำเภอหัวไทร อำเภอลานสกา อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอสิชล และอำเภอพิปูน สำหรับอำเภอปากพนัง ที่ประสบปัญหาน้ำทะเลหนุนท่วมสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ขณะนี้ได้อพยพประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว 29 ครัวเรือน และเพื่อความปลอดภัย ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มให้ระวังอันตราย รวมทั้งเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 4-7 พฤศจิกายนนี้

    นายประมุข ลมุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา มีเรือประมงขนาดเล็กชื่อ "ฉัตรมงคล" ถูกคลื่นซัดเกยตื้นในพื้นที่ ม.5 ต.บางเขา อ.หนองจิก ซึ่งลูกเรือ 3 คน ได้รับความช่วยเหลืออย่างปลอดภัย และในระยะนี้เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง เพราะทะเลยังมีคลื่นลมแรง รวมทั้งให้ทุกอำเภอระวังดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำท่วมซ้ำซาก เช่น ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง ซึ่งประสบน้ำท่วมขังสูงทุกปี สำหรับอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ปัตตานี ล่าสุด จากการประสานงานทราบว่า มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่น่าเป็นห่วง.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-05 13:11:37

    ยะลาสั่งทุกอำเภอระวังน้ำท่วม-นราฯ ทะเลคลื่นลมแรง

    [​IMG]

    ภูมิภาค 5 พ.ย.- จังหวัดยะลาเตรียมรับมือน้ำท่วมฉับพลันจากฝนตกหนัก สั่งทุกอำเภอเฝ้าระวังทุกระยะ โดยเฉพาะ 5 อำเภอ มีปริมาณฝนมาก ส่วนนราธิวาสน้ำเริ่มขังพื้นที่ลุ่ม ร้านค้าริมทะเลปิดชั่วคราว

    เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (5 พ.ย.) ที่กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลาแจ้งเตือนทุกอำเภอให้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจากผลกระทบฝนตกต่อเนื่อง อาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า ช่วงวันที่ 4-5 พ.ย.นี้ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย มีกำลังแรง ซึ่งจะทำให้ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปมีฝนตกหนักมาก ขอให้ประชาชนเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ อ.เมือง อ.เบตง อ.บันนังสตา อ.ธารโต และ อ.รามัน สำหรับปริมาณน้ำฝนล่าสุดวัดได้มากสุดใน อ.บันนังสตา 80.6 มิลลิเมตร อ.ธารโต 80.2 มิลลิเมตร อ.ยะหา อ.เมือง อ.กรงปินัง อ.รามัน และ อ.กาบัง โดยลักษณะอากาศจะมีฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ 40 ของพื้นที่

    ที่จังหวัดนราธิวาส ยังมีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มในอำเภอเมือง อำเภอยี่งอ และอำเภอบาเจาะ ประสบปัญหาน้ำท่วมขัง และมีต้นไม้หักโค่นจากแรงลม โดยเฉพาะริมหาดนราทัศน์ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ร้านค้าต้องปิดกิจการชั่วคราว เนื่องจากกระแสลมแรงและมีน้ำทะเลหนุนขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม จังหวัดนราธิวาส เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อเตรียมการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นยังไม่มีการรายงานความเสียหายที่รุนแรง.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-05 10:53:43

    เตือนนักท่องเที่ยวระวังต้นสนหาดสมิหลาโค่นเพิ่ม

    [​IMG]

    ภูมิภาค 5 พ.ย. - อ่าวไทยคลื่นแรงซัดต้นสนหาดสมิหลาโค่นล้มกว่า 20 ต้น เสี่ยงโค่นเพิ่มอีกเกือบ 3 กิโลเมตร เตือนนักท่องเที่ยวระวัง ด้านผู้ว่าฯ พัทลุงเรียกประชุมด่วนรับมือน้ำท่วม หลังชาวบ้านเดือดร้อนแล้ว 4 ตำบล

    ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพคลื่นลมของอ่าวไทยในจังหวัดสงขลา ซึ่งมีกำลังแรงและพัดต้นสนริมชายหาดสมิหลา อ.เมือง โค่นล้มถึง 5 ต้น ทางเทศบาลนครสงขลาเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ระวังอันตราย เนื่องจากต้นสนมีความเสี่ยงโค่นอีกกว่า 20 ต้น ตลอดแนวเกือบ 3 กิโลเมตร เพราะสภาพของรากเริ่มลอยขึ้นจากผิวดิน พร้อมกันนี้ได้นำกระสอบทรายมาวางแนวกันคลื่นชั่วคราว แต่ไม่สามารถต้านทานแรงคลื่นได้ เพราะระดับน้ำทะเลขึ้นสูง และกระแทกเข้าฝั่งตลอด ซึ่งศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จ.สงขลา ประกาศเตือนพื้นที่ชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังผลกระทบจากคลื่นลมแรงต่อเนื่องไปอีก 1-2 วันนี้

    ที่ จ.พัทลุง น้ำคลองเอ่อท่วมพื้นที่ลุ่ม 4 ตำบล อ.เมือง กว่า 100 ครัวเรือน คือ ต.ปรางหมู่ เขาเจียก พญาขัน และ ต.ชัยบุรี หลังจากฝนตกมาหลายวัน ชาวบ้านเร่งขนย้ายสิ่งของขึ้นบนที่สูง ส่วนนาข้าวจมน้ำแล้วกว่า 1,000 ไร่ รวมทั้งถนนเข้าหมู่บ้าน ล่าสุด นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เรียกหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องประชุมบ่ายวันนี้ (5 พ.ย.) เพื่อวางมาตรการป้องกันและช่วยเหลือผู้เดือดร้อน พร้อมให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเปิดศูนย์ช่วยเหลือประชาชนขึ้นที่ศาลากลางจังหวัดตั้งแต่วันนี้.- สำนักข่าวไทย

    2009-11-05 14:01:19

    ที่มา http://news.mcot.net/local/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** กรรมไทเริ่มปรากฏชัด ****

    รอยกรรม...ออกทีวีชัดเจน
    เรื่องมันย้อนรอยการกระทำเก่า....ก่อนตั้งรัตนโกสินทร์
    พ่อไทส่งลูกชายไทไปปกครอง...เป็นใหญ่ในดินแดนเพื่อนบ้าน
    แต่ในไทวุ่นวายถูกฆ่าล้างตระกูล....จนสิ้น
    ลูกชายไทก็ถูกฆ่าตาย...ประชาชนเพื่อนบ้านเขาแค้นฝังใจลึก ไปฆ่าผู้นำเขา

    เมื่อใจอยากเอาดี...ตายไปเกิดมา ก็ต้องผจญกรรมในชาตินี้ สุดท้ายก็พยายามมาเอาดี
    เมื่อใจอยากเอาชั่ว....ตายไปเกิดมา ก็ต้องผจญกรรมพยายามทำดี แต่สุดท้ายก็มาเอาชั่วจนได้
    คนเราปกติ ก็ไม่มีใครอยากชั่ว...แต่ผลที่ตัดสินใจทำลงไปแล้ว มันส่งผลกลายเป็นชั่วต่ออีกคนก็ได้

    วันนี้...เหตุการณ์กลับกัน
    อดีตผู้นำไทผจญกรรมไปๆมาๆ ....ต้องไปอาศัยดินแดนเพื่อนบ้าน
    ตัวกระทำที่ทำไว้ในอดีต...มันจัดสรรให้เป็นไป เป็นพรหมลิขิต เป็นชะตาชีวิต
    ชาติก่อนเราทำเขาไว้....ชาตินี้เขาก็ทำเราบ้าง

    ก่อนภัยพิบัติจะเกิด...คนไทต้องผจญกรรมหนักหนา กับเรื่องราวของผู้นำ
    ถ้ายังมีอำนาจ มีโอกาส แต่ขาดเมตตาช่วยเหลือ
    แม้ท่านทำดีมาตลอดชีวิต แต่ก็เป็นผลของท่านคนเดียว
    เพราะท่านอื่นเขาไม่ได้ทำอย่างท่าน ท่านจึงลอยตัว แต่ท่านอื่นยังคงลำบาก

    ถ้าชาตินี้เมตตาให้อภัยกันได้ สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดให้อโหสิกันไป ขอโทษข้ามชาติภพ
    ถ้าท่านเชื่อสัจจะเป็นคำสอนพระพุทธเจ้า เหตุการณ์ก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดี
    ถ้าท่านประกาศสัจจะ ก็เท่ากับการสานต่อศาสนาที่หักกลาง
    ถ้าคนไทถือสัจจะทำจริง ตัดลดกิเลศนิสัย คนละสักข้อได้จริง
    ประเทศไทก็จะคลาดแคล้ว จากกรรมที่หนักหนาสาหัสได้

    เราไม่ควรซ้ำเติมคนมีกรรม...
    เพราะเท่ากับเรายังคงอยู่กับนิสัยเดิมๆ....
    เมื่อยังอยู่กับนิสัยเดิมๆ ก็ต้องผจญกรรมกันต่อไป

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    วันพฤหัสบดีที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๒
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2009
  9. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ระวังคลื่นยักษ์ที่เกิดจากพายุและสตอร์มเสริร์จกันด้วยครับ

    ยิ่ง มีเรนจ์ความแตกต่างของอุณหภููมิร้อนเย็น จากลมหนาวมากเท่าไร ยิ่งเกิดพายุง่ายและรุนแรงแปรปรวนครับ

    นอกจากนี้ จากที่สแกนดูรักษาสุขภาพกันให้มากถึง มากที่สุดครับ ไข้หวัด 2009 ระลอกใหม่มาแล้ว ยิ่งเป็นช่วงเปลี่ยนอากาศด้วย ยิ่งน่าห่วงครับ มีหลายคนป่วยกันมาก
     
  10. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    ตกลง 2012 หรือ 2019 ครับนี่ ??? :)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2009
  11. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    ยอดผู้เสียชีวิตพายุมิรีแนในเวียดนามเพิ่มเป็น 99 คน
    [​IMG]

    เจ้าหน้าที่ของทางการคาดการณ์ว่าความเสียหายจากพายุมิรีแนอาจสูงถึง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุโซนร้อนมิรีแนพัดกระหน่ำตอนกลางเวียดนามเพิ่มเป็น 99 คนแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ของทางการคาดการณ์ว่าความเสียหายจากพายุดังกล่าวอาจสูงถึง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,840 ล้านบาท)
    รองประธานคณะกรรมการประชาชนประจำท้องถิ่นเปิดเผยว่า บ้านเรือนของประชาชน 300,000 คนในจังหวัดฝูเยน ซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดยังคงจมอยู่ใต้น้ำ โดยพื้นที่บางส่วนของจังหวัดดังกล่าว ต้องเผชิญกับเหตุน้ำท่วมรุนแรงที่สุด ทำให้หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้าน และประชาชนจำนวน 24,000 คนยังต้องอาศัยอยู่ในศูนย์บรรเทาทุกข์ของทางรัฐบาล ส่วนยอดผู้เสียชีวิตในจังหวัดฝูเยนเพิ่มเป็น 69 คนแล้วในวันนี้ และอีก 16 คนยังคงสูญหาย
    สำหรับในจังหวัดบิญดิญ มีรายงานผู้เสียชีวิต 14 คน และอีก 2 คนยังคงสูญหาย โดยในวันนี้ประชาชนในจังหวัดดังกล่าวเริ่มกลับบ้านเรือนของตนแล้ว ขณะที่ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนในพื้นที่อื่นๆของประเทศ พายุมิรีแนได้คร่าชีวิตผู้คน 6 คน และทำให้อีก 1 คนสูญหาย พายุดังกล่าวทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 66 คน สร้างความเสียหายและทำลายบ้านเรือนไปมากกว่า 16,000 หลัง รวมทั้งทำลายพื้นที่ปลูกข้าวและพื้นที่ทางการเกษตรอื่นๆ ประมาณ 185,000 ไร่
    คณะกรรมการดังกล่าวคาดว่า ความเสียหายในเบื้องต้นจะมีมูลค่าราว 1 ล้านล้านดอง (ประมาณ 1,840 ล้านบาท) แต่ตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น หากเสร็จสิ้นการประเมินความเสียหายทั้งหมด นายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น หยุง มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ของทางการส่งข้าวจำนวน 10,000 ตัน และเงินจำนวน 225,000 ล้านดอง (ประมาณ 400 ล้านบาท) ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พุทธทำนายในศิลาจารึก ที่ประเทศอินเดีย

    (ปีมะโรง) คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน
    (ปีมะเส็ง) ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล
    (ปีระกา) เมืองมนุษย์จะมืด ๗ วัน ๗ คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ

    ข่าวสารจากคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->vichai2500<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2580063", true); </SCRIPT> (สมาชิกเว็บพลังจิต)

    ค.ศ. 2012 (ปีมะโรง) โลกจะเข้าสู่ศูนย์กลางของกาแลกซี่
    มีสนามแม่เหล็ก และแรงดึงดูดมหาศาล กระทำต่อโลก
    องศาของโลกเปลี่ยน สนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยน
    โลกส่ายไปมา และหยุดหมุนชั่วขณะ
    แล้วเริ่มหมุนใหม่ ในทิศตรงข้าม
    การเปลี่ยนแปลงนี้ มีผลทำให้เกิดภัยพิบัติไปทั่วโลก

    ข่าวสารจาก Dr.G.G.Junior

    สภาพของการเกิดมหันตภัยในระยะเวลา 12 ปี สามารถแบ่งโดยความรุนแรงเป็น 3 ช่วงเวลา คือ

    ช่วงแรก เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2550-2551 ระยะเวลา 2 ปีแรก
    ช่วงที่ 2 ตั้งแต่ พ.ศ. 2552-2556 ระยะเวลา 5 ปี
    ช่วงที่ 3 ตั้งแต่ พ.ศ. 2557-2561 ระยะเวลา 5 ปี

    จากคำทำนายข้างต้นนี้ เราจะเห็นได้ว่าปฏิบัติการชำระโลกได้เริ่มต้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 แล้วครับ และจะถึงจุดรุนแรงสูงสุดในปี พ.ศ.2561 นั่นก็คือเมืองมนุษย์จะมืดมิดไม่เห็นแสงเดือน แสงตะวัน เป็นเวลายาวนานถึง 7 วัน 7 คืน(ข้อมูลบางแหล่งบอกว่า 7 X 7 = 49 วัน)

    เพราะฉนั้นปี ค.ศ.2012 (ปีมะโรง) จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงกับโลกใบนี้อย่างแน่นอน ถึงกับทำให้มนุษย์ทั้งโลกต้องเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน(เพราะเกิดแรงดึงดูดระหว่างดวงดาว ทำให้มนุษย์เคลื่อนไหวได้ลำบาก) แต่ก็ยังไม่ใช่จุดรุนแรงที่สุด เพราะจุดรุนแรงที่สุดจะเกิดในปีระกา (พ.ศ.2560-2561) ตามพุทธทำนายครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2009
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    รายงานความคืบหน้าของ"กลุ่มเขากะลา"

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->สุดใจเขากะลา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2582225", true); </SCRIPT> สมาชิก

    เมื่อคืนนี้ 05/11/2009 ได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์หมู เจ้าของบริษัท MAX พระราม 2 ได้เล่าความคืบหน้าของการพบเจอบุคคลท่านหนึ่ง แล้วมีการประสานงานกัน โดยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ประมาณสัก 2 อาทิตย์ ได้สนทนากับคุณเอก เป็นตัวแทนของบริษัทหนึ่งที่เป็นลูกค้าของอาจารย์หมู รู้จักกัน และติดต่อธุรกิจกันมานานแล้ว

    วันนั้น หลังจากคุยธุรกิจกันแล้ว อาจารย์หมูรู้สึกว่า อยากจะเล่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวให้บุคคลนี้ฟัง ซึ่งเหมือนมีความรู้สึกว่า คน ๆ นี้ มีอะไรบางอย่างที่น่าจะเข้าใจได้ จึงบอกว่า คุณเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวไหม แต่ผมเชื่อว่ามีจริง เพราะผมเคยเห็นจานบิน คนเอก มองหน้าอาจารย์หมู แล้วกล่าวว่า

    คุณพูดจริงหรือเปล่า? ผมเชื่อ เพราะผมเคยเห็นจานบิน ทั้งที่ต่างประเทศ และที่ประเทศไทยด้วย และตอนนี้ อาจารย์ผมก็ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว และเตรียมการในเรื่องของภัยพิบัติ ร่วมกับมนุษย์ต่างดาวเช่นกัน ทั้งสองท่าน ก็เลยคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน อาจารย์ของคุณเอก ก็ปฏิบัติธรรม เข้าใจกลไกของธรรมชาติ ทำการรักษาผู้ป่วย ทุกเรื่อง ทุกอย่างคล้ายกัน มีการทำงานเป็นระบบเหมือนกัน และมีการติดตั้งอุปกรณ์ซึ่งเรียกว่า ต่อปลั๊ก เพื่อรับคลื่นพลังงานหรืออุปกรณ์ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในยามเกิดภัยพิบัติเหมือนกัน

    หลังจากนั้น ก็โทรคุยกันอย่างต่อเนื่อง อาจารย์หมูก็เล่าเรื่องของเขากะลาให้คุณเอกฟัง ถึงการมาทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาว พร้อมทั้งปฏิบัติธรรมเพื่อการละวางอัตตาไปด้วย เพื่อรองรับการทำงานร่วมกัน ซึ่งอาจารย์หมูได้นำธรรมะนั้นมาใช้ แล้วได้พบว่าสามารถนำมาใช้ได้จริง เบาบางจากทุกข์ได้จริง และการยึดมั่นถือมั่นน้อยลงได้จริง พร้อมทั้งบอกว่า ถ้าไม่เห็นยานอวกาศที่จอดอยู่ชายเขากะลา เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2552 ด้วยตาตนเอง พร้อมลูกชาย และหลาน รวม 3 คนแล้ว ผมไม่เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวที่กลุ่มนี้กล่าวมาแน่ ๆ

    เพราะภาพที่ผมเห็น ซึ่งมองลงไปจากมุมสูงบนเขา เป็นรูปกลมคล้ายจาน แต่มีนูนตรงกลาง เป็นสีเงิน มีลำแสงวิ่งวนคล้ายวงแหวนดาวเสาร์ และลูกชายกับหลาน ก็เห็นภาพเดียวกัน แต่มองเห็นขายานที่ลงจอดด้วย จึงเขียนภาพออกมาให้ดู ทั้ง 3 ท่านเห็นภาพเดียวกัน พอลงจากเขากะลาจะมาดูอีกที หายไปแล้ว และตรงจุดนั้นไม่มีสิ่งใดปรากฏอยู่ ซึ่งได้เล่าให้คุณเอกฟังดังนี้

    อาจารย์หมูโทรมาหาพี่สุดใจเป็นระยะ เล่าเรื่องคุณเอกให้ฟัง ซึ่งได้บอกอาจารย์หมูว่า อาจารย์หมูคงต้องเป็นผู้ไปประสานงานยังกลุ่มอื่น ๆ แล้วหลังจากนั้น อาจารย์หมูกับคุณเอกตกลงกันว่า คุณเอกพาผมไปรู้จักอาจารย์คุณเอกก่อน แล้วผมจะพาไปรู้จักอาจารย์สุดใจบ้าง

    จนเมื่อคืนนี้ อาจารย์หมูได้โทรมาแจ้งว่า คุณเอก ได้พาไปพบอาจารย์ของคุณเอกแล้ว สนทนากันแล้ว มีข้อความ มีการเตรียมการ มีระบบวางโครงการคล้ายกันเลย มีการส่งคลื่นรักษาด้วยพลังงานจากต่างดาวเหมือนกันเลย ส่งรักษาทางโทรศัพท์ก็ได้ และมีการเตรียมรองรับเรื่องภัยพิบัติเหมือนกันอีกด้วย และพอสนทนาไประยะหนึ่ง อาจารย์หมูเลยกล่าวถึงเขากะลา อาจารย์สุดใจ

    ท่านบอกว่า ท่านรู้จักเคยพบกัน 2-3 ครั้งแล้ว และกลุ่มนี้ ก็เป็นกลุ่มที่มาทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาวเพื่อเตรียมการเรื่องของภัยพิบัติเช่นเดียวกันกับกลุ่มของท่าน

    สรุปว่า อาจารย์ของคุณเอก ที่กล่าวถึง ก็คือ อาจารย์วุฒิกร ที่กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้เคยไปสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยหลายครั้งนั่นเอง

    ล่าสุด ได้ไปเยี่ยมเยียนท่าน เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2551 และด้านล่างเป็นโครงการสำหรับเตรียมการเรื่องภัยพิบัติ ที่ดำเนินการไปแล้ว และอาจารย์วุฒิกร ได้เชิญกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ไปใช้สถานที่แห่งนี้ได้ตามสะดวก ในการทำกิจกรรมของกลุ่ม

    ซึ่งหากมีโอกาส ก็จะประสานงานกับอาจารย์วุฒิกรอีกครั้ง เพื่อนำคณะกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เดินทางไปพบ ไปเยี่ยมเยียน ให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้ทำความรู้จักกับท่าน ที่ทำงานในโครงการช่วยเหลือภัยพิบัติจากมนุษย์ต่างดาวเช่นกัน

    ความบังเอิญ ที่ไม่บังเอิญ ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง...เช่นเคย.

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อความจาก-กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย-เขากะลา.86674/page-558
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • CIMG7339aaa.jpg
      CIMG7339aaa.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.4 KB
      เปิดดู:
      1,274
    • CIMG7340aaa.jpg
      CIMG7340aaa.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.3 KB
      เปิดดู:
      1,274
    • CIMG7324aaa.jpg
      CIMG7324aaa.jpg
      ขนาดไฟล์:
      104.9 KB
      เปิดดู:
      1,276
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2009
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ประธานเจบีซีไทยห่วงมีเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

    [​IMG]

    สำนักข่าวไทย 6 พ.ย. - “วศิน ธีรเวชญาณ” ห่วงมีเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะสถานการณ์ตึงเครียด ชี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานในกรอบเจบีซีโดยตรง เพราะรัฐสภายังไม่ผ่านบันทึกการประชุมทั้ง 3 ฉบับ แต่อาจทำงานในอนาคตยากขึ้น

    นายวศิน ธีรเวชญาณ ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านกฎหมายและเขตแดน ในฐานะประธานฝ่ายไทยในคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงการตอบโต้ทางการทูตของฝ่ายไทยต่อกัมพูชาที่แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาด้านด้านเศรษฐกิจ และที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่า เป็นการตอบโต้ธรรมดาที่รุนแรงกว่าขั้นทำหนังสือประท้วง

    ส่วนที่กัมพูชาเรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกลับนั้น นายวศิน กล่าวว่า ถือเป็นการตอบโต้ไทยกลับในระดับเดียวกัน อย่างไรก็ตามการฟื้นคืนความสัมพันธ์ทางการทูต ไม่มีอะไรต้องดำเนินการเป็นพิเศษ เพราะขึ้นอยู่กับว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายอย่างไร ถ้าคลี่คลายไปในทางที่ดี ความสัมพันธ์จะกลับคืนโดยอัตโนมัติ

    “สมมติว่ากัมพูชาประกาศยกเลิกการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาฯ ก็เป็นที่เข้าใจได้ ไม่ต้องพูดอะไร ก็ส่งทูตเดินทางกลับไปทำหน้าที่” นายวศิน กล่าว

    นายวศิน ยอมรับว่า กรณีดังกล่าวอาจทำให้การทำงานในกรอบเจบีซีในอนาคตยากขึ้น จากเดิมที่ยากอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบโดยตรง เพราะบันทึกการประชุมเจบีซี ทั้ง 3 ฉบับ ยังไม่ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภา จึงไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ต่อได้ อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาภายใต้กรอบ เจบีซี จะล่าช้าหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลและรัฐสภา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งใด ๆ จากรัฐบาลว่า จะให้ตนดำเนินการอย่างไรต่อไป

    นายวศิน กล่าวว่า มีความเป็นห่วงเรื่องการปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะถือว่า สถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียด การตัดสินใจใด ๆ ในการใช้กำลังอาจก้าวข้ามเส้นที่เคยตกลงกันไว้.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-06 11:00:18

    นายกฯ กัมพูชาสั่งทหารเตรียมพร้อมตามแนวชายแดน

    [​IMG]

    พนมเปญ 5 พ.ย. – รัฐบาลกัมพูชายังไม่แสดงท่าที หลังไทยเรียกตัวเอกอัครราชทูตกลับประเทศ แต่กองทัพกัมพูชาเผยเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร

    รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดกัมพูชา กล่าวว่า เวลานี้แม้สถานการณ์ยังปกติดี แต่ทหารกัมพูชาอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมทุกเมื่อ โดยนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ได้สั่งการให้กองทัพปกป้องประเทศ และว่ากัมพูชาจะไม่บุกรุกดินแดนไทย แต่หากทหารไทยรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนกัมพูชาแม้เพียงนิดเดียว ก็จะต้องถูกผลักดันออกไป

    อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชา มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำประเทศว่าด้วยความร่วมมือในลุ่มแม่น้ำโขง ที่กรุงโตเกียว ของญี่ปุ่น วันศุกร์และวันเสาร์นี้ .- สำนักข่าวไทย

    2009-11-05 19:29:12

    เหนือ-อีสานหนาวเย็นห่วงหมู่บ้านบนดอยราษฎรเริ่มป่วย

    [​IMG]

    ภูมิภาค 6 พ.ย.- อากาศหนองบัวลำภูแปรปรวนฝนสลับร้อน-หนาวเย็น เด็กเล็กและผู้สูงอายุบนเขาภูพานป่วยแล้วหลายราย ขณะที่เชียงใหม่รับมือเต็มที่เปิดศูนย์ภัยหนาว พบผู้เดือดร้อนแล้วกว่า 600,000 คน

    ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพอากาศแปรปรวนในจังหวัดหนองบัวลำภู เริ่มทำให้ผู้สูงอายุและเด็กเล็กที่อาศัยอยู่บนเขาภูพานได้รับผลกระทบป่วยเป็นไข้หวัด บางรายมีอาการปอดบวมร่วมด้วย เนื่องจากช่วง 2 วันก่อนมีฝนตกโปรยปรายและลมกระโชกแรง ส่วนกลางวันอากาศร้อนจัด และหนาวเย็นในตอนกลางคืน ชาวบ้านต้องก่อไฟผิงไล่ความหนาวเย็น ซึ่งนายประมวล ลาภจิตต์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองบัวลำภู ยังคงเร่งสำรวจผู้ประสบภัยในหลายหมู่บ้าน และรายงานผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อหาทางช่วยเหลือราษฎร

    ด้านนายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า อากาศหนาวปีนี้มีแนวโน้มจะรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ล่าสุดได้ตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหา และถือเป็นวาระจังหวัดที่จะบูรณาการทำงานร่วมกันของทุกส่วน ซึ่งขณะนี้มีประชาชนประสบภัยหนาวกว่า 633,000 คน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนเขา โดยพื้นที่มีผู้ประสบภัยหนาวมากสุดคือ อำเภออมก๋อย รองลงมาอำเภอแม่แจ่มและอำเภอเชียงดาว สำหรับสภาพอากาศเช้านี้ (6 พ.ย.) ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือแจ้งว่า อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขาและยอดดอย อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส เช่น ดอยอินทนนท์และอ่างขาง.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-06 10:10:00

    สงขลาฝนตกหนักน้ำท่วมแล้ว 8 อำเภอ รร.ปิดเรียน 10 แห่ง

    [​IMG]

    สงขลา 6 พ.ย.-สงขลาน้ำท่วมแล้ว 8 อำเภอหลังฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดคืนที่ผ่านมา รวมทั้งพื้นที่ชั้นนอกของ อ.หาดใหญ่ รร.อย่างน้อย 10 แห่งต้องปิดเรียน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียน

    ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สงขลา วันนี้ (6 พ.ย.) ว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องตลอดคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของ จ.สงขลา โดยน้ำป่าได้ไหลเข้าท่วมในเขตเทศบาลตำบลพะตง อ.หาดใหญ่ ริมถนนกาญจนวนิช สูงเฉลี่ย 30 เซนติเมตร เป็นระยะทางประมาณ 200 เมตร รถเล็กต้องสัญจรด้วยความระมัดระวัง นอกจากนี้ บางพื้นที่ของเทศบาลเมืองบ้านพรุ อ.หาดใหญ่ ก็ประสบปัญหาน้ำท่วมถนน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ในขณะที่โรงเรียนอย่างน้อย 10 แห่ง ทั้งในเขต ต.บ้านพรุ ต.พะตง และ ต.ทุ่งตำเสา ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นนอกของ อ.หาดใหญ่ ได้ประกาศปิดเรียนแล้วในวันนี้ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น

    ในส่วนของเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่เข้าประจำการศูนย์ป้องกันและบรรเทาอุทกภัยฯ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับแจ้งเหตุผ่านสายด่วนกุญชร 1559 ซึ่งธงสัญลักษณ์ที่ติดตั้งเอาไว้ริมคลองอู่ตะเภาหลายจุด ยังคงเป็นสีเขียว ซึ่งหมายถึงภาวะปกติ ทั้งนี้ฝนที่ตกต่อเนื่อง แม้จะส่งผลให้ระดับน้ำในคลองธรรมชาติและคลองสาขาปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่อยู่ระดับที่เป็นอันตราย

    นายวิจิตร จันทรปาน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำท่วมแล้วในบางพื้นที่ของ 8 อำเภอ ได้แก่ อ.สิงหนคร จะนะ ระโนด เมือง สะบ้าย้อย นาทวี หาดใหญ่และรัตภูมิ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน พร้อมติดตามภาวะฝนและระดับน้ำอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สภาพอากาศยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ท้องฟ้ามืดครึ้ม

    ขณะที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จ.สงขลา ออกประกาศเตือนฉบับที่ 7 ว่า ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันเริ่มอ่อนกำลังลง ประกอบกับร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงมา มีฝนตกชุกหนาแน่น โดยมีฝนเกือบทั่วไปและมีฝนหนักถึงหนักมากบางพื้นที่

    ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ความสูงของคลื่นประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วัน .-สำนักข่าวไทย

    2009-11-06 09:52:51

    ยะลาสั่งปิด รร.ถูกน้ำท่วม 51 แห่งไม่มีกำหนด

    [​IMG]

    ยะลา 6 พ.ย. - ยะลาฝนตกหนัก ส่งผลน้ำท่วมหลายพื้นที่ใน อ.รามัน และ อ.ยะหา ถนนหลายสายถูกตัดขาดไม่สามารถสัญจรได้ สพท.ยะลา สั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่เขต 1 และเขต 2 รวม 51 แห่ง จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวันทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของ จ.ยะลา เช่น ที่ อ.รามัน แม่น้ำสายบุรีได้เอ่อล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนราษฎรที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำในพื้นที่ ต.อาซ่อง ต.บาลอ ต.กายูบอเกาะ ส่วนที่บ้านปาเซ ต.กายูบอเกาะ มีน้ำท่วมถนนระหว่างหมู่บ้าน ไม่สามารถเข้า-ออกได้
    ที่ อ.ยะหา เกิดน้ำท่วมใน ต.ปะแต ต.ละแอ ต.บาโร๊ะ ต.บาโงยซิแน ต.ตาชี ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมไม่สามารถสัญจรไป-มาได้ คือ ถนนสายยะหา-ปะแต, สายยะหา-บ้านบูเก๊ะ และสายยะหา-ยะลา

    ส่งผลให้โรงเรียนพื้นที่ อ.ยะหา จำนวน 28 โรง ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ยะลา เขต 2 ต้องปิดเรียน นอกจากนี้ยังมีเสาไฟฟ้าล้มที่หมู่ 6 บ้านเจาะตีมอ อ.ยะหา ทำให้ไฟฟ้าดับทั้งอำเภอ โทรศัพท์ไม่สามารถใช้การได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เร่งออกให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นการด่วนแล้ว

    นายอรรถสิทธิ์ รัตนแคล้ว ผู้อำนวยการ สพท.ยะลา เขต 1 กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่าโรงเรียน 23 โรงในสังกัดได้ปิดการเรียนการสอนแล้ว เนื่องจากมีน้ำท่วมขังบริเวณโรงเรียน ทำให้นักเรียนไม่สะดวกที่จะเดินทางไปเรียนตามปกติได้.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-06 11:25:06

    น้ำท่วมนราธิวาสขยายวงกว้าง เร่งจัดรถสูงรับ-ส่ง นร.กลับบ้าน

    [​IMG]

    นราธิวาส 5 พ.ย.- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.นราธิวาส ตลอด 2 วัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมแล้วในหลายจุด โดยเฉพาะเส้นทางระหว่าง ม.5 บ้านตาเซะใต้ ถึง ม.7 บ้านปอเนาะ ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี มีระดับน้ำท่วมสูงเป็นระยะทางยาวกว่า 600 เมตร

    รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ นายจำนัล เหมือนดำ นายอำเภอสุไหงปาดี ต้องประสานหน่วยทหารในพื้นที่จัดรถบรรทุกออกตระเวนรับ-ส่งนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่กลับเข้าหมู่บ้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารชุดคุ้มครองตำบล ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ ม.8 บ้านละหาน ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี ต้องเร่งเคลื่อนย้ายสิ่งของที่จำเป็นออกจากฐานฯ เนื่องจากมีปริมาณน้ำท่วมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังคงมีฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

    ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวังติดตามระดับน้ำยังได้ขอความร่วมมือประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสุไหงโก-ลก เตรียมจัดเก็บสัมภาระให้พร้อมสำหรับการอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย หากมีน้ำไหลทะลักเข้าท่วม.- สำนักข่าวไทย

    2009-11-05 17:39:36

    นราธิวาสแม่น้ำสายหลักเอ่อล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ราบลุ่มหลายอำเภอ

    [​IMG]

    นราธิวาส 6 พ.ย.- ฝนที่ตกหนักใน จ.นราธิวาส ทำให้แม่น้ำสายหลัก 3 สายเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่มขยายเป็นวงกว้าง ทั้งในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง อ.ศรีสาคร และ อ.รือเสาะ

    นายประดิษฐ์ ปิ่นกระจาย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนราธิวาส เปิดเผยสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาสว่า พื้นที่ราบลุ่มเริ่มมีน้ำท่วมขยายเป็นวงกว้าง เนื่องจากในพื้นที่บริเวณต้นน้ำของแม่น้ำสุไหงโก - ลก แม่น้ำสายบุรี และแม่น้ำบางนรา มีฝนตกหนักปริมาณน้ำฝนรวมเกือบ 400 มม. จากการตรวจสอบเบื้องต้น ระดับน้ำในแม่น้ำสุไหงโก - ลก ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เอ่อล้นตลิ่งแล้ว 80 เซนติเมตร เข้าท่วมที่ราบลุ่มในพื้นที่ ต.ปาเสมัส ต.มูโน๊ะ ของ อ.สุไหงโก - ลก และ พื้นที่ อ.แว้ง บางส่วน ส่วนแม่น้ำสายบุรี ระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่งแล้วเช่นกัน ทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่บางแห่งของ อ.ศรีสาคร และบ้านท่าเรือ อ.รือเสาะ สำหรับแม่น้ำบางนรา ระดับน้ำได้สูงขึ้นเรื่อย ๆ คาดว่าในช่วงเย็นวันนี้จะเอ่อท่วมในพื้นที่ ต.มะนังตายอ ต.ลำภู อ.เมือง และ อ.ยี่งอ

    ส่วนบริเวณริมหาดนราทัศน์ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เมื่อคืนที่ผ่านมา น้ำทะเลได้หนุนสูงเข้าท่วมถนน ร้านค้าริมชายหาดกว่า 10 ร้าน ทำให้เช้าวันนี้ ร้านค้าต่าง ๆ ต้องหยุดกิจการ เพื่อขนย้ายข้าวของและซ่อมแซม เนื่องจากร้านค้าพังเสียหายจากลมที่พัดแรงจนต้นไม้หักโค่น.-สำนักข่าวไทย

    2009-11-06 10:46:22

    คลื่นซัดหนักชายฝั่งสุราษฎร์ฯ-เรือเล็กข้ามเกาะหยุดชั่วคราว

    [​IMG]

    สุราษฎร์ธานี 5 พ.ย. - นายสมศักดิ์ จังตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมนายมนตรี เพชรขุ้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานี นำเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองบิน 7 กว่า 100 นาย

    ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำป่าและคลื่นซัดหมู่บ้านชายฝั่งใน 3 อำเภอ คือ อำเภอท่าชนะ อำเภอไชยา และอำเภอดอนสัก จากความสูงของคลื่นกว่า 2 เมตร บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง จำนวน 3 หลัง เสียหายบางส่วนกว่า 30 หลัง ถนนเลียบชายหาดน้ำทะเลกัดเซาะ 3 แห่ง และเสาหลักหอยแมลงภู่อีกกว่า 50,000 หลัก ซึ่งความเสียหายครั้งนี้จะเร่งรายงานผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อประกาศให้ทั้ง 3 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ

    ส่วนสภาพอากาศทั่วไปใน จ.สุราษฎร์ธานี มีท้องฟ้ามืดครึ้มสลับฝนตกเป็นระยะ ทะเลมีคลื่นลมแรง บางช่วงคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ล่าสุดเรือสปีดโบ๊ทรับนักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า ซึ่งจอดเทียบท่าไว้ถูกคลื่นซัดมาขึ้นฝั่งที่ อ.ไชยา จึงต้องประกาศหยุดเดินเรือท่องเที่ยวระหว่างเกาะชั่วคราว. -สำนักข่าวไทย

    2009-11-05 16:28:20

    แม่น้ำสุไหงโก-ลกจ่อล้นตลิ่ง เรือประมงจอดแล้วนับร้อยลำ

    [​IMG]

    ภูมิภาค 5 พ.ย.- ผอ.โครงการชลประทานนราธิวาสห่วงแม่น้ำสุไหงโก-ลก อาจล้นตลิ่งค่ำวันนี้ หลังระดับน้ำสูงขึ้น ด้าน ปภ.ปัตตานี ย้ำอำเภอติดชายฝั่งทะเลรับมือคลื่นซัดฝัง ล่าสุดเรือประมงกว่า 200 ลำ จอดเทียบท่า

    นายประดิษฐ์ ปิ่นกระจาย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนราธิวาส กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นว่า พื้นที่ต้องเฝ้าระวังเหตุอุทกภัยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบลุ่มและพื้นที่ริมแม่น้ำ 3 สายหลักที่ไหลผ่านในพื้นที่ คือ แม่น้ำสุไหงโก-ลก แม่น้ำบางนรา และแม่น้ำสายบุรี ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีฝนตกหนักบริเวณต้นน้ำ โดยเฉพาะแม่น้ำสุไหงโก-ลก ขณะนี้ระดับน้ำอยู่ห่างจากตลิ่งเพียง 1.30 เมตร คาดว่าจะเอ่อล้นค่ำวันนี้ อย่างไรก็ตาม ทางโครงการชลประทานเตรียมแผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยไว้เรียบร้อยแล้ว

    ส่วน จ.ปัตตานี ท้องฟ้าเริ่มเปิดและยังมีฝนตกในบางพื้นที่ แต่อ่าวไทยยังมีคลื่นลมแรง ทำให้ประชาชนริมฝั่งในพื้นที่ ต.รูสะมิแล ต.บานา อ.เมือง ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำทะเลหนุนสูงกว่า 30 เซนติเมตร ต้องขนย้ายสิ่งของและสัตว์เลี้ยงไปอยู่ในที่สูง ขณะที่เรือประมงทยอยนำเรือเข้ามาจอดที่ท่าเทียบเรือปัตตานีแล้วกว่า 200 ลำ เนื่องจากคลื่นสูง 1-2 เมตร

    นายปัญญศักดิ์ โสภณวสุ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย และอยู่ระหว่างการสำรวจข้อมูลอย่างละเอียด พร้อมกำชับทางอำเภอแจ้งเตือนไปยังพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้นทุกปี เช่น ต.ปะกาฮารัง ต.บาราเฮาะ ต.รูสะมิแล อ.เมือง ต.ตะโละดือรามัน อ.กะพ้อ และอำเภอที่มีพื้นที่ติดกับชายฝั่งทะเลตั้งแต่ อ.หนองจิก อ.เมือง อ.ยะหริ่ง อ.ปะนาเระ อ.สายบุรี ให้มีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและคลื่นกัดเซาะริมฝั่ง. - สำนักข่าวไทย

    2009-11-05 15:33:36

    ที่มา http://news.mcot.net/local/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    มนุษย์ใต้พิภพ"Lacerta"ออกมาเตือนว่ากำลังจะเกิดสงครามจากต่างดาว
    (มาเตือนไว้เมื่อ วันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ.1999)

    [​IMG]

    ที่มา www.sabon.org/reptiloid/index3.html
    แปลโดยคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->zipper<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_75330", true); </SCRIPT> ทีมงานเว็บพลังจิต

    คำถาม: มีจำนวนเอเลี่ยนกี่เผ่าที่อยู่บนโลกเรา ณ ขณะนี้?​

    คำตอบ: เท่าที่เราจำได้ 14 เผ่า 11 เผ่า มาจากจักรวาลนี้, 2 เผ่ามาจาก "bubble" อื่น และอีก 1 เผ่าที่ก้าวหน้ามากๆมาจาก plain ที่แตกต่างกันมาก อย่าถามชื่อเลย, เพราะเกือบทั้งหมดนั้นไม่สามารถออกเสียงเป็นแบบคุณได้, มี 8 กลุ่มที่ไม่สามารถออกเสียงได้แม้แต่เราก็ตาม มีอยู่หลายเผ่า - โดยเฉพาะที่ก้าวหน้ามากๆ - แค่ศึกษาพวกคุณเหมือนคุณเป็นสัตว์ และพวกเขาไม่เป็นอันตรายกับคุณและสำหรับพวกเราด้วย พวกเราทำงานร่วมกันกับบางคนของเค้า, ​

    แต่มีอยู่ 3 กลุ่มที่มีเจตนาร้าย, รวมถึงกลุ่มนึงที่ติดต่อกับรัฐบาล(ประเทศมหาอำนาจ)ของพวกคุณ และแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีในเรื่องทองแดงและสิ่งสำคัญอื่นๆ และจะหักหลังพวกคุณ ตอนนี้มี "สงครามเย็น" ระหว่างกลุ่มที่คิดร้ายกับคุณสองกลุ่มซึ่งเกิดขึ้นเป็นเวลา 73 ปีแล้วและกลุ่มที่สามดูเหมือนจะเป็น "ผู้ชนะ" ในการต่อสู้ที่ไม่มีประโยชน์นี้

    พวกเราคาดการณ์ว่าจะมีสงครามที่ "ร้อนแรง"ระหว่างพวกเขากับคุณในอนาคตอันใกล้นี้(อาจจะใน 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า) และพวกเราเป็นกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น

    ในเวลาไม่นานมานี้มีข่าวลือว่ามีกลุ่มใหม่อีกกลุ่มเข้ามา,กลุ่มที่ 15 ที่มายังโลกเมื่อ 3 หรือ 4 ปีก่อน, แต่พวกเรายังไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของพวกเขา และจนกระทั่งบัดนี้พวกเราก็ยังไม่สามารถติดต่อกับพวกเขาได้ บางทีข่าวลืออาจจะผิดก็ได้<!-- google_ad_section_end --> ​

    คำถาม: อะไรที่เอเลี่ยนกลุ่มที่คิดร้ายกับเราต้องการ?​

    คำตอบ: วัตถุดิบหลายๆ อย่างรวมทั้งทองแดง เพื่อเอาไปใช้ในเทคโนโลยีของพวกเขา, น้ำของคุณ(หรือถ้าจะพูดให้ชัดกว่านี้ก็คือ ต้องการไฮโดรเจนในน้ำของคุณ, ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานในกระบวนการฟิวชั่น)และธาตุเคมีในอากาศ นอกจากนี้มีสองกลุ่มที่สนใจในร่างกายของคุณ, เนื้อเยื่อและเลือดของมนุษย์,เพราะว่าโครงสร้างทางพันธุกรรมของพวกเขานั้นมีปัญหา เนื่องจากการวิวัฒนาการที่แย่และจากรังสี(เท่าที่เรารู้) ​

    และพวกเขาต้องการส่วนพันธุกรรม ที่ยังคงสภาพเดิมจากพวกคุณและจากสัตว์เพื่อมาซ่อมพันธุกรรมของพวกเขา,แต่ว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะซ่อมส่วนที่เสียหายได้หรอก เพราะว่า DNA ของพวกเขาและของคุณ มันเข้ากันไม่ได้(DNA ของเผ่าพันธุ์เราไม่สามารถเข้ากับของพวกเขาได้แน่นอน,ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจเรามากนัก) และพวกเขาพยายามที่จะสร้างพันธุ์ผสมระหว่างพวกคุณกับพวกเขาโดยใช้การผสมเทียม พวกเราคิดว่าสงครามที่กำลังจะมาถึงจะเป็นสงครามระหว่างเอเลี่ยนสามกลุ่มกับคุณ และหนึ่งในนั้นหรือทั้งหมดทำสงครามเพื่อวัตถุดิบ, ไฮโดรเจน, อากาศ และ DNA​

    คำถาม: ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกนั้นถึง "ลักพาตัว" เราไป​

    คำตอบ: บางส่วน,โดยเฉพาะเมื่อเอเลี่ยนได้ตัวอย่างไข่และสเปริมไปจากคุณ บางเวลาผู้ที่ลักไปนั้นก็เป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่ก้าวหน้ามาก และพวกเขาต้องการแค่ศึกษาร่างกายและจิตใจของคุณ(ซึ่งบางกลุ่มนั้นสนใจมากเพราะว่าร่างกายที่เป็นของแข็งของคุณ) เหมือนกับว่าพวกคุณเป็นสัตว์เดรัจฉาน ตามที่ฉันได้บอกไปแล้ว เอเลี่ยนสามเผ่านั้นไม่หวังดีกับคุณ ​

    และนั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่สนใจชะตากรรมหรือชีวิตของคุณ และผู้คนผู้ซึ่ง "ถูกลักพาตัว" ไปโดยพวกเขาแล้วจะรอดชีวิตกลับมายาก ถ้าบางคนสามารถรายงานถึงการลักพาตัวได้,มันหมายความว่าในความเห็นของฉัน เขาหรือเธอไม่ได้พบกับกลุ่มที่ไม่หวังดี หรือเขาหรือเธอเป็นมนุษย์ที่โชคดีมากๆ ที่รอดมาได้ เอเลี่ยนกลุ่มที่ก้าวหน้าและเป็น"มิตร" ก็เอาตัวอย่างไข่และสเปริมไปด้วย,แต่เพื่อเหตุผลอื่น<!-- google_ad_section_end --> ​

    คำถาม: คุณบอกว่ามีเอเลี่ยนอยู่ 14 กลุ่มที่อยู่บนโลกนี้ แต่ทำไมคนที่เห็นเอเลี่ยน จึงบอกว่ามีหลายแบบและมีรูปร่างแปลกประหลาดมาก​

    คำตอบ: ฉันคิดว่าฉันได้ตอบปัญหานี้ไปแล้วนะ ตามที่ฉันบอกว่า เอเลี่ยนจำนวนมากมีความสามารถทางจิตมากกว่าคุณหรือว่าฉัน(มีเอเลี่ยนแค่หนึ่งกลุ่มที่ไม่มีความสามารถนี้) พวกเขาปรากฏตัวในความคิดและความทรงจำของพวกคุณ ตามแต่ว่าพวกเขาอยากให้เห็น "ภาพ" อย่างไรโดยที่ไม่ต้องปรากฏร่างกายจริงๆให้เห็น ​

    คุณจะจำพวกเขาได้ว่าพวกเขาเป็นเหมือนมนุษย์เราหรือเป็น grey รูปร่างเตี้ยๆ หรือแม้แต่สัตว์ที่รูปร่างแปลกประหลาด เพระว่าพวกเขาต้องการให้คุณจำพวกเขาอย่างนั้น หรือบางทีพวกเขาต้องการให้คุณลืมบางสิ่งเกี่ยวกับการพบกับพวกเขา ตัวอย่างอื่น: คุณสามารถจำได้ว่าคุณอยู่ในโรงพยาบาลปกติของมนุษย์และมีหมอกำลังตรวจร่างกายคุณ และคุณก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นในสิ่งที่คุณเจอ(อาจจะจนกระทั่งคุณพบว่านั่นไม่ใช่โรงพยาบาล แถวถนนที่คุณคิดว่าใช่)
    แต่ความจริงแล้วคุณกำลังถูกตรวจสอบโดยเอเลี่ยนในห้องแลป ในกรณีนี้คุณไม่สามารถเชื่อความคิดของคุณได้เลย พวกเขาปรากฏในรูปร่างต่างๆ เพื่อทำให้คุณสับสนและทำให้พยานผู้ที่จำเหตุการณ์ได้ - หรือคนที่เชื่อว่าสามารถจำได้ - ดูเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น และเท่าที่เรารู้,พวกเขาทำสำเร็จ เชื่อฉันเถอะว่ามีเอเลี่ยนอยู่ 14 กลุ่มบนโลกใบนี้และมีเอเลี่ยนแค่ 8 กลุ่มที่ลักพามนุษย์อยู่ในตอนนี้(เท่าที่เรารู้) ​

    เพิ่มเติม ไม่ทุกๆคนของพวกที่บอกว่า "ถูกลักพาตัว" ถูกลักพาไปจริง และเอเลี่ยนบางกลุ่มในรายงานของพวกเขานั้น เป็นแค่ภาพจินตนาการหรือไม่ก็คำโกหก<!-- google_ad_section_end --> ​

    คำถาม: พวกเราจะป้องกันไม่ให้พวกเขาชักจูงความคิดเราได้อย่างไร?​

    คำตอบ: ฉันไม่รู้ ฉันสงสัยว่าคุณจะทำได้หรือ,เพราะว่าความคิดของพวกคุณนั้นเหมือนสมุดที่เปิดออกเพื่อที่ให้อ่านและเขียนได้ ซึ่งทำได้โดยเผ่าพันธุ์อื่นๆ โดยเกือบจะทุกๆเผ่าพันธุ์ที่ฉันรู้มา นี่เป็นความผิดบางส่วนของ "Ilojiim", เพราะว่าพวกเขาได้สร้างหรือสร้างผิด(บางส่วนตั้งใจ) ความคิดของคุณและจิตสำนึกของคุณโดยไม่มีกระบวนการป้องกัน ถ้าคุณรู้ตัว่ามีบางคนกำลังแทรกแซงความคิดของคุณ,คุณสามารถทำได้แค่ตั้งสมาธิไปยังความคิดที่น่าสงสัยและพยายามวิเคราะห์ทุกๆ ความคิดและความจำของคุณ ​

    เป็นการสำคัญมากที่: อย่าหลับตาของคุณ(นี่อาจจะเป็นการนำให้คลื่นสมองจากที่อื่นเข้ามาง่ายขึ้น) และอย่านั่งหรือนอนลงเพื่อพักถ้าคุณตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาระหว่างนาทีแรกๆ, คุณอาจจะกรองความคิดและคลื่นสมองอื่นในสมองของคุณ และผู้ที่พยายามแทรกแซงจะยกเลิกไปเองในไม่ช้า ถ้าเขาหรือเธอไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่ามันจะเป็นการทำร้ายสมองของพวกเขาหรือเธอซะเอง นี่เป็นเรื่องที่ยากและลำบากมากและมันสามารถทำร้ายคุณได้, ดังนั้นอย่าพยายามจะต่อต้าน แต่มันเป็นแค่ความเป็นไปได้ที่คุณทำได้ อย่างไรก็ตาม,คุณทำอย่างนี้ได้กับพวกที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น,ไม่สามารถทำกับพวกที่แข็งแรงกว่าได้<!-- google_ad_section_end --> ​

    คำถาม: อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้น?​

    คำตอบ: เรื่องนี้มันตอบยาก มันขึ้นกับเผ่าพันธุ์ที่เป็นศัตรูและแผนการณ์ของพวกเขา "สงคราม" นั้นไม่ใช่เรื่องพื้นๆอย่างที่มนุษย์หมายความไว้ (ในความหมายก็คือไม่ใช่แค่เอาอาวุธมาประหัตประหารกัน),"สงคราม"สามารถสู้กันได้หลายระดับ อย่างหนึ่งที่เป็นไปได้คือพวกเขาจะ"ทำลาย"ระบบสังคมของคุณโดยไปมีอิทธิพลกับผู้นำทางการเมือง, วิธีอื่นก็คือใช้ระบบอาวุธที่ก้าวหน้าที่ซึ่งสามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิด หรือภัยพิบัติอื่นๆ(รวมถึงภัยทางน้ำด้วย) ที่ดูเหมือนเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติ ​

    สนามพลังพิเศษจากการรวมตัวของทองแดงที่ฉันได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ สามารถส่งผลต่อสภาพอากาศโลกได้ ฉันคิดว่าพวกเขาจะไม่โจมตีดาวดางนี้โดยตรง จนกว่าอารยธรรมมนุษย์จะอ่อนแอลง, เพราะว่าพวกเขาเห็นว่าพวกคุณมีความเป็นไปได้ ที่จะทำลายยานของพวกเขา(แต่ก็ไม่มาก) ความความเห็นของฉันพวกเราก็ไม่แน่ใจนักว่าจะมีสงครามเกิดขึ้นในปีถัดๆไป ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้ไปมากกว่านี้แล้ว<!-- google_ad_section_end --> ​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lacerta_2.jpg
      lacerta_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.2 KB
      เปิดดู:
      1,998
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2009
  16. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 06 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6917 ข่าวสดรายวัน


    "ตะลุมพุก"จม คลื่นยักษ์ซัด

    ฝนเทถล่ม เมืองคอน 14อำเภอ ประสบภัย



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ทะเลคลั่ง - คลื่นขนาดใหญ่ซัดถล่มชายฝั่งที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ทำให้ชุมชนประมงพื้นบ้านต้องหยุดทำประมง ขณะที่กรมอุตุฯ เตือน 10 จว.ใต้ ระวังน้ำป่าไหลหลาก



    </TD></TR></TBODY></TABLE>อุตุฯ เตือนภัยฝนตกหนัก คลื่นทะเลอ่าว ไทยกระหน่ำภาคใต้ ตั้งแต่เมืองคอนลงไป ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เรือเล็กงดออกจากฝั่ง ที่นราธิวาสหลายพื้นที่ท่วมแล้ว พัทลุงโดนรอบที่ลุ่มริมทะเลสาบสงขลา ด้านปัตตานีน้ำทะเลหนุนสูง ชาวบ้านริมอ่าวต้องขนย้ายสิ่งของและสัตว์เลี้ยงขึ้นที่สูง ขณะที่นครศรี ธรรมราชหนักสุด ผู้ว่าฯ ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติใน 14 อำเภอ ถนนเลียบชายฝั่งถูกคลื่นยักษ์ซัดเสียหาย ที่แหลมตะลุมพุก ซัดจมบ้าน บ่อเลี้ยงปู ปลา ชาวประมงงดออกเรือ โรงเรียนหยุด

    เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 พ.ย. กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัยฝนตกหนักและคลื่นลมแรง ฉบับที่ 4 ว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ตั้งแต่ จ.นครศรี ธรรมราช ลงไปมีฝนตกชุก และมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มของ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้นใน 1-2 วันนี้ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในวันที่ 5-6 พ.ย. ส่วนบริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นต่อไปอีก 1-2 วัน

    สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดต่างๆ นั้น ที่จ.ยะลา ทางกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ประกาศแจ้งเตือนและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วม เพื่อเตรียมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม อันเกิดจากสภาวะอากาศและฝนตกหนัก รวมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ อ.เมืองยะลา อ.เบตง อ.บันนังสตา อ.ธารโต และ อ.รามัน

    ส่วน จ.นราธิวาส หลังจากมีฝนตกต่อเนื่องตลอด 2 วัน ทำให้หลายพื้นที่เริ่มมีน้ำท่วมขัง ถนนหลายสายในเขต อ.เมืองนราธิวาส อ.ยี่งอ และ อ.บาเจาะ มีต้นไม้หักโค่นขวางทางจราจร เนื่องจากลมพายุ รถไม่สามารถสัญจรผ่านได้ เจ้าหน้าที่ต้องเคลียร์พื้นที่ เพื่อให้ใช้ได้ตามปกติ ขณะที่หาดนราทัศน์ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ปรากฏว่าบรรดาร้านค้าต้องปิดชั่วคราว เนื่องจากลมแรงพัดหลังคาเสียหาย อีกทั้งน้ำทะลหนุนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

    ด้าน จ.พัทลุง ภายหลังที่ฝนตกติดต่อกันมา 2 วัน ส่งผลให้น้ำล้นตลิ่ง และมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ราบลุ่มริมทะเลสาบสงขลา ใน ต.พญาขัน ต.ปรางหมู่ ต.ชัยบุรี และ ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง มีระดับน้ำสูง 30-50 เซนติเมตร ถนนในหมู่บ้านหลายสายถูกท่วม แต่ยังสามารถสัญจรผ่านไปมาได้ คาดว่าหากไม่มีฝนตกอีก จะเข้าสู่ภาวะปกติใน 1-2 วัน

    ขณะที่ จ.นครศรีธรรมราช มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง 3 วัน ทำให้หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะใน อ.ลานสกา อ.เชียรใหญ่ อ.เมืองนครศรีธรรมราช อ.ท่าศาลา และ อ.สิชล ส่วนใหญ่เกิดจากระบายน้ำไม่ทัน อีกทั้งมีน้ำป่าจากเทือกเขาไหลสมทบลงมา ทำให้ระดับน้ำในลำคลองเพิ่มปริมาณสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้การระบายน้ำออกสู่อ่าวไทยล่าช้า

    ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นอกจากฝนตกหนักแล้ว ยังมีคลื่นลมแรงซัดเข้าฝั่ง ทำให้บ้านเรือนตามชายฝั่งได้รับความเสียหายที่ อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร อยู่ในสภาพวิกฤต เนื่องจากคลื่นลมแรง โดยเฉพาะที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ที่เคยเกิดเหตุวาตภัยอย่างรุนแรงมาแล้วเมื่อปีพ.ศ.2505 ปรากฏว่าหมู่บ้านชาวประมง ต้องหยุดทำประมงอย่างเด็ดขาด เนื่อง จากคลื่นซัดโถมเข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้น้ำทะเลท่วมบ้านเรือน บ่อเลี้ยงปูดำ ปลาดุกทะเล และปลากะพงขาว ได้รับความเสียหาย อีกทั้งโรงเรียนวัดแหลมตะลุมพุก มีน้ำทะเลท่วมขัง จนต้องประกาศหยุดเรียน

    นายประยุทธ ฐานะวัฒนา กำนัน ต.แหลมตะลุมพุก กล่าวว่า สภาพน้ำทะเลที่เข้าท่วมค่อนข้างรุนแรงมาก ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมาก โดยเฉพาะชุมชนประมงพื้นบ้านในหมู่ 2-3 ใกล้กับวัดแหลมตะลุมพุก ต้องหยุดทำประมง ขณะเดียวกันเรียกประชุมเพื่อเตรียมให้ความช่วยเหลือในส่วนของบ่อปลาและบ่อปู ที่เสียหาย

    ส่วนนายชัยณรงค์ สวัสดีนฤนาท นายกเทศมนตรีเมืองปากพนัง สั่งการให้เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย ออกช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งเปิดประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ เนื่องจากน้ำในแม่น้ำปากพนังที่ไหลผ่านตัวเมืองปากพนัง ทั้งปากพนังฝั่งตะวันตก และปากพนังฝั่งตะวันออก เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำไหล่บ่าเข้าท่วมเขตเทศบาล ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพสิ่งของทรัพย์สินหนีน้ำ

    ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นอกจากนี้ ถนนสายปากพนัง-หัวไทร เป็นถนนเลียบชายทะเล ถูกคลื่นซัดสิ่งปฏิกูลมากองอยู่บนถนนเป็นจำนวนมาก และมีคลื่นใหญ่ซัดเข้าฝั่งตลอดเวลา บางพื้นที่มีบ้านเรือนโดนคลื่นซัดเสียหาย โดยทาง อ.หัวไทร รายงานว่ามีบ้านเรือนได้รับผลกระทบจากคลื่นตลอดแนวชายฝั่งของอำเภอ ใน 3 ตำบล คือ ต.เกาะเพชร ต.หัวไทร และต.หน้า สตน บ้านเรือนเสียหาย 363 หลังคาเรือน

    ด้านนายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.นครศรี ธรรมราช ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติใน จ.นครศรีธรรมราช รวม 14 อำเภอ คือ ขนอม, สิชล, ท่าศาลา, เมือง, ปากพนัง, หัวไทร, เชียรใหญ่, ชะอวด, ร่อนพิบูลย์, เฉลิมพระ เกียรติ, ทุ่งสง, บางขัน, นาบอน และพิปูน เนื่องจากทั้ง 14 อำเภอ มีน้ำท่วมขัง น้ำป่าไหลหลาก น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วม รวมทั้งคลื่นซัดฝั่ง

    ส่วนสถานการณ์ที่ จ.สงขลา นั้น มีฝนและลมแรงติดต่อกัน 3-4 วัน คลื่นในอ่าวไทยสูง 3-5 เมตร ชายหาดหมู่ 10 ต.เกาะแต้ว อ.เมือง และ ต.ปากแตระ อ.ระโนด ถูกคลื่นซัดถนนเลียบทะเลอ่าวไทยเสียหายยาว 1,000 เมตร ขณะที่ทางจังหวัดสั่งให้ทั้ง 16 อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และแบ่งพื้นที่ความรับผิดชอบ โดยเฉพาะอาจเกิดโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย 152 หมู่บ้าน 6 อำเภอ ใน อ.จะนะ อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย อ.รัตภูมิ อ.คลองหอยโข่ง และอ.หาดใหญ่ บางส่วน

    สำหรับ จ.ปัตตานี มีฝนตกหนัก 2 วัน ทำให้ประชาชนริมอ่าวปัตตานี ในพื้นที่ ต.รูสะมิแล ต.บานา อ.เมืองปัตตานี และต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก เนื่องจากน้ำทะเลหนุนเข้ามาสูงกว่า 30 เซนติ เมตร จนต้องขนย้ายสิ่งของ และสัตว์เลี้ยงไปอยู่ในที่สูง ในส่วนของเรือประมงนั้น ต่างทยอยนำมาจอดท่าเทียบแล้วกว่า 200 ลำ เนื่องจากคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ขณะที่ จ.เชียงใหม่ สภาพอากาศเริ่มเย็นลงแล้ว ที่อ.ฝาง โดยเฉพาะที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง วัดอุณหภูมิได้ 13 องศาเซลเซียส ที่บ้านชาวเขาเผ่าลาหู่ บ้านดอยป่าคา ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง วัดได้ 15 องศาเซลเซียส ชาวบ้านต้องผิงไฟคลายหนาว โดยนายวิชัย คีรีชัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 บ้านดอยป่าคา กล่าวว่า ปีนี้อากาศเย็นเร็วกว่าทุกปี คาดว่าจะหนาวมากกว่าปีก่อนๆ ชาวบ้านขอให้ทางราชการและภาคเอกชน เข้ามาช่วยเหลือเรื่องอุปกรณ์กันหนาว เช่น เสื้อกันหนาว ผ้าห่ม ชาวบ้านส่วนใหญ่จะมีผ้าห่มที่บางๆ มีครอบครัวละไม่กี่ผืน ไม่เพียงพอต่อสมาชิกในครอบครัว แต่ก็อาศัยก่อกองไฟในบ้านแล้วก็นอนรอบๆ กองไฟ ช่วยคลายหนาวได้บ้าง

    แฉ5,300จุดอันตราย-เสี่ยงโจรทั่วกรุง

    นครบาล สำรวจพบ ร้องกทม. เร่งแก้ไข



    นครบาลแฉจุดล่อแหลม อันตรายต่อการเกิดอาชญา กรรม ทุกพื้น ที่ทั่วกรุง พบมีถึง 5.3 พันจุด แยกเป็น 6 ลักษณะ สะพานลอย ป้ายรถเมล์ สวนหย่อม ตึกร้าง ซอยเปลี่ยว และหอพัก เร่งประสานกทม.ช่วยแก้ไข ติดไฟส่องสว่าง ตัดต้นไม้ ตัดหญ้า ส่วนที่เป็นหอพักหรือคอนโดฯ ให้เจ้าของติดตั้งอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย ทางด้านกทม.พร้อมช่วยเหลือตร. แต่บอกกทม.สำรวจตามมาตรฐานตัวเอง มีจุดอันตรายแค่ 1.5 พันจุดเท่านั้น

    เมื่อวันที่ 5 พ.ย. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.น. (ดูแลงานป้องกันปราบปราม) เปิดเผยว่า ได้ให้แต่ละกองบังคับการ (บก.) สำรวจพื้นที่จุดล่อแหลมในพื้นที่บช.น. โดยแบ่งเป็น 6 ประเภท คือ 1.สะพานลอยคนข้าม ซึ่งมีไฟมืด มีที่กั้นหรือเปลี่ยว 2.ป้ายรถโดยสารประจำทาง ที่มืดและมีป่าหญ้ารกร้างใกล้เคียง 3.สวนหย่อม สวนสาธารณะ ที่มืดแสงสว่างไม่พอเพียง 4.ตึกร้าง บ้านร้าง ที่รกร้างใต้สะพาน ซึ่งมืดเปลี่ยว และอาจเป็นที่อาศัยหรือมั่วสุมของพวกติดยาเสพติด 5.ถนน ตรอก ซอย ที่มืดและเปลี่ยว 6.คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพัก บ้านเช่า ที่ไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพียงพอ ทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด ไฟส่องสว่าง และอื่นๆ

    พล.ต.ต.อนันต์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยให้แต่ละบก. ทำการสำรวจจุดล่อแหลมไปแล้วมีประมาณ 2,307 แห่ง ซึ่งไม่ละเอียด แต่การสำรวจครั้งใหม่มีเพิ่มขึ้นเป็น 5,365 แห่ง ซึ่งข้อมูลตัวเลขเหล่านี้ หากเกิดเหตุในพื้นที่เช่นจุดล่อแหลมที่ไม่ได้รายงานขึ้นมา ทางตำรวจพื้นที่ต้องรับผิดชอบ โดยหลังจากได้จุดล่อแหลมเหล่านี้ก็ให้พื้นที่ประสานทางกทม. เพื่อช่วยประสานให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้นทั้งติดไฟให้สว่างขึ้น ตัดต้นไม้ ตัดหญ้าและดูแลความปลอดภัยอื่นๆ เพิ่มเติม ส่วนเจ้าของอพาร์ต เมนต์ คอนโดฯ หรือหอพัก จะเน้นให้เพิ่มเติมในเรื่องคนและอุปกรณ์ที่จะช่วยเสริมความปลอดภัยให้ผู้อยู่อาศัยมากขึ้น

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการสำรวจจุดล่อแหลมในเขตพื้นที่บช.น. ของแต่ละบก. มีดังนี้ บก.น.1 สะพานลอยคนข้าม 33 จุด ป้ายรถโดยสารประจำทาง 52 จุด สวนหย่อมสวนสาธารณะ 17 จุด ตึกร้าง บ้านร้าง ที่รกร้าง ใต้สะพาน 43 จุด ถนน ตรอก ซอย 141 จุด คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพักบ้านเช่าฯ 117 จุด รวม 412 จุด

    บก.น.2 สะพานลอยคนข้าม 130 จุด ป้ายรถโดยสารประจำทาง 230 จุด สวนหย่อมสวนสาธารณะ 17 จุด ตึกร้าง บ้านร้าง ที่รกร้าง ใต้สะพาน 43 จุด ถนน ตรอก ซอย 99 จุด คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพักบ้านเช่าฯ 411 จุด รวม 930 จุด

    บก.น.3 สะพานลอยคนข้าม 17 จุด ป้ายรถโดยสารประจำทาง 40 จุด สวนหย่อมสวนสาธารณะ 6 จุด ตึกร้าง บ้านร้าง ที่รกร้าง ใต้สะพาน 36 จุด ถนน ตรอก ซอย 67 จุด คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพักบ้านเช่าฯ 59 จุด รวม 225 จุด

    บก.น.4 สะพานลอยคนข้าม 17 จุด ป้ายรถโดยสารประจำทาง 50 จุด สวนหย่อมสวนสาธารณะ 10 จุด ตึกร้าง บ้านร้าง ที่รกร้าง ใต้สะพาน 49 จุด ถนน ตรอก ซอย 57 จุด คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพักบ้านเช่าฯ 217 จุด รวม 400 จุด

    บก.น.5 สะพานลอยคนข้าม 142 จุด ป้ายรถโดยสารประจำทาง 298 จุด สวนหย่อมสวนสาธารณะ 40 จุด ตึกร้าง บ้านร้าง ที่รกร้าง ใต้สะพาน 89 จุด ถนน ตรอก ซอย 287 จุด คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพักบ้านเช่าฯ 714 จุด รวม 1,570 จุด

    บก.น.6 สะพานลอยคนข้าม 19 จุด ป้ายรถโดยสารประจำทาง 135 จุด สวนหย่อมสวนสาธารณะ 13 จุด ตึกร้าง บ้านร้าง ที่รกร้าง ใต้สะพาน 38 จุด ถนน ตรอก ซอย 125 จุด คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพักบ้านเช่าฯ 70 จุด รวม 395 จุด

    บก.น.7 สะพานลอยคนข้าม 55 จุด ป้ายรถโดยสารประจำทาง 116 จุด สวนหย่อมสวนสาธารณะ 6 จุด ตึกร้าง บ้านร้าง ที่รกร้าง ใต้สะพาน 35 จุด ถนน ตรอก ซอย 42 จุด คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพักบ้านเช่าฯ 163 จุด รวม 368 จุด

    บก.น.8 สะพานลอยคนข้าม 95 จุด ป้ายรถโดยสารประจำทาง 211 จุด สวนหย่อมสวนสาธารณะ 16 จุด ตึกร้าง บ้านร้าง ที่รกร้าง ใต้สะพาน 35 จุด ถนน ตรอก ซอย 131 จุด คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพักบ้านเช่าฯ 326 จุด รวม 814 จุด

    บก.น.9 สะพานลอยคนข้าม 24 จุด ป้ายรถโดยสารประจำทาง 32 จุด สวนหย่อมสวนสาธารณะ 11 จุด ตึกร้าง บ้านร้าง ที่รกร้าง ใต้สะพาน 5 จุด ถนน ตรอก ซอย 59 จุด คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพักบ้านเช่าฯ 78 จุด รวม 251 จุด

    รวมทุกบก. สะพานลอยคนข้าม 532 จุด ป้ายรถโดยสารประจำทาง 1,164 จุด สวนหย่อมสวนสาธารณะ 136 จุด ตึกร้าง บ้านร้าง ที่รกร้าง ใต้สะพาน 373 จุด ถนน ตรอก ซอย 1,008 จุด คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพักบ้านเช่าฯ 2,155 จุด รวมทั้งหมด 5,365 จุด

    พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวอีกว่า สำหรับกำลังตำรวจในพื้นที่นั้น กำชับให้แต่ละบก. จัดกำลังดูแลอย่างทั่วถึงในการดูแลป้องกันเหตุอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้น ไม่ให้หลงหูหลงตา ซึ่งในวันที่ 6 พ.ย. จะเรียกประชุม รอง ผบก.น. 1-9, รอง ผบก.ตปพ., รอง ผกก.ปป. และสวป.ทุกสน. มาประชุมที่สำนักงานนโย บายและแผนการขนส่งและการจราจร (สนข.) เวลา 16.30 น. โดยจะสอบถามถึงเรื่องว่าหลังจากสำรวจจุดล่อแหลมต่างๆ แล้ว เมื่อแจ้งไปที่กทม. มีการแก้ไขเพิ่มเติมแล้วหรือไม่ กี่จุด หากยังไม่คืบหน้าก็จะให้กำชับไปอีกครั้ง รวมถึงการประสานหาแนวร่วมในพื้นที่ทั้งพ่อค้า แม่ค้า วินจักรยานยนต์รับจ้าง และบุคคลในพื้นที่ เพื่อขอความร่วมมือในการช่วยกันเป็นหูเป็นตาดูแลปัญหาร่วมกัน

    "อย่างไรก็ตาม หลังจากสน.แต่ละแห่งรายงานจุดล่อแหลมและประสานไปทางกทม. แล้วนั้น ผมจะประสานไปทางผู้ว่าฯกทม. ให้ช่วยดูแลเรื่องนี้อีกชั้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการตัดต้นไม้ ไฟส่องสว่าง หรือสถานที่เปลี่ยวและอันตราย เพื่อให้ประชาชนอุ่นใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่มากขึ้น"รอง ผบช.น.กล่าว

    นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์กรณีที่ทางกองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น.) เปิดเผยผลสำรวจจุดเสี่ยงไม่ปลอดภัยในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยพบว่ามีจุด เสี่ยงกว่า 5,000 จุด ซึ่งทาง บช.น.เตรียมประสานสถานีตำรวจในพื้นที่ให้ดำเนินการประสานกับกทม.เพื่อปรับปรุงแก้ไขว่า นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทางหน่วยราชการให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ ซึ่งกรณีที่ผลสำรวจของบช.น. พบจุดเสี่ยงที่มากกว่าของกทม.นั้น เข้าใจว่าคงใช้เกณฑ์การพิจารณาที่แตกต่างกันออกไป เพราะกทม.เน้นพื้นที่ที่อยู่ใกล้และตามป้ายรถประจำทาง ซึ่งพบว่ามีประมาณ 1,500 จุด อย่างไรก็ตาม การแก้ไขและปรับปรุงพื้นที่นั้น ตนได้เตรียมการประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ไว้แล้ว และภายหลังที่พล.ต.ต. ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. เดินทางกลับจากต่างประเทศ ตนจะเข้าหารือถึงความร่วมมืออย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งนี้ ในวันนี้ (6 พ.ย.) ที่จะมีการพบผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสำนักเทศกิจ (สนท.) ตนจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมเพื่อวางมาตรการการดูแลร่วมกับทางผู้ปฏิบัติงานอีกครั้งหนึ่ง สำหรับกรณีที่ทางสถานีตำรวจพื้นที่เตรียมประสานกทม. เพื่อให้เข้าไปแก้ไขนั้น กทม.ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ก็ต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนด้วย

    "บ้านน้ำเค็ม"ซ้อมแผนรับมือสึนามิ



    พังงา - นายประยูร จงไกรจักร คณะกรรมการอำนวยการศูนย์เตรียมความพร้อมบ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา กล่าวถึงการป้องกันภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิที่อาจจะเกิดขึ้น ว่า ทางชุมชนร่วมกับมูลนิธิอันดามัน มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จัดทำโครงการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติชุมชน เพื่อเตรียมรับมือภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ โดยมีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้การสนับสนุน

    นายประยูร กล่าวว่า ชาวบ้านน้ำเค็มคิดอยู่เสมอว่า อีกไม่นานจะต้องมีคลื่นสึนามิเกิดขึ้นอีก ทุกคนจึงเกิดความหวาดกลัว ทำให้สภาพของชุมชนแย่ลงทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะมีข่าวเกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่ไหน ทุกคนก็จะตกใจหมด ทำให้เกิดความวุ่นวายแตกตื่น ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ประมาณเกือบครึ่งปี หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิชาวบ้านจึงมาวางแผนร่วมกัน ว่าจะทำอย่างไรให้อยู่ที่นี่ได้ จึงทำแผนเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น โดยปีที่เริ่มดำเนินการคือปี 2549 และมีการทดลองทำแผนอพยพขึ้นมาในปี 2550 เพื่อจำลองสถานการณ์ ในปัจจุบันได้ซ้อมไปแล้ว 5 ครั้ง อพยพจริง 4 ครั้ง โดยตั้งเป้าว่าจะซ้อมอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้มีความพร้อม

    ผิงไฟหน้าหนาวระวังเพลิงไหม้



    บุรีรัมย์ - นายพรเชษฐ์ แสงทอง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ ออกแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอัคคีภัย และวาตภัย ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงหน้าหนาว ที่มีลม สภาพอากาศแห้งและลมกระโชกแรง หลังจากปีที่ผ่านมาตลอดช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เกิดอัคคีภัยขึ้นจำนวน 32 ครั้ง และวาตภัยจำนวน 17 ครั้ง สาเหตุของการเกิดอัคคีภัยส่วนใหญ่ จะเกิดจากการก่อไฟผิงคลายหนาวตามบ้านเรือน และเผาป่า หรือตอซังข้าว ทำให้ลุกลามไหม้บ้านเรือนราษฎรจนได้รับความเสียหาย จึงเตือนให้ประชาชนที่นิยมก่อไฟผิงตามบ้านเรือน และสถานที่ต่างๆ ได้สำรวจและดับไฟให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น

    ส่วนหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือ หากราษฎรถูกเพลิงไหม้บ้านเรือนหรือพายุพัดพังเสียหายทั้งหลังจะได้รับเงินชดเชยช่วยเหลือหลังละไม่เกิน 30,000 บาท หากเสียหายบางส่วนจะได้รับเงินชดเชยตามที่เสียหายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท อย่างไรก็ตาม จากที่ทางจังหวัดได้ร่วมกันป้องกันและบรรเทาสาธารภัยและอำเภอ ออกสำรวจผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ยากไร้ และคนพิการ ขณะนี้มียอดผู้ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มกันหนาวทั้งจังหวัดมากกว่า 2 แสนราย
    ซดเหล้าแก้หนาวถึงตาย



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>เตือนดื่ม "สุรา" ช่วยคลายหนาวเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะมีผลต่อระบบทำงานของหัวใจ เสี่ยงถึงชีวิต

    น.พ.วุฒิไกร มุ่งหมาย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขอำเภอและผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน รณรงค์ความรู้เรื่องการป้องกันโรคในฤดูหนาว โดยเฉพาะความเชื่อผิดๆ ซึ่งก่ออันตรายต่อสุขภาพที่ว่าการดื่มสุราช่วยคลายหนาว เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น แต่ผลลัพธ์ตรงกันข้าม เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ช่วยคลายความหนาวเย็นไม่ได้ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

    น.พ.วุฒิไกร กล่าวว่า สุราทั่วไปมีเอทิลแอลกอฮอล์ที่กินได้ผสมอยู่ปริมาณไม่เกิน 60 เปอร์เซ็นต์ หากดื่มมากหรือนานขึ้นแอลกอ ฮอล์จะไปกดประสาทส่วนกลาง ทำให้มีอาการง่วง งง ซึม และหมดสติ ถ้าผู้ดื่มอยู่ในพื้นที่อากาศหนาวเย็นยิ่งเสี่ยงอันตราย เพราะความเย็นจะทำให้ร่างกายมีความหนืดมากขึ้น การไหลเวียนของโลหิตลำบาก เมื่ออวัยวะขาดออกซิเจน หัวใจต้องทำงานหนัก เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ทำให้ช็อกและเสียชีวิตง่ายขึ้น จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเข้าใจผิดในเรื่องการดื่มสุราเพื่อคลายหนาว

    สธ.เตือนฤดูหนาว-ป่วยรีบพบหมอ



    น.พ.วีรพล นิธิพงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูหนาวที่มาถึงนี้จะทำให้ประชาชนโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุมักจะเจ็บป่วยได้ง่าย โดยจากการเฝ้าระวังโรคทางด้านระบาดวิทยาของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 25 ต.ค. 2552 พบประชาชนเจ็บป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 1,675 คน เสียชีวิต 4 คน โรคปอดบวม 1,664 คน มีผู้เสียชีวิต 20 คน โรคหัด 183 คน โรคหัดเยอรมัน 52 คน โรคอีสุกอีใส 2,205 คน โรคอุจจาระร่วง 18,634 คน

    จึงขอแนะนำวิธีการปฏิบัติป้องกันโรคในช่วงฤดูหนาว ควรสวมเสื้อผ้าให้เกิดความอบอุ่นแก่ร่างกาย กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่ดื่ม แอลกอฮอล์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ล้างมือให้สะอาด ไม่ใช้ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า เครื่องใช้ ของเล่นร่วมกับผู้ป่วย พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีคนแออัด หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก

    หากมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ น้ำมูกไหล ไอ เจ็บหรือแสบคอ ควรนอนพักมากๆ ดื่มน้ำบ่อยๆ หากมีไข้สูงเกิน 5 วัน ควรรีบไปพบแพทย์รักษาโดยเร็ว เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้
    เรียกทูตไทยกลับ ตอบโต้! "ฮุนเซน"ที่ชู"แม้ว"

    "มาร์ค"ถกกษิต-อนุพงษ์ สั่งชะลอความร่วมมือ! แต่ไม่ให้กระทบสัมพันธ์ "แม้ว"อัดรัฐบาล-เด็กจัง



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ตึงเครียด - บรรยากาศเงียบเหงาหน้าสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ กัมพู ชา ภายหลังรัฐบาลไทยมีคำสั่งเรียกตัวทูตกลับ เป็นการตอบโต้หลังจากนายกฯฮุน เซน ประกาศตั้ง พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>ไทยตอบโต้เขมร เรียกทูตประจำพนม เปญกลับ ประท้วง"ฮุนเซน"ตั้ง"แม้ว"เป็น ที่ปรึกษาเศรษฐกิจ "มาร์ค"หารือเทือก-กษิต-อนุพงษ์ก่อนออกมาตรการตอบโต้ สั่งชะลอความร่วมมืออีกหลายเรื่อง "มาร์ค"ฮึ่ม"ฮุนเซน"ทำกระทบความรู้สึกคนไทย จำเป็นต้องรักษาศักดิ์ศรีประเทศ แต่ไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ 2 ประเทศ "แม้ว"ทวิตเตอร์ทั้งวันขอบคุณเขมร และกำลังใจจากกองเชียร์ อัดรัฐบาลทำไมเด็กจังสั่งทูตกลับ "ปู่ชัย"ชี้ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ทำสภาล่มเรื่องธรรมดา สมัยปชป.เป็นฝ่ายค้านก็ทำเหมือนกัน ต้องช่วยกันประจานส.ส.ที่โดดประชุม ไม่ให้ชาวบ้านเลือกเข้ามาอีก ส.ว.ยื่นประธานวุฒิฯถอนตัวจากกรรมการแก้รธน. หลังฝ่ายค้านไม่เอาด้วย ปล่อยรัฐบาลแก้ฝ่ายเดียว

    "เทือก"แยกแยะฮุนเซนตั้ง"แม้ว"

    เมื่อวันที่ 5 พ.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา ตั้งพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชาว่า คิดว่ายังไม่ต้องทบทวนท่าทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกัมพูชา ต้องแยกแยะระหว่างเรื่องภายในแต่ละประเทศกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รัฐบาลแต่ละประเทศมีสิทธิ์แต่งตั้งใครรับตำแหน่งอะไรก็ได้ เราแทรกแซงไม่ได้ คนที่แต่งตั้งเราจะชอบหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไปเอะอะโวยวาย ส่วนกรณีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หากมั่นใจในสัญญาข้อตกลงกรณีส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ทำไว้กับกัมพูชาว่าใช้บังคับได้ และมั่นใจว่าคนที่หนีคดีไปจากประเทศไทย ไปพำนักเป็นการถาวรที่นั่น เราส่งหนังสือไปตามกระบวนการกฎหมายระหว่างประเทศ เหมือนที่เคยส่งหนังสือขอตัวนายราเกซ สักเสนา มาดำเนินคดี แต่ถ้าทำไปแล้วเขาไม่ให้ ค่อยพิจารณาว่าผิดข้อตกลงระหว่างประเทศอย่างไร

    ผู้สื่อข่าวถามว่า กัมพูชารู้เรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐบาล ถือเป็นการหักหน้ารัฐบาลไทยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวติดตลกว่า เราอย่ายื่นหน้าให้เขาหัก ต้องเก็บหน้าเอาไว้ให้ดี เป็นเรื่องของเขาที่จะตั้งใคร ถ้าสมมติว่ารัฐบาลไทยตั้งนายสม รังษี เป็นที่ปรึกษาแล้วไม่ถูกใจสมเด็จฮุนเซน มันก็เรื่องของเรา อย่ารวมทุกประเด็นเข้าด้วยกันจากความรู้สึก แต่ต้องแยกแยะให้ดี

    เมื่อถามว่าเป็นการท้าทายกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่มองเช่นนั้นเพราะแยกแยะได้ แต่ละประเทศมีกฎหมายตัวเอง เมื่อครั้งขอตัวนายราเกซจากศาลแคนาดา สู้กันนานถึง 13 ปีกว่าจะได้ตัวกลับมา ดังนั้นต้องว่ากันตามกฎหมาย เพราะหากไทยชิงโกรธแคนาดาตั้งแต่ตอนนั้น ป่านนี้คงไม่ได้ตัวนายราเกซกลับมา คงตัดสัมพันธ ไมตรีไปเรียบร้อย

    สัมพันธ์ไทย-เขมรดูเป็นกรณี

    ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันหรือไม่ว่าการกระทำของกัมพูชาครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ด้านอื่น นายสุเทพกล่าวว่า ในฐานะรับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาจะดูเป็นกรณีไป เช่น ปัญหาเขตแดนก็มีกรรมการร่วม ปัญหากระทบกระทั่งตามแนวชายแดน ทหารก็เจรจากันไป ถ้ามีเรื่องประโยชน์ทับซ้อนพื้นที่ทางทะเล ก็มานั่งปรึกษากัน แต่ยืนยันหลักการว่าไทยต้องอยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสันติ แต่ถ้าเขารุกล้ำอธิปไตยก็ต้องปกป้อง

    เมื่อถามว่าจะสรุปได้หรือไม่ว่ากัมพูชาไม่ใช่มิตรแท้ของไทย เพราะแต่งตั้งนักโทษหนีคดีเป็นที่ปรึกษา นายสุเทพกล่าวว่า การคิดเช่นนั้นแสดงว่าใช้อารมณ์ คิดอย่างนั้นไม่ได้ ผลประโยชน์ของประเทศจะเอาไปแลกกับความโกรธ ชอบหรือไม่ชอบไม่ได้ เพราะมันไม่สนุกที่จะทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้าน เหตุเพียงมีผู้ต้องหาหนีศาลคนหนึ่งเท่านั้น มันไม่คุ้มกัน เมื่อถามว่าคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะช่วยทำให้กัมพูชาเข้าใจปัญหาชายแดนได้บ้างหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่คาดหวังขนาดนั้น ถ้ายุก็ไม่แน่ แต่เรื่องช่วยคงยาก

    "แม้ว"มีเป้าให้ไทยป่วนอยู่แล้ว

    ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่ากลัวเหมือนกันว่าจะเกิดปัญหาชายแดน นายสุเทพกล่าวว่า ไม่กลัว เพราะกัมพูชาคงไม่พร้อมมาทะเลาะกับไทย จะชอบพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่เป็นเรื่องของเขา ต้องแยกแยะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างนายกฯกับนายกฯ เมื่อถามว่าจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์ชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ต้องปรับ ดูแลไม่ให้ปะทะกัน ทหารคอยเจรจาไว้ เพราะถ้าเกิดปัญหาขึ้นคงไม่ดีสำหรับประเทศ เสียบรรยากาศ

    เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณทวิตเตอร์ขอบคุณนายกฯกัมพูชา อยากฝากบอกอะไรถึงพ.ต.ท. ทักษิณหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ฝาก พ.ต.ท.ทักษิณจะทวีตหรือโฟนอินมีเป้าหมายอยู่แล้วว่าต้องการให้ประเทศไทยปั่นป่วน

    "คุณทักษิณกับคุณฮุนเซนคบค้ากันมานานแล้ว ผมเพิ่งรู้จักไม่นาน และไม่เคยบอกว่าเป็นเพื่อนสนิท เพียงแค่รู้จัก เคยไปมาหาสู่บ้าง พูดคุยกันได้บ้าง แต่ผมคงไม่ก้าวล่วงว่าจะคบใครได้คบใครไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องของผม ตอนนี้รอว่าเมื่อเรามีหลักฐานชัดเจนว่าคุณทักษิณเข้าไปตั้งหลักแหล่งพำนักในกัมพูชาชัดเจนแล้ว ตื่นเช้า 8 โมงไปทำงาน 5 โมงเย็นกลับเข้าที่พัก ถ้ารู้อย่างนี้เราดำเนินกฎหมายระหว่างประเทศตามข้อตกลง ทำเรื่องขอให้ส่งตัวกลับมา เมื่อนั้นกระทรวงการต่างประเทศกับสำนักงานอัยการสูงสุดต้องแสดงท่าที" นายสุเทพ กล่าว

    ทุกประเทศต่างก็อยากสันติ

    ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ไปพบผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลต้องระวังปัญหาเหมือนกรณีกัมพูชาหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า พล.อ.ชวลิตกับพ.ต.ท.ทักษิณ ทำงานประสานกันอยู่แล้ว ชัดเจนว่าพล.อ.ชวลิตมาทำงานในพรรคเพื่อไทย เพื่อรับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ฉะนั้นเป้าหมายชัดเจน เราต้องแก้ปัญหาของเราไป ส่วนที่พล.อ.ชวลิตจะไปมาเลเซียนั้น ไม่มีอะไรต้องกลัว ต่อสู้ไปตามความเป็นจริง เรื่องภายในของประเทศไทย ประเทศเพื่อนบ้านไม่สามารถแทรกแซงได้ ไม่ว่าทั้งพล.อ.ชวลิตและพ.ต.ท.ทักษิณจะเดินสายไปพูดอย่างไร ก็ไม่มีใครแทรกแซงกิจการภายในของไทยได้ และรัฐบาลไม่เคยอ่อนไหวต่อเรื่องเหล่านี้ ไม่มีปัญหา

    เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าอนาคตกัมพูชาจะเป็นภัยคุกคามของไทย เพราะขณะนี้เพิ่มงบประมาณจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่คิดว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทยได้ ไม่น่ามีปัญหา เชื่อว่าเพื่อนบ้านทุกประเทศไม่มีใครอยากมีปัญหา เพราะต่างก็อยากอยู่อย่างสันติและร่วมมือด้านเศรษฐกิจซึ่งกันและกัน

    "มาร์ค"ชี้กระทบความรู้สึกคนไทย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เรียกพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เข้าหารือที่บ้านพิษณุโลก จากนั้นเวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์เป็นประธานประชุมคณะกรรมการกระจายอำนาจแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก่อนจะหารือเป็นการส่วนตัวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่ห้องทำงานของนาย สุเทพ ประมาณ 15 นาที จากนั้นเป็นประธานเปิดงานเสวนาและปาฐกถา หัวข้อ "นโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมธุรกิจที่ปรึกษาออกแบบและก่อสร้างในต่างประเทศ" ที่ตึกสันติไมตรี ทั้งนี้นายกฯปฏิเสธให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปประชุมสภาที่รัฐสภา โดยช่วงเวลา 22.00 น. นายกฯจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมประชุมผู้นำลุ่มแม่น้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 5-7 พ.ย. <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ต่อมาเวลา 15.20 น. นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภากรณีรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์แต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกฯฮุนเซน และที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชาว่า แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชามีส่วนพาดพิงถึงกระบวนการยุติธรรมของเรา กระทบความรู้สึกของคนไทยพอสมควร กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินมาตรการเพื่อให้กัมพูชารับทราบถึงความรู้สึกของประชนไทยและการพาดพิงกระบวนการภายในของเรา โดยจะตอบโต้ตามขั้นตอนทางการทูต มอบหมายให้นายกษิตชี้แจงรายละเอียด ซึ่งมาตรการทั้งหมดจะไม่ให้กระเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนต่อประชาชน เป็นการตอบโต้ในส่วนของรัฐบาล ทั้งนี้มาตรการตอบโต้จะไม่ถึงขั้นปิดพรมแดน เรื่องการค้าขายชายแดนเป็นผลประโยชน์ของประชาชนร่วมกัน ส่วนการเรียกเอกอัคร ราชทูตไทยกลับนั้น กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ชี้แจง ต้องรอดูว่ารัฐบาลกัมพูชาจะทบทวนท่าทีหรือไม่

    เรียกทูตไทยกลับเพื่อประท้วง

    นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ แถลงว่า จากกรณีรัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและปฏิเสธจะส่งตัวกลับประเทศไทย แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลกัมพูชาไม่สามารถแยกผลประโยชน์ของประเทศและผลประโยชน์ส่วนบุคคลออกจากกันได้ ไม่ให้ความเคารพในกระบวนการยุติธรรมของไทย และเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย ดังนั้นรัฐบาลไทยจึงมีคำสั่งเรียกตัวนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศไทยทันที โดยเดินทางถึงไทยเวลา 22.15 น. เพื่อประท้วงการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลกัมพูชา รวมทั้งจะทบทวนพันธกรณีต่างๆ ในอดีตทั้งหมด นายกฯรับทราบแล้วและเน้นย้ำให้ดำเนินการโดยไม่ให้กระทบต่อประชาชนไทยและกัมพูชา

    นายชวนนท์กล่าวอีกว่า ในส่วนของคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา จะดำเนินการไปตามปกติก่อน โดยรัฐบาลไทยไม่ต้องการให้เรื่องนี้กลายเป็นชนวนก่อความรุนแรงระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยพร้อมจะดำเนินการตามความเหมาะสมเพื่อปกป้องไว้ซึ่งความรู้สึกของพี่น้อง ประชาชนและผลประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย

    ชะลอความร่วมมือทุกด้าน

    ด้านนายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงเรื่องพันธกรณีระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาที่รัฐบาลไทยเตรียมทบทวนว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับสนธิสัญญาและความร่วมมือโครงการต่างๆ ทั้งหมด ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และที่กำลังจะดำเนินการในอนาคต สำหรับรายละเอียดขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างผู้เกี่ยวข้องเก็บรวบรวมข้อมูลและนำมาพิจารณาความร่วมมือ เช่น ชะลอบันทึกข้อตกลงในอดีตต่างๆ ทางการทูต หรือเอ็มโอยู ชะลอการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทางการทูต ชะลอการเจรจาทางทะเลของไหล่ทวีประหว่างไทยกับกัมพูชา จนถึงสนธิสัญญาเงินกู้ต่างๆ เป็นต้น

    เป็นหน้าที่ที่ไทยต้องแสดงออก

    นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ยอมรับว่าช่วงสายวันนี้ตนพร้อมด้วยนายอภิสิทธิ์ และนายกษิต หารือถึงท่าทีของฝ่ายไทยว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตัดขาดความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อถามว่าช่วงเช้าระบุเองว่าให้แยกเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่เหตุใดช่วงบ่ายจึงพลิกกลับไปกลับมา นายสุเทพกล่าวว่า ที่ตนบอกเมื่อเช้า เพราะยังไม่ได้เห็นเอกสารแถลงการณ์ของกัมพูชา แต่เมื่อเห็นเอกสารแล้วไม่ใช่เรื่องปกติ กัมพูชาตัดสินเอาเองว่ากระบวนการยุติธรรมของเราเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งไม่จริง

    นายสุเทพกล่าวอีกว่า วิธีการทางการทูตก็ว่ากันไป ส่วนความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ท่าทีของผู้นำ ถ้าผู้นำกัมพูชามีท่าทีสวนกระแสกับความรู้สึกของคนไทยอย่างชัดเจน จะทำให้กระทบเรื่องการคบค้าสมาคมและความร่วมมือกันได้ แต่ถ้าทำเพียงแต่เท่าที่พูดไว้คือเป็นเพื่อนกับพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วตั้งเป็นที่ปรึกษา เท่านี้ก็จบ แต่ถ้าให้เหตุผลไปมากกว่านั้น มันเดือดร้อนประเทศไทย จึงเป็นหน้าที่ของประเทศไทยต้องแสดงออกบ้าง

    เมื่อถามว่าจะแตกหักหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ใช่วัยรุ่น การพูดแบบนี้มันวัยรุ่น เมื่อถามว่ารัฐบาลทำเช่นนี้จะเข้าทางพ.ต.ท. ทักษิณ ที่พยายามทำเกิดเป็นปัญหาระดับชาติหรือไม่ นายสุเทพปฏิเสธว่า ไม่ทราบ ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ไกลขนาดนั้น

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพได้พบกับนายนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการครม. ประมาณ 3 นาที เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหารือเรื่องการถอดยศ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณใช่หรือไม่ นายสุเทพปฏิเสธว่า "ผมมีเรื่องอื่นต้องทำอีกมาก จะมายุ่งแต่เรื่องพ.ต.ท.ทักษิณอย่างเดียวได้อย่างไร"

    มาร์ค-ฮุนเซนมีคิวเจอกันที่ญี่ปุ่น

    นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า นายกฯได้หารือกับฝ่ายความมั่นคง ทั้งนายสุเทพ เลขาธิการสมช. รมว.ต่างประเทศ อีกทั้งช่วงเช้านายกฯหารือกับพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และนายทหารระดับเสนาธิการที่บ้านพิษณุโลก การตัดสินใจครั้งนี้ ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า สัญญาณที่กัมพูชาส่งมาถือว่าชัดเจนว่ากัมพูชาไม่สามารถแยกแยะได้ระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับตัวบุคคล เราจึงไม่มีทางเลือก และอีก 1-2 วัน จะทราบว่าจะลดระดับความสัมพันธ์ลงเหลือระดับใด รวมถึงพันธกรณีต่างๆ ว่าพันธกรณีใดจะถูกยกเลิก ซึ่งการเรียกเอกอัครราชทูตกลับจะไม่มีผลกระทบต่อคนไทยในกัมพูชา เชื่อว่ากัมพูชาคงรอดูปฏิกิริยาของไทยด้วยเช่นกัน และการไปประชุมผู้นำกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงและญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 5-7 พ.ย.นี้ ถ้าสมเด็จฮุนเซนจะคุยกับเราก็ยินดี แต่ไม่มีกำหนดคุยทวิภาคีกับสมเด็จฮุนเซน

    ขณะที่นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์จากญี่ปุ่นระหว่างร่วมประชุมกลุ่มผู้นำลุ่มแม่น้ำโขงกับญี่ปุ่นว่า วันที่ 6 พ.ย. นายอภิสิทธิ์จะเดินทางมาถึงญี่ปุ่น ตนจะหารือถึงนโยบายและท่าทีว่าจะเรียกทูตพาณิชย์ประจำกัมพูชากลับด้วยหรือไม่

    ถอดยศ-ยึดเครื่องราชฯเดินหน้า

    นายสมชาย พฤฒิกัลป์ ผอ.สำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) กล่าวถึงขั้นตอนถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชฯพ.ต.ท.ทักษิณว่า เมื่อสลค.ได้รับเรื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) จะทำหนังสือถึงนายกฯภายใน 3 วันทำการ พร้อมทำหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการ เพื่อที่หากนายกฯเห็นชอบจะได้ส่งเรื่องให้สำนักราชเลขาธิการนำความขึ้นกราบบังคมทูลได้เลย กรณีถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชฯของพ.ต.ท.ทักษิณเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ไม่มีอะไรพิเศษหรือไปเร่งอะไร แต่ขณะนี้สลค.ยังไม่ได้รับเรื่องจากตร. จึงไม่ได้ดำเนินการใดๆ หรือตั้งเรื่องรออะไรทั้งสิ้น

    ผู้สื่อข่าวถามว่า ตร.ระบุมีนายตำรวจ 15 ราย ถูกเสนอให้ถอดยศในวาระต้นปี 2552 รวมถึงพ.ต.ท.ทักษิณด้วย ต้องพิจารณาคราวเดียวกันหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ทำพร้อมกันหมด ตร.จะส่งเรื่องมาให้เป็นชุด หากนายตำรวจทั้ง 15 รายเข้าเกณฑ์ ต้องถูกเสนอให้ถอดยศหมด เมื่อตร.ส่งเรื่องมาถึงสลค.แล้วจะพิจารณาเหตุผลและข้อกฎหมาย ถ้าดำเนินการอย่างถูกต้องจะเสนอนายกฯ ไม่ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงแล้ว ถือว่าตร.กลั่นกรองข้อเท็จจริงมาอย่างดี

    "ตั้งแต่เดือนม.ค.52 มีการถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชฯของข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ผู้พิพากษาประมาณ 20 ราย ยืนยันว่ากระบวนการทั้งหมดไม่ใช่อำนาจของสลค. หรือตร. การเรียกคืนเครื่องราชฯถือเป็นพระราชอำนาจ สลค.เพียงแต่ถวายความเห็นประกอบพระบรมราชวินิจฉัย เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชฯและถอดยศ สลค.จะนำเรื่องประกาศลงราชกิจจานุเบกษาต่อไป ถือเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ" นายสมชายกล่าว

    "แม้ว"ทวีตถึงรัฐบาล"ทำไมเด็กจัง"

    วันเดียวกันพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ข้อความในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ทักษิณไลฟ์ ขอบคุณแฟนคลับที่แสดงความยินดีโอกาสที่รัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ พร้อมกับระบุว่านายฮุนเซนส่งสำเนาที่กษัตริย์สีหมุนีโปรดเกล้าฯแต่งตั้งมาให้แล้ว แต่คงไม่สนุกเหมือนช่วยคนไทยให้หายจน ตอนนี้ก็เป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลประเทศอื่นอยู่แล้วถือเป็นการลับสมอง

    นอกจากนี้ตลอดทั้งวัน พ.ต.ท.ทักษิณโพสต์ข้อความเป็นระยะๆ อาทิ "ได้ข่าวว่ารัฐบาลจะเรียกทูตกลับ คงพูดได้คำเดียวครับว่าทำไมเด็กจัง over react ไป?" และ "ตอนนี้ sms ผมถูกรัฐบาลสกัดห้ามออก มันกลัวไปทุกเรื่อง ปิดข่าว บิดเบือนข่าวทุกอย่าง แต่เที่ยวไปบอกต่างประเทศว่าเป็นประชาธิปไตย"

    (อ่านรายละเอียดหน้า 3)

    ราชทัณฑ์โต้ดองฎีกาแดง

    นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการตรวจสอบฎีกาของกลุ่มเสื้อแดงว่า กรมราชทัณฑ์ระดมเจ้าหน้าที่ทั้งจากกรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่อื่นๆ มาตรวจสอบ คัดแยกและบันทึกข้อมูลฎีกากลุ่มเสื้อแดง โดยให้แยกเป็นรายฉบับ และกำชับให้เร่งดำเนินการทั้งในและนอกเวลาราชการ แต่เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากเป็นล้านฉบับ ต้องใช้เวลาตรวจสอบ ขั้นตอนการตรวจสอบและคัดแยกเบื้องต้น เป็นเพียงขั้นตอนที่ 1 ซึ่งแต่ละวันสามารถบันทึกข้อมูลฎีกาได้ 10,000 ฉบับ จึงยังระบุไม่ได้ว่าขั้นตอนนี้จะเสร็จเมื่อใด

    นายชาติชายกล่าวอีกว่า ระหว่างนี้จะตรวจสอบสถานะผู้ยื่นถวายฎีกาแต่ละฉบับควบคู่ด้วยว่า มีความเกี่ยวพันเป็นญาติใกล้ชิดตามกฎหมายกับผู้ที่ขอรับการพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ หรือความสัมพันธ์กันในเชิงใด มีรายชื่อใดเข้าข่ายตามกฎหมายบ้าง แต่เบื้องต้นพบว่าทุกฉบับที่ยื่นถวายฎีกามีลักษณะเดียวกับฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ส่วนรูปแบบและเนื้อหาจะถูกต้องหรือไม่ ยังต้องพิจารณา 3 ประเด็น คือ ความถูกต้องของเนื้อหาฎีกาที่ยื่นถวาย ความเกี่ยวข้องของผู้ยื่นถวายฎีกากับตัวผู้ขอพระราชทานอภัยโทษ และประเด็นการตีความกฎหมายที่ระบุให้ผู้ขอพระราชทานอภัยโทษต้องเป็นผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้อง จึงอยากฝากกลุ่มเสื้อแดงว่ากรมราชทัณฑ์ไม่ได้นิ่งนอนใจ และเร่งตรวจสอบฎีกาทั้งหมด เพื่อรายงานต่อกระทรวงยุติธรรม

    "ปู่ชัย"ส.ส.วอล์กเอาต์เรื่องปกติ

    วันเดียวกัน นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีส.ส.พรรคเพื่อไทยวอล์กเอาต์จากห้องประชุมสภาระหว่างพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ศ..... ว่า ฝ่ายค้านต้องทำเช่นนี้ อย่าถือสา สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็เคยวอล์กเอาต์เช่นกัน อย่าคิดมาก อย่างนี้เขาเรียกว่าการเมือง ส่วนการตรวจสอบเรื่องเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันนั้น ตนทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนมา มีแต่พูดในสภาเพื่อหาเสียงเท่านั้น เรื่องนี้เมื่อตรวจสอบพบว่าผิดก็ต้องว่าไปตามผิด รวมทั้งสื่อด้วยถ้ารู้ว่าใครเสียบบัตรแทนกันก็นำเสนอข่าวเลย การเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนก็ต้องพิจารณาส.ส. เหล่านี้ด้วย

    นายชัยกล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 10 พ.ย. เพื่อพิจารณากรอบการหารือคณะกรรมาธิการร่วมชายแดนไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ว่า ต้องเป็นไปตามขั้นตอน เนื่องจากมี 20 กว่าเรื่องที่ต้องดำเนินการ โดยเฉพาะมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้พิจารณาเสร็จใน 60 วัน เบื้องต้นกำหนดการประชุมไว้ที่ 4 วัน หากการพิจารณาเรื่องนี้นายกฯ ไม่ขัดข้อง คงตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 2 สภาดำเนินการต่อไป

    วิปถก"เทือก"ช่วยระดมเสียง

    นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ตนประสานนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ช่วยประสานแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากสัปดาห์หน้าจะประชุมร่วมรัฐสภา รัฐบาลต้องใช้เสียงถึง 312 เสียง หากฝ่ายค้านไม่ร่วมมือ ต้องอาศัยเสียงส.ว. จึงต้องขอความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาลและส.ว. เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ส่วนส.ส.ที่ไม่ได้แจ้งลาประชุม ต้องมีความรับผิดชอบ

    นายชินวรณ์กล่าวถึงกรณีส.ว.บางส่วนยื่นหนังสือถึงประธานวุฒิเพื่อขอให้ส.ว.ถอนตัวจากการร่วมแก้รัฐธรรมนูญกับรัฐบาลว่า ยังไม่ทราบ แต่คณะทำงานฝ่ายกฎหมายจะยกร่าง 6 ประเด็นเสร็จสัปดาห์หน้า จากนั้นตนจะเชิญวิป 3 ฝ่ายมาพิจารณาเพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าและหาความเห็นพ้องต้องกัน จึงไม่เชื่อว่ากระบวนการแก้รัฐธรรมนูญจะเดินหน้าไม่ได้

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารของ วิปรัฐบาลที่ตรวจสอบองค์ประชุมของส.ส.ฝ่ายรัฐบาลในการประชุมสภาเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ช่วงเวลา 19.16 น.นั้น ปรากฏว่า มีสมาชิกแสดงตน 234 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุมที่กึ่งหนึ่งจำนวน 237 คน อย่างไรก็ตามมีบางส่วนที่อยู่ในสภา แต่บัตรขัดข้องได้แก่ น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ ส.ส.สัดส่วน นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา ส.ส.จันทบุรี นายอนุชา บูรพชัยศรี ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และนายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย

    เปิดชื่อส.ส.ขาดประชุมทำสภาล่ม

    ส่วนผู้ที่ไม่เข้าประชุม แยกเป็นพรรคประชาธิปัตย์ 10 คน ได้แก่ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังและส.ส.กทม. นายเกียรติกร พาก เพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ นายทิวา เงินยวง ส.ส. กทม. นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ส.ส. สัดส่วน นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน พ.อ.วินัย สมพงษ์ ส.ส.สัดส่วน นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ส.ส.ตรัง

    พรรคภูมิใจไทย 6 คน ได้แก่ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ส.ส.นครราชสีมา นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม ส.ส.ขอนแก่น นางพรทิวา นาคาศัย รมว. พาณิชย์ ส.ส.ชัยนาท นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข ส.ส.ราชบุรี นายวิเชียร อุดมศักดิ์ ส.ส.อำนาจเจริญ นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม

    พรรคชาติไทยพัฒนา 7 คน ได้แก่ นายนพดล มาตรศรี ส.ส.สุพรรณบุรี นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ นางปารีณา ไกรคุปต์ ปาจรียางกูร ส.ส.ราชบุรี นายวิจิตร พรพฤฒิพันธุ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร นายอัศวิน วิภูศิริ ส.ส. สัดส่วน นายอารยะ ชุมดวง ส.ส.สุโขทัย

    พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 4 คน ได้แก่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.สัดส่วน นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา นางวรศุลี สุวรรณปริสุทธิ์ ส.ส.มุกดาหาร นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ ส.ส.นครราชสีมา

    พรรคเพื่อแผ่นดิน 12 คน ได้แก่ ม.ร.ว.กิติวัฒนา ไชยันต์ ส.ส.สัดส่วน นายไชยยศ จิรเมธากร ส.ส.อุดรธานี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน นายพลพีร์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชสีมา นางมลิวัลย์ ธัญญสกุลกิจ ส.ส.สุรินทร์ นายมานพ ปัตนวงศ์ ส.ส.สัดส่วน ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที ส.ส.นครราชสีมา น.พ.วัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.สัดส่วน น.พ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส. นราธิวาส นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ ส.ส.นครราชสีมา ส่วนพรรคกิจสังคม เข้าประชุมครบ

    ส.ว.แถลงถอนตัวไม่ร่วมแก้รธน.

    พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 วุฒิสภา พร้อมด้วยกรรมาธิการ แถลงผลการพิจารณาศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ พ.ท.กมลกล่าวว่า ช่วงแรกองค์ประกอบของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยตัวแทน 3 ฝ่าย แต่ขณะนี้ฝ่ายค้านถอนตัวออกไป จึงเหลือเพียงฝ่ายรัฐบาลและวุฒิสภา คณะกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าวุฒิสภาไม่ควรมีส่วนร่วมแก้รัฐธรรมนูญ

    นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา เลขานุการคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญทั้ง 6 ประเด็นมีพื้นฐานมาจากข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ นำไปสู่การยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นต้องไม่ลืมว่าการดำเนินการดังกล่าวต้องนำไปสู่การสร้างความสมานฉันท์ในชาติ เมื่อฝ่ายค้านถอนตัว ที่อ้างว่านำไปสู่การสมานฉันท์จึงทำไม่ได้ คณะกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่จึงเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญต่อไป และยังเห็นตรงกันว่าตัวแทนของวุฒิสภา 2 คนที่ไปร่วมกับรัฐบาล ไม่ใช่ตัวแทนของส.ว. ทั้งหมด ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสามัญ 22 คณะ ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโควตาวิปวุฒิของแต่ละคณะกรรมาธิการ ดังนั้น จึงไม่สมควรอ้างเป็นตัวแทนของวิปวุฒิอีก คณะกรรมาธิการจะทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เพื่อให้วุฒิสภาถอนตัวจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนส.ว.ท่านใดจะสนับสนุน ถือเป็นส่วนตัว

    พท.ยื่นกกต.สอบเงินปชป.ไม่ชอบ

    วันเดียวกัน ที่สำนักงานกกต. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือคัดค้านกระบวนการสืบสวนสอบสวนของคณะอนุกรรมการกกต. กรณีสำนวนเงินบริจาค 258 ล้านบาท ที่กล่าวหาว่า บริษัท ทีพีไอ โพลีน บริจาคให้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ และกรณีเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรค การเมือง 29 ล้านบาท ที่อาจใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การยื่นคำร้องครั้งนี้ เพราะการสอบสวนในชั้นอนุกรรมการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตัดพยานปากสำคัญ คือ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน เกรงว่าจะส่งผลต่อรูปคดี เป็นประโยชน์ต่อพรรคประชาธิปัตย์เมื่อเรื่องส่งถึงชั้นศาลรัฐธรรมนูญ เพราะสำนวนมีข้อบกพร่อง ขณะนี้อนุกรรมการสรุปสำนวนดังกล่าวส่งให้กกต.ชุดใหญ่เพื่อเตรียมวินิจฉัยแล้วในวันที่ 10 พ.ย. ยังขอให้กกต.แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายประชัยโดยด่วน เพราะไม่มาให้ถ้อยคำหลังมีหนังสือเรียกหลายครั้ง

    "คดีนี้เป็นคดีใหญ่หากใช้มาตรฐานเดียวกับกรณียุบ 4 พรรค พรรคประชาธิปัตย์น่าจะโดนด้วย ไม่ควรตัดนายประชัยออกเพราะจะทำให้สำนวนอ่อน กกต.ควรนำตัวนายประชัยมาชี้แจงก่อน ไม่ควรตัดออก หรือไม่ก็ใช้กฎหมายเล่นงานนายประชัยแม้จะมีโทษน้อยก็ควรทำ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผมจะร้องกกต.เช่นกัน" นายพร้อมพงศ์กล่าว

    "หมอแว"ถาม"มาร์ค"นครปัตตานี

    ส่วนที่รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎรประชุมพิจารณากระทู้ถามสดเรื่องการกระจายอำนาจบริหารโดยการจัดตั้งนครปัตตานีของน.พ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน สอบถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ โดยน.พ.แวมาฮาดีกล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศนำเสนอข่าวว่า ระหว่างประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน นายกฯ ของไทยเห็นด้วยกับแนวคิดตั้งเขตปกครองตนเอง (Autonomy) เพื่อแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สอดคล้องคำให้สัมภาษณ์ของนายนาจีฟ ราซัค นายกฯมาเลเซีย ต่อมา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ เสนอนครปัตตานีทำให้สับสนว่ารัฐบาลไทยสนับสนุนการตั้งเขตปกครองพิเศษใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ เรื่องนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เมื่อรัฐบาลปรับปรุงการบริหารราชการแผ่นดินในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเลือกตั้งผู้ว่าฯ โดยตรงเหมือนกรุงเทพฯ หรือไม่

    นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ย้ำกับสื่อมวลชนหลายครั้งแล้วว่าจะมีปัญหาการตีความเมื่อเผยแพร่ Autonomy ไม่ได้หมายถึงโครงสร้างการบริหาร เป็นเพียงการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ให้ร่วมแก้ปัญหา ตนไม่ทราบแนวคิดพล.อ.ชวลิตว่ามีโครงสร้างการบริหารอย่างไร แต่นโยบายของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหานี้ต้องเป็นไปภายใต้รัฐธรรมนูญ ตอนนี้มีนโยบายการปรับปรุงระบบบริหารราชการแผ่นดินในพื้นที่ด้วยระบบกฎหมายผ่านการเสนอร่างพ.ร.บ.เพื่อยกฐานะของศอ.บต. เสนอสภาพิจารณาได้ในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่มีแนวคิดเลือกตั้งผู้ว่าฯ โดยตรง กรณี 3 จังหวัดภาคใต้เป็นคนละกรณีกับกรุงเทพฯ สำหรับการประชุมเอเปกที่สิงคโปร์จะหารือกับนายกฯมาเลเซียถึงการมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย เท่าที่หารือกับนายกฯมาเลเซียเมื่อครั้งประชุมผู้นำอาเซียน เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลไทยและถือว่าเป็นกิจการภายในของไทยที่จะไม่แทรกแซง แต่พร้อมร่วมมือ

    เขมรเรียกทูตกลับเช่นกัน

    สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง หลังจากรัฐบาลไทยแถลงเรียกตัวเอกอัครราชทูต ประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศ นายสก อัน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า ทางรัฐบาลกัมพูชาก็เรียกเอกอัครราชทูตของกัมพูชา ประจำกรุงเทพฯ กลับประเทศเช่นกัน เพื่อเป็นมาตรการตอบโต้ชั่วคราวจนกว่ารัฐบาลไทยจะส่งทูตมาประจำที่พนมเปญตามเดิม อย่างไรก็ตาม มาตรการเรียกทูตกลับประเทศดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการค้าระหว่างสองประเทศ หรือจะทำให้เพิ่มสถานการณ์ตึงเครียดตามแนวชายแดนแต่อย่างใด

    สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา เป็นประเด็นข่าวที่สำนักข่าวใหญ่ๆ ต่างนำเสนอ อาทิ เอพี เอเอฟพี รอยเตอร์ ซีเอ็นเอ็น บีบีซี ขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียนของอังกฤษ รายงานว่า การรับตำแหน่งที่ปรึกษานายฮุน เซน ของพ.ต.ท. ทักษิณถือเป็นการเขย่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาให้ตึงเครียดขึ้น หลังจากที่นายฮุน เซนเคยทำให้นายอภิสิทธิ์โกรธเคือง เมื่อปฏิเสธส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณให้รัฐบาลไทย กรณีเดินทางมาพำนักในกัมพูชา

    เตือนบึงบอระเพ็ด แหล่งเชื้อโรควัวบ้า



    นครสวรรค์ - นายสมบูรณ์ ศรีสุเทพ ปศุสัตว์จังหวัดนครสวรรค์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่รอบบึงบอระเพ็ด พบว่ามีการเลี้ยงโค-กระบือกันมาก และพบว่าโค-กระบือ มักมีอาการของโรคบางชนิด จึงขอฝากเตือนเกษตรกรระวังโรค 2 ชนิด คือ โรคทริพพาโนโซม เกิดจากแมลงพวกเหลือบเป็นพาหะ สัตว์จะมีอาการซีด มีไข้ ตาอักเสบ ขาแข็ง หลังแข็งคอบิด โลหิตจาง อาจตายอย่างเฉียบพลันได้ หรืออาจมีอาการทางประสาท เช่น เดิน ตื่นตระหนก กระโดด ดุร้าย ซึม เป็นอัมพาต แนะนำให้ใช้ยาเบรานิลฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และควรกำจัดแมลงพาหะด้วยการใช้ยาฆ่าแมลง

    นายสมบูรณ์กล่าวว่า อีกโรคคือโรคพยาธิใบไม้ในตับ เกิดจากหอยคันเป็นพาหะ สัตว์ จะมีอาการผอม ร่างกายอ่อนเพลีย ชอบนอน อุจจาระเหลว โรคพยาธิใบไม้ในกระเพาะ ท้องเสียอย่างรุนแรง การแก้ไขให้ใช้ยาพวกโทรเเด็กซ์หรือไบลีวอนเป็นยาฉีด และยาวาลบาเซ็นเป็นยากิน รวมถึงกำจัดหอยคันด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 056-221455 และ 056-222455

    "เคล็ดลับ" ท่องเน็ตปลอดภัย

    หมุนก่อนโลก

    วิทยา ผาสุก wittayapasuk@hotmail.com




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อัตราผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทยในปัจจุบัน คาดว่ามีอยู่ประมาณ 15 ล้านคน บวกลบจากนี้นิดหน่อย

    ทีนี้เมื่อ "โลกไซเบอร์" มีพลเมืองเข้าไปอยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น

    กลุ่มแก๊งมิจฉาชีพก็เลยสบช่อง ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการหา "เหยื่อ" เช่นกัน!

    เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อโจรไฮเทค บล็อกข่าวเทคโนโลยีออนไลน์ "SWITCHED" จึงตีพิมพ์บทความเขียนข้อแนะนำเบื้องต้นในการป้องกันตัวไว้ ว่า

    1. อย่าซื้อของจากเว็บไซต์ที่ไม่เป็นที่รู้จัก ไม่คุ้นเคย หรือแทบไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน

    2. อย่าหลงเชื่อข้อมูลต่างๆ จาก "อีเมล์ลูกโซ่" ซึ่งฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นจริง อาทิ "ด่วน คุณถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1!"

    3. เวลาใช้อีเมล์ อย่าเปิดหรือกดดาวน์โหลดไฟล์จากคนไม่รู้จัก เพื่อป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์

    4. อย่าคลิกดูโฆษณาขยะจำพวก "ป๊อปอัพ"

    5. อย่าใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะทำธุรกรรมการเงินอิเล็ก ทรอนิกส์

    6. เวลาไปใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตไร้สายในที่สาธารณะ ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์

    7. หัดลองใช้เบราเซอร์ หรือโปรแกรมท่องอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยดีๆ เช่น ไฟร์ฟ็อกซ์, โอเปร่า

    8. หมั่นอัพเดตโปรแกรมป้องกันไวรัส-หนอนคอมพิวเตอร์

    9. อย่าใช้ "รหัสลับ" เหมือนกันจนเปรอะไปทุกเว็บไซต์

    10. อย่าโพสต์ หรือเขียนข้อมูลส่วนตัวลงไปในเว็บไซต์ต่างๆ รวมถึงเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์

    11. เมื่อมีอีเมล์ส่งเข้ามาถึงอ้างว่า เว็บนั้นเว็บนี้มีการเปลี่ยนแปลง จึงอยากขอให้ช่วยส่งข้อมูลใหม่ไปให้ อย่ารีบร้อนกรอกข้อมูลส่วนตัวใดๆ ลงไป

    เพราะอาจติดกับกลลวงประเภท "ฟิชชิ่งสแคม" โดยไม่รู้ตัว

    ทางที่ดี เมื่อมีข้อสงสัยให้หาเบอร์โทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลจากเจ้าของเว็บไซต์นั้นๆ ให้ชัดเจนเสียก่อน!

    วิจัยพบ ปูตัวเมียใช้เซ็กซ์แลกค่าคุ้มครอง



    [​IMG]เมื่อ 4 พ.ย. สำนักข่าวเอเอพีรายงานว่า นักวิจัยจากคณะชีววิทยามหาวิทยาลัยออสเตรเลีย ค้นพบว่า ปูก้ามดาบเพศเมีย มีพฤติกรรมยอมจับคู่ผสมพันธุ์กับปูตัวอื่น เพื่อแลกเปลี่ยนกับความอยู่รอด ไม่ถูกทำร้ายรุกราน เนื่องจากร่างกายของปูตัวเมียและตัวผู้ต่างกันมาก ตัวเมียจะมีขนาดเล็กกว่าตัวผู้และไม่เหมาะกับการต่อสู้

    งานวิจัยชิ้นนี้เป็นผลงานของริชาร์ด มิลเนอร์ ศาสตรา จารย์ไมเคิล เจนเนียนส์ และดร.แพทริเซีย แบล็กเวลล์ พบว่า ปูก้ามดาบตัวเมียจะยอมแลกเซ็กซ์ด้วยเพื่อความอยู่รอด โดยจะเสนอตัวให้ปูตัวผู้ที่เป็นเพื่อนบ้าน เพื่อขอความคุ้มครอง ซึ่งเรื่องของขนาดตัวมีความสำคัญมาก ปูตัวเมียจะเลือกตัวผู้ที่มีขนาดใหญ่กว่าผู้รุกราน

    "ปูก้ามดาบ ทั้งตัวผู้และตัวเมียต่างต้องปกป้องอาณาเขตของตนเพราะหมายถึงการอยู่รอด ตัวผู้มีก้ามขนาดใหญ่เป็นอาวุธ และเมื่อเทียบกับร่างกายถือเป็นอาวุธที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งหลาย โดยปูตัวผู้ร้อยละ 95 จะปกป้องเพื่อนบ้านตัวเมีย หากผู้บุกรุกเป็นตัวผู้ แต่จะช่วยแค่ร้อยละ 15 เท่านั้นหากผู้บุกรุกเป็นตัวเมีย" ศ.เจนเนียนส์ กล่าว และว่า ต่างกับตัวเมียที่ไม่มีอาวุธ มีเพียงก้ามเล็กๆ ไว้หยิบกินอาหารเพียง 2 ก้าม

    ทั้งนี้ พฤติกรรมแลกเซ็กซ์กับรางวัลเช่นนี้ก็พบในสัตว์ชนิดอื่นด้วย เช่น นกเดินดงหัวปีกเพลิงตัวเมียจะจับคู่กับตัวผู้เพิ่มเพื่อแลกกับการได้หาอาหารในถิ่นของตัวผู้ตัวนั้น และเพนกวินแอดีลีที่ตัวเมียจะเอาตัวเข้าแลกกับหินหายากที่มีขนาดสูงซึ่งเหมาะจะใช้สร้างรัง

    http://www.komchadluek.net/detail/20091103/35388/จุดจบของโลกจะมาถึงกับ2012...วันสิ้นโลก.html

    จุดจบของโลกจะมาถึง กับ "2012...วันสิ้นโลก"

    คมชัดลึก :"2012...วันสิ้นโลก" คือผลงานการกำกับการแสดงของ โรแลนด์ เอ็มเมอริค ที่ครั้งนี้ผู้กำกับมือทองจะกลับมาพร้อมกับความยิ่งใหญ่ ด้วยฉากอลังการงานสร้างที่ดูเหมือนเหตุการณ์จริง เทคนิคพิเศษในการถ่ายทำ (ซีจี) โดยมีพระเอกดังฝีมือคุณภาพอย่าง จอนห์ คูแซก มารับบทนักแสดงนำ ประกบนางเอกสาว อแมนด้า พีท หนังเล่าถึงความหายนะครั้งใหญ่ของโลก เริ่มต้นที่ทิเบต เมื่อคลื่นยักษ์เข้ากลืนกินเทือกเขาที่สูงที่สุดในโลก และในทุกๆ ประเทศทั่วโลก ประชากรกว่าหกพันล้านคน จะรอดพ้นจากชะตากรรมที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้ได้หรือไม่ รัฐบาลของทุกๆ ประเทศจะช่วยประชาชนของพวกเขาอย่างไร?
    ไอเดียสำหรับ 2012 เกิดขึ้นจากความคิดของมือเขียนบท/ผู้อำนวยการสร้าง/คอมโพสเซอร์ฮารัลด์ โคลเซอร์ ซึ่งเป็นคู่หูเขียนบทของโรแลนด์ เอ็มเมอริค “ทุกอารยธรรมบนโลกนี้ มีตำนานเกี่ยวกับน้ำท่วมโลก มีอะไรบางอย่างผิดพลาดไป สังคมเสื่อมทราม และโลกก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง โดยมีบางคนที่ได้รับโอกาสครั้งที่สอง ที่จะเริ่มต้นวัฒนธรรมใหม่ สังคมใหม่ อารยธรรมใหม่น่ะครับ คุณจะพบผู้คนหลายล้านคน จากทั่วทุกมุมโลก ที่เชื่อว่าในปี 2012 จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในสังคมหรือจิตวิญญาณครับ” โคลเซอร์เล่า
    ถ้าจุดจบของโลกกำลังจะมาเยือนเราจริง คุณจะทำอะไร? ...พบคำตอบพร้อมกันได้ 12 พฤศจิกายน นี้ ทุกโรงภาพยนตร์
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2009
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    มนุษย์ใต้พิภพ"ไดโนแมน"

    [​IMG]


    นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบเจอมนุษย์ประหลาดตัวหนึ่ง ในบริเวณที่ตกสำรวจในเทือกเขา เป็นเพศชาย อายุ 18 ปี โดยตอนพบกันครั้งแรก มนุษย์ประหลาดพยายามต่อสู้ แต่นักสำรวจได้ใช้ลูกดอกอาบยาสลบยิงจนสามารถจับได้

    จากการสำรวจพบว่ามันเป็นมนุษย์ที่พึลึกกึกกือ มีส่วนสูง 5 ฟุต 4 นิ้ว ส่วนหัวหน้าเหมือนไดโนเสาร์มีครีบใต้คางเหมือนกิ้งก่า ตากลมโตเหมือนมนุษย์ต่างดาว ผิวหนังเป็นเกล็ดสีเขียวอมเทา แขนขายาวเก้งก้าง มือแต่ละข้างมี 3 นิ้ว ส่วนเท้ามี 5 นิ้ว ทั้งมือและเท้ามีพังผืดยึดติดไว้คล้ายเท้าเป็ด

    มนุษย์คือตัวอะไรกันแน่ ?

    นักมนุษยวิทยาอเมริกันได้ขอตัวมนุษย์ประหลาดนี้นำไป วิจัยที่ศูนย์วิจัยลับแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของมลรัฐมิชิแกน พร้อมกับตั้งชื่อโครงการวิจัยนี้ว่า “โครงการวิจัยสิ่งมีชีวิตกึ่งคนกึ่งไดโนเสาร์” มันถูกนำเข้าห้องพักที่มีลูกกรงเหล็กรายล้อมรอบ มีโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาพฤติกรรมได้ตลอดเวลา

    ผลจากการวิจัย ในระยะแรกมนุษย์ประหลาดไม่ยอมกินอะไร ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน เอาแต่เดินงุ่มง่านภายในที่พักต่อมาเมื่อมันคุ้นเคย เจ้าสิ่งนั้นเริ่มพูดภาษาคนได้ มันเรียกเผ่าตัวเองว่า“พีซะห์” หมายถึงสิ่งสะเทิ้นบกสะเทิ้นน้ำ อยู่ได้ทั้งที่มืดและที่สว่าง แต่นักวิทยาศาสตร์และนักมนุษย์วิทยาศึกษาเจาะลึกมากกว่านั้น เบื้องต้นว่าพวกเขาตั้งสันนิษฐานไว้เป็นข้อๆ ดังนี้

    1.ถิ่นกำเนิด อาศัยของมนุษย์ประหลาดนี้น่ามาจากใต้พิภพโลก เพราะมันมีนัยน์ตากลมโต บ่งบอกว่ามันต้อง เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องอาศัยที่มืดมิด จึงต้องมีม่านตาขยายใหญ่หมือนกับตาของนกฮูกและแมว

    2.น่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวมาอาศัยบนโลกเมื่อหมื่นปีมาแล้ว แต่ต้องลงจอดใต้พิภพ เพราะบนโลกสว่างมาก

    3.อาจเป็นสิ่งมีชีวิตบนโลกเรามาก่อน เพราะจากการทดสอบมันสามารถอยู่ใต้น้ำนานถึง 3 ชั่วโมง ถึงโผล่มาหายใจเหนือผิวน้ำครั้งหนึ่ง ซึ่งมีรูปแบบคล้าย จระเข้ กบ เขียด เป็นต้น

    4.มันน่าจะมีวิวัฒนาการจากไดโนเสาร์มาเป็นมนุษย์

    นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามสอนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของ ชาวโลกให้กับมนุษย์ประหลาดตัวนั้น ทำให้มันตอบสนองได้ในหลายประการ เช่น

    -สามารถเรียนรู้ภาษาของชาวโลกได้ 2 ภาษา คือภาษาอังกฤษและสเปน(ไม่มีภาษาไทย) แต่เป็นแค่การเรียนรู้แบบเด็กหัดเดิน

    -เป็นนักฟังที่ดี แต่มีการแสดงออกน้อยนิด ไม่ค่อยตอบสนองต่อความก้าวร้าว และมีความเมตตา ชอบออกกำลังกายตลอดเวลา ไม่อยู่นิ่งๆ

    -วัดไอคิวอยู่ที่ 80-85 น้อยกว่าของมนุษย์โลก แต่มากกว่าของสัตว์ ตรงนี้ทำให้เชื่อว่ามันน่าอยู่ระหว่างรอยต่อของความเป็นไดโนเสาร์กับมนุษย์ มันชอบกินอาหารประเทศสัตว์ขนาดเล็ก เช่น งู หนอน หนู และพวกพืชก็รากไม้สดๆ

    -มันส่งเสียงประหลาดๆ ออกมาได้ 4 ระดับเสียง คือเสียงหวีดร้อง คำราม ตะโกน เสียงที่เปร่งอยู่ระดับ 125 เดซิเบล คาดว่าพวกมันน่าจะสื่อสารทางเสียงมากกว่าภาษาและท่าทาง

    -และนักวิจัยนี้ได้เรียกมันว่า “ไดโนแมน”

    น่าเสียดายนักที่โครงการวิจัยนี้เป็นความลับสุดยอด(ยังอุตสาห์ปล่อยออกสู่ภายนอกอีกนะ) เราทราบเรื่องของมันเล็กน้อยจากนักวิทยาศาสตร์ที่เปิดปากให้ฟังเท่านั้นเอง

    ที่มา http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=19763
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lacerta_1.jpg
      lacerta_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.3 KB
      เปิดดู:
      2,185
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เรียนเพื่อนๆ สมาชิกเว็บพลังจิตทุกๆ ท่าน

    เรื่องภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวเป็นอย่างมาก มีทั้งมนุษย์ต่างดาวฝ่ายดีที่มีจิตเมตตา ต้องการมาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และมีทั้งมนุษย์ต่างดาวที่ไม่ประสงค์ดีกับเพื่อนมนุษย์ ต้องการมาตักตวงทรัพยากรจากโลกนี้ ไปใช้ประโยชน์ในดวงดาวของตนเอง

    ถ้าผมจะปิดบังเรื่องของมนุษย์ต่างดาวนี้เอาไว้ ด้วยกลัวว่าจะทำให้คนอื่นมองเห็นผมเป็นพวกคนเพี้ยน เป็นพวกสติเฟื่อง ชอบจินตนาการในเรื่องต่างๆ ไปเองแล้วละก็ ผมคงไม่อดทนต่อคำนินทาว่าร้ายต่างๆ นาๆ มาได้นานถึงขนาดนี้ แต่ที่อดทนมาได้ถึงขนาดนี้ ก็เพราะผมได้ตั้งใจแล้วว่าสิ่งใดที่ผมได้รู้ ได้ฟัง หรือได้เห็นในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ที่จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่มาอ่านในกระทู้นี้แล้ว ผมจะไม่ปิดบังอำพรางแต่อย่างใด ใครจะด่าจะว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา แต่คนที่เข้าใจในสิ่งที่ผมได้นำมาเสนอ ให้ได้อ่านกันก็ยังมีอยู่ไม่ใช่น้อย สังเกตุดูได้จากจำนวนคนที่คลิ๊กเข้ามาอ่านในกระทู้นี้นับเป็นล้านครั้ง

    ถ้าท่านใดไม่ชอบใจในสิ่งที่ผมได้นำมาเสนอให้ได้อ่านกันนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามาอ่านในกระทู้นี้ก็ได้ครับ เพราะไม่ได้มีใครไปบังคับท่านแต่อย่างใด หรือถ้าท่านต้องการจะนำเสนอเรื่องที่ตัวเองสนใจพอใจ ก็สามารถไปตั้งกระทู้ของตัวท่านเองได้เสมอ ไม่ได้มีใครไปกีดกันสิทธิของท่านแต่อย่างใดเช่นกัน ผมพอใจจะเสนอเรื่องใด ผมก็จะนำเสนอเรื่องนั้นไป ถ้าคนที่เข้ามาอ่านเห็นว่าไม่มีสาระ ไม่เป็นประโยชน์อะไรกับตัวเขา ก็จะเลิกสนใจในกระทู้นี้ไปเอง แต่ถ้ายังมีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมากอยู่เช่นนี้ ผมก็จะยังนำเสนอในแนวทางของผมต่อไปครับ และขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ได้คอยให้กำลังใจกับตัวผมเสมอมาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2009
  19. tamm16

    tamm16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +466
    เรื่องมนุษย์ ต่างดาวนี่ผมเชื่อ 100% ว่ามีแน่นอนครับ แต่จะมาดีมาร้า่ยอันนี้คงไม่รู้ แต่รู้ว่ามีทั้งดีและร้ายแน่นอน
     
  20. Premsuda (May)

    Premsuda (May) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +646
    พี่เกษม เป็นผู้รอบรู้ในหลายๆสาขาวิชา และข้อมูลเหล่านั้นล้วนอ้างอิงได้ มีที่มาที่ไป
    น่าเชื่อถือค่ะ เมย์เชื่อข้อมูลของพี่เกษม 100 % ค่ะ

    เป็นธรรมดาของคนที่ยังรู้ไม่จริง เมื่อมีคนนำสิ่งที่ตนเองไม่รู้มาโพสต์ ผู้นั้นก็มักสรุป
    ไปเลยว่าไม่มีจริง ทั้งๆที่ตนเองนั้น รู้ไม่จริง มากกว่านะคะ


    ในจักวาลนี้ มีอะไรที่มนุษย์ยังไม่รู้อีกมากมาย โลกมนุษย์และมนุษย์ ก็แค่ผงธุรีเท่านั้นเองนะคะ
    อย่าคิดว่าตนเองจะต้องรู้ไปทุกเรื่อง อะไรที่เกินความสามารถของมนุษย์ที่จะรู้ ยังมีอีกมากมายค่ะ

    อนุโมทนาค่ะ ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...