ข้อคิดเห็นเรื่องจิต

ประมาทในธรรมทั้งนั้น การเห็นว่าง่ายหรือการเห็นว่ายาก ไม่น่าจะเกิดกับผู้มีธรรม ที่มีการอธิบายอย่างเกินตัวอย่างมากมาย เพราะเรื่องที่ผมพูดหากจะบอกว่าผิดก็ว่ามาเถอะครับ แต่การจะบอกว่าเกินตัวเกินฐานะ ท่านคิดว่า เอาสิ่งใดมาวัดได้บ้าง นอกจากการคิดเองเออเอาเองของท่านทั้งหลาย แม้แต่คำว่า อย่าส่งจิตออกนอก ท่านตอบได้ไหมว่า ที่ว่าอย่าส่งจิตออกนอกนั้น คำว่า นอกนั้นหมายถึง นอกจากสิ่งใด นอกจากอะไร หากนอกที่ว่านั่น เป็นนอกตามจินตนาการตามการสมมุติของเหล่าท่านผู้ปฏิบัติมาแบบที่ท่านเป็น ผมก็เชื่อว่าการที่ท่านมากล่าว เรื่องเหล่านี้ทั้งยังระบุไม่ได้ว่า สิ่งไหนคืออะไร ผิดยังไม่ยอมกลับคิดว่าตนรู้ชัดหมดทุกเรื่อง และถ้าอย่างนั้นถึงผมจะไม่มีภูมิถึงระดับพระอรหันต์อย่างเรื่องคำว่า สอุปาทิเสสะนิพพาน ผมก็ยังเห็นเป็นเรื่องเดียวและสิ่งเดียวได้ เรื่องจิตก็เช่นกัน ผมยังเห็นเป็นสิ่งเดียวและหลายสิ่งได้ และโดยเฉพาะว่าหากจะบอกว่าคนนั้นคนนี้มีธรรมควรแก่ธรรมแล้วด้วยการชี้ว่าผู้นั้นผู้นี้เป็นเช่นนั้นเป็นเช่นนี้ ก็จะเป็นการกลืนน้ำลายตนเอง เพราะตนเองตัวท่านเองก็เคยว่าคนอื่นว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ และหากคุณคิดว่าการรักษาพระธรรมคำสั่งสอนโดยการที่คุณบอกว่า เธอทั้งหลายต้องทำอย่างฉันเป็นอย่างฉันเท่านั้นนะจึงเรียกว่าถูกต้องตามธรรม โดยไม่มีข้อคิดพิจารณา หากพวกคุณเห็นว่านั่นคือการรักษาพระธรรมแล้ว ผมเคยบอกแล้วว่า วิธีการของพวกคุณจะยิ่งทำให้พระธรรมและคำสอนนั้นด้อยค่า เพราะคิดว่ามันง่าย แต่จริงๆ การที่บอกว่าง่ายหรือยากนั้น มันก็คือกิเลสจอมปลอมดีๆนี่เอง อย่าผิดหวังเลยครับว่าผมยังปกติสุขดีเสมอ ไม่ว่าจิตคุณจะมีอกุศลต่อผมเช่นไร ผมก็มีจิตเป็นกุศล และเป็นกุศลพอที่จะชักชวนให้ทุกคนหันมาพินิจพิจารณาธรรม ด้วยตนเองไม่ใช่ตามคำพูดหรือตามตำราจำเอามาแล้วไม่พิจารณา เพราะผมถือว่าวิธีนี้จะเป็นทางที่พระศาสนาจะยังอยูในจิตในใจได้จริง เพราะได้พินิจพิจารณาด้วยตนเองเท่านั้น และเหตุผลที่ผมก็ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่คุณพูดก็เพราะเรื่องเดียว คือเรื่องการอุปโหลกตน อันเป็นเรื่องที่ไม่ควรมีเลยสำหรับผู้ปฏิบัติตามพระธรรมและพระวินัย แม้จะเป็นจริงก็ไม่ควรกล่าวด้วยความถือตนด้วยมานะทิฐิ หรือกล่าววาจาใดให้ผู้อื่นเห็นว่าตนนั้นเหนือกว่าใคร อันเป็นสิ่งไม่ควร ทุกวันนี้ผมชักไม่แน่ใจในลักษณะอาการของคุณเข้าทุกวันแล้วว่า แท้ที่จริงแล้วคุณเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่กันแน่ เพราะอาการต่างๆของคุณมันไม่ได้ต่างกับเด็กธรรมดาๆคนหนึ่งเลย ที่เมื่อไม่พอใจใครก็จะหาช่องทางกล่าวให้เขาหรือใครที่คุณไม่ชอบดูแย่ลง ซึ่งก็ไม่น่าจะมีได้สำหรับผู้มีอายุหรือผู้ปฏิบัติธรรม
เอาแค่นี้แล้วกันเพราะสิ่งที่ผมมอง ผมก็มองมานาน แต่อย่าคิดว่าผมไปเอาใจหรือเอาจิตไปดูคนอื่นเลย เพราะบางอย่างไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นดูลักษณะอาการเอาก็น่าจะพอรู้ได้ครับ
เมื่อคุณเห็นข้อเสียของผม ผมก็เห็นข้อเสียของคุณ คุณจะยอมรับหรือไม่ก็สุดแล้วแต่คุณครับ หากเป็นการกล่าวเพื่อแนะนำตักเตือนระหว่างคุณกับผม ผมก็ขอน้อมรับด้วยความยินดีครับ เพราะถึงอย่างไรการจะไปในที่ไหนในแต่ละภพชาตินั้นอาศัยตนเอง จิตใจตนเองว่า ทำไปเพราะอกุศลหรือกุศล เพราะยังไงๆผมก็เชื่อว่า พระพุทธเจ้ามีจริง พระอรหันต์มีจริง พระอริยะสงฆ์สาวกมีจริง โลกนี้โลกหน้าก็มีจริง ตามสิ่งที่ตนกระทำไว้ ตามกรรมและตามสมควร

 

สงสัยในธรรม แล้วเอาธรรมมาปฎิรูป ยังไม่พอ ยังจะมาสงสัย คนอื่นที่มีความเห็นไม่ตรงกับตัวเองเสียอีก ยังไม่พอ ยังจะไปปรุงเรื่องความเสื่อมของศาสน์มาอีก

มองแต่ออกมานอกตัว แล้วมันจะไปเห็นธรรมได้อย่างไร ลองย้อมมองที่ตัวเองซิ มันยังไง มันอยู่ด้วยความไม่รู้ พูดโดยความไม่รู้ ทำโดยความไม่รู้หรือเปล่า

ความสงสัยยังมาก ความสงสัยยังมี แทนที่จะขวนขวาย กลับทำอะไรแปลก ๆ

สัตว์ที่สิ้นสงสัยแล้ว มันไม่เหลืออะไรให้สงสัย อริยสัจจ์ สติฐาน การเวียนว่ายตายเกิด มันก็สิ้นสงสัย

รวมไปถึงทางโลก เรื่องโลกีย์ เรื่องคนอื่น มันก็ไม่สงสัย กล่าวคือ แม้ในเรื่องที่ไม่รู้ แต่เรื่องที่ไม่รู้นั้นมันก็จะไม่ใช่สาระ มันจะเกิด แต่มันไม่มีอะไรให้เกาะเกี่ยว มันก็สิ้นสงสัยไป โดยที่ความทุกข์ ความแคลงใจ ในสงสัยจะไม่เกิด ให้ลงเวทนาได้เลย

นั่นเป็นผลพลอยได้ ที่เป็นผล ...

ปล. ผมพอนะ กระทู้นี้ แสดงความเห็นแล้ว เอาธรรมมาส่งแล้ว ยังต้องไปค้นหาธรรม ที่เหมาะจะแก้ทิฐิมาให้ถึงที่อีก พอดีกว่า ขี้เกียจมาก

 

ขอสรุปก่อนเรื่องของเรื่องคือ ข้อคิดเห็นของผมคนเดียว เพียงแต่ออกสู่ภายนอกเพื่อให้ทุกคนได้พิจารณา ไม่ใช่เรื่องจะไปวิพากษ์วิจารณ์ใครเลย ซ้ำยังเน้นลงไปที่สิ่งที่พระอริยะสงฆ์สาวกทั้งหลาย สอนสั่งไว้เสียด้วยซ้ำ และไอ้การที่ผมไม่ใช่คำว่าจิตเดิมนั้น เพราะผมรู้ว่านั่นคือคำที่ได้จากพระไตรปิฏก แต่ความหมายจริง ซึ่งผมเข้าใจว่า แม้แต่หลวงปู่มั่นซึ่งเป็นครูบาอาจารย์สายกรรมฐาน หรือใครๆทั้งหลายหากพิจารณาถึงก็กระจ่างแจ้งเองอย่างแน่นอน บังเอิญผมก็ยังพิจารณาไม่ถึงหรอกครับ เพียงแต่ใจลึกๆ มันรู้สึกแย้งเท่านั้น ต่อคำว่าจิตเดิม หากให้ผมพิจารณา ผมก็เข้าใจว่า จิต เดิมนั้นปภัสสร แปลดีๆ ก็คือ จิต ปกตินั้นสดใสผุดผ่องดังพระจันทร์ หาใช่ความหมายว่า จิตดั้งเดิมมาแต่อดีตกาลนานไกลแต่อย่างใดเลย อันนี้ก็เป็นข้อคิดพิจารณาของผมเองเท่านั้น หาได้ไปวิพากษ์วิจารใครเลยหากจะบอกว่าขัดแย้งพระธรรมผมเองก็ไม่แน่ใจว่าแย้งอย่างไร เพราะหากเอาตามความเข้าใจผมเมื่อเดิมทีจิตก็ผ่องใสแล้ว เพียงมีกิเลสจรมาทำให้หมองหม่นไปแล้วทำไม ยังต้องมาเกิดอีก แสดงว่าแต่เดิมมันก็ไม่ได้ผ่องใสเลย มันหมองหม่นมานานแล้ว จึงต้องเกิดตายเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ
ทั้งหมดเป็นเพียงข้อคิดเห็นของผมเท่านั้นครับ ไม่ได้วิพากษ์วิจารย์ แต่นั่นก็ฟังแล้ววิเคราะห์พิจารณาจากคำสอนของหลวงปู่หลวงตาเหมือนกันแหละครับ แต่ประเด็นที่ผมกล่าวแสดงข้อคิดเห็นนั้นไม่ใช่เรื่องนี้เลย แท้ที่จริงคือเรื่อง จิตที่ต้องพิจารณาต่างหากว่าคือจิตไหน เกิดขึ้นที่ไหน ครับ

 

ไปฝึกให้มากๆเถอะครับ คุณจินนี่ ผมขี้เกียจคุยกับเด็กครับ เพราะคุยแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ถามผมทำไมครับว่าทำโดยไม่รู้หรือเปล่า แล้วคุณรู้อะไรแล้วบ้างครับ สิ่งที่คุณรู้แล้วกับสิ่งที่คุณยังไม่รู้ ที่สำคัญเลยผมไม่ได้ใช้วิปัสสนาญาณใดๆเลย เป็นเพียงข้อคิดข้อเสนอแนะเท่านั้น

 

คนปัญญาอ่อน แสดงให้เห็น จิตใจที่อ่อนหัด

 

ครับท่านคนปัญญาดี ดีโครตๆ เลย ตามสบายครับ

 

อนุโมทนาอีกครั้งครับ หลวงปู่กล่าวไว้ชัดเจนครับ

 

กิเลสบงการ อยู่บนหัว เหมือน กิเลสขี่ตนเป็นพาหนะให้กิเลสสนตะพาย

ไม่เคยสร้างประโยชน์ที่แท้จริง

ทุกการกระทำ มาจากกิเลสผลักดัน

เหตุผลทุกเหตุผล มาจากกิเลสเป็นต้นเหตุ ไม่ใช่ธรรมเป็นต้นเหตุ

จะเอาธรรมมาให้คนอื่น ก็แอบเสียดสี บุคคล
จะเอาธรรมมาให้คนอื่น ก็แอบสอดไส้ ขยะหรือกิเลสของตนเข้ามา
ใครเตือน ไม่พอใจ

นั่นแหละ

 

กิเลส สนตะพาย ดึงเชือกรั้ง
พอไม่ทำตาม กิเลสเอาแส้ตี

ให้ร้อง และ วิ่งไป ดัง ม้า หรือ ควายเทียมเกวียน

ยังจะอวดเก่ง

 

อันที่จริงผมก็อยากเห็นหน้าคุณนะครับ คนที่ชอบด่าว่าผู้อื่น หรือชอบคิดสิ่งไม่ดีกับผู้อื่น ผมเองก็อยากรู้จังว่ารูปกายภายนอกเขาจะเป็นเช่นไร หากว่าผิดไปจากธรรมนั้นได้แสดงว่าพระธรรมคลาดเคลื่อน อย่างไรก็ตามรูปจริงๆของผม ผมก็เคยเอามาให้ดูแล้ว ผมเองก็ชอบด่าว่าคนอื่นนะครับ แต่นั่นมันก่อนจะมาศึกษาธรรม พอศึกษาแล้วปฏิบัติแล้วพิจารณาแล้วย้อนไปย้อนมาในเรื่องเก่าๆ ในอดีตพบว่า ขาดเหตุขาดผลเสียส่วนมาก ว่าตรงๆก็คือ ไม่สมควรแก่เหตุ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ หากไม่ปฏิบัติจริงๆ จะไม่มีทางพิจารณาได้เลย เพราะหลงมัวเมาในกิเลส สันดานอันนอนเนื่องในจิต อย่างขาดสติพิจารณา ปัจจุบันนี้ดีขึ้นมาก เพราะรู้ว่าก่อนจะว่ากล่าวใครนั้น การจะว่าอะไรออกไปนั้น มันสมควรแก่เหตุหรือยัง เพราะคนที่มีเหตุผลน้อยล้วนแต่จะมีปัญหาทั้งในชีวิตและการงานตามมา ซึ่งผมก็เคยผ่านมาแล้ว จึงอยากจะบอกว่า ทิ้งๆมันไปเสียบ้างความไม่ดีทั้งหลาย เหตุผลนั้นมีมากๆแหละดี เพราะช่วยสร้างปัญญา เมื่อยังหาเหตุผลไม่ได้ก็อย่าพึ่งด่วนสรุป นี่แหละครับธรรม ผลแห่งธรรมะ ที่ขัดเกลาจิตใจ ทำให้โลกสังคมมนุษย์ มีแต่ความผาสุก คำสอนที่พระศาสดาสอนไว้เพื่อให้มนุษย์ได้นำมาใช้พิจารณาแก้ไขตน ไม่ใช่ยิ่งเพิ่มพูนมัน เป็นธรรมที่นำมาซึ่งความสงบสุขละคลายจากกิเลสตัณหาได้จริง ที่พูดๆนี่ก็คนมีกิเลสพูดแหละครับ แต่ว่าคนเราเมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วจะต้องหาทางแก้ไขให้ได้ด้วยตนเอง ทำได้เพียงแนะนำไป ครั้นจะไปว่ากล่าวเขาบ้า ปัญญาอ่อนหรืออื่นๆอีกมากที่จิตใจมนุษย์จะสรรหาได้ มันก็ยังไม่สมควรแก่เหตุอยู่ดีก็พิจารณาเอาว่า ธรรมที่ปฏิบัติมา นานแค่ไหนผมไม่รู้ด้วยสำหรับแต่ละท่าน มีแล้วมันช่วยให้จิตใจท่านดีขึ้นหรือแย่ลง หรือหากยังพิจารณาไม่ได้ว่าอย่างไหนดีอย่างไหนแย่ อันนี้ก็ต้องหมั่นสร้างสติ สร้างสมาธิ เพื่อไว้พิจารณาให้ได้ครับ

 

ผมจะบอกอะไรให้นะครับ ผมไม่ได้ไม่พอใจเขาหรอกครับ ผมเพียงถามความเห็นเขาเท่านั้น เพื่ออยากทราบบางอย่างว่า ความจริงใจในการจะตอบข้อคิดเห็นของคนๆนั้นมีเท่าไหร่กัน คนเมื่อมีสิ่งแอบแฝงเป็นอคติมาแต่เดิมแล้ว ย่อมจะเห็นว่าผู้อื่นเป็นเช่นเดียวกับตนเสมอ หากเขาเตือนและชี้ว่า ที่ผมเน้นว่า หลวงปู่ทั้งสองท่านเน้นลงที่จิตแบบนั้น แม้แต่หลวงปู่พุธ ก็เช่นกัน จึงเพียงอยากทราบสาเหตุที่คิดว่าเหมือนกันเท่านั้น เพราะตัวคุณเองก็เพียงใบลานเปล่าสำหรับผม ผมบอกไปแล้วว่า ผมหาอ่านและสอบถามหรือพิจารณาปฏิบัติเอาได้หากปฏิบัติมาแล้วเป็นเช่นคุณ มีจิตใจอกุศลเช่นคุณแล้ว ผมถือว่าคนเช่นนี้แหละบ่อนทำลาย ค้านพระธรรม เพราะพระธรรมกล่าวว่า ยิ่งฝึกปฏิบัติมาก ยิ่งทำให้กิเลสมานะทิฐิลดลง ความประณีตละเอียดอ่อนของจิตจะมีมากขึ้น ความเข้าใจในชีวิตของตนและผู้อื่นทั้งความคิดความอ่านจะมีมากขึ้น คุณเป็นแค่นกแก้วน้อยๆที่เจื้อยแจ้วได้ตรงตามที่ผมกล่าวมานี่แหละ แต่มันไม่ได้มีในตัวคุณเลย ลองพิจารณาดูเอาเองครับ ว่าจริงหรือไม่อย่างใด เพราะถ้าหากอยากจะสอนก็สอนแต่หากเพียงแค่อยากด่า ก็ทำไปเพราะกรรมมันเป็นของๆตนครับ

 

เหมือนคุยอยู่กับเด็กยังไงไม่รู้ ยิ่งคุยนานวันๆเข้า ถ้าอย่างไรขอเจอตัวหน่อยจะได้ไหมครับ อยู่ที่ไหน จังหวัดไหน ผมจะไปหาครับ ไม่ประสงค์จะบอกตรงๆก็บอกทาง PM ส่วนตัวก็ได้ครับ

 

เหตุผล ตามความต้องการของกิเลส

ว่า ควรจะต้องเป็น เช่นนั้น เช่นนี้

เพราะตนเองต้องการเช่นนั้น เป็น ตัณหาของตน เท่านั้น

ไม่มีธรรม มีแต่กิเลส

 

ขอเจอตัวเป็นๆหน่อยได้ไหม อยากเห็นจังว่าคนที่คิดแบบนี้หน้าตาเป็นยังไง ผมมีความสามารถจะไปหาคุณได้เสมอครับ ถ้าคุณอยู่ในประเทศไทย ยิ่งถ้ากรุงเทพยิ่งง่ายเลย เห็นสอนแต่ทางเวป สอนแบบนี้เรื่องสำคัญอย่างนี้ เป็นเรื่องของชีวิตของจิต ภพภูมิ อันเป็นเรื่องใหญ่มากต่อชีวิตสัตว์ทั้งหลายรวมทั้งตัวผมด้วย อยากเจอตัวจริงๆ เจอได้ไหมครับ หรือจะนัดให้เจอที่ไหนก็ได้ จะได้รู้ว่าอะไรคือกิเลสกันแน่ หากมีกิเลสเบาบางแล้วย่อมไม่กลัวต่อสิ่งใด ข้อนี้จริงไหมครับ ผมไม่ได้จะไปทำอะไรหรอกครับ แต่ผมเห็นว่าเรื่องนี้ก็สำคัญ เลยอยากที่จะได้พบเห็นตัวเป็นๆสักครั้งหนึ่ง ถ้ายินดีก็ช่วยบอกมาครับ แต่ถ้ากลัวก็ตามแล้วแต่สมควรครับ

 

คงต้อง ยกให้ คุณ kengkenny เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ในห้องนี้หน่อย

ขอตัว

 

ก็ขนาดพระพุทธเจ้าของเรา เรายังรู้เลยว่าท่านเคยเป็นใครมาก่อน แล้วไอ้เรื่องอย่างนี้จะทำไปลอยๆแบบไม่สงสารผู้อื่นนั้น สักแต่ว่าเชื่อเพราะโวหารนั้น เห็นเป็นของสนุกในการโต้ตอบคารมณ์ด้วยคำอันจะสรรหาได้นั้น มันดูไม่ยุติธรรมสำหรับผู้รับเลยครับ นั่นเพราะผมไม่ได้คิดว่าผมสอนใคร เพียงแต่แนะนำให้คนทั้งหลายได้พิจารณา แต่หากจะสอนกันจริงๆแล้วต้องรู้ตื้นลึกหนาบางกันพอสมควร อันนี้สมเหตุสมผลไหมครับ พระอริยะสงฆ์แต่ละองค์ก็เช่นกันสุดท้ายเราก็รู้ว่าท่านเคยเป็นใคร เป็นมายังไงจึงมาเป็นเช่นนี้ จึงมาเป็นพระอริยะสงฆ์องค์อรหันต์ให้เราได้กราบไหว้เป็นเนื้อนาบุญ ตัวคุณละครับผมจึงตัดสินใจเลยว่าจะต้องเจอตัวให้ได้สักครั้งหนึ่ง แล้วจะไม่มีการต่อความใดๆอีกเลยครับ

 

ก็ถ้ายังหาเหตุผลไม่ได้ ยังกลัวอยู่ กลัวแม้กระทั่งความจริงอยู่อย่างนี้แล้ว จะเอามาทำอะไรได้ ผมไม่ได้ต้องการความเกรงใจ แต่เรื่องนี้เรื่องใหญ่นักจะเห็นเป็นเรื่องเล่นๆไม่ได้ มันเป็นกรรมเป็นเวรนะครับ ที่อยากเห็นหน้าก้เพราะอยากเข้าใจความเป็นจริงของคุณเท่านั้นเองครับ เพราะหากคุณประสงค์จะสอนคนอื่นจริงๆผมจะอนุโมทนาด้วย แต่ขอเพียงได้เจอท่านก่อนเท่านั้น จะให้ผู้อื่นมาหลงคิดเอาตามโวหารนั้น ผมเห็นว่ายังไม่สมควรเท่านั้นเอง หากไม่มีเหตุผลแล้วเราก็ควรหยุดสนทนากันเท่านี้ครับ

 

เพราะคุณ ยังเด็ก เกินไป

คุณยังนึกไม่ถึง ภัย ที่จะตามมา ในการพบปะ พูดคุย นอกเว็บ

และ ไม่เกิดประโยชน์ที่จะเปิดเผยตน

อันแสดงให้เห็นมาตลอดว่า เมื่อไปพบเจอกัน เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามมามากมาย

ทั้ง เรื่องชู้สาว ทั้งเรื่องต่างๆ มากมาย

และ สุดท้าย จะกลายเป็น การคลุกคลีกับหมู่คณะ

ประเด็นต่างๆ เหตุผลต่างๆ มีอยู่ แต่คุณมันฉลาดไม่พอ ที่จะนึกถึงเหตุผลต่างๆที่เหมาะสม

 

อย่า แสดงความไม่ฉลาดออกมา ด้วยการท้าทาย การเจอตัว

ถ้าแน่จริง ให้เอาธรรมมาถก แต่อย่าหาเรื่อง ด้วยการออกมาในโลก นอกเว็บ

ชีวิตจริง ให้อยู่ให้สงบ

ไม่ใช่ ร้อนรน ในเว็บ จนกระจายไปสู่ชีวิตจริง

 

ก็ผมไม่ได้เป็นเด็กนี่ครับแล้วผมจะกลัวทำไมในเมื่ออย่างน้อยผมรู้ว่า คุณทำไปนั้นย่อมมีเหตุผลส่วนคุณ หรือคุณจะมากลืนนำลายตัวเองวันนี้ว่า คุณกลัวผม เอาง่ายๆ ผมถามว่าคุณคือใครกัน มีอะไรบ้างที่พอจะทำให้ผมเชื่อถือได้บ้าง นอกจากคำพูดเหล่านี้ หากการที่ผมจะไปพบคุณด้วยลักษณะแบบนี้แล้วคุณยังกลัว ผมบอกแล้วว่านัดมาหากคุณเอากิเลสมาพูดก็อย่าพูดเลย ผมพูดเพื่อให้คุณเห็นใจคนอื่น ทีนี้หากคุณอยากจะด่าว่าใคร หากคุณเห็นหน้ากันแล้วพูดคุยกันแล้วมันจะไม่เป็นเวรกรรม คุณยังจะอ้างเรื่องอย่างนี้ สิ่งที่ไม่ดีงามทั้งหลายมันควรมีไหมละ หากคิดอย่างนั้นก็ตามสมควร ที่ผมอยากเจอไม่ใช่เพราะผมเด็กหรือผู้ใหญ่หรอกครับ อย่ามุสาวาทามากเพราะว่า มันจะทำให้ชีวิตและการงานมีแต่ความยากลำบาก ผมเตือนคุณได้เท่านี้ หากคุณกลัวคุณก็นัดกันมาเพราะอย่างวิษณุ พี่ธรรมสวณัง และพี่ธรรมภูต ผมเห็นท่านทั้งหลายแล้วเหลือแต่ท่านนี่แหละ คิดเอาเองนะว่าที่คิดแบบนั้นมันถูกหรือผิด การพบปะพูดคุยด้วยสิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องไม่สมควรก็ตามแล้วแต่คุณจะพิจารณา ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า คุณนั้นเป็นผู้มีอายุเท่าไหนทำไมเหมือนเด็กจังเท่านั้น