ถอดจิต, ย้อนอดีต

คนเราสามารถเดินทางย้อนไปยังอดีตได้โดยเดินทางไปโลกคู่ขนานที่เป็นฝึกวิธีเดินทางย้อนอดีต ไปในจักรวาลคู่ขนาน ด้วยตัวเอง

จักรวาลคู่ขนานมีจำนวนอนันต์ ณ เวลาเดียวกันของอดีตอาจจะมีเหตการณ์ไม่เหมือนกันเกิดขึ้นได้ในอดีต

เป็นการเดินทางแบบ 7 มิติ
โดยมี1มิติคือเวลา ให้เราย้อนเวลาไปเอา 3มิติของอดีตมาซ้อนกับ 3มิติ ปัจจุบัน แล้วถอดจิตเดินทางเข้าไปสู่อดีตได้

------------------------------------------------------------

วิธีฝึก มี 3ขั้นใหญ่ๆ

หลักการคือให้มองให้เห็นโลกอดีตแล้วเดินทางเข้าไปในนั้น

พยายามให้ระลึกเสมอว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน

++ เข้าสมาธิ ฝึกมอง ++
1) ลืมตามองผนังบ้านตัวเอง แล้วมองจุดใดจุดหนึ่งไว้ ให้จำผนังบ้านให้ได้ รวมทั้งระยะห่าง
2) หลับตาลง แล้วให้นึกสิ่งที่เรามองตอนเราลืมตา และก็ให้ภาพอยู่ในตำแหน่งเดิม แล้วก็มองเพ่งไว้จนภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ สลัวๆก็ใช้ได้แล้ว
เมื่อไหร่ก็ตามถ้ารู้สึกว่าคล้ายๆกับว่าเราสามารถมองทะลุหนังตาที่ปิดอยู่ได้และเรารับรู้ว่านี่คือสัมผัสอย่างหนึ่ง แสดงว่าใช้ได้แล้ว

การมองในเวลาที่เราหลับตาไม่ได้มองด้วยตา แต่มองด้วยนึกเอา พอเราฝึกคล่องๆแล้วเราจะรู้เองว่านี่คือสัมผัสอย่างหนึ่ง

ถ้าได้แล้วให้ฝึกขั้นต่อไป

++ ย้อนเวลา ซ้อนมิติ ++
3) ให้เรานึกถึงสถานที่ในอดีตที่เราชอบที่สุด1ที่ เช่นนึกว่าตอนเป็นเด็กเราเคยนอนที่บ้านหลังนึง ณ ตรงที่เราเคยนอน
4) ให้คิดว่าตอนนี้เรากำลังนอนอยู่ใน ณ.สถานที่ในอดีต ตามข้อ3 ให้เราคิดเรื่องทิศทางด้วยเราจะรู้สึกว่าเราคล้ายๆหมุนปรับทิศทาง
5) ให้นึกถึงภาพในอดีต ตอนนี้ให้เราใช้วิธีมองทะลุหนังตา
มองให้เห็นผนังบ้านในอดีต และเพ่งตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งไว้และให้เห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ ภาพที่เห็นจะเป็นขนาดเท่าของจริง
ตอนนี้เราจะเห็นภาพในอดีตในขณะหลับตา ถ้าเราลืมตาเราจะเห็นบ้านปัจจุบัน มิติแห่งอดีตมาซ้อนกับปัจจุบันแล้ว

++ เดินทางเข้าไปในโลกอดีต ++
6) ต่อจากข้อ5 หลังจากเพ่งตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งไว้แล้วให้เราเลื่อนตำแหน่งไปมองที่อืน กายทิพย์เราจะออกเองตามที่เรามอง
7) เมื่อกายทิพย์ออกแล้ว ตอนนี้เราจะเห็นภาพบ้านในอดีต
ตำแหน่งที่เราไม่ได้คิดไว้จะเกิดเองเป็นบ้านทั้งหลังเลย
จุดที่เรากำหนดเป็นตำแหน่งเดียวคือผนังบ้านแต่เวลาเราถอดจิตออกเราจะเห็นตำแหน่งบ้านทั้งหมด รวมทั้งเห็นบ้านเพื่อนบ้านและสิ่งของต่างๆอย่างน่าอัศจรรย์
เวลาดึงจิตกลับร่างให้เราระลึกว่าเราทำอะไรอยู่ที่ไหนแล้วจิตจะเข้าร่าง

​

วิธีการฝีกการถอดจิต

มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพในการถอดจิตทุกคน เวลาเราหลับจิตเราจะออกจากร่างแต่เนื่องจากเราไม่ได้รับการฝีกจิตเพียงพอ ทำให้เราจำความเวลาหลับไม่ได้ นอกจากนั้นแล้วเรายังมีความฝันซี่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เกิดจากจินตนาการส่วนตัว เมื่อเราฝีกจิต ฝีกสมาธิและฝีกจำความฝันโดยการจดบันทีกเหตุการณ์ที่เกิดขี้น จะทำให้เราเริ่มมีสติมากขี้นเวลาหลับและสามารถตื่นจากความฝันได้อยู่ในรูปของการถอดจิต ซี่งจะอยู่ในเป็นสภาพแวดล้อมจริง การฝีกถอดจิตแบบนี้นั้นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ซ๊่งอาจต้องใช้ความพยายามหลายเดือนจีงจะสำเร็จ ​

เครื่องมือช่วยในการถอดจิต

เราสามารถฝีกการถอดจิตได้โดยการใช้ Zener Card ซึ่งเป็นการฝีกมองไพ่ที่มีสัญลักษณ์ 6 แบบและมีอย่างละ 5 ใบ ผู้สนใจสามารถโหลดสัญลักษณ์ของไพ่ได้จากที่นี่ วิธีการฝีกได้การการให้ผู้ฝีกปิดตาและให้นีกถีงภาพโต๊ะที่จะใช้ในการวางไพ่ เสร็จแล้วให้ผู้ช่วยวางไพ่ที่ละใบบนโต๊ะ และ ให้ผู้ฝีกนีกภาพไพ่ใบนั้นและบอกคำตอบ ผู้ช่วยก็ตอบคำถามว่าผิดหรือถูก แล้วเอาไฟ่ออกไปจากโต๊ะแยกไว้เป็นกองถูกหรือผิด ให้ใช้เวลาฝีกวันละ20นาที เก็บสถิติไว้และพยายามการนีกภาพให้ได้ วิธีนี้จะทำให้การฝีกถอดจิตได้ง่ายขี้น แต่ถ้าไม่มี Zener Card ให้ฝีกในการจดจำสิ่งของให้ละเอียด แล้วหลับตาและใช้จิตที่มีสมาธิสร้างภาพนั้นในโดยละเอียดโดยไม่คิดอย่างอี่นเป็นเวลา 10 นาทีแล้วเพิ่มเวลาให้มากขี้นเรื่อยๆ และต้องทำทุกวัน วิธีการเหล่านี้จะทำให้การถอดจิตประสบความสำเร็จได้ง่ายขี้น การฝีกเช่นนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพี่อพิสูจน์ว่าร่างกายกับจิตนั้นแยกกันคนละส่วน ถ้าทำสำเร็จแล้วโปรดปริกษาผู้มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ถ้าไม่มีประสบการณ์ในการควบคุม

ทำความรู้จักกับจุดจักระ (จากวิกิพีเดีย)

จักระ (Chakra) คือศูนย์รวมของพลังงานภายในร่างกายของมนุษย์ซึ่งเป็นศูนย์พลังอันละเอียดอ่อนที่โดยทั่วไปจะไม่สามารถสัมผัสได้ มนุษย์จะมีจักระจำนวนมากมายอยู่ภายในร่างกาย โยคีเชื่อว่าจักระที่สำคัญของมนุษย์เรานั้นมีอยู่ด้วยกัน 7 ตำแหน่ง จักระในแต่ละตำแหน่งจะดูแลและควบคุมการทำงานของอวัยวะส่วนต่างๆ ภายในร่างกายของคนเราให้ทำงานเป็นปกติ

ภาพการทดลองวัดเคลื่อนสมองของพระที่ฝีกสมาธิ โดยมหาวิทยาลัย Wisconsin Madison

ขอขอบคุณข้อมูล : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1242816

​

 

น่าสนใจดีครับ..........

 

จะลองดูงับ

 

กลัวทำไม่ได้นี่แระค่ะ.......

 

ไม่มีทางที่สัตว์โลกทุกชนิดจะเดินทางสู่อดีตได้ นอกเสียจากหวนระลึกให้เห็น แบบนี้เรียกว่าปุพเพนิวาสานุสติ เห็นหลายโพสแล้วเรื่องมนุษย์เดินทางมาจากอนาคตเนี้ยะ ถ้าเป็นเรื่องของเผ่าพันธ์ที่เจริญกว่าเดินทางมาก็อีกเรื่อง แต่ให้แปลตามหัวข้อเป๊ะๆ เดินทางมาจากอนาคตนี้ โดยส่วนตัว ไม่เชื่อ ผิดหลักไตรลักษณ์ชัดเจน

เรื่องการถอดจิตคิดว่าไม่แปลกใจถ้าหมายถึง ถอดนามธรรมออกจากรูปธรรม

 

ความจริงภาพที่ตาเนื้อเราเห็นนี่ก็เป็นอดีตอยู่แล้ว เพราะเกิดจากแสงชิ่งวัตถุมากระทบเรติน่าในตาเรา กว่าแสงจะเดินทางมาที่ตาเราก็กินเวลาประมาณ 1 ในล้านส่วนของ วินาที ขึ้นอยู่กับภาพที่เรามองว่ามันไกลแค่ไหน

 

เจอท่านผู้รู้จริงอีกคนแระ เว็บบอร์ดนี้มีแต่คนเก่งๆ ขออนุโมทนากับผู้รู้จริง...
(เพิ่งสังเกตุว่าท่านเปลี่ยนลายเซ็น)

 

โดยส่วนตัว

ดีมาก เพราะตัวผมประสพความสำเร็จมาหลายอย่างด้วยวิธีนี้ จิงๆวิธีนี้เค้าเรียกว่า "มโนมยิทธิ" คือการใช้ความคิดในใจในการสร้างฤทธิ์ การย้อนอดีตไปนั้นเราจะย้อนไปนานแค่ไหนก็ได้ ส่วนตัวผมเคยย้อนไปถึงสมัยพุทธกาล ประโยชน์ของมันคือมันช่วยสร้างศัทธาได้ดีมากคับ เวลาเราท้อแท้หรือฟุ้งซ่านหรือเสียใจมากๆ หากเราใช้จิตเราย้อนอดีตไปเช่นผมเป็นคนชอบท้อแท้ใจมากก็จะย้อนอดีตไปในสมัยพุทธกาล (ผมใช้วิธีลืมตาทำเลย หากชำนาญแล้วไม่จำเป็นต้องหลับตา และจะได้ผลดีที่สุดคือภาพชัดที่สุดตอนเราอยู่ในภาวะเคลื่อนที่ เช่นนั่งรถที่วิ่งเร็วๆ) ไปปรากฏตัวต่อหน้าพุทธองค์และกราบที่พระพุทธบาทของท่าน แล้วขอพรกับท่าน ในมโนผมจะได้ยินเสียงท่านตรัสกับเราด้วย แต่ต้องระวังไม่ให้จิตฟุ้งซ่านในขณะนั้นเพราะเราจะมีความคิดอื่นๆแทรกเข้ามา เช่นสงสัยว่านี่ใช่หรือเปล่า หรือของผมเคยแทรกเป็นคำด่าเลย ต้องคอยเพ่งกระแสจิตควบคุมไว้ให้แน่วแน่ พอเรากลับมาจากอดีตแล้วจิตใจจะมีกำลังมากปลอดโปร่งมาก ทุกคนลองคิดดูนะว่าขนาดเราได้ไปกราบพระธาตุหรือได้ไปทำบุญจิตใจเรายังสดชื่น แต่หากเราได้ไปกราบพระพุทธองค์จิงๆเราจะสุขใจแค่ไหน

ส่วนครั้งอื่นๆที่ผมใช้ประโยชน์จากมโนมยิทธินี้คือ เช่นเราจะไปสมัครงานหรือไปพูดต่อหน้าชุมชน เราสามารถซ้อมการพูดได้ก่อนคือ จิตนาการว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ในเหตุการนั้นแล้ว เช่นกำลังสอบสัมภาษ เราจะต้องพูดยังไง (ความรู้สึกตอนนั้นจะตื่นเต้นเหมือนเราอยู่ในเหตุการณ์จริงๆเลย) พอถึงเวลาจริงๆความตื่นเต้นไม่มีเลยแถมตอบคำถามได้แม่นยำอีกด้วย เพราะเราผ่านการซักซ้อมมาหลายครั้งมาก ผมจะบอกให้วิธีนี้พวกดารา นักร้อง ที่ไม่ค่อยมีเวลาไปซ้อมเค้าจะซ้อมกับตัวเองแบบนี้แระคับ มันจะลดความตื่นเต้นไปได้มาก

ใครมีปัญหาเพิ่มเติมอยากรู้วิธีหรือรายละเอียด เมลย์มาถามผมได้อีกที่ biensur_vie@hotmail.com ยินดีตอบเท่าที่ทำได้นะครับ ผมขออ้างเครดิตวิธีการนี้ (แต่ไม่ทั้งหมด) มาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆนะครับ

อ่านต่อ :

 

เเจ่มๆเลยท่าน.........