ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> อีสาน-ใต้ ฝนตกหนัก กทม.มีฝนกระจาย </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
อีสาน-ใต้ ฝนตกหนัก ทะเลมีคลื่นแรง 12-14พ.ค. กทม.มีฝนกระจาย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย วันนี้(12พ.ค.)มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ คลื่นลมในทะเลอันดามันสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางปกคลุมประเทศจีนตอนล่างแล้ว คาดว่าจะแผ่เข้าปกคลุมตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันนี้ (12 พ.ค.) ลักษณะเช่นนี้จะทำให้มีแนวร่องมรสุมพาดผ่านตอนกลางของประเทศและมีฝนเพิ่มมากขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค.

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศา

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา




</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> พิษน้ำป่าทำพื้นที่เกษตรอ.ในพะเยาเสียหายกว่า 1หมื่นไร่ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
นายธงชัย ตรีทิพยรักษ์ นายอำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในอำเภอดอกคำใต้ล่าสุดถือเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2554 ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา

และล่าสุดเมื่อวันที่ 9 - 11 พฤษภาคม สาเหตุเนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริเวณทิศใต้ของอำเภอซึ่งเป็นดอยหลวงเขตติดต่อจังหวัดแพร่ ที่มีอ่างเก็บน้ำอยู่ถึง 8 แห่งปริมาณน้ำเต็มจนล้นอ่าง น้ำจากบนภูเข้าจึงไหลลงมาตามลำน้ำร่องช้างและไหลเข้าท่วมหลายหมู่บ้านและตำบลของอำเภอดอกคำใต้ และไหลลงมาท่วมในเขตเทศบาลเมืองดอกคำใต้ ขณะเดียวกันด้านทิศเหนือของอำเภอที่ติดกับแม่น้ำอิงที่รับน้ำจากกว้านพะเยา ก็มีการปล่อยน้ำมาเช่นกันเพราะปริมาณน้ำเต็มกว้านพะเยาจนต้องเร่งระบาย ส่งผลให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่เกษตรของประชาชนเป็นบริเวณกว้าง

<DD>
ทั้งนี้จากการสำรวจเบื้องต้นมีพื้นที่เกษตร เช่น ข้าวนาปรัง พืชฤดูแล้งได้รับความเสียหายประมาณ 1 หมื่นไร่ สำหรับบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง ไม่มีความเสียหายสิ้นเชิง ยกเว้น มีน้ำท่วมขังขนส่งผลให้สิ่งของ-ผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวไว้ได้รับความเสียหายเท่านั้น ล่าสุดจากการสำรวจมีประมาณ 5.5 พันราย เบื้องต้นได้รายงานให้จังหวัดทราบแล้วเพื่อขอความช่วยเหลือเบื้องต้น
<DD>
นายธงชัย กล่าวอีกว่า อำเภอได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกร่องน้ำช้าง โดยเบื้องต้นได้ประสานกับกรมเจ้าท่า ให้เข้ามาสำรวจร่องน้ำช้างที่ตื่นเขิ่นเพื่อทำการขุดลอก และแก้ปัญหาการบุกรุกสร้างอาคารบ้านเรือนรุกล้ำร่องน้ำจนทำให้คับแคบไม่สามารถร่องรับและระบายน้ำได้ทันในฤดูน้ำหลาก
<DD>
อย่างไรก็ตามคาดว่าฤดูฝนปีนี้อาจมีปัญหาน้ำท่วมพื้นที่อำเภอดอกคำใต้อีก เพราะอ่างเก็บน้ำทั้ง 8 แห่งทางด้านทิศใต้มีปริมาณน้ำเต็มความจุแล้ว สำหรับน้ำที่ท่วมขังบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอและเขตเทศบาลเมืองดอกคำใต้ ล่าสุดเริ่มลดระดับลงแล้วจากเมื่อวานนี้อยู่ที่ 80 เซนติเมตร ขณะนี้เหลือเพียง 20 - 30 เซนติเมตร คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำอีกน่าจะกลับสู่ภาวะปกติในเร็วๆนี้




</DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> สุราษฎร์ฝนตกหนัก น้ำท่วมตัวเมืองหลายจุด </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
สุราษฎร์ฝนตกหนักทำน้ำทะลักท่วมตัวเมืองหลายจุดเหตุระบายไม่ทัน ขณะที่พื้นที่รอบนอกต้นไม้หักโค่นลงมาปิดทับเส้นทาง ทำให้การสัญจรไม่สะดวกหฃายจุด แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

<DD>
เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.วันที่ 11 พ.ค. เกิดฝนตกหนักติดต่อกันประมาณ 30นาที โดยมีทั้งลมและฝนกระหน่ำลงมา ทำให้น้ำท่วมฉับพลันในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะบริเวณหมู่บ้านการเคหะ เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี น้ำท่วมไหลเข้าบ้านเรือนราษฎร ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจำนวนมาก เพราะเก็บไม่ทัน ขณะที่ระดับน้ำสูงประมาณ 30 ซม. ชาวบ้านบางส่วนต้องเร่งนำกระสอบทรายมาปิดกั้นไว้ชั่วคราว โดยที่น้ำท่วมประมาณ 1 ชั่วโมงเนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน เพราะท่อระบายน้ำอุดตัน
<DD>
นอกจากนั้นบริเวณถนนสายชนเกษม เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี และถนนสุราษฎร์-นาสาร บริเวณโค้งเขาท่าเพชรและหน้าศาลแขวงสุราษฎร์ธานี น้ำไหลเชี่ยวกรากและท่วมถนนนานประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้การสัญจรติดขัดระยะหนึ่ง ส่วนตามรอบนอกมีฝนตกหนักในบางจุดเช่นกัน ต้นไม้หลายแห่งหักโค่นลงมาปิดทับเส้นทาง ทำให้การสัญจรไม่สะดวกในบางจุด แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต




</DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> จวกยับเทพพยากรณ์ไต้หวันทำนายมั่ว </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>เทพพยากรณ์ของไต้หวัน "หน้าแตก" ทำนายวันสิ้นโลกมั่ว เจ้าตัวโทษสื่อตีความกันเอง อัยการวอนประชาชนมาแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหลอกลวง


วันนี้ (11 พ.ค.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ว่า ตามที่นายหวาง เชา-ฮุง วัย 54 ปี ผู้ประกาศตัวเป็นศาสดาผู้สามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “อาจารย์หวาง” ตามที่สาวกผู้นับถือศรัทธาเรียนขานกัน ได้ทำนายว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงจากแผ่นดินไหวเป็น “วันล้างโลก” ด้วยแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวขนาด 14 ริกเตอร์ ถล่มเกาะไต้หวัน ในเวลา 10.42.37 น. (10 นาฬิกา 42 นาที 37 วินาที) ของวันพุธที่ 11 พ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับ 09.42 น.วันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย หลังจากนั้นอีก 5 วันก็จะมีคลื่นยักษ์สึนามิสูงถึง 170 เมตร พัดถล่มหลายประเทศรอบมหาสมุทรแปซิฟิก มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากถึง 1 ล้านคน

โดยข่าวดังกล่าวนี้ ทำให้สื่อมวลชนจำนวนมากไปรอทำข่าว

ทั้งข่าวโทรทัศน์ไปรายงานข่าวถ่ายทอดสดจากสำนักของอาจารย์หวาง ในเมืองปู้ลี่ ทางตอนกลางของประเทศ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ 80,000 คน พร้อมกับสาวกจำนวนหนึ่งก็ไปเฝ้าอยู่ที่บริเวณสำนักของอาจารย์หวาง ซึ่งตัดสินใจสร้างบ้านพักชั่วคราวขึ้นมา สร้างจากตู้คอนเทนเนอร์เก่าประมาณ 30 ตู้ ภายในมีเสบียงกรังสะสมไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งอาหารแห้งและน้ำดื่ม เป็นต้น

รายงานข่าวระบุว่า เมื่อถึงเวลาดังกล่าว ไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรงจากแผ่นดินไหวแต่อย่างใด

แต่อาจารย์หวางก็ยังกล่าวว่า จะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นภายในวันนี้ ส่วนกลุ่มผู้เป็นสาวกก็ร่วมนับถอยหลังเมื่อถึงช่วงเวลาดังกล่าว และ ตะโกนชื่ออาจารย์หวางของพวกเขา ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็ไม่พอใจกับคำทำนายของอาจารย์หวาง เช่น นายเหลียว ต้า-ยี่ อ่ชีพตกแต่งสวน กล่าวหาอาจารย์หวางว่าพยายามรีดไถเงินจากพวกสานุศิษย์ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ปูนซีเมนต์ที่เป็นฐานของบ้านพักชั่วคราวนั้น คงจะไม่สามารถต้านทานความรุนแรงของแผ่นดินไหวระดับ 14 ริกเตอร์ได้

สำหรับแผ่นดินไหวขนาด 14 ริกเตอร์ เทียบได้กับความรุนแรงถึง 100,000 เท่าของแผ่นดินไหว 9.0 ริกเตอร์ ถล่มประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา แล้วมีคลื่นยักษ์สึนามิตามมา ทำลายพื้นที่ริมชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น คร่าชีวิตผู้คนและสูญหายไปร่วม 27,000 ศพ ส่วนหญิงชราอีกผู้หนึ่ง บอกว่า จะไม่เชื่ออาจารย์หวางอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ดีใจที่คำทำนายของอาจารย์หวางไม่เป็นจริง

ต่อมาอาจารย์หวาง ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า สื่อมวลชนตีความผิดพลาดกันไปเองเกี่ยวกับคำทำนายของเขา ตนไม่ได้โกหก

แค่นำคนกลุ่มหนึ่งมาอยู่รวมกันที่นี่ แต่สื่อเอาไปรายงานข่าวเกินจริงกันไปเอง ตนไม่ได้ทำผิดอะไร อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ทั่วไปดูเงียบสงบ มีกำลังตำรวจ 40 คนคอยดูแลรักษาความสงบ แม้มีกลุ่มสาวกของอาจารย์หวาง ไม่พอใจที่มีตำรวจเข้ามาวุ่นวายด้วย

ด้าน นายกู้ ข่าย-เหวิน ผู้อำนวยการสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของไต้หวัน กล่าวว่า

ขอให้ประชาชนทั่วไปจงจำเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน อย่าไปเชื่อฟังข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง ขณะที่นายเจียง ยี่-หัว รมว.มหาดไทยของไต้หวัน กล่าวเตือนไปถึงอาจารย์หวางว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะจับตาดูพฤติกรรมของอาจารย์หวางอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้พนักงานสอบสวนก็จะเข้ามาตรวจสอบว่า อาคารย์หวางมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจคอนเทนเนอร์หรือไม่ แต่เป็นข้อกล่าวหาที่อาจารย์หวางปฏิเสธโดยสิ้นเชิง

สำนักงานอัยการท้องถิ่น แจ้งด้วยว่า ขอให้ประชาชนเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับอาจารย์หวางได้

หากสงสัยว่าถูกหลอกลวงกับคำทำนายวันสิ้นโลกของอาจารย์หวาง ซึ่งข้อหาหลอกลวงประชาชนนั้น กำหนดโทษไว้คือจำคุกสูงสุด 5 ปี และข้อหาสร้างความวุ่นวายในสังคม มีโทษปรับ 30,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (1,000 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 30,000 บาท) ทางสำนักงานอุตุนิยมวิทยา แถลงด้วยว่า บุคคลผู้ไม่มีอำนาจในการทำนายหรือคาดหมายเกี่ยวกับแผ่นดินไหว อาจต้องถูกลงโทษปรับเป็นเงิน 1 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือเท่ากับ 1 ล้านบาท.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ผงะพ่อส่ง sms คุกคามหื่นลูกสาว 9 ขวบ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.จีนา (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ชาว อ.เมือง จ.พิษณุโลก

ว่า ตนมีอาชีพค้าขายมานานหลายปี โดยเมื่อประมาณ 9 ปีที่ผ่านมา ได้อยู่กินกับชายซึ่งมีอาชีพรับราชการอยู่ในพื้นที่จ.พิษณุโลก มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ต่อมาทางครอบครัวเมียหลวง ได้เริ่มโทรศัพท์มาต่อว่าต่างๆ นานา ตลอดทั้งข่มขู่หลายครั้ง จึงตัดสินใจไปหาผู้บังคับบัญชาของสามี พร้อมกับบอกเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง เพื่อป้องกันการคุกคาม แต่ทางเมียหลวงกลับไม่ยอมหยุด
ต่อมาสามียังมาต่อว่าตนถึงที่บ้าน และตามไปที่ร้านขายของและตบหน้าทำร้ายร่างกายตน ในที่สุดตนต้องเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สภ.เมืองพิษณุโลก จนสามีโกรธไม่พอใจอย่างมาก ได้คุกคามส่งข้อความมาหาตนและลูกสาวตลอด

น.ส.จีนา กล่าวต่ออีกว่า สิ่งที่ตนไม่เคยคิดแม้แต่น้อย ว่าอดีตสามี ซึ่งมีหน้าที่การงาน เป็นถึงข้าราชการ ความรู้ดี หลังจากได้เลิกกับตนไปแล้ว ได้ส่งข้อความมาข่มขู่ตนตลอดเวลา

และสิ่งที่ตนรับไม่ได้ก็คือ อดีตสามีส่งข้อความถึงลูกสาวตนเอง อายุ 9 ขวบ มีข้อความคุกคามทางเพศเหมือนคนที่ไม่ใช่ลูกสาว เช่น “อยาก---ลูกว่ะ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับคนที่เป็นพ่อของลูกสาว แรกๆ ลูกสาวเอามาให้อ่าน ถามว่า ท่า...นอนอย่างนั้นอย่างนี้...หมายถึงอะไร ตนจึงได้ลบข้อความทิ้งไป เพราะไม่อยากให้ลูกเอามาคิด และด้วยความโมโหจึงตามไปสอบถามอดีตสามี ก็รับว่าเป็นคนส่งข้อความเอง”

ทุกวันนี้ตนต้องระวังตัวตลอดเวลา จึงวอนผู้ที่คิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้ ไม่ใช่จะโทษเด็กเพียงฝ่ายเดียว อยากจะให้มองผู้ใหญ่ก็มีส่วนอยู่มาก ที่สร้างปัญหาเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็กมาก่อน

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>ผงะพ่อส่ง sms คุกคามหื่นลูกสาว 9 ขวบ



นี่ก็เป็นพฤติกรรมธรรมดาของสัตว์ในนรกที่ได้เปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิมาเกิดเป็นคน ที่ยังติดในสัญญาเดิมๆ คือ พูดชั่ว คิดชั่ว ทำชั่วอยู่ ในที่สุด เวลาสิ้นลมหายใจแล้ว ก็ต้องเวียนลงนรกไปตามเดิม

และยังไม่มีทางพัฒนา จากความเป็นคนไปเป็นมนุษย์อีกด้วย เป็นได้แค่คนที่มีจิตวิญญาณข้างใน เป็นสัตว์ในนรกนั่นแหละ

 

แห่กันถอนเงินแน่....ถ้าประชาชนขาดความเชื่อมั่น..​

​

​

​

การที่คนเราขาดความเชื่อมั่นอะไรสักอย่าง จะรู้สึกลังเล กระวนกระวายและวิตกกังวลในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ไม่กล้าที่จะตัดสินใจ พร้อมที่จะเป็นผู้ตาม มากกว่าที่จะยอมรับบทบาทของความเป็นผู้นำ ที่จะต้องรับผิดชอบในการตัดสินใจ นี้อาจจะเกิดกับประชาชนทั่วไปเมื่ออ่านข่าว วิเคราะห์ข่าวเกี่ยวกับวิกฤติการเงินโลก และเหตุบ้านการเมืองของประเทศเรา

บทบาทของนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว. คลัง ที่แสดงออกมาเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2551 ว่ากระทรวงการคลังจะเสนอพระราชกฤษฏีกา ขยายเวลาการคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวน 100% ออกไปเป็น 3 ปี จากเดิม 1 ปี ให้ที่ประชุม ครม. พิจารณา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับระบบสถาบันการเงิน ในช่วงที่เกิดวิกฤติสถาบันการเงินในต่างประเทศ และเศรษฐกิจโลกมีความผันผวน

“เนื่องจากเราพบสัญญาณความไม่มั่นใจในระบบสถาบันการเงินเกิดขึ้น โดยมีลูกค้าสถาบันการเงินบางแห่งได้รับจดหมายทั้งในส่วนของผู้ฝากเงิน และผู้กู้ โดยในส่วนของผู้ฝากเงินรายใหญ่นั้น ได้รับจดหมายว่าหากต้องการจะถอนเงินฝากต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน ทำให้ลูกค้ามีความกังวลเรื่องสภาพคล่องในระบบ ขณะที่ลูกค้าเงินกู้มีสถาบันการเงินบางแห่งทำหนังสือเตือนเรื่องการปล่อยสินเชื่อว่า แบงก์จะติดตามอย่างเคร่งครัด ทำให้มีความกังวลเรื่องสภาพคล่องว่ามีเพียงพอที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้า”

ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องการสร้างความมั่นใจในระยะยาวให้แก่นักลงทุนและประชาชน โดยเข้าไปค้ำประกันเต็มจำนวนให้กับทุกคนไปเลย เพื่อให้ทุกคนมีความมั่นใจเท่าเทียมกัน และป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่อาจจะเกิดจากความตื่นตระหนกจนเข้ามาถอนเงินฝากเป็นจำนวนมากได้ ซึ่งต้องการดูแลเงินฝากเหมือนกับต่างประเทศที่ได้คุ้มครองเงินฝากไปแล้ว เพื่อให้ผู้ฝากเงินมั่นใจไม่ถอนเงินออกจากสถาบันการเงินต่าง ๆ

เมื่อวันก่อน (17 ตค.) ไอเอ็มเอฟ ออกโรงเตือนประเทศเอเชียเร่งค้ำประกันเงินฝาก รับมือวิกฤติการเงินโลก หวั่งเจอะผลกระทบจากการแห่ถอนเงินฝากจากเอเชียไปยังแหล่งอื่น หลังยุโรปนำร่องค้ำประกันเงินฝาก แม้จะไม่ใช่นโยบายที่จะแก้ปัญหาได้ทั้งหมดก็ตาม

การแห่ซื้อทองคำ เป็นสิ่งที่กำลังบ่งบอกอะไรบางอย่าง ว่าทำไมประชาชนหันมาซื้อทองคำเก็บใว้ ทำให้ราคาทองคำผันผวนซึ่งกำลังส่งผลต่อประเทศไทยอยู่เวลานี้ แล้วประชาชนเอาเงินมาจากใหน มาซื้อทองคำ คำตอบก็คือไปถอนเงินมาจากธนาคาร หรือไม่ก็เงินเก็บที่เป็นเงินสด แต่ส่วนใหญ่น่าจะถอนเงินจากธนาคารเพื่อมาซื้อทองคำเก็บใว้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเก็บใว้กับธนาคาร

เวลานี้ ความเชื่อมั่นของธนาคาร มีต่อนักลงทุนและประชาชนขนาดใหน ชาวบ้านมานั่งวิเคราะห์ฐานะการเงิน วิเคราะห์งบการเงิน วิเคราะห์สภาพคล่องของธนาคารไม่รู้เรื่อง แต่อย่าลืมว่านักลงทุนนั้นแหละที่วิเคราะห์ฐานะการเงินของธนาคารได้ เมื่อนักลงทุนได้ถอนเงินออกไป มีหรือว่าชาวบ้านและประชาชนส่วนใหญ่จะไม่แห่ถอนเงินกันตามๆกันไป

ถึงรัฐบาลออกมาตรการค้ำประกันเงินฝาก 100% แต่ถามว่าประชาชนอุ่นใจหรือเปล่า ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆ ค้ำประกันก็จริงแต่ว่าจะถอนออกมาใช้ได้ตอนใหนอีก นี้ไงข้อกังวลสำหรับชาวบ้านประชาชนทั่วไป

แล้วเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ ผมคงจะไปถอนเงินเหมือนกัน......แล้วคุณล่ะจะถอนมั้ย?

Posted by ณสยาม , วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ.2551

ที่มา http://www.oknation.net/blog/slaonark/2008/10/26/entry-1

 

<DL style="WIDTH: 286px" id=attachment_113432 class="wp-caption alignnone"><DT class=wp-caption-dt></DT></DL>



<DL style="WIDTH: 286px" id=attachment_113432 class="wp-caption alignnone"><DD class=wp-caption-dd>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว</DD></DL>


เตือนเป็นประเทศที่อันตรายต่อผู้หญิงมากที่สุดในโลก
12 พ.ค.54 วารสาร​พับ​ลิก​เฮ​ลท์ สิ่ง​พิมพ์​ด้าน​สาธารณสุข​ของ​สหรัฐฯ ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลวิจัยเรื่อง “​ปัญหา​ความ​รุนแรง​ทาง​เพศ​ที่​มี​ต่อ​ประชากร​หญิง​ใน​สาธารณรัฐ​ประชาธิปไตย​คองโก” ภายหลังได้ทำการรวบรวมข้อมูลตังแต่ปี2552-2553 ที่ผ่านมา
โดยระบุว่า สตรี​ชาว​คองโก อายุ 15-49 ปี ต้องตกเป็น​เหยื่อ​ใน​คดี​ข่มขืน มี​จำนวน​ประมาณ 400,000 คน​ต่อ​ปี หรือ​เฉลี่ย​วัน​ละ 1,100 คน ซึ่งจาก​สถิติดังกล่าวถือว่ามาก​กว่า​ที่​เคย​ประเมิน​ไว้​ใน​ปี 2550 ถึง 26เท่า
ส่วน​สาเหตุ​สำคัญ​ที่ยัง​ทำให้​เกิดความ​รุนแรง​และการ​ล่วง​ละเมิด​ทาง​เพศยัง​คง​ดำเนิน​อยู่​อย่าง​ต่อ​เนื่องนั้น ก็น่าจะเป็น​เพราะ​เจ้าหน้าที่​รัฐ​ไม่​สามารถ​นำ​ตัวผู้​กระทำ​ความ​ผิด​มา​ลงโทษ​ได้
และกฎหมายในประเทศ​ไม่​มี​ประสิทธิภาพ รวม​ถึง​ค่า​นิยม​ใน​สังคม​ที่​มัก​ลงโทษ​หรือ​ซ้ำเติม​ผู้หญิง​ที่​ตกเป็น​เหยื่อ แทนที่จะ​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​หรือ​เรียก​ร้อง​ให้​เกิด​ความ​เป็น​ธรรมนั่นเอง
“จากการทำวิจัยและผลที่ปรากฎ ทำให้คองโกเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายต่อสวัสดิภาพของสตรีเพศมากที่สุดในโลกในขณะนี้”
Mthai News
<LI class=news_src_item><LI class=news_src_item>

 

กรุงเทพฯ กับ สงครามโลกครั้งที่ 2







3 ภาพนี้คือหลุมหลบภัยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่หน้าหัวลำโพง
​

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กรุงเทพ ฯ ต้องเผชิญกับการทิ้งระเบิดของข้าศึก สถานที่จุดยุทธศาสตร์ถูกทิ้งระเบิด เช่น สะพานพระราม 6 หัวลำโพง เขตถนนสี่พระยา สุริวงค์ และสีลม โรงไฟฟ้าวัดเลียบและโรงไฟฟ้าสามเสน ถูกระเบิดเสียหายมากจนใช้การไม่ได้ รถราง ไฟฟ้า และน้ำประปาหยุดหมด ประชาชน ประสบความทุกข์ยากเพราะการอพยพหนีภัยสงครามและต้องต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เครื่องอุปโภค บริโภค ตลอดจนยารักษาโรคราคาแพงมาก

ที่มา http://www.encyclopediathai.org/thaihis/worldwar2.htm

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>บางกอกน้อยกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ความทรงจำ 60 ปีที่ยากลืมเลือน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=center align=left>15 ธันวาคม 2548 08:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle></TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=middle></TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>สถานีรถไฟธนบุรี จุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ทหารญี่ปุ่นใช้เป็นทางลำเลียงยุทธปัจจัย </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>สงครามและการทิ้งระเบิด ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีนัก</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>โรงรถจักร อีกหนึ่งจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>"ห่างรัศมี" อย่าอยู่ใกล้ทางรถไฟเมื่อมีการทิ้งระเบิด</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ลุงวีระ รุ่งแสง</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ป้าถาวร อนุชา</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>โรงพยาบาลศิริราชในช่วงสงครามก็เสียหายไปไม่น้อย</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เมื่อ 60 กว่าปีที่ผ่านมา สงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้นในภูมิภาคยุโรปเมื่อปี พ.ศ.2484 สงครามครั้งนั้นเป็นความขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย คือฝ่ายอักษะ นำโดยประเทศเยอรมนี ออสเตรีย อิตาลี และฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งมีประเทศอังกฤษ และฝรั่งเศสเป็นแกนนำ

ขณะนั้นข่าวการสู้รบของฝรั่งในภูมิภาคที่ห่างไกลออกไปก็ส่งมาถึงเมืองไทยเป็นระยะๆ แต่หลายคนก็อยากจะคิดว่าสงครามในดินแดนยุโรปอันห่างไกล คงไม่ลุกลามมาถึงประเทศไทยได้ง่ายๆ แต่อีกสองปีถัดมา ในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 ประเทศไทยก็ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับสงครามครั้งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รัฐบาลไทยอนุญาตให้กองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นมายังแผ่นดินไทยผ่านทางจังหวัดสงขลา ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และสมุทรปราการ เพื่อเดินทัพผ่านประเทศไทยไปโจมตีพม่า และอินเดีย ซึ่งเป็นเมืองในความควบคุมของประเทศอังกฤษ แกนนำฝ่ายสัมพันธมิตร

การยกพลขึ้นบกของทหารญี่ปุ่นขณะนั้นเกี่ยวข้องกับชาวบางกอกน้อยโดยตรง เพราะบริเวณนั้นเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟบางกอกน้อย จุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ทหารญี่ปุ่นใช้เป็นกองบัญชาการสำหรับขนส่งยุทธปัจจัยขึ้นรถไฟไปยังสะพานข้ามแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี ชาวบางกอกน้อยจึงเป็นชุมชนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากสงครามในครั้งนี้โดยไม่มีใครอยากให้เป็นเช่นนั้นเลย

60 ปีที่ผ่านมานี้... ความทรงจำเกี่ยวกับสงครามก็ยังคงติดอยู่ในใจของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ว่าคนๆ นั้นจะอยากจดจำหรือไม่ก็ตาม

1.

ลุงวีระ รุ่งแสง ประธานชุมชนบ้านบุ ย่านบางกอกน้อย ที่ในขณะนั้นยังเป็นเพียงเด็กชายวีระ อายุ 14 ปี นักเรียนในโรงเรียนอำนวยศิลป์ เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า

"ตอนที่พวกญี่ปุ่นมาลุงก็เสียใจ เพราะพอมีข่าวว่าญี่ปุ่นบุก งานฉลองรัฐธรรมนูญที่กำลังจะจัดก็เลยต้องงดไป บรรยากาศตอนนั้นก็มีแต่ทหารเต็มไปหมด ตอนเช้าทหารไทยก็เอาปืนกลมาไว้เต็มสนามหลวง พอถึงบางกอกน้อยก็เห็นทหารญี่ปุ่นมากันเต็มสองคันรถบรรทุก และพวกคนญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ก็ลุกขึ้นมาแต่งชุดทหาร อย่างพ่อค้าขายรองเท้าอย่างน้อยก็มียศพันโท พวกนี้เขาแทรกซึมเข้ามานานแล้ว แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับเรา เขาก็เป็นมิตรดี" ลุงวีระ เล่า

ส่วนป้าถาวร อนุชา จากชุมชนบ้านข้าวเม่า ย่านบางกอกน้อยเช่นกัน ก็มีชีวิตคล้ายกับอังศุมาลิน ในเรื่อง "คู่กรรม" ไม่มีผิด จะต่างก็นิดหน่อยกันตรงที่เป็นอังศุมาลินเมื่ออายุเพียง 11 ขวบเท่านั้น ป้าถาวรเล่าให้ฟังถึงบรรยากาศในช่วงสงครามว่า

"ตอนนั้นที่บ้านก็มีพวกญี่ปุ่นเข้ามาเยอะ พวกผู้ใหญ่ก็บอกว่าให้ระวังตัวให้ดีๆ นะ เขาอยากได้อะไรก็ให้เขาไป มีอยู่วันหนึ่งทหารญี่ปุ่นหนีระเบิดเข้ามาอยู่ในสวนของบ้านป้า ทีแรกป้าก็กลัว เขาชี้มาที่โอ่งน้ำแล้วก็ชี้มาที่ปาก ป้าก็ไปถามยายว่า เขาขอกินน้ำ จะให้เขาไหม ยายก็บอกให้ให้ไป แล้วจากนั้นบางทีเขาก็มีของมาแลกเปลี่ยน อย่างเช่นน้ำมันก๊าด ไม้ขีดไฟ ซึ่งเป็นของหายากในตอนนั้น พอบ้านเรามีกล้วย มะละกอ มีปลาต่างๆ เราก็ให้เขาบ้าง"

ในตอนนั้นทหารญี่ปุ่นก็คงดูแปลกแยกจากคนไทยไม่น้อย แต่สิ่งที่คนไทยมองคนญี่ปุ่นว่าประหลาดก็คือ พฤติกรรมการยืนปัสสาวะริมถนน หรือแก้ผ้าอาบน้ำในคลอง ลุงวีระเล่าให้ฟังว่าพอเย็นๆ ก็จะชวนพรรคพวกไปดูทหารญี่ปุ่นอาบน้ำ แต่โดยรวมแล้วทหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะเป็นมิตรกับชาวบ้าน เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาพ่อค้าแม่ค้า เพราะเวลาทหารญี่ปุ่นมาซื้อของก็จะให้ราคาที่สูงกว่าปกติ อย่างกล้วยหอมในสมัยนั้นหวีละหนึ่งสลึง ญี่ปุ่นซื้อในราคาสองบาทโดยไม่ต่อสักคำ

สำหรับคนที่เคยดูหรือเคยอ่านเรื่อง "คู่กรรม" ของทมยันตี คงจะจำกันได้กับบทลงโทษคนไทยที่ขโมยน้ำมันด้วยการกรอกน้ำมันใส่ปาก ซึ่งนั่นก็เป็นบทลงโทษที่เกิดขึ้นจริงๆ ถือเป็นการลงโทษให้หลาบจำโดยไม่ทำให้ถึงตาย

ด้วยความขี้สงสารของคนไทย ใครแพ้เราก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ เมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นจะแพ้เราก็ช่วยเหลือญี่ปุ่น แต่พอฝรั่งเสียทีบ้างเราก็แอบช่วยฝรั่ง อย่างป้าถาวร ที่แอบเอามะนาวกลิ้งไปให้ทหารเชลยฝ่ายพันธมิตรที่ถูกเกณฑ์มาสร้างถนนกลางแดดจ้าจนตัวแดง ป้าถาวรเล่าว่า พอเขาได้มะนาวไปก็ดีใจใหญ่ รีบบีบน้ำกลืนลงคอ เนื่องจากหิวน้ำจนคอแห้งผาก ทหารญี่ปุ่นก็คงจะเห็น แต่ไม่ว่าอะไร เพราะป้าก็เคยช่วยเขาไว้มากเหมือนกัน

2.

เหตุการณ์ระหว่างชาวบางกอกน้อยกับทหารญี่ปุ่นดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงวันที่ระเบิดตกลงสู่กรุงเทพฯเป็นลูกแรก ลุงวีระเล่าว่า ทางฝ่ายสัมพันธมิตรตั้งใจจะทิ้งระเบิดให้ลงสะพานพุทธ แต่เกิดพลาดมาตกลงกลางบ้านของชาวบ้านในแถบวัดพิชัยญาติ ส่วนระเบิดลูกแรกในย่านบางกอกน้อยนั้น เครื่องบินมาทิ้งระเบิดในตอนกลางวัน ลูกระเบิดไปตกที่วัดใหม่ยายแป้น บังเอิญระเบิดลูกนั้นตกลงในโบสถ์หน้าพระประธานและเกิดด้าน จึงเป็นโชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต

เสียงหวอเตือนภัยทางอากาศยังคงสร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนอยู่เรื่อยมา แต่วันที่ชาวบางกอกน้อยจะไม่ลืมเลยก็คือวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2487 เมื่อฝ่ายทหารพันธมิตรส่งฝูงบิน B-29 เข้าโจมตีทิ้งระเบิดบริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อย เนื่องจากทราบจากฝ่ายข่าวกรองมาว่า ในวันนั้นกองทัพญี่ปุ่นจะมีการขนส่งสัมภาระยุทธปัจจัยจำนวนมาก ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงเริ่มการโจมตีตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 29 พ.ย.

"คืนนั้นมีเสียงหวอเตือนตอน 5 ทุ่มครึ่ง ชาวบ้านก็ออกไปหลบกัน แต่พอหกทุ่มก็ยังไม่มีเครื่องบินมา ก็เลยกลับบ้านกัน แล้วทีนี้พอหกทุ่มครึ่งคนกลับบ้านกันหมดแล้วก็มีเสียงเครื่องบินมาดังกระหึ่มเลย บ้านของลุงโดนระเบิดจากเครื่องบินลำที่ 3 เห็นระเบิดเพลิงเต็มหน้าบ้าน เขามักทิ้งระเบิดเพลิงก่อนเพื่อให้มีแสงสว่าง และสร้างความวุ่นวาย ตอนนั้นที่บ้านลุงก็มีหลุมหลบภัย แต่วันนั้นในหลุมมีน้ำท่วม ยังวิดน้ำออกไม่หมด เลยไม่ได้เข้าไปหลบในนั้น แต่ถ้าลงไปก็ตายเพราะระเบิดลงกลางหลุมพอดี"

เรื่องของหลุมหลบภัยกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าไว้ใจเท่าไรนัก เพราะบางครั้งก็กลายเป็นหลุมฝังศพได้ ป้าถาวรเล่าว่า ชาวสวนทำหลุมหลบภัยเองโดยการขุดหลุมแล้วเอาไม้กระดานปูพื้นด้านล่างและด้านข้าง ส่วนข้างบนวางด้วยขอนไม้ ปิดด้วยสังกะสีและเศษดิน แต่มีบางบ้านที่เข้าไปหลบแล้วก็โดนกลบทั้งหลุม คราวนี้ชาวบ้านเลยไม่ไปหลบในหลุมอีกเลย แต่จะเข้าไปหลบในสวนห่างจากทางรถไฟแทน และจะมีทหารไทยคอยประกาศว่า "ห่างรัศมีๆ"

เรื่องราวของการหลบลูกระเบิดนั้นก็มีหลายรูปแบบ บ้างก็เข้าไปหลบในป่าช้า หลบข้างโกดังเก็บศพ นาทีนั้นไม่มีคำว่ากลัวผี มีแต่ต้องการเอาชีวิตรอดจากระเบิดเท่านั้น หรือบางคนพยายามพายเรือหลบไปในลำคลอง แต่พายเท่าไรเรือก็ไม่เคลื่อนย้ายไปไหนเพราะตกใจและรีบจนลืมแกะเชือกผูกเรือออก ฟังแล้วก็เหมือนเป็นเรื่องตลก แต่รับรองได้ว่าในขณะนั้นไม่มีใครขำออกแน่ๆ

"ตอนเช้าหลังจากการทิ้งระเบิดในวันนั้นก็เงียบเหมือนป่าช้า ศพทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่อยู่เต็มริมคลอง จนสนามโรงเรียนสุวรรณารามยังไม่พอฝัง..."

จำนวนชาวบางกอกน้อยผู้เสียชีวิตในคืนนั้นกว่าร้อยศพ ไม่นับรวมผู้บาดเจ็บ ผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ผู้ที่พลัดหลงกับครอบครัวโดยที่ยังไม่แน่ใจว่าจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว บรรยากาศในขณะนั้นเต็มไปด้วยความเงียบงันที่น่าหดหู่

ซากความเสียหายเกิดขึ้นทั่วทั้งบริเวณชุมชนชาวบางกอกน้อย สถานีรถไฟมีแต่กองเศษอิฐ รถไฟหงายท้องอยู่นอกราง อาคารของโรงพยาบาลศิริราชโดนระเบิดเสียหายไปบางส่วน เช่น ตึกพระองค์หญิง (ตึกเด็ก) ห้องคลอด ระเบิดลูกหนึ่งตกลงที่อาคารผู้ป่วย แต่โชคดีที่ไม่ระเบิด เล่ากันว่า คนไข้ที่เป็นโรคเหน็บชาลุกไม่ได้ ยังสามารถวิ่งหลบระเบิดออกไปนอกโรงพยาบาลได้ ส่วนวัดอมรินทรารามเกือบทั้งวัดถูกลูกระเบิดเสียหายเกือบหมด ยกเว้นตำหนักเขียว และมณฑปพระพุทธบาทจำลองที่รอดเหลือมาได้

และอีกหนึ่งปีถัดมา ในพ.ศ.2488 สงครามสงบลง ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ประเทศไทยรอดจากการเป็นผู้แพ้เพราะขบวนการเสรีไทย ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตไปในเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นทหารไทย ทหารญี่ปุ่น ทหารสัมพันธมิตร และประชาชนผู้บริสุทธิ์...

3.

60 ปีที่ผ่านมา ชาวชุมชนบางกอกน้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ยังคงรำลึกถึงคืนแห่งความสูญเสียนั้นได้ และมีการจัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตในวันที่ 29 พฤศจิกายนอยู่เสมอ

สงครามไม่เคยให้อะไรนอกจากเจ็บปวดและความสูญเสียของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ตาม ขึ้นอยู่กับว่าจะเจ็บมากหรือเจ็บน้อยเท่านั้น การที่คนซึ่งไม่มีความแค้นต่อกัน ไม่เคยรู้จักกันเลยแม้แต่นิดต้องมาฆ่าฟันกัน นับเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ โลกของเรามีเรื่องวุ่นวายมากพอแล้ว... ไม่ว่าชาวบางกอกน้อยหรือใครๆ ก็คงไม่ต้องการจะให้สงครามเกิดขึ้นอีกต่อไป

********************

ข้อมูลจากงาน "รำลึก 60 ปี ชาวบางกอกน้อยกับสงครามมหาเอเชียบูรพา ปีที่ 2" จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 โดยกองการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร ร่วมกับชุมชนบ้านบุ วัดสุวรรณารามฯ สภาวัฒนธรรมบางกอกน้อย เครือข่ายวัฒนธรรมชุมชนบางกอกน้อย และแหล่งเรียนรู้ธนบุรี

*************************

เรื่อง - ทีมข่าวท่องเที่ยว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9480000171655

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า เมื่อเวลา 18.47 น.ตามเวลาท้องถิ่น(ตรงกับเมืองไทย 23.47 น.) เกิดแผ่นดินไหวระดับ 5.2 ในเมืองลอร์กา ของสเปน ทำให้พลเรือนอย่างน้อย 10 รายเสียชีวิต อาคารหลายแห่งสั่นไหว ประชาชนต่างหนีตายออกมาอยู่บนถนน
แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้น ในความลึกเพียง 10 กิโลเมตร และสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงมาดริด โดยธรณีพิโรธครั้งนี้เกิดขึ้นตามหลังแผ่นดินไหวระดับ 4.4 ไม่ถึง 2 ชั่วโมง
ล่าสุดนายกรัฐมนตรีโฆเซ หลุยส์ โรดริเกซ ซาปาเตโร ได้รับแจ้งข่าวแผ่นดินไหวแล้ว และมีคำสั่งด่วนให้หน่วยฉุกเฉินของกองทัพ เข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
Mthai News

แผ่นดินไหวสเปน



<EMBED height=349 type=application/x-shockwave-flash width=425 src=http://www.youtube.com/v/M8_u1akeSd8?fs=1&hl=th_TH&rel=0 allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true">







Photo / Reuters /ITN NEWS / EPA
<LI class=news_src_item>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=1 width=500><TBODY><TR vAlign=center bgColor=#eeeeee><TD width=94>

กลุ่มเมฆที่ 1 : ​

</TD><TD> กลุ่มมเมฆฝนปกคลุมประเทศไทยตอนบนเนื่องจากมรสุมลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ทำให้มีฝนฟ้าคะนองกระจายในบริเวณดังกล่าว </TD></TR><TR vAlign=center bgColor=#eeeeee><TD width=94>

กลุ่มเมฆที่ 2 : ​

</TD><TD> กลุ่มเมฆฝนปกคลุมภาคใต้ อ่าวไทย และชายฝั่งทะเลอันดามันโดยมีฝนฟ้าคะนองในบริเวณดังกล่าว </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ชาวฟิลิปปินส์รณรงค์วันสิ้นโลก

กลุ่มแฟมิลี่ เรดิโอทิ้งงาน ทิ้งครอบครัวเดินทางแจ้งข่าวทั่วโลก
12 พ.ค. รายงานข่าวจากต่างประเทศแจ้งว่า กลุ่มคริสเตียน แฟมิลี่ เรดิโอ ที่เป็นกลุ่มศาสนาในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ส่งสมาชิกของกลุ่มเข้ามาในกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ พร้อมกระจายตัวไปตามถนนสายต่างๆ เพื่อแจกใบปลิวที่มีข้อความประกาศเตือนให้ชาวฟิลิปปินส์เตรียมเผชิญกับคำพิพากษาวันสิ้นโลก หรือ จัสต์เมนต์เดย์
ทั้งนี้ ตามคำทำนายของนายแฮโรลด์ แคมปิ้ง ประธานของกลุ่ม แฟมิลี่ เรดิโด ที่คาดการณ์ว่า วันสิ้นโลกจะอุบัติขึ้นเมื่อพระอาทิตย์อัสดงในช่วงเย็นของวันที่ 21 พ.ค. 2554 นี้
สำหรับ นายแคมปิ้ง อ้างว่า การคาดการณ์ของเขาใช้หลักการคำนวณทางคณิตศาสตร์ และ การถอดรหัสเรื่องน้ำท่วมโลกในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล แม้ว่าก่อนหน้าแคมปิ้ง จะเคยทำนายพลาด เมื่อฟันธงว่าโลกจะถึงกาลสิ้นสุดเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2537 แต่เขายืนยันว่า คำทำนายวันสิ้นโลกในวันที่ 21 พ.ค.นี้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ดังนั้น สมาชิกของกลุ่มแฟมิลี่ เรดิโอ ส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัครจากสหรัฐฯที่ทิ้งงาน โยบางคนถึงกับทิ้งครอบครัวออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อแจ้งเตือนวันสิ้นโลก
Mthai News


ข่าวต่างประเทศรายงานว่าพบเด็กชาย Ivan Stoiljkovic วัย 6 ขวบอาศัยอยู่ที่เมืองคอพรีฟนีตซา (Koprivnica) ทางตอนเหนือของประเทศโครเอเชีย (Northern Croatia) เมื่อถอดเสื้ออก เขาสามารถดูดสิ่งของที่เป็นโลหะเช่น ช้อน โทรศัพท์ กระทะ ให้ติดกับหน้าท้องได้
พ่อแม่ของเขาบอกว่า Ivan สามารถแบกรับน้ำหนักได้ถึง 25 กก. ซึ่งได้รับการยืนยันเมื่อ Ivan สามารถแบกถุงปูนที่หนักถึง 50 ปอนด์ (22.67 กก.)ได้
นอกจากนี้ Ivan ยังสามารถใช้ฝ่ามือของเขารักษาอาการบาดเจ็บต่างๆได้ด้วย Ivo ปู่ของIvan บอกว่าเมื่อหลานนำมือมาแตะที่ท้อง เขารู้สึกร้อนมากก่อนที่อาการปวดจะหายไป โดยเรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากเพื่อนบ้านซึ่ง Ivan ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาจากอุบัติเหตุจากรถแทรกเตอร์
ความสามารถพิเศษของ Ivan นั้นเหมือนกับตัวละคร Magneto ในการ์ตูนและภาพยนตร์ชื่อดัง “X-Men” ซึ่งมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายและควบคุมแม่เหล็กหรือโลหะได้
photo: Sipa Press/Rex Features
MThai News



****************************************
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทึ่ง! เด็กชายเซอร์เบียวัย 7 ขวบ เป็นมนุษย์แม่เหล็ก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(12 พ.ค.) บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ทำการขึ้นป้ายรณรงค์โหวตโน
โดยบนป้ายมีข้อความว่า “อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา” และ “ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง กาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน”
และยังมีภาพสัตว์ต่างๆ เช่น ควาย เสือ สุนัข ตัวเงินตัวทอง ลิง สวมชุดสูทและผูกไทด์
ขอบคุณภาพจาก เว็บไซต์ผู้จัดการ
Mthai News

 

ช่วงนี้มีการแห่ถอนเงินหรือแลกแบ็งค์ 100หรือ แบ็งค์ 500 ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเพราะยุบสภาแล้ว....ที่เหลือคิดกันเอาเองครับ.........100ห้อยยี้....

 

<TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=1 width=500><TBODY><TR vAlign=center bgColor=#eeeeee><TD width=94>

กลุ่มเมฆที่ 1 : ​

</TD><TD> กลุ่มมเมฆฝนปกคลุมประเทศไทยตอนบนเนื่องจากมรสุมลมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ทำให้มีฝนฟ้าคะนองกระจายในบริเวณดังกล่าว </TD></TR><TR vAlign=center bgColor=#eeeeee><TD width=94>

กลุ่มเมฆที่ 2 : ​

</TD><TD> กลุ่มเมฆฝนปกคลุมภาคใต้ อ่าวไทย และชายฝั่งทะเลอันดามันโดยมีฝนฟ้าคะนองในบริเวณดังกล่าว </TD></TR></TBODY></TABLE>


พอตกเย็นเมฆรวมตัวกันเยอะทีเดียว ดูท่าฝนกระหน่ำหลายพื้นที่

 

ขอขอบคุณความปรารถนาดีจากชาวคริสต์ทุกคนค่ะ ในนามคนไทย

เมื่อวาน ตอน 5 โมงครึ่ง (เย็น) มองเห็นพระอาทิตย์ 2 ดวง ทางทิศตะวันตก ดวงนึงใหญ่ ดวงนึงเล็ก (นิบิรุ?)

 

กรุงเทพ เมื่อวานนี้ และวันนี้ ตอนเย็นมีแต่เมฆฝนขนาดใหญ่
ไม่น่าจะเห็นดวงอาทิตย์ ....

 

ญี่ปุ่นจะเริ่มฆ่าปศุสัตว์ที่อยู่ในรัศมี 20 กม.รอบโรงไฟฟ้าฟูกุชิมะ​

​

โตเกียว 12 พ.ค.- รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศว่า จะเริ่มการฆ่าโคกระบือหลายพันตัวและปศุสัตว์อื่นๆ ในเขตอพยพรัศมี 20 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ

เกษตรกรในท้องที่ต้องละทิ้งโคเนื้อ โคนม สุกร ไก่และสัตว์อื่นๆ เมื่อพวกเขาต้องอพยพออกจากพื้นที่รอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ ไดอิจิ หลังเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิวันที่ 11 มีนาคม ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้า

นายยูกิโอะ เอดาโนะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นเผยว่า รัฐบาลจะสั่งการไปยังจังหวัดฟูกุชิมะให้เริ่มการฆ่าปศุสัตว์ที่อยู่ในรัศมี 20 กิโลเมตรโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของ ทั้งนี้ ภาพข่าวที่ถ่ายไว้โดยผู้สื่อข่าวที่อยู่ในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าก่อนถูกปิด พบว่ามีวัวเป็นจำนวนมากถูกปล่อยทิ้งเดินเพ่นพ่านบนถนนที่ว่างเปล่า และตามตลิ่งของแม่น้ำ นายเอดาโนะบอกว่าการฆ่าเป็นมาตรการสุดท้าย หลังจากชั่งน้ำหนักกับทางเลือกอื่นๆ แล้ว

ในจำนวนสัตว์ที่ถูกฆ่า จะมีวัวกว่า 10,000 ตัวที่เคยสร้างภาคภูมิใจให้แก่จังหวัดฟูกุชิมะ เนื่องจากให้ผลผลิตเนื้อและนมจำนวนมากจนได้รับรางวัล แต่ปศุสัตว์เหล่านี้ต้องถูกทิ้งไว้ให้เผชิญชะตากรรม และต้องตายลงจากความหิวโหย

เกษตรกรที่เดินทางกลับเข้าไปในพื้นที่อย่างเงียบๆ เมื่อต้นสัปดาห์เพื่อไปให้อาหารปศุสัตว์ กล่าวว่า โคหนุ่มบางตัวล้มตายลงหรือไม่ก็ถูกสัตว์ป่าในบริเวณนั้นล่ากินเป็นอาหาร ส่วนสุกรหลายพันตัว ไก่และปศุสัตว์อื่นๆ ตายอยู่ในคอกเพราะขาดน้ำและอาหาร.-สำนักข่าวไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 12 พ.ค. 2554

เทปโก้พบน้ำปนเปื้อนไหลลงทะเลอีกครั้ง​

​

ญี่ปุ่น 12 พ.ค. - บริษัทเทปโก้ พบน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีระดับสูงไหลลงสู่มหาสมุทรอีกครั้ง บริเวณใกล้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์

เมื่อเช้าวานนี้ คนงานของบริษัทเทปโก้ ตรวจพบน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี ไหลออกมาจากท่อในบ่อพักน้ำ ใกล้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 3 นอกจากนี้ ยังพบน้ำปนเปื้อนไหลออกมาจากผนังบ่อพักน้ำลงสู่มหาสมุทรด้วย ในน้ำที่รั่วไหลพบว่ามีสารกัมมันตรังสีซีเซียม-134 ปนเปื้อนสูงถึง 37,000 เบคเคอเรลต่อลูกบาศก์เซนติเมตร มากเกินขีดความปลอดภัยที่กำหนดโดยรัฐบาลถึง 620,000 เท่า ขณะนี้เทปโก้กำลังพยายามหยุดการรั่วไหลให้ได้ หลังจากที่ปิดท่อและเทคอนกรีตทับบ่อพักน้ำไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 12 พ.ค. 2554

ชาวสเปนหลายร้อยคนเข้าแถวรับอาหารหลังเกิดแผ่นดินไหว​

​

ลอร์กา 12 พ.ค. - ประชาชนหลายร้อยคนเข้าแถวรอรับอาหารจากเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ฉุกเฉินในเมืองลอร์กาของสเปนวันนี้ โดยยังไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้าน ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน

นายฟรานซิสโก โจดาร์ นายกเทศมนตรีเมืองลอร์กา เปิดเผยว่า 1 ใน 3 ของประชากร 90,000 คน ในเมืองลอร์กา ต้องอาศัยอยู่กลางแจ้งตลอดคืน หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 5.3 ริกเตอร์ เมื่อวานนี้ ด้านนายเอ็ดการ์ โรซาเลส ผู้อพยพชาวเอกวาดอร์ วัย 38 ปี เปิดเผยว่า เขาอาศัยนอนบริเวณจัตุรัสแห่งหนึ่งตลอดทั้งคืน โดยมีเจ้าหน้าที่นำอาหารและผ้าห่มมาให้ เพราะพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปที่บ้าน จนกว่าวิศวกรจะเดินทางไปตรวจสอบอาคาร

ด้านพรรคสังคมนิยมซึ่งเป็นพรรครัฐบาลและพรรคประชานิยมซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน สั่งระงับการรณรงค์หาเสียงสำหรับการเลือกตั้งทั่วประเทศที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 พ.ค.นี้ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาจากเหตุแผ่นดินไหว

แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.46 น. ตามเวลาท้องถิ่นวานนี้ หรือตรงกับเวลาประมาณ 23.46 น. ตามเวลาในไทย กองทัพส่งทหาร 200 นาย ไปยังพื้นที่ดังกล่าวแล้ว เพื่อให้ความช่วยเหลือและปิดล้อมอาคารที่เป็นอันตราย. - สำนักข่าวไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 12 พ.ค. 2554

ที่มา http://www.mcot.net

 

"เรื่องของการอดอาหาร"​

​

สังคมโลกรวมทั้งประเทศไทยในช่วง 2 - 3 ปีมานี้ เรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องพูดจากันมากนอกจากการบ้าคลั่ง "ความขาว" แล้ว อีกเรื่องคือการอดอาหารและกระทำการต่างๆเพื่อที่จะมีร่างกายผ่ายผอมของผู้คนทั้งหลาย ซึ่งตอนนี้ทั้งชายหญิงตั้งแต่เด็กมัธยม ก็เริ่มคิดจะ"อด"เพื่อรูปร่างที่สวยงามกันแล้ว

ผมอ่านก็รู้สึกแปลกๆอะไรบางอย่างจำได้ว่าตอนสมัยเรียนมหาลัยผมเคยทึ่งเพื่อนมุสลิมคนหนึ่งมากๆ เพราะในช่วงเวลาแห่งเดือนนี้ มันจะไม่ยอมดื่มกินใดใดทั้งสิ้นในช่วงเวลากลางวัน แต่ที่นับถือมันมากๆคือ ช่วงเที่ยงแทนที่มันจะไปนั่งเงียบๆ มันกลับมานั่งคุยกับพวกผมที่โต๊ะอาหารอย่างสบายอารมณ์ แต่ลดการใช้สรรพนามที่รุนแรงลงไป

ในช่วงนี้ไม่แค่อดอาหาร เพื่อนผมบอกว่าพวกเขาจะต้องไม่เสพยาต่างๆ ไม่มีเพศสัมพันธ์ ไม่ทำสิ่งใดใด ทั้งพูด คิด กระทำ ที่ไม่ดี – ทั้งนี้พอถึงยามหัวค่ำก็จะพากันไปสวดที่มัสยิดและร่วมรับประทานอาหารหลังจากอดมาตลอดวัน ทั้งนี้ผมก็เคยถูกเพื่อนมันพาไปแจมหลายครั้ง - ยังจำรสชาติแกงแพะที่อร่อยมากๆได้อย่างดี

จริงๆแล้วการ"อด"เท่าที่ผมรู้มีอยู่ในทุกๆศาสนา ถ้าใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Chocolate คงพอจำกันได้ว่าหนังมีฉากหลังในช่วงวันศีลมหาพรตในช่วง 40 วัน ซึ่งชาวคริสต์ที่เคร่งครัดส่วนหนึ่งตีความว่าควรจะอดอาหารกัน บางคนก็อดครึ่งวัน บางคนงดกินเนื้อสัตว์ บางคนที่ผมรู้จักอดทั้งวันศุกร์เลยก็มี

ศาสนายิวไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นฐานแรกของทั้งคริสต์และอิสลามอยู่แล้วเขามีช่วงอดอาหารที่เรียกกันว่าวัน ยำ คิบบูรร์ (Yom Kippur - ผมไม่แน่ใจว่าสะกดถูกไหมนะครับ)

ศาสนาพุทธพระสงฆ์จะต้องไม่ทานอาหารหลังเที่ยงวันเป็นต้นไป ถ้าหากเป็นคนทั่วไปที่ถือศีล 8 ก็ต้องกระทำการเช่นนั้นเหมือนกัน ไม่แค่อดอาหาร ยังต้องไม่นอนบนฝูกและไม่ดูสิ่งบันเทิงต่างๆ ซึ่งดูดูไปก็ใกล้เคียงกับการกระทำของมุสลิมช่วงเดือนรอมฎอนเต็มที


พื้นฐานในการอดในแง่ความหมายอาจแตกต่างกันแต่จุดประสงค์ผมว่าใกล้เคียง ศาสนายิว คริสต์ อิสลาม เป็นศาสนาที่นับถือพระเจ้า - ผมมองว่าการที่เรายอมสยบและนับถืออะไรสักอย่างเป็นที่สุด จนยอมระงับความต้องการบางอย่างของตน ทำให้รู้สึกร่วมกันในความอด ทำให้เราสามารถลดทอนตัวตนลงได้ การละ ลด บางอย่างเหมือนกันทั้ง สลุต่าน - มหาเศรษฐีไปจนถึงกรรมกร ทำให้รู้ว่าทุกคนย่อมเท่าเทียมกันในสถานการณ์หนึ่งต่อพระเจ้า

ที่สำคัญคือการที่เรารู้ความทุกข์ย่อมเกิดเมตตาธรรมต่อผู้ทุกข์ยากได้ง่าย คนเราหากไม่เคยหิว ก็ไม่รู้หรอกว่าความหิวมันทรมานแค่ไหน และเมื่อรู้แล้วก็ย่อมเต็มใจช่วยผู้อื่นที่หิวโหยได้ง่ายขึ้น

ผมเองนับถือศาสนาพุทธ เคยเข้าร่วมการอด(และถือศีลแปด)ในวันพระร่วมกับพุทธศาสนิกชนท่านอื่นบ้าง (นานล่ะนะแต่ยังจำได้) พอเข้าใจถึงเจตนาการในตัดกิเลศ การปลดปล่อยตัวเองจากความอยากทั้งปวง และทำให้จิตเมตตาต่อผู้อดอยากคนอื่นๆได้อีกด้วย

คิดให้ตรงกับพระธรรมผมคิดว่าตรงกับข้อการละติดจากอุปทานขันธ์ทั้ง 5 (ขันธ์แปลว่าเครื่องผูก) ให้ยึดติดกับตัวตนมีอัตตา โดยเฉพาะข้อ 2 คือ สุขเวทนาคือยึดติดกับความสุขทางการกินอาหาร และ ข้อ 4 คือ สังขาร ให้รู้ว่าร่างกายควรมีความพอเพียงในการรับประทาน

กลับมาตอนต้น - สังคมทั่วโลกวันนี้มีการอดอาหารกันตั้งแต่มัธยม ผมไม่แน่ใจว่าเริ่มจากไหน แต่การคลั่งรูปร่างที่สวยงามสำหรับผมถือเป็นเรื่องโบราณมากๆ (ย้อนหลังไปได้ถึงยุคสปาร์ต้าได้เลย) ผู้หญิง(ถ้าไม่เด็กมากนะ)ยังพอทำเนา เพราะเรื่องรักสวยงามเป็นเรื่องที่ผมเข้าใจได้ แต่เดี๋ยวนี้ผู้ชายบางคนก็ยืนยันกับผมทางทีวีว่าควรจำกัดอาหาร / ออกกำลังให้หุ่นเฟริมม์

มันก็ทำให้ผมทึ่งได้เหมือนกัน เพราะว่าการกระทำของพวกเขาเหล่านั้น เป็นการตอบสนองต่อกิเลศล้วนๆ ยอมสยบให้แก่ทัศนคติที่ถูกหรือผิดก็ไม่รู้ทางสังคมเพื่อรักษาสถานะบางอย่างเอาไว้ ยอมรับให้ระบบทุนนิยมนำทางอย่างเต็มตัว ทั้งนี้การกระทำมีการยึดติดตัวตนและอัตตาเต็มไปหมด

ถ้าเทียบกับการ"อด"ในแง่มุมทางศาสนาทั้งหลาย ซึ่งมุ่งเน้นในการสลายตัวตนและยอมศรัทธาในอำนาจแห่งความดีงาม ทำให้ผมสงสัยว่าวัฒนธรรมการ"อด"ที่แพร่หลายไปทั่วโลกที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆต่อการชำระจิตใจเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว จะพาสังคมโลกไปทางไหน น่าคิดเหลือเกินว่าพระเจ้าองค์ใหม่ที่พวกเขาสยบจะเป็นอะไร.......

ครับ วันนี้คือวันแรกของเดือนรอมฎอนหรือช่วงถือ"ศีลอด"ของพี่น้องชาวมุสลิมทั้งหลาย และแทบจะทุกศาสนาก็มีการ"อด" ที่มีความหมายทั้งทางศีลธรรมรวมทั้งการชำระจิตใจให้สะอาดสืบเนื่องกันมาแต่อดีตนับพันปีทั้งสิ้น แต่ก็รู้สึกว่าพลังของทางศาสนาก็เริ่มอ่อนแรงไปเรื่อยๆแล้ว ถึงวันนี้ผมก็ได้แต่หวังว่าพลังศรัทธาทางศาสนาเหล่านี้จะต่อสู้กับระบบสังคมและทุนนิยมที่กำลังครองโลกในสมัยนี้ได้ต่อไป.....

โดย cozy

ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=114781

ลิ้งค์ข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน

ศีลอดในศาสนาอื่น

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ระทึก ฟ้าผ่า "เครื่องบินแอร์บัส" บรรทุกนักเดินทาง 500 ชีวิต </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 11 พ.ค.ว่า

ช่างภาพรายหนึ่งเปิดเผยภาพเหตุการณ์ระทึกขวัญ เครื่องบินแอร์บัส รุ่น A380 บรรทุกผู้โดยสาร 500 คน ถูกฟ้าผ่าขณะกำลังบินลงจอดยังสนามบินฮีทโธรว์ ประเทศอังกฤษ โดยฟ้าผ่าที่รุนแรงได้ฟาดผ่านลำตัวของเครื่องบิน แต่ปรากฎว่า เครื่องบินปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายใด ๆ จากเหตุระทึกดังกล่าว โดยเครื่องบินได้จอดลงบนรันเวย์อย่างปลอดภัย ไม่มีร่องรอยความเส่ียหายใด ๆ จากฟ้าผ่า และลูกเรือพร้อมผู้โดยสารทั้งลำก็ปลอดภัย

รายงานระบุว่า ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกไว้โดยนายคริส ดอว์สันช่างภาพ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเขาบอกว่า ตนเองได้เห็นเมฆพายุ และคิดว่า สภาพดังกล่าวน่าจะทำให้เกิดฟ้าผ่าได้

อย่างไรก็ตาม นายเดวิด เลอร์มอนท์ บรรณาธิการนิตยสาร "Flightglobal" บอกว่า

เขาไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด ที่เครื่องบินดังกล่าว สามารถรอดพ้นอันตรายจากการถูกฟ้าผ่า เพราะในความเป็นจริงแล้ว เครื่องบินต่าง ๆ ก็ถูกฟ้าผ่าหลายครั้งต่อปี เนื่องจากเครื่องบินเป็นเหมือนสายล่อฟ้า โดยลำตัวของเครื่องบินจะมีโลหะประกอบไว้เพื่อเป็นเหมือนสายล่อฟ้า เพื่อให้ไฟฟ้าสามารถลอดผ่านไปได้ แต่หากเครื่องบินไม่มีโลหะดังกล่าว เมื่อถูกฟ้าผ่าก็จะระเบิดทันที

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>

<OBJECT name=flashObj codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 width=486 height=412>
























<embed type="application/x-shockwave-flash" name="flashObj" height="412" width="486" pluginspage="http://www.macromedia.com/shockwave/download/index.cgi?P1_Prod_Version=ShockwaveFlash" swliveconnect="true" seamlesstabbing="false" base="http://admin.brightcove.com" flashvars="videoId=940280644001&playerId=1418452869&viewerSecureGatewayURL=https://console.brightcove.com/services/amfgateway&servicesURL=http://services.brightcove.com/services&cdnURL=http://admin.brightcove.com&domain=embed&autoStart=false&" bgcolor="#FFFFFF" src="http://c.brightcove.com/services/viewer/federated_f8/1418452869"></embed></OBJECT>​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></P><TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ศชอ.แจ้งเตือนน้ำป่าหลากช่วยน้ำท้วมดินถล่ม </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย แจ้งเตือนน้ำป่าหลากช่วยน้ำท้วมดินถล่ม


วันนี้ 12 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไพบูลย์ ดอนศรีจันทร์ ผู้ช่วยเลขานุการศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ว่า ศชอ. ได้รับรายงานว่าสถานการณ์ฝนตกเริ่มคลี่คลายแล้ว ในระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค. แต่ยังต้องแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคใต้ ได้แก่ จ.ลำปาง ลำพูน แพร่ ระนอง และ พังงา อย่างไรก็ตามในระหว่างวันที่ 14-16 พ.ค. จะมีร่องมรสุมพาดผ่าน ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มีฝนตกชุกหนาแน่นมากขึ้น

ส่วนการให้ความช่วยเหลือประชาชนใน 9 อำเภอ ของ จ.ลำปาง ที่ประสบปัญหาน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลันนั้น

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัด ได้มอบถุงยังชีพจำนวน 500 ถุง พร้อมจัดกำลังพล 50 นายเข้าช่วยเหลือแล้ว ในส่วนของ จ.สุโขทัย ที่ประสบปัญหาคันตลิ่งแม่น้ำยมขาด 2 ช่วง ส่งผลให้น้ำไหลบ่าท่วมบ้านเรือน ขณะนี้ทางเทศบาลได้เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่แล้ว สำหรับเหตุโคลนดินถล่มปิดเส้นทางสายบ่อน้ำร้อนทักษะวาริน-หาดส้มแป้น จ.ระนอง นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีป้องกันและบรรเทาสารธารณภัย กล่าวว่า ได้ประสานให้สำนักงานทางหลวงชนบท ดำเนินการตักดินออกรวมทั้งทำความสะอาด จนสามรถใช้เส้นทางสัญจรผ่านได้ตามปกติแล้ว.


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ประมุขสงฆ์85ปท.ทั่วโลกร่วมวิสาขบูชาโลก </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ประมุขสงฆ์85 ประเทศทั่วโลกร่วมประชุมวิสาขบูชาโลก ผู้นำชาวพุทธทั่วโลกเจริญพระพุทธมนต์ ถวาย “ในหลวง”


วันนี้ 12 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมอาคาร มวก. 48 พรรษา มหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา มีการประชุมชาวพุทธนานาชาติ เนื่องในวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2554 ซึ่งมี สมเด็จพระสังฆราช ประมุขสงฆ์ และพระสงฆ์ กว่า 1,000 รูป และพุทธศาสนิกชนอีกกว่า 700 คน จาก 85 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมประชุม โดย สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน พร้อมกล่าวสัมโมทนียกถาว่า องค์การสหประชาชาติ ได้พิจารณาเห็นความสำคัญของพระธรรมที่แผ่ขยายกว้างออกไปทั่วโลก จึงมีมติให้วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญสากลของโลก และในปี 2554 รัฐบาลยังได้จัดงบประมาณเพื่อส่งเสริมให้มีการปฏิบัติธรรม เผยแพร่พระธรรม ซึ่งนับเป็นการบูชาที่สูงส่งยิ่ง สมกับคำว่าวันวิสาขบูชา

หลังจากนั้นในเวลา 13.00 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์ไปทรงเป็นประธาน เปิดการประชุมชาวพุทธนานาชาติ โดยทรงมีพระดำรัสว่า การจะพัฒนาสิ่งใดนั้นต้องเริ่มที่การพัฒนามนุษย์ก่อนเป็นอันดับแรก และการพัฒนามนุษย์ที่สำคัญที่สุดก็คือ การพัฒนาจิตใจให้มีความคิดความเห็นในทางที่ถูกต้อง รู้และเข้าใจสิ่งต่างๆ ตามที่เป็นจริง เรื่องการพัฒนาจิตใจคนนี้ เป็นสิ่งที่พระพุทธศาสนาให้ความสำคัญอย่างมาก เห็นได้จากหลักธรรม คำสอน ซึ่งเน้นให้บุคคลรู้จักเหตุ รู้จักผล สามารถใช้ปัญญาพิจารณาเรื่องต่างๆ ได้อย่างถูกถ้วน อันจะนำไปสู่การประพฤติดี ประพฤติชอบ เป็นประโยชน์แท้ ผู้ที่ได้รับการพัฒนาจิตใจ จึงเป็นผู้ที่สามารถสร้างสรรค์ พัฒนาสิ่งต่างๆ ให้เจริญก้าวหน้าได้จริง

พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดี มจร. ในฐานะประธานกรรมการดำเนินการจัดประชุมฯ กล่าวว่า หัวข้อการประชุมครั้งนี้ คือ “พุทธธรรมกับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ” ซึ่งกำหนดขึ้นเพื่อการประชุมในปีนี้โดยเฉพาะ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากจะมีการนำแนวทางการพัฒนาประเทศของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงใช้หลักธรรมในการพัฒนาประเทศเข้าหารือในการประชุม ก่อนที่จะออกเป็นมติ และปฏิญญาเพื่อให้แต่ละประเทศนำไปประยุกต์ใช้

“การกล่าวสุนทรพจน์ในช่วงเช้า สมเด็จพระสังฆราชเทพวงศ์ และสมเด็จพระสังฆราชบัวคลี่ จากประเทศกัมพูชา ได้กล่าวชื่นชม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงประยุกต์ใช้หลักธรรมในการพัฒนาประเทศ ขณะเดียวกัน นายมหินทา ราชปักษา ประธานาธิบดีศรีลังกา ได้ส่งสาสน์ยกย่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเช่นกัน พร้อมทั้งได้ถวายพระพรเนื่องในโอกาสเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษาด้วย นอกจากนี้ในวันที่ 13 พ.ค. เวลา 17.00 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดมาตุ จะเสด็จเป็นประธาน ในการเจริญพระพุทธมนต์ และเจริญจิตภาวนา ถวายพระพรชัยมงคลและถวายพระราชกุศล ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยจะมี สมเด็จพระสังฆราช และประมุขสงฆ์ที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ 74 รูป และพระสงฆ์จากประเทศไทย 11 รูป ร่วมเจริญพระพุทธมนต์ ส่วนผู้นำชาวพุทธกว่า 1,000 คน จาก 85 ประเทศ ก็จะร่วมพิธีโดยรอบพระอุโบสถด้วย” อธิการบดี มจร.กล่าว.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้นลมกระโชกถึง15พ.ค. </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งกับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ถึง15พ.ค.

วันนี้ 13 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานพยากรณ์อากาศ ลักษณะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่เข้ามาปกคลุมตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในวันนี้ (13 พ.ค.54) ลักษณะเช่นนี้จะทำให้มีแนวร่องมรสุมพาดผ่านตอนกลางของประเทศและจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นโดยมีฝนตกหนักบางแห่งกับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ในช่วงวันที่ 12-15 พ.ค.54

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

พระพุทธศาสนาสอนให้นักปฏิบัติเชื่ออย่างมีเหตุและผล(กาลามสูตร) พระพุทธองค์ปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่างในช่วงออกแสวงหาความหลุดพ้น ผลสรุปให้เดินสายกลาง แล้วเราเป็นสาวกของพระองค์ท่าน จะคิดมากกันไปทำไม ทำตามพระองค์ท่านก็พอแล้ว.........

 

คนในโลกที่ตายไปนั้นมีเพียง 1% เท่านั้นที่เดินขึ้นสวรรค์ 99% ไปนรก !!!​

​

สาส์นจากท่านปู่พระยายมราช ท่านผู้เป็นใหญ่ในนรกโลก ​

ทุกคนให้ตัดความสงสัยในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เสีย ผู้ใดลังเลในพระรัตนตรัยไม่ถึงธรรมนะลูกทุกคน เร่งสร้างกุศลทำให้ดีให้จริงจัง นิวรณ์ทั้ง 5 จงตัดทิ้งออกไปจากจิต (นิวรณ์ 5 คือ 1. ความรักในรูป รส กลิ่น เสียง 2. ความหงุดหงิดไม่พอใจ 3. ความง่วงเหงาหาวนอนขี้เกียจในการปฏิบัติธรรม 4. ความฟุ้งซ่านคิดไร้สาระคิดแต่ในทางโลกไม่คิดทางออกจากขันธ์ 5 5. ความลังเล สงสัยในผลของการปฏิบัติธรรมตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน คิดว่าไม่มีผลจริง)​

ข้างล่างคือ นรกโลก มีผีนรกมากมาย พวกผีนรกนี้ก็มาจากคนที่ทำผิดศีล 5 ฆ่าสัตว์ฆ่าคน ลักขโมย มีชู้ พูดปด คดโกง พูดให้คนเป็นทุกข์ ดื่มสุรายาฝิ่น เล่นการพนัน เป็นต้น ไม่กตัญญูต่อคุณพ่อ คุณแม่ผู้มีพระคุณ ปรามาสพระอริยเจ้า ก็ลงนรกได้ ทำไมคนไม่เลือกเดินทางไปสวรรค์กันเล่า ทำไมคนจึงเลือกเดินทางไปนรกกัน ตอบได้ไหม ? เพราะความไม่รู้คิดว่านรก สวรรค์ไม่มีจริง คิดว่าตายแล้วสูญ ชาตินี้มีชีวิตอยู่ชาติเดียวจบกัน ถ้าเข้าใจผิดมีอวิชชาแบบนี้ ปัญญาย่อมไม่เกิด แล้วจะเดินขึ้นสวรรค์ได้อย่างไรเล่า คอยถามพวกผีหรือวิญญาณของคนที่ตายแล้วทุกวันถึงบุญกุศลความดีที่เคยทำไว้ในสมัยเป็นคน ถ้านึกได้ข้าก็ให้ไปเสวยสุขที่สวรรค์ก่อน มันก็ระลึกถึงบุญกุศลกันไม่ออกสักคนสักตัว​

พวกผีนรกพวกนี้คือ คนที่ตลอดชีวิต ไม่เคยสร้างบุญกุศลเขาก็ระลึกนึกถึงความดีไม่ได้ ถ้าเขาใส่ใจบุญกุศลสักนิดเช่น ตักบาตร ไหว้พระ สวดมนต์ ทำบุญให้ทาน ตอบแทนพระคุณพ่อแม่เขาก็จะนึกออก สร้างพระพุทธรูป ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน วิหารทานดีทั้งนั้นไปสวรรค์ได้ง่าย เพราะเขาไม่ทราบว่ากฎของกรรมดี กรรมชั่ว มีจริง เขาจึงต้องเวียนกลับไปสู่แดน อบายภูมิ มีนรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉานเป็นต้น​

อย่านึกว่าปู่ดีใจนะที่ได้เห็นพวกเจ้าลงนรกกัน นึกหรือว่าทรมานวิญญาณผีนรกแล้วมันสุขใจ ท่านปู่พระยายมราชเป็นทุกข์ใจมาก สวรรค์มีทางกว้างขวางไปก็ง่ายมาก ทำไมไม่ไปทางสวรรค์ นรกไม่มีประตูปิดกั้นหมดแล้ว คนก็ยังจะดันแส่หาเรื่องผิดศีลเข้าไปจนได้​

หากเจ้าจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ แล้ว ในบรรดาคนในโลกที่ตายไปนั้นมีเพียง 1 % เท่านั้นที่เดินขึ้นสวรรค์ หายากนะลูก 99 % ไปนรก ​

เพราะความไม่เข้าใจในชีวิตจิตเศร้าหมองติดอยู่ในคนรัก ในทรัพย์สินเงินทองก่อนตาย ไม่ได้นึกถึงพระในศาสนาของตน นึกถึงพระศาสดาองค์ใดก็ดี ทั้งนั้น จิตจะสะอาด พวกที่เขาตายโดยอุบัติเหตุก็ให้ญาติรีบทำสังฆทาน ถวายอาหาร พระพุทธรูป (ขนาดไหนก็ได้ ) ผ้าไตรจีวร และปัจจัยสร้างวิหาร วัดไหนก็ได้ เป็นสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน ทำสมาธิภาวนา อุทิศส่วนกุศลเจาะจงให้แก่ผู้ตายแล้วโดยตรง ก่อนที่เขาจะลงนรกเขารับรู้และอนุโมทนา ก็จะพ้นขุมนรก​

เพื่อความแน่ใจว่าผู้ตายจะได้รับบุญที่ญาติส่งไปให้ ก็กล่าวขอมอบฝากกับท่านปู่พระยายามราช ขอให้ท่านบอกกับผู้ตายชื่อนั้นชื่อนี้ ให้เขาได้โมทนา ความเป็นทิพย์ของท่านปู่พระยายมราชมี ท่านรับทราบท่านเต็มใจที่จะบอก เพราะท่านไม่ต้องการให้ใครลงนรก เพราะบางครั้งคนตาย ทำบุญกุศลมามากตอนมีชีวิต แต่ก่อนตายตกใจจิตว้าวุ่น วิตกกังวลกลัวเป็นห่วงญาติห่วงทรัพย์สมบัติจิตเศร้าหมองจิตวิญญาณก็ไปทางต่ำคือ อบายภูมิ ผู้รับอนุตตรธรรม รับธรรมไว้ในจิตใจไม่ผิดศีล 5 อีกต่อไป ย่อมได้รับการโปรด หลุดพ้นจาการควบคุมของยมฑูต มีการไหว้พระสวดมนต์ มีพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์อยู่ในใจก็มีเทพเทวดาคอยรักษาคุ้มครองป้องกันภัย​

ทุกคนมีบาป ทุกคนจึงต้องรีบเร่งทำบุญหนีบาป บาปเก่าอดีตชาติยังคอยจ้องติดตามเราอยู่ตลอดเวลา รีบเตรียมรับกรรม อย่ากลัวตาย จงพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับบาปกรรม บาปกรรมที่หนักที่สุดก็คือ เจ้าจะได้รับความเจ็บปวดรวดร้าวก่อนที่ร่างกายจะแยกแตกสลายตายไปนะแหละ จำไว้เถิดลูกเอ๊ย จงรีบเร่งใช้สติปัญญาที่เรามี พิจารณาขันธ์ 5 ให้ได้มากที่สุด คือ สักกายทิฎฐิ นะแหละให้พิจารณาว่าร่างกายขันธ์ 5 เป็นทุกข์ เป็นโทษ เป็นของสกปรก ไม่ใช่ของเรา จิตเป็นของเรา จะบังคับร่างกายก็ไม่ได้ ต้องปล่อยทำเฉย ๆ ทิ้งร่างกายขันธ์ 5 เป็นเรื่องของโลกของธาตุ 4 ดินน้ำลมไฟเสีย นั่นแหละเจ้าจะปลดกรรมเก่าได้​

พอปลดปล่อยขันธ์ 5 ออกจากจิตเจ้าได้แล้วมันก็จะทุกข์น้อยลง เมื่อบาปกรรมเก่าของเจ้ามาถึง เจ้าก็จะคิดว่า กรรมเก่าทำเจ้าได้เฉพาะร่างกายเท่านั้น จิตเจ้าชนะร่างกายไม่เป็นทาสของร่างกายแล้ว และร่างกายก็ไม่ใช่ของเจ้าแล้วจะเจ็บจะปวดทรมานอย่างไรก้เป็นเรื่องของขันธ์ 5 จิตของเจ้าก็จะนอนยิ้ม เพราะเห็นว่าร่างกายมันไม่ใช่ของเจ้านี่ มันจะตายเพราะใช้บาปกรรมก็ดี ยอมตายดีกว่าใช่ไหม มันจะได้ไม่เจ็บปวดทรมานต่อไป เจ้ากรรมนายเวรจะน้อยลง รีบหนีไปนิพพานเสียให้หมดทุกคน หากใช้มโนมยิทธิจะรู้ว่าทุกคนมีเจ้ากรรมนายเวร คือ บาปเก่ารออยู่ข้างหลังพวกเจ้าทุกคน​

สิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดคือ ร่างกายของคน อย่าหลงรักของชั่วร้าย คือ กายเรา กายเขา คือขันธ์ 5 เราขันธ์ 5 เขาต้องไล่ ขันธ์ 5 ร่างกายนี้ออกจากจิต ถ้าไม่ไล่ร่างกายของเจ้าออกจากจิตเจ้า เจ้าก็จะทุกข์กายทุกข์จิตใจแน่นอน ที่บอกมาก็เพราะต้องการให้เจ้าใช้กรรมด้วยปัญญา ไม่ให้หลงฤทธิ์ ถอดจิตหนีขึ้นนิพพานอย่านึกว่าพ้นนะ การทำบุญ เปรต สัมภเวสี เทวดา เขารอโมทนาเยอะ ถ้าผีวิญญาณที่เขาได้รับบุญกุศลที่เราอุทิศแผ่ไปเขาก็จะได้รับอภัยโทษ ให้ไปเกิดเป็นคนบ้าง ไปเกิดเป็นเทวดาบ้าง จงใช้มโนมยิทธิของเจ้าดู บ้างก็ไปเสวยบุญชั่วขณะตามกำลังของบุญ เมื่อหมดก็มาขอบุญอีกก็มีเยอะ ดังนั้นเจ้าควรจะทำสมาธิภาวนาแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญกุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกยิ่งดี​

ผู้ที่ขยันแผ่เมตตาจิตไปทั้ง 3 โลก คือ 1. นรกโลก 2. มนุษย์โลก 3. เทวโลก พรหมโลก จึงเป็นที่รักใคร่ของมวลเทพเทวดา และมนุษย์ผีวิญญาณเร่ร่อนทั่วไป ปรทัตตูปชีวเปรตจะคอยโมทนา จงท่องคำอุทิศส่วนกุศลให้ทุกท่านได้โมทนาอยู่เป็นประจำก็จะดีมาก จะผ่านท่านปู่พระยายมราชได้ยิ่งดี ท่านจะจำนำเป็นพยานที่เจ้าได้ทำบุญกุศลไว้ตอนเป็นคนให้ จงพูดถึงข้า คือท่านปู่พระยายมราชทุกครั้งเมื่อกระทำบุญ​

เมื่อเจ้าลงนรกไปด้วยความประมาทไม่ได้นึกถึงบุญความดีหรือพระพุทธเจ้าก่อนตาย ข้าหรือท่านปู่พระยายมราชจะได้บอกว่า เจ้าเคยฝากบุญไว้กับข้า คือท่านปู่พระยายมราชมาก่อน ข้าก็จะบอกให้เจ้าที่ผ่านสำนักพระยายมราชว่า จงโมทนาสาธุยินดีในบุญความดีเสีย บาปจะได้ตามไม่ทันจะได้พ้นนรก ถ้าเจ้ามีกำลังจิตจะฝากบุญกุศลให้แก่จิตวิญญาณของ คนทั้งโลกก็ได้ ข้าก็จะได้บอกเขาว่ามีคนฝากบุญกุศลให้เขาโมทนา ถ้าเขารับได้เขาก็จะพ้นทุกข์ตามกำลังของจิตของเขาที่ทำบุญกุศลได้​

ถ้าหากเจ้าคิดจะแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ ทั้ง 3 โลกให้ทำดังนี้จะสะเทือนไปถึงทั้ง 3 โลก แต่เจ้าต้องมีศีล5บริสุทธิ์ เป็นอย่างต่ำ และมีบุญทานภาวนาเป็นอย่างสูง ให้ว่าดังนี้​

พระคาถาแผ่เมตตาทั่วไตรภพ สวดในนามพระพุทธเจ้าแล้ว แผ่เมตตาจิตไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก(นรกโลก มนุษย์โลก เทวโลก) สวดอย่างน้อย 9 จบ อย่างมากตลอดเวลา​

นโมพระพุทธสิกขีพระพุทธเจ้า
ขอได้โปรดดลบันตาลให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก
ได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติวัฏฏสงสารโดยสิ้นเชิง
ด้วยพระบารมีมิอาจประมาณ
ลูกขอนอบน้อมนมัสการด้วยจิตใจ
ขอให้ลูกมีจิตสะอาดสว่างใส
หลุดพ้นไซร้สู่บ้านนิพพานเทอญ
สัมปะจิตฉามิ​

คุณประโยชน์ของการอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาจิตให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกไปกับฉัพพรรณรังสี รัศมี 6 ประการ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์แรกเริ่มมีดังนี้​

1. โปรดช่วยสรรพสัตว์ได้ แดนเปรต อสุรกาย มนุษย์โลก สัตว์ทั้งที่มีชีวิตและเป็นภูมิผีวิญญาณเร่ร่อน แผ่ไปทั่วเทวโลก พรหมโลก ได้รับโมทนาบุญกับเรา การแผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก รวมถึงเจ้ากรรมนายเวร จงทำทุกวัน จงตัดเวรตัดกรรม ให้อโหสิกรรมต่อกัน ยกเป็นอภัยทาน ถวายพระพุทธเจ้า ถ้าเราโกรธตอบจะเพิ่มภพชาติให้เกิดมาใช้หนี้เวรกรรมกันอีก​

2. สวดด้วยจิตศรัทธาแท้ เทพ พรหมรักใคร่ สรรเสริญ เมตตาติดตามรักษาเราให้อยู่เย็นเป็นสุข​

3. สวดตลอดเวลา คิดปรารถนาสิ่งใดก็สมหวัง​

4. สวดตลอดเวลาจิตเป็นสมาธิ ภาวนาจิตไม่ฟุ้งซ่าน จิตสะอาดปราศจากนิวรณ์​

5. จิตสะอาดสว่างไสว จิตหลุดพ้นจากการหลงยึดติดในขันธ์ 5 จิตเป็นจิตประภัสสร เป็นจิตพระอริยบุคคลได้ง่าย เพราะเป็นจิตที่มีเมตตา เคารพบูชา พระรัตนตรัยมองเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นจิตฉลาดไม่มีอวิชชา เป็นจิตที่มีพระนิพพานเป็นกรรมฐานได้แปดกรรมฐาน คือ
- พุทธานุสสติกรรมฐาน
- ธรรมนุสสติกรรมฐาน
- สังฆานุสสติกรรมฐาน
- พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
- อุปสมานุสสติกรรมฐาน นึกถึงความดียิ่งของพระนิพพาน​

6. เป็นการอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ตัดเวรตัดกรรม ยกเป็นอภัยทาน ถวายพระพุทธเจ้า ถ้าเจ้าโกรธก็เป็นการเพิ่มภพเพิ่มชาติ​

7. การอุทิศแผ่กุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก จงทำทุก ๆวันละอย่างน้อยสวด 9 จบ ช่วยทั้งคนทั้งผี ทั้งสัตว์โลก สัตว์นรก ช่วยเทพเทวดา มีโอกาสโมทนากับพวกเราด้วย​

8. พระคาถาสวดพระนามพระพุทธเจ้านี้ พระท่านให้ไว้แก่มวลมนุษย์มาจากเบื้องบนพระนิพพาน ให้สวดทุกวัน เพื่อช่วยมวลเวไนยสัตว์ และตนเองก็หลุดพ้นจากนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ไม่ต้องได้เกิดในแหล่งอบายภูมิ 4 อย่างนี้ เป็นการเสริมบารมีให้แก่ตนและผู้อื่น​

9. การแผ่พลังจิตให้เป็นพลังไปรอบทิศจักรวาลทั้ง 3 โลกนั้น ทำจิตให้ว่างจากขันธ์ 5 ว่างจากกิเลสตัณหา ทำบุญกุศลทุกอย่าง ขอถวายทางจิตให้องค์สมเด็จพระบรมครูพระพุทธเจ้าโปรดโมทนาบุญกุศลทุก ๆพระองค์ เพื่อประโยชน์สูงสุดแด่มวลสรรพสัตว์ทุกจิตดวงธรรมญาณได้รับผลบุญที่ลูกแผ่ไปให้ทุกดวงจิตธรรมญาณเทอญ​

การขอแรงพลังจิตขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการขอแรงคลื่นวิทยุของท่านผู้เป็นใหญ่บุญบารมีใหญ่ ช่วยอีกแรงหนึ่งเพื่อให้สรรพสัตว์ 3 โลก ได้ยินคลื่นวิทยุได้ดียิ่งขึ้น จิตของสัตว์อบายภูมิน้อยนักที่จะได้รับได้ยินเหมือนคนตาบอด แต่ถ้าเขาโมทนายินดีรับกับการอุทิศบุญกุศลแผ่เมตตาไปให้กับเขา ก็ทำให้เขาเป็นสุข พ้นทุกข์จากอบายภูมิได้ทุกคน เราต้องทำจิตให้สะอาดทำจิตว่างจากขันธ์ 5 ปล่อยพลังจิตไปทั่วรอบทิศจักรวาล​

10. สวดพระคาถาพระนามองค์สมเด็จพระปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ฝากบุญกุศลไว้กับท่านท้าวยมราชได้แน่นอน โปรดสัตว์ได้ทั่วทั้ง 3 ไตรภพ แล้วแต่จะกำหนดจิตโปรดได้หมดทุกประเภท ทั้งชาติกำเนิด 4 คือ(เกิดในไข่ เกิดในคูต เกิดเป็นตัว เกิดขึ้นเอง เช่น ผี เทพ พรหม ) ภูมิวิถี 6 คือ 1.สัตว์นรก 2. เปรต 3.อสุรกาย 4. สัตว์เดรัจฉาน 5. คน 6. เทวดา พรหม
โปรดสัตว์ได้ตามวาระจิตของวิญญาณใด ถึงพร้อมย่อมสามารถเข้าถึงสุขติภูมิ คือ สวรรค์ และคนชั้นสูงมีความสุขตามฐานะ​

กฎของกรรมต่าง ๆ ที่คอยกีดกั้นขวางงาน เป็นเมตตาบารมี กฎของกรรมก็ตามไม่ทัน เพราะบุญใหญ่ เวลาการบำเพ็ญบารมีของแต่ละท่านก็แตกต่างกันคือ​

พระสาวกภูมิ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 1 อสงไขยกับแสนกัป
พระอัครสาวก ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขยกับแสนกัป
พระปัจเจกพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขยกับแสนกัป
พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 4 อสงไขยกับแสนกัป
พระพุทธเจ้าศรัทธาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 8 อสงไขยกับแสนกัป
พระพุทธเจ้าวิริยะธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 16 อสงไขยกับแสนกัป ​

ที่มา ท่านปู่พระยายมราช ท่านผู้เป็นใหญ่ในยมโลก - Untitled Document​