ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ไม่มีสัจจะในหมู่โจรหรอกครับ เครื่องจักรแห่งอกุศลกรรมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว กับคนที่ทำร้ายชาติบ้านเมือง จาบจ้วงล่วงละเมิดผู้มีพระคุณต่อประเทศ

 

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต ไม่้เกี่ยวข้องกับข่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า เกิดเหตุศาลาวัดยาง อ.เมือง จ.เพชรบุรีถล่ม หลังเด็กนักเรียนและครู วิทยาลัยเทคนิคเพชรบุรีกว่า 100 คน ทำพิธีแห่เทียนเข้าพรรษา แต่ขณะที่ทุกคนเดินลงจากศาลาวัด เพื่อไปเวียนเทียน ศาลวัดที่ปลูกสร้างด้วยไม้ และมีอายุเก่าแก่ ได้พังถล่มลงมา
ทั้งนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ร่วม 50 คน เจ้าหน้าที่นำส่งรักษา โรงพยาบาลเพชรรัชต์ โดยผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ มีอาการศีรษะแตก และมีบาดแผลตามร่างกาย แต่ไม่พบผู้เสียชีวิต



เหตุระเบิด 3 ครั้งซ้อน เกิดขึ้นในนครมุมไบ ของอินเดีย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 คน บาดเจ็บกว่า 140 คน นับเป็นเหตุโจมตีที่รุนแรงที่สุด ในรอบ 3 ปี ที่เกิดขึ้นในนครมุมไบ


<OBJECT id="Sun player" codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 width=576 height=324>
























<embed id="Sun player" width="576" height="324" type="application/x-shockwave-flash" src="http://www.thesun.co.uk/sol/swf/vidobj/sunplayer.swf?embedCode=UxeGduMjohcJQeN2luUIhGy9An6VSIpL&xmlDir=http://www.thesun.co.uk/sol/swf/vidobj/xml/sun&links=http://www.thesun.co.uk/sol/homepage/video/news/3694616/Triple-blast-in-Mumbai.html&share=true" allowScriptAccess="always" allowFullScreen="true" flashvars="embedType=directObjectTag&embedCode=UxeGduMjohcJQeN2luUIhGy9An6VSIpL&xmlDir=http://www.thesun.co.uk/sol/swf/vidobj/xml/sun&links=http://www.thesun.co.uk/sol/homepage/video/news/3694616/Triple-blast-in-Mumbai.html&share=true" play="true" loop="loop" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" pluginspage="http://www.adobe.com/go/getflashplayer"/></OBJECT></P>

แท็ก : มุมไบ, ระเบิด, อินเดีย

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> อุตุฯเตือนฝนตกหนักหลายพื้นที่ในภาคเหนือ-อิสาน-ตอ.และใต้ ส่วนกทม.มีฝน80%ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 15 กรกฏาคม 2554 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.

ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุม ทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่นโดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากสภาวะฝนที่ตกต่อเนื่องอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้


สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามัน และด้านตะวันออกของอ่าวไทยตอนบน มีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 15-18 ก.ค. นี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ บริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ บริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ
อุดรธานี สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และ ภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เรืออับปางกลางอันดามัน27ชีวิตระทึก </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>เรือนำเที่ยวอับปางกลางอันดามัน 27 ชีวิตทั้งลูกเรือ นักท่องเที่ยว ยังไม่รู้ชะตากรรม ฃกองทัพเรือ-ตำรวจน้ำ เร่งช่วยเหลือเป็นการด่วนแล้ว


วันนี้ ( 14 ก.ค.) เวลาประมาณ 18.00 น.ศูนย์วิทยุตำรวจน้ำภูเก็ต และทัพเรือภาคที่ 3 ได้รับแจ้งจากศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตว่า เกิดอุบัติเหตุเรือพานักท่องเที่ยวออกไปดำน้ำล่มระหว่างเกาะดอกไม้กับเกาะเขียว รอยต่อระหว่าง ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต กับหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ห่างจากฝั่ง จ.ภูเก็ตราว 10 ไมล์ทะเล จากนั้น พล.ร.ท.ชุมนุม อาจวงษ์ ผบช.ทร.3 สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการใต้น้ำนำเรือตรวจการณ์ และพ.ต.ท.ฤทธี เผ่าพันธุ์ สว.รน.ภูเก็ตนำเรือตรวจการณ์ 522 ออกไปช่วยเหลือ โดยการค้นหาหรือนำเรือออกไปกลางทะเลอันดามันเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นช่วงมรสุม คลื่นลมกรรโชกแรง สูงราว 2-3 เมตร ส่งผลให้เรือตรวจการณ์ที่ไม่สามารถวิ่งด้วยความเร็วได้


เบื้องต้นทราบว่า เรือที่เกิดอับปาง เป็นเรือขนาด 2 ชั้นของบริษัท คอนติกิ จำกัด

ตั้งอยู่ที่หาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต บริษัทนำนักท่องเที่ยวออกไปดำน้ำดูปะการังตามหมู่เกาะต่างๆในทะเลอันดามัน โดยมีลูกเรือพร้อมนักท่องเที่ยวทั้งหมด 27 คน ออกจากท่าเทียบเรือรัษฎา ต.รัษฎา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะเกิดเหตุกำลังแล่นผ่าคลื่นเข้าฝั่ง เมื่อมาถึงระหว่างเกาะดอกไม้กับเกาะเขียว ถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดน้ำเข้าเรืออย่างรวดเร็ว ทำให้เรืออับปาง จากนั้นลูกเรือได้กระโดดลงทะเลเพื่อเอาชีวิตรอด โดยบางส่วนสวมเสื้อชูชีพลอยคออยู่กลางทะเล และบางส่วนยังไม่ทราบชะตากรรม ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งช่วยเหลือเป็นการด่วนแล้ว



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>"กษิต" โวยเยอรมนีอายัด "เครื่องบินสัญชาติไทย" ระบุผิดพลาด "ใหญ่หลวง" </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>เมื่อเวลา 17.15 น. วันที่ 14 กรกฎาคม ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

แถลงกรณีศาลเยอรมนีสั่งอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ของไทยที่นครมิวนิก เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ว่า มีข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท วอลเตอร์ บาว ของเยอรมนี เกี่ยวกับสัมปทานการก่อสร้างดอนเมืองโทลล์เวย์เมื่อปี 2543 ซึ่งทางวอลเตอร์ บาว ได้มอบหมายให้ทนายชื่อแวร์เนอร์ ชไนเดอร์ เป็นผู้จำหน่ายทรัพย์สิน ทางรัฐบาลไทยได้ดำเนินการทางด้านกระบวนการยุติธรรมเริ่มตั้งแต่การไต่สวนที่ฮ่องกง จนไปจบที่คณะอนุญาโตตุลาการที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นไปภายใต้อนุสัญญานิวยอร์กว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ชี้ขาดให้ราชอาณาจักรไทยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินเกือบ 30 ล้านยูโร (ราว 1,200 ล้านบาท) บวกดอกเบี้ย 6 เดือนในอัตราร้อยละ 2 ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2549 รวมถึงค่าใช้จ่ายในกระบวนการอนุญาโตตุลาการของบริษัท วอลเตอร์ บาว อีกเกือบ 2 ล้านยูโร (ราว 80 ล้านบาท) โดยให้เหตุผลว่าเพราะรัฐบาลไทยผิดพันธกรณี

นายกษิตกล่าวว่า จากนั้นวันที่ 26 มีนาคม 2553 บริษัทเริ่มดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาของคณะอนุญาโตตุลาการที่นครนิวยอร์ก ฝ่ายไทยยื่นอุทธรณ์ โดยหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบคือสำนักงานอัยการสูงสุด ส่วนเจ้าของคดีฝ่ายไทยคือกระทรวงคมนาคม เมื่อมีผลออกมาแล้วเจ้าทุกข์สามารถบังคับใช้ให้รัฐบาลไทยชดใช้ที่ประเทศไหนก็ได้ที่เป็นสมาชิกของอนุสัญญานิวยอร์ก

"ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือนายชไนเดอร์ฟ้องร้องกับศาลยุติธรรมเยอรมนี ได้ตัดสินเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ให้ไปยึดเครื่องบินของไทยที่จอดอยู่ที่นครมิวนิก รัฐบาลทราบเรื่องเช้าวันที่ 13 กรกฎาคม และได้เร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนด้วยความกังวล ในแง่เนื้อหาคือเจ้าทุกข์สามารถดำเนินการกับทรัพย์สินของรัฐบาลไทยได้ แต่เครื่องบินลำนี้ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินของรัฐบาลไทย ฉะนั้น ในแง่กฎหมายเป็นการอายัดทรัพย์สินส่วนบุคคลซึ่งศาลไม่มีสิทธิทำเช่นนั้น ถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง" นายกษิตกล่าว


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>นายกษิตกล่าวว่า ได้มีการยืนยันทางช่องทางการทูตโดยมีหนังสือถึงรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี

และคุยโทรศัพท์กับปลัดกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีแล้ว ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน ติดต่อกับกรมสนธิสัญญาของกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ฝ่ายเยอรมนีไม่ได้นิ่งนอนใจ คู่ขนานกันได้แจ้งข้อเท็จจริงซึ่งรวมถึงเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของเครื่องบินต่อศาลเยอรมนี

นายกษิตกล่าวว่า คณะกฎหมายไทยประกอบด้วย อัยการสูงสุด และรองอธิบดีกรมสนธิสัญญาเดินทางถึงนครมิวนิกแล้ว ขณะที่นายจริยวัฒน์ สูตะบุตร เอกอัครราชทูตไทย ได้พบกับทนายที่แต่งตั้งโดยคำแนะนำของกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยแล้ว โดยใช้ทนายของกลุ่มเจ้าของบริษัทบีเอ็ม ดับเบิลยูเป็นผู้มีความสามารถและน่าเชื่อถือ

"บ่ายวันที่ 15 กรกฎาคม ผมและอธิบดีกรมสนธิสัญญาจะไปพบกับฝ่ายราชการของเยอรมนีที่กรุงเบอร์ลิน เพื่อแสดงความกังวลใจและไม่สบายใจอย่างยิ่งต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นการผิดพลาดอันใหญ่หลวงของกระบวนการยุติธรรมของเยอรมนี เป็นการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดมากโดยทางเจ้าทุกข์และตัวนายชไนเดอร์ จนทำให้เกิดความเสียหายและความเข้าใจผิดอย่างที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เป็นเรื่องที่คนไทยและรัฐบาลไทยวิตกกังวลเพราะไม่น่าจะเกิดขึ้น หวังว่าภายในวันนี้พรุ่งนี้จะหาข้อยุติได้ เป้าหมายของเราและความจำเป็นสูงสุดคือให้ถอนการอายัดทันที" นายกษิตกล่าว

นายกษิตกล่าวว่า ประเด็นต่อไปคือต้องศึกษาด้วยว่าการที่นายชไนเดอร์มีมาตรการฝ่ายเดียวโดยศาลโดยมิได้ปรึกษาฝ่ายไทยให้อายัดเครื่องบิน และผิดพลาดโดยไม่ได้ปรึกษาหรือไม่แจ้งให้ฝ่ายไทยทราบล่วงหน้า

"เราเคารพในกระบวนการยุติธรรมของมิตรประเทศ และไม่เข้าไปแทรกแซง แต่เราอยู่ในสถานะที่ให้ข้อมูลได้ ขณะนี้ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งไปยังศาลเยอรมนีแล้วในหลายช่องทาง เมื่อหลักฐานแน่ชัดว่าไม่ใช่ทรัพย์สินของรัฐบาล มันไม่มี เหตุผลอันใดที่จะไม่คืน ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวและไม่อยากให้กระทบความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเยอรมนี"Ž รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากยกเลิกการอายัดเครื่องบินลำดังกล่าวและจะฟ้องร้องต่อหรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่อยากให้มาโยงกัน ส่วนการดำเนินการเรื่องคดีของรัฐบาลไทยกับวอลเตอร์ บาว ผ่านนายชไนเดอร์เป็นเรื่องที่ดำเนินการกันต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์

เมื่อถามว่า คิดว่าเป็นเหตุบังเอิญหรือเปล่าที่ไปอายัดเครื่องบิน นายกษิตกล่าวว่า ไม่ทราบครับ อันนี้อยู่ที่เจตนาและข้อมูลของนายชไนเดอร์ ก็ไม่ขอต้อนรับบุคคลนี้เข้าประเทศไทยอีก คิดว่าเมื่อศาลได้รับข้อมูลแล้วก็ต้องพิจารณา แต่ก็ต้องให้เวลาเพราะมีขั้นตอนดำเนินการ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและดำเนินการอย่างเต็มที่Ž

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

คีร์กีซสถาน-ค้นพบพระพุทธรูปโบราณ​

​

มีการค้นพบซากพระพุทธรูปโบราณเก่าแก่ เชื่อว่าน่าจะมีอายุมากกว่า 1,000 ปี

คณะสำรวจทางโบราณคดีร่วมของรัสเซีย และคีร์กีซสถาน ขุดพบซากพระพุทธรูปโบราณ ปางสมาธิ ความสูง 1 เมตรครึ่ง ในทุ่งเลี้ยงปศุสัตว์ใกล้กรุงบิชเคก คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยคริสตศตวรรษที่ 8-10 อย่างไรก็ตาม องค์พระได้รับความเสียหายมาก ทำให้ต้องแยกส่วนลำตัวท่อนบนไปบูรณะซ่อมแซม และเหลืออยู่เฉพาะช่วงขา นอกจากนี้ใกล้กับพระพุทธรูปยังพบสถูปขนาดใหญ่อีกด้วย

การค้นพบดังกล่าวได้สร้างความประหลาดใจให้คณะสำรวจมาก ถือเป็นการค้นพบที่ไม่ธรรมดา เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นเขตภูเขาที่ทุรกันดานห่างไกล ไม่เคยปรากฏสิ่งก่อสร้างในศาสนาพุทธมาก่อน เนื่องจากในเอเชียกลางมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เคยมีการค้นพบวัดพุทธอยู่บ้างไม่กี่แห่ง ส่วนใหญ่จะอยู่ในประเทศทาจิกิสถาน และอุซเบกิสถาน

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บอสเนีย-พบผู้เสียชีวิตจากอากาศร้อน​

​

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบอสเนียรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตรายแรกจากคลื่นความร้อน ที่ทำให้ประชาชนต้องเก็บตัวอยู่ในบ้าน

แพทย์ที่เมืองโมดริกา ทางตอนเหนือของบอสเนียเผยว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งล้มป่วย และเสียชีวิตในห้องฉุกเฉินเมื่อวานนี้ ขณะที่ทางโรงพยาบาลมีผู้ป่วยจากอากาศร้อนจัดเข้ามารักษาตัวแล้ว 11 คน และคาดว่าจะมีคนเข้ามารักษากันมากขึ้นเรื่อยๆ

ด้านกระทรวงสาธารณสุขบอสเนีย ขอให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน อย่าออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น โดยเฉพาะช่วงระหว่าง 11 นาฬิกาถึง 17 นาฬิกา และให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ ส่วนใครที่รู้สึกไม่สบายก็ควรไปพบแพทย์ รวมถึงคนหนุ่มสาวและคนที่มีสุขภาพแข็งแรงด้วย ขณะที่กลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษคือ คนงานก่อสร้างที่ต้องทำงานกลางแดด

ส่วนที่เซอร์เบีย เจ้าหน้าที่เทศบาลกรุงเบลเกรดได้ส่งรถบรรทุกน้ำออกไปตั้งตามจัตุรัสต่างๆ เพื่อช่วยคลายร้อนให้ประชาชน หลังจากคลื่นความร้อนแผ่ปกคลุม ทำให้อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 45 องศา และคาดว่าอุณหภูมิที่สูงเช่นนี้ จะมีต่อไปจนถึงปลายสัปดาห์

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อินเดีย-ประท้วงหลังเกิดเหตุระเบิด​

​

ชาวอินเดียหลายร้อยคนออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลกลางที่ไม่สามารถปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์ หลังเกิดเหตุระเบิดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน

ผู้ประท้วงซึ่งเป็นคนจากพรรค BJP ของฝ่ายค้านอินเดีย ได้รวมตัวนั่งประท้วงที่เมืองบังกะลอร์ และฝากคำถามถึงรัฐบาลอินเดียว่า ทำไมยังเกิดเหตุก่อการร้ายรุนแรง ทั้งที่รัฐบาลน่าจะได้บทเรียนจากเหตุโจมตีมุมไบเมื่อเกือบ 3 ปีแล้ว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 166 คน และทำให้ต้องมีการยกเครื่องกองกำลังความมั่นคงครั้งใหญ่ แต่หลังเกิดการโจมตีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา รัฐบาลกลับบอกว่าไม่สามารถรับประกันได้ว่าประเทศจะปลอดภัยจากการก่อการร้าย เพราะอินเดียตั้งอยู่ในภูมิภาคที่ถูกคุกคามด้วยคตินิยมสุดขีด

รัฐมนตรีมหาดไทยอินเดีย ได้ปรับลดยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดเหลือเพียง 17 ราย และผู้บาดเจ็บกว่า 130 คน แต่ย้ำว่าตัวเลขดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้อีก ขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ และรัฐบาลอินเดียก็ปฏิเสธที่จะเดาว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตี

ล่าสุด ทางการอินเดีย ได้เพิ่มระดับการเฝ้าระวังภัยก่อการร้ายตามแหล่งชุมชนเพิ่มเติม รวมถึงห้างสรรพสินค้า, สวนสาธารณะ และอาคารผู้โดยสารต่างๆ ทั้งในนครมุมไบ, กรุงนิวเดลี, เมืองกัลกัตต้า และเมืองใหญ่อีกหลายแห่ง

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

*** ความจริง ทะยอยปรากฏ ****

ยุคพระพุทธเจ้า ก่อนพระโคดม

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ภูเขาไฟบนเกาะสุลาเวสีปะทุพ่นลาวาและเถ้าถ่าน​

​

จาการ์ตา 15 ก.ค.-เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียเปิดเผยวันนี้ว่า ภูเขาไฟโลคอนบนเกาะสุลาเวสีเกิดการปะทุพ่นหิน ลาวา และเถ้าถ่านสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายร้อยเมตร หลังมีการยกระดับการเตือนภัยสู่ระดับสูงสุดเมื่อไม่กี่วันก่อน

ภูเขาไฟโลคอนเริ่มส่งสัญญาณการปะทุมากขึ้นนับแต่เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ส่งผลให้ประชาชนกว่า 2,500 คนต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย ผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟกล่าวว่า ภูเขาไฟเกิดการปะทุครั้งใหญ่เมื่อเวลา 22.31 น.วานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีเถ้าถ่าน หิน และทรายพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าสูงถึง 1,500 เมตร ความร้อนได้เผาผลาญทุ่งหญ้าและพุ่มไม้ในพื้นที่รัศมี 500 เมตรรอบภูเขาไฟ แต่ยังไม่มีอันตรายต่อประชาชนที่อาศัยใกล้เคียง

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ขณะนี้มีประชาชนราว 28,000 คนอาศัยในเขตอพยพ อย่างไรก็ตาม ในเช้าวันนี้ ภูเขาไฟยังคงปะทุอีก แต่ไม่รุนแรงเท่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ภูเขาไฟโลคอนเกิดการระเบิดครั้งใหญ่เมื่อปี 2534 มีนักท่องเที่ยวชาวสวิสเสียชีวิต 1 คน.-สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 15 ก.ค. 2554

สหรัฐส่งเรือรบ 3 ลำร่วมซ้อมรบกับเวียดนาม​

​

ดานัง 15 ก.ค.- กองทัพเรือสหรัฐส่งเรือรบ 3 ลำเข้าร่วมการซ้อมรบกับเวียดนาม หลังจากเกิดสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างเวียดนามและจีนเกี่ยวกับข้อพิพาทดินแดนในทะเลจีนใต้

เจ้าหน้าที่สหรัฐและเวียดนามกล่าวย้ำว่า การแวะจอดเทียบท่าและการซ้อมรบเป็นเวลา 7 วัน เป็นส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนตามปกติที่วางแผนไว้นานแล้วก่อนเกิดความตึงเครียดระหว่างจีนและเวียดนามเมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ด้านจีนออกแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์การจอดเทียบท่าของเรือรบสหรัฐว่า เป็นการไม่เหมาะสม

การแวะจอดเทียบท่าของเรือรบสหรัฐนับเป็นการส่งสัญญาณแสดงว่ากองทัพเรือสหรัฐยังคงเป็นกองกำลังที่ทรงอิทธิพลในภูมิภาคและต้องการจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางทหารกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. -สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 15 ก.ค. 2554

ออสเตรเลียสั่งตรวจสอบสนามม้า หวั่นการระบาดของไวรัสเฮนดรา​

​

ซิดนีย์ 15 ก.ค. – เจ้าหน้าที่กำกับดูแลกีฬาแข่งม้าของออสเตรเลีย สั่งตรวจสอบสนามม้ากว่า 100 แห่ง ในวันนี้ หวั่นการระบาดของเชื้อไวรัสเฮนดรา ที่สนามแข่งแรนด์วิก ในนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย

นายปีเตอร์ วีแลนดีส์ หัวหน้าฝ่ายจัดการแข่งม้า ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ เปิดเผยว่า พื้นที่บางส่วนของสนามม้าแรนด์วิกถูกปิดแล้ว เนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งค้างคาวผลไม้ และจะมีการนำมาตรการทำนองเดียวกันนี้ไปใช้กับสนามแข่งม้าอื่นๆ ในรัฐดังกล่าว เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการสัมผัสเชื้อไวรัสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยกเลิกการแข่งขันในสุดสัปดาห์นี้ การตรวจสอบดังกล่าวมีขึ้น หลังเกิดกระแสหวั่นวิตกการระบาดของไวรัสเฮนดราในสนามแข่งม้าแรนด์วิก ซึ่งเชื่อว่าม้าตัวหนึ่งที่ล้มป่วยติดเชื้อไวรัสมรณะดังกล่าว

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ มีม้าตายไปแล้ว 9 ตัว จากการระบาดของไวรัสเฮนดราครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่มีการค้นพบเมื่อปี 2537 และพบประชาชนอย่างน้อย 48 คน สัมผัสเชื้อ แต่ยังไม่มีรายงานพบผู้ป่วยในการระบาดครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 15 ก.ค. 2554

ที่มา http://www.mcot.net

 

ภัยธรรมชาติตอนนี้มันเริ่มแปรปรวนทั่วโลก หนักขึ้นทุกวัน รู้สึกขนลุกสู้ขึ้นมาเลย

 

ชาวเอสกิโม หรือ อีนูอิท ให้สัมภาษณ์ เขาเชื่อกันว่าตอนนี้แกนโลกเอียงเปลี่ยนมุมไปแล้ว ดูได้จากวีดิโอนี้

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=l5U1FTP-D1E]‪Inuit People On Sun Wrong ,Stars Wrong , Earth Tilting On Axis‬&rlm; - YouTube[/ame]

 

16 ก.ค. 54 Mthai News : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการพบปะกันระหว่างนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ กับทางการเยอรมันนี เมื่อช่วงบ่ายของวันที่15 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดยนายกษิต ได้พบกับนางคอร์เนเลีย พีเพอร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี พร้อมย้ำความกังวลของฝ่ายไทยที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยนายกษิต ระบุก่อนหน้านี้ว่าการดำเนินการอายัดเครื่องบินดังกล่าว ถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากไม่ได้เป็นทรัพย์สินของรัฐบาล
ขณะที่ด้าน นายมาร์ติน แชฟเฟอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศเยอรมนี แถลงว่ารัฐบาลเยอรมนีต้องเคารพความเป็นอิสระของเจ้าหน้าที่ตุลาการซึ่งรับผิดชอบในเรื่องของคดี พร้อมชี้แจงว่า
นายกษิต ได้เข้าพบหารือกับนางคอร์เนเลีย พีเพอร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ซึ่งทั้งนายกษิตและนางพีเพอร์ ต่างเห็นพ้องที่จะไม่ให้เรื่องดังกล่าวมาทำลายความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคีได้
นอกจากนี้สำนักข่าวดีพีเอรายงานว่าศาลเยอรมนีจะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามนายแวร์เนอร์ ชไนเดอร์ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทวาลเทอร์ บาว แถลงว่า การทำอายัดเครื่องบินฯ มาจากการที่รัฐบาลไทยปฏิเสธชำระหนี้แก่บริษัท
เราพยายามมานานหลายปี ที่จะให้รัฐบาลไทยตอบสนองข้อเรียกร้องชำระหนี้ กว่า 30 ล้านยูโร และมาตรการเด็ดขาดที่นำมาใช้ ถือเป็นหนทางสุดท้าย แถลงการณ์ยังระบุว่ารัฐบาลไทยพยายามจะถ่วงเวลาและไม่ให้ความร่วมมือ แม้หน่วยงานของรัฐบาลเยอรมนีได้ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว แต่ไม่ได้ผล
Mthai News



<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพจาก innnews</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ 16-18 ก.ค. ชาวเรือ งดออกเรือร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ ประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังแรง

ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่นโดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากสภาวะฝนที่ ตกต่อเนื่องอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้

สำหรับ คลื่นลมในทะเลอันดามัน และด้านตะวันออกของอ่าวไทยตอนบน มีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 16-18 ก.ค. นี้


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ฟ้าหญิงตรัสความสงบสุขอยู่ที่ความสามัคคี </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงตรัส ความสงบสุขและเอกราชของประเทศอยู่ที่ความสามัคคีของคนในชาติ


สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จเยี่ยมหน่วยแพทย์ พอ.สว.และราษฎร พร้อมพระราชทานของที่ระลึกแก่กรรมการ อนุกรรมการ และอาสาสมัคร พอ.สว. ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร พร้อมกันนี้ทรงร่วมร้องเพลงแผ่นดินของเรา และฉายพระรูปร่วมกับสมาชิก พอ.สว.

และทรงมีพระราชทานวโรกาสตรัสว่า ความสงบสุข และเอกราชของประเทศอยู่ที่ความสามัคคีของคนในชาติ


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>จับตาศาลโลก'เขตแดนไทย-MOU43' </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพจาก คมชัดลึก</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
จับตาศาลโลก 18 ก.ค. : ความผิดพลาด เขตแดนไทย และ MOU ปี 2543 โดย 'วีรพัฒน์ ปริยวงศ์' อดีตนักกม.ในคดีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ สำนักกฎหมาย Freshfields Bruckhaus Deringer (กรุงปารีส) นิติศาสตรมหาบัณฑิต (รางวัลทุนฟุลไบรท์และวิทยานิพนธ์เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

"จับตาศาลโลก 18 กรกฎาคม: ความผิดพลาด เขตแดนไทย และ MOU ปี 2543" : วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ อดีตนักกฎหมายในคดีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ สำนักกฎหมาย Freshfields Bruckhaus Deringer (กรุงปารีส) นิติศาสตรมหาบัณฑิต (รางวัลทุนฟุลไบรท์และวิทยานิพนธ์เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

หลายคนคงทราบแล้วว่าในวันจันทร์ที่ 18 ก.ค. นี้ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (“ศาลโลก”) จะอ่านคำสั่งกรณีที่กัมพูชาขอให้ศาลระบุมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ศาลจะสั่งหรือไม่สั่งตามที่กัมพูชาขอหรือไม่อย่างไร ต้องรอลุ้นกัน
แต่น้อยคนคงทราบว่าช่วงก่อนวันเลือกตั้งที่ผ่านพ้นมา ศาลโลกได้ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ (อย่างเงียบๆ) เพื่อปรับเปลี่ยนแก้ไขคำแปลคำพูดของฝ่ายไทย ซึ่งศาลเคยแปลผิดพลาดอย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้
คำแปลฉบับเดิมที่ผิดพลาด
เมื่อวันที่ 29 - 30 พ.ค. 2554 ฝ่ายไทยได้ชี้แจงด้วยวาจาต่อศาลโลกกรณีที่กัมพูชาขอให้ศาลมีคำสั่งระบุมาตรการคุ้มครองชั่วคราว (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคดีที่กัมพูชาขอให้ศาลตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร พ.ศ. 2505) และศาลได้บันทึกคำชี้แจงของฝ่ายไทยส่วนหนึ่งเป็นเอกสาร CR 2011/14 เป็นฉบับ uncorrected (คือยังไม่ได้รับการตรวจสอบโดยคู่ความ)
ต่อมาช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2554 เจ้าหน้าที่ศาลโลกได้แปลเอกสาร CR 2011/14 ดังกล่าว ซึ่งในคำแปลหน้าที่ 4 ได้แปลคำพูดย่อหน้าที่ 10 ของนายวีรชัย พลาศรัย (ตัวแทนฝ่ายไทยซึ่งชี้แจงต่อศาลเป็นภาษาฝรั่งเศส) มาเป็นภาษาอังกฤษดังนี้:
“On 19 July, work began to erect a barbed wire fence and a sign marking the boundary of the Temple area, according to the line which had been adopted by the Council of Ministers on 10 July for the purposes of implementing the 1962 Judgment...”
(เน้นคำโดยผู้เขียน, ทั้งนี้ “a sign marking the boundary of the Temple area” ถูกแปลจากคำภาษาฝรั่งเศสต้นฉบับของนายวีรชัยที่ว่า “…un panneau marquant la limite de la zone du temple…”, ดู http://bit.ly/n7fnFx และ http://bit.ly/qLpWUN)
คำแปลข้างต้นปรากฏอยู่ในบริบทที่ว่า เมื่อเดือนมิถุนายน 2505 ศาลโลกได้พิพากษาว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาและไทยต้องถอนกำลังทหารออกจาก “บริเวณใกล้เคียงตัวปราสาท” (vicinity) แต่เมื่อคำพิพากษาไม่ได้ระบุขอบเขตของบริเวณดังกล่าวไว้ คณะรัฐมนตรีไทยจึงได้กำหนด “เส้นปฏิบัติการ” เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2505 เพื่อให้ไทยสามารถปฏิบัติตามคำพิพากษา และจากนั้นเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2505 ไทยจึงเริ่มดำเนินการวางรั้วหลวดหนามรอบตัวปราสาทและตั้งป้ายเพื่อบ่งบอก “boundary” [ซึ่งอาจแปลว่า “เขตแดน” หรือ “ขอบเขต”] ของบริเวณปราสาทพระวิหาร ตาม “เส้นปฏิบัติการ” เพื่อให้เกิดความชัดเจน
ต่อมาคำแปลดังกล่าวได้ทำให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับคำว่า “la limite” และ “boundary” ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้เขียนจำต้องให้ความเห็นทางกฎหมายในบทความเรื่อง “คำเตือนถึงอภิสิทธิ์: โปรดอย่าปล่อยให้ศาลโลกแปลคำผิด” (http://on.fb.me/mVaV6i) เพื่อเตือนรัฐบาลไทยว่าไม่ควรปล่อยให้ศาลใช้ถ้อยคำที่ไม่รัดกุมและอาจมีปัญหาอย่างมีนัยสำคัญ
กล่าวคือ การที่ศาลนำคำว่า “la limite” ที่นายวีรชัยใช้มาแปลเป็น “boundary” นั้นสามารถทำให้ผู้อ่าน (ซึ่งอาจรวมไปถึงผู้พิพากษาในคดี) เข้าใจไทยผิด เพราะคำฝรั่งเศส “la limite” ที่นายวีรชัยกล่าวไปนั้นหมายถึง “ขอบเขต” หรือ “the limit” ของบริเวณปราสาทพระวิหาร แต่คำอังกฤษ “boundary” ที่ศาลนำมาใช้แปล แม้ทางหนึ่งอาจแปลว่า “ขอบเขต” ได้ แต่ก็สุ่มเสี่ยงต่อการถูกเข้าใจผิดว่าหมายถึง “เขตแดน” (ระหว่างไทยและกัมพูชา) บริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งกระทบต่อรูปคดีอย่างมากเพราะหากศาลนึกว่าไทยกำลังพูดถึง “เขตแดน” ก็เสมือนว่าไทยยอมรับว่าคำพิพากษา พ.ศ. 2505 ได้ตัดสินเรื่องเขตแดนระหว่างประเทศไปแล้ว (ซึ่งผู้เขียนย้ำว่าเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะคำพิพากษา พ.ศ. 2505 นั้นศาลเพียงตีความสนธิสัญญา และมิได้ลากเส้นเขตแดนแต่อย่างใด)
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2554 กระทรวงการต่างประเทศได้เผยแพร่คำแปลภาษาไทยในส่วนที่ตรงกับข้อความดังกล่าว โดยใช้คำว่า “ขอบเขต” แทนคำว่า “la limite” เช่นกัน(http://bit.ly/oVLzUz)
ดร.วีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรไทยประจำเนเธอร์แลนด์ ตัวแทน (agent) ฝ่ายไทย ภาพจากศาลโลก Courtesy of the ICJ
ศาลโลกแก้ไขคำผิด
ล่าสุดช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2554 ศาลโลกได้ดำเนินการอย่างเงียบๆ เพื่อแก้ไขคำแปลเอกสาร CR 2011/14 ฉบับ uncorrected หน้าที่ 4 ให้ปรากฏเป็นคำแปลปัจจุบัน (ฉบับ uncorrected เช่นเดิม) ดังนี้:
“On 19 July, work began to erect a barbed wire fence and a sign marking the limit of the Temple area, according to the line which had been adopted by the Council of Ministers on 10 July for the purposes of implementing the 1962 Judgment...”
(เน้นคำโดยผู้เขียน, นอกจากนี้ศาลยังได้แก้ไขถ้อยคำลักษณะเดียวกันในย่อหน้าที่ 11 คือเปลี่ยนคำว่า “boundary” มาเป็นคำว่า “limit” แทน, ดู http://bit.ly/pvX06d)
กล่าวคือ ศาลได้แก้ไขคำแปลคำชี้แจงของฝ่ายไทย จากเดิมที่ศาลใช้คำว่า “the boundary of the Temple area” มาเป็น “the limit of the Temple area” เพื่อเป็นการรับทราบจุดยืนของไทยอย่างชัดเจนว่า ไทยไม่ได้ยอมรับว่าคำพิพากษา พ.ศ. 2505 เป็นเรื่องการกำหนด “เขตแดน” (ระหว่างไทยและกัมพูชา) บริเวณปราสาทพระวิหารแต่อย่างใด แนวรั้วรอบปราสาทจึงเป็นเพียง “ขอบเขต” เท่านั้น (ผู้สนใจประเด็นดังกล่าว ดูคำอธิบายได้ที่ http://on.fb.me/oq6cUZ)
ดังนั้น “เขตแดน” ที่แท้จริงระหว่างไทยและกัมพูชา ณ วันนี้คือเส้นหรือบริเวณใด จึงมิได้เกี่ยวข้องกับศาลโลก และย่อมไม่ใช่สิ่งที่ศาลจะตีความได้ แต่ “เขตแดน” เป็นเรื่องที่ต้องว่าไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งได้แก่อนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และเอกสารที่เกี่ยวข้อง อาทิ บันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (ส่วนจะส่งผลดีต่อไทยหรือไม่นั้นเป็นอีกประเด็นที่สำคัญเช่นกัน)
แม้คำแปลดังกล่าวไม่มีผลผูกพันศาลโดยตรง แต่อย่างน้อย การที่ศาลให้เจ้าหน้าที่แก้ไขคำว่า “boundary” (เขตแดน) มาเป็น “limit” (ขอบเขต) นี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าศาลให้ความสำคัญกับประเด็นละเอียดอ่อนดังกล่าวที่ไทยต่อสู้ไว้ว่าคดีนี้มิใช่เรื่องเขตแดนดั่งที่กัมพูชาพยายามจะทำให้เป็น
คำชมถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์และกระทรวงการต่างประเทศ
ไม่ว่ารัฐบาลจะทราบเรื่องคำแปลที่ผิดพลาดนี้มาก่อนอยู่แล้ว หรือจะได้ทราบจากบทความของผู้เขียนนั้นคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับประเด็นที่ว่ารัฐบาลต้องรับฟังเสียงของประชาชน และทันทีที่ผู้รับผิดชอบโดยตรง ซึ่งได้แก่กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ทราบถึงความผิดพลาดดังกล่าว ก็ได้ดำเนินการประสานงานเพื่อให้ศาลแก้ไขคำแปลดังกล่าวให้ถูกต้อง ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่อันสมควรได้รับคำชมและกำลังใจจากประชาชนเช่นกัน
จริงอยู่ ที่ผ่านมาได้มีคำถามตลอดจนเสียงต่อว่าวิพากษ์วิจารณ์ต่อกระทรวงการต่างประเทศในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบคดีปราสาทพระวิหารโดยตรงอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบันทึกความเข้าใจ MOU พ.ศ. 2543 สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ มาจนถึงแถลงการณ์ร่วม (Joint Communiqué) พ.ศ. 2551 สมัยรัฐบาลพลังประชาชน จนถึงกรณีภาคีอนุสัญญามรดกโลก (ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่ชัดว่าการถอนตัวมีผลหรือไม่ ผู้สนใจโปรดดู http://on.fb.me/lWBhHm)
แต่ในขณะเดียวกันการปฏิบัติหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศก็สมควรได้รับคำชื่นชมในบางเรื่องเช่นกัน นอกจากเรื่องคำแปลข้างต้นแล้ว ยังมีตัวอย่างอื่น อาทิ
- การใช้เทคโนโลยี twitter รายงานความเคลื่อนไหวของฝ่ายไทยที่ศาลโลก คล้ายการรายงานสด ช่วงวันที่ 29 – 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา (http://bit.ly/pGjO1M) แม้เจ้าหน้าที่อาจได้ย่อข้อความจากบทแถลงที่เตรียมไว้ก่อนแล้วและเป็นการเสนอข้อมูลข้างเดียวของฝ่ายไทยก็ตาม แต่อย่างน้อยประชาชนคนไทยก็สามารถติดตามข่าวสารได้รวดเร็วทันเหตุการณ์
- การใช้เทคโนโลยี facebook เผยแพร่รูปภาพการทำงานของคณะทำงานฝ่ายไทยที่ศาลโลก (http://on.fb.me/nSQlj5) แม้เจ้าหน้าที่อาจจะคัดมาเฉพาะภาพขณะทำงานเพียงไม่กี่รูปซึ่งไม่อาจถ่ายทอดเหตุการณ์จริงได้หมด แต่อย่างน้อยประชาชนก็ได้ทราบถึงบรรยากาศของการสู้คดีประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
- การให้ข้อมูลประชาชนในลักษณะถาม-ตอบ หรือ ย่อสรุปข้อต่อสู้ที่ฝ่ายไทยได้แถลงต่อศาล (http://bit.ly/nJOt1Q) แม้เจ้าหน้าที่จะนำเสนอข้อมูลฝ่ายเดียวโดยที่ไม่ได้สรุปข้อกล่าวหาและข้อต่อสู้ที่กัมพูชาอ้างในลักษณะเดียวกัน แต่ก็ถือว่าแปลและสรุปได้ดีในระดับหนึ่ง คือย่อคำแถลงของตัวแทนและทนายความฝ่ายไทยเป็นรายบุคคลและแยกเป็นประเด็น ทำให้ประชาชนผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเป็นภาษาไทยได้สะดวก
นอกจากนี้ ในฐานะผู้ที่เคยช่วยทำคดีในศาลโลกและศาลอื่นมาบ้าง ผู้เขียนมั่นใจว่ายังมีความดีของข้าราชการไทยผู้อดหลับอดนอนอีกหลายกรณีที่อาจมิได้เปิดเผยต่อประชาชน
ที่กล่าวมา มิได้หวังให้กระทรวงการต่างประเทศรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจ แต่ผู้เขียนประสงค์จะสื่อถึงความดังต่อไปนี้
1. ประชาชนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 56 คือสิทธิได้รับและเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในความครอบครองของราชการ ยกเว้นมีความจำเป็นที่เปิดเผยไม่ได้ เช่น เรื่องความมั่นคง ราชการทุกหน่วยงานต้องเคารพสิทธินี้ และหน่วยงานที่ดีย่อมต้องยึดมาตรฐานที่สูงกว่าพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 (ซึ่งสมควรได้รับการแก้ไข)โดยเฉพาะการอาศัยเทคโนโลยีที่ประหยัดและรวดเร็ว ดังที่กระทรวงการต่างประเทศได้ทำเป็นตัวอย่าง
2. ข้าราชการมืออาชีพที่ทำงานฉับไวมีประสิทธิภาพและโปร่งใสต่อประชาชน มีได้อีกในประเทศไทย และประชาชนควรเรียกร้องให้ข้าราชการยึดมาตรฐานดังกล่าว มิใช่จำยอมว่า “เช้าชามเย็นชาม” คือเรื่องปกติ และไม่จำกัดเฉพาะข้าราชการประจำทั่วไปเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงข้าราชการหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น เข้าประชุมสภาตรงเวลาหรือไม่ หรือสละเวลามาพบปะประชาชนหลังวันเลือกตั้งมากน้อยแค่ไหน หรือข้าราชการในมหาวิทยาลัย เช่น สอนหนังสือ ตรวจข้อสอบและผลิตผลงานอย่างท่วงทันเหตุการณ์หรือไม่ หรือแม้แต่ข้าราชการตุลาการ ประชาชนผู้เป็นเจ้านายตัวจริงย่อมมีสิทธิถามว่า เหตุใดคดีความในศาลไทยจึงใช้เวลานานและคั่งค้างยืดเยื้อจำนวนมาก เป็นต้น
3. ในยามที่ประเทศชาติมีปัญหาต้องฝ่าฟันร่วมกัน การมองเห็นความดี กล่าวชม และให้กำลังใจกันในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นั้นไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่าการต่อว่า ตักเตือน หรือติติงกันในเรื่องที่ใหญ่ และหากเราเพ่งเล็งทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง การฝ่าฟันปัญหาร่วมกันย่อมเป็นไปโดยลำบาก
4. เมื่อผู้ใดทราบถึงความผิดพลาดของตน ไม่ว่าผู้นั้นจะสูงศักดิ์ดั่งศาลที่นานาชาติเคารพ หรือทรงอำนาจดั่งนักการเมืองที่ได้รับคะแนนท่วมท้นจากทั่วประเทศ หากผู้นั้นกล้าหาญที่จะยอมรับข้อผิดพลาดและปรับปรุงแก้ไข ย่อมมิใช่เรื่องที่จะซ้ำเติมกัน แต่เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันสนับสนุนและชื่นชม
นอกจากศาลโลกจะได้แก้ไขคำแปลผิดให้ถูกต้องแล้ว ล่าสุดศาลยังได้แจ้งว่าในวันจันทร์ที่ 18 ก.ค. นี้ ศาลจะอ่านคำสั่งกรณีที่กัมพูชาขอให้ศาลระบุมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งกัมพูชาขอไว้สามข้อ คือ
(1) สั่งให้ไทยถอนทหารออกไปจากดินแดนของกัมพูชา (territoire cambodgien) ในบริเวณปราสาทพระวิหาร
(2) สั่งห้ามไม่ให้ไทยดำเนินการทางทหารในบริเวณปราสาทพระวิหาร
(3) สั่งให้ไทยงดเว้นการกระทำที่อาจกระทบต่อสิทธิของกัมพูชาหรืออาจทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น
ผู้เขียนมิอาจล่วงรู้ผลของคำสั่งในวันจันทร์ที่ 18 ก.ค. นี้ได้ แต่อาจตั้งข้อสังเกตเบื้องต้นดังนี้

1. จับตาเรื่อง “เขตแดน” ที่แฝงมาในคำขอของกัมพูชา

จากคำขอทั้งสามข้อข้างต้น คำขอข้อแรกมีนัยเกี่ยวกับเรื่องเขตแดนชัดเจน คือ หากศาลสั่งตามที่กัมพูชาขอ ย่อมแปลว่ามี “พื้นที่ในบริเวณปราสาทพระวิหาร” ที่อยู่ในดินแดนของกัมพูชา ในขณะที่คำขอสองข้อหลังแม้หากศาลสั่งตามที่กัมพูชาขอ ก็มองได้ว่าไม่เกี่ยวกับเขตแดนโดยตรง เช่น อาจมองเป็นเรื่องการรักษาตัวปราสาทที่เป็นวัตถุแห่งคดี
ไม่ว่าวันที่ 18 ก.ค. นี้ศาลจะมีคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่แบบใด สิ่งที่ควรจับตามองก็ คือ ศาลจะแสดงจุดยืนในเรื่องคำขอข้อแรกที่กล่าวถึง “เขตแดน” อย่างไร? ผู้เขียนมองว่าเป็นไปได้สามแนวทาง
- แนวแรก ศาลอาจปฏิเสธคำขอข้อแรกโดยสิ้นเชิง จะด้วยเหตุผลว่าศาลไม่มีอำนาจวินิจฉัยเรื่องเขตแดนหรือด้วยเหตุผลอื่นที่ฝ่ายไทยอ้าง เช่น ประเด็นเขตแดนในปัจจุบันต้องว่าไปตาม MOU พ.ศ. 2543 ฯลฯ ทั้งนี้ การที่ศาลได้ดำเนินการให้เจ้าหน้าที่แก้ไขคำแปลผิด จากคำว่า “boundary” (เขตแดน) มาเป็น “limit” (ขอบเขต) นี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าศาลให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าวที่ไทยต่อสู้ไว้
- แนวที่สอง ศาลอาจมีคำสั่งเป็นการทั่วไปตามที่กัมพูชาขอ โดยอาจสั่งโดยไม่อธิบายว่า “พื้นที่ในบริเวณปราสาทพระวิหาร” ที่อยู่ในดินแดนของกัมพูชา คือ พื้นที่ใด ซึ่งแม้จะไม่ชัดเจน แต่ก็เป็นความคลุมเครือที่กัมพูชาอาจนำมาใช้อ้างต่อได้
- แนวที่สาม ซึ่งน่ากังวลที่สุดและไม่น่าจะเป็น คือ ศาลอาจอ้างถึงข้อเท็จจริงหรือเอกสารบางอย่าง เช่น MOU พ.ศ. 2543 หรือ แผนที่ภาคผนวก 1 (ซึ่ง MOU ได้อ้างถึงโดยไม่เจาะจง) และกล่าวโดยตรงหรือโดยอ้อมในทำนองว่า “พื้นที่ในบริเวณปราสาทพระวิหาร” ที่อยู่ในดินแดนของกัมพูชาอาจเกี่ยวข้องกับเอกสารหรือแผนที่ดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นการตีความกฎหมายที่สุ่มเสี่ยงเรื่องเขตแดนดังที่มีผู้ห่วงใยได้เตือนเกี่ยวกับ MOU ตลอดมา

2. จับตาแนวทางที่ศาลอาจสั่งได้ 3 ทาง

ไม่ว่าศาลจะมองเรื่องเขตแดนอย่างไร หากพิจารณาถึงคำสั่งในวันที่ 18 ก.ค. ในภาพรวม อาจเป็นไปได้สามแนวทาง คือ
- แนวแรก ศาลมีคำสั่งระบุมาตรการคุ้มครองชั่วคราว (ศาลอาจสั่งทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนตามที่กัมพูชาร้องขอ) ซึ่งหมายความว่าไทยต้องปฏิบัติตามคำสั่งทันที และศาลยังคงดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปในส่วนคำร้องที่กัมพูชาขอให้ศาลตีความคำพิพากษา ซึ่งไทยอาจต้องใช้เวลาสู้คดีต่อไปถึง พ.ศ. 2555
- แนวที่สอง ศาลยกคำร้องกัมพูชาในส่วนมาตรการคุ้มครองชั่วคราว กล่าวคือ ศาลปฏิเสธคำขอให้ระบุมาตรการคุ้มครองชั่วคราวทั้งสามข้อ แต่ศาลยังดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปในส่วนการตีความคำพิพากษา ซึ่งอาจดำเนินต่อไปถึง พ.ศ. 2555 เช่นกัน
- แนวที่สาม ศาลยกคำร้องกัมพูชาทั้งหมด คือปฏิเสธคำขอทั้งสามข้อ พร้อมทั้งมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีที่กัมพูชาขอให้ศาลตีความคำพิพากษา (remove the case from the general list) ทั้งคดี (ในทางกฎหมายเรียกว่าคำขอ in limine ซึ่งในอดีตเคยมีการขอมาแล้วและแม้ไม่สำเร็จแต่ศาลก็มิได้ปฏิเสธว่าสั่งไม่ได้) ซึ่งหมายความว่าไทยประสบความสำเร็จในการยับยั้งการใช้สิทธิทางศาลโดยกัมพูชา ส่งผลให้ไทยและกัมพูชาต้องกลับเข้าสู่กระบวนการเจรจาต่อไป
ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตเพิ่มว่า กัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. และศาลนัดอ่านคำสั่งในวันที่ 18 ก.ค. หมายความว่าศาลใช้เวลาทั้งสิ้นเกือบ 11 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างนาน หากเทียบจากตัวอย่างในคดีอื่น เช่น กรณีที่เม็กซิโกเคยขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาคดี Avena ที่พิพาทกับสหรัฐฯ นั้น ศาลได้ใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ก่อนอ่านคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราว (ICJ Reports 2008, p. 311) หรือ กรณีที่จอร์เจียเคยขอให้ศาลโลกระบุคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราวในคดีที่พิพาทกับรัสเซียนั้น ศาลได้ใช้เวลาประมาณ 8 สัปดาห์ก่อนอ่านคำสั่ง (ICJ Reports 2008, p. 353) ซึ่งศาลได้มีคำสั่งระบุมาตรการในทั้งสองคดี
แม้ระยะเวลาดังกล่าวไม่อาจนำมาเทียบกับคดีของไทยและกัมพูชาได้ชัดเพราะบริบทต่างกัน (เช่นไม่มีช่องว่างระหว่างคำพิพากษาและการตีความถึงเกือบ 50 ปี) แต่ในทางหนึ่ง การใช้เวลาทั้งสิ้นเกือบ 11 สัปดาห์นี้อาจคาดเดาได้ว่า ศาลไม่สามารถปฏิเสธคำร้องกัมพูชาทั้งสามข้อได้โดยง่าย ซึ่งผู้เขียนยอมรับว่าคดีนี้มีแง่มุมพิเศษที่ไม่มีตัวอย่างชัดเจนให้ศาลเทียบเคียงได้ ดังนั้น ศาลจึงอาจใช้เวลาเพื่ออธิบายเหตุผลในการสั่งคำร้องตามที่กัมพูชาขอ
แต่ในอีกทางหนึ่ง การใช้เวลานานก็อาจทำให้ไทยมีความหวังได้ว่า ศาลอาจใช้เวลาเพื่อยกคำร้องกัมพูชาทั้งหมด คือปฏิเสธทั้งเรื่องมาตรการคุ้มครองชั่วคราว อีกทั้งสั่งให้จำหน่ายคดีที่กัมพูชาขอให้ศาลตีความคำพิพากษาก็เป็นได้ ทั้งนี้เพราะการวินิจฉัยข้อกฎหมายเรื่องมาตรการคุ้มครองชั่วคราวมี 2 ขั้นตอน คือ (1) ศาลต้องพอใจในข้อสันนิษฐานเบื้องต้น (prima facie) ว่าในที่สุดศาลสามารถรับพิจารณาคดีหลัก (ซึ่งหมายถึงตีความคำพิพากษา) และ (2) ศาลต้องพอใจในเงื่อนไขของมาตรการคุ้มครองชั่วคราวเอง เช่น ความจำเป็นเร่งด่วน (urgency) หรือภัยอันตรายที่มิอาจแก้ไขเยียวยาได้ (irreparable harm)
ดังนั้น หากศาลเห็นด้วยกับฝ่ายไทยว่าไม่มีข้อสันนิษฐานเบื้องต้น (prima facie) ที่เพียงพอแก่การตีความในคดีหลัก เช่น หากศาลพิจารณาว่า กัมพูชามาขอตีความหลังเวลาผ่านมาเกือบ 50 ปี ทั้งที่กัมพูชาเองได้ยอมรับและเห็นพ้องกับการที่ไทยได้ถอนกำลังออกไปจากบริเวณรั้วลวดหนามรอบปราสาท อีกทั้งไทยและกัมพูชาในปัจจุบันได้มีการตกลง MOU พ.ศ. 2543 เพื่อดำเนินการจัดการเรื่องเขตแดนร่วมกัน จึงถือว่าไทยและกัมพูชาไม่มีข้อพิพาทระหว่างกันเกี่ยวกับตัวคำพิพากษาที่จะต้องขอให้ศาลตีความ ศาลย่อมสามารถยกคำร้องและจำหน่ายคดีให้เสร็จสิ้นทั้งหมดไปในเวลาเดียวกัน ก็เป็นได้

3. จับตาการเปลี่ยนแปลงคำสั่งหลังวันที่ 18 ก.ค.



แม้สุดท้ายศาลโลกอาจจะสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราวตามคำขอของกัมพูชาในวันที่ 18 ก.ค. นี้ และแม้ที่ผ่านมาไทยจะได้แสดงเกียรติและศักดิ์ศรีในฐานะอารยประเทศที่รับปากจะปฏิบัติตามที่ศาลสั่ง แต่กฎหมายระหว่างประเทศก็เปิดช่องให้ไทยสามารถยื่นคำร้องขอให้ศาลแก้คำสั่งตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามความเป็นจริง (Rules of Court Article 76)
สังเกตได้ว่าสถานการณ์ชายแดนไทยและกัมพูชาโดยรวมนั้นมีความตึงเครียดลดน้อยลงนับแต่กัมพูชายื่นคำร้องต่อศาล แม้ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่บ้าง แต่ผลของการเจรจาหยุดยิงในระดับพื้นที่ก็ดี ความคืบหน้าเรื่องผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียก็ดี หรือ ท่าทีความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาหลังการเลือกตั้งของไทยก็ดี อาจเป็นประเด็นที่ศาลนำมาพิจารณาในทางที่เป็นคุณต่อฝ่ายไทยได้ และแม้หากศาลมีคำสั่งตามที่กัมพูชาขอ ไทยย่อมนำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์เหล่านี้ไปชี้แจงเพื่อให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้เช่นกัน
ในทางกลับกัน หากวันที่ 18 ก.ค. นี้ศาลปฏิเสธที่จะสั่งตามคำร้องของกัมพูชาแต่ไม่จำหน่ายคดีการตีความ กัมพูชาก็ยังมีสิทธิยื่นคำร้องใหม่ (fresh request) หากมีข้อเท็จจริงใหม่ให้กัมพูชายกอ้างได้ เช่น มีการกลับไปใช้กำลังโจมตีกันและทำให้ตัวปราสาทเสียหายมากขึ้น เป็นต้น (Rules of Court Article 75 (3)) ดังนั้น หากศาลมิได้สั่งจำหน่ายคดีทั้งคดี การดำเนินการใดๆของไทยย่อมต้องไม่วู่วามหรือลืมคำนึงถึงความได้เปรียบเสียเปรียบในทางศาลเช่นกัน

4. จับตาอนาคตของ MOU พ.ศ. 2543 หลัง 18 ก.ค.



ที่ผ่านมามีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้ไทยยกเลิก MOU (บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก) พ.ศ. 2543 เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน ในขณะที่บางฝ่ายได้ออกมาปกป้องความสำคัญและประโยชน์ของ MOU ดังกล่าว
ล่าสุดรัฐบาลไทยก็ได้นำ MOU พ.ศ. 2543 มาอ้างชี้แจงต่อศาลโลกว่า เอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานมัดกัมพูชาว่าแท้จริงแล้วการดำเนินการเกี่ยวกับเขตแดนในปัจจุบันมิได้เป็นไปโดยผลของคำพิพากษา พ.ศ. 2505 แต่เป็นเรื่องที่ทั้งสองประเทศยังต้องเจรจาและร่วมมือกันต่อไป ดังนั้นการที่กัมพูชาอ้างว่าไทยไม่ยอมรับหรือโต้แย้งเขตแดนของกัมพูชารอบปราสาทพระวิหารจึงไม่เกี่ยวกับคำพิพากษา ศาลจึงไม่มีสิทธิตีความ และการที่กัมพูชารุกล้ำเข้ามาก่อสร้างหรือดำเนินการในบริเวณพื้นที่พิพาทนั้นจึงไม่ถูกต้อง (เช่น CR 2011/14 หน้า 12, 16-21 และ CR 2011/16 หน้า 25-26)
ผู้เขียนย้ำอีกครั้งว่า MOU พ.ศ. 2543 เป็นเพียงหนึ่งในเอกสารหรือการกระทำภายหลัง (subsequent agreement / subsequent practice) ที่มีผลต่อการตีความเอกสารที่เป็นคำตอบสำคัญของปัญหาเขตแดนไทยกัมพูชา คือ อนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ผู้ใดที่ออกมาโจมตี MOU พ.ศ. 2543 โดยไม่ทราบถึงบริบทการตีความทางกฎหมายระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน ย่อมไม่ต่างไปจากเด็กน้อยที่กรีดร้องเพียงเพราะนึกว่าเมื่อเห็นควันย่อมต้องมีไฟ แต่ผู้ที่คิดว่าเด็กน้อยนั้นผิดเสมอไปก็อาจตกเป็นเชื้อไฟให้เด็กน้อยคอยดูเสียเอง
คำสั่งที่ศาลจะอ่านในวันจันทร์ที่ 18 ก.ค. นี้ ผู้เขียนเชื่อว่าศาลจะได้อธิบายข้อเท็จจริงเรียงเป็นเรื่องๆ (โดยศาลจะใช้คำว่า “Whereas” หรือ “ตามที่”…ทีละย่อหน้า) โปรดจับตาให้ดีว่า ศาลจะเห็นพ้อง “ตามที่” รัฐบาลไทยได้อ้างถึง MOU ฉบับนี้ไว้หรือไม่ หรือ MOU จะย้อนมาทำร้ายประเทศไทยดังที่มีผู้ย้ำเตือนไว้ และเราสมควรจะพิจารณาอนาคตของ MOU ฉบับนี้ต่อไปอย่างไร!
สุดท้ายขอฝากกำลังใจไปยังว่าที่รัฐบาลใหม่ ให้สามารถใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นหนึ่งในเครื่องมือรักษาสันติภาพควบคู่อธิปไตย และยึดชีวิตของทหารและชาวบ้านที่ชายแดนไว้เหนือความพึงพอใจ ไม่ว่าจะของใครคนไหนก็ตาม

สำหรับประเด็นที่ไทยได้ชี้แจงต่อศาลโลกไปเมื่อวันที่ 29 – 30 พฤษภาคม 2554 ดูรายละเอียดได้ที่ https://sites.google.com/site/verapat/temple/2011


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ลุ้นศาลเยอรมันชี้ ทวงโบอิ้ง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
ย้ำไม่ใช่ของรัฐ เป็นราชพาหนะ "ส่วนพระองค์"


มาร์คยันเครื่องบินพระ ที่นั่งไม่ใช่ของรัฐบาลไทย ย้ำศาลเยอรมนีเข้าใจผิดจนสั่งอายัด ยันเรื่องคดีรบ.ไทยกับเอกชนคู่กรณีอยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสหรัฐ คดียังไม่ยุติ จี้บัวแก้ว-ทูตไทยเร่งทำความเข้าใจ เพื่อนำเครื่องบินกลับคืนมา 'กษิต'บินพบรมช.ต่างประเทศเยอรมนี ระบุเครื่องบินไม่ใช่ของรัฐบาล จี้ถอนอายัดโดยเร็วที่สุด ขณะที่ บ.เอก ชนคู่กรณีอ้างเครื่องโบอิ้งจดทะเบียนในนามรัฐบาลไทย

จากกรณีศาลเยอรมนีมีคำสั่งอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 เครื่องบินส่วนพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ระหว่างจอดอยู่ในสนามบินเมืองมิวนิก โดยอ้างถึงความขัดแย้งสัมปทานดอนเมืองโทลล์ เวย์ เมื่อปี 2548 โดยบริษัทวาลเทอร์ เบา ฟ้องร้องรัฐบาลไทยให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินประมาณ 30 ล้านยูโร ซึ่งฝ่ายบริษัทเอกชนอ้างว่าเครื่องบินดังกล่าวเป็นสมบัติของรัฐบาลไทย จึงต้องอายัดไว้เพื่อชำระหนี้ ทำให้กระทรวงการต่างประเทศ และอัยการสูงสุดของไทย รีบด่วนไปเมืองมิวนิก เพื่อชี้แจงว่าเครื่องบินลำดังกล่าวไม่ใช่สมบัติของรัฐบาลไทย บริษัทคู่กรณีไม่มีสิทธิ์อายัด อีกทั้งคดีความก็ยังไม่ยุติเพราะอยู่ระหว่างการรอยื่นอุทธรณ์นั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อัยการสูงสุดเดินทางไปเยอรมนีเพื่อนำข้อเท็จจริงไปชี้แจงต่อศาล ซึ่งศาลได้รับฟังแล้ว เมื่อเวลา 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย หวังว่าศาลจะพิจารณาเปลี่ยนคำตัดสิน เพราะที่ผ่านมาศาลเยอรมนีเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเครื่องบินลำนี้เป็นของรัฐบาลไทยซึ่งความจริงไม่ใช่ ทั้งนี้ รัฐบาลไทยประสานงานทุกช่องทางเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีอำนวยความสะดวกทางด้านกฎหมายให้กับฝ่ายไทย และถือว่าเป็นเรื่องของเอกชนที่ไปฟ้องศาลซึ่งฝ่ายบริหารจะเข้าไปแทรกแซงศาลไม่ได้ คิดว่าทุกอย่างน่าจะคลี่คลายได้ ทางกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดแล้วว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระบรมฯ และทรัพย์สินของพระองค์ท่านไม่ควรเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ส่วนคดีหลักเรื่องการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลไทยนั้นอยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์ที่ศาลนครนิวยอร์ก สหรัฐ อเมริกา ซึ่งเราไม่ทราบว่าจะใช้เวลามากน้อยแค่ไหน แต่ที่ผ่านมาคดีจะใช้เวลามากพอสมควร ขณะนี้ทางอัยการสูงสุดมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในชั้นอุทธรณ์

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาในอนา คตที่อาจจะถูกอายัดทรัพย์สินของรัฐบาลอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ควรจะมีเรื่องนี้เกิดขึ้นและทางอัยการสูงสุดกำลังดำเนินการ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้เพราะเป็นช่วงรอยต่อของคดีที่ไทยเตรียมยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 29 ก.ค.นี้ ตามข้อเท็จจริงแล้วจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องมาอายัดทรัพย์สิน เพราะเมื่อศาลตัดสินอย่างไรหรือให้ประเทศไทยชำระหนี้เราต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว รัฐบาลไม่มีทางหนีไปไหน ทรัพย์สินของรัฐบาลมีอยู่มากมาย และเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ปฏิบัติตาม ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ทางการเยอรมนีจะต้องมาดำเนินการอะไร

ต่อข้อถามว่ากระทรวงการต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่ากระบวนการการไต่สวนของเยอรมันทำไมไต่สวนฝ่ายเดียว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่อยากไปวิจารณ์กระบวนการยุติธรรม แต่เราก็ข้องใจว่าทำไมถึงไต่สวนฝ่ายเดียว เข้าใจว่าฝ่ายผู้ร้องคงอ้างว่าเป็นเรื่องฉุกเฉินและเป็นมาตรการชั่วคราวที่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน อย่างไรตามขณะนี้ภารกิจสำคัญคือให้ถอนอายัดเครื่องบินของพระองค์ท่านเสียก่อน และต่อไปไม่ควรมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นเพราะเป็นเรื่องของเอกชน

เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นรัฐบาลจะชี้แจงอย่างไรเพราะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกประชาชน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้ประชาชนทราบว่ารัฐบาลให้ความสำคัญดำเนินการเรื่องนี้เต็มที่ ไม่ว่านายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เอกอัครราชทูตไทยประจำเยอรมนี อัยการสูงสุด และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขอให้เข้าใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลเยอรมนี แต่เป็นเรื่องเอกชนรายหนึ่งที่ไปฟ้องศาลและใช้อำนาจศาล ซึ่งรัฐบาลเยอรมนีไม่มีอำนาจไปแทรกแซงแต่ได้อำนวยความสะดวกอย่างดีให้เราใช้สิทธิ์ทางกฎหมาย ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่เอกชนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศ ได้แก่ เอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์ ต่างนำเสนอข่าวว่า รัฐบาลไทยส่งนายกษิต ไปเยอรมนีเพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดยพบกับนางคอร์นีเลีย พีเพอร์ รมช.ต่างประเทศเยอรมนี เนื่องจากนายกีโด เวสเตอร์เวลล์ รมว.ต่างประเทศเยอรมนี ติดภารกิจอยู่ที่ประเทศเม็กซิโก ซึ่งนางพีเพอร์ กล่าวว่า การเจรจาจะเป็นไปอย่างนิ่มนวล และเป็นมิตร

นายกษิต ยืนยันว่าเครื่องบินที่ถูกยึดจากคดีของบริษัทวาลเทอร์ เบา เยอรมนีนั้น ไม่ใช่ของรัฐบาลไทย อันเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงอันเกิดจากความเข้าใจผิด จึงขอให้มีการถอนอายัดเครื่องบินลำดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

ด้านนายอเล็กซานเดอร์ โกร์บิง โฆษกของบริษัทวาลเทอร์ เบา กล่าวว่า เครื่องบินเป็นเป้าหมายทางกฎหมาย โดยพิจารณาตามการขึ้นทะเบียนการบินที่ระบุว่าเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลไทย ซึ่งทางศาลได้ดูเอกสารชุดดังกล่าวแล้ว

ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประ เทศเยอรมนีกล่าวว่า รัฐบาลไม่อาจแสดงความเห็นเรื่องเจ้าของเครื่องบินลำนี้ได้ ให้เป็นการตัดสินของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกระบวน การยุติธรรม

พล.อ.ต.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่าเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ที่ถูกอายัดไว้ที่ประเทศเยอรมนีนั้น ทางกองทัพอากาศได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่า เป็นเครื่องบินที่กองทัพอากาศไทยได้น้อมเกล้าฯ ถวายต่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อปี พ.ศ. 2550 ในช่วงที่พล.อ.อ. ชลิต พุกผาสุข ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ ทำให้สถานะของเครื่องบินลำดังกล่าวไม่ใช่เครื่องบินของทางราชการแต่อย่างใด แต่เป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ท่าน

"กองทัพอากาศยืนยันว่า ไม่ใช่เครื่องบินของราชการ หรือรัฐบาล เพราะได้มีการน้อมเกล้าฯ ถวายไปแล้ว มีหนังสือทูลเกล้าฯ อย่างถูกต้อง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ขอหนังสือดังกล่าวไปเพื่อนำไปยืนยันกับทางเยอรมนี ซึ่งกองทัพอากาศได้ส่งไปให้เรียบร้อยแล้ว" โฆษกกองทัพอากาศกล่าว

ด้านนายธานี ทองภักดี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ฝ่ายไทยได้ยื่นคำร้องขอคัดค้านการอายัดเครื่องบินลำดังกล่าวให้ศาลเยอรมนีพิจารณาเอกสารแล้ว และทางศาลได้ให้ฝ่ายบริษัทของเยอรมันยื่นเอกสารไปพิจารณาด้วยเช่นกัน


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=1 cellSpacing=0 borderColor=#d9d9d9 borderColorLight=#d9d9d9 borderColorDark=#ffffff cellPadding=3 width="100%"><TBODY><TR bgColor=#ffffff><TD class=subtitle vAlign=top width=140>ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. </TD><TD>ร่องมรสุมได้เลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศพม่า ลาว และเวียดนามตอนบน
แต่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยยังมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำ
ไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร ยังคงต้องระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งต่อไปอีก 1 วัน
สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันสูง ประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะ 1-2 วันนี้
</TD></TR><TR><TD class=14BWhite bgColor=#0f6aaa height=35 colSpan=2 align=middle>พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. </TD></TR><TR bgColor=#faf6f6><TD class=subtitle vAlign=top width=140>ภาคเหนือ </TD><TD>มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา
อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD class=subtitle vAlign=top width=140>ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ </TD><TD>มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา
อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
</TD></TR><TR bgColor=#faf6f6><TD class=subtitle vAlign=top width=140>ภาคกลาง </TD><TD>มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD class=subtitle vAlign=top width=140>ภาคตะวันออก </TD><TD>มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดนครนายก และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
</TD></TR><TR bgColor=#faf6f6><TD class=subtitle vAlign=top width=140>ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) </TD><TD>มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD class=subtitle vAlign=top width=140>ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) </TD><TD>มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง
อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร
</TD></TR><TR bgColor=#faf6f6><TD class=subtitle vAlign=top width=140>กรุงเทพมหานครและปริมณฑล </TD><TD>มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ตร.เชียงใหม่บุกจับเจ้าอาวาสพร้อมยาไอซ์ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพจาก ข่าวสด</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
เมื่อเวลา 00.30. น.วันที่ 16 ก.ค.พ.ต.ต.พิพัฒน นาระเดช สวป.สภ.ช้างเผือก ช่วยราชการ กก.สส.2 บ.สส.ภ.5 พร้อมทั้ง ร.ต.อ.ภาวิน ขาวหล้า และ ร.ต.อ.สยาม ใจลังกา รอง สว.กก.สส.2 ล่อซื้อยาเสพติดประเภทยาไอซ์ มีผู้นำมาขายและตั้งก๊วนเสพยาภายในวัดแห่งหนึ่ง ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่


ประสานขอกำลังจาก พ.ต.อ.พิษณุ อุณหเสวี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ และ พ.ต.ท.วชิระ กาญจนวิภาดา รอง ผกก.ป. เข้าปิดล้อมรอบกำแพงวัดชั้นนอก ชุดล่อซื้อเข้าไปในวัดพบจุดหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้มี พระมหาชัชวาล โชติธมฺโม อายุ 46 ปี หรือมีฉายา "หลวงพี่น้ำหมากปากแดง" เจ้าอาวาสลงมาพร้อมกับถุงยาไอซ์จำนวน 23 ถุงน้ำหนัก 28 กรัม โดยขายในราคา 2,000 บาท

เมื่อเห็นของกลางแล้วทาง พ.ต.ต.พิพัฒน์ นาระเดช แสดงตัว ทาง พระมหาชัชวาล โชติธมฺโม พยายามจะวิ่งหลบหนีกลับเข้ากุฎิ ทางตำรวจติดตามเข้าไปพบว่าในห้องกำลังเปิดเว็บแคมฟร็อก ช่องโป๊อยู่พอดี และภายในห้องยังพบอุปกรณ์เสพยาไอซ์จำนานมาก และพบถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วเกลื่อนห้องและไม่ได้ใช้จำนวนมาก จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน

ทางพระมหาชัชวาล เมื่อจนต่อหลักฐานจึงขอตำรวจว่าให้โอกาสของสึกจากความเป็นพระทันที โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาต้องมัวหมอง ทางตำรวจจึงได้จัดหาเสื้อกางเกงให้และนำตัวพร้อมของกลางมา ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่

อดีตพระมหาชัชวาล หรือนายชัชวาล ม่วงกิติ ให้การว่าเคยเป็นเจ้าพิธีทำจตุคามในวัด และสร้างจตุคามผสมเหล็กน้ำพี้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จขาดทุน และได้มาสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ชื่อพระทันใจ หน้าตักกว้าง 5 เมตรขึ้นมาที่วัดแห่งนี้ โดยจ้างช่างจากส่วนกลางมาสร้างใช้เวลาสร้าง 7 วันแล้วเสร็จในวงเงิน 500,000 บาท และวัดแห่งนี้ศรัทธาก็ไม่ค่อยมี อยู่แบบไปเรื่อยๆ พระสงฆ์ จึงหันมาเสพยาเสพติดและรักร่วมเพศในวัดมาตลอด

โดยยาเสพติดนั้นจะเป็นทั้งผู้เสพและผู้จำหน่าย จนมาถูกตำรวจจับกุมตัวได้ โดยส่วนตัว ชอบเคี้ยวหมาก จนได้รับฉายาว่าหลวงพี่น้ำหมากปากแดง


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>พระอนาจารสีกาวันอาสาฬหบูชา แม่เข้าแจ้งความ ตร. </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 15 กรกฎาคม ร.ต.ต.ณัฐวุฒิ ผิวบัวคำ ร้อยเวร สภ.เมืองอ่างทอง พร้อมกำลังเดินทางไปที่วัดสุทธาดล หมู่ 8

ต.บ้านอิฐ อ.เมืองอ่างทอง เชิญตัวพระอำนาจ ปะสาโต รองเจ้าอาวาสมาสอบปากคำพร้อมตรวจสารเสพติดในร่างกาย หลังจากได้รับแจ้งว่าพระอำนาจ กระทำอนาจาร หญิงอายุ 16 ปี ภายในกุฏิของวัด

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน นางทิพย์ (นามสมมติ) ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน พาลูกสาวชื่อ น.ส.น้อย (นามสมมติ) อายุ 16 ปี พร้อมเพื่อนลูกสาว 3 คน ไปยังวัดดังกล่าวเพื่อทำบุญถวายเทียนพรรษาและผ้าไตรแด่เจ้าอาวาส เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา เมื่อไปถึงพบพระอำนาจ ซึ่งเป็นรองเจ้าอาวาสแจ้งให้ทราบว่า เจ้าอาวาสรับนิมนต์ไปปฏิบัติภารกิจนอกวัด หากให้รับสังฆทานแทนก็สามารถทำได้ เมื่อถวายแล้ว พระอำนาจติติงว่าผ้าอาบน้ำฝนเป็นสีเหลืองส้ม ไม่สามารถใช้ได้เพราะพระในวัดใช้สีชา จึงให้นำผ้าอาบน้ำฝนผืนดังกล่าวไปเปลี่ยนที่ตลาดเทศบาลเมืองอ่างทอง ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไป-กลับ ประมาณ 50 นาที เนื่องจากการจราจรติดขัด

"เมื่อกลับไปถึงวัดปรากฏว่าไม่พบพระอำนาจและลูกสาว จึงโทรศัพท์หาลูกสาวทราบว่ากลับไปที่บ้านและร้องไห้เสียใจ เมื่อเดินทางไปบ้านสอบถามทราบว่า พระอำนาจหลอกลวงเข้าไปในกุฏิบังคับให้ประกอบพิธีไหว้พระและใช้สีผึ้งป้ายตาและใบหน้า ก่อนทำอนาจารภายในกุฏิ จึงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อน" นางทิพย์ กล่าว

ร.ต.ต.ณัฐวุฒิ ผิวบัวคำ เปิดเผยว่า เบื้องต้นพระอำนาจไม่ยอมให้การใดๆ อ้างเพียงว่าบริสุทธิ์และไม่ฝักใฝ่พิธีกรรมใด อย่างไรก็ตาม ได้นำตัวไปตรวจสารเสพติดในร่างกายและรอสอบถามประวัติจากเจ้าอาวาส และประสานไปยังเจ้าคณะจังหวัดเพื่อพิจารณาโทษของสงฆ์และพิจารณาถึงการถูกฆราวาสแจ้งความดำเนินคดีที่มีหลักฐานนั้นสมควรลาสิกขาหรือไม่ เพราะกฎระเบียบคณะสงฆ์กับกฎระเบียบกฎหมายบ้านเมืองละเอียดอ่อนแตกต่างกัน

พระสุทธิกิจจาทร เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า คงต้องดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นหลัก การที่ทำผิดมีหลักฐานชัดเจน คณะสงฆ์จับสึกมาก็มาก เพราะไม่อยากให้ย่ำยีทำลายพระพุทธศาสนา

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>


ไม่น่าบวชเข้ามาเลย..

 

ภูเขาไฟอินโดฯ ปะทุระลอก 3 ใน 2 วัน​

​

ภูเขาไฟ"โลกอน" บนเกาะสุลาเวสีของอินโดนีเซีย ปะทุขึ้นอีกครั้งในวันนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 วันที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้สร้างความเสียหาย หรือส่งกระทบต่อน่านฟ้า อย่างไรก็ตามทางการอินโดนีเซีย แนะให้ติดตามสถานการณ์ภูเขาไฟอย่างใกล้ชิด

ภูเขาไฟ"โลกอน" ระเบิดขึ้นอีกครั้งแต่ไม่รุนแรงเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ โดยได้พ่นควัน,เถ้าถ่านร้อนและลาวา ขึ้นสู่ท้องฟ้าสูง 800 เมตร อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานความเสียหาย และไม่ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ บริเวณน่านฟ้าทางตอนเหนือของเกาะสุลาเวสี แต่ก็แจ้งเตือนให้นักบินหลีกเลี่ยงเส้นทางใกล้ภูเขาไฟ

นับเป็นการระเบิดเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 วัน ของภูเขาไฟ"โลกอน" นับตั้งแต่เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงครั้งแรก เมื่อเช้ามืดวานนี้ ส่งผลให้ทางการต้องคงระดับเตือนภัยขั้นสูงสุดต่อไป เพราะเชื่อว่าภูเขายังไม่สงบภายในสัปดาห์นี้ และสั่งขยายเขตพื้นที่อันตรายรอบภูเขาไฟดังกล่าวออกไปเป็น 4 กิโลเมตรด้วย

ขณะที่ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบพื้นที่เชิงเขา ราว 6,000 กว่าคน ได้ อพยพไปอยู่ค่ายที่พักชั่วคราวซึ่งกระจายอยู่ 6 แห่ง ล่าสุดทางการยังได้อนุมัติเงิน 300 ล้านรูเปียห์ หรือ กว่า 1 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว

ข่าวทีวีช่อง 3 วันเสาร์ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

พายุฝนถล่มโซมาเลียกระทบผู้ประสบภัยแล้ง​

​

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงฤดูร้อนของโซมาเลีย ซ้ำเติมชะตากรรมของผู้ประสบภัยชาวโซมาเลีย ที่ต้องอาศัยอยู่ในเต้นท์ที่พักชั่วคราวที่แออัด ท่ามกลางสายฝน

ผู้ประสบภัยชาวโซมาเลีย ซึ่งส่วนใหญ่หนีภัยแล้งจัดจากพื้นที่ตอนใต้และตอนกลางของประเทศ มาพักอาศัยอยู่ในค่ายที่พักชั่วคราวในกรุงโมกาดิชู อยู่ในสภาพหนาวสั่นเพื่อรอคิวรับอาหาร หรือไม่ก็เกาะกลุ่มกันแออัดภายใต้เต้นท์ที่พักชั่วคราว ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เมื่อวานนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่โซมาเลีย ยอมรับกว่าไม่สามารถรับมือกับจำนวนผู้ประสบภัยจำนวนมากที่หนีความทุกข์ยาก มาขอความช่วยเหลือจากทางการในเมืองหลวง ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นเด็กที่ขาดสารอาหารอย่างรุนแรง

แพทย์หญิง Lul Ahmed ในกรุงโมกาดิชู เผยว่า อัตราของผู้ป่วยในโรงพยาบาลของเธอ มีภาวะขาดสารอาหารอย่างรุนแรงเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซนต์ นับตั้งแต่ภัยแล้งเริ่มต้นขึ้น

ขณะที่สภากาชาดสากล เตือนว่า เด็ก 1 ใน 10 คนที่อาศัยทางตอนใต้ของโซมาเลีย มีภาวะขาดสารอาหารอย่างรุนแรง ด้านองค์การยูนิเซฟ ระบุว่า ภัยแล้งในโซมาเลีย และวิกฤตผู้อพยพที่เกิดขึ้น เป็นภาวะฉุกเฉินด้านมนุษยชนที่รุนแรงที่สุดในโลก

ข่าวทีวีช่อง 3 วันเสาร์ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สะพานถล่มที่จีน​

​

สะพานข้ามแม่น้ำที่จีนได้เกิดพังถล่มขณะรถบรรทุกเหล็กกล้าน้ำหนักเกินพิกัดแล่นผ่าน ทำให้รถบรรทุกทั้งคันล่วงลงสู่ด้านล่าง

อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อรุ่งเช้าที่ผ่านมา โดยขณะที่รถบรรทุกแผ่นเหล็กกล้าคันหนึ่งได้แล่นผ่านมาบนสะพานซีซิง ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเฉียนถัง เมืองหางโจว มณฑลเจ๋อเจียง สะพานช่วงดังกล่าวก็ได้พังถล่มร่วงลงสู่พื้นด้านล่างพร้อมกับรถบรรทุกและแผ่นเหล็กกล้าจำนวนมาก เคราะห์ดีที่คนขับรถบรรทุกกระโดดลงจากรถได้ทันจึงได้รับบาดเจ็บไม่มากก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล ทำให้สะพานเกิดช่องโหว่ยาวถึง 20 เมตรและกว้าง 1 เมตร

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ต้องสั่งปิดสะพานดังกล่าวซึ่งเป็นสะพานสำคัญเชื่อมระหว่างเมืองเก่าหางโจว, เขตเสี่ยวซานและสนามบินระหว่างประเทศหางโจว รวมทั้งต้องปิดถนนหลายสายที่เชื่อมกับสะพานแห่งนี้ด้วย

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเหตุสะพานพังถล่มเกิดจากรถบรรทุกมีน้ำหนักเกินพิกัดโดยบรรทุกเหล็กกล้าน้ำหนักมากกว่า 100 ตันบวกกับน้ำหนักตัวรถบรรทุกที่หนักถึง 32 ตัน สำหรับสะพานซีซิงแห่งนี้มีอายุเพียง 14 ปี

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

สำนักข่าวเดลี่เมล์ เปิดเผยว่า ที่ฟาร์ม Northamptonshire ในประเทศอังกฤษเกิดเหตุ แก๊งโจรปล้นแกะใช้ปืนไรเฟิลล่าสัตว์กราดยิงใส่ฝูงแกะตายเกลื่อนทุ่ง พร้อมลากซากแกะกว่า 26 ตัวขึ้นรถตู้หลบหนีไป
ทั้งนี้ เจ้าของฟาร์มแกะดังกล่าวเปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ว่า พบซากแกะที่ตายแล้วกระจายอยู่ทั่วฟาร์ม บางตัวได้รับบาดเจ็บมีแผลจากกระสุนอยู่ตามตัว เดินส่งเสียงร้องเป็นที่น่าสงสาร
อย่างไรก็ตาม ตำรวจในท้องที่ เชื่อว่า การก่ออาชญากรรมดังกล่าว อาจเชื่อมโยงไปที่ปัญหาราคาอาหารสูงในปัจจุบัน แต่การกระทำของแก๊งดังกล่าวถือว่า ป่าเถื่อนเป็นอย่างมาก
Mthai News
เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย

ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com

แท็ก : อังกฤษ, แกะ

 

ภูเขาไฟอินโดนีเซียปะทุรุนแรงที่สุดในวันนี้​

​

จาการ์ตา 17 ก.ค. - ภูเขาไฟบนเกาะสุลาเวสี ทางตอนกลางของอินโดนีเซีย ปะทุขึ้นอีกในวันนี้ เป็นการปะทุครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่มีการยกระดับเตือนภัยเป็นสูงสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ขณะที่จำนวนผู้อพยพหนีภัยเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 5,000 คนแล้ว

เจ้าหน้าที่สำนักงานภูเขาไฟวิทยาแห่งชาติของอินโดนีเซียเผยกับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่า ภูเขาไฟโลคอนปะทุอีกครั้งเมื่อเวลา 11.53 น.วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลาเดียวกันในไทย พ่นเถ้าถ่านสูงขึ้นไปในอากาศ 3-3.5 กิโลเมตร พ่นลาวาร้อน ทรายและเศษหินเป็นระยะทางไกลกว่าครึ่งกิโลเมตร

ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานบริหารจัดการและบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติ เผยว่าจนถึงขณะนี้มีประชาชนอพยพออกจากบ้านเรือนใกล้เคียงไปอาศัยอยู่ตามศูนย์พักพิงแล้วรวม 5,025 คน เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันเสาร์ 4,554 คน เจ้าหน้าที่กำลังย้ายผู้ประสบภัยซึ่งอาศัยตามโรงเรียนหลายแห่งไปยังศูนย์พักพิงแห่งอื่น เนื่องจากวันพรุ่งนี้จะมีการเรียนการสอน ผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟวิทยาประกาศให้พื้นที่ภายในรัศมี 3.5 กิโลเมตร จากภูเขาไฟเป็นเขตอพยพ

ภูเขาไฟโลคอนมีความสูง 1,750 เมตร เป็นหนึ่งในภูเขาไฟอินโดนีเซียที่ยังคุกรุ่นอยู่ 129 ลูก เคยปะทุครั้งใหญ่ครั้งหลังสุดเมื่อปี 2534 คร่าชีวิตนักไต่เขาชาวสวิส 1 คน และทำให้ชาวบ้านหลายพันคนต้องอพยพหนีภัย.- สำนักข่าวไทย

วันอาทิตย์ ที่ 17 ก.ค. 2554

ที่มา http://www.mcot.net

 

บาปกรรมจริงๆ ขโมยทั้งของ ขโมยทั้งชีวิต

 

ศาลไทยเก่งแต่ในประเทศทำให้ต่างประเทศดูถูกเราได้ แม้แต่ เครื่องบินส่วนพระองค์เยอรมันยังไม่ให้เกียรติเรา เราควรตอบโต้บ้างซิ ก็ควรเลิกทำการค้ากับเยอรมัน ในเรื่องอาวุธ ไม่ว่าจะเป็นเรือดำน้ำเฮงซวยและอาวุธอื่นๆ รวบทั้งเครื่องบินรบ อาวุธ เราไม่ควรเอากองทัพไปผูกขาดกะอเมริกาและประเทศในโชนยุโรป ประเทศอื่นราคาถูกมีเยอะ ด้วยศักยภาพของคนไทยเราน่าจะมีอาวุธที่นำสมัยใช้ตั้งนานแล้ว อย่าลืมว่าคนไทยมีศักยภาพในการผลิตอาวุธไม่แพ้ชาติใดในโลก และในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯเราเคยส่งอาวุธเป็นสินค้าออกไปให้ญี่ปุ่น เฮ้อคนเก่งทำปีนก็ไล่ไปทำมีดเสียนี่.......

 

ของไทย สิ่งที่คิดค้นวิจัยโดยคนไทย ไม่มีค่าการตลาด ที่จะให้กลุ่มทุนการเมืองแอบอิงหาผลประโยชน์ได้ ไม่เช่นนั้นเราคงได้ขับรถเติมน้ำที่เปลี่ยนเป็นพลังงานไฮโดรเจน มากกว่าต้องมาขับรถเบนส์ รถยุโรป หรือติดแก๊สเพราะมีเงินซื้อรถแต่ไม่มีเงินเติมน้ำมัน เพราะทุนการเมืองคิดเป็นอย่างเดียวที่จะรีดภาษีจากสินค้าบริโภคพื้นฐานที่คนไทยใช้ประจำ มากกว่าที่จะสนับสนุนนวัตกรรมใหม่ๆที่เกิดจากสมองคนไทยกันเอง ไม่เช่นนั้นเด็กไทยที่ไปแข่งขันชนะรางวัลเหรียญทองระดับโลก เช่นหุ่นยนตร์กู้ภัยถึง 6 ปีซ้อน ทุนการเมีอง ได้นำแนวคิดจากผลงานทางวิชาการเหล่านี้ มาสร้างอุปกรณ์ที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความปลอดภัยในชิวิตมากขึ้นหรือไม่

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เหนือ-อีสานฝนตก 60% ของพื้นที่ ภาคอื่น ๆฝนลดลง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 18 กรกฏาคม 2554 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยเริ่มมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับร่องมรสุมได้เลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศจีนตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลงสำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามัน จะมีกำลังอ่อนลง
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมาก
บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา
อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมาก
บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา
อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดนครนายก และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>อังกฤษแซงหน้า"เพื่อไทย"แจกไอแพดให้เด็กนักเรียน 1,400 ราย </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ว่า โรงเรียนมัธยม"ลองฟิลด์"ในเมืองเคนท์ของอังกฤษ

ได้เตรียมแผนแจกไอแพดให้เด็กนักเรียน จำนวน 1,400 คน เป็นจำนวนเงิน 8 แสนปอนด์ (39.2 ล้านบาท) เพื่อใช้สำหรับการเรียนโดยมีจุดประสงค์ตามกระแสความก้าวหน้าของเทคโนโลยี โดยมีกำหนดจะแจกในเดือนก.ย.นี้ และนับเป็นการแจกไอแพดให้แก่เด็กนักเรียนครั้งแรกของอังกฤษ โดยเหล่าอาจารย์โรงเรียนนี้อ้างว่า โครงการบุกเบิกให้นักเรียนใช้ไอแพดนี้ จะเป็นการ"ปฎิวัติการเรียนการสอน"ของโรงเรียนแห่งนี้ ขณะที่โรงเรียนระบุว่า เด็กมัธยมของโรงเรียนจะสามารถเรียนรู้การศึกษาผ่านเทคโนโลยี และยกระดับแรงจูงใจในการเรียนของพวกเขา และจะทำให้พวกเขามีผลการเรียนที่ตามมา

รายงานระบุว่า โครงการนี้มีขึ้นหลังจากที่โรงเรียนลองฟิลด์ เพิ่งเปิดโรงเรียนได้เมื่อปี 2008

และอาจารย์โรงเรียนได้ปิ๋งไอเดียนำไอเดียมาใช้ในการเรียนการสอนสำหรับเด็กนักเรียน ตามคำแนะนำของผู้ผลิตบริษัทแอปเปิล ที่เดินทางมาแสดงการอบรมยังโรงเรียนแห่งนี้ และได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับความสามารถของไอแพด อย่างไรก็ตาม อาจารย์ใหญ่โรงเรียนเคนท์ ได้วางแผนจะเรียกคืนเงินซื้อไอแพดดังกล่าวจากผู้ปกครอง ด้วยแนวทางสองรูปแบบ คือ ให้ผู้ปกครองจ่ายเงินสดเป็นคนละ 576 ปอนด์ หรืออาจจ่ายเงิน"บริจาค"เงินสนับสนุนพิเศษด้านการศึกษา เป็นจำนวน 16 ปอนด์ต่อเดือน เป็นเวลา 3 ปี

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>“มูบารัค”วูบอาการตรีทูต </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>“มูบารัค” ผู้นำอียิปต์วูบทรุดหนัก อาการโคม่า แพทย์เร่งให้ความช่วยเหลือ แต่ยังไม่ได้สติ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ว่า อดีตประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ของอียิปต์ เกิดอาการวูบจากโรคลมปัจจุบัน ล่าสุดอาการอยู่ในขั้นตรีทูต ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของนายฟาริด เอล-ดีบ ทนายความของมูบารัค และรายงานของสถานีโทรทัศน์ทางการอียิปต์ ระบุว่า นายมูบารัควัย 83 ปี ซึ่งล้มป่วยและถูกควบคุมตัวระหว่างการดำเนินคดี อยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองท่าชาร์ม เอล-ชีค ริมฝั่งทะเลแดง เกิดอาการวูบเมื่อวันอาทิตย์ แพทย์และพยาบาลกำลังพยายามทำให้ฟื้นคืนสติ แต่อาการหนักมากและเลวร้ายลงตามลำดับ

นายมูบารัคถูกประชาชนเดินขบวนขับไล่ จนต้องยอมสละอำนาจเมื่อเดือน ก.พ. ผ่านมา โดยหลังจากประกาศลาออกจากตำแหน่ง

ได้เดินทางจขากกรุงไคโรพร้อมครอบครัว ไปลี้ภัยที่เมืองชาร์ม เอล-ชีค และต่อมาถูกจับกุมเพื่อดำเนินคดี ฐานใช้กำลังเจ้าหน้าที่ปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งมูบารัคล้มป่วยด้วยโรคหัวใจ ขณะถูกสอบปากคำ จนต้องนำส่งโรงพยาบาลในเดือน เม.ย. และถูกควบคุมอยู่ที่นั่น เพื่อรอการดำเนินคดีในศาล ในข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นและฆาตกรรม และศาลกำหนดวันพิจารณานัดแรกในวันที่ 3 ส.ค.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
ทหารเขมร

สืบเนื่องจากกรณีที่ฝ่ายกัมพูชายื่นคำร้องคุ้มครองชั่วคราว ให้ไทยถอนกำลังทหารออกจากบริเวณปราสาทพระวิหารต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลกนั้น ศาลโลกได้นัดอ่านคำพิพากษาในวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคมนี้ ที่สำนักงานศาลโลก ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ หลังจากที่ขอให้ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาจัดส่งข้อมูลเพิ่มเติมภายเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน และส่งคำชี้แจงของแต่ละประเทศให้อีกฝ่ายหนึ่งทำข้อมูลแย้งและส่งคืนศาลเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กัมพูชาขอให้ศาลระบุมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งกัมพูชาขอไว้สามข้อ คือ
-ให้ไทยถอนทหารออกไปจากบริเวณปราสาทพระวิหาร
-ไม่ให้ไทยดำเนินการทางทหารในบริเวณปราสาทพระวิหาร
-สั่งให้ไทยงดเว้นการกระทำที่อาจกระทบต่อสิทธิของกัมพูชาหรืออาจทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น
ต้องจับตาดูและมาลุ้นกันว่า ศาลโลกจะมีคำสั่งออกมาตรการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่กัมพูชาร้องขอหรือไม่ อย่างไร???
โดยก่อนหน้านี้ฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำตีความและคำขอคุ้มครองชั่วคราว กล่าวอ้างว่า คำตัดสินของศาลโลกเมื่อปี 2505 ตัดสินให้ตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาไปแล้วตามแผนที่ 1:200,000 ที่กัมพูชายึดถือ ซึ่งรวมถึงบริเวณพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร
ทหารไทย

ขณะที่ทางการไทย เน้นย้ำมาตลอดให้ศาลเห็นว่าไม่มีอำนาจที่จะออกมาตรการชั่วคราวตามที่ฝ่ายกัมพูชาขอ เพราะเป็นเรื่องของเขตแดน คำตัดสินของศาลโลกครั้งนั้น ตัดสินเฉพาะตัวปราสาท ไม่ได้ตัดสินเรื่องเส้นเขตแดน และไทยก็ปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโลกครบถ้วนแล้ว มีการขีดเส้นรอบอาณาบริเวณตัวปราสาทให้แล้ว และกัมพูชาก็ยอมรับโดยมิได้ทักท้วงใดๆ
กระทั่งเมื่อปี 2550 กัมพูชา กลับเอาปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ต้องการให้พื้นที่ 4.6 ตร.กม.รวมเข้าไปด้วย เพื่อให้แผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารมีความสมบูรณ์ จนเกิดปัญหาพิพาทของทั้งสองฝ่าย
สำหรับแนวทางตัดสินในวันที่ 18 ที่จะถึงนี้ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศมีการคาดการณ์กันว่าจะออกมา 3 แนวทางคือ
1.ศาลโลกอนุมัติให้ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว นั่นหมายถึงว่า ไทยต้องปฏิบัติตามคำสั่งทันที และศาลยังคงดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปในส่วนคำร้องที่กัมพูชาขอให้ศาลตีความคำพิพากษา ซึ่งไทยอาจต้องใช้เวลาสู้คดีต่อไปถึง พ.ศ. 2555
2.ศาลโลกไม่อนุมัติให้ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว
3.มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ทั้งไทยและกัมพูชาจะมีภาระร่วมกัน
ปัญหาที่เกิดจากการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนด้วยหลักฐานที่ต่างกัน หากศาลโลกวินิจฉัยคำตัดสินเดิมเป็นหลักในการพิพากษา คงไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายไทย ซึ่งในที่สุดแล้ว หากผลออกมาเป็นข้อ 1 ผลเสียตกอยู่ที่ฝ่ายไทยเต็มๆ ดินแดนที่เราอ้างว่าเป็นของไทย อาจต้องเสียไปให้กับกัมพูชาไปอีกทันที แต่ก็ได้เพียงแต่หวังว่า ศาลจะให้ความเป็นธรรมในการพิจารณาคดีนี้อย่างถึงที่สุด

Mthainews



ฟิสิกส์โอลิมปิก

กรุงเทพฯ 17 ก.ค.-เด็กไทยคว้าเหรียญทอง 3 เหรียญในการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ 42 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิก ระหว่างประเทศ ครั้งที่ 42 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจัดขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทำพิธีปิดอย่างเป็นทางการแล้ว ปีนี้เด็กไทยจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา คว้า 3 เหรียญทอง และสามารถทำคะแนนได้เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศไต้หวันด้วย
และยังถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระหว่างประเทศ เพราะเป็นอันดับที่ดีที่สุดของประเทศไทยเท่าที่เคยร่วมการแข่งขันมา นอกจากนี้ยังได้เหรียญเงินและทองแดงอย่างละ 1 เหรียญด้วย.
ขอบคุณภาพและข่าวจาก mcot

 

=====================================


17 ก.ค. 54


ภาพนิมิต

หนังสือบนสะพาน------เที่ยววางไว้ผิดที่
รองเท้าคู่ต่างสี---------มีหน้าที่ปรับเปลี่ยนงาน

ในภาพผมได้เห็นหนังสือจำนวนมากมายวางอยู่บนสะพานขวางทางเดินอยู่
ผมจึงนำลงมาจากสะพานมาวางเรียงเก็บไว้ จากนั้นภาพก็เปลี่ยนมาเป็น
รองเท้าผ้าใบหนึ่งคู่มีสองสี

ความหมายคือ หนังสือจำนวนมากจะสื่อถึงผู้คนมากมาย สะพานข้ามแม่น้ำ
จะสื่อถึงภัยทางน้ำส่วนรองเท้าต่างสีจะสื่อถึงการทำงานของผู้นำต้องคอย
ปรับการทำงานอยู่เสมอหรือว่าภัยทางน้ำใกล้เข้ามาแล้ว




องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"

 

(tm-love) มึน กับ กระทู้ทวยเทพ อีกละ งง

 

=====================================


18 ก.ค. 54


ของแพง...?

อาหารเรียงเป็นแถว------วางเป็นแนวเลื่อนเข้ามา
เป็นทุกข์ของประชา------เพราะราคาขยับตาม
ผมนำกางเกงเก่า---------วางบนราวเพื่อเฝ้าถาม
มีใครนั้นต้องการ---------ผมจะขายราคาถูก



องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"