ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ปภ.สรุป23จังหวัดประสบอุทกภัย ดับแล้ว206ราย เดือดร้อนเกือบ2ล.คน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ปริมาณน้ำฝนที่ตกเกินกว่า 90 มิลลิเมตร อยู่ที่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร 167.5 มิลลิเมตร โดยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศมีปริมาตรน้ำในอ่างทั้งหมด 63,128 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 90 ของความจุอ่างทั้งหมดมากกว่าปี 2553 อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์มีปริมาตรน้ำคิดเป็นร้อยละ 93 และ 99 ของความจุอ่าง
    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 23 จังหวัด ได้แก่ จ.สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี และ จ.เชียงใหม่ ใน 150 อำเภอ ราษฎรเดือดร้อน 559,895 ครัวเรือน 1,841,385 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 206 ราย โดยพบว่าระดับน้ำส่วนใหญ่เริ่มทรงตัว ยกเว้นพื้นที่ลุ่มภาคกลางที่ระดับน้ำยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    คำพยากรณ์ของ มาเธอร์ ซิปตัน
    (Ursula Southeil:Mother Shipton 1488 - 1561)

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->uesuki<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5187477", true); </SCRIPT> สมาชิก

    ที่จริงเราเคยเห็นกระทู้โพส เรื่องนี้ที่เว็บนี้แล้ว(นานแล้ว) แต่จำได้ว่ามันแปล ลวกๆ จึงนำมาแก้ไขและแปลใหม่บางส่วน ให้ตรงกับเนื้อความภาษาอังกฤษ ครับ อีกอย่าง เรื่องราวในคำพยากรณ์ ดูเหมือนว่าจะโหดร้ายมากเลยครับ โดยเฉพาะมนุษย์ ที่พอเจอวิกฤติบีบคั้น ก็จะเผยธาตุแท้เลวๆออกมา สุดท้ายคือ มนุษย์ใกล้สูญพันธุ์ เพราะน้ำมือพวกเดียวกันเอง มากกว่าที่จะสูญพันธุ์ด้วยภัยพิบัติจากธรรมชาติแน่ๆ ครับ

    มาเธอร์ ซิปตัน (Ursula Southeil)
    (c. 1488 - 1561)

    มาเธอร์ ซิปตัน เป็นเป็นชาวอังกฤษในปีคศ. 1488(ความจริงปีเกิดเธอสับสน หลายคนบอกว่าเธอเกิดปี 1488) ชื่อเดิมของเธอ เออซูล่า ซอนเธียร์(Ursula Sontheil) รูปร่างเธอใหญ่กว่าคนธรรมดา หลังค่อม หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แต่เธอฉลาดเป็นกรด เบเกรอร์บอกว่าเธอเกิดที่เมืองยอร์กไซร์ ใกล้เมืองคราเรสบอรัฟ ในรัชสมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 7

    หลายคนรู้จักเธอในฐานะแม่มดนักทำนายที่มีชื่อเสียง เธอทำนายเรื่องราวต่างๆ มากมายอย่างตรงไปตรงมา(ดีกว่านอสตราดามุสที่เขียนสับสนแล้วกว้างเกินไป)เธอทำนายเกี่ยวกับ เครื่องบิน รถยนต์ เรือดำน้ำ และทองคำแคลิฟอร์เนีย รวมไปถึงวันทำนายวันสิ้นโลกหายนะโลก(สังคมความเป็นอยู่ การรับรู้ข่าวสารตอน นั้นไม่เท่าปัจจุบัน ตอนที่อเมริกายังไม่ถูกค้นพบ เครื่องจักรไอน้ำยังไม่มี ข้อความหลายๆอย่างฟังดูวิทยาศาสตร์ เกินยุคเกินสมัย บางอย่างที่ยังไม่เกิดก็จะเริ่มมีเค้าให้เห็น)

    ต่อมาเธอแต่งงานกับโทบี้ ซิปตัน Toby Shipton ไม่มีลูก และอาศัยอยู่ในหมูบ้านสกิปตัน ห่างจากเมืองยอร์กทางเหนือสี่ไมล์ และในช่วงนี้เองเธอก็ทำนายเหตุการณ์จ่างๆ ไว้หลายอย่างและแต่งเป็นคำกลอนไว้เช่นเดียวกับนอสตราดาคนอื่นยกย่องเธอว่า “มาเธอร์”, คุณธรรม และกลายเป็นคุณแม่ซิปตันไปดังกล่าว ดินัลวอลชีย์ว่าท่านไม่มีทางไปถึงเมืองยอร์กอย่างแน่นอน เรื่องของเรื่องคือเธอทราบว่าพระคาร์ดินัลวอลชีย์ดั้งใจจะไปอาศัยในเมือง ยอร์ก มาเธอร์ ซิปตันเลยทำบันทึกถวายส่งไปว่าท่านจะไม่มีทางเดินทางไปถึงที่นั้นอย่างแน่นอน

    เขาส่งพระสาวกสามรูปเดินทางไปสอบถามเธอ พระสาวกถามเธอว่าจริงหรือที่เธอเขียนบันทึกนี้ เธอตอบว่าใช้ พระรูปหนึ่งจึงว่า “งั้นเธอก็เตรียมตัวได้แล้ว ถ้าพระองค์เดินทางไปถึงเมืองยอร์กเมื่อไหร่ แกได้โดนเผาทั้งเป็นฐานะแม่มดแน่” มาเธอร์ ซิปตันจึงดึงผ้าเช็ดหน้าที่เหน็บเอวเอามาโยนกองไฟแล้วพูดว่า “ถ้าผ้าเช็ดหน้าไหม้ไฟ ฉันจะถูกแขวนคอ” แต่ปรากฏว่าผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไม่ไหม้ไฟ พระสามรูปนั้นตกใจมาก หนึ่งในนั้นคือพระโธมัส คอมเวลล์ เขาเลยขอให้เธอทำนายซะตาของท่านว่าจะเป็นอย่างไร เธอตอบว่า “วันตายของท่านจะมาถึงถ้าเมื่อใดท่านเตี้ยลงเท่ากับความสูงของฉัน” และต่อมาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาถูกลงโทษโดยการตัดศีรษะ และเมื่อศีรษะหลุดจากร่างแล้ว ร่างกายของเขาก็สั้นๆ พอๆ กับส่วนสูงของมาเธอร์ ซิปตันตามคำทำนาย

    ระหว่างที่เขาเดินทางไปเมืองยอร์ก เขาผ่านตำบลคอวู้ดที่ห่างจากเมืองยอร์กแปดไมล์ เขาแวะไปในหอคอยของปราสาทแห่งหนึ่ง เพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองยอร์ก และเขาก็ลงบันไดหอคอยเพื่อรับพระราชสาสน์จากพระเจ้าแผ่นดินให้เข้าเผ้าด่วน เขาไปลอนดอนและก็ป่วยและถึงแก่อนิจกรรมที่เมืองไลเซสเตอร์ โดยไม่ทันเข้าเฝ้าและไม่ได้ไปเมืองยอร์กตามคำทำนายของพระคาร์ดินัลวอลชีย์

    1645 วิลเลียม ลิลลี่ตีพิมพ์หนังสือคำทำนายของเธอ เขาบอกว่าคำทำนายของเธอถูกเพียง 16 ข้อ
    1797 เอส. เบเกรอร์ ตีพิมพ์คำทำนายของเธอ เขาบอกว่าคำทำนายของเธอถูกต้องทั้งหมด โดยเฉพาะคำทำนายลอนดอนถูกไฟไหม็นั้นเป็นจริงดั่งคำทำนาย
    1641 ที่พิมพ์เป็นรูปเล่มขึ้นมา ลองอ่านแปลดูนะครับ คิดว่าเมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว
    1561 มาเธอร์ ซิปตันถูกตัดสินว่าเป็นแม่มด เธอถูกเผาทั้งเป็น

    และนี้คือตัวอย่างคำทำนายของเธอ
    (ต่อแต่นี้คือคำกลอนที่คล้องจองบ้างไม่ไม่คล้องจองบ้าง)

    จากอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในกาลข้างหน้า
    ในวันที่ทั้งโลกจะพลิกผันเป็นไป
    และทองคำจะถูกพบที่ตรงรากไม้
    ลูกหลานอังกฤษทั้งหลายที่ไถดินพวกนั้น
    จะถูกพบเสมอว่ามีหนังสืออยู่ในมือ

    พวกคนจนจะกลายเป็นผู้รู้ที่มีชื่อเสียง
    บ้านหลังใหญ่จะตั้งอยู่ในหุบเขาที่ห่างไกล
    ทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยหิมะและลูกเห็บ
    รถม้าสี่ล้อจะเคลื่อนที่ได้โดยปราศจากม้า
    ความพินาศจะเติมสู่โลกกับความโศกเศร้า
    ในลอนดอน ภูเขาพริมโรสจะมีขึ้น
    ในศูนย์กลางของเขตคริสตจักรของบิช๊อฟ
    (อาจหมายถึงเนินเขาที่ใกล้ใจกลาง ซึ่งก็หมายถึงตึกที่อยู่ที่อยู่สูงกว่าทุกตึก)

    ในรอบโลกผู้คนจะบินทะลุไป เร็วยิ่งกว่ากระพริบตา
    น้ำจะเพิ่มปริมาณมากอย่างน่าประหลาดใจ
    แปลกประหลาดใช่ไหม แต่นี้ยังคงคือความจริงที่จะมา
    (เครื่องบิน, อินเตอร์เน็ต, เขื่อน)

    ผู้คนจะขับขี่ผ่านทะลุภูเขาใหญ่
    ทั้งที่ไม่มีม้าหรือลาไปด้วยกับเขา
    ใต้น้ำ ผู้คนจะเดิน จะขับขี่ จะนอน จะพูดก็ยังได้
    และ จากในอวกาศก็ยังถูกพบเห็น ในสีขาว ในสีดำ และในสีเขียว
    (รถไฟใต้ดิน, เรือดำน้ำ นักประดาน้ำ และยานอวกาศผ่านชั้นต่างๆ ของโลก)

    ผู้ยิ่งใหญ่จะปรากฏ และจากไป
    สำหรับคำทำนายที่ประกาศไว้ดังนั้น
    ในน้ำ เหล็กก็จะลอยอยู่ได้ง่ายๆ ดั่งเรือที่สร้างจากไม้
    ทองจะโผล่มาให้เห็นในกระแสน้ำและก้อนหิน
    ในแผ่นดินที่ยังไม่มีใครรู้จักในขณะนี้
    (เรือยนต์ การค้นพบทองในอเมริกายุคตื่นทอง)

    และอังกฤษจะเข้าร่วมกับชาวยิว
    คุณคิดว่าประหลาดไหม แต่นั้นคือความจริง
    ชาวยิวที่ครั้งหนึ่งจะมีแต่คนดูถูก
    จะเป็นพวกกับคริสเตียน มันจะเกิดขึ้น

    บ้านที่ทำจากกระจกจะเกิดขึ้นในอังกฤษ
    แต่ อนิจา อนิจา สงครามจะเกิดขึ้นพร้อมผลงานนี้
    ณ ที่อาศัยของพวกนอกรีตและพวกตุรกี
    (คริสตัลพาเลสเป็น ศูนย์จัดแสดงงานและราชวัง เป็นสิ่งปลูกสร้างที่เป็นกระจก เกิดก่อนสงคราม โลกครั้งที่หนึ่งประมาณ 60 ปี )

    สภาพเหล่านั้นจะถูกขังอยู่ในการต่อสู้ที่รุนแรงที่สุด
    และพยายามเข้าทำลายในแต่ละชีวิต
    เมื่อทิศเหนือแยกทิศใต้เมื่อใด
    และเมื่ออินทรีย์สร้างในปากสิงโต
    ภาษีและเลือดและสงครามที่โหดร้าย จะมาเยือนทุกบ้านไป
    (เยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ส่งผลให้ได้รับสิทธิสัญญาไม่เป็นธรรมต่างๆ นาๆ)

    สามครั้งที่ฝรั่งเศสเมืองแดดเริงร่า
    จะนำไปสู่การระบำ เต้นรำเลือด
    ก่อนที่ผู้คนจะกลายเป็นอิสระ
    สามผู้ปกครองทรราชจักปรากฏเธอได้เห็น
    (การปฏิวัติฝรั่งเศส)

    ผู้ปกครองสามคนต่อกันมา
    จะมาเป็นบุตรหลานของต่างราชวงศ์
    และเมื่อความโหดร้ายนี้ผ่านไป
    อังกฤษและฝรั่งเศสจะรวมเป็นหนึ่งเดียว

    ต้นมะกอกอังกฤษต่อไปจะ
    แต่งงานกับต้นองุ่นเยอรมมัน
    ผู้คนเดินอยู่ใต้และเหนือกระแสน้ำ
    เมื่อทำได้จะเป็นความฝันมหัศจรรย์ของพวกเขา

    ความน่าประหลาดใจยังไม่หมดแค่นั้น
    ผู้หญิงก็จะทำตามความนิยมทั่วไปคือ
    แต่งตัวเหมือนผู้ชาย และใส่กางเกงขายาว
    และตัดผมของตัวเองออก
    พวกเธอจะขี่คร่อมขาไปอย่างไม่อาย
    อย่างกับพวกแม่มดขี่ไม้กวาดตอนนี้

    (ผู้หญิงสมัยใหม่นี้บางคนนุ่งยีนส์ ตัดผมสั้นลง ซึ่งสมัยนั้นผู้หญิงอังกฤษถือว่าไม่ดี นอกจากนี้เวลาผู้หญิงในสมัยนั้นขี่ม้า ก็จะเอาขาทั้งสองข้างพาดไว้ข้างเดียวกันของม้า ไม่ได้คร่อมขี่เหมือนปัจจุบัน)

    และสัตว์ประหลาดที่คำรามโดยมีคนอยู่ข้างบน
    ทำคล้ายจะกินพืชในแปลงเพาะปลูก
    และคนจะบินเหมือนนกที่ทำได้ตอนนี้
    และจะไม่ได้ใช้ม้าและคราด
    (เครื่องเก็บเกี่ยวทางการเกษตร)

    นั้นคือสัญลักษณ์ทั้งหมดที่พบเห็น
    แน่ใจว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
    ความรักจะหายไปและการแต่งงานลดลง
    และประเทศชาติเสื่อมลงเพราะการลดลงของทารก

    และเหล่าภรรยาก็จะลูบไล้แมวและหมา
    และผู้คนจะอาศัยอยู่อย่างกับหมู
    (ไฮโซเลี้ยงหมาแมว และที่อยู่อาศัยคับแคบขึ้น)

    ในปี 1926 บ้านที่ทำด้วยฟางและกิ่งไม้จะน้อยลง
    จะมีการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่สงคราม
    ทั้งไฟทั้งดาบจะกวาดทั่วแผ่นดิน

    เมื่อไหร่ที่ รูปภาพ เหมือนมีชีวิตกับเคลื่อนไหวอย่างอิสระ
    เมื่อไหร่ที่ เรือ เหมือนปลาว่ายอยู่ใต้ทะเล
    เมื่อไหร่ที่ มนุษย์ เหมือนนกที่สำรวจไปทั่วท้องฟ้า
    เมื่อนั้นครึ่งหนึ่งของโลก จะชุกโชกด้วยเลือดแล้วก็ตาย
    ( ทีวี, เรือดำน้ำ, เครื่องบิน, สงคราม)

    สำหรับพวกที่ได้อยู่ในศตวรรษนี้
    ในความกลัวและสะท้านนี้ทำให้ต้อง
    อพยพไปอยู่บนภูเขาและถ้ำ
    ไปในที่เเฉะ ที่ห้วย ป่าตามธรรมชาติ
    (พวกหวาดกลัวสงคราม หนีเข้าป่า)

    พายุจะบ้าคลั่งและมหาสมุทรจะคำราม
    เมื่อนั้นยมทูตยืนบนทะเลและชายฝั่ง
    และเมื่อเขาเป่าเขาสัตว์อันมหัศจรรย์นั้น
    โลกเก่าจะตาย และโลกใหม่จะเกิด

    มังกรเหมือนไฟจะบินข้ามท้องฟ้า
    หกครั้งก่อนที่โลกนี้จะตาย
    มนุษย์จะสะท้านและหวั่นกลัว
    สำหรับครั้งที่หกนั้นก็จะอยู่ในคำทำนายนี้
    (น่าจะเป็น อุกกาบาต หรือ ขีปนาวุธนิวเคลียร์ )

    ทั้งเจ็ดวันเจ็ดคืน
    ผู้คนจะเฝ้าดูสิ่งน่ากลัวอันนี้
    ระดับน้ำขึ้นสูงเกินกว่าที่เราจะคาดคิด
    และจะกวาดชายฝั่งทั้งหลายและจากนั้น
    ภูเขาจะเริ่มคำราม
    และแผ่นดินไหว จะทำให้ที่ราบกลายเป็นชายฝั่ง
    (ซึนามิ)

    และน้ำท่วมจะรี่เข้ามา
    จะท่วมพื้นที่ทั้งหลาย ด้วยเสียงสนั่นหวั่นไหว
    ที่ทำให้มนุษย์ล่าถอยหรือเข้าไปหลบในโคลนเลน
    และจะข่มขู่คนรอบข้างให้กลัวเกรง

    พวกเขาจะเผยเขี้ยวของเขา และต่อสู้ และฆ่า
    และซ่อนอาหาร ในเนินเขาลับ
    และ น่าอันตรายจากความหวาดกลัวของพวกเขา
    เขาก็จะหลอกลวง เพื่อที่จะฆ่าปล้น, ขโมย และสืบความลับ

    ผู้คนจะอพยพออกไป จากความกลัวที่เกิดจากน้ำท่วม
    และฆ่า และข่มขืน และหลอกลวง ในกองเลือด
    และการหลั่งเลือด จะเกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์
    เป็นรอยเลอะและขื่นขม ไปทั่วหลายดินแดน

    และเมื่อหางมังกรได้ผ่านไปแล้ว
    ผู้คน ก็ลืมกันไป และ ยิ้ม และมีชีวิตอยู่ต่อไป
    ด้วยตัวของตัวเอง - สายไปแล้ว สายไปแล้ว
    สำหรับมนุษย์ชาติที่ได้รับ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างสาสม

    ใบหน้าที่แสร้งยิ้มของเขา - ความเป็นผู้ดีจอมปลอมของเขา
    จะรับใช้พระเจ้าทั้งหลายและพวกเขาก็จะส่งมังกรกลับมา
    เพื่อจะจุดให้ท้องฟ้าสว่างไสว - หางของมันจะแตกออก
    ลงบนผิวโลก และทำให้โลกแยกออก

    พวกเขาก็จะแยกออกไปตามเส้นทางอย่างช้าๆ
    เพื่อค้นหาท่อส่งน้ำ ที่แทบจะไม่เหลือแล้ว
    และคนก็จะตายไปก่อนแล้วจากความกระหายน้ำ
    มหาสมุทรก็จะสูงขึ้น ขยับเข้าไปในชายฝั่ง
    และผืนที่ดินก็จะแตก และ แยกออกจากกันอย่างแรงอีกครั้ง
    คุณคิดว่ามันแปลกใช่ไหม แต่มันจะเป็นจริง

    ในแผ่นดินหนึ่งที่ไกลออกไป
    ยังมีคนอยู่บ้าง - โอ มันเหลือน้อยเหลือเกิน
    จะต้องออกจากภูเขาอันแข็งแกร่งของเขา
    และกระจายตัวออกไปยังที่ต่างๆของโลก แต่ก็น้อยเต็มที
    ผู้ที่รอดชีวิตอยู่ (ต้นฉบับอ่านไม่ออก) และจะ
    เป็นจุดเริ่มต้นของมนุษย์ชาติอีกครั้ง

    แต่ไม่ใช่บนแผ่นดินที่มีอยู่แล้ว
    แต่อยู่บนพื้นมหาสมุทรที่ไม่คุ้นเคย แห้งแล้ง และว่างเปล่า
    ไม่ใช่ว่าทุกวิญญาณบนโลกจะตาย
    ในขณะที่ หางมังกร กวาดผ่านไป

    ไม่ใช่ว่าทุกแผ่นดินบนผิวโลกจะจมน้ำ
    แต่แผ่นดินเหล่านั้นจะเกลือกกลิ้งอยู่ในสิ่งที่เน่าเหม็น
    ทำให้ร่างกายเน่า ทั้งสัตว์เดรัจฉานและผู้คน
    ทั้งพืชที่อยู่บนแผ่นดิน
    แต่จะมีแผ่นดินหนึ่งที่โผล่ออกจากทะเล
    จะแห้ง สะอาด อ่อนนุ่ม และ อิสระ
    จากความสกปรกของมนุษย์ชาติ ดังนั้นมันจึงกลายเป็น
    แหล่งกำเนิดใหม่ของผู้คน

    และผู้ที่ยังมีชีวิตนั้นก็จะหวาดกลัวภัย
    ของหางมังกร ต่อไปอีกหลายๆปี
    แต่เวลาก็จะสลายความทรงจำเหล่านั้น
    คุณคิดว่ามันแปลกประหลาดใช่ไหม แต่มันจะเป็นอย่างนั้น

    กอนที่มนุษย์ชาติจะเริ่มต้นใหม่
    งูใหญ่สีเงินจะมาให้เห็น
    และคายมนุษย์ที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนออกมา
    ร่วมกับโลกเจริญเติบโตตอนนี้
    ความหนาวเย็นจากความร้อนของมัน และผู้คนเหล่านี้สามารถ
    นำความรู้ จิตใจแก่ผู้คนในอนาคต
    (มนุษย์ต่างดาว? )

    เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันได้ และแสดงให้คนรู้ที่จะ
    อยู่ และ รัก และ ให้ทาน
    เด็กเหล่านี้ที่มีสายตาที่สอง
    เป็นเรื่องธรรมชาติที่พวกเขาจะ
    เติบโตอย่างสง่างาม, ถ่อมตัว และเมื่อไรที่พวกเขาโตขึ้น
    ยุคทองจะเริ่มต้นอีกครั้ง

    หางมังกรเป็นสัญญาณ
    การล่มสลายของมนุษย์ชาติ และการเสื่อมถอยของคน
    และก่อนทำนายนี้จะจบลง
    ฉันคงถูกเผาที่ลานประหาร
    ร่างกายของฉันไหม้เกรียม ร่างกายของฉันถูกปลดปล่อย
    คุณคิดว่าฉันสบประมาท(ดูถูกพระเจ้า)หรือ
    คุณคิดผิดแล้วละ เพราะสิ่งเหล่านั้นได้ปรากฏแก่ฉัน
    คำทำนายนี้จะเป็นจริงในที่สุด

    ส่วนอันนี้เป็นข้อความที่ปรากฎตรงห่อของม้วนกระดาษ

    ฉันรู้ฉันจะไป ฉันรู้ฉันจะเป็นอิสระ
    ฉันรู้สิ่งนี้จะกลายเป็นจริง
    จึงต้องซ่อนอันนี้เอาไว้ เพื่อสิ่งนี้จะได้
    พบเจอในราชวงศ์ภายหน้า

    ผู้รีดนมวัวคนหนึ่ง เป็นสาวผอมติดกระดูก
    จะเตะสิ่งนี้เข้า ขณะที่เธอเดินผ่านไป
    และเธอจะมีลูกหลานไปถึงห้ารุ่น
    ก่อนที่เด็กชายคนหนึ่งเรียนรู้ที่จะอ่าน

    และอันนี้จะมีต่อไปปีแล้วปีเล่า
    จนกว่าสัตว์ประหลาดเหล็ก มาสั่นสะท้านความกลัว
    กัดกินกระดาษเขียน คำพูด ปากกา และน้ำหมึก
    และ มนุษย์ชาติ จะได้ใช้เวลาที่จะคิด

    และตอนที่คำทำนายนี้ กำลังเกิดขึ้นเท่านั้น
    มนุษย์ชาติจะมาอ่านคำทำนายนี้
    แต่กลุ่มหนึ่งจะชื่นชอบ กลุ่มหนึ่งจะมีความทุกข์
    ดังนั้นฉันจะไม่ถูกเผาไปอย่างไร้ค่า<!-- google_ad_section_end -->

    ส่วนสุดท้าย ส่วนนี้ก็แยกออกจากส่วนอื่น และมันถูกเขียนอยู่ร่วมกันแม้จะเก็บอยู่คนละไห

    สัญญาณทั้งหลายจะมีอยู่เพื่อให้คนทั้งหลายได้รับรู้
    เมื่อมนุษย์จะทำในสิ่งที่เลวร้ายอย่างแรง
    ผู้คนจะทำลายชีวิตของพวกเด็กๆ
    โดยนำมาเป็นภรรยาของพวกตน

    และฆาตกรรม สกปรก และทารุณ โหดร้าย
    เมื่อนั้น คนจะมีความคิด ที่เห็นแก่ตัวเท่านั้น
    และคนจะเดินราวกับว่าหลับ
    เขาจะไม่ดูอะไร และคนอื่นก็ไม่สนใจเหลือบมองเขา
    และคนเหล็กเช่นกัน
    และรถเหล็กและยานพาหนะด้วย

    ผู้นำจะทำสัญญาที่ไม่ซื่อสัตย์
    และพูดแบบหลอกๆ สักแต่จะพูด
    และชาติทั้งหลายก็จะวางแผนทำสงคราม
    มันเหมือนกับอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
    และภาษีทั้งหลายก็จะขึ้น ในขณะที่ความเป็นอยู่แย่ลง
    และประเทศทั้งหลายๆ ก็จะทำหน้านิ่ว

    ยังมีสัญญาณอื่นที่ปรากฏให้เห็นอีก
    ขณะที่คนเข้าไปใกล้ศตวรรษหลังๆ
    ภูเขาสามลูกที่หลับอยู่เริ่มหายใจ
    และพ่นโคลน และน้ำแข็งและความตาย
    และแผ่นดินไหว จะกลืนกินเมืองแล้วเมืองเล่า
    ในดินแดนที่ฉันยังไม่รู้จักชื่อ

    คริสเตียนนึงสู้กับอีกคริสเตียนนึง
    ประเทศทั้งหลายต่างถอนหายใจ แต่ก็จะไม่ทำอะไร
    และมนุษย์สีเหลืองก็จะมีอำนาจขึ้น
    จากหมีที่ทรงอำนาจด้วย ผู้ที่เขาได้วางเอาไว้แล้ว
    (เอเชียมีอำนาจ รัสเซียก็เช่นกัน)

    พวกทรราชที่ทรงพลังจะทำไม่สำเร็จ
    เขาไม่สำเร็จที่จะแยกโลกออกเป็นสองข้าง
    แต่สิ่งที่เขาทำลงไปนั้น จะเพาะเชื้ออันตราย
    เชื้อโรคร้ายแรงชนิดหนึ่ง ทำให้คนตายไปมาก
    และหมดหนทางรักษา
    อันนี้จะเลวร้ายกว่าโรคเรื้อนเสียอีก
    (เท่าที่เห็นมีซาร์ส เอดส์ หวัดนก หวัดหมู และอีกมากมาย)

    โอ สัญญาณหลายอย่างจะปรากฏให้เห็น ความจริงของคำทำนายนี้<!-- google_ad_section_end -->

    ที่มา http://palungjit.org/threads/คำพยากรณ์-มาเธอร์-ซิปตัน-ursula-southeil-mother-shipton-1488-1561-a.308246/<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2011
  3. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า ที่งานเทศกาลท้องถิ่น ในเมืองโอล์ด บาร์ เมืองเล็ก ๆ ชานนครซิดนีย์ ของออสเตรเลียได้เกิดเหตุสุดระทึกขึ้น
    หลังเครื่องบินเล็กลำหนึ่งได้พุ่งเข้าชนชิงช้าสวรรค์ที่ตั้งอยู่ภายในงาน เป็นเหตุให้มีผู้เคาระห์ร้าย 4รายต้องติดอยู่บนอากาศนานหลายนาที
    ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งระดมเข้าช่วยเหลือ พร้อมทั้งฉีดโฟมเลี้ยง ไปที่เครื่องเล่นชิงช้าสวรรค์ เนื่องจากพบน้ำมันรั่วไหลออกมาจากถังเชื้อเพลิงของเครื่องบินด้วย
    อย่างไรก็ดีผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดปลอดภัยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างไร ส่วนสาเหตุนั้นเกิดจากการที่เครื่องบินไต่ระดับไม่สูงพอ ที่จะพ้นเครื่องเล่น จนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว

    Mthai News


    [​IMG]
    รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พระราชจินดานายก เจ้าคณะจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย พระครูอินทร์คำ อินทะปุโร เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นครื้น และนายกเทศบาลตำบลต้นธงชัย เข้าตรวจสอบบริเวณองค์เจดีย์ของวัดพระธาตุหมื่นครื้น อายุเก่าแก่ กว่า 1,342 ปี ที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1223 ได้เกิดพังทลายลงมา ทำให้อิฐมอญเก่าแก่หล่นลงมาแตกเสียหายเป็นจำนวนมาก
    เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นครื้น เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักเป็นเวลานานหลายชั่วโมง และช่วงนั้นได้ยินเสียคล้ายกับหินถล่มถึง 2 ครั้ง และมีเสียงสุนัขเห่านานมาก จึงรีบออกมาดูพร้อมชาวบ้านเห็นหินจากองค์พระธาตุหล่นลงมากองกับพื้นดินเป็นจำนวนมาก
    ล่าสุดได้รายงานให้พระราชจินดานายก เจ้าคณะจังหวัดลำปาง และ นายกเทศบาลตำบลต้นธงชัย เข้ามาตรวจสอบ และทำหนังสือแจ้งไปยังกรมศิลปากรให้เร่งเข้ามาซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งจะทำหนังสือแจ้งไปยังวัดทุกวัดใน 13 อำเภอของจังหวัดลำปาง ให้เฝ้าระวังโบราณสถานที่สำคัญตามวัดต่างๆ เพราะในช่วงนี้ฝนตกลงมาหลายครั้ง
    ด้านนายถาวร วิไลรัตน์ นายกเทศบาลตำบลต้นธงชัย เปิดเผยว่า อยากให้กรมศิลปากร เข้ามาเร่งซ่อมแซมเป็นการด่วน เพราะทราบว่ายังมีพายุอีกหลายลูกจะเข้ามาอีก กลัวสิ่งของมีค่าบนยอดพระธาตุจะพังทลายลงมา เพราะบนยอดปลายเจดีย์ มีจานโบราณใบใหญ่ พระธาตุต่างๆ จำนวน 301 องค์ แก้วประดับต่างๆจำนวน 78 เม็ด พระพุทธรูปปางสะดุ้ง 3 องค์ ทำจากเครื่องเงินแท้ๆอีกจำนวนหนึ่ง
    ส่วนประวัติของวัดพระธาตุหมื่นครื้น เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากในมางภาคเหนือ และเมื่อเดือนกันยายนปี 2535 ช่วงฤดูฝน ยอดพระเจดีย์เคยหักลงมาเองและปักจมดินมาแล้วครั้งหนึ่ง
    Photo/ข้อมูลข่าวจาก : ครอบครัวข่าว3
    Mthai News
    เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
    [​IMG]
    ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com
    ……………………………………………………………………………………………….
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  4. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    2 ต.ค. 54

    ภาพที่เห็น เห็นแค่ ความสูงน้ำ
    ไม่ได้ตาม เฝ้าดู ที่แห่งใด
    ถึงจะรู้ ขอตอบ บอกไม่ได้
    เพราะไม่ใช่ หน้าที่ ที่จะแจง

    สุนัขหอน เครื่องบินตก รวมหกลำ
    ผมเฝ้าตาม นับตัวเลข มาให้ดู
    ยังจะตก อีกกี่ลำ ก็ไม่รู้
    น่าอดสู เศร้าใจ แทนผู้คน

    เรื่องน้ำป่า นั้นซ่า ไม่ใช่ย่อย
    มันตามสอย ชีวิต และบ้านเรือน
    อีกเท่าไร ถึงพอ นะเพื่อนๆ
    มันสะเทือน หัวใจ ทุกๆคน


    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“สมิทธ” เตือนคนกรุงรับมือ “สตอร์มเซิร์จ” เชื่อน้ำท่วมกว่า 2-3 สัปดาห์ - ขาดน้ำกินน้ำใช้!</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 align=center border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>
    โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์
    </TD><TD class=date vAlign=center align=left>
    29 กันยายน 2554 08:19 น.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]
    ภาพจำลองเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพมหานคร​

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    แนะวิธีรับมือภัยพิบัติทุกรูปแบบพร้อม ระบุคนกรุงเสี่ยงเจอ “สตอร์มเซิร์จ” ชี้ต้องนำเรื่องนี้เป็น “วาระแห่งชาติ” ระบุกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ ยังไม้พ้นวิกฤตเหตุเพราะพายุ 2 ลูกกำลังจ่อคิวเข้ามาถล่มซ้ำ ชี้ปัญหาน้ำท่วมภาคกลางเหตุเพราะการจัดการเรื่องน้ำล้มเหลว ฟันธงวิธีแก้ปัญหาระยะยาวต้องทำ “แก้มลิง” ทั่วทุกภาคของประเทศเท่านั้น

    เหตุการณ์น้ำท่วม-ดินถล่มที่ทำเอาคนไทยค่อนประเทศได้รับความลำบากในการดำรงชีพอยู่ในขณะนี้ เป็นปัญหาที่หน่วยงานที่รับผิดชอบได้พยายามเข้ามาแก้ไข แต่ปัญหานี้ก็ยังจะเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกในปีต่อๆ ไป

    เตือน กทม.จะจมบาดาล

    ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ บอกกับ “ผู้จัดการรายสัปดาห์” ว่า มาจนถึงวันนี้ปัญหาภัยพิบัติโดยเฉพาะวิกฤตการณ์น้ำท่วมจะยังคงมีต่อไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนเนื่องจากในระยะนี้ไปจนถึงปลายเดือนพฤศจิกายนจะยังคงมีพายุที่คาดว่าจะมีความรุนแรงพัดเข้ามาในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้อย่างต่อเนื่องซึ่งคาดว่าพายุทั้งสองลูกนี้จะมีโอกาสเข้าถล่มกรุงเทพฯ มากที่สุด

    “เดือน ต.ค.-พ.ย.นี้เราจะต้องระวังพื้นที่กรุงเทพฯ ให้มาก เพราะปริมาณน้ำที่จะทะลักเข้ามาจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากปัจจุบันเขื่อนที่ใช้กักเก็บน้ำทั่วประเทศมีปริมาณน้ำเกินอัตรากักเก็บแล้ว ซึ่งปัญหานี้เกิดจากการปล่อยปริมาณน้ำที่น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาหนำซ้ำการกักเก็บน้ำในเขื่อนก็กักเก็บมากเกินไป พอปริมาณน้ำในเขื่อนเกินการกักเก็บก็ปล่อยน้ำออกมาพร้อมกัน อย่างนี้ร้อยทั้งร้อยน้ำก็ต้องท่วมแน่นอน”

    ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติมาโดยตลอด พบว่า ภัยพิบัติที่จะกระทบ กทม.และปริมณฑล มีอยู่ 2 ประเภท คือ ภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหว และภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขังซึ่งเกิดจากสภาวะโลกร้อน โดยภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหวเป็นภัยที่รุนแรงและมีผลกระทบต่อมนุษย์จำนวนมาก ทั้งนี้ ประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่มีพลังอยู่ 13 รอย และจากการศึกษาพบว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิ รอยเลื่อนทั้งหมดเกิดรอยร้าวเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ถึงปัจจุบัน ซึ่งการเกิดรอยร้าวดังกล่าวทำให้อาคารที่โครงสร้างไม่แข็งแรงใน จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ มีโอกาสถล่มลงมาได้

    อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงในพื้นที่ กทม.อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากรอยเลื่อน 2 รอย คือ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี หากเกิดแผ่นดินไหวซ้ำขึ้นมาอีก เชื่อว่าจะส่งผลให้เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์แตก และทำให้น้ำปริมาณกว่า 17 ล้านลูกบาศก์เมตรไหลทะลักเข้าสู่ จ.ราชบุรี จ.นครปฐม และ กทม.

    สำหรับภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขังเนื่องจากสภาวะโลกร้อนขึ้นนั้น จากสถิติไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าพายุที่เกิดในมหาสมุทรอินเดียจะมีแรงลมสูงมากถึงขนาดเป็นไซโคลน แต่ตอนนี้เกิดขึ้นแล้ว คือ พายุไซโคลนนาร์กีส ซึ่งมีความเร็วลมสูงถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อขึ้นฝั่งในลุ่มน้ำอิระวดีในพม่า แรงลมสูงสุดถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความรุนแรงถึงระดับ 4 ซึ่งในอนาคตโอกาสที่เราอาจจะประสบกับพายุที่รุนแรงอย่างนี้ได้อีก

    “ขอทำนายว่า ในเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีพายุขนาดใหญ่พัดถล่มประเทศไทย ทางด้านอ่าวไทย ไล่ตั้งแต่ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.เพชรบุรี เพราะช่วงดังกล่าวเป็นช่วงฤดูฝน อยู่ระหว่างช่วงลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้าประเทศไทย จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าช่วงดังกล่าวมีพายุพัดถล่มประเทศไทยมาแล้วหลายครั้ง อย่างเช่น พายุไต้ฝุ่นเกย์ พายุไต้ฝุ่นลินดา ที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อนก็เกิดขึ้นในช่วงนี้ซึ่งอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์สตอร์มเซิร์จ (Storm Surge) หรือน้ำทะเลยกตัวสูงขึ้น ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะทำให้น้ำทะเลไหลเข้ามาถึงบริเวณปากอ่าวเจ้าพระยา และเข้าท่วมพื้นที่ กทม. โดยกว่าจะไหลย้อนกลับสู่ทะเลต้องใช้เวลานานกว่า 2-3 สัปดาห์ และหากท่วมเหนือคลองประปา จะทำให้ประชาชนไม่มีน้ำในการอุปโภคบริโภค”

    ทุกภาคทำ “แก้มลิง”
    ช่วยแก้ปัญหาระยะยาว

    สำหรับการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในระยะยาว อย่างเช่นน้ำท่วมขังบริเวณภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง ทุกจังหวัดควรจะลงมือทำแก้มลิงตามโครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้พร้อมๆ กันทุกพื้นที่ เพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมแล้วยังสามารถแก้ปัญหาภัยแล้งได้ ซึ่งหากทุกจังหวัดนำเอาพื้นที่ที่ว่างเปล่า ห้วย คลอง บึง จัดการขุดลอกให้ลึกลงไป 3 เมตรจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน

    “ตัวอย่างบึงบอระเพ็ดน่าจะมีการขุดลอกในหน้าแล้งเพื่อในหน้าฝนจะสามารถรองรับปริมาณน้ำได้มาก ช่วยให้น้ำท่วมขังน้อยหรือบางพื้นที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ แต่ทั้งนี้รัฐบาลจะต้องเป็นผู้ริเริ่มโครงการและดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพราะจะมาหวังว่าจะสร้างเขื่อนเพิ่มเติมคงจะทำไม่ได้และไม่ทันกับการแก้ไขปัญหา ที่สำคัญการทำโครงการแก้มลิงใช้งบประมาณน้อยกว่าการสร้างเขื่อน และไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนด้วย”

    แนะรัฐต้องบรรจุเป็นวาระแห่งชาติ

    “ปัญหาภัยพิบัติซึ่งมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกๆ ปีนี้เป็นปัญหาสำคัญมากและต้องแก้ไขกันแบบจริงจัง เพราะเมื่อถึงเวลาหน้าฝนน้ำจะท่วมขังในหลายพื้นที่อย่างที่เราเห็นกันอยู่ และรัฐบาลรวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดการกับปัญหาน้ำมากมายมหาศาลโดยไม่มีการวางแผนล่วงหน้าไม่ได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เราต้องยอมรับว่ามีการบริหารจัดการน้ำอย่างไม่ถูกต้องและไม่มีการวางแผนกันไว้ล่วงหน้า พอเกิดเหตุการณ์แล้วมาบอกว่าจะไม่ให้น้ำท่วมที่นั่นที่นี่บอกตรงๆ ว่ามันเป็นไปไม่ได้” ปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทานบอก และว่า เราต้องทำการศึกษาสภาพภูมิประเทศของแต่ละพื้นที่ให้เป็นระบบแล้วนำมากางช่วยกันแก้ปัญหาในระยะยาว เพราะที่ผ่านมาพอน้ำท่วมทีก็หารือกันที พอน้ำลดทุกคนก็ลืมแล้ว แผนการที่วางไว้ในปีก่อนก็ถูกเก็บในลิ้นชักเช่นเดิม

    สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยาวนั้นได้เคยเสนอไปแล้ว 2 รูปแบบ แต่ยังไม่มีหน่วยงานไหนนำไปทำ คือ การต่อสู้กับน้ำ ซึ่งเราจะต้องดูพื้นที่ที่สามารถแก้ไขได้ อย่างเช่นพื้นที่ กทม.แก้มาจนสามารถพูดได้ว่าแก้ได้ดี แต่ในพื้นที่ภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มเป็นจุดรองรับน้ำจากภาคเหนือ เป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ เมื่อเราสู้ไม่ได้เราก็ต้องถอย เช่น อพยพชาวบ้านที่ไปตั้งถิ่นฐานขวางทางน้ำออกไปอยู่ในพื้นที่ไม่เสี่ยง เพราะแม้จะมีการเตรียมการอย่างดี แต่เวลาน้ำหลากก็ต้องอพยพหนีบางคนสูญเสียทรัพย์สินถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว ฉะนั้นแล้วหากต้องการจะแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ รัฐบาลจะต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้านแล้วหาพื้นที่ที่ปลอดภัยทดแทน

    ในระดับที่สอง เราต้องสอนให้ประชาชนรู้จักปรับตัวให้เข้ากับภัยพิบัติ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางในทุกจังหวัด เมื่อหน้าฝนจะประสบปัญหาน้ำท่วมแต่ถ้าเรารู้จักปรับสภาพ เช่น การทำนา หน้าแล้งก็ควรปรับพื้นที่ใพาะปลูกให้สูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทำคู คลองที่สามารถระบายน้ำออกไปสู่พื้นที่ลุ่มอื่นๆ ซึ่งลักษณะนี้จะเหมือนการทำแก้มลิงแต่เป็นแก้มลิงที่สามารถเพาะปลูกได้ด้วย

    “หากรัฐบาลไม่จัดทำโครงการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติบรรจุเป็นวาระแห่งชาติ เชื่อว่าเมืองไทยเราจะประสบปัญหาน้ำท่วม แผ่นดินทรุดอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ และคาดว่าในปีต่อๆ ไปจังหวัดในแถบภาคกลางทั้งหมด จังหวัดในภาคอีส่าน เช่น อุบลราชธานี ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ก็ยังคงประสบปัญหานี้ไม่รู้จักจบสิ้น และอาจจะรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” อดีตอธิบดีกรมชลประทานกล่าวสรุป

    ที่มา http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9540000123762
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2011
  6. apichart ww2

    apichart ww2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +439
    กรรมกำลังตามสนอง คือมีช่วงหนึ่งมีคนไทยบางส่วนที่อกตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่ต่อว่าดูหมิ่นผู้มีพระคุณ คือมีกลุ่มคนเนรคุณแล้วกลุ่มคนที่สำนึกบุญคุณก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรแล้วเทวดาคงเห็นคงจะมาเตือนสติว่าอย่า....เนรคุณคนที่ทำเพื่อคนไทยทุกคนมาทั้งชีวิต...
    ทุกๆอย่างมีเหตุและผล.......
     
  7. apichart ww2

    apichart ww2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +439
    ธรรมมะเข้าใจธรรมชาติ แต่ ธรรมชาติของมนุษย์ไม่เข้าใจธรรมมะ จึงต้องเรียนรู้ฝึกฝนและปฏิบัติ<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    ใช่ครับ กรรมกำลังตามสนอง โดยเฉพาะพวกที่เนรคุณต่อพระศาสนาของพระพุทธเจ้า พวกที่ก่อกรรมทำลายธรรมชาตและสิ่งแวดล้่อม พวกที่ไม่มีจิตสำนึกในคุณธรรม จริยธรรม และศิลธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
     
  9. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    รวมทั้งกรรมจะตามสนองพวกนอกศาสนาของพระพุทธเจ้าด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะพวกที่ไม่หวังดีต่อพระศาสนาของพระพุทธเจ้า
     
  10. pongsakn

    pongsakn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +12



    ผมเชื่อว่า เกี่ยวกับเรื่องน้ำและทรัพยากรธรรมชาติในประเทศไทย ไม่มีใครเก่งกาจเท่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เพราะได้ทรงพูดมาโดยตลอดหลายปีแล้วเกี่ยวกับการทำแก้มลิง การจัดการน้ำ แต่ทุกรัฐบาลเหมือนจะฟังแต่ไม่ได้ยินและไม่เคยนำไปเป็นนโยบายเพื่อปฏิบัติอย่างจริงจัง ได้ยินตั้งแต่สมัยน้ำท่วมใหญ่ที่หาดใหญ่ การสร้างถนนขวางทางน้ำ การถมที่ในที่ลุ่มน้ำทางผ่านของน้ำเพื่อสร้างหมู่บ้าน และอะไรมากมาย แต่รัฐบาลและราชการเกือบทุกรัฐบาลไม่เคยสนใจและใส่ใจ มีแต่จะทำพวกประชานิยมแจกจ่ายเงินทองและกอบโกยโกงกินงบประมาณภาษีประชาชนเท่านั้น แม้แต่เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่ทรงพูดมาตั้งนานแล้ว รัฐบาลทุกรัฐบาลฟังแต่ไม่สนใจไม่ใส่ใจ ยิ่งมุ่งไปสู่ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมสามานย์ มุ่งแต่จีดีพีซึ่งสร้างความร่ำรวยให้คนรวยแต่ไปสร้างความยากจนให้คนจนตลอดจนสร้างหนี้สินให้คนจนเพิ่มยิ่งขึ้น ซึ่งในระบบเศรษฐกิจคิดว่าไม่นาน ประเทศและประชาชนชาวไทยคงต้องเผชิญปัญหาเหมือนกับที่กำลังเผชิญปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้ ผลของภาวะน้ำท่วมอย่างร้ายแรงฉกาจฉกรรณ์ สร้างความเดือดร้อนทุกข์ยากแสนสาหัสให้ประชาชนเป็นจำนวนมากครั้งนี้ เป็นการประจานการทำงานของทุกรัฐบาลตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีมานี้ อย่างล่อนจ้อน จากงบประมาณที่นักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศเป็นจำนวนมากมายหลายล้าน ๆ ๆ ๆ บาท แต่ผลงานว่างเปล่าไม่มีอะไรแม้แต่น้อย จึงเห็นได้ว่าประเทศชาติได้นักการเมืองที่มีคุณภาพสติปัญญามีความสามารถเข้ามาบริหารชาติบ้านเมืองหรือไม่ ทุกอย่างสูญเปล่าจริง ๆ มีแต่นักการเมืองที่ด้อยสติปัญญาไร้คุณภาพ มองและคิดแต่จะกอบโกยโกงกินคอรัปชั่นเท่านั้น จะเห็นได้ว่านักการเมืองที่เข้ามาบริหารชาติจะร่ำรวยมหาศาลทุก ๆ คน หากมองดูอดีตของนักการเมืองเหล่านี้ แทบไม่มีอะไร แต่กลับมามีฐานะมั่งคั่งอย่างมหาศาล จนหาที่มาที่ไปไม่ได้แม้แต่น้อย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ชาติบ้านเมืองและประชาชนทุกข์ยากเดือดร้อนแสนสาหัสได้อย่างไร จะไม่ให้บ้านเมืองเกิดหายนะวิบัติได้อย่างไร
    จึงขอแนะนำให้นายกรัฐมนตรีที่เป็นหญิงคนนี้ ขอเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอคำแนะนำจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ว่าเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ เรื่องน้ำและเรื่องเศรษฐกิจ และต้องนำมาปฏิบัติอย่างเร่งด่วนและจริงจัง อย่าไปฟังนักวิชาการหรือนักการเมืองคนใดที่ขัดแย้งคำแนะนำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอันขาด เพราะนั่นมีแต่จะทำให้บ้านเมืองและประชาชนเดือดร้อนวิบัติหายนะอย่างแน่นอน แต่ต้องเอาคำแนะนำจากในหลวงไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด สั่งการไม่ให้หน่วยงานใดขัดแย้งหรือไปปฏิบัตินอกเหนือ เชื่อแน่ว่าไม่เกินปี ประเทศไทยและประชาชนคนไทยคงได้เงยหน้าอ้าปากได้บ้าง และประเทศชาติคงจะค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างมั่นคงแน่นอน
     
  11. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> “นาลแก”จ่อขึ้นฝั่งญวนทำฝนกระหน่ำทั่วไทย </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>พายุโซนร้อน “นาลแก” เตรียมขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน 5 ต.ค. ส่งผลฝนกระหน่ำทั่วประเทศไทย

    เมื่อวันที่ 3 ต.ค. กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวัน ระบุว่าลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

    อนึ่ง พายุโซนร้อน “นาลแก” บริเวณทะเลจีนใต้ มีศูนย์กลางอยู่ที่ ละติจูด 17.6 องศาเหนือ ลองจิจูด 114.6 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 95 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 18 กม./ชม. คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 5 ต.ค.

    สำหรับพยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันที่ 4 ต.ค. ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ สุโขทัย กำแพงเพชร ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เขื่อนภูมิพลวิกฤติสั่งเฝ้าระวังน้ำท่วมทะลัก 2 จว. </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ศภช.เตือน 7 จังหวัด พังงา-ระนอง-จันทบุรี-ตราด-ปราจีนบุรี-นครนายก-สระแก้ว รับมือฝนตกหนัก 3 ต.ค.

    พร้อมเตือนปทุมฯ น้ำล้นตลิ่งเลียบคลองรังสิตและริมฝั่งแม่น้ำนอกเขตกั้นน้ำในจ.นนทบุรี น้ำป่าดอยขุนตาลทะลักท่วมลำปางกลางดึก กว่า 100 หลังคาเรือนจมบาดาล แถมอิทธิพลจากฝนตกหนักส่งผลให้พระธาตุพันปีคู่เมืองลำปางพังทลาย จนท.ต้องเร่งค้ำยันหวั่นยอดเจดีย์หัก ส่วนชาวอุทัยขวัญผวา ไอ้เข้หลุดจากฟาร์มเข้าบ้าน โชคดีจับได้ก่อนเขมือบคน กรุงเก่ายังอ่วมพระสงฆ์หนีน้ำมาจำวัดบนถนน ขณะที่ชาวบ้านเครียดจัดต้องขึ้นไปนั่งปรับทุกข์บนหลังคาบ้าน ระบุเขื่อนภูมิพลวิกฤติหนักน้ำจ่อล้นสปิลล์เวย์ เตือนกำแพงเพชร-ชัยนาทได้รับผลกระทบการระบายน้ำ “นายกฯ ปู” บินด่วนไปสิงห์บุรี เร่งกู้ประตูระบายน้ำบางโฉมศรี สั่ง ขรก.จับมือทุกฝ่ายแก้วิกฤติน้ำกลับสู่ภาวะปกติ สธ.เผยเหยื่อน้ำท่วมเสี่ยงฆ่าตัวตายพุ่ง

    “ปู”ประชุมสรุปน้ำท่วม

    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ต.ค. ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2) สนามเป้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐ มนตรี ได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่ต่าง ๆ และหารือร่วมกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม นายพระนาย สุวรรณรัตน์ รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน นายวิบูลย์ สงวนพงษ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัย (ปภ.) ก่อนที่จะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์คไปยังประตูระบายน้ำบางโฉมศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับทางกองทัพเข้าไปดูแลช่วยเหลือประชาชนให้ทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เข้าไปยากลำบาก เพราะเป็นห่วงในพื้นที่น้ำท่วมขังที่จะอาจเกิดปัญหาน้ำเน่าและโรคต่าง ๆ ตามมา

    สั่งเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเล

    นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำค่อนข้างมากทำให้มีผลกระทบต่อ จ.ลพบุรีอย่างมาก และเราต้อง เร่งระบายน้ำลงสู่ทะเล โดยใช้เครื่องผลักดันน้ำตามจุดต่าง ๆ โดยตนได้สั่งการให้กรมชลประทาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ทบทวนพิจารณาเพิ่มจุดผลักดันน้ำเพื่อให้ระบายน้ำให้เร็วขึ้น นอกจากนั้นได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกรมทหารช่างเร่งดำเนินการขุดลอกคู คลองในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้น้ำไหลเวียนออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด สำหรับการซ่อมแซมประตูระบายน้ำบางโฉมศรีนั้น ทางกรม ชลประทานรายงานว่าต้องใช้เวลานานประมาณ 15 วัน ซึ่งตนคิดว่าความเดือดร้อนของประชาชนรอนานขนาดนั้นไม่ได้ จึงต้องเร่งให้ดำเนินการเร็วขึ้น แต่เราต้องยอมรับว่าในการแก้ปัญหานั้นมีอุปสรรคเพราะน้ำแรงมาก โดยเฉพาะการขนย้ายหินที่เป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ประชาชนอพยพหนีน้ำขึ้นมาอาศัย ดังนั้นจะต้องพยายามเปิดเส้นทางให้รถใหญ่ขนหินเข้าได้ เพื่อให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

    ยันไม่ท่วมเจดีย์เกาะเกร็ด

    ด้าน นายชลิต ได้รายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ว่า ขณะนี้ลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำยม ทางด้านต้นน้ำและ จ.น่าน อยู่ในระดับคงที่ ขณะที่ตั้งแต่ จ.พิจิตรลงมามีระดับน้ำสูงขึ้นเล็กน้อยและไหลผ่าน จ.นครสวรรค์อยู่ที่ 4,362 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งทรงตัวมา 2 วันแล้ว ขณะที่แม่น้ำสะแกกรังมีปริมาณน้ำอยู่ 641 ลบ.ม.ต่อวินาที ถือว่าเป็นปริมาณน้ำค่อนข้างมาก ทำให้น้ำที่ผ่านเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณน้ำมากไปด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปริมาณน้ำที่ผ่านมาถึง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 3,236 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่กท. หากจะส่งผลต่อ กท.จะต้องมีปริมาณน้ำ 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาที ดังนั้นขณะนี้จึงยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ และยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่น้ำจะท่วมยอดเจดีย์ที่เกาะเกร็ดอย่างที่มีข่าว เพราะเราติดตามปริมาณน้ำอย่างใกล้ชิด

    7 จว.รับมือฝนตกหนัก 3 ต.ค.

    ด้านนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการอุดช่องประตูระบายน้ำบางโฉมศรีที่ชำรุดเสียหาย ซึ่งจากการที่ได้เริ่มดำเนินการตามแผนการหย่อนกล่องหินเกเบี้ยนขนาด 1 ตารางเมตรที่สามารถทานกระแสน้ำได้ โดยในช่วง 2 วันที่ผ่านมาที่ในช่วงแรกยังมีปัญหาอุปสรรค ทำให้ผลดำเนินการหย่อนกล่องหินได้เพียง 540 กล่อง หรือคิดเป็น 8% จากจำนวนกล่องหินทั้งสิ้น 7,300 กล่อง แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไปที่ได้มีการเตรียมพร้อม ก็จะทำให้การหย่อนหินเพื่ออุดประตูระบายน้ำบางโฉมศรีมีความรวดเร็วขึ้นประมาณ 800 กล่องต่อวัน เมื่อคิดเฉลี่ยคาดว่าไม่น่าจะเกิน 10 วันก็ดำเนินการเสร็จ

    ขณะที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) ได้ประกาศเตือนแจ้งว่า ในวันที่ 3 ต.ค. อาจมีฝนตกหนักบริเวณ จ.พังงา ระนองจันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี นครนายก และ จ.สระแก้ว จึงขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวัง และติดตามข้อมูลจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติต่อไป

    ศภช.เตือน!เลียบคลองรังสิต

    มีรายงานว่า ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้ประกาศเตือนภัยด้วยว่า โดยในวันเดียวกันนี้อาจเกิดน้ำล้นตลิ่งในบริเวณเลียบคลองรังสิต จ.ปทุมธานี และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำนอกเขตคันกั้นน้ำ จ.นนทบุรี ดังนั้นจึงขอให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามข้อมูลต่อไป และวันเดียวกัน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. รายงานว่า ขณะนี้ยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัยจำนวน 23 จังหวัด มีผู้เสียชีวิตรวม 206 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนแล้ว

    สั่งอสม.ลงพื้นที่ดูแลชาวบ้าน

    นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับแผนเพื่อให้บริการดูแลสุขภาพประชาชนอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ และต้องเฝ้าระวังโรคระบาด รวมทั้งปัญหาสุขภาพจิตที่สำคัญคือป้องกันการฆ่าตัวตาย เนื่องจากน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน สำหรับ อสม. จะให้ออกดูแลประชาชนที่อยู่ในภาวะน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง แต่ละคนจะรับผิดชอบดูแลคนละ 10-15 หลังคาเรือน นอกจากนี้กระทรวงฯได้ผลิตกระเป๋าเป้ บรรจุยาสามัญประจำบ้านและยาใช้ในกรณีที่ป่วยฉุกเฉิน ได้แก่ ปวดศีรษะ ท้องเสีย ยาแก้แพ้ ชุดทำแผลปลอดเชื้อ รวมทั้งหมด 17 รายการ รวมคู่มือการแนะนำการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพื่อให้ อสม.ใช้ออกปฏิบัติงาน ขณะนี้แจกไปแล้ว 10,000 ชุด และได้สั่งผลิตเพิ่มอีก 100,000 ชุด

    เครียด-เสี่ยงฆ่าตัวตายพุ่ง

    ส่วนนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบด้านสุขภาพจิตว่า ผลการตรวจประเมินสุขภาพจิตล่าสุด พบผู้ที่มีความเครียดสูง 1,520 ราย มีอาการซึมเศร้า 3,239 ราย มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 389 ราย และต้องติดตามดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ 554 ราย โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบการดูแล 3 รูปแบบคือ 1. จัดทีมสุขภาพจิต ร่วมออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่รักษาโรคทางกาย ขณะนี้กระจายบริการตามจุดอพยพประชาชนที่บ้านถูกน้ำท่วมหนักจนอยู่ไม่ได้ 2. หน่วยแพทย์เคลื่อนที่บริการตามหมู่บ้าน และ 3. ทีมเยี่ยมบ้านชนิดเคาะประตูบ้าน เยี่ยมดูอาการผู้ที่เสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพจิตง่าย เช่น ผู้ป่วยจิตเวช ผู้สูงอายุที่ไม่มีคนดูแล ผู้ป่วยโรคประจำตัว และมีสายด่วนเปิดให้บริการปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง ทางหมายเลข 1323 ฟรี

    แก้น้ำท่วมเป็นวาระแห่งชาติ


    ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีปัญหาอุทกภัย ว่า จากที่ ส.ส.พรรคได้ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาน้ำท่วมได้รับฟังปัญหา ซึ่งสอด คล้องกับที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ว่า ปัญหาดังกล่าวต้องเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากยิ่งนับวันความเสียหายยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น หากประเมินการชดเชยทั้งบ้านเรือนและพื้นที่ทำการเกษตรเป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท ถ้ายังไม่แก้ไขปัญหาในอนาคต ยังคงปล่อยให้น้ำท่วมซ้ำซาก รัฐบาลต้องเพิ่มจำนวนเงินชดเชยมากขึ้นในแต่ละปี ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะเร่งนำเสนอนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ อาทิ นโยบายการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซากเป็นวาระแห่งชาติแบบบูรณาการ โดยให้มีเจ้าภาพ แม้ว่าจะต้องใช้งบประมาณที่สูงก็ต้องดำเนินการเร่งปราบปรามการตัดต้นไม้และปลูกป่าอย่างจริงจัง

    ปชป.จวกรัฐไม่มีแผนชัดเจน

    ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมว่า การแก้ไขของรัฐบาลยังเป็นแบบกระจัดกระจาย และไม่มีทิศทางในการบริหารจัดการที่ชัดเจน คือการที่นายกรัฐมนตรีชอบพูดถึงบางระกำโมเดล หรือแนวทาง 2 พี 2 อาร์ ซึ่งที่จริงแล้วประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าคืออะไร ขณะที่ปัญหาน้ำท่วมก็มีมากขึ้น และการสั่งให้รัฐมนตรีลงไปค้างคืนตามจังหวัดต่าง ๆ นั้นส่วนใหญ่ก็ไปค้างคืนที่โรงแรมห้าดาว ซึ่งเป็นการทำเอาหน้า โดยไม่ได้แก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพราะไม่มีแผนชัดเจน เช่น ถ้าน้ำเหนือลงมาจะระบายออกทะเลทางใด อีกทั้งรัฐบาลไม่มีการเตรียมพื้นที่ไว้ล่วงหน้า เพื่อใช้ในการอพยพประชาชนเมื่อเกิดน้ำท่วม และที่สำคัญถึงเวลานี้ยังไม่เคยได้ยินว่ารัฐบาลมีแผนการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลดว่าเป็นอย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล

    “บิ๊กจิ๋ว”แนะตั้งกระทรวงน้ำ

    พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตประธานพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่จำเป็นต้องสั่งให้รัฐมนตรีไปนอนกับชาวบ้าน ซึ่งได้แค่ภาพเท่านั้น ไปแล้วก็รีบกลับไม่เห็นมีอะไรเป็นเนื้องาน โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีไม่ต้องเที่ยวตระเวนไปดูน้ำท่วมให้มากนัก ขอให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ตั้งหลักให้ได้ว่าจะแก้ปัญหาระยะยาวอย่างไร ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องทำโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เก็บกักน้ำ แม้จะใช้เงินจำนวนมาก รัฐบาลมีงบประมาณไม่พอก็แบ่งทำไปเป็นรายปี อยากเรียกร้องรัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งหมดเดินหน้าโครงการแก้ไขปัญหาน้ำอย่างเต็มที่ ซึ่งรัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพ และมีหน่วยงานหลักดูแลร่วมกับท้องถิ่น โดยเฉพาะทั้งน้ำท่วมน้ำแล้ง หากตั้งกระทรวงน้ำขึ้นมาจะดูแลแบบบูรณาการได้เต็มที่

    พระสงฆ์หนีน้ำจำวัดบนถนน

    ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังมวลน้ำก้อนใหญ่จาก จ.ลพบุรี ไหลทะลักบ่าเข้าท่วมพื้นที่ อ.บ้านแพรก อ.มหาราช จนบ้านเรือนทุกหมู่บ้านของทั้งสองอำเภอจมบาดาล และน้ำยังท่วมขยายวงกว้างไปยัง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี พื้นที่การเกษตรไร่นาเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 แสนไร่ ระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร ส่งผลให้ถนนทุกสายในหมู่บ้านและเชื่อมระหว่าง อ.บ้านแพรก และ อ.มหาราชถูกตัดขาด โดยเฉพาะถนนสายหลักเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดตั้งแต่ จ.อ่างทองถึง จ.สระบุรี คือถนนสายโพธิ์พระยา-ท่าเรือ ตั้งแต่ช่วงหมู่ 2 ต.บ้านนา อ.มหาราช ถูกน้ำท่วมรถเล็กวิ่งผ่านไม่ได้ นอก จากนี้ตลอดเส้นทางถนนสายโพธิ์พระยา-ท่า เรือ พบว่ามีประชาชนที่ถูกน้ำท่วมเร่งขนย้ายทรัพย์สินข้าวของมาไว้ที่ริมถนน และที่ริมถนนโพธิ์พระยา-ท่าเรือ ต.เข้าปลุก พระสงฆ์จากสำนักสงฆ์มหาราชธรรมมาราม จำนวน 11 รูป ต้องอพยพมานั่งพักอยู่ริมถนน เนื่องจากน้ำท่วมกุฏิและบริเวณวัดจนจำวัดไม่ได้

    นั่งคุยบนหลังคาคลายเครียด

    ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าที่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 3 ต.โพธิ์เอน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรี อยุธยา ว่ามียายวัย 72 ปี ที่บ้านถูกน้ำท่วมบ้านสูงกว่า 3 เมตร และต้องเลี้ยงดูลูกชายวัย 39 ปี ที่แขนทั้งสองข้างขาดและขาลีบ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จึงได้ลงเรือพายเข้าไปตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกน้ำท่วมจนถึงพื้นบ้านที่ยกสูง ภายในบ้านพบ นางเมิน ยัญญะเวทย์ อายุ 72 ปี กำลังนั่งป้อนอาหารและเช็ดตัวให้ นายสมภพ ยัญญะเวทย์ ลูกชายวัย 39 ปี ที่เป็นผู้พิการแขนทั้งสองข้างขาด และขาทั้งสองข้างลีบ เดินไม่ได้ เนื่องจากประสบอุบัติเหตุรถไฟทับเมื่อหลาย 10 ปีก่อน โดยญาติพี่น้องที่พักอาศัยอยู่ด้วยต้องออกไปทำงานทั้งหมด จึงขอวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือ เพราะตอนนี้นางเมินตกอยู่ในสภาพเครียดมาก ทางญาติและเพื่อนบ้านต้องคอยมานั่งคุยกันบนหลังคาบ้าน เพื่อเป็นการคลายความเครียด


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>จับจระเข้หลุดฟาร์มเข้าบ้าน

    จ.อุทัยธานี ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ได้รับแจ้งจากนายชำนาญ มีทอง อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/2 หมู่ 2 บ้านเนินตูม ต.สะแกกรัง อ.เมือง ว่าได้พบจระเข้เข้ามาอาศัยซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำใต้ถุนบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ จึงมาดำเนินการจับโดยใช้ไฟฟ้าช็อต จนสามารถจับจระเข้ได้ ซึ่งเป็นลูกจระเข้ที่มีความยาว 1.50 เมตร มีน้ำหนักตัวประมาณ 20 กก. ก่อนนำขังไว้เป็นการชั่วคราวที่ศูนย์ช่วยเหลือฯ ทั้งนี้ สำหรับจระเข้ที่ถูกจับได้ครั้งนี้ น่าจะหลุดมาจากฟาร์มเลี้ยงแห่งใดแห่งหนึ่งที่ถูกน้ำท่วมหนัก ซึ่งหลังมีข่าวจระเข้หลุดได้สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง เพราะชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะมีทั้งจระเข้พ่อแม่พันธุ์และลูกอีกจำนวนมากที่หลุดออกมาลงสู่แม่น้ำสะแกกรัง

    น้ำทะลักท่วมสถานีประมง

    เมื่อเช้าของวันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบยังบริเวณ ต.ชัยฤทธิ์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง หลังทราบว่าน้ำจากลพบุรีได้ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ต.ชัยฤทธิ์ มีบ้านเรือนประชาชนจำนวนมากถูกน้ำท่วม โดยเฉพาะสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดอ่างทอง น้ำได้ทะลักเข้าท่วมบ่อเพาะพันธุ์สัตว์น้ำสูงกว่า 1 เมตร นอกจากนั้นน้ำยังเข้าท่วมสถานที่ทำงาน บ้านพักเจ้าหน้าที่ นอกจากนั้นบ้านเรือนประชาชน ถนนสายชัยฤทธิ์-สองห้อง ได้ถูกน้ำท่วมจนรถไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ประชาชนต่างเก็บข้าวของหนีน้ำกันอย่างโกลาหล เนื่องจากน้ำได้ทะลักเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังมีผู้พิการติดอยู่ภายในบ้านซึ่งอยู่กลางน้ำ เจ้าหน้าที่กู้ภัยวีอาร์ จ.อ่าง ทอง จึงต้องใช้เรือเข้าไปรับออกมาอยู่ในที่ปลอดภัย

    ส่งตรวจอาหารแจกเป็นพิษ

    จากการที่ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมในเขตท้องที่ หมู่ 8 ต.ตลุก (บ้านหนอง) อ.สรรพยา จ.ชัยนาท รับแจกอาหารข้าวกล่อง ขนมจีน และบะหมี่เหลืองแห้ง แล้วเกิดท้องร่วงหลายราย ถูกลำเลียงส่งไปทำการรักษาที่ รพ.ชัยนาท นเรนทร จำนวน 99 คน แพทย์สั่งนอนดูอาการ 19 คนนั้น ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ. วันชัย ล้อกาญจนรัตน์ ผอ.รพ.ชัยนาทนเรนทร ได้ระดมแพทย์และพยาบาล ส่งทีมสอบสวนแพทย์เคลื่อนที่เร็ว ไปให้บริการยังที่เกิดเหตุ เพื่อความรวดเร็วไม่ต้องเดินทางเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลฯ มีผู้ป่วยไปรับบริการจำนวน 40 คน และขอยาแก้ท้องเสีย จำนวน 60 คน พร้อมกันนี้ทาง รพ. ได้นำตัวอย่างอาหารส่งไปตรวจพิสูจน์ที่ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์นครสวรรค์ ล่าสุด ขณะนี้คนไข้จากอาหารเป็นพิษต่างทยอยกันกลับบ้านหมดแล้ว

    เขื่อนภูมิพลเข้าขั้นวิกฤติ


    นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลในขณะนี้ว่า เขื่อนภูมิพลมีน้ำกักเก็บ 12,580 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 93.89 ของความจุอ่าง ซึ่งเหลืออีก 6.11 หรือ 822 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำจะล้นอ่าง ขณะที่น้ำไหลเข้าเขื่อนวันละ 110 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ทางเขื่อนต้องระบายน้ำวันละ 45 ล้านลูกบาศก์เมตร เพราะน้ำไหลเข้ามาอยู่ที่ระดับที่สูง ดังนั้นสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลในขณะนี้ถือว่าวิกฤติ เพราะมีน้ำไหลเข้าเขื่อนเพิ่มขึ้น ซึ่งเหลือไม่เกิน 7 เมตร หรือ 3-4 วัน ระดับน้ำอาจจะล้นสปิลล์เวย์ หรือแนวกั้นน้ำ โดยขณะนี้ได้ประสานงานกันโดยตลอดเพื่อควบคุมระดับน้ำ ซึ่งจังหวัดที่อยู่ท้ายเขื่อน เช่น จ.กำแพงเพชร และชัยนาท ต้องระมัดระวังที่จะต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วม

    น้ำป่าทะลักท่วมลำปาง

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.ลำปาง ในคืนวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ฝนได้ตกลงมาตลอดคืน ทำให้พื้นที่ อ.ห้างฉัตร และ อ.เกาะคา เกิดน้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขต ต.เวียงตาล และ ต.ปงยางคก ผ่านไปยังพื้นที่ ต.ไหล่หิน ต.เกาะคา อ.เกาะคา ทำให้ถนน ฝายเก็บน้ำ และสะพานหลายแห่งเสียหาย แต่ไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยบ้านเรือนถูกน้ำพัดผ่าน ข้าวของเสียหายประมาณ ร้อย กว่าหลังคาเรือน โดยนายสุวิทย์ เล็กกำแหง นายอำเภอห้างฉัตร กล่าวว่า พื้นที่อำเภอห้างฉัตรเป็นเขตติดต่อดอยขุนตาล เมื่อมีฝนตกหนักลงมาจึงทำให้น้ำป่าไหลหลากมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งในปีนี้ประชาชนประสบกับปัญหามาหลายครั้งแล้ว สูญเสียงบประมาณจำนวนมากในการแก้ไขปัญหา ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากทางน้ำที่ตื้นเขิน และฝายกั้นน้ำที่ถูกเศษวัชพืชปิดทางประกอบกับน้ำป่าไหลหลากมาอย่างรวดเร็วจึงทำให้น้ำไหลบ่าขึ้นท่วมบ้านเรือนราษฎร

    พระธาตุพันปีพังทลาย

    ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานด้วยว่า พระธาตุหมื่นครื้นซึ่งเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองอีกแห่งหนึ่งของ จ.ลำปาง มีอายุมากกว่า 1,000 ปี ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุหมื่นครื้น บ้านวังหม้อพัฒนา ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง ได้ถูกพายุฝนที่ตกสะสมกันมานานหลายเดือนกัดเซาะ จนทำให้เศษอิฐของพระธาตุบางส่วนพังทลายลงมา ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบนายสาคร วงศ์สมุทร นักวิชาการวัฒนธรรม จากสำนักศิลปากรที่ 7 น่าน กำลังสำรวจความเสียหายของตัวพระธาตุอยู่ โดยนายสาคร กล่าวว่าจากการสำรวจพบว่าส่วนที่เสียหายของพระธาตุนั้นอยู่ที่ตรงส่วนที่เรียกว่าบัวถลา ซึ่งเป็นส่วนที่รองรับองค์ระฆังส่วนยอดของพระธาตุ มีความสูงจากพื้นดินประมาณ 15 เมตร โดยจากการสังเกตนั้นเศษอิฐที่เป็นส่วนของพระธาตุด้านตะวันตก ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ได้หลุดร่วงลงมายังฐานด้านล่าง ทำให้เกรงว่ายอดส่วนที่เหลือจะหักลงมาด้วย ดังนั้นทางสำนักศิลปากรจะนำเจ้าหน้าที่ที่มาทำนั่งร้านขึ้นไปค้ำยัน เพื่อป้องกันการหักโค่นของยอดพระธาตุ

    เชียงใหม่กลับสู่ภาวะปกติ

    ที่ จ.เชียงใหม่ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า ตอนนี้ในเขตเทศบาลมีน้ำท่วมขังไม่เกิน 10% โดยทางเทศบาลฯ ฟื้นฟูทำความสะอาดแล้ว 40% คาด 2 วันแล้วเสร็จ มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมกว่า 10,000 หลัง เสียหายหนัก 3,000-4,000 หลัง สามารถเคลียร์พื้นที่แล้ว 96% แต่ยังเหลือขยะและเศษวัสดุติดค้างอีกประมาณ 500-600 ตัน ซึ่งเราจะเร่งทำให้เสร็จภายใน 24 ชั่วโมงนี้ ด้านหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผวจ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำหรับพายุลูกใหม่ที่กำลังจะเข้ามาในวันที่ 5 ต.ค. นี้ ตนก็มีความห่วงใยและได้ประสานกับกรมอุตุนิยมวิทยาตลอดเวลา เพราะเราต้องมีความพร้อมทุกด้านในการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าในทุกพื้นที่

    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.เชียงใหม่ ตอนนี้เหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติแล้ว ทุกหน่วยงานก็เร่งฟื้นฟูแก้ไขหลังน้ำลด โดยการทำความสะอาดในย่านเศรษฐกิจหลักของจังหวัด เช่น ย่านไนท์บาร์ซา ย่านถนนช้างคลาน และบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเตรียมเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวตามปกติในเย็นวันเดียวกันนี้ หลังจากที่ต้องปิดการค้าขายมานานกว่า 4 วัน

    เตือนภัยพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม

    นายคมสัน สุวรรณอัมพา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากข้อมูลศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ มีประกาศให้เฝ้าระวังฝนตกหนัก ดินถล่ม และน้ำล้นตลิ่ง ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในระยะนี้นั้นว่า ทางจังหวัดได้ให้มิเตอร์เตือนภัยในแต่ละท้องที่ ทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มริมน้ำ เชิงเขา และพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะ อ.สันกำแพง และ อ.สันป่าตอง ให้เตรียมความพร้อมในการอพยพหนีภัย หากกรณีเกิดเหตุการณ์วิกฤติ หรืออาจจะเป็นอันตรายจากภัยพิบัติดังกล่าว โดยให้ย้ายไปอาศัยตามวัด, โรงเรียน และในพื้นที่ปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยดินโคลนถล่ม อย่างไรก็ตามในหลาย ๆ พื้นที่ของเชียงใหม่ ตลอดทั้งวันมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดินชุ่มน้ำ ซึ่งอาจจะเกิดความเสี่ยงทำให้ดินโคลนถล่มได้

    18 อำเภอโคราชพื้นที่ภัยพิบัติ

    จากที่ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เต็มปริมาณกักเก็บนั้น นายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.นคร ราชสีมา ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากเหตุอุทกภัยแล้ว 18 อำเภอ ที่มีพื้นที่อยู่ติดกับลุ่มน้ำต่าง ๆ ทั้งในส่วนของลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำลำตะคอง และลุ่มน้ำลำเชียงไกร เพราะปริมาณน้ำเอ่อล้นตลิ่ง หลังจากการพร่องน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีอยู่ใน จ.นคร ราชสีมา รวม 4 แห่ง ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย อ่างเก็บน้ำลำมูลบน และอ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี ที่ทั้งหมดมีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ร้อยละ 93 ของความจุทั้งหมด ทั้งนี้ สำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา ยังคงต้องสั่งการให้พร่องน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำทั้งหมดลงสู่ลำน้ำธรรมชาติ และคลองส่งน้ำโครงการชลประทาน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มหลายอำเภอ เช่น อ.โชค ชัย อ.พิมาย และ อ.ชุมพวง ขณะนี้สถานการณ์เริ่มที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เพราะปริมาณน้ำเริ่มลดลงโดยเฉพาะพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำทั้ง 4 แห่ง เนื่องจากฝนหยุดตก 2 วันแล้ว

    ปินส์อ่วมหนักโดนไต้ฝุ่นสองลูก

    สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ว่า มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 55 ศพจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น “เนสาด” เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 52 ศพ และยังอีก 3 ศพจากพายุไต้ฝุ่น “นาลแก” ซึ่งพัดเข้าถล่มเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ด้วยการแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มให้กับผู้ประสบภัยซึ่งต้องขึ้นไปอาศัยอยู่บนหลังคาบ้าน เพราะน้ำท่วมหนักในพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์แจ้งด้วยว่า พายุไต้ฝุ่น “นาลแก” เคลื่อนตัวออกจากฟิลิปปินส์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนืออยู่แถบทะเลจีนใต้ และมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งตอนใต้ของประเทศจีน ด้วยความเร็วลมพัดเข้าสู่จุดศูนย์กลาง 130 กม. ต่อชั่วโมง

    เขมรเจอน้ำท่วมตายร้อยกว่า


    สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาว่า น้ำท่วมฉับพลันคร่าชีวิตผู้คนในประเทศกัมพูชาไปแล้วอย่างน้อย 150 ศพ นับตั้งแต่เดือน ส.ค. ที่ผ่านมา โดยนายเคีย วัย โฆษกสำนักงานวิบัติภัยของรัฐบาลกัมพูชาแถลงว่า น้ำท่วมหนักตลอดแนวพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง และพื้นที่อื่น ๆ สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เกษตรกรรม 1.67 ล้านไร่ โรงเรียน 904 หลังและวัด 361 แห่ง ส่วนผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมรุนแรงในประเทศกัมพูชาเมื่อปี 2543 มีจำนวน 374 ศพ.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>อยุธยาเร่งกรอกกระสอบทรายปิดช่องทางน้ำเอ่อล้น </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>พระนครศรีอยุธยา 3 ต.ค. - จ.พระนครศรีอยุธยา ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งกรอกกระสอบทรายปิดช่องทางน้ำที่เอ่อล้นมาตามท่อระบายน้ำ และไหลเข้าท่วมสถานที่ราชการสำคัญหลายแห่ง

    นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจบริเวณหน้าพระราชวังจันทรเกษม ริมแม่น้ำป่าสัก

    ซึ่งมีการวางแนวป้องกันน้ำท่วมตลอดแนวริมแม่น้ำ หลังเจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระดับน้ำ แจ้งว่า ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักสูงขึ้นอีก 10 ซม. และเอ่อล้นขึ้นมาตามท่อระบายน้ำในตลาดและริมถนนอู่ทองหลายจุด โดยเฉพาะจุดใหญ่บริเวณตรงข้ามวัดเขียน ตรงข้ามสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ และซอยตรงข้ามสำนักงานที่ดินจังหวัด

    เบื้องต้นได้ระดมกำลังตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่เทศบาล รวมกว่า 130 นาย

    ช่วยกันกรอกกระสอบทราย นำไปวางปิดช่องทางต่างๆ บริเวณริมถนนอู่ทอง และจากการตรวจระดับน้ำที่ประตูระบายน้ำคลองมหาชัย พบว่าน้ำสูงเกือบจะเอ่อล้นถึงขอบบานประตู ซึ่งทางเทศบาลได้เตรียมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ไว้พร้อมที่จะสูบน้ำออกทันที หากน้ำเข้ามาในคลองมาก

    อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำล่าสุดใน จ.พระนครศรีอยุธยา ยังต้องเฝ้าระวังไปอีก 7 วัน เนื่องจากน้ำที่เอ่อล้นขึ้นมาตามท่อระบายน้ำ และน้ำจากคลองมหาชัยริมแม่น้ำ เริ่มทะลักเข้าไปในย่านเศรษฐกิจและร้านค้าต่างๆ แล้ว. - สำนักข่าวไทย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>บริษัทญี่ปุ่นผลิต "โนอาห์" ลูกบอลแกร่งช่วยมนุษย์หลบมหันตภัยดินไหว-สึนามิ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>สำนักข่าว เอพีและเดลี่เมล์ รายงานว่า บริษัทวิศวกรรม "คอสโม เพาเวอร์" เมืองฮิราสึกะ ประเทศญี่ปุ่น

    เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ชื่อ "โนอาห์" ซึ่งอ้างว่าเป็นนวัตกรรมหลบภัยพิบัติฉุกเฉิน และตั้งชื่อตาม "เรือโนอาห์" ที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่าเป็นเรือที่ช่วยให้มนุษย์และสัตว์โลกบางส่วนมีชีวิตรอดอยู่ได้ในวันที่พระเจ้าทรงทำให้น้ำท่วมโลก เพื่อชำระบาปของมนุษย์


    นายโชจิ ทานากะ ประธานคอสโมฯ ระบุว่า "โนอาห์" มีลักษณะคล้ายลูกเทนนิสขนาดยักษ์สีเหลือง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 ฟุต

    มีคุณสมบัติลอยน้ำได้ ติดตั้งกระจกและท่อรับอากาศจากภายนอก ผู้ใหญ่สามารถเข้าไปหลบภัยอยู่ได้ 4 คนพร้อมๆ กัน โครงสร้างทำจากไฟเบอร์กลาสเสริมแรงชนิดพิเศษ ซึ่งมีความแข็งแกร่งสูง ช่วยให้มนุษย์ที่หลบอยู่ข้างในรอดตายได้ถ้าต้องเผชิญกับมหันตภัยร้ายแรง อาทิ แผ่นดินไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลื่นยักษ์สึนามิ



    บริษัทคอสโมเปิดตัว "โนอาห์" เป็นครั้งแรกช่วงต้นเดือนก.ย. 2554 ที่ผ่านมา

    จนถึงปัจจุบันทางบริษัทอ้างว่ามีคำสั่งซื้อ "โนอาห์" เข้ามาถึง 600 ลูก นำส่งลูกค้าไปแล้ว 2 ลูก โดยนอกจากจากซื้อเก็บไว้ใช้ป้องกันพิบัติภัยแล้ว ยังซื้อเอาไว้ใช้เป็นเหมือน "บ้านของเล่น" สำหรับบัตรหลานได้อีกด้วย ราคาประมาณ 123,000 บาทต่อลูก


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. swkarantee

    swkarantee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2010
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +63

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. numphol aryupha

    numphol aryupha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +1,156
    อย่าไปซ้ำเติมเขานะ เขาคงจะรู้สึกสำนึกบ้างแล้วล่ะ คนเราถ้าหลงผิดแล้วสำนึกผิด ฟ้าดินคงให้อภัย แต่ยังมีคนไม่สำนึกอยู่อีก เขาเอาสิ่งของไปช่วยแล้วยังใส่เสื้อสี ออกมากวนอีก ธรรมชาติกำลังปรับความสมดุลครับ ให้ลองไปอ่านคำทำนายของหลวงปู่สรวงดูนะครับ ใครที่คิดคดทรยศต่อแผ่นดินเกิด จะได้รับผลกรรมอย่างไร
     
  14. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    3 ต.ค. 54

    พูดอย่าง เขียนอย่าง คงเชื่อยาก
    ต้องประกาศ คำทำนาย ไว้ล่วงหน้า
    เครื่องบินตก น้ำป่าหลาก ที่ผ่านมา
    ชาวประชา เห็นกับตา ว่าเป็นจริง

    มีเรื่องอีก หลายเรื่อง ที่จะแจ้ง
    ค่อยๆแบ่ง ให้ท่านทราบ เป็นคราวๆ
    รอหน่วยเหนือ ส่งลงมา ท่านจะหนาว
    เมื่อถึงคราว ตัวใคร ก็ตัวมัน

    กรมชล ฟันธง สุ่มเสี่ยง
    ยากเลี่ยง น้ำท่วม กรุงเทพฯ
    สิบสาม สิบแปด เกิดเหตุ
    ปวดเฮด น้ำมา ท่วมกรุงฯ

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 ตุลาคม 2011
  15. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วม

    [​IMG]

    อัพเดตสถานการณ์น้ำท่วม 3 ตุลาคม 54

    17.05 น. กรมอุตุฯ : ขณะนี้พายุโซนร้อนนาลแกอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะไหหลำ ประเทศจีนแล้ว และคาดว่ากำลังจะขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม จะส่งอิทธิพลให้เกิดฝนตกหนักในประเทศไทยตั้งแต่เย็นวันนี้ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 8 ตุลาคม ในเขตภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคเหนือตอนล่าง เช่นที่จังหวัดสุโขทัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน
    16.50 น. อยุธยา : น้ำท่วมหลากตามทุ่งนาในเขต อ.มหาราช ได้บ่าข้ามทุ่งในในเขต ต.บ้านขล้อ อ.บางปะหัน สูงกว่า 3 ม.
    - ยังมีน้ำหลากจากแม่น้ำป่าสักมาทางต.บางพระครู น้ำท่วมจากแม่น้ำลพบุรีมาจาก ต.ทางกลาง อ.บางปะหัน และจากคลองบางพระครู ที่เชื่อมแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำลพบุรี ไหลมาจ่อล้อมนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครทุกด้าน ส่งผลให้สาวโรงงานที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว ต้องขนข้าวของหนีน้ำท่วมสูงกว่า 1 ม. ออกมาที่ถนนใหญ่
    16.25 น. กระทรวงเกษตร ฯ : เตือนกรมชลฯ เฝ้าระวังปริมาณน้ำที่ผ่าน อ.บางไทร จ. นครสวรรค์ ในช่วงที่น้ำทะเลจะหนุน สูงในช่วงระหว่างวันที่ 16 – 17 ต.ค. นี้
    - เตือน กทม. , นนทบุรี และปทุมธานี เตรียมรับมือสถานการณ์ดังกล่าวด้วย
    14.25 น. เชียงใหม่ : อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ประกาศ สั่งให้อพยพชาวบ้านขึ้นพื้นที่สูงด่วน หลังปริมาณน้ำในเขื่อนผากั๊บใกล้ล้น
    11.55 น. ตาก : ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เหลืออีกประมาณ 2 เมตรน้ำจะล้นเขื่อน โดยขณะนี้มีน้ำกักเก็บ 12,741 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือ 94.64 % และระดับน้ำยังมีมาก และสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ว่าสั่งอพยพชาวบ้านที่อยู่ใกล้บริเวณเขื่อนแล้ว
    10.45 น. เชียงใหม่ : หมู่ที่ 1 บ้านแม่ลอง , หมู่ที่ 2 บ้านท่าข้ามใต้ , หมู่ที่ 9 บ้านห้วยส้มป่อย และหมู่ที่ 12 บ้านหลังกาด ต.หางดง อ.ฮอด ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านกว่า 350 ครัวเรือนเดือดร้อนหนัก ชาวบ้านหลาย 10 คน ติดอยู่ในบ้าน ขณะเดียวกัน มีชาย 1 คน ตกน้ำสูญหาย
    - ฝนที่ตกหนักทำให้แม่น้ำแม่แจ่มและน้ำปิงทะลักเข้าน้ำท่วมถนนฮอด-เชียงใหม่ บริเวณคอสะพานบ้านท่าข้าม
    - ถนนสายฮอด-แม่สะเรียงกิโลเมตรที่ 4, 5, 9, 12, 15 รถยนต์ไม่สามารถผ่านไปมาได้ จึงขอแจ้งไปยังผู้ที่จะเดินทางไปยัง อ.แม่เสรียง จ.แม่ฮ่องสอน ให้ใช้เส้นทาง อ.แม่ริม-แม่มาลัยแทน
    -
    น้ำป่าจากเทือกเขาได้ไหลลงสู่แม่น้ำแจ่ม ก่อนทะลักเข้าสู่ตัวอำเภอแม่แจ่ม บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรเสียหาย ระดับน้ำเริ่มทรงและลดลงแล้ว หากไม่มีฝนตกอีกคาดว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ
    10.30 น. ลำปาง : น้ำท่วมเข้าสู่ สนามบินลำปางแล้ว สั่งยกเลิกเที่ยวบิน จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ
    09.10 น. อยุธยา : โบราณสถานป้อมเพชร ใน ต.หอรัตนไชย อ.เมือง ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้เกิดน้ำท่วมทะลักเข้ามา ในตัวโบราณสถานแล้ว
    09.00 น. ลำปาง : 6 อำเภอของจังหวัดประกอบด้วย อ.เกาะคา เสริมงาม ห้างฉัตร งาว สบปราบและเมือง ฝนตกหนักต่อเนื่อง จนเกิดน้ำท่วม
    - ตำบลพิชัย ตำบลพระบาท และเขตตัวเมืองลำปาง ใน อำเภอเมือง โดยเฉพาะ ชุมชนป่าขาม ชุมชนสุขสวัสดิ์ ชุมบ้านกาดเมฆ หมู่บ้านทองประเสริฐ และบ้านผาลาด
    น้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนเดือดร้อนกว่า 100 หลังคาเรือน


    [​IMG]
    เตือน พายุนาลแก จ่อถล่มอีสาน 6-8 ตุลาคมนี้
    กรมอุตุนิยมวิทยา แถลงว่าจะมีพายุโซนร้อนนาลแก ในทะเลจีนใต้ มีศูนย์กลางอยู่ที่ ละติจูด 17.6 องศาเหนือ ลองจิจูด 114.6 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 95 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 18 กม./ชม.เคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน ในวันที่5 ตุลาคมนี้ ส่งผลให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนัก ในวันที่ 6-8 ต.ค. 54 พายุลูกนี้จะเคลื่อนที่เข้าไทย บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดในระยะนี้
    ทั้งนี้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ซึ่งลักษณะเช่นนี้จะทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
    ดร.สมศรี ฮั่นตระกูล รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ผลกระทบจากพายุนาลแก จะทำให้ไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เตือนให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก ในระยะ 1-2 วันนี้ ชาวประมงระมัดระวังในการเดินเรือ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง



    [​IMG]
    ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เหลืออีกประมาณ 2 เมตรน้ำจะล้นเขื่อน โดยขณะนี้มีน้ำกักเก็บ 12,741 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือ 94.64 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง เหลือสามารถรับน้ำได้อีก 5.36 เปอร์เซ็นต์ และระดับน้ำยังมีมาก และสูงขึ้นเรื่อยๆ
    ทั้งนี้ นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการ จ.ตาก ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครอง อ.สามเงา และ อบต.บ้านนา เตรียมเรือและสถานที่รองรับ ในการอพยพชาวบ้านที่อยู่บริเวณเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลแล้ว โดยเฉพาะบ้านหินลาด บ้านนาไฮ และบ้านอูมวาบ รวมทั้งบ้านสันป่าป๋วย ที่อาศัยอยู่ข้างอ่างเก็บน้ำด้วย
    Mthai News
     
  16. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ระทึก จับตา 2 เขื่อนยักษ์วิกฤติแล้ว </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>เขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์ ระดับน้ำเข้าขั้นวิกฤติ เร่งระบายน้ำ 24 ชม. เตือน ปชช.ท้ายเขื่อน ฟังประกาศเตือนใกล้ชิด

    เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 3 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลว่า ในเวลา 08.00 น.ระดับน้ำของอ่างเก็บน้ำวัดจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ระดับน้ำสูงกว่าปี 2553 อยู่ 25.04 เมตร อ่างเก็บน้ำสามารถรับน้ำได้อีก 721.96 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 5.36 เปอร์เซ็นต์ สำหรับปีนี้ เขื่อนภูมิพลกักเก็บน้ำได้มากกว่าปีที่แล้วในวันเดียวกัน 6,127.68 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยช่วงวันที่ 2 ต.ค. มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล 117.96 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับวันนี้เขื่อนภูมิพลจะระบายน้ำ 24 ชั่วโมง เพื่อรักษาระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำ อัตราการไหลประมาณ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และอัตราการไหลของแม่น้ำวัง ประมาณ 480 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รวมแล้วลำน้ำปิงมีอัตราการไหล 1,080 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งไม่เกินพิกัดลำน้ำปิง

    ส่วนที่เขื่อนสิริกิติ์ พบว่าสามารถรองรับน้ำได้อีก 0.98 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

    โดยเขื่อนได้ออกประกาศให้ทราบว่าจะระบายน้ำวันละ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร และการระบายน้ำครั้งนี้จะทำให้น้ำในแม่น้ำน่าน พื้นที่ จ.อุตรดิตถ์มีระดับคงที่ และจะปรับลดการระบายน้ำลงหากมีฝนตกหนักด้านท้ายเขื่อน อย่างไรก็ตาม จากอิทธิพลของพายุ อาจทำให้มีฝนตกหนัก ส่งผลให้ระดับน้ำในน้ำน่านสูงขึ้นเป็นบางช่วง จึงขอให้ประชาชนเฝ้าระวังอาจมีน้ำล้นตลิ่งได้ในระดับพื้นที่ที่มีระดับต่ำ และเตรียมการป้องกันผลกระทบความเสียหาย คอยติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

    ขณะเดียวกัน ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน ชี้แจงว่า เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลที่เชียงใหม่ ปล่อยน้ำ 40 ล้านลูกบาศก์เมตรนั้น ไม่เป็นความจริง โดยปริมาณน้ำที่ระบายออกมาอยู่ในเกณฑ์ 40 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือคิดเป็นปริมาณน้ำที่ระบายวันละประมาณ 3.45 ล้านลูกบาศก์เมตร.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> น้ำท่วมภาคเหนือเริ่มกลับมาวิกฤต </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ภูมิภาค 3 ต.ค. - ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดคืน ทำให้ดินและหินขนาดใหญ่จากเนินเขา

    สไลด์ลงมาปิดทับเส้นทางสายลำปาง-แพร่ ฝั่งขาออกตัวเมือง ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 8 บนดอยพระบาท บ้านผาลาด อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องปิดเส้นทางขาออกตัวเมือง และให้รถเปลี่ยนไปใช้เส้นทางขาเข้าเพียงเส้นทางเดียว เช่นเดียวกับบริเวณถนนสายลำปาง-พะเยา หน้า อบต.บ้านดง อำเภอแม่เมาะ ก็มีดินสไลด์ลงมาทับถนนเช่นกัน ขณะที่ในเขตเทศบาล ก็ถูกน้ำป่าทะลักเข้าท่วมเช่นกัน

    ส่วนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถนนหลายเส้นทางทั้งเชียงใหม่-ฮอด และเชียงใหม่ แม่สะเรียง ออบหลวง-ฮอดสะพานท่าข้าม-เชียงใหม่

    ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไหลเชี่ยวกราก จนรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้ ทำให้มีประชาชนตกค้างอยู่ที่อำเภอฮอดจังหวัดเชียงใหม่ หลายร้อยคัน เนื่องจากไม่สามารถเดินทางออกมาได้

    ที่จังหวัดปทุมธานี สถานการณ์น้ำท่วมวิกฤตหนัก

    เช่นที่ชุมชนชาวมอญ ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก ระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร และคาดว่าอาจต้องถูกน้ำท่วมเช่นนี้ ไปอีกเกือบ 3 เดือน องค์การบริหารส่วนจังหวัด ต้องเร่งเสริมคันแนวดิน ถนนเพิ่มขึ้นจาก 80 เซนติเมตร เป็น 1.40 เมตร เนื่องจากระดับน้ำเจ้าพระยา ยังไม่มีทีท่าลดลง.-สำนักข่าวไทย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> น้ำป่าหลากท่วมรันเวย์สนามบินลำปาง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากน้ำป่าจากดอยพระบาท

    ได้ไหลหลากลงมาท่วมบ้านเรือนราษฎร ในเขตพื้นที่เขตเทศบาลนครลำปาง เทศบาลเมืองเขลางค์นครและเทศบาลตำบลพิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง ทำให้ถนนสายลำปาง-งาว หลายจุด เขต อ.เมือง เทศบาลนครลำปาง เชื่อมต่อแยกภาคเหนือ เกิดน้ำท่วมสูง บางจุดน้ำไหลเชี่ยวด้วย รถเล็กไม่สามารถไปได้ ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน

    <DD>
    ส่วนแยกสนามบินและแยกศรีชุม เขตเทศบาลนครลำปาง น้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร

    ทำให้การจราจรติดขัด ผู้ที่ใช้รถใช้ถนน ที่ต้องใช้เส้นทาง ไม่สามารถเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นได้ จำเป็นต้องนำรถขับฝ่าน้ำท่วมสูงไป นอกจากนี้ น้ำป่าจากดอยพระบาทหลาก ท่วมตัดผ่านรันเวย์สนามบิน ระดับน้ำสูง 1 เมตร กว้างกว่า 100 เมตร จากรันเวยที่มีความยาวทั้งหมดกว่า 1,800 เมตร ทำให้เครื่องบินโดยสารขนาด 70 ที่นั่ง กรุงเทพฯ-ลำปาง ที่จะลงจอดท่าอากาศยานลำปางในช่วงเวลา 09.00 น. ทางศูนย์วิทยุการบินลำปาง ได้ประสานวิทยุด่วนไปยังนักบินให้เปลี่ยนการลงจอดไปที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่แทน ก่อนจะขนถ่ายผู้โดยสารมายัง จ.ลำปาง ส่วนเที่ยวบินสายลำปาง - กรุงเทพมหานคร ที่จะบินต้องถูกยกเลิกอย่างกะทันหันเช่นกัน ที่ท่าอากาศยานลำปางทันที ทางจังหวัดลำปาง
    <DD>
    ล่าสุดนายสุวรรณ กล่าวสุนทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และนายกฤษเพชร เพชรบูรณนิล หัวหน้าสำนักงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง ได้ประชุมด่วนเพื่อประเมินสถานการณ์ นอกจากตัวเมืองลำปาง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในรอบหลายสิบปี ยังเกิดภัยทางธรรมชาติน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ อ.แม่ทะ เกาะคา ห้างฉัตร และสบปราบอีกด้วย

    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เฒ่าวัย 88 ปีสังเวยน้ำป่าหลากท่วมลำปาง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    นายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 03.00 น.วันที่ 3 ต.ค.ได้รับแจ้งจากหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองเขลางค์นครว่าได้เกิดฝนตกหนักตลอดทั้งคืน

    ทำให้มีน้ำจากดอยพระบาทไหลลงมาท่วมบ้านเรือนราษภร ประชาชนได้รับผลกระทบ เกิดความเสียหาย มีรั้วบ้านของราษฎรเสียหายหลายแห่ง การสัญจรในพื้นที่ มีน้ำท่วมถนน ตั้งแต่ใต้สะพานกาดเมฆมาถึงรางรถไฟป่าแล้ว มีน้ำเอ่อท่วมล้น

    นอกจากนี้ หลายชุมชนในเขต ต.พระบาท ต.ชมพูและต.กล้วยแพะ ได้ขนข้าวของขึ้นบนที่สูง โดยเฉพาะที่ชุมชนกล้วยหลวง ต.กล้วยแพะ อ.เมือง จ.ลำปาง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ชื่อ นายตุ้ย ศรีอิ่นแก้ว อายุ 88 ปี อยู่บ้านเลขที่ 315 บ้านกล้วยหลวง ต.กล้วยแพะ อ.เมือง จ.ลำปาง เนื่องจากน้ำป่าไหลหลากผู้ตายนอนอยู่ใต้ถุนไม่ทันระวังตัว ญาติได้มาพบเป็นศพ เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.

    <DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
    นายไพฑูรย์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ทางเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ได้นำเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยออกให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน จึงขอแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำให้เตรียมพร้อมและเฝ้าระวังต่อไป และให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เนื่องจากจะยังคงมีฝนตกมาอีกในระยะนี้

    ขณะนี้หากต้องการความช่วยเหลือสามารถได้ที่ 054-219199, สายตรง นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร 081-9519125



    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เตือน16-17ต.ค.น้ำทะเลหนุนสูงกทม.-นนท์-ปทุมรับมือ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์ปัญหาอุทกภัย ณ ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน สามเสน ว่า

    ในภาพรวมสถานการณ์น้ำในวันนี้พบว่า ยังคงมีปริมาณน้ำค้างอยู่ในหลายพื้นที่ค่อนข้างมากโดยเฉพาะปริมาณน้ำที่จะมาเพิ่มเติมจากอิทธิพลของพายุเนสาด และนาลแก ซึ่งจุดวัดน้ำที่ จ.นครสวรรค์ พบว่ามีปริมาณน้ำไหลผ่าน 4,398 ลบ.ม./วินาที ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานที่มีปริมาณไหลผ่าน 4,362 ลบ.ม./วินาที ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภาพจากดาวเทียมกรมชลฯได้ประเมินปริมาณก้อนน้ำที่อยู่เหนือจ.นครสวรรค์ขึ้นไปคาดว่าจะมีอยู่ประมาณ 3,700 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงได้กำชับกรมชลประทานในการเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่ผ่านอ.บางไทรในช่วงที่น้ำทะเลจะหนุนสูงในช่วงระหว่างวันที่ 16 - 17 ตุลาคมนี้ พร้อมทั้งแจ้งเตือนกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงได้แก่ นนทบุรี และปทุมธานี เพื่อรับมือสถานการณ์ดังกล่าวที่จะเกิดขึ้น



    ขณะเดียวกันยังรวมถึงปริมาณน้ำที่อาจจะไหลมาเพิ่มเติมจากการซ่อมแซมคันกั้นน้ำที่เสียหายทั้ง 4 จุดสำคัญบริเวณช่วงชัยนาทอยุธยาที่ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าท่วมจ.ลพบุรีอยู่ในขณะนี้

    โดยจุดแรกที่ประตูระบายน้ำบางโฉมศรีที่ได้ปรับแผนในการเร่งรัดดำเนินการในการหย่อนกล่องแกเบี้ยนเพิ่มเติมเป็นวันละ 1,000 กล่อง/วัน โดยทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่ออุดช่องและชะลอกการไหลของน้ำให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน ส่วนอีก 2 จุดที่ประตูระบายน้ำมโนรมย์ขณะนี้กรมชลประทานได้ดำเนินการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว 1 จุดที่บ้านท่าข้าวโพด และจุดที่ 2 คือที่เขากระดี่ ต.ธรรมามูลซึ่งเป็นอีกจุดที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านไม่น้อยกว่าประตูระบายน้ำบางโฉมศรีแต่การทำงานขณะนี้อาจจะมีข้อจำกัดอยู่บ้างในการเคลื่อนย้ายเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆเข้าไปอุดช่องคันที่ขาดขนาดความกว้าง 80-70 เมตร

    <DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
    อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถดำเนินการหย่อนกล่องแกเบี้ยนได้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์เป็นอย่างช้า ส่วนจุดที่ 4 ซึ่งได้ลงพื้นที่ติดตามที่คันกั้นน้ำบริเวณประตูระบายน้ำพระงามจ.สิงห์บุรีความคืบหน้าขณะนี้เหลืออีกเพียง 10% คาดว่าภายใน 3 - 4วันก็จะแล้วเสร็จ



    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +705
    น่ากลัวจริง ๆ อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่ตายวันนี้ ไม่ใช่ว่าจะไม่ตาย ใครอยู่ค้ำฟ้าเล่า
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    "เด็กยุคใหม่" หัวใจอนุรักษ์สำนวนไทย

    [​IMG]
    ( ผู้เขียน : นางสาวไพริน ติ๊บปราบ ม.๖/๒ โรงเรียนเวียงมอกวิทยา สพท.ลำปาง ๒ )

    เมื่อฝนตกในสำนวนไทย

    สำนวนไทยในปัจจุบัน มีอยู่หลายสำนวน แต่ละสำนวนมีความหมายแตกต่างกันไป เช่นสำนวนที่ว่า

    "ฝนตกก็แช่ง ฝนแล้งก็ด่า" หมายถึง การกระทำอะไรๆจะให้ถูกใจคนทั้งหมดนั้นเป็นไปไม่ได้,ทำอย่างไรๆ ก็ไม่ถูกใจสักอย่าง

    "ฝนตกขี้หมูไหล" หมายถึง พลอยเหลวไหลไปด้วยกัน,มักใช้เข้าคู่กับ คนจัญไรมาพบกัน ว่า ฝนตกขี้หมูไหลคนจัญไรมาพบกัน

    "ฝนตกไม่ทั่วฟ้า" หมายถึง ให้หรือแจกอะไรไม่ทั่วถึงกัน

    "ฝนตกไม่มีเค้า" หมายถึง เรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่มีวี่แวว หรือไม่ได้คาดหวังไว้ก่อน

    "ฝนตกอย่าเชื่อดาว" หมายถึง อย่าไว้วางใจใครหรืออะไรจนเกินไป, มักใช้เข้าคู่กับ "มีเมียสาวอย่าเชื่อแม่ยาย"

    สำนวนไทยแต่ละสำนวน เกิดจากการนำคำหรือกลุ่มคำมารวมกันเป็นประโยค ทำให้เกิดสำนวนขึ้นมา ทำให้มีความหมายต่างออกไป สำนวนไทยมีมาตั้งแต่สมัยก่อนเก่า ถือเป็นสิ่งที่ดีงาม ดังนั้น เราควรจะช่วยกันอนุรักษ์สำนวนไทยไว้ให้คงคู่สังคมไทยตลอดไป เพื่อให้ลูกหลานได้ศึกษาเรียนรู้ต่อไป

    ที่มา http://www.sahavicha.com/?name=article&file=readarticle&id=418

    หมายเหตุ

    ผมชอบสำนวนไทยที่ว่า "ฝนตกก็แช่ง ฝนแล้งก็ด่า" มากที่สุด เพราะสะท้อนถึงจิตใจของคนในยุคนี้ได้ตรงมากที่สุด คือคิดเอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่ ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่างหัวมัน ขอให้ตัวเองได้สุขสบายเอาไว้ก่อนเป็นพอ เช่น เมื่อฝนตกก็ด่าว่าเทวดาว่า ทำไมปล่อยให้ฝนตกลงมามากจนน้ำท่วมแบบนี้ เวลาฝนแล้งก็ด่าว่าเทวดาอีก ว่าทำไมปล่อยให้ฝนแล้ง จนจะอดน้ำตายก้นอยู่แล้ว

    เวลาที่มีคนมาเตือนเรื่องภัยพิบัติ ว่าอาจจะเกิดในช่วงเวลานั้นเวลานี้ แต่แล้วภ้ยพิบัติก็ไม่เกิดขึ้นตรงตามเวลาที่ได้เตือนเอาไว้ คนพวกนี้ก็ออกมาโวยวายว่า "ใครจะรับผิดชอบ" ทำนองว่าถ้าตนเองสามารถกระทืบคนทำนายให้มันจมธรณีได้ ก็จะกระทืบให้มันตายคาเท้าไปเลยทีเดียวด้วยความสะใจ แต่พอเวลาเมื่อเกิดภัยพิบัติตามที่ได้มีคนทำนายเอาไว้จริงๆ (ถึงเวลาอาจคลาดเคลื่อนไปบ้าง) คนพวกนี้แทนที่จะนึกขอบคุณคนที่ให้คำทำนาย แต่จะออกมาโวยวายอีกตามเคย ว่าทำไมไม่เตือนให้ตรงเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์จริงๆ นี่แหละหนาคือที่มาของสำนวนไทยที่ว่า "ฝนตกก็แช่ง ฝนแล้งก็ด่า" เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2011
  19. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    เชื่อในพระรัตนตรัย
    มรณานุสสติ มีเกิดมีดับ ทำใจยอมรับกับความตาย
    อย่าเบียดแบนผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนให้น้อยที่สุด
    "สัจจะ"
     
  20. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เตือนกทม.มีความเสี่ยงสูง“จมน้ำ” </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>นายกฯปู ถกผู้ว่าฯกทม.และปริมณฑลรับมือน้ำท่วม ด้าน “รอยล” เตือนกทม.มีความเสี่ยงสูงจมน้ำ

    เมื่อวันที่ 4 ต.ค. นายรอยล จิตรดอน ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร กระทรวงวิทยาศาสตร์ เปิดเผยว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในปีนี้ เพราะน้ำระบายไม่ออกและมีพายุเข้ามาติดต่อกันหลายลูก นอกจากพายุนาลแกที่จะเข้าไทยใน 1-2 วันนี้แล้ว ยังมีพายุลูกใหม่ซึ่งยังไม่ตั้งชื่อเข้ามาอีก 1 ลูกในช่วงวันที่ 11-12 ต.ค.นี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบในพื้นที่ภาคอีสานของไทย ทั้งนี้สถานการณ์น้ำท่วมจะยาวไปถึงสัปดาห์แรกของเดือนพ.ย.54

    ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดน้ำท่วมขังนาน เพราะหลายจังหวัดไม่มีการควบคุมความสูงในการสร้างถนน ทำให้ถนนมีความเหลื่อมกันอยู่

    พื้นที่ต่ำจึงได้รับผลกระทบรุนแรง ส่วนกทม.ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกน้ำท่วม โดยเฉพาะทางขอบภาคตะวันออกและตะวันตก รวมถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยา และถนนลาดพร้าว ตั้งแต่ซอย101 เป็นต้นไป ฝั่งตะวันออกของถนนนวมินทร์ที่คาดว่าจะประสบปัญหาค่อนข้างมาก เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องแผ่นดินทรุด และถนนต่ำ ทั้งนี้ยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ได้มาจากปรากฏการณ์เอลนีโยหรือลานินญ่าอีกต่อไป แต่เป็นวงจรหมุนรอบเอเซียตะวันตกเฉียงใต้กับหมุนรอบอินเดีย ซึ่งเป็นวงจรลมใหม่ที่เกิดขึ้น

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมครม. ประมาณเวลา 13.00 น.

    น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมผู้ว่าฯกทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำในเขตกทม.และปริมณฑล นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีจะประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นทซ์ไปยังผู้ว่าฯ 4 จังหวัด ที่น้ำท่วมรุนแรงคือ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เลย และพระนครศรีอยุธยา.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ระทึก'เขื่อนภูมิพล'นํ้าล้นเตรียมอพยพ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>เขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์ ระดับน้ำเข้าขั้นวิกฤติ เร่งระบายน้ำ 24 ชม. เตือน ปชช.ท้ายเขื่อน ฟังประกาศเตือนใกล้ชิด(ชมคลิป)

    เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 3 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลว่า ในเวลา 08.00 น.ระดับน้ำของอ่างเก็บน้ำวัดจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ระดับน้ำสูงกว่าปี 2553 อยู่ 25.04 เมตร อ่างเก็บน้ำสามารถรับน้ำได้อีก 721.96 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 5.36 เปอร์เซ็นต์ สำหรับปีนี้ เขื่อนภูมิพลกักเก็บน้ำได้มากกว่าปีที่แล้วในวันเดียวกัน 6,127.68 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยช่วงวันที่ 2 ต.ค. มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล 117.96 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับวันนี้เขื่อนภูมิพลจะระบายน้ำ 24 ชั่วโมง เพื่อรักษาระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำ อัตราการไหลประมาณ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และอัตราการไหลของแม่น้ำวัง ประมาณ 480 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รวมแล้วลำน้ำปิงมีอัตราการไหล 1,080 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งไม่เกินพิกัดลำน้ำปิง

    ส่วนที่เขื่อนสิริกิติ์ พบว่าสามารถรองรับน้ำได้อีก 0.98 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

    โดยเขื่อนได้ออกประกาศให้ทราบว่าจะระบายน้ำวันละ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร และการระบายน้ำครั้งนี้จะทำให้น้ำในแม่น้ำน่าน พื้นที่ จ.อุตรดิตถ์มีระดับคงที่ และจะปรับลดการระบายน้ำลงหากมีฝนตกหนักด้านท้ายเขื่อน อย่างไรก็ตาม จากอิทธิพลของพายุ อาจทำให้มีฝนตกหนัก ส่งผลให้ระดับน้ำในน้ำน่านสูงขึ้นเป็นบางช่วง จึงขอให้ประชาชนเฝ้าระวังอาจมีน้ำล้นตลิ่งได้ในระดับพื้นที่ที่มีระดับต่ำ และเตรียมการป้องกันผลกระทบความเสียหาย คอยติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

    ขณะเดียวกัน ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน ชี้แจงว่า เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลที่เชียงใหม่ ปล่อยน้ำ 40 ล้านลูกบาศก์เมตรนั้น ไม่เป็นความจริง โดยปริมาณน้ำที่ระบายออกมาอยู่ในเกณฑ์ 40 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือคิดเป็นปริมาณน้ำที่ระบายวันละประมาณ 3.45 ล้านลูกบาศก์เมตร

    ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก ยังน่าเป็นห่วง เนื่องน้ำที่ท่วมใน จ.เชียงใหม่ ร่วมกับน้ำป่ายังคงไหลเข้าอ่างเก็บน้ำของเขื่อนภูมิพลอย่างต่อเนื่องทุกวัน ๆ ละกว่า 117.69 ล้านลูกบาศก์เมตร

    ขณะที่เขื่อนสามารถระบายออกได้เพียงวันละ 44 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้เขื่อนมีน้ำสะสมทั้งหมด 12,694 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 94% ของความจุดทั้งหมด


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ทั้งนี้เขื่อนยังสามารถรับได้อีกเพียง 767.75 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น หรืออีก 5.36 % น้ำก็จะล้นเขื่อน
    ซึ่งจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้ประชาชนทั้งในจังหวัด และใกล้เคียเกิดความกังวลว่าเขื่อนจะไม่สามารถรับน้ำไว้มากเกินขีดจำกัดได้ เพราะจะเป็นอันตรายต่อตัวเขื่อน จึงทำให้ชาวบ้านบางส่วนเริ่มเตรียมตัวอพยพไว้แล้ว

    นายสิริชัย แสงสุวรรณ รองผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล-ฝ่ายปฏิบัติการ เปิดเผยว่า

    ทางเขื่อนได้มีการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยการประสานงานร่วมกับกรมชลประทานอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีการประชุมวางแผนร่วมกัน เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากตัวเขื่อน เนื่องจากน้ำในอ่างเก็บมีปริมาณสูง และส่วนหนึ่งต้องเร่งระบาย เนื่องจากยังคงมีมรสุม ที่จะพัดเข้ามาในเขตพื้นที่ภาคเหนืออีกในช่วงระยะ 1-2 สัปดาห์นี้ จึงต้องทำการเร่งระบายน้ำอยู่ตลอดเวลา เพื่อรองรับมวลน้ำตามลำน้ำสาขาต่าง ๆ และประกอบกับในพื้นที่หลังเขื่อนยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่จากการตรวจสอบระบบ ตลอดจนตัวเขื่อนตามวาระรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน พบว่าตัวเขื่อนยังคงมีความแข็งแรงสมบูรณ์ สามารถรองรับน้ำได้ในปริมาณที่จำกัดอีกระดับหนึ่ง

    "จากกระแสข่าวเขื่อนภูมิพลรับน้ำไม่ไหวที่แพร่ออกไปทำให้ ชาวกำแพงเพชร โดยเฉพาะในอำเภอโกสัมพีนคร ซึ่งมีพื้นที่ติดอยู่กับริมแม่น้ำปิง และเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำโดยจะเป็นอำเภอแรกที่ติดเขตจังหวัดตาก ต่างรู้สึกกังวลใจกับกระแสข่าวต่าง ๆ ที่แพร่สะพัดออกมา ซึ่งต่างก็มีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำแล้ว โดยมีการจัดเวรยามเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำปิง และติดตามข่าวสารจากทาง สำนักงานชลประทานจังหวัดอย่างใกล้ชิด

    ด้านนายวันชัย สุทิน ผวจ.กำแพงเพชรได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

    เข้าร่วมประชุมหารือ พร้อมวางแผนในการจัดการเฝ้าระวังน้ำเหนือในลุ่มน้ำปิง ที่มีปริมาณมากกว่าทุกปี โดยได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ออกให้ความรู้ ทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงข่าวต่าง ๆ ที่แพร่สะพัดออกไปในลักษณะต่าง ๆ ซึ่งทางจังหวัดเองก็ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ในระดับหนึ่ง โดยมีการประสานงานร่วมกับกรมชลประทาน และ ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขื่อนภูมิพล ถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนเพื่อนำมาวิเคราะห์บริหารจัดการน้ำร่วมกัน

    "หากเกิดปัญหาน้ำล้นตลิ่ง พื้นที่แรกที่จะได้รับผลกระทบคือ อ.โกสัมพีนคร ต่อด้วย อ.เมือง อ.คลองขลุง และ อ.ขานุวรลักษณ์ หลังจากนั้นน้ำจึงจะไหลไปรวมกันที่ อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ล่าสุดน้ำในลำน้ำปิงช่วงที่ไหลผ่านตัวเมืองกำแพงเพชรยังไม่ถืออยู่ในจุดวิกฤติ จึงทำให้ประชาชนในกำแพงเพชร ยังไม่รู้สึกอะไรมากนัก เพราะมีเตรียมการไว้แล้วในระดับหนึ่ง แต่หากน้ำในล้ำน้ำปิงไหลล้นตลิ่ง ทางเจ้าหน้าที่ก็จะออกปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันน้ำท่วมเมืองในทันทีต่อไป.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...