ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,704
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ไม่ใช่บังเอิญ ทุกอย่างถูกจัดสรรให้ไป ****

    <TABLE id=post5257210 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>19-10-2011, 01:39 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#26129 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5257210", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 12,395
    พลังการให้คะแนน: 5188 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5257210 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->*** ขอให้ทุกท่านโชคดี ตัวกระทำมีจริง ****

    เขาไม่เชื่อเรา เขาไม่เอาเรา
    เขาไม่ให้เราอยู่ เราก็ต้องไป

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    คำทำนายอีกไม่นานประเทศไทยจะเกิดแผ่นดินไหว(รุนแรง)

    [​IMG]

    ถึงเพื่อนร่วมโลกครับ ขณะนี่โลกกำลังจะถึงกาลอวสาน(สิ้นยุค)แล้วครับ ไม่เกิน 2 ปีข้างหน้านี้จะมีภัยธรรมชาติร้ายแรง ขนาดหนักครับ ผู้คนจะล้มตายไปหลายล้านคน เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงครับ ผมได้คุยกับอาจารย์ท่านหนึ่ง เป็นโหรท่านอายุ 93 ปีแล้วครับ ท่านทำนายเหตุการณ์ต่างๆแม่นมากๆ

    แต่ท่านไม่อยากเผยตัวครับ ท่านบอกว่า อีกไม่นานประเทศไทยเราจะเจอกับแผ่นดินไหวอย่างร้า้ยแรง จนอาจจะทำให้กรุงเทพและจังหวัดข้างเคียง ราบพนาสูญเลยครับ ท่านยังเตือนพวกที่อยู่คอนโด หรือตึกสูงๆให้ระวังตึกจะถล่มแล้วถูกฝังตายทั้งเป็น

    ท่านอาจารย์ ยังบอกเลยครับ ว่ายังไม่ต้องเชื่อคำทำนายนี้ก็ได้ แต่ให้ดูๆปลายปีนี้จะเกิด ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แปลกประหลาด แล้วจะตามมาด้วยเหตุการณ์ที่มนุษย์โลกอาจไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ครับ มันเป็นปริศนาที่รอการพิสูจน์ แต่ที่แน่ๆจะเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศไทยแน่ๆครับเพื่อน ขอเตือนเอาไว้


    โดยคุณ manmanloveyou
    เมื่อ: มีนาคม 13, 2011, 06:03:19 PM

    จริงๆ เมืองไทยมีสิทธิ์นะครับ ยังมีรอยต่อแผ่นดินอีกทั้งทางเหนือ และทางแถวเมืองกาญฯ ครั้งหนึ่งสุโขทัยที่ต้องย้ายนี้สัณนิฐานว่า เป็นเพราะอาจจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่คนผู้คนล้มตายและเกิดโรคระบาด เลยย้ายจากสุโขทัยมาอยู่ที่พิษณุโลกเมืองสองแคว

    ผมไม่เชื่อคำทำนายนะครับ แต่เชื่อตามหลักความเป็นจริง อย่างไงเมืองไทยยังมีสิทธิ์ที่จะเกิดแผ่นดินไหว แต่ไม่ใช่ที่กรุงเทพแน่นอน กรุงเทพตามความรู้สึกและจากที่อ่านๆมา น่าจะเกิดจากน้ำท่วมมากกว่าเพราะอยู่ติดทะเล และถ้าจะมีตึกถล่มเพราะว่า กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนพื้นดินที่ถูกสร้างใหม่ ง่ายๆ คือดินที่ยังอ่อนตัวอยู่นั้นเอง เคยเห็นแผ่นที่ประเทศไทยสมัยก่อน ส่วนของกรุงเทพจริงๆ เป็นน้ำครับ


    โดยคุณ hincheeranun
    เมื่อ: มีนาคม 13, 2011, 06:12:53 PM

    ข้อมูลจาก"กรมทรัพยากรธรณี"ระบุว่า "ประเทศไทยมีรอยเลื่อน 13 จุด" ที่ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวได้ และยังมีรอยเลื่อนสะแกง ที่เป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่อยู่ทางฝั่งประเทศพม่า พาดผ่านทะเลอันดามัน ที่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 400 กม. ที่ต้องจับตามอง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ใด

    สำหรับ 13 รอยเลื่อน ในประเทศไทยประกอบด้วย

    1. "รอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง" ครอบคลุม พื้นที่ จ.เชียงราย และเชียงใหม่
    2. "รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน" ครอบคลุม จ.แม่ฮ่องสอน และตาก
    3. "รอยเลื่อนเมย" ครอบคลุม จ.ตาก และกำแพงเพชร
    4. "รอยเลื่อนแม่ทา" ครอบคลุม จ.เชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย
    5. "รอยเลื่อนเถิน" ครอบคลุม จ.ลำปาง และแพร่
    6. "รอยเลื่อนพะเยา" ครอบคลุม จ. ลำปาง เชียงราย และพะเยา
    7. "รอยเลื่อนปัว" ครอบคลุม จ.น่าน
    8. "รอยเลื่อนอุตรดิตถ์" ครอบคลุม จ.อุตรดิตถ์
    9. "รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์" ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และราชบุรี
    10. "รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์" ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และอุทัยธานี
    11. "รอยเลื่อนท่าแขก" ครอบคลุม จ.หนองคาย และนครพนม
    12. "รอยเลื่อนระนอง" ครอบคลุม จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และพังงา และ
    13. "รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย" ครอบคลุม จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา

    สำรวจพื้นที่เสี่ยงธรณีพิโรธ

    สำหรับประเทศไทย แหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวส่วนใหญ่ จะตั้งอยู่ใกล้ๆ กับแนวในมหา สมุทรอินเดีย เกาะสุมาตรา และประเทศพม่า ส่วนแนวรอยเลื่อนต่างๆ ในประเทศ ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคเหนือ และ ภาคตะวันตก และ จากการสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวของไทย พบว่า มี 4 จังหวัดที่เสี่ยงภัยแผ่นดิน ไหวมากที่สุด ได้แก่...กาญจนบุรี ตาก แม่ฮ่องสอน และเชียงราย โดยมี ความเสี่ยงประมาณ 7 - 8 เมอร์คัลลี (Mercalli Intensity Scale คือ มาตราความรุนแรง ( Intensity) เพื่ออธิบายผลกระทบที่แตกต่างกันของแผ่นดินไหว) ซึ่งมีผลทำให้อาคารสูงเสียหายได้

    ส่วนจังหวัดที่เสี่ยง รองลงมา ส่วนใหญ่ ตั้งอยู่ทางภาคเหนือ และภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา น่าน ลำปาง รวมทั้งกรุงเทพฯ ซึ่งมีความเสี่ยง ประมาณ 5 - 7 เมอร์คัลลี ซึ่งทำให้อาคารเสียหายเล็กน้อย ส่วนพื้นที่ซึ่งปลอดภัยมากที่สุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    โดยคุณ nidcha

    เมื่อ: มีนาคม 13, 2011, 07:56:09 PM

    ผมเคยได้ยินอดีตพระรูปนึงบอกว่า ถ้าประเทศไทยมีภูเขาไฟระเบิดจริงต้นปีหน้า ให้เตรียมอาหารเครื่องนุ่มห่ม ให้พร้อมเพราะไฟจะดับทั่วประเทศถึง 6 เดือน อดีตพระอ้างว่ามาจาก พุทธทำนาย

    โดยคุณ porder
    เมื่อ: มีนาคม 14, 2011, 12:18:32 AM

    โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อครับ ก็พยายามสวดมนต์ภาวนาก่อนนอนทุกคืนเพื่อสร้างบุญกุศล เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาก็จะได้มีเสบียงไว้เลี้ยงตัวต่อไป

    อันนี้ก็อีกอันหนึ่งนะครับ

    "คนไทยจะเหลือประมาณ 30 ล้านคน"
    "จะเกิด แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินถล่ม น้ำท่วม ที่ว่ามาต่างประเทศโดนมากกว่า ไทยจะโดนน้อยกว่าเพื่อน แต่เหลือคนประมาณ 30 ล้านคน ส่วนต่างประเทศจะเหลือแค่ประมาณ 10% "
    "เรื่องจะเกิดภายใน 1-2 ปีนี้"
    "และสุดท้าย ไทยจะได้เป็นมหาอำนาจในเวลาต่อมาครับ"

    ที่ว่ามานี้ ครูบาอาจารย์หลายท่านได้ต่างพูดตรงกัน ในหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกันนี้ และเรื่องภัยพิบัติดังกล่าวที่จริงควรจะเกิดมาได้ 4-5 ปีแล้ว แต่เลื่อนมาโดยตลอด สาเหตุเพราะยังมีท่านผู้ที่มีบุญญาบารมีสูงมากปกครองประเทศอยู่ท่านผู้ที่ซึ่งเราทุกคนเคารพรัก...และยังมีครูบาอาจารย์ท่านขอบิณฑบาตรไว้ด้วย แต่มาคราวนี้มันถึงกรรมของสัตว์โลกจริงๆแล้ว ใครก็ช่วยไม่ได้ หากจะเปรียบก็เหมือนหมอที่พยายามจะช่วยคนไข้จนสุดความสามารถ จนสามารถยื้อชีวิตมาได้ระยะนึง แต่คนไข้ก็ไม่รอดเพราะป่วยหนักนั่นเอง

    เรื่องนี้ใครไม่เชื่อก็ขออย่าได้พูดจาลบหลู่เลยนะครับ ก็ขอให้รับฟังไว้ไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่อย่าได้พูดจาดูถูกลบหลู่เลย มันไม่ดีต่อใครทั้งนั้น เพราะที่ท่านทั้งหลายบอกมา ก็เพราะว่าท่านเตือนด้วยความหวังดี


    โดยคุณ poom
    เมื่อ: มีนาคม 14, 2011, 01:31:57 AM

    ที่มา http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,180419.0.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • eq29.JPG
      eq29.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.8 KB
      เปิดดู:
      2,516
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2011
  3. สิบหก

    สิบหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    680
    ค่าพลัง:
    +603
    ภัยที่หนักกว่าน้ำท่วมรอคุณอยู่ ..... มีคนจุดไฟอีกแล้ว ..... น้ำลดเจอกันอีก .....
     
  4. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    อนาถใจภัยน้ำ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ศพชาวบ้านน้ำท่วมบางบัวทองลอยอืด </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 ตุลาคม 2554 </TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT src="https://apis.google.com/js/plusone.js" type=text/javascript> {lang: 'th'}</SCRIPT><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><G:pLUSONE size="medium"></G:pLUSONE>
    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><CENTER>[​IMG]</CENTER>

    ชาวบางบัวทองสุดช้ำ พิษน้ำท่วมสังเวยไปแล้วกว่า 10 ราย อึ้ง ส่วนใหญ่ ถูกไฟดูด ป่วย ฆาตกรรม

    เผย ต้องปล่อยศพทิ้งตามยถากรรม ไม่สามารถนำออกไปประกอบพิธีทางศาสนาได้

    อนาถ เคลื่อนย้ายศพไม่ได้ เหตุ ตร.ไม่สามารถเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

    วันนี้ 25 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ อำเภอบางบัวทอง ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร พบว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10 ราย

    ส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุถูกไฟฟ้าดูด ป่วย และถูกฆาตรกรรม แต่ไม่สามารถนำศพออกมาจากที่เกิดเหตุ เพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้ ส่งผลให้ส่งกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว

    อาทิ ภายในหมู่บ้านสิรารมย์ ซ.4 มีผู้เสียชีวิต ตั้งแต่เวลา 04.00น. วันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายศพได้

    ทั้งนี้สาเหตุเคลื่อนย้ายศพไม่ได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุได้

    แต่อย่างไรก็ดี ที่น่าสังเกต มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู สามารถบุกมาตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ แต่ไม่สามารถดำเนินการเคลื่อนย้ายได้ เพราะต้องรอคำสั่งจากร้อยเวร สอบสวน สภ.บางบัวทองเท่านั้น


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. pongsakn

    pongsakn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +12
    เป็นอาเพศจริง ๆ หมายความว่ามีคนไม่ดีในสังคมมากมาย จึงทำให้ฟ้าดินลงโทษ เพื่อให้คนที่รอดปลอดภัยทั้งมวล หยุดคิดการกระทำของตัวเอง หันมายึดมั่นถือมั่นในศีล5 ไม่ละโมบโลภมาก หันมาเอื้ออาทรช่วยเหลือกัน ไม่ต่างในยุคไทยในอดีต ที่แม้แต่เพื่อนบ้านมักจะทำอาหารเผื่อแผ่ให้กันและกันเสมอ ไม่เบียดเบียนเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ซึ่งยุคนี้แทบหาไม่ได้แล้ว
     
  6. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64
    อยู่ อีสานปลอดภัย สุดแระ :cool::cool::cool::cool::cool:
     
  7. Ghosty Rat

    Ghosty Rat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +365
    มีข่าวดีว่า ซุปเปอร์วอลเคโน่ อูตูรันคู ในประเทศโบลิเวีย ทวีปอเมริกาใต้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว โดยที่เริ่มโตเร็วขึ้นกว่าข้อมูลสถิติที่ผ่านมามากขึ้น ก็หวังว่ามันคงไม่ระเบิดเพราะงั้นมันจะจบทั้งทวีปเนื่องจากขนาดความสูงของมันก็ 6000 เมตร ไม่รวมทั้งขนาดกว้างของฐานมันอีก ผมหวังการทำนายจะผิดผลาดล่ะ เำพราะมันแย่มาก ความถี่ของพายุและแผ่นดินไหวที่มากขึ้นเหลือเกิน ดีที่ซุปเปอร์วอลเคโน่ในอุทยานเยลโล่สโตนยังไม่เคลื่อนไหว (หรือไม่กล้าออกข่าวไม่รู้) - -"

    ที่มาอ้างอิง
    Yahoo.com
    Rapidly Inflating Volcano Creates Growing Mystery

    Rapidly Inflating Volcano Creates Growing Mystery - Yahoo! News
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ข้อแนะนำป้องกันไฟฟ้าดูด

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    บัญญัติ 20 ประการ เตรียมบ้านก่อนน้ำท่วม


    [​IMG]
    ภาพแพขวดน้ำของ รศ.ดร.มานพ แจ่มกระจ่าง (มอบให้ จส.100 ไปบริจาค) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 038-102094

    เมื่อนานมาแล้ว ปี พ.ศ. 2538 น้ำท่วมประเทศไทย ผมเขียนหนังสือร้อยพันปัญหาในการก่อสร้างเล่มที่ 3 เรื่อง “บ้านหลังน้ำท่วม” โดยมีเป้าหมายในการให้คนที่มีทุกข์จากการถูกน้ำท่วม ทราบแนวทางในการปรับปรุงบ้านของตนเองอย่างถูกวิธี และประหยัดงบประมาณ ซึ่งเป็นหนังสือที่ไม่มีลิขสิทธิ์ใดๆ จึงมีผู้จัดพิมพ์เพื่อแจกจ่ายไปเป็นจำนวนหลายแสนเล่ม

    มาถึงวันนี้ คนไทยทั้งหลายเข้าใจเรื่องน้ำท่วมมากขึ้น ศึกษาข่าวสารบนความไม่ประมาทมากขึ้น และเริ่มมีการ “เตรียมตัว” เพื่อจัดเตรียมบ้านให้พร้อมก่อนที่น้ำจะมา จึงขอเขียนบันทึก “บัญญัติ 20 ประการ เตรียมบ้านก่อนน้ำท่วม” แบบสั้นกระชับนี้ขึ้น ซึ่งหวังว่าคงจะพอมีประโยชน์ครับ ขอให้หลับตาแล้วนึกภาพถึงว่าเรากำลัง “เตรียมเมืองรับศึกสงคราม” นะครับ

    1. ดูทางน้ำที่จะมาสู่บ้านเรา แล้วจะไปทางไหนได้บ้าง
    ขอให้คิดว่าเราเหมือนกำลังตั้งค่ายคูประตูหอรบอยู่ เราต้องรู้ว่าข้าศึกจะเข้ามาโจมตีเราทางทิศใดได้บ้าง และหากเกิดความพลาดพลั้งขึ้นมา เราจะหนีไปทางไหนได้บ้าง ซึ่งข้าศึกอาจจะเข้ามาตีเราหลายทางก็ได้ และเราก็อาจจะมีทางหนีไปหลายทางก็ได้ บางครั้งข้าศึกไม่ได้มาตีแค่ 2-3 ทาง แต่ทำการ “ล้อม” เราเอาไว้ทุกด้านก็ได้ ทำให้ทางหนีของเราถูกปิดกั้นไว้หมด

    หากเมื่อรู้แนวทางเหล่านั้นแล้ว ก็ขอให้เริ่มวางแผนที่จะ “หยุดน้ำ หยุดข้าศึกที่จะเข้ามาโจมตีเรา” ซึ่งการหยุดยั้งน้ำหรือข้าศึกนั้น มีหลายวิธีที่ต้องจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการ “สร้างเขื่อนชั่วคราว” ด้วยกระสอบทราย หรือเอาแผ่นวัสดุใดๆ มากั้นก็ได้ การปิดกั้นนั้นมีหลายวิธี ซึ่งใช้ความเข้าใจพื้นฐาน บวกกับสอบหาข้อมูล ก็จะพอทราบกันเองได้ครับ

    2. กำแพงบ้านไว้กันน้ำได้ แต่ต้องระวังรั้วพังนะครับ
    ตามปกติแล้ว รั้วบ้านที่เป็นคอนกรีตหรือก่ออิฐ จะเปรียบเสมือนกำแพงเมืองที่จะกันน้ำไม่ให้เข้ามาในบ้านของเรา แต่เราต้องไม่ลืมว่าน้ำหนักของน้ำที่ขังหรือถาโถมเข้ามากดที่ด้านข้างของกำแพงรั้วเรา จะทำให้รั้วบ้านของเราเกิดการเอียง หรือแตกร้าว หรือพังลงมากได้ เพราะรั้วบ้านทั่วไป วิศวกรท่านจะไม่ได้ออกแบบไว้ให้รับแรงหรือน้ำหนักที่กระทำด้านข้างได้มากนัก

    ทางป้องกันที่ง่ายที่สุดก็คือ เราหากระสอบทรายมาวางไว้อีกด้านหนึ่งของรั้วบ้านเรา (ในบ้านเรา) วางไว้ติดชิดกับรั้วไปเลย ยามเมื่อรั้วจะเอียงเพราะว่าน้ำที่ท่วมกดน้ำหนักมาอีกด้านหนึ่ง กระสอบทรายก็จะทำหน้าที่ช่วยรับน้ำหนักเอาไว้ ถ่ายแรงจากรั้วมา รั้วก็ยังตั้งตรงอยู่ได้ “กำแพงเมืองของเราก็ไม่แตก หรือล้มครืนลงมา” ครับผม

    3. น่าจะมี “ปืน” ไว้สู้ฝน สู้น้ำท่วม จัดการกับ “รูรั่ว”
    บ้านหลายหลังที่มีรู มีรอยแตกเล็กๆ ตามผนังหรือช่องหน้าต่าง ตามรอยต่อของผนังกับเสาและคาน หรือแม้แต่ตามรั้วบ้าน ซึ่งบางครั้งเราไม่มีเวลา (หรืองบประมาณ) ที่จะแก้ไขได้ที่ต้นเหตุ จะตามช่างมาซ่อมแซมหรือก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก หรือไม่ทันเวลาเสียแล้ว

    ดังนั้น เราก็น่าจะมีวัสดุอุดประสานรอยจำพวก ซิลิโคน หรือ อะคริลิค หรือ โพลี่ยูริเทน เอาไว้ เพื่ออุดรอยเหล่านี้ ซึ่งเราน่าจะทำได้ด้วยตัวเอง (โดยเฉพาะในจังหวะที่เศรษฐกิจไม่ดี หรืออยากจะฝึกตัวเองเป็นช่างบ้าง) แต่การที่เราจะใช้วัสดุ ประสานที่มีความยืดหยุ่นและอยู่ในหลอดแข็งๆนี้ได้ เราจะต้องมีอุปกรณ์การ "ฉีด" ซึ่งภาษาช่างทั่วไปเขาเรียกกันว่า "ปืน" ซึ่งราคาไม่แพงเลยครับ

    บางครั้ง ท่านอาจจะต้อง "พกปืน" ไว้ในบ้านของท่านสักชุด เพื่อช่วยเหลือตัวเองในการต่อสู้ ป้องกันน้ำไม่ให้ไหลเข้ามาในบ้านของเราครับ

    4. อย่าให้ต้นไม้ล้มทับบ้าน ยามน้ำท่วมและพายุมา
    ต้นไม้ทั้งหลายที่อยู่ในบ้านหรือใกล้บ้านเราจะเป็นอันตรายยามมีพายุมา เพราะต้นไม้อาจจะล้ม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นไม้ที่ล้อมจากที่อื่นมาปลูก เพราะต้นไม้เหล่านั้นไม่มี “รากแก้ว” ครับ) หรือ กิ่งต้นไม้บางประเภทที่ค่อนข้างเปราะ (เช่น ต้นประดู่กิ่งอ่อน) อาจจะหักลงมาสู่ตัวบ้านเรา ต้องทำการเล็มกิ่งหรือตัดกิ่งบางกิ่งออกไปเสีย

    ยามเมื่อน้ำท่วม ระดับน้ำใต้ดินจะสูงมาก (หรือน้ำท่วมเข้ามาได้จริงๆ) รากของต้นไม้จะแช่น้ำเป็นเวลานาน รากต้นไม้จะเน่าได้ แล้วความสามารถในการยึดเกาะกับดินก็จะน้อยลง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นไม้ใหญ่ที่ไม่มีรากแก้ว) ต้นไม้ก็อาจจะล้มลงได้ ต้องทำการค้ำยันลำต้นเอาไว้ให้ดี ก่อนน้ำจะท่วมครับ

    สิ่งที่น่าคิดอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องการให้ปุ๋ย ซึ่งตอนที่น้ำท่วมห้ามให้ปุ๋ยต้นไม้ครับ เพราะจะทำให้รากเน่าเร็วขึ้น (ต้นไม้ที่โดนน้ำท่วมก็เหมือนคนป่วย เขาไม่ต้องการอาหารดีๆ (แต่ย่อยยาก) ครับ ขอให้หายป่วยเสียก่อนค่อยกินอาหารดีๆ เยอะๆได้ครับ)

    5. ตรวจสอบถังน้ำใต้ดิน
    บ้านใครมีถังน้ำใต้ดิน ต้องตรวจสอบ “ฝา” ของถังน้ำให้ดีๆ เพราะเวลาน้ำท่วม ถังน้ำจะอยู่ใต้น้ำด้วย หากฝาของถังน้ำมีระบบป้องกันน้ำเข้าไม่ดี น้ำสกปรกที่ท่วมเข้ามา ก็จะไปปนกับน้ำสะอาดในถังน้ำของเรา ปัญหาเรื่องโรคภัยต่างๆ ก็จะตามเข้ามาหาตัวเราโดยทันทีครับ

    หากเราไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องน้ำเล็ดลอดเข้ามาในถังของเราได้ ก็ขอให้ต่อท่อน้ำตรงจากท่อประปาหน้าบ้านเรา เข้ามาที่ตัวบ้านของเราเลย (โดยปกติแล้ว บ้านที่มีถังน้ำใต้ดินจะมีวาล์วหมุนเปิดทางให้น้ำประปาจากหน้าบ้านเรา วิ่งผ่านตรงเข้ามาในบ้านโดยไม่ลงไปที่ถังน้ำใต้ดินได้ ต้องหาวาล์วตัวนี้ให้เจอ แล้วต่อตรงเข้ามาเลยดีกว่า น้ำจะเบาลงหน่อย แต่ก็ยังเป็นน้ำสะอาดครับ)

    6. ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้านอกบ้าน ตัดกระแสไฟเสีย
    ภายนอกบ้านของเราจะมีอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างเช่น ปั๊มน้ำ เครื่องปรับอากาศ หรือแม้กระทั่งไฟสนาม และกริ่งหน้าบ้าน ต้องหาสวิตซ์ตัดไฟให้พบว่า จะต้องตัดไฟตรงไหนไม่ให้ไฟฟ้าวิ่งเข้าไปที่อุปกรณ์เหล่านั้นได้ ยามเมื่อน้ำท่วมเข้ามา ต้องทำการตัดไฟตรงนั้นเสีย (แม้กระทั่งยามจะเข้านอน ถ้าไม่แน่ใจว่าน้ำจะท่วมเข้ามาตอนเราหลับอยู่หรือเปล่า ก็ต้องปิดสวิตซ์ไฟฟ้าของอุปกรณ์เหล่านั้นเสีย ตื่นมาตอนเช้า หากน้ำยังไม่ท่วม ก็ค่อยเปิดสวิตซ์ใหม่อีกครั้งหนึ่งครับ)

    ส่วนการย้ายเครื่องมือย้ายอุปกรณ์เหล่านั้นในตอนนี้ หากแน่ใจว่าน้ำท่วมแน่ และมีช่างมาช่วยย้าย ก็อาจจะย้ายได้ แต่หากไม่มีช่างมาช่วย ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำเอง ก็อาจจะต้องยอมให้อุปกรณ์เหล่านั้นแช่น้ำไปก่อนตอนน้ำท่วม

    7. ป้องกัน งู เงี้ยว เขี้ยว ขอ ตะกวด และสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ
    ยามน้ำท่วม มิใช่เพียงมนุษย์และสัตว์เลี้ยงของเราเท่านั้นที่ต้องหนีน้ำท่วม แต่เหล่าสัตว์ต่างๆ ก็ต้องหนีน้ำกันด้วย และการหนี้น้ำท่วมที่ดีที่สุด ก็คือการเข้ามาในบ้านของเรา เพราะบ้านของเราพยายามกันน้ำท่วมอย่างดีที่สุดแล้ว

    ปัญหาก็คือ เหล่าสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย ที่ทั้งเลื้อยและทั้งคลานเข้ามาในบ้านเรา เป็นสิ่งที่เราไม่ต้อนรับ และอาจเป็นผู้ทำอันตรายเราด้วย ดังนั้นเราต้องมั่นใจว่า “รู” ต่างๆของบ้านเราจะต้องโดน “อุด” เอาไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรูที่ประตูหน้าต่าง หรือที่ผนังบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “รูจากท่อระบายน้ำ” ที่พื้นบ้านของเรา (เขาชอบมาทางนี้กันครับ)

    บางท่านอาจจะมีการโรย “ปูนขาว” ล้อมรอบบ้านเอาไว้ด้วยก็ได้ (แต่ต้องมั่นใจว่าโรยรอบบ้านจริงๆ และ ไม่ถูกน้ำท่วม หรือถูกฝนชะล้างจนหายไปหมดครับ) เพราะปูนขาวจะกันสัตว์เหล่านี้ได้ครับ นอกจากนี้ก็น่าจะเตรียมยาฉีดกันแมลง ติดบ้านไว้ด้วยครับ

    8. เรื่องส้วม ส้วม ส้วม สุขา สุขา
    เป็นเรื่องของความสุขที่เปลี่ยนไปเป็นความทุกข์ทุกครั้งที่เกิดน้ำท่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบส้วมที่เป็นระบบบ่อเกรอะ บ่อซึมแบบเดิม ที่น้ำจากการบำบัดจะต้องซึมออกสู่ดิน แต่พอน้ำท่วม น้ำจากดินภายนอกจะซึมเข้ามาในบ่อ ก็ทำให้บ่อเกรอะเต็มไปด้วยน้ำ ส้วมก็จะเกิดอาการ “อืด และ ราดไม่ลง” หากน้ำจากภายนอกท่วมมาก มีแรงดันมาก ก็อาจจะเกิดอาการ “ระเบิด” ทำให้สิ่งปฏิกูลต่างๆ พุ่งกลับมาที่โถส้วม ความสุขหายไป ความทุกข์ปล่อยออกไม่ได้

    ในกรณีนี้ ต้องยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ต้องป้องกันไม่ให้สิ่งปฏิกูลทั้งหลายพุ่งกลับออกมาทางโถส้วม ต้องปิดโถส้วมให้ดี หากเป็นโถส้วมนั่งราบที่มีฝาปิด ก็ต้องปิดฝาให้แน่น เอาเชือกผูกเอาไว้ หากเกิดอาการพุ่งขึ้น ก็จะไม่เรี่ยราดทำความสะอาดยาก กรณีนี้ทำเฉพาะโถส้วมชั้นล่างก็พอ เพราะน้ำคงไม่ท่วมถึงชั้นสองครับ (เพราะหากท่วมถึงชั้นสอง เราคงไม่ได้อยู่ในบ้านได้แล้ว)

    กรณีที่เป็นบ่อบำบัดสำเร็จ ซึ่งเขาจะทำงานโดยไม่ต้องมีบ่อเกรอะบ่อซึม ในเวลาปกติเขาจะบำบัดจนเสร็จภายในถังเอง แล้วก็จะระบายน้ำที่บำบัดเสร็จแล้วลงท่อระบายน้ำนอกบ้านของเรา ยามเมื่อน้ำท่วม น้ำจากบ่อบำบัดจะไหลระบายออกไปไม่ได้ เพราะระดับน้ำที่ท่วมอยู่สูงกว่าบ่อบำบัด ซึ่งเป็นการแก้อะไรไม่ได้ ต้องปล่อยไว้อย่างนั้นครับ

    ถังบำบัดสำเร็จบางรุ่นจะมีมอเตอร์อัดอากาศเข้าไป (ซึ่งในบ้านส่วนใหญ่จะไม่ใช้รุ่นนี้) ก็ต้องตรวจดูว่ามอเตอร์อยู่ที่ไหน หากมอเตอร์น่าจะอยู่ในระดับที่น้ำท่วมถึง ก็ต้องตัดกระแสไฟไม่ให้เข้าไปสู่ตัวเครื่องกลนั้นครับ

    ทั้งนี้สิ่งที่ต้องระวังก็คือ “ท่อหายใจ” ที่เป็นท่อระบายอากาศของระบบส้วมของเรา ต้องมั่นใจว่าท่อหายใจนั้นจะต้องอยู่สูงกว่าระดับน้ำที่มีโอกาสท่วม หากท่อหายใจของเราอยู่ระดับต่ำ ก็ต้อง “ต่อท่อ” ให้มีระดับสูงขึ้นให้ได้ จะต่อแบบถาวรก็ได้ (หากมีช่างมาทำ หรือเราทำเป็น) หรือจะต่อแบบท่อไม่ถาวร ก็คือเอาสายยางธรรมดา มาครอบท่อหายใจเดิม แล้วก็ยกให้ปลายท่อนั้นอยู่สูงขึ้นกว่าระดับน้ำที่คาดหมายว่าจะท่วมครับ

    ท่อหายใจนี้จะเป็นอุปกรณ์สำคัญมากในการช่วยระบายความดันภายในระบบส้วมของเรา ไม่ให้สิ่งปฏิกูลมีแรงดันมากเกินไปครับ

    9. ปลั๊กไฟ สวิตซ์ไฟ ตรวจสอบและแยกวงจร
    เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งของบัญญัติ 20 ประการของบทความนี้ เพราะอันตรายที่มองไม่เห็นก็คือเรื่องของ “ไฟฟ้า” ครับ แต่ในขณะเดียวกัน ไฟฟ้าก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตเสียแล้ว
    หากบ้านของเรามีการแยกวงจรไฟฟ้าไว้ตั้งแต่แรก คือวงจรไฟฟ้านอกบ้าน วงจรไฟฟ้าชั้นล่าง และวงจรไฟฟ้าชั้นบน ก็ต้องปิดวงจรไฟฟ้านอกบ้านเมื่อน้ำท่วมนอกบ้าน หากน้ำสูงขึ้นมาจนเข้าในตัวบ้าน ก็ต้องปิดวงจรไฟฟ้าชั้นล่าง หากน้ำสูงขึ้นถึงชั้นสอง น่าจะหาทางออกจากบ้านเพื่อย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว เพราะสวิตซ์หลักของบ้านโดยทั่วไปจะอยู่ที่ชั้นล่างระดับประมาณ 1.8 เมตรจากพื้นห้องครับ

    กรณีที่บ้านไหนโชคดี วงจรไฟฟ้าชั้นล่างแยกวงจรออกมาเป็นระดับปลั๊กด้านล่างและระดับสวิตซ์บน ก็ค่อยๆ ตัดวงจรปลั๊กชุดล่างก่อนตามระดับน้ำที่ท่วมขึ้นมา

    หากกรณีที่ไม่มีการจัดวงจรเอาไว้อย่างเป็นระบบตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เราต้องค่อยๆทำการทดสอบอย่างใจเย็นๆว่าปลั๊กหรือสวิตซ์ชุดใดจะมีการตัดวงจรไฟฟ้าจากคัทเอาท์หลักบ้าง แล้วทำโน้ตบันทึกเอาไว้ หากเมื่อน้ำท่วมเมื่อไร ก็จะได้ทราบว่าเราต้องตัดวงจรชุดใดก่อน (ตัดวงจรส่วนที่ถูกน้ำท่วม) อาจจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากหน่อยที่จะตรวจสอบ แต่ก็ต้องใจเย็นๆและตั้งใจที่จะตรวจสอบครับ

    ในกรณีที่วงจรบางวงจรที่ควบคุมทั้งปลั๊กหรือสวิตซ์ตัวล่างกับปลั๊กหรือสวิตซ์ตัวบน ก็จำเป็นต้องตัดวงจรทั้งหมด ห้ามเสี่ยงโดยเด็ดขาดครับ

    อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆที่สามารถขนย้ายได้ในตอนนี้ ก็อาจขนย้ายขึ้นไปไว้ชั้นบนก่อน ยังไม่ต้องใช้ตอนนี้ก็ได้เช่น เตาไฟฟ้า เครื่องปิ้งขนมปัง เครื่องตีไข่ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องชาร์จโทรศัพท์ ฯลฯ ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังต้องใช้งานอยู่ ก็ต้องเตรียมการขนย้ายขึ้นข้างบนเอาไว้เลย เช่นเครื่องไมโครเวฟ โทรทัศน์ วิทยุ เป็นต้น ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ การขนย้ายยุ่งยาก และหาที่วางยาก เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฯลฯ ก็ต้องวางแผนว่าจะเอาอย่างไรในปัจจุบันและอนาคต หากยังใช้อยู่แล้วยามน้ำท่วมขึ้น จะมีคนช่วยขนหรือไม่ หรือจะทิ้งเอาไว้อย่างนั้น

    เรื่องไฟฟ้าเป็นอันตรายที่มองไม่เห็น และน้ำเป็น “สื่อไฟฟ้า” ด้วย ดังนั้นเรื่องไฟฟ้าในบ้าน จึงเป็นสิ่งแรกที่ต้องมีการตรวจสอบและเตรียมการครับ

    10. ตรวจสอบว่าประตูหน้าต่างแน่นหนาและแข็งแรง
    เพราะว่าประตูบ้านของเรา (ไม่ว่าจะเป็นประตูที่รั้วบ้าน หรือประตูที่ตัวบ้านเรา) และหน้าต่าง เป็นจุดหนึ่งที่ถือว่ามีความอ่อนแอมากที่สุด มีโอกาสที่จะบิด หรือเผยอตัว หรืออาจจะหลุดออกมาทั้งบาน หากมีแรงดันน้ำมากๆ ดันเข้ามา

    ดังนั้นเราจึงต้องตรวจสอบความแข็งแรงให้ดี ต้องพยายามที่จะใช้ “กลอน” ช่วยรับน้ำหนักทางด้านข้างด้วย การลงกลอนในบานประตูและหน้าต่างที่ไม่ได้ใช้เป็นปกติธุระ น่าจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะป้องกันน้ำวิ่งเข้ามาที่ตัวบ้านของเราได้ครับ

    หากหนักหนาจริงๆ ประตูหน้าต่างของเราดูจะอ่อนแอรับแรงดันน้ำไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องเอาไม้มาตีพาดขวางช่วยรับแรง หรือเอาของหนักๆมาวางช่วยดันประตูเอาไว้ (ต้องเป็นประตูด้านที่เราไม่ใช้โดยปกตินะครับ ไม่เช่นนั้นอาจจะมีปัญหาตอนที่เราจะหนีออกจากบ้าน หรือตอนที่คนเขาจะเข้ามาช่วยเราในบ้าน ยามเกิดวิกฤติครับ)

    11. เตรียมระบบสื่อสารทุกประเภทเอาไว้ให้พร้อม
    ระบบสื่อสารทุกอย่างที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นระบบโทรศัพท์ปกติหรือโทรศัพท์มือถือ ระบบอินเตอร์เน็ตทั้งมีสายและไร้สาย วิทยุ โทรทัศน์ หรือ อุปกรณ์สื่อสารพิเศษอย่างอื่น (เช่นระบบดาวเทียม วอร์คกี้ทอร์คกี้ เป็นต้น) เพราะการรับข่าวสาร และการติดตามข่าวสารเรื่องภัยน้ำท่วมที่จะมาถึงตัวเราเป็นเรื่องสำคัญ และไม่น่าจะเกิดความผิดพลาดในทุกวินาที

    และหากน้ำท่วมแล้ว การขอความช่วยเหลือหรือสอบถามข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ ณ วินาทีวิกฤตินั้นแน่นอน อีกทั้งระบบสื่อสารที่เรามีนั้น มิได้ใช้เพียงการที่เราช่วยตัวเอง แต่อาจจะมีผู้เดือดร้อนคนอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ หรือต้องการคำปรึกษาจากเรา ก็สามารถติดต่อกับเราได้ ต้องคนละไม้คนละมือเสมอ ทุกคนล้วนลำบากทั้งสิ้นครับ

    12. ชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างเตรียมพร้อม 24 ชั่วโมง
    อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างมีความจำเป็นยามเกิดภาวะฉุกเฉิน เช่น ไฟฉาย วิทยุ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ มือถือ หรือแม้กระทั่งกล้องถ่ายภาพ ฯลฯ จะต้องมีการชาร์จไฟไว้ให้เต็มร้อยตลอดเวลา เพราะยามน้ำท่วม ระบบไฟฟ้าทั้งหมดอาจติดขัดครับ

    นอกจากอุปกรณ์ไฟฟ้าจะต้องชาร์จไฟให้เต็มที่แล้ว การใช้อุปกรณ์เหล่านั้นเมื่อไฟฟ้าปกติไม่มา จะต้องประหยัดไฟด้วย เพื่อความมั่นใจว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะทำงานได้เต็มที่ยามฉุกเฉิน อีกทั้งต้องเตรียมอุปกรณ์อื่นเสริมอีกด้วย เช่นไม้ขีดไฟ เทียนไข เป็นต้น

    13. ย้ายของทุกอย่างให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม
    ข้าวของในบ้านของเรา ไม่ใช่เพียงเรื่องของอุปกรณ์ไฟฟ้าเท่านั้นที่เราจะต้องมีการจัดการย้ายให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม แต่หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดว่ามีความสำคัญ และอาจจะเสียหายได้เมื่อมีน้ำท่วม ตั้งแต่รถยนต์ ถังกาซ เฟอร์นิเจอร์ หนังสือ ของขวัญ รูปภาพ ฯลฯ ขอให้ย้ายไปสู่ที่ที่เหมาะสม ซึ่งที่ที่เหมาะสมนั้นอาจจะอยู่ในตัวบ้านของเรา หรือจะย้ายออกไปเก็บไว้นอกบ้าน สถานที่อื่นที่คิดว่าปลอดภัย

    มีข้อมูลว่า เมื่อน้ำท่วม หลายคนเป็นอันตรายอันเนื่องมาจากการ “ห่วงของ” ต้องลุยน้ำกลับไปกลับมาเพื่อขนของออกจากบ้าน และหลายครั้งที่ขนของออกมาแล้ว แต่ไม่มีที่วาง ก็จำต้องวางไว้ในที่ที่ไม่ปลอดภัย ปรากฏว่าของที่อุตส่าห์ขนออกมาด้วยความเสียดายหรือความผูกพันนั้น ถูกผู้ชั่วร้ายใจทรามขโมยต่อเอาไปอีกด้วย

    แต่ของที่เราจะย้ายนั้น ไม่ได้หมายความว่าเป็นของทุกอย่างไปเลย เลือกเฉพาะที่เราคิดว่าต้องย้ายเท่านั้น ของบางอย่างที่แช่น้ำได้ไม่มีปัญหา ก็ไม่ต้องขนย้ายก็ได้

    14. ใช้พลาสติกซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่กลัวน้ำให้เป็นประโยชน์
    วัสดุส่วนใหญ่จะกลัวน้ำ หรือไม่สามารถที่จะสู้กับน้ำได้ แต่พลาสติกเป็นวัสดุที่ไม่กลัวน้ำ ดังนั้นอุปกรณ์ต่างๆที่เป็นพลาสติก น่าจะต้องมีการเตรียมการเอาไว้ใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นถังน้ำพลาสติก ท่อพลาสติก กระดานพลาสติก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ้าหรือแผ่นพลาสติก ที่เราจะเอาไว้ใช้หุ้มอุปกรณ์หรือส่วนต่างๆของบ้านเรา ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ หนังสือ ฯลฯ แม้กระทั่งการหุ้มป้องกันตัวเรา หรืออวัยวะบางส่วนของตัวเราครับ

    ขอให้หาซื้อผ้าหรือกระดานพลาสติกเก็บเอาไว้ใกล้มือเรา ยามฉุกเฉิน พลาสติกจะเป็นวัสดุอย่างหนึ่งที่มีประโยชน์มากจนคาดไม่ถึงได้ครับ และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ “ห่วงยาง” ครับ

    15. เตรียมอาหาร น้ำดื่ม และยาให้พร้อม
    เพราะยามน้ำท่วมแล้ว เราอาจจะต้องติดอยู่ในบ้านของเราก็ได้ สิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีพของเราก็คือ “อาหาร” ที่ต้องเตรียมเอาไว้ ทั้งอาหารที่ต้องมีการปรุงด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้า (หรือกาซ) กับอาหารที่สามารถกินได้เลย โดยไม่ต้องมีการปรุง และต้องเตรียมเรื่อง “น้ำดื่ม” เอาไว้ด้วย เตรียมให้เพียงพอสำหรับทุกคนประมาณ 3 วันครับ

    ยาเป็นสิ่งสำคัญมากอีกอย่างหนึ่งที่เราต้องเตรียมเอาไว้ (ในที่ที่ปลอดภัย) ยาหลักๆก็คือ ยาแก้ปวด ยากแก้ไข้ ยาแก้ท้องเสีย ยารักษาโรคน้ำกัดเท้า ยาล้างแผล ยาแก้แพ้ ยากันแมลงและยาของโรคประจำตัวของทุกคน

    มีผู้หวังดีแนะนำบอกต่อว่า อย่าสะสม “สุรา” เอาไว้ตอนน้ำท่วม เพราะน้ำท่วมนานๆ อาจจะมีคนกลุ้มใจ แล้วใช้สุราแก้ความกลุ้มใจ จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยมากขึ้น ส่วนเหล่าขวดสุราที่เก็บสะสมเอาไว้ ไม่ต้องขนไปไกลก็ได้ เพราะขวดสุราเหล่านั้น เขาสามารถแช่น้ำได้ ไม่มีปัญหาประการใด

    16. บ้านชั้นเดียว ต้องตรวจสอบหลังคาด้วย
    สำหรับบ้าน 2 ชั้น หลังคาบ้านจะมีผลมากยามเมื่อฝนตกหนักๆ ซึ่งเราน่าจะต้องดูแลกันไปพอสมควรแล้วในเวลาที่เพิ่งผ่านมา แต่ในกรณีน้ำท่วมนั้นหลังคาไม่ค่อยมีผลมากเท่าไร เพราะน้ำท่วมจากข้างล่างขึ้นไป หากท่วมถึงหลังคาชั้นสอง เราก็น่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่นก่อนหน้านั้นแล้ว

    แต่กรณีที่เป็นบ้านชั้นเดียว น้ำอาจจะท่วมชั้นล่างของบ้านอย่างรวดเร็ว หลังคาหรือส่วนของหลังคาจึงเป็นพื้นที่หลบภัยได้ชั่วคราวพื้นที่หนึ่ง เราจึงต้องตรวจสอบทางหนีทีไล่ของเรา กรณีที่เราต้องขึ้นไปหนีภัยบนหลังคา ซึ่งเราอาจจะขึ้นไปทางฝ้าเพดานของเรา (กรุณาอย่าลืมตัดวงจรไฟฟ้าที่บ้านทั้งหมดก่อนจะขึ้นไปบนฝ้าเพดานสู่หลังคานะครับ)

    17. ระวังโจร ระวังมาร ระวังผู้ชั่วร้าย
    เป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าสลดใจที่สังคมน่าอยู่และเห็นอกเห็นใจของเมืองไทยเรา ได้ถูกลัทธิวัตถุนิยมเข้าครอบงำไปหลายส่วนแล้ว ดังนั้นเราจึงได้ข่าวเนืองๆว่า มีผู้ชั่วร้ายที่อยากได้ประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวก เข้ามารังแกจี้ปล้นประชาชนที่กำลังลำบากทุกข์เข็ญ

    ยามน้ำท่วม เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังยุ่งกับภารกิจอย่างอื่น เหล่าคนชั่วก็จะออกอาละวาดรังแกผู้ที่กำลังเดือดร้อน มีการขโมย จี้ปล้น ฉกชิงวิ่งราว ให้เราได้ทราบอยู่เป็นประจำ และมีความเป็นไปได้ว่าหนึ่งในอนาคตนั้นอาจจะเป็นตัวเราและบ้านของเรา

    ดังนั้น การเตรียมการป้องกันโจร จึงเป็นอีกประการหนึ่งที่เราต้องเตรียมการ อย่าเก็บของมีค่าเอาไว้ในบ้านของเรา เอาไปฝากที่อื่นก่อนดีกว่า เงินทองไม่จำเป็นที่ต้องพกมากมาย และคอยเฝ้าสังเกตบุคคลที่น่าสงสัย การส่งเสียดังๆในบางครั้ง จะเป็นอาวุธป้องกันตัวเราได้

    18. เพื่อนบ้าน ต้องร่วมด้วยช่วยกัน
    ในกรณีนี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องของการต่อสู้ป้องกันโจรประการเดียว แต่หมายถึงในทุกๆกรณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เรา “ขอความช่วยเหลือ” จากเพื่อนบ้าน แต่หมายถึงการที่ “เราจะช่วยเหลือเพื่อนบ้าน” ด้วย รวมๆกันก็หมายถึง “การสร้างชุมชนเข้มแข็ง” เพราะความรักที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้เสมอยามที่คนเรามีความลำบากร่วมกัน

    อย่าต่อสู้หรือป้องกันภัยทั้งหลายคนเดียว ต้องสื่อสารกัน ต้องจับมือกัน และวางแนวทางการป้องกัน การต่อสู้ที่เป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น แล้วเราจะมีโอกาส หากตอนนี้เหล่าเพื่อนบ้านยังไม่มีการเคลื่อนไหวร่วมกัน เราก็อาจจะเป็นแกนตัวเล็กๆที่จะเป็นผู้เริ่มต้นได้ครับ อย่าอาย อย่ากลัวใครเขาหมั่นไส้ครับ หากเราเป็นคนดี มีจิตใจดี ทุกคนจะเข้าใจครับ

    19. เตรียมทางหนีทีไล่เพื่อออกจากบ้าน
    ดังที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า การป้องกันน้ำท่วมก็เหมือนการป้องกันเมืองจากการโจมตีของข้าศึก ซึ่งเราอาจจะป้องกันเอาไว้ได้หรือป้องกันไม่ไหวก็ได้ หากถึงที่สุดแล้ว เราไม่มีทางต่อสู้ได้แน่ๆ พ่ายแพ้แล้ว การเตรียม “ทางหนี” เป็นเรื่องที่จำเป็น หากเราเตรียมทางหนีเอาไว้แต่แรก เราก็สามารถหนีได้ หนีทัน เกิดความเสียหายน้อยลง

    ทางหนีจากกรณีน้ำท่วมบ้าน อย่าคิดเพียงทางหนีออกจากบ้าน แต่ต้องคิดให้จบว่าหนีออกไปแล้ว จะหนีด้วยอะไร มีเรือหรือห่วงยางหรือไม่ มีเชือกสาวตัวเองหรือไม่ จะพกอะไรติดตัวไปบ้าง (ที่สามารถพกพาแบกหามไปได้) และจะมุ่งหน้าไปทางทิศใด มุ่งหน้าไปไหน และจะไปหยุดที่ใด พักที่ใด กับใคร ทุกอย่างต้องคิดเป็นกระบวนการ และคิดให้จบวงจรไว้แต่แรกครับ

    20. ตั้งจิตให้มั่น ตอนนี้ “สติ” สำคัญที่สุด

    อย่าเสียเวลากับการเกรี้ยวโกรธ อย่าเพิ่งด่าอะไรใคร อย่าโทษฟ้าดิน ยังมีเวลาและโอกาสอีกมากมายที่จะทำเช่นนั้น เวลานี้เป็นเวลาที่เราต้องตั้งสติ และคิด และเตรียมการอย่างเป็นระบบ เราต้องรับรู้ข่าวสารต่างๆอย่างทันต่อเหตุการณ์จากคนที่เชื่อถือได้ (ระวังคำพูดนักการเมืองนิดนะครับ) ต้องฟังวิทยุ หรือแม้แต่ติดตามทางอินเตอร์เน็ต (เช่น
    http://www.thaiflood.com/ หรือ http://flood.gistda.or.th/ เป็นต้น)

    ค่อยๆ กลับไปอ่านตั้งแต่ข้อที่ 1 ถึงข้อที่ 19 แล้วอาจจะเพิ่มข้ออื่นๆที่เราคิดออกเข้าไปอีกได้ เมื่ออ่านแล้วก็ตรวจสอบ และลงมือทำทันทีครับ .... ตอนนี้ “สติ” สำคัญที่สุดครับ

    บ ท ต า ม
    บทความนี้ถูกเขียนขึ้นเท่าที่ผู้เขียนมีข้อมูลและความรู้ มิใช่เป็นบทความที่สมบูรณ์ที่สุดแต่ ต้องการเขียนขึ้นในฐานะของคนไทยคนหนึ่งที่ต้องการเป็นประโยชน์กับผู้อื่นในสภาวะวิกฤติของบ้านเมืองบ้าง โดยหวังว่าอาจจะ “ลดความทุกข์” ให้สังคมได้ส่วนหนึ่ง แม้เป็นส่วนเล็กน้อยก็ตาม

    บทความนี้ “ไม่มีลิขสิทธิ์” ครับ ผู้ใดต้องการนำไปเผยแพร่ ณ ที่ใดก็สามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตหรืออ้างอิงแหล่งที่มาหรือชื่อผู้เขียนก็ได้ กรุณาอย่าเกรงใจ

    นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ สถ. ๓๔๔ ว.
    ตุลาคม ๒๕๕๔

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2011
  11. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ช่วงนี้ผู้คนในขอนแก่นหนาหูหนาตามาก เข้าใจว่าหลบภัยน้ำท่วมมากัน
    หากท่านใดยังไม่มีจุดหมายปลายทางที่จะไป ก็มาขอนแก่นก็ได้นะคะ
     
  12. สิบหก

    สิบหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    680
    ค่าพลัง:
    +603
    หยุด 5 วัน จะไปก็รีบไป ............... อย่าช้า คิดสะว่าไปเที่ยว
     
  13. numphol aryupha

    numphol aryupha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +1,156
    มันเกิดจากผู้นำและรัฐบาลที่เป็นตัวเสนียดจันraiของประเทศ มันจึงเกิดอาเพศ
     
  14. bebe9

    bebe9 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2011
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +31
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    [​IMG]

    ดาวน์โหลด คู่มือรับสถานการณ์น้ำท่วม (PDF)

    หากหน่วยงานหรือองค์กรที่สนใจจะพิมพ์เผยแพร่ สามารถติดต่อเพื่อรับไฟล์ความละเอียดสูง ได้ที่ หน่วยวิจัยภัยพิบัติทางธรรมชาติ (CENDRU) ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทรศัพท์ 053-942010, 053-944156

    ที่มา http://cendru.eng.cmu.ac.th/?q=flood-preparedness
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    "แพโฟม" อีกทางเลือกที่น่าสนใจ
    [​IMG]
    [​IMG]

    ได้รับ Forword Mail รวมถึง เห็นการเผยแพร่ต่างๆถึงวิธีการรับมือน้ำท่วมมากมาย จากทาง เฟซบุ๊ก (Facebook) ที่มีการส่งต่อ เผยแพร่กันมากมาย ในโลกแห่งสังคมออนไลน์ คราวนี้ มติชนออนไลน์ จึงหยิบยกอีกหนึ่ง ภาพการแก้ไขรถจมน้ำ ด้วยแผ่นโฟม ซึ่งในข้อความดังกล่าว โดยผู้เขียนที่ ใช้ชื่อว่า "ป๋อ" ระบุว่า

    " บางท่านก็คงจะได้เห็นผ่านตามาแล้ว สำหรับคนที่ยังไม่เคยเห็น ผมขอนำเสนอภาพการแก้ไขรถจมน้ำ ด้วยแผ่นโฟม ผู้สนใจจะซื้อโฟม ไปใช้ ลองสอบถามผู้ขายโฟมโดยตรง ผมลองหาใน net ได้มา 1 แห่ง คือ <A href="http://www.polyfoam.co.th/" target=_blank>www.polyfoam.co.th ใครยังมีความสามารถในการคำนวณเรื่องแรงลอยตัว ก็ลองคำนวณดู ถ้าคิดไม่ออกให้ลูกหลานคิดให้แทน"

    เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ สำหรับการปกป้องรถยนต์แสนรัก ที่หลายคนกว่าจะเก็บตังค์ดาวน์ ผ่อนหรือใช้เงินสดซื้อมาได้แต่ละคัน เลือดตาแทบกระเด็นทีเดียว ถ้าปล่อยให้จมน้ำไปต่อหน้าต่อตา คงเสียดายไม่เบา..

    ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1319101664&grpid=01&catid=01
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2011
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    "สาหร่ายเกลียวทอง"
    อาหารทิพย์เพื่อเลี้ยงชาวโลก ในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ

    [​IMG]
    [​IMG]

    ในยุคปัจจุบันพฤติกรรมในการบริโภคของคนเปลี่ยนไป เนื่องจากการใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบของคนในสังคม ทำให้คนส่วนใหญ่ละเลย และขาดการเอาใจใส่ดูแลสุขภาพของตนเอง โดยเฉพาะในเรื่องของการออกกำลังกายที่ผู้คนให้ความสนใจน้อยมาก ในทางกลับกันผู้คนหันมาบริโภคอาหารที่ติดฉลากว่าเป็น "อาหารเพื่อสุขภาพ" หรือ"อาหารธรรมชาติ" ซึ่งวางขายในท้องตลาดและ หนึ่งในจำนวนนั้นที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง คือ "สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina) "


    ”ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "อาหารทิพย์จากสวรรค์" "อาหารแห่งอนาคต" "อาหารเพื่อชาวโลก" และ "อาหารมหัศจรรย์"

    นางเจียมจิตต์ บุญสม ผู้อำนวยการด้านการวิจัยบริษัทกรีนไดมอนด์ จำกัด เป็นผู้ให้ชื่อภาษาไทยของสาหร่ายสไปรูลิน่าว่า "สาหร่ายเกลียวทอง" คำว่าสไปรูลิน่ามาจากคำว่า สไปรัล (Spiral) ในภาษาอังกฤษ ซึ่งหมายถึงรูปเกลียววนแบบขดหอย สาหร่ายเกลียวทองมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมคือประเทศเม็กซิโกและทวีปแอฟริกา ซึ่งชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในแหล่งต่างๆเหล่านี้ได้ใช้เป็นอาหารประจำวันมาเป็นเวลาหลายพันปี

    สาหร่ายเกลียวทองเป็นสาหร่ายเซลล์เดียวที่อยู่ในตระกูลสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ไม่มีรสชาติ มีจำนวนทั้งหมด 35 สายพันธุ์ แต่บางสายพันธุ์ก็ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นอาหาร เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำและสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ สายพันธุ์เม็กซิโกซึ่งสามารถเจริญได้ดีที่อุณหภูมิ 35-36.6 องศาเซลเซียส อันเป็นระดับเดียวกับเลือดของมนุษย์ และขึ้นได้ดีในแหล่งน้ำที่ค่อนข้างเค็มในเขตศูนย์สูตร เกลียวของสาหร่ายชนิดนี้จะเปลี่ยนไปตามอุณภูมิ ค่า pH และสารอาหารที่มันได้รับ สาหร่ายชนิดนี้มีขนาดเล็กมากต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ในการศึกษา

    ข้อความในหนังสือ "The Secret of Spirulina" ซึ่งนางเจียมจิตต์ บุญสมแปลเป็นภาษาไทยว่า "ความลับของสาหร่ายเกลียวทอง" ได้กล่าวถึงสาหร่ายชนิดนี้ว่า ในอดีตกาลชาวมายันที่อาศัยอยู่แถบแหลม Yucatan ในอเมริกากลางมีชีวิตอย่างเรียบง่าย ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นป่าดงดิบ ไม่สามารถทำการเกษตรได้ หลังจากทำไร่เลื่อนลอยจนดินเสื่อม พวกมายันได้สร้างบ่อเพาะเลี้ยงพืชที่มีลักษณะเป็นแพสีเขียวขึ้นซึ่ง อาจจะเป็นบ่อเพาะสาหร่ายเกลียวทอง อยู่ท่ามกลางป่าดงดิบที่ถูกแผ้วถางแล้ว มีระบบระบายน้ำที่สลับซับซ้อนที่ดูเหมือนจะป้องกันน้ำท่วมบ่อ

    นักโบราณคดีได้ค้นพบเรื่องราวเหล่านี้และสรุปว่า ถึงแม้ฝนจะตกถึง 70-90 นิ้วต่อปี ระบบระบายน้ำคงจะไม่สร้างขึ้นเพื่อการชลประทานเพาะปลูกทั่วไป น่าจะเป็นการบำรุงรักษาบ่อสาหร่ายมากกว่า ซึ่งน่าจะเป็นข้อบ่งชี้ให้เห็นว่าได้มีการพัฒนาฟาร์มสาหร่ายของชาวมายัน เพื่อเลี้ยงประชากร 2 ล้านคน มากกว่าที่จะเพาะปลูกการเกษตรทั่วไป ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นว่าสาหร่ายเกลียวทองได้ถูกนำมาใช้เป็นอาหารเลี้ยงประชากรมาตั้งแต่สมัยอดีตกาลมาแล้ว

    นอกจากนี้หนังสือ "The Secreat of Spirulina" ยังได้กล่าวถึงปริมาณโปรตีนของสาหร่ายเกลียวทอง (แห้ง) เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารชนิดอื่นไว้ดังนี้

    เนื้อวัว 18-20% ถั่วเหลือง 33.35%
    ไข่ 10-25% ปลาทู ปลาอินทรีย์ 20%
    ข้าวสาลี 6-10% คลอเรลลา 40-56%
    ข้าวเจ้า 7% สาหร่ายเกลียวทอง 69.5-71%

    คณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ข้อมูลว่าสาหร่ายเกลียวทองเป็นสาหร่ายที่มีโปรตีนสูงถึง 60-70% เมื่อเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่นๆ เช่น ถั่วเหลือง ซึ่งให้โปรตีนเพียง 37% และยังพบว่าโปรตีนของสาหร่ายเกลียวทองมีปริมาณสูงกว่าเนื้อสัตว์ นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยกรดแกมม่าไลโนเลนิก(GLA) ซึ่งกรดนี้มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต บรรเทาอาการข้ออักเสบ ปวดประจำเดือน และสิวฝ้า

    วิตามิน B12 ซึ่งถ้าขาดวิตามินนี้ก็จะทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้ , วิตามินA ซึ่งอยู่ในรูป เบตาแคโรทีน มีบทบาทในการลดอนุมูลอิสระ ดังนั้นจึงนำมาใช้เป็นสารต้านมะเร็งชนิดต่างๆ และสาหร่ายนี้ยังเป็นแหล่งที่มีวิตามิน E, วิตามิน C ,วิตามิน B1, B12 และไนอาซีนสูง นอกจากวิตามินต่างๆแล้วยังมีเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายอีกมากมาย เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี แมงกานีส ทองแดง เซเลเนียม แคลเซียม และยังประกอบด้วยสีเขียวของคลอโรฟิลล์อีกด้วย

    ในประเทศอินเดีย ที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของโลก ได้พยายามอย่างยิ่งที่จะให้มีอาหารเพียงพอสำหรับคนในประเทศ สาหร่ายเกลียวทอง เป็นสาหร่ายชนิดหนึ่งที่ถูกเลือกใช้ เพื่อช่วยให้บรรลุจุดประสงค์นี้ในส่วนหนึ่ง เพราะเป็นการเลี้ยงที่ใช้ต้นทุนต่ำ

    ขณะเดียวกันประเทศเม็กซิโก ทั้งสถาบันฝ่ายรัฐบาลและมหาวิทยาลัยได้ศึกษาเกี่ยวกับการเติมสาหร่ายเกลียวทองลงในนมในปริมาณ 10% สำหรับให้ทารกและเด็กขาดสารอาหารดื่ม ผลจากการศึกษาครั้งนั้นรัฐบาลได้อนุญาตให้ใช้สาหร่ายเกลียวทองเป็นอาหารชนิดใหม่ได้

    จากผลงานวิจัยเรื่องต่าง ๆ ที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่มักชี้ให้เห็นว่าสาหร่ายเกลียวทอง เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างน่าอัศจรรย์ใจ และไม่น่าจะก่อให้เกิดโทษหรือผลเสียใดๆต่อร่างกาย ถึงแม้จะมีผลการวิจัยของนักวิจัยบางท่านที่กล่าวถึงผลเสียต่อสุขภาพ แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดถึงผลเสียนั้น สาระสำคัญข้อนี้เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือของข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน

    อย่างไรก็ตามการบริโภคอาหารเสริมเพียงอย่างเดียว ไม่อาจทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ได้ หากแต่ร่างกายของเรายังต้องการสารอาหารให้ครทั้ง 5 หมู่ เพื่อช่วยทำให้กระบวนการทำงานของร่างกายปกติ ดังนั้นอาหารที่ดีที่สุดของเราก็คืออาหารหลัก 5 หมู่นั่นเอง

    ที่มา http://www.hlifespirulina.com/spirulina_foodof.htm


    ลิ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกัน

    กระบวนการผลิตสาหร่ายเกลียวทอง และขั้นตอนในการเพาะเลี้ยงสาหร่าย

    วิธีการทำ ข้าวเกรียบ สาหร่ายเกลียวทอง

    การผลิตสาหร่ายเกลียวทอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2011
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เดินตามรอยเท้าพ่อ...คือหนทางรอดจากภัยพิบัติทั้งปวง !!!


    [​IMG]

    โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงริเริ่มดำเนินการ ทดลองการแปรรูปผลิตผลการเกษตรขึ้นในพระราชวังตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๔

    "... วันนี้จึงเป็นวันที่สำคัญ เพราะโรงงานนี้เป็นโรงงานตัวอย่าง และจะดำเนินการเป็นตัวอย่างสำหรับกสิกรและผู้ที่สนใจในการผลิตนมในประเทศไทย โรงงานนี้เป็นแห่งแรกที่ทำขึ้นในเมืองไทย และก็เป็นที่น่าภูมิใจว่าคนไทยได้ออกแบบและเป็นผู้สร้าง ขอให้ถือว่าโรงงานนี้เป็นโรงงานตัวอย่าง ใครอยากได้ความรู้ ใครอยากที่จะทำกิจการโคนมให้สำเร็จ ให้ก้าวหน้าและเป็นประโยชน์แก่ตน แก่เศรษฐกิจของบ้านเมืองก็ให้มาดูกิจการได้ทุกเมื่อ ..."

    พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเนื่องในพิธีเปิดโรงงานนมผง " สวนดุสิต " ณ บริเวณสวนจิตรลดา วันอาทิตย์ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๑๒

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานทรัพย์ส่วน พระองค์สร้างโครงการอันหลากหลายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เพื่อเป็นโรงงานตัวอย่างและพระราชทานโอกาส ให้บุคคลกลุ่มต่าง ๆ ที่สนใจ " ดูกิจการได้ทุกเมื่อ " ในแต่ละปีจึงมีผู้เข้ามาศึกษาดูงานโครงการต่าง ๆ เกือบ ๒๐,๐๐๐ คนต่อปี ลักษณะของโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา แบ่งออกเป็น ๒ ประเภทคือ
    • โครงการแบบไม่ใช่ธุรกิจ เป็นโครงการสนองแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร ทรงให้ความสำคัญกับการเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตของเกษตรกร โดยมีแนวทางที่สำคัญคือ ทำให้เกษตรกรสามารถพึ่งตนเองได้ทางด้านอาหาร และสนับสนุนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นนอกเหนือ ไปจากภาคเกษตร อีกทั้งเน้นการพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โครงการเหล่านี้ได้แก่ โครงการเกี่ยวกับปลานิล ป่าไม้สาธิต นาข้าวทดลองข้าวไร่ การผลิตแก๊สชีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช สวนพืชสมุนไพร สาหร่ายเกลียวทอง โครงการทดลองปลูกพืชโดยปราศจากดิน
    • โครงการกึ่งธุรกิจ เป็นโครงการทดลองแปรรูปผลิตภัณฑ์จากการเกษตร มีการจัดผลิตภัณฑ์ออกจำหน่ายในราคาย่อมเยาในรูปแบบที่ไม่หวังผลกำไร แต่มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศไทย ซึ่งมีคุณภาพและราคาไม่แพง โครงการต่าง ๆ เหล่านี้ได้แก่ โรงโคนมสวนจิตรลดา โรงบดและอัดแกลบ ห้องปฏิบัติการทดลอง โรงผลิตน้ำผลไม้ โรงนมเม็ดสวนดุสิต โรงอบผลไม้ โรงกลั่นแอลกอฮอล์ โรงเนยแข็ง โรงสีข้าว โรงเห็ด โรงอาหารปลา โรงผลิตกระดาษสา และโรงหล่อเทียนหลวง โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาที่จัดอยู่ ในกลุ่มของอุตสาหกรรมเกษตรมีมากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นโครงการที่ก่อเกิดประโยชน์ต่อพสกนิกรของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว
    ทั้งในด้านอยู่ดีกินดีและเสริมสร้างรายได้ โครงการต่าง ๆ เหล่านี้ได้แก่ โรงโคนมสวนจิตรลดา เริ่มจากในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ได้มีบริษัทและหน่วยราชการน้อมเกล้าฯ ถวายโค ๖ ตัว ซึ่งเป็นโคตั้งท้องแล้ว ๔ ตัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สำหรับสร้างโรงงานโคนม ราคา ๓๒ , ๘๘๖ . ๗๓ บาท ขึ้นในบริเวณสวนจิตรลดา ต่อมาเมื่อแม่โคตกลูกและเริ่มทำการรีดนม น้ำนมที่เหลือจากการแบ่งให้ลูกโคกินแล้ว ได้นำไปจำหน่าย เมื่อมีจำนวนโคนมเพิ่มขึ้น ทั้งจากแม่โคที่ให้ลูกทุกปี และมีผู้น้อมเกล้าฯ ถวายสมทบ

    ทำให้สามารถผลิตน้ำนมออกจำหน่ายแก่บุคคลภายนอกและโรงเรียนต่าง ๆ ในละแวกใกล้เคียง เมื่อมีกำไรสะสมมากยิ่งขึ้น ก็ได้ขยายงานออกไปตามลำดับทั้งในด้านการผลิตน้ำนม คุณภาพนมดิบ และการส่งเสริมอาชีพแก่เกษตรกร ผลพลอยได้จากโรงโคนมคือ มูลโคซึ่งเมื่อนำมาหมักจะได้ " ไบโอแก๊ส " หรือ " แก๊สชีวภาพ " สำหรับเป็นเชื้อเพลิง กากจากบ่อหมักแก๊สชีวภาพยังสามารถใช้ทำเป็นปุ๋ย มูลโคที่เป็นสารละลายที่อยู่ในถังหมัก ส่วนหนึ่งนำไปใช้สำหรับเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทอง ซึ่งสามารถนำไปทำอาหารสำเร็จรูปสำหรับเลี้ยงปลาอีกส่วนหนึ่งทำเป็นปุ๋ยใส่ แปลงพืชอาหารสัตว์ และบางส่วนนำไปใช้สำหรับบำรุงบ่อเพาะพันธุ์ปลานิล

    [​IMG]

    เครื่องอบแห้งพลังแสงอาทิตย์ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ สถาบันการศึกษาและบริษัทเอกชนเยอรมัน ได้ร่วมน้อมเกล้าถวายเครื่องอบแห้งพลังแสงอาทิตย์ เพื่อใช้อบผลิตผลทางเกษตรต่าง ๆ เช่น เมล็ดธัญญพืช เมล็ดถั่ว ผัก ผลไม้ พืชสมุนไพร ผลิตภัณฑ์เนื้อและผลิตภัณฑ์ประมงและเป็นเครื่องต้นแบบให้เกษตรกรที่ทำ อุตสาหกรรมกล้วยตากอบแห้งนำไปเป็นต้นแบบในการผลิตเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช โครงการนี้เริ่มเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๗ เพื่อเก็บรักษาพันธุ์พืชทีหายากและเป็นการขยายพันธุ์พืชไม่ให้กลายพันธุ์


    ในห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชประกอบด้วยส่วนสำคัญคือห้องเตรียม อาหาร ห้องถ่ายเนื้อเยื่อ และห้องเลี้ยงเนื้อเยื่อ พืชเป้าหมายของโครงการคือ สมอไทย ขนุน พุดสวน มณฑา และยี่หุบ ศูนย์รวมนม ศูนย์รวมนมสวนจิตรลดา รับนมดิบจากสหกรณ์โคนมหนองโพและโรงโคนมสวนจิตรลดาเพื่อผลิตนมพาสเจอร์ไร ซ์จำหน่ายให้กับสมาชิกและโรงเรียน เพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพและยังนำรายได้ไปช่วยสนับสนุนการดำเนินกิจการ ของโรงนมผงสวนดุสิตนมพาสเจอร์ไรซ์ที่ผลิตในโครงการมีการบรรจุ ๒ แบบคือ
    • แบบบรรจุถุง บรรจุนม ๒๒๕ มิลลิลิตร บรรจุนมรสจืด รสหวานกลิ่นวานิลลา รสหวานกลิ่นสละ และรสโกโก้
    • แบบบรรจุขวด บรรจุนม ๑๐๐๐ มิลลิลิตร และ ๕๐๐ มิลลิลิตร บรรจุรสจืด รสหวานหลิ่นวานิลลา รสหวานกลิ่นสละ รสโกโก้ และรสกาแฟ
    [​IMG]


    โรงนมผงสวนดุสิต โรงนมผงสวนดุสิตตั้งขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ เนื่องจากเกิดภาวะนมสดล้นตลาด สมาชิกผู้เลี้ยงโคนมจึงได้ทูลเกล้าถวายฎีกาให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงช่วยเหลือ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงนมผงขนาดย่อมขึ้น เพื่อผลิตนมผงเป็นการแก้ปัญหานมสดล้นตลาด น้ำกลั่นเป็นผลผลิตพลอยได้จากเครื่องระเหยนม ซึ่งมีความบริสุทธิ์ค่อนข้างสูง และมีมากพอที่จะนำไปผลิตเป็นน้ำกลั่น เพื่อใช้เติมแบตเตอรี่รถยนต์ และใช้ดื่มได้

    [​IMG]

    โรงเนยแข็ง โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาได้สร้างโรงเนยแข็งน้อมเกล้าถวายในวโรกาส เฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ พุทธศักราช ๒๕๓๐ และคณะกรรมการบริหารของบริษัท ซี . ซี . ฟรีสแลนด์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ร่วมน้อมเกล้าถวายอุปกรณ์สำหรับการผลิตเนยแข็ง ปัจจุบันโรงเนยแข็งสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ออกสู่ตลาด เช่น นมข้นหวานบรรจุหลอด นมเปรี้ยวพร้อมดื่มรสต่าง ๆ ไอศครีม นมสดพาสเจอร์ไรซ์ปราศจากไขมัน เนยแข็งเกาด้า เนยแข็งเช็ดด้า และเนยสด โรงนมเม็ด โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เคยผลิตนมเม็ดเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ แต่ประสบปัญหาทางเทคนิคทำให้ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้

    ต่อมาเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาได้จัดทำโรงนมเม็ดขึ้นใหม่เพื่อเป็นการส่ง เสริมโภชนาการแก่ผู้บริโภค และเพื่อเป็นการแนะนำการผลิตนมเม็ดขึ้นในประเทศ ปัจจุบันสามารถผลิตนมเม็ดได้วันละ ๗,๐๐๐ - ๑๒,๐๐๐ ซองต่อวัน มีทั้งสิ้น ๓ รส คือรสหวาน รสกาแฟ และรสช็อกโกแลต ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง

    ห้องควบคุมคุณภาพผลผลิต ห้องควบคุมคุณภาพผลผลิต มีหน้าที่ในการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ และเป็นไปตามมาตรฐานกำหนดไว้ โรงสีข้าวตัวอย่าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตั้งโรงสีข้าวตัว อย่างขึ้น ในปีพ.ศ. ๒๕๑๔ เพื่อทำการทดลองสีข้าวและสร้างยุ้งฉางเก็บข้าวเปลือกแบบต่าง ๆ

    และในปัจจุบันได้ดัดแปลงยุ้งฉางแบบสหกรณ์ให้สามารถนำข้าวเปลือกเข้าและออก จากยุ้งไปสีโดยไม่ต้องใช้คนแบกขน งานทดลองผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิง งานทดลองผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงเริ่มขึ้นเมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๘ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสให้ศึกษาต้นทุนการผลิตแอลกอฮอล์จากอ้อย เพราะว่าในอนาคตอาจเกิดเหตุการณ์น้ำมันขาดแคลนหรืออ้อยราคาต่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานเงินเป็นทุนวิจัยใช้ในการดำเนินงาน ๙๒๕,๐๐ บาท

    เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตร ร่วมกับบริษัทสุราทิพย์ได้ขยายกำลังผลิตแอลกอฮอล์เพื่อให้มีพอใช้ผลสมกับ น้ำมันเบนซินเป็นแก๊สโซฮอล์สำหรับรถยนต์ทุกคันของโครงการที่ใช้เบนซิน และในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินเปิดสถานีบริการแก๊สโซฮอล์ในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา งานทดลองผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงแบ่งเป็นหน่วยย่อย คือ

    ๑ . โรงแอลกอฮอล์ทำหน้าที่ ผลิตเอทธิลแอลกอฮอล์ความเข้มข้นร้อยละ ๙๕ และผลิตน้ำส้มสายชูจากสับปะรดและเศษผลไม้อื่น ๆ

    ๒ . โรงอัดแกลบ ทำหน้าที่ผลิตแกลบอัดแท่งและเผาถ่านจากแกลบอัดเพื่อจำหน่ายและใช้เป็นเชื้อ เพลิงสำหรับเครื่องกำเนิดไอน้ำของโรงกลั่นแอลกอฮอล์

    ๓ . งานพิเศษตามที่ได้รับมอบหมายให้ดูแล ได้แก่

    บ้านพลังแสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในการศึกษาทอลองเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากพลังแสงอาทิตย์ และระบบนำน้ำเสียกลับมาใช้รดน้ำต้นไม้ และเป็นน้ำหล่อเย็นในการผลิตเทียนของโรงหล่อเทียนหลวงของสวนจิตรลดา

    น้ำผลไม้พาสเจอร์ไรซ์ การผลิตน้ำผลไม้พาสเจอร์ไรซ์ได้เริ่มผลิตตั้ง แต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ โดยผลิตน้ำส้ม น้ำอ้อย น้ำกระเจี๊ยบ และน้ำขิงออกจำหน่าย และส่งเสริมให้เกษตรจัดตั้งกลุ่มดำเนินงานในรูปของสหกรณ์เกษตร โรงน้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง เริ่มโครงการเมื่อปลายเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งโรงงานขนาดเล็ก ต้นทุนการผลิต การตลาดที่จะผลิตผลไม้บรรจุกระป๋องเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนดื่มน้ำผลไม้มาก ขึ้น

    น้ำผลไม้บรรจุกระป๋องของโครงการมีหลายชนิด เช่น น้ำมะม่วง น้ำตะไคร้ น้ำเห็ดหลินจือผสมน้ำผึ้ง น้ำสับปะรด น้ำกาแฟ น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง เป็นต้น สาหร่ายเกลียวทอง ในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ งานวิจัยและพัฒนาโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ได้นำน้ำกากมูลหมักซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตแก๊สชีวภาพมาใช้เลี้ยง สาหร่ายเกลียวทอง และนำไปใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารปลา

    [​IMG]

    โรงกระดาษสา งานวิจัยและพัฒนาการปลูกและการผลิตกระดาษสาเพื่อสร้างอาชีพและรายได้แก่ กลุ่มราษฎรในชนบทและเป็นการอนุรักษ์กระดาษสาไว้ น้ำผึ้งสวนจิตรลดา โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ได้ส่งเสริมอาชีพเลี้ยงผึ้งโดยการรับซื้อน้ำผึ้ง ทำการบรรจุขวดและจัดหาตลาดจำหน่ายให้ ส่วนขี้ผึ้งนำมาผลิตเทียนสีผึ้ง

    ที่มา โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรดา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a32_1.jpg
      a32_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.5 KB
      เปิดดู:
      7,905
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2011
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,704
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ให้สัจจะต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดิน น้ำ ลม ไฟ ****

    ...ไม่โกรธ ไม่โมโห ไม่โทษใคร....
    แล้วรีบไป ภาวนาในใจ ไปเรื่อยๆ
    จะเกิดอะไร ก็เกิดไป ยึดมั่นในสัจจะของตนเอง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ทบทวนคำทำนายปี 2554 จากโหรภิญโญ พงศ์เจริญ
    (ทำนายเอาไว้เมื่อปลายปี 2553)

    [​IMG]


    โหร ภิญโญ เตือนจับตาต้นปี 4 ม.ค.5 เป็นต้นไป เค้าลางความวุ่นวายจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึงพฤษภาคม ปีนี้มีอุปราคาเกิดขึ้นถึง 6 ครั้ง ให้ระวังปัญหาไฟไหม้ครั้งใหญ่ การวางเพลิง การก่อกวน คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ภัยสงคราม โรคระบาดใหม่ และการสูญเสียบุคคลสำคัญในระดับสูง ดินฟ้าอากาศแปรปรวน แล้ง-ท่วม หนักกว่าปี 2553

    เกิดสุริยุปราคา 6 ครั้ง สูญเสียผู้นำศาสนา-อุบัติภัย

    อาจารย์ ภิญโญ พงศ์เจริญ ผู้บุกเบิกการทำนายชะตาด้วยโหราศาสตร์ไทยผนวกกับการเกิดอุปราคาในบอกว่าปี 2554 นี้จะเกิดปรากฏการณ์ อุปราคา ถึง 6 ครั้ง แต่ละครั้งจะส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับน้ำและไฟ ปัญหาอุบัติเหตุหมู่ โดยเฉพาะการเกิดอุปราคาในครั้งแรกวันที่ 4 ม.ค.54 จะเป็นการเกิดอุปราคาเป็น สุริยุปราคา จะเริ่มเห็นเค้าลางไม่ดี เช่นจะมีเหตุการณ์การเกิดการสูญเสียผู้นำในวงการศาสนา เกิดปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับนิกายต่างๆ เกิดพายุครั้งใหญ่ เกิดมีอุบัติเหตุครั้งสำคัญ มีอุบัติภัยทางทะเลและทางอากาศ บังเกิดความยุ่งยากจากต่างประเทศและมีปัญหาเกี่ยวกับดินแดนอาณาเขตที่มีแนว โน้มจะบานปลาย

    บ้านเมืองไม่สงบตั้งแต่ต้นปี
    ดวงชะตาบ้านเมืองในปี 2554 จะเกิดปัญหาบ้านเมืองไม่สงบ เกิดปัญหาการนัดหยุดงาน เกิดการประท้วง ตั้งแต่ต้นปี ไปจนถึงปลายเดือนเมษายน 2554 จากนั้นเมื่อดาวพฤหัสฯ ย้ายออก บ้านเมืองจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนพฤษภาคม แต่จะต้องจับตาว่าวงการการเมืองจะรัฐบาลจะสามารถ “กุมอำนาจ” ได้ต่อไปหรือไม่ เพราะหากหาทางออกที่ดีได้บ้านเมืองจะก้าวเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็กินเวลาเพียงแค่ 4 เดือนคือตั้งแต่เดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2554

    เกิดพายุหมุน
    เมื่อก้าวเข้าสู่เดือนตุลาคม 2554 รัฐบาลหรือผู้เกี่ยวข้องต้องเตรียมพร้อมเรื่องสาธารณภัยเพราะปีนี้จะเกิด ปัญหาภัยธรรมชาติครั้งใหญ่และจะมีความรุนแรงกว่าปีที่แล้วมาก โดยเฉพาะปัญหาการเกิดพายุหมุน พายุขนาดใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจะมีให้เห็นในปีนี้

    เกิดปัญหาน้ำท่วมทั่วประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมาถือว่าท่วมหนักกว่าปี 2553 และจะเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องมีการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับ เรื่องไฟและน้ำในโครงการต่างๆ และมีการจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้น จะกระทบกระเทือนการดำรงชีวิตของประชาชน

    โรคระบาดหนักปลายปี
    ผลจากปัญหาภัยธรรมชาตินี้จะเริ่มปรากฏชัดเจนตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมไปจนถึง ปลายปี ยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคทางปากและทางเท้า จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บระบาด มีเชื้อโรคใหม่เกิดขึ้น ประชาชนจะเจ็บป่วย มีโรคภัยไข้เจ็บแพร่หลายเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลและผู้นำระดับสูงจะออกมาแสดงบทบาทให้ความช่วยเหลือประชาชนไม่เช่นนั้น จะถูกชุมนุมกดดันประท้วงอย่างหนัก


    ระวัง มิ.ย. อุบัติภัยรุนแรง
    แม้ประเทศไทยจะตั้งอยู่บนรอยเลื่อนหลายแห่ง แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ดีทำให้เหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการ ดำเนินชีวิตมากนัก แต่คนที่อยู่ทางภาคเหนือ ภาคตะวันตกและภาคกลางบางส่วนต้องระวัง จะพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะจากการโคจรของดวงจันทร์ที่จะเกิดจุดจันทร์ดับในวันที่ 2 มิถุนายน เวลา 04.03 น.ถือเป็นสุริยุปราคา จะก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความเสียหายเกี่ยวกับแผ่นดิน การสูญเสียที่ดิน แผ่นดินไหว แผ่นดินทรุดและถล่ม อาคารตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างพังทลาย พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ดินแดนอาณาเขตมีปัญหา รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับน้ำ ใช้ในการอุปโภคบริโภค การเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตรที่ต้องแก้ไข

    เกิดโรคภัยระบาดมีคนล้มตายเพิ่มขึ้น บุคคลสำคัญของประเทศถึงแก่กรรม เกิดการฉกฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบเกิดขึ้นทั่วไป จนทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างชนชั้นมากขึ้น เกิดปัญหาว่างงาน การประท้วง นัดหยุดงานครั้งใหญ่ ธุรกิจและการงานประสบกับปัญหา เช่น การขาดทุน งานบริการที่เคยโดดเด่นกลับทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด

    ภัยทะเล-อากาศ
    ที่ต้องต้องระมัดระวังเป็นพิเศษสำหรับการเกิดอุปราคาครั้งนี้ คือจะมีอุบัติภัยทางทะเลและทางอากาศ อากาศยานตกได้รับความเสียหาย บังเกิดความยุ่งยากจากต่างประเทศแดนไกลและดินแดนอาณาเขต เนื่องจากเป็นจันทรุปราคาในเรือนศุภะ จึงควรดูแลสุขภาพอนามัยของผู้นำทางจิตวิญญาณและสตรีผู้สูงศักดิ์ให้ดี เพราะจะเจ็บป่วยหรือสูญเสีย นำความเศร้าโศกมาสู่ประชาชนได้

    สูญเสียบุคคลสำคัญการเงิน
    สุขภาพของประชาชนและโครงการเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชนถูกกระทบกระเทือน รัฐบาลอับโชค นายกรัฐมนตรี รัฐบุรุษ และผู้นำในระดับสูง รวมไปถึงผู้ปกครองที่ดำรงอำนาจอยู่จะเกิดอันตราย บุคคลที่มีชื่อเสียงจะป่วยหนักหรือถึงแก่กรรม การเงินของประเทศจะถูกกระทบกระเทือนได้รับความเสียหาย บังเกิดความล้มเหลวทางการเงินและการค้าครั้งใหญ่ อาจเกิดขึ้นส่งผลกระทบไปทั่ว ธนาคารและสถาบันทางการเงินตกอยู่ในฐานะคับขัน เกิดความผันแปรในทางภาษีอากร นายธนาคารหรือนักการเงินผู้มีอิทธิพลถึงแก่กรรม

    พฤศจิกายน ระวังน้ำท่วมใหญ่
    เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงเดือนตุลาคมจะมีเหตุการณ์น้ำท่วม จะหนักกว่าปี 2553 พอย่างสู่เดือนพฤศจิกายนเหตุการณ์น้ำท่วมจะยังคงมีอยู่และจะท่วมหนักกว่าเดิมเนื่องจากในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2554 เวลา 13.10 น จะเกิดสุริยุปราคาอีกครั้ง โดยบังเกิดขึ้นในราศีพิจิกรูปแมงป่อง เวลากลางวัน ราศีพิจิกเป็นราศีชั้น 2 ชนิดสถิตราศี มีผลคงอยู่ได้นาน จะส่งผลทำให้เกิดภัยพิบัติใหญ่โต เกิดโรคภัยระบาด มีคนล้มตายเพิ่มขึ้น บุคคลสำคัญของประเทศถึงแก่กรรม


    เจอสึนามิ
    อุปราคาเกิดขึ้นในราศีพิจิกซึ่งเป็นธาตุน้ำ ก่อเกิดปัญหาวาตภัยและอุทกภัยที่รุนแรง ในเดือนนี้ประเทศไทยอาจจะพบกับสึนามิ เกิดพายุหมุนและฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรง บางพื้นที่เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวน เกิดอุบัติภัยในแม่น้ำทะเลมหาสมุทร รัฐบาลประสบปัญหาอย่างรุนแรงขาดแคลนน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค ภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม อาชีพเกี่ยวกับน้ำ น้ำเมา ของเหลวมีปัญหา โรคภัยไข้เจ็บยังระบาดอย่างหนักทำให้คนตายเพิ่มขึ้นจากโรคภัยที่มาจากน้ำและ ของเหลว การค้าและเกษตรกรรมเสียหาย

    อาถรรพ์หมายเลข 8
    ที่สำคัญการเกิด อุปราคาในครั้งนี้เกิดขึ้นในภพที่ 8 ของดวงเมือง หมายถึง การตาย ดังนั้น เมื่อเกิดอุปราคาในภพที่ 8 จะบังเกิดความอับโชคแก่ผู้นำ ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และรัฐบาล ถ้าเป็นสุริยุปราคาจะส่งผลให้บุคคลสำคัญบางคนจะถึงแก่กรรมหรือไม่ก็เป็นผู้ อยู่ในราชตระกูล ชนชั้นสูง ถ้าเป็นจันทรุปราคาจะเกิดการตายในหมู่ชนสามัญหรือสตรีผู้มีชื่อเสียง สุขภาพของประชาชนของประเทศเสื่อมโทรม เกิดโรคระบาด ประชาชนเจ็บไข้ เกิดอาชญากรรมร้ายแรง เกิดความปั่นป่วนในวงการเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งมรดก กฎหมายมรดก ความสัมพันธ์ทางการเงินกับต่างประเทศ ความลับของรัฐบาลจะถูกเปิดเผย

    จับตาอุปราคาครั้งสุดท้าย ครั้งที่ 6 เกิดในวันที่ 1 ธันวาคม 2554 เวลา 21.38 น.จะส่งต่อการเกิดภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับดิน การสูญเสียที่ดิน แผ่นดินทรุด แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม การพังทลายของดิน อาคารตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างพังทลาย ดินแดนอาณาเขตมีปัญหา การค้าขาย การเกษตรกรรม พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและน้ำอุปโภคบริโภค น้ำที่ใช้ในการเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตรยังเป็นปัญหาหลักที่ต้องแก้ไข เกิดการฉกฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบเกิดขึ้นทั่วไป

    เกิดเหตุเศร้าโศก บันเทิงสะดุด
    แต่อุปราคาครั้งนี้มีดาวหนุนส่งการติดต่อค้าขายระหว่างถิ่น มีคนไปมาหาสู่มากมายมิได้ขาด เช่น เปิดโรงมหรสพ สถานเริงรมย์ บาร์ ไนต์คลับ โรงแรม สโมสร ภัตตาคาร คอฟฟี่ช็อป สถานบริการ อาบอบนวด ธุรกิจการบันเทิง โรงภาพยนตร์ ศิลปิน นักแสดง ตลาด ศูนย์การค้า เปิดกิจการนำเที่ยว


    แต่เมื่อเกิดอุปราคาขึ้นในฤกษ์นี้ งานบริการงานรื่นเริงบันเทิงใจที่เคยโดดเด่นกลับทรุดลง และเกิดปัญหาขาดทุน ทั้งในกิจการศูนย์การค้า ภัตตาคาร โรงแรม สถานบริการอาบอบนวด ภาพยนตร์ วิดีโอ ร้านเสริมสวย เครื่องสำอาง หยุดชงัก เกิดความความสูญเสียบุคคลในวงการบันเทิง ประชาชนจะลุ่มหลงในอบายมุขตามการโฆษณาชวนเชื่อ ทำเกิดให้เกิดปัญหาสังคมเกิดขึ้นตามมามากมาย

    โพสต์โดยคุณ มาแล้ว 23 Dec 2010 - 06:26 น.

    ที่มา http://www.payakorn.com/webboard_ans.php?q_id=35408


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 75082_20_7.jpg
      75082_20_7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.4 KB
      เปิดดู:
      4,028

แชร์หน้านี้

Loading...