โลกหลังความตาย-จักรวาล-บิ๊กแบง-เรื่องเล่าจากประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของนาย Mellen T. Benedict

ผู้มีปัญญา..ย่อมหาประโยชน์จากสิ่งต่างๆได้เสมอ




โมทนาด้วยเช่นกันครับ

..........................................

 

ขอบคุณมากครับ^^............

 

ขออนุโมทนาด้วยคนครับ พออ่านกระทู้นี้แล้วดีจัยมากๆๆ เป็นกำลังจัยหั้ยอีกเสียงคับ...

 

ผลงานแต่ละชิ้นนั้น กว่าจะสำเร็จได้ล้วนแต่ต้องใช้ความพยายามอย่างสูง

ขอบคุณงานดี ๆ ของคุณชยุตชิ้นนี้ด้วยครับ

พวกเราน่าจะมีกระทู้ของการฝันอย่างมีสติสักกระทู้นะครับ หรือมีแล้วแต่อยู่ห้องอื่นก็ไม่ทราบ
ผมเองก็อยู่ในกลุ่มคนที่ฝันแบบมีสติคนหนึ่งด้วยเหมือนกันครับ คุณแมมโบ้
แต่ประสบการณ์ไม่เท่าของคุณแมมโบ้
จุดวางจิตของผมจะอยู่ที่หน้าท้องพองยุบ และจะหลับไปพร้อมพองยุบสุดท้าย
จิตจะออกจากร่างไม่ทันทีที่หลับ แต่จะออกเองกำหนดเวลาออกไม่ได้ เพราะผมยังควบคุมไม่ได้
ตอนนี้ก็ห่าง ๆ ไปเหมือนกัน คิดอยู่ว่าจะกลับมาเริ่มอีกครั้งก็ยังไม่ได้เริ่มอีก

ผมเคยคิดจะฝึกให้เพื่อน ๆ ชาวเวปพลังจิตได้หัดทำกันดูเพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์เพราะได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ทำสักที แต่ถ้ามีคนเริ่มไว้ผมอาจแวบมาแจมก็เป็นได้

ขอบคุณกระทู้คุณชยุตครับ

 

กระทู้ความฝันที่ว่านี้มีมานานหลายปีแล้วหละครับ
จนเดี๋ยวนี้ กระทู้นั้นชักตกๆไปหลายสิบหน้าเวปแล้วครับ

แต่ก่อนพวกเราก็เป็นศิษย์ของท่านอาจารย์โนวา อนาลัย
และพี่นักเขียนกันหลายคน ฝึกฝันอย่างมีสติกันได้หลายคน
เช่น คุณ kindred, cosmiccell, mead, และท่านอื่นๆ

ใครที่คิดว่ารู้จัก และเข้าใจความฝันดีแล้ว ตามกรอบที่ศาสนา หรือปรัชญาสอนไว้
ลองคิดดูใหม่นะครับ เพราะความรู้นั้น มันอาจจะยังไม่ทันได้ข่วนถึงผิวของมันด้วยซ้ำไป
เพราะว่า...ในโลกนี้ และจักรวาลนี้ มันยังมีอะไรอีกเยอะที่เรายังไม่รู้...
ไม่มีความรู้ศาสตร์ไหนเลย..บนโลกมนุษย์..ที่ถึงที่สุดแล้ว..

...ลองเข้าไปค่อยๆสะกดรอยอ่านในกระทู้นี้ดูนะครับ...
และลองเปิดใจให้กับความรู้ใหม่ๆเหล่านี้ดูนะครับ
มันอาจจะเป็นอะไรที่..ไม่เหลวไหลอย่างที่เราคิดเอาไว้แต่แรกก็ได้

เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง-มิติ-ความฝัน-ชาติภพ-จิตวิญญาณ-โดย-@โนวา-อนาลัย@-[writer]

http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%9E-%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93-%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2-@%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B2-%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A2@-%5Bwriter%5D.86527/

...............................................

 

ชอบข้อความด้านบนนี้มากค่ะ
ขอขอบคุณ คุณชยุต ที่นำกระทู้ดีๆ เช่นนี้มาแบ่งปันกัน อ่านแล้วเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง โมทนาสาธุค่ะ _/l\_

 

เอ้อ.....ความสว่างเจิดจ้าที่ผู้เล่าประสบการณ์ไปพบหลังการตายชั่วคราวนั้น เป็นความสว่างกระจ่างแจ้งอันเดียวกับที่หลวงตามหาบัวท่านได้พบสัมผัสในช่วงขั้นต้นของการบำเพ็ญเพียร ตามรอยพระบาทเพื่อการหลุดพ้นบรรลุมรรคผลนิพพาน ท่านเทศนาให้สาธุชนฟังเสมอ ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้บำเพ็ญจิตภาวนาที่เอาจริงเอาจังตามแนวทางขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วจะได้เจอกับแสงสว่างนี้(ต้นธาตุของตนเอง)นี้อย่างไม่ต้องสงสัยsleeping_rbใกล้เห็นแสงสว่างแล้วครับ บทความคุณชยุตเสริมกำลังใจผมขึ้นมาอีกขั้นขอขอบคุณมากๆและอนุโมทนาด้วยครับ ทีช่วยให้มีคนปรารถนาพระนิพพานเพิ่มขึ้น

 

ขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับข้อมูลที่มีคุณค่าน่ะค่ะ ^^

 

ในโลกนี้ และจักรวาลนี้ มันยังมีอะไรอีกเยอะที่เรายังไม่รู้...
ไม่มีความรู้ศาสตร์ไหนเลย..บนโลกมนุษย์..ที่ถึงที่สุดแล้ว..

ชอบคำพูดของคุณChayutt จัง รู้สึกว่าศึกษาเท่าไหร่ก็ไม่เคยจบ*-*

 

ผมเพิ่งมาพบเวปพลังจิตแห่งนี้ ได้อ่านบทความคุณชยุตแล้ว ขอเป็นกำลังให้นะครับแปลภาษาได้สวยงามมากครับ ส่วนเรื่องความเชื่อผมว่าแล้วแต่คนนะครับ นานาจิตตังครับ ถ้าใครเชื่อสิ่งไหน ก็ปฎิบัติไปตามความเชื่อของตัวเองครับ ขอแค่อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะเราครับ..^^

 

ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ

แต่ว่า "ลายเซนต์" ของคุณ ไอ้คำว่า
"ต่ำต้อยเหลือเกิน" นี่..
มันเป็นเพียงความเชื่อเท่านั้นนะครับ

ถ้าคุณได้อ่านข้อความที่ผมแปลมา
ในกระทู้อื่นๆด้วยหนะนะครับ..มากขึ้นอีกสักหน่อย
ผมว่า "คุณต้องเปลี่ยนลายเซนต์แน่ๆเลย"

ผมค่อนข้างมั่นใจ..เพราะว่าแท้ที่จริงแล้ว
ไม่มีใครเลยในโลกนี้ ที่สูงส่งไปกว่าใคร
หรือต่ำต้อยไปกว่าใคร..เพราะว่า..
ต้นกำเนิดของ "จิตวิญญาณเดิมแท้" ของทุกๆคน
มาจากแหล่งเดียวกัน และมีความประภัสสรเสมอเหมือนกันหมดครับ

ลองพิจารณาดูคำพูดนี้ก่อนนะครับ
ว่ามันเป็นความเชื่อ หรือว่า น่าจะมีเค้าความจริงอยู่บ้าง

ยินดีต้อนรับสู่เวปพลังจิต และห้องวิทยาศาสตร์ทางจิตนะครับ

ปล.อันนี้ก็น่าอ่านนะครับ

แอนิต้า - ผู้มีประสบการณ์ตายแล้วฟื้น และหายป่วยจากมะเร็งระยะสุดท้ายเพียงแค่ข้ามวัน

http://palungjit.org/threads/แอนิต้...วยจากมะเร็งระยะสุดท้ายเพียงแค่ข้ามวัน.265002/

...................................................................

 

เห็นด้วยกับความคิดของคุณ
ให้กำลังใจคุณ Chayutt ในการแปลอีกครั้ง

 

ขอบคุณสำหรับคำตอบ....ที่ตอกย้ำความเชื่อของตนเองมากขึ้น....
เมื่อก่อนรู้สึกว่า....ทำไม...เราจึงมีคำถามที่ไม่มีคำตอบ....สับสนกับชีวิตมากมาย....เคร่งเครียดกับชีวิต....ที่สับสน..วุ่นวาย...หาคำตอบให้กับคำถามไม่ได้
แต่เมื่อวันที่ตัวเองตื่น...ตัวเองรู้คำตอบแล้ว...กลับมีคำตอบที่สนับสนุนความรู้ของเราเพิ่มมากขึ้น...มากขึ้น....และเป็นคำตอบเดิมๆ...ยืนยันความเชื่อที่เกิดจากการรู้ของตัวตนมากยิ่งขึ้น....แปลกจริงๆ....(เหมือนอยู่ในทะเลทรายแล้วมีน้ำทิพย์มาชโลมจิตใจ...ช่างชุ่มชื่นแท้...)
ที่สำคัญ....มันทำให้เรายิ่งสงบ....มีความสุขในจิตใจลึกๆ...เข้าใจ....และปล่อยว่างได้มากขึ้น
ขอบคุณอีกครั้ง....ด้วยใจจริง
รักคุณ Chayutt จริงๆ(kiss)(f):z4;41_heart+love_

 

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ

 

อยากรู้ว่าหลังจากตายแล้วนายMellen ไปพบเห็นอะไรมาบ้าง จึงตั้งใจอ่านอย่างดี อ่านจบแล้วก็มีความรู้สึกว่า (ความรู้สึก-ย้ำ) นาย Mellen แต่งนิยายวิทยาศาสตร์ทางจิตฉบับย่อ โดยอาศัยความตายเป็นพ็อตเรื่อง คือเขาอ่านหนังสือที่มีความรู้แบบที่คุณชยุตแปลมาให้อ่านนี่แหละ อ่านเสียมากมาย มีความรู้ความจำในเรื่องเหล่านี้มาก จึงเกิดแรงบันดาลใจ อยากเอาความเข้าใจของเขามาแชร์ ก็เลยพ็อตเรื่อง "ชีวิตหลังความตาย" ขึ้นมาให้เราอ่าน แต่อย่างว่า มันเป็นนิสัย หรือวัฒนธรรมของฝรั่ง เมื่อแต่งเรื่องอะไรก็อยากให้สมจริงสมจัง แต่ผมอ่านแล้วไม่รู้สึกสมจริงไปด้วย

ไม่ได้ค้านอะไรกับใครนะครับ แค่แบ่งปันความรู้สึกส่วนตัวจากการอ่านให้รับรู้กัน ประกอบความคิดเห็นเพื่อพัฒนาจิตของกันและกัน

เป็นกำลังใจให้ผู้แปลเสมอครับ

 

พระลามะ กับพระไทย พบกัน พระลามะยกมือไหว้ก่อน พระไทยพยักหน้ายิ้มรับ ไม่ไหว้ตอบ เพราะพระไทยถือว่าตัวเองมีศีลมากกว่า พระลามะเป็นครึ่งพระครึ่งโยม พระไทยกลัวศีลขาด แต่ลืมไปว่าอัตตาตัวตนของตนเองโตคับจักรวาล
นั่นคือมีศีล แต่ไร้ธรรม เมื่อพระไทยไปเผยแพร่พุทธศาสนายังต่างแดน นั่นหมายถึงไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทย ไปเป็นกำลังใจให้คนไทยในต่างแดนให้ได้ทำบุญกะับพระไทย มีพระสวดมนต์และทำพิธีกรรมให้ในวันสำคัญ

แต่พระลามะไปสอนการฝึกจิต (ประกอบพิธีกรรมบางส่วน) สามารถแสดงความสามารถทางจิตให้ฝรั่งสัมผัสได้ พวกฝรั่งก็เลยนับถือพระธิเบตมากกว่าพระไทย

แต่ฝรั่งเขาก็นับรวมเป็นพุทธศาสนาเช่นกัน เขานับถือเซ็น เขาก็ถือว่าเขานับถือพุทธเช่นกัน แต่คนไทยเราจะมีความแปลกแยกมาก แม้พุทธศาสนาในประเทศเดียวกันก็ยังแบ่งแยกเป็นเขาเป็นเรา เป็นธรรมยุต มหานิกาย เป็นธรรมกาย เป็นสันติอโศก เป็นสายนั้นสายนี้...เอาเข้าไป !

ตัวผมเองก็แบ่งเช่นกัน แบบไหนมากเรื่อง มากประเพณีนิยม ผมทิ้งหมด เอาแต่แก่นแท้ที่มีคุณค่าแก่การพัฒนาจิตใจ ผมนึกถึงตอนพระพุทธเจ้าทิ้งสมบัติออกบวชโน่น นึกถึงพวกผู้รากมากดีได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วออกบวชตามในยุคแรก ๆ ที่ยังไม่มีกฏเกณฑ์อะไรออกมาโน่น

ผมชอบท่าน Kryon สอนธรรม ที่ท่านบอกว่า "แล้วทำไมไม่นั่งลงแล้วทำมันเสียเลยล่ะ" ได้ใจจริง ๆ

 

ผมก็ว่าเนื้อหาดูเวอร์เกินจริงไปนั่นแหละ คงจะมีน้ำครึ่งๆแหละ
ผมว่าเวลาคนเราตายลง ชีวิตจะเิร่มเข้าสู่โปรแกรมย่อยสลายร่าง
แล้วตอนนี้ละท่านจะเริ่มเห็นนู่นเห็นนี่จนเพ้อไปต่างๆนาๆ
อาจเหมือนกับความฝันนั่นแหละครับ แต่ต่างกันตรงที่การจัดระเบียบโปรแกรม
ฝันจะเห็นภาพและเนื้อเรื่องได้ชัดกว่า สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับบุญกรรมแต่งจริงๆนั่นแหละ
ในภพชาติใหม่จะมีได้ต้องทำชาตินี้ให้ดี เพื่อจะได้ไม่ไปขัดกับเจ้ากรรมายเวรเขา

ส่วนเรื่อง GOD ที่ว่าฉันไม่แคร์ แสดงว่าไม่มีใครใหญ่กว่าตัวเองอีกแล้ว
รอการตัดสินอย่างเดียวเลยสินะ จะได้ขึ้นสวรรค์รึลงนรกก็ขึ้นอยุ่กับการกระทำในภพชาตินี้ล้วนๆ

 

มีคำแนะนำนิดหนึ่งนะครับ สำหรับท่านผู้อ่านกระทู้ของผมทั้งหลาย
คือ..

ไม่ว่าพวกท่านจะเคยรู้ หรือเคยได้ฟังมา หรือเคยถูกสอนมา หรือเคยเข้าใจมา
เกี่ยวกับคำว่า "พระเจ้า" หรือ GOD นี้ ว่าอย่างไรก็ตาม

ผมแนะนำว่า ให้ท่านกวาดสายตาไปรอบๆห้องที่ท่านกำลังนั่งอ่านอยู่นี้
แล้วหากท่านเจอ "ถังขยะ" ตรงไหน..ก็จงเอาความรู้เดิมอันนั้น
โยนทิ้งลงไปในถึงขยะอันนั้นได้เลยนะครับ..

หรือทิ้่งลงไปในชักโครก แล้วกดน้ำตามไปเลยก็ยิ่งดีครับ 555

เพราะว่ามันไม่ใช่เลย..มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
มันไม่ใช่ในแบบที่ศาสนาคริสต์ หรือ อิสลาม สอนไว้เลย
และแน่นอนครับ..ว่า มันไม่ใช่ในแบบที่ศาสนาพุทธกระแนะกระแหนไว้เลยด้วย

มันเป็นอีกแบบหนึ่ง..ผมไม่รู้จะอธิบายว่าไงดีนะครับ
เอาเป็นว่า ผมแนะนำให้ท่านไปอ่านกระทู้ข้างล่างนี้นะครับ
ค้นหาคำว่า "ซูเปอร์โฮโลแกรม" ดู..ประมาณนั้นแหละคือ GOD หละ

"จักรวาลแห่งภาพโฮโลแกรม-โลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้-มันมีอยู่จริงหรือเปล่า"

http://palungjit.org/threads/จักรวา...ตุทางกายภาพนี้-มันมีอยู่จริงหรือเปล่า.333467/

และมีอีกหลายกระทู้ที่มีคำอธิบายเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่
เช่นกระทู้ข้างล่างนี้เป็นต้น..

"ข้อความจากต่างมิติ-การกลับมาของเส้นขอบฟ้าแห่งนกพิราบขาว-และการจุดชนวนเอกภพ"

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...บฟ้าแห่งนกพิราบขาว-และการจุดชนวนเอกภพ.333184/

...

ผู้ที่เป็นที่สุด และเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง (the Supreme Gestalt)
ที่พวกคุณเรียกกันว่าพระเจ้านั่นเอง

การให้คำจำกัดความแบบนี้ของคำว่าพระเจ้า
อาจจะทำให้พวกคุณบางคนไม่เข้าใจได้
แต่อย่างไรก็ตาม พวกคุณก็ไม่ควรที่จะพยายามไปสร้างตัวตนให้กับพลังงานที่เป็น

“ทุกสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่” หรือ All That Is นี้


เพราะว่า “พระเจ้า” (GOD)
คือพลังงานอย่างหนึ่งที่มีพลังอำนาจไร้ขีดจำกัด
พระเจ้าคือผลรวมของจิตสำนึกทุกๆจิตสำนึกรวมกัน
และพระเจ้าคือสิ่งที่เป็นซะยิ่งกว่าผลรวมของชิ้นส่วนทั้งหมด
ทุกๆชิ้นส่วนของตัวมันเองมากมายนัก...


...

พลังงานที่พวกคุณเรียกกันว่า “พระเจ้า” (GOD) นั้น
มันคือ “ทุกอย่างที่มีอยู่เป็นอยู่” (All That Is)
และก็คือ “ทุกอย่างที่เคยมีอยู่เป็นอยู่” (All That Was)
และก็คือ “ทุกอย่างที่จะมีอยู่เป็นอยู่” (All That Will Be) อีกด้วย

พลังงานนี้มันมีความตระหนักรู้อย่างรุนแรง ถึงนกทุกตัวที่กำลังร่วงหล่นลงมา
และถึงดอกไม้ทุกดอกที่กำลังบานอยู่ในสวนที่เขียวขจี และถึงท้องทะเลทรายอันแห้งแล้งด้วย
ดังนั้น อย่าไปสงสัยความจริงข้อนี้เลย เพราะว่าพระผู้สร้าง และ พระเจ้า รู้จักชื่อพวกคุณทุกๆคน

พวกคุณคือรูปธรรมชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอำนาจและเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ
และคือประกายหนึ่งของ “ทุกสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่” (All That Is) ที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและสลับซับซ้อน

...
...................................

 

นาย Mellen จิตตัวรู้ออกจากกายหยาบแบบค่อนข้างมีสติ มีแต่ตัวรู้ล้วนๆ ยังไม่มีกายทิพย์ ไปเจอรูหนอนแห่งกาลเวลา ไปเห็น ห้วงอวกาศ ไปเจอที่ว่างๆ โล่งๆ สายใยแห่งชีวิตยังไม่ขาดเพราะกลับมาร่างเดิม เพราะคิดว่ายังไม่อยากตาย แล้วก็มาเล่าเรื่องต่างๆที่ไปเห็นมาแบบค่อนข้างปรุงแต่ง

เชื่อว่าสมาชิกหลายคนเคยมีประสบการณ์แบบนี้ ธรรมดาไปไหม

 

ผมเชื่อนะคับ ว่าเรื่องทั้งหมดเปนแนวนี้จิงๆ

เพราะถ้าผมจำไม่ผิดตอนผมเด็ก ผมจำได้ลางๆนะคับ

ว่าโลกนี้เปนเหมือนความฝันของผม และอีกโลกนึงของผมมันคือในอวกาศหรืออะไร

ซักอย่าง นี้มันตั้งแต่เดกแล้วนะคับ ประมาณ 1ขวบ หรือเด็กกว่านั้นผมจำไม่ได้


เหมือนโลกนี้มันไม่ใช่โลกจิงๆ