เราไปอยู่กันเสียที่ไหนจึงไม่ได้ยิน

อาณาเขต เป็นเขตที่กำหนดด้วยแสนโกฎิ<WBR></WBR> จักรวาล เพราะอำนาจแห่งพระปริตทั้งห<WBR></WBR>ลาย มี ขันธปริต อาฎานาฎิยปริต ธชัคคปริต โมรปริต รัตนสูตร เหล่านี้เป็นต้น
เมื่อสาธยายแล้วมีอานุภาพแผ<WBR></WBR>่ขยายกว้างไปได้ถึงแสนโกฎิจ<WBR></WBR>ักรวาล

ท่านเคยสงสัยตัวเองไหมว่า พระสุรเสียงของพระพุทธองค์แผ่กว้างไกลไปถึงแสนโกฏิจักรวาล ในขณะนั้นเราไปอยู่เสียที่ไหนเราทำอะไรอยู่ หรืออยู่เกินแสนโกฎจักรวาล หรือได้ยินแต่เฉยเมย จึงไม่ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ จึงไม่ได้บรรลุธรรมกับเขาบ้างยังจะต้องมานั่งทนทุกข์อยู่ร่ำไปอยู่อีก แล้วเราไปอยู่กันเสียที่ไหน<WBR></WBR>จึงไม่ได้ยิน

แม้แต่จักรวาลยังยอมรับ ยอมสั่นสะเทือน ด้วยอำนาจของพระพุทธองค์
<ABBR class="timestamp livetimestamp" title="4 กรกฎาคม 2012 เวลา 13:09 น." data-utime="1341382158">ชาติเขต กำหนดด้วย 10,000 จักรวาล </ABBR>
<ABBR class="timestamp livetimestamp" title="4 กรกฎาคม 2012 เวลา 13:09 น." data-utime="1341382158">เพราะว่าเมื่อพระโพธิสัตว์ปฏิสนธิในครรภ์พระมารดา เวลาประสูติ เวลาตรัสรู้และเวลาปรินิพพาน </ABBR>
<ABBR class="timestamp livetimestamp" title="4 กรกฎาคม 2012 เวลา 13:09 น." data-utime="1341382158">ทั่วทั้งหมื่นจักรวาลจะไหวหวั่นสั่นสะเทือนไป</ABBR>
<ABBR class="timestamp livetimestamp" title="4 กรกฎาคม 2012 เวลา 13:09 น." data-utime="1341382158"></ABBR>
<ABBR class="timestamp livetimestamp" title="4 กรกฎาคม 2012 เวลา 13:09 น." data-utime="1341382158">เราหลับอยู่หรือ แล้วหลับไหลอะไรจะนานขนาดนั้น จนไม่ได้ยินอะไรแม้แผ่นจักรวาลสั่นสะเทือน หรือมัวเมาอะไรอยู่ </ABBR>
<ABBR class="timestamp livetimestamp" title="4 กรกฎาคม 2012 เวลา 13:09 น." data-utime="1341382158">แล้วชาตินี้จะไหวกับเขาไหมเนี้ย เงียบเชียบเหลือเกิน</ABBR>

 

เคยตอนนี้ก็ยังคงคิดอยู่ค่ะ ทำไม ไปทำอะไร โง่อยู่ได้ หรือว่าเพิ่งจะมีชีวิตหลังเขา เพิ่งจะเข้ามาในวัฏสงสารหลังเขา ถ้าเขามาพร้อมกัน แล้วไปโง่อยู่ที่ไหนจึงยังต้อง ดีใจค่ะ ที่มีคนคิดแบบนี้เหมือนกัน

 

คนเราถ้าหลงมัวเมาในกิเลสตัณหา ตาจะมืดมัวหูบอดเป็นใบ้ หรือเปล่าน้า.

 

คงตกอยู่ในสภาพของปุถุชนที่เรียกว่ากิเลสหนานั่นเอง
แต่ว่ามันคงจะหนาแน่นเกินกว่า ๑๐.๐๐๐ จักรวาล
ทีไม่มีความรู้สึกถึงควาสั่นสะเทือนของจักรวาลได้เลย

 

เป็นหนอนชอนไชในกองขี้จะได้ยินอะไรละก็ขี้มันท่วมหัวเลยปิดหูปิดตามัวแต่หลงระเริงในของมูตรคูตนี่ละเลยไม่ได้ยิน ครั้นออกมาจากกองขี้ได้ก็ยังเป็นแมลงวันอยู่ก้เลยยังไม่ไปไหนยังบินวนไปวนมาเพราะยังเสียดายและอาลัยในกองขี้ มันช่างตรึงตาตรึงใจ
หมายเหตุผมว่าตัวผมเองเด้อ

 

55555 เป็นหนอนก็มีความพอใจในความเป็นหนอน เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ความพอใจในชาติภพของตน


คาดว่า เราก็เหมือนกัน
ในอดีตคงน่าอนาถอยู่ที่ไหนซักแห่งหนึ่ง ถึงได้ตกค้างอยู่ขณะนี้

อดีตไม่สำคัญ ปัจจุบันสร้างปัจจัยเข้าไป

 

สงสัยจะจริงดังที่ท่านว่ามา 5555 ก็เลยตกค้างมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ไม่เป็นไร เรายังมีโอกาส ตอนนี้เราได้เกิดมาเป็นคนแล้ว ก็รีบปฏิบัติเสีย อย่าให้เสียชาติเกิดเหมือนที่แล้วมาหล่ะ สาธุ

 

ไม่ใช่ ไม่ได้ยิน หรอกนะครับท่าน แต่ช่วงนั้น เวลานั้น เราอาจจะอยู่ในนรก เราอาจเป็นเปรต เป็นอสูรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ต้องทนทุกข์ทรมาน จนไม่สามารถสดับรับฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธองค์ได้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านจึงได้สั่งสอนลูกหลานของท่าน ให้ทำบุญสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน ชำระหนี้สงฆ์ เพราะอย่างเลวตายแล้วให้ไปพักอยู่ที่สวรรค์ ชั้นใดก็ได้ เมื่อใดพระโพธิสัตว์มาโปรด หรือพระศรีอาริยเมตตรัย มาโปรด ก็สามารถสดับรับฟังพระธรรมเทศนาได้

 

ผมลองสันนิษฐานดูที่จะเป็นไปได้ตามหลักธรรม ตามคำสอน
เราอาจจะไปเกิดอยู่ในที่ใดที่หนึ่ง คือ
๑. อบายภูมิ ๔
๒. อรูปภูมิ ๔
๓. อสัญญสัตตภูมิ ๑
๔. เกินอาณาเขต หมายถึง ไปเกิดไกลเกินกว่าแสนโกฏิจักวาล

 

รับรู้ไม่ได้แต่แบบเป็นแสงแว๊ปนึงขณะพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น
พวกโลกันตนรกขอบจักรวาล เห็นแสงแว๊ปนึง มีโอกาสแค่นี้เท่านั้น หมดโอกาสฟังธรรม

ส่วนพระอริยะที่อยู่ในอรูปภูมิ4 จะรับรู้ได้ ว่ามีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ได้แค่รู้ ไม่สามารถฟังธรรมได้ เพราะไม่มีรูป ก็ไม่มีปสาทรูป รับอารมณ์ทางทวารไม่ได้

ส่วนอรูปภูมิ4 พวกที่เป็นปุถุชนอยู่ ก็หมดโอกาสรู้อะไรทั้งสิ้น แสงแว๊ปขึ้นมาก็ไม่รู้

 

เสียงของพระพุทธเจ้ายังมีอานุภาพขนาดนั้น

แม้แต่ การสาธยายคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นประจำ
ก็ยังมีอานุภาพมากแผ่ไปได้อนันตจักรวาล

ดั่งคำหลวงปู่มั่น ที่กล่าวว่า

การสาธายคำสอน หรือที่เรียกว่า สวดมนต์
แม้สวดในใจ อานุภาพแผ่ไปได้หมื่นจักรวาล
สวดออกเสียงพอได้ยิน อานุภาพแผ่ไปได้แสนจักรวาล
สวดออกเสียงเป็นวัตรเช้าเย็น อานุภาพแผ่ไปได้แสนโกฎิจักรวาล
สวดออกเสียงแบบสุดกู่ อานุภาพ แผ่ไปได้อนันตจักรวาล

เรื่องง่ายๆ ที่ไม่ควรทอดธุระ

 

สั้นๆ ผมเกิดไม่ทันครับ พระองค์ตายไปก่อนผมเกิดตั้งหลายปี เลยไม่ได้ยินเสียงอ่ะ

 

อาจได้ยินแต่บุญไม่ถึง หรือวาสนาบารมีไม่พอหรือไม่พร้อมก้อาจเป็นได้ บางคนได้ยินอาจไม่สนใจ เหมือนในปัจจุบันธรรมะของพระพุทธองค์ยังครบถ้วนสมบูรณ์แต่ก็หาได้น้อยคนที่จะประพฤติปฏิบัติตาม คนไม่สนใจในธรรมยังมีอีกมาก

 

ในภัทรกัปป์นี้มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นถึง ๕ พระองค์ ซึ่งมากกว่าในกัปป์อื่นๆ
แล้วก็ผ่านไปแล้ว ๔ พระองค์ อันมี ๑. พระกกุสันธะ ๒. พระโกนาคมนะ ๓. พระกัสสปะ
พระพุทธเจ้าทั้ง ๓ นั้นผ่านไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย เปรียบเหมือนขบวนรถที่มาขนสัตว์โลกออกจากวัฏฏะ
แต่เราก็ไม่ยอมขึ้นโดยสารขบวนรถทั้ง ๓ ไปพลัดไว้รอขบวนต่อไปอีก
และแล้วก็มาถึงขบวนรถขนสัตว์โลกจากวัฏฏะ คือ พระโคตมะพุทธเจ้า เป็นขบวนที่ ๔ และก็ผ่านไปแล้ว
แต่ยังมีร่องรอยเหลืออยู่ แต่ต้องเดินตามเอาเอง ถ้าร่องรอยพระบาทถูกกระแสลมแสงแดดลบรอยเสียแล้ว
ท่านต้องระหกระเหิรอย่างไร้ทิศทางและก็ต้องตัวใครตัวมัน

หรือจะรออีกพระองค์หนึ่งที่จะมาอุบัติขึ้นหลังจากนี้อีกก็ต้องรออีกนานมาก คือพระศรีอริยะเมตตรัย เป็นขบวนที่ ๕
และก็ไม่แน่ว่าเราจะพบท่านหรือเปล่าอาจจะไปเกิดเสียที่อื่นอีก หรือพบแล้วก็ไม่ยอมที่จะโดยสารไปกับขบวนของท่านก็ได้
เพราะเราผ่านมาแล้ว ๔ ขบวนก็ยังทำกระบิดกระบวนโอ่เอ่อยู่เลย

มาคุยกันเฉยๆ เพื่อเตือนใจตัวเองครับ

 

ขอความกรุณาจากท่านนะครับ
อยากเห็นรูปขนาดพออ่านได้มีตรงไหนไหมครับ
เพราะเอาเข้าจริงๆ เขาเรียกกันว่าเจดีย์ เจตีย์ หรือเจตนาดี

ขอท่านเจริญในธรรมครับ

 

ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต
แม้หากว่าผู้ใดจับจีวรของเราอยู่แต่มิได้สนใจในพระธรรมคำสั่งสอนของเราไม่ได้ถือเอาพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นที่ตั้ง ผู้นั้นเป็นผู้ได้ชื่อว่าไม่เห็นเราตถาคต
ผู้ใด้ประฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของเราตถาคตแม้ว่าเราตถาคตจะปรินิพพานไปแล้วก็ตาม
ผู้นั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้เห็นเราตถาคต

 

​

 

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเขตไว้ ๓ อย่าง คือ ชาติเขต อาณาเขต และวิสัยเขต

บรรดาเขตเหล่านั้น หมื่นโลกธาตุชื่อว่า ชาติเขต ก็หมื่นโลกธาตุนั้นย่อมหวั่นไหว ในเวลาที่พระตถาคตเสด็จลงสู่พระครรภ์ของพระมารดา ย่อมหวั่นไหวในเวลาที่ทรง<WBR>ออก<WBR>มหา<WBR>ภิ<WBR>เนษ<WBR>กรมณ์ คือการออกบวชย่อมหวั่นไหว ในเวลาที่ทรงตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในเวลาทรงยังธรรมจักรให้เป็นไป ในเวลาทรงปลงอายุสังขาร และในเวลาเสด็จดับขันธปรินิพพาน การที่หมื่นโลกธาตุหวั่นไหวในเวลาดังกล่าวนี้ จัดเป็นชาติเขต

ส่วน อาณาเขตนั้น กำหนดด้วยอำนาจของพระปริตรที่สามารถจะแผ่ไปตลอด<WBR>แสน<WBR>โกฏิ<WBR>จักร<WBR>วาล อาทิเช่น อำนาจของอาฏานาฏิยปริตร โมรปริตร ธชัคคปริตร และรัตนปริตร เป็นต้น อำนาจของพระปริตรเหล่านี้สามารถแผ่ไปได้ถึงแสนโกฏิจักรวาล นี้จัดเป็นอาณาเขต

ส่วน วิสัยเขตของพระพุทธเจ้านั้นไม่มีกำหนด กล่าวคือ พระญาณของพระพุทธเจ้าไม่มีกำหนด พระองค์พึงน้อมพระทัยไปเท่าใด พระญาณก็เป็นไปเท่านั้น ธรรมะที่พระองค์พึงน้อมไปมีสุดด้วยพระญาณ แม้พระญาณก็มีที่สุดด้วยพระธรรมที่ทรงน้อมไป
หมายความว่า พระองค์ทรงประสงค์จะรู้ได้ทุกสิ่งโดยไม่มีติดขัด หากทรงน้อมพระทัยไปเพื่อรู้แล้ว ที่จะไม่รู้หามีไม่ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อพระองค์ทรงแสดงธรรม บุคคลที่อยู่แม้ปากขอบจักรวาลก็สามารถได้ยินได้ และผู้ที่ฟังธรรมอยู่ก็รู้สึกเหมือนพระองค์ทรงแสดง<WBR>ธรรม<WBR>กับตนเพียงผู้เดียว นี่เป็นความอัศจรรย์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งจะหาจากผู้ใดมิได้

http://84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=26

 

ภูมิเนวสัญญายตนภูมิ พอจะกล่าวได้ดังนี้
เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ ภูมิเป็นที่อยู่แห่งพรหมผู้เป็นติเหตุกปุถุชน และพระอริยะบุคคล ๗ (เว้นโสดาปัตติมรรค)
ผู้เกิดจากฌานที่อาศัยความประณีตเป็นอย่างยิ่ง มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ อรูปพรหม อายุ ๘๔,๐๐๐ มหากัป

บุพกรรม โยคีฤาษีผู้ได้อากิญจัญญายตนฌาน และสำเร็จเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
ผู้ที่เป็นติเหตุกปุถุชนั้นเมื่อเกิดอยู่ในภูมินี้ไม่สามารถที่จะบรรลุเป็นพระอริยะบุคคลได้เลย เพราะมีแต่ จิต ไม่มี รูป
จึงไม่มีหูที่จะรับฟังธรรมคำสั่งสอนได้ ดังเช่น พรหมผู้เคยเป็นอาจารย์ของพระพุทธเจ้ามาก่อน คือ อุทกดาบส ผู้ที่เกิดอยู่ในภูมินี้


ส่วนพระอริยะบุคคล ๗ ประเภทนั้นสามารถบรรลุธรรมชั้นสูงได้จนถึงปรินิพพานในที่ได้นั้นเลย
พระอริยะบุคคลนั้นถึงจะไม่มีหูฟังธรรมก็จริงแต่สามารถน้อมเอาธรรมที่เป็นวิปัสสนาที่ตนเคยได้มาในอดีตมาเป็นอารมณ์ได้
ก็ย่อมสำเร็จพระอริยะบุคคลชั้นสูงได้

ผู้ที่จะไปเกิดในภูมิเนวสัญญายตน มี มนุษย์ ๑ เทวดา ๖ รูปพรหม ๙
(เว้น เวหัปผลา ๑ อสัญสัตตา ๑ สุทธาวาสภูมิ ๕ อบายภูมิ ๔ ที่จะไม่ไปเกิด )

เนวสัญญายตนภูมิ มีบุคคที่เกิดอยู่ ๘ ประเภท ติเหตุกปุถุชน ๑ พระอริยะบุคคล ๗ (เว้นพระโสดาปัตติมรรค)
ถ้าเป็นติเหตุกปุถุชนเจริญฌานเนวสัญญายตนฌานและพอใจฌานเนวสัญญายตนฌานนี้
เมื่อจุติย่อมมาปฏิสนธิในภูมิเนวสัญญายตนภูมิ และถ้าตายในภูมินี้ก็จะไม่ไปเกิดที่ไหนอีกจะเกิดซ้ำภูมิอีกอยู่อย่างนั้นเพราะเขาพอใจในภูมินี้
และก็จะอยู่ในภูมิ้ไปตลอด ๘๔.๐๐๐ มหากัป ถ้าหมดอายุและเกิดความเบื่อหน่ายเห็นว่าอายุมันนานเกินไปในภูมินี้
เมื่อเป็นเช่นบุคคลผู้นี้เมื่อหมดอายุจะต้องมาเกิด ในมนุษย์ ๑ และเทวดา ๖ ชั้น ที่เรียกว่าเทวดาตกสวรรค์
แล้วจึงจะมาเริ่มต้นเจริญวิปัสสนากรรมฐานใหม่อีกจึงจะสำเร็จเป็นพระอริยะบุคคลได้

 

กราบขอบพระคุณครับ

ผมหาอณาเขตคือสังเขต
และไม่มีอณาเขตคืออสังเขต
และปัจจัยภายในอยู่ว่าทำไมสมมุติกันอย่างนั้น

กราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ
ทำไมพุทธองค์เองนิพพานบนมัชฌิมาไม่เข้าเนวสัญญา
เรื่องนี้คงต้องรู้แจ้งแทงตลอดก่อนหรือไม่ครับ
สนุกตรงไหนไม่มีสัญญาแปดหมื่นสี่พันปี
ผมว่าคงไม่อร่อยเหมือนกันครับ

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วครับ