ถาม-ตอบ ...การแยกจิตออกจากกาย

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย telwada, 28 สิงหาคม 2012.

  1. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    เป็นคำถามที่ดีมากเลยขอรับ ถึงแม้ว่าจะเป็นคำแหน๊บแหนมไปด้วยในตัว อย่าหาว่าข้าพเจ้าดูหมิ่นดูถูกคุณเลยนะขอรับ ทำไมคุณไม่อ่านกระทู้ที่ข้าพเจ้าตอบทุกกระทู้ อ่อ..เขาย้ายไปแล้วนะ ไม่เป็นไรข้าพเจ้าจะอธิบายให้ได้เข้าใจใหม่ ข้าพเจ้าจึงได้คัดลอกคำถามที่มีผู้ถามมา และข้าพเจ้าได้ตอบใด้คุณลองอ่านดู จะเข้าใจหรือไม่ขึ้นอยู่กับสมองสติปัญญาของคุณ


    Telwada เขียน..."ในทางพุทธศาสนา จิตกับใจ คือ สิ่งสิ่งเดียวกัน"

    มีคำถาม.....ถามว่า....ถ้าจิตกับใจ เป็นสิ่งเดียวกัน
    แต่ใจรับธรรมารมณ์ได้แค่อย่างเดียว แล้ว รูป เสียง กลิ่น รส โผฏญัพพะ อะไรรับรู้???

    ตอบ.....
    คำถามนี้ หากจะตอบ ก็สามารถตอบได้ในสองแนวทาง และทั้งสองแนวทาง ก็สามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เพราะ ถ้าหากจะกล่าวถึง เรื่องของ “จิต” คือ ธรรมชาติแห่งการรับรู้อารมณ์แล้ว จิตในที่นี้จะหมายถึง นิวเคลียส(อะตอม) หลายๆนิวเคลียส(อะตอม)รวมกันเป็นเซลล์ ,เซลล์ต่างๆหลายเซลล์รวมกันเป็นเนื้อเยื่อ และเนื้อเยื่อรวมกันเป็นอวัยวะต่างๆ และอวัยวะต่างๆรวมกันเป็นระบบการทำงานของร่างกาย เมื่อนิวเคลียส หรือจิตหรือเซลล์รวมกันเป็นอวัยวะ จิตและใจก็คือสิ่งสิ่งเดียวกัน
    การที่บุคคลสามารถ รับรู้ หรือสามารถสัมผัสทางอายตนะทั้งหลายได้ นั้น ก็ย่อมเกิดจากระบบการทำงานของร่างกายทุกส่วน มิใช่ จิตเพียงจิตเดียว หรือจิตดวงเดียว หรือ ไม่ใช่นิวเคลียสเพียงนิวเคลียสเดียวหรือเซลล์เพียงเซลล์เดียว
    ถ้าพวกท่านทั้งหลายอ่านแล้วยังไม่เข้าใจ ก็จะอธิบายต่อว่า ที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า “จิตกับใจคือสิ่งสิ่งเดียวกัน ในทางพุทธศาสนานั้น” ก็เพราะการที่มนุษย์ทั้งหลายจะสามารถรับรู้ หรือมีความรู้สึก หรือมีอารมณ์ หรือมีความคิด หรืออื่นๆใดก็ตาม ต้องมีจิตหรือใจในที่นี้หมายถึงหัวใจ ประกอบอยู่ด้วย และในระบบการทำงานของร่างกาย ก็ย่อมหมายรวมเอาทุกส่วนของร่างกายทำงานร่วมกัน จึงจะเกิดการรับรู้ทางอายตนะทั้งหลาย ไม่ใช่เฉพาะว่ามีเพียง จิตหรือใจ เพียงอย่างเดียว


    ส่วนคำถามที่คุณถามมาเกี่ยวกับ "โรคจิต" กับ "โรคหัวใจ"นั้น เขาเพียงเขียนชื่อโรคเพื่อให้มีความแตกต่างกัน ในอาการของโรคขอรับ ไม่อย่างนั้นจะสับสน แต่ความจริงแล้ว ทั้งสองโรค เป็นโรคที่เกี่ยวกับหัวใจเหมือนกัน แต่ต่างกันที่อาการขอรับ
    เพราะ หากเป็นโรคจิต นั่นหมายถึง หัวใจและสมองของคุณมีอาการผิดปกติ แต่เป็นการผิดปกติทางด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก และการระลึกนึกถึง
    ส่วน "โรคหัวใจ" ก็ย่อมเกี่ยวกับการทำงานของระบบสูบฉีดโลหิต อาจเกียวกับ ลิ้นหัวใจ,หลอดเลือดหัวใจ,หัวใจโต,หัวใจเต้นผิดจังหวะ,กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ และอื่นๆที่ย่อมมีผลต่อการทำงานของระบบสมองตามมาด้วย (รวมไปถึงระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆด้วย)


    ดังนั้น "โรคจิต" กับ "โรคหัวใจ" จึงเหมือนกันตรงที่ เป็นโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ แต่ต่างกันที่ อาการของโรคดังที่ข้าพเจ้าได้อธิบายไปขอรับ หรือถ้าคุณสงสัยว่าข้าพเจ้าอธิบายผิดหรือไม่ ก็ไปพบจิตแพทย์แล้วถามดูก็ได้ขอรับ
     
  2. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    ทุกส่วนทำงานสัมพันธุกันนะใครๆเขาก็คงรู้

    ตอนนี้เขาไปถึงเรื่อง ขณะไม่มีกายมนุษย์ล่ะ ที่ลุงบอกว่า "คุณเอาอะไรมาพิสูจน์ พิสูจน์ได้ไหม ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ ก็เอาเท่าที่เห็นก็พอแล้ว อย่าฟุ้งเฟ้อ เพ้อเจ้อ ไกเกินสมองสติปัญญาของคุณเลยขอรับ" นะ อิอิcatt13catt13catt13
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2012
  3. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ตายแล้วไปไหน
    เป็นสิ่งที่ทุกคน อยากรู้กันทั้งนั้น
    ข้าพเจ้าจะอธิบายให้ท่านทั้งหลายได้หายสงสัย เป็นอย่างๆไป แต่ท่านทั้งหลายที่ได้อ่านแล้วต้องใช้สมองสติปัญญาพิจารณา ให้ดีนะขอรับ เพราะข้าพเจ้าจะอรรถาธิบายตามหลักศาสนา และหลักศาสนาก็เป็นต้นแบบของหลักวิทยาศาสตร์ ดังนั้น อ่านแล้วต้องคิดพิจารณา ตามหลักความเป็นจริง ก็คือเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ ฯ

    เมื่อมนุษย์ สัตว์ พืช ตาย ร่างกายก็ย่อมถูกนำไปใช้ประโยชน์ตามลักษณะของการใช้ประโยชน์ของมัน ถ้าเป็นมนุษย์ ร่างกาย ก็จะถูกนำไปฝังบ้าง เผาบ้าง ฯ อย่างนี้เป็นต้น
    แต่เมื่อ มนุษย์ สัตว์ พืช ยังมีชีวิตอยู่ ก็ต่างล้วนมี จิตวิญญาณ เหมือนกัน ต่างกันตรงที่ว่า จิตวิญญาณของแต่ละเผ่าพันธ์นั้นทำหน้าที่ได้ไม่เหมือนกัน
    จิตวิญญาณของมนุษย์ ล้วนถูกขัดเกลาทางสังคม อันมีศาสนา เป็นเครื่องกำกับ อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นๆเช่น แรงดึงดูดของโลก ,ดวงจันทร์ ,ดวงอาทิตย์ เป็นสิ่งประกอบที่สำคัญ ซึ่งทำให้เกิด พฤติกรรมต่างๆ ในมนุษย์ให้ดำเนินไปตามการสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน
    จิตวิญญาณของมนุษย์ ย่อมมีส่วนที่เล็กที่สุด ซึ่งประกอบไปด้วย โปรตอน นิวตรอน อิเลคตรอน สามารถสร้างกระแสคลื่นไฟฟ้า ทำให้เกิด แรงดัน และแรงดึงดูดได้
    เมื่อมนุษย์ชอบสิ่งใด รักสิ่งใด จิตวิญญาณ ส่วนที่เล็กที่สุดนั้นก็จะถูกดึงดูด หรือเคลื่อนที่ไปสู่สิ่งนั้น ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ก็่จะเคลื่อนที่เข้าไปหา คือเสาะแสวงหา ดิ้นรนจนสามารถเข้าไปหาหรือไปเอาสิ่งนั้น เมื่อตายไป หากจิตวิญญาณ ติดหลง รัก หวงห่วงในสิ่งนั้น จิตวิญญาณ บางส่วน ก็จะถูกดึงดูดเข้าไปหา เข้าไปอยู่ในสิ่งนั้น
    หากมนุษย์ครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ดำรงศีล ดำรงธรรม ประพฤติปฏิบัติ ดี ปฏิบัติชอบ จิตวิญญาณใฝ่แต่ความหลุดพ้น เมื่อตายไป จิตวิญญาณส่วนนั้น ก็จะถูกดึงดูดไปสู่ดินแดน หรือภพที่ตัวเองปรารถนา เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายท่านคงมีข้อสงสัยว่า ทำไมข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า จิตวิญญาณบางส่วนที่จะถูกดึงดูดไป ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ ในร่างกายมนุษย์เมื่อยังมีชีวิตอยู่ มีความรู้ มีความจำในหลายอย่างในหลายเรื่อง และไม่ได้นำเอาเรื่องหรือความจำเหล่านั้น คิดพิจารณาให้เป็นไปตามหลักธรรม เมื่อตายลง จิตวิญญาณจึงไม่สามารถรวมอยู่เป็นหนึ่งเดียว จะแตกแยกกันไปหลายที่หลายแห่ง จิตวิญญาณบางส่วนดับสูญไปก็มี เพราะจิตวิญญาณเหล่านั้น อ่อนพลัง บ้างก็ถูกแรงดึงดูดของโลกดูดกลืนไป บ้างก็ถูก พลังแสงอาทิตย์ทำลายไป บ้างก็ถูกพลังแสงจากดวงจันทร์ทำลายไป
    แต่ถ้าหากมนุษย์ได้ฝึกตนจนได้ถึงระดับ อริยะบุคคล แล้ว จิตวิญญาณของพวกเขา บ้างก็ดับสูญไปทั้งหมด บ้างก็มุ่งไปเกิดในชาติอื่น ภพอื่น ตามแต่ความรู้ ความเข้าใจ ฯลฯ
    สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปทั้งหมดข้างต้น เป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ โดยการวิเคราะหฺ์ตามหลัก ตรรกวิทยา, และสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวของท่านเอง หากท่านทั้งหลายมีความศรัทธาในศาสนา ในที่นี้ หมายถึง ทุกศาสนาที่มีอยู่
    จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
    เขียนเมื่อ ๒๒ ก.พ. ๒๕๕๔
     
  4. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    โทษทีท่านศาสดาคำถามทั้ง5 ผมขอลบยกเลิกนะ ผมได้คำตอบที่ถูกต้องพิสูจได้ สมเหตุผลล่ะ อิอิ

    เรื่องของจิตมันลึกซึ้งเกินกว่าที่วิทยาศาสตร์จะหยั่งถึงนะ ใช้หลักวิยาศาสตร์มาสอนหลักจิต มันสามารถคลาดเคลือนได้
    จิตเดี๋ยวก็หมายถึงหัวใจ เดี๋ยวก็หมายถึงนิวเครียดอะตอม เอาสักอย่างเถอะนะ
    สมัยพุทธกาลพุทธองค์ท่านสอนจากของจริง ไม่อิงวิทยาศาสตร์ 555

    และเรื่องที่ลุงศาสดาบอกมา บางส่วนผมเชื่อเพราะมีส่วนใช่อยู่บ้างเล็กน้อย



    และผมเชื่อท่านลุงศาสดาจะโพสต่อจากผมว่า เอ็งเอาอะไรมาพูด เอ็งพิสูจได้เหรอ เพ้อเจอ ฟุ้งซ่าน555

    และผมก็มีแสงเหมื่อนกันนะแสงประกายเพรชนะ ท่านเห็นไหม คุณลุงจ่าสิบตรีผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน catt3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2012
  5. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    งั้นขอถามเพิ่มนะครับ

    1. คุณไม่ได้ตอบคำถาม ว่า เอาอะไรไปรับรู้ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏญัพพะ คุณตอบแค่ว่า "จิตรับรู้อารมณ์" และ "จิตหลายๆ จิตรวมกัน" ทำให้ "จิตรวมกันแล้วรับอายตนะได้" แต่ถ้าคิดตามหลักตรรกศาสตร์แล้ว เป็นการแถที่ผิดตรรกศาสตร์ครับ เพราะถ้าสรุปข้อมูลรวมกัน
    - จิตรับรู้อารมณ์
    บวกกับ
    - จิตหลายๆ จิตรวมกัน
    คิดตามหลักตรรกศาสตร์ นะครับ
    - ถ้า x มีความสามารถ ก
    บวกกับ
    - x หลายๆ x รวมกัน

    ก็ต้องออกมาเป็นว่า
    มีความสามารถ ก หลายๆ ครั้ง

    ไม่ใช่ มีความสามารถ ก ข ค ง

    ตั้งสติให้ดีๆ กลับไปคิดมาใหม่นะครับ

    2. รู้จักคำว่า "เจตสิก" ไหมครับ?
    3. คุณสนใจด้านวิศวกรรม คงรู้จักนะครับว่า แคลคูลัส เป็นวิชาอย่างไร อยากถามว่า ถ้าคุณอธิบายแคลคูลัส เป็นนิยามของเลข ป.1 จะมีคนเข้าใจได้ไหม ว่ามันเป็นอย่างไร
    เฉกเช่นเดียวกับการอธิบายปัญญาที่พระพุทธเจ้าค้นพบที่ quantumphysics ยังอธิบายไม่ได้ ด้วยความรู้ชีววิทยา พื้นๆ ม.1 มันจะอธิบายได้ยังไง?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2012
  6. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,500

    อืมม นั่นสินะ
    คิดได้ไงเนี่ยครับ หมวยวิหก;ปรบมือ

    ว่าแต่ ...จะให้มันแยก จิต หรือ ใจ ดีล่ะ (ping-love
     
  7. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318


    เจ้าของกระทู้เขาบอกว่า จิตคือหัวใจคับ มันคือสิ่งเดียวกันคับเลยแยกออกจากกันไม่ได้ ดังนั้นเวลากระสือถอดหัว(แยกจิตออกจากกาย)หัวใจหรือจิตก็ไปด้วยกัน และกายของกระสือจะไม่รับรู้อารมณ์เพราะหัวใจติดมากับหัวแล้ว

    และเจ้าของกระทู้ยังบอกอีกว่า จิตหมายถึงอะตอมต่างๆมารวมกันกลายเป็นเซลต่างๆ สรุปแว่ จิตคือหัวใจ ไม่ได้เป็นนามแต่เป็นรูป(หรืออาจเป็นได้ทั้งรูปและนาม) รอวันแตกสลายไปพร้อมกับกาย

    และวิญญาณก็คือนิวเครียส(ความหมายจากกระทู้แรก) และหัวใจก็คือจิต ดังนั้น เวลาคนตายจิตวิญญาณ(หัวใจ+นิวเครียส(อะตอมมั้ง))จะถูกดึงดูดไปตามภพภูมิ(ตกลงจิตมันสลายไปพร้อมกับกาย แล้วจิต(หัวใจ)ยังไปต่อกับวิญญาณได้อีกทั้งที่สลายไปพร้อมกับกายแล้ว) กระทู้แรกเขาบอกวิญญานไม่ใช่จิตคับ เพราะเพราะสิ่งที่ดับคือจิต(หัวใจ)ไม่ใช่วิญญาณ(นิวเครียส)

    แล้วจิตวิญญาณ(หัวใจ+นิวเครียสมั้ง)ยังแยกไปตามที่ต่างๆบ้างก็ถูกแรงดึงดูดทำลายไปบ้างก็มี)ถ้าผิดก็ขออภัย

    ปล.เรื่องของจิตหากพิสูจได้ด้วยวิทยาศาสตร์ จิตก็คงไม่ใช่สิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน(มั้ง)

    ปล.พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงรู้แจ้งธรรมด้วยการพิสูจทางวิทยาศาสตร์ หรือตรรกศาสตร์(มั้ง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2012
  8. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    เราไม่รู้ว่าสรุปผิดไหม ถ้าผิดก็ขออภัย
    เพราะเราไม่ค่อยฉลาด เพราะถ้าเราฉลาด เราก็คงเป็นด้อกเตอร์ไปแล้วคับพี่น้องคับcatt3catt3ฮร้าๆๆๆๆๆ
     
  9. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    เอ้าอ่านใหม่อีกครั้ง แล้วพิจารณาช้าๆ เพราะในคำตอบได้ตอบไว้แล้ว ส่วนคำว่า เจตสิก ข้าพเจ้าเคยเขียน เรื่อง "จิต เจตสิก รูป นิพพาน ตามหลักพระไตรปิฎก " มีประมาณ ยี่สิบกว่าตอน ลองหาอ่านดูนะ
    คุณไม่ได้ตอบคำถาม ว่า เอาอะไรไปรับรู้ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏญัพพะ
    คำถามนี้ หากจะตอบ ก็สามารถตอบได้ในสองแนวทาง และทั้งสองแนวทาง ก็สามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เพราะ ถ้าหากจะกล่าวถึง เรื่องของ “จิต” คือ ธรรมชาติแห่งการรับรู้อารมณ์แล้ว จิตในที่นี้จะหมายถึง นิวเคลียส(อะตอม) หลายๆนิวเคลียส(อะตอม)รวมกันเป็นเซลล์ ,เซลล์ต่างๆหลายเซลล์รวมกันเป็นเนื้อเยื่อ และเนื้อเยื่อรวมกันเป็นอวัยวะต่างๆ และอวัยวะต่างๆรวมกันเป็นระบบการทำงานของร่างกาย เมื่อนิวเคลียส หรือจิตหรือเซลล์รวมกันเป็นอวัยวะ จิตและใจก็คือสิ่งสิ่งเดียวกัน
    การที่บุคคลสามารถ รับรู้ หรือสามารถสัมผัสทางอายตนะทั้งหลายได้ นั้น ก็ย่อมเกิดจากระบบการทำงานของร่างกายทุกส่วน มิใช่ จิตเพียงจิตเดียว หรือจิตดวงเดียว หรือ ไม่ใช่นิวเคลียสเพียงนิวเคลียสเดียวหรือเซลล์เพียงเซลล์เดียว ถ้าพวกท่านทั้งหลายอ่านแล้วยังไม่เข้าใจ ก็จะอธิบายต่อว่า ที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า “จิตกับใจคือสิ่งสิ่งเดียวกัน ในทางพุทธศาสนานั้น” ก็เพราะการที่มนุษย์ทั้งหลายจะสามารถรับรู้ หรือมีความรู้สึก หรือมีอารมณ์ หรือมีความคิด หรืออื่นๆใดก็ตาม ต้องมีจิตหรือใจในที่นี้หมายถึงหัวใจ ประกอบอยู่ด้วย และในระบบการทำงานของร่างกาย ก็ย่อมหมายรวมเอาทุกส่วนของร่างกายทำงานร่วมกัน จึงจะเกิดการรับรู้ทางอายตนะทั้งหลาย ไม่ใช่เฉพาะว่ามีเพียง จิตหรือใจ เพียงอย่างเดียว
     
  10. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณเข้าใจผิดแล้วขอรับ หลักวิทยาศาสตร์ มีต้นกำเนิดจากหลักศาสนาขอรับ เรื่องของจิตในทางศาสนาย่อมสามารถอธิบายได้ด้วยหลักชีวะวิทยา หรือหลักกายวิภาคศาสตร์ และระบบการทำงานของร่างกาย
    จิตในทางพุทธศาสนา ไม่ได้หมายถึง หัวใจเพียงอย่างเดียวนะขอรับ เนื่องการเสวนากัน เสวนาเกี่ยวกับ จิตและใจ
    ความจริงแล้ว จิตในทางพุทธศาสนานั้น หมายถึง หัวใจและสมอง สองอย่างขอรับ เนื่องจากในสมัยพุทธกาล ยังไม่มีคำเรียก สมอง ว่า สมองขอรับ ในทางพุทธศาสนา จึงเรียก รวมกันว่า "จิต" อันหมายถึง หัวใจและสมอง ซึ่งจะเป็นตัวรับส่ง ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก การระลึกนึกถึง ความจำต่างๆ ทั้งที่เป็น กุศล และเป็น อกุศล
    ซึ่งในทางศาสนา ได้เขียนอธิบายไว้ เช่น ระบบประสาท ก็เรียกว่า "ชวนะจิต" และอื่นๆอีกมากขอรับ
     
  11. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    จิตในทางพุทธศาสนา ความจริงแล้ว หมายถึง หัวใจและสมอง สองอย่างรวมกัน แต่เนื่องจาก ในสมัยนั้น คงจะไม่มีคำเรียกสมอง หรืออาจจะมีคำเรียก แต่ตามหลักพุทธศาสนา อารมณ์ ความรู้สึก สิ่งที่ทำให้เกิดความคิด การระลึกนึกถึง หรือ ความจำ หรือ สิ่งที่เป็นกุศล หรืออกุศล เกิดจาก หัวใจ ดังนั้น จึงมีคำเรียก เพียงคำเดียวคือ "จิต"
    จิตและใจ เป็นสิ่งเดียวกัน แยกออกจากกายไม่ได้
    วิญญาณ ดับ หมายถึง ความรู้ ความจำ ความเป็นตัวตนทีมีอยู่ดับลง
    ไม่ใช่จิตดับ ก็ดังได้อธิบายไว้ในเรื่อง"ตายแล้วไปไหน"ขออภัยนะขอรับ คุณอ่านแบบผ่านตาไม่ได้คิดพิจารณา แล้วก็ยกเอาเพียงประโยค ออกมาเป็นข้ออ้าง มันเป็นความไม่ฉลาด ไม่มีปฏิภาณไหวพริบขอรับ คุณก็เหมือนกับ กลุ่มบุคคลอื่นๆ ที่ชอบยกเอาคำในพระไตรปิฎกมากล่าวเป็นประโยค โดยไม่ได้ดูบริบทของภาษา ซึ่งไม่ถูกต้องขอรับ
    หัวใจ เป็นทั้ง รูป และเป็นทั้งนามขอรับ เพราะหัวใจก็คือ อะตอมหลายอะตอม รวมกันเป็นนิวเคลียส ฯลฯ ดังนั้น เมื่อหัวใจเข้าสู่ระบบการทำงานของร่างกาย หัวใจก็เป็นทั้ง รูป และเป็นทั้งนาม ที่เป็นรูป ก็คือ ตัวหัวใจ ที่เป็นนาม ก็คือ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ ที่ทำงานร่วมกับสมอง และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย หัวใจที่เป็นรูป และที่เป็นนาม ย่อมแตกสลายไปพร้อมกัน
    เมื่อจิตหรือหัวใจดับ หรือ หยุดทำงาน นิวเคลียส ของหัวใจหรือจิต บางส่วนที่ไม่ดับ(หมายถึงนิวเคลียสบางส่วนที่ไม่ดับ) กลับไปอ่านเรื่อง"ตายแล้วไปไหนให้ดีเถอะนะ"

    คุณขอรับ หัวใจ ประกอบไปด้วย อะตอม หลายๆ อะตอม รวมกันเป็น นิวเคลียส หากหัวใจหยุดทำงาน คือ บุคคลนั้นตายลง นิวเคลียส อันเป็นส่วนประกอบของหัวใจ บางส่วนจะหลุดออกไปจากหัวใจ (หัวใจที่ไหนจะหลุดออกจากร่างกายได้เอง คิดเหมือนคนขาดสารไอโอดีน เลยนะ) พอละนะ เหมือนกับอธิบายให้บุคคลประเภทจมอยู่ใต้โคลนตมลึกมาก ขอรับ

    ปล.ที่ข้าพเจ้าอธิบายไป ก็คือเรื่องของจิต ที่เป็นทั้งศาสนา และหลักวิทยาศาสตร์
    ปล. พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ก็ทรงรู้แจ้ง ด้วยการพิสูจน์แบบหลักวิทยาศาสตร์ เพราะหลักวิทยาศาสตร์ มันเกิดขึ้นทีหลัง ข้าพเจ้าจึงได้บอกว่า หลักศาสนา เป็นแม่แบบของหลักวิทยาศาสตร์ และรวมไปถึง หลัก ตรรกศาสตร์ ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2012
  12. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320


    - ผมถามว่า กรุงเทพ ไปเชียงใหม่ ไปยังไง
    ทำไมต้องตอบว่า กรุงเทพ ต้องไปนครพนมก่อน แล้วจึงจะเห็นเชียงใหม่ ด้วยหละครับ?

    - อารมณ์ ในความหมายของคุณ telwada ไม่ได้หมายถึง ธรรมารมณ์ เหรอครับ?
     
  13. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    คุณ telwada เคยพิจารณาอารมณ์ต่างๆ จนมันดับไป หรือเปล่าครับ?
    หลายๆ คนเห็นเป็นปัจจัตตังครับ ว่าเวลาอารมณ์ต่างๆ มันดับไป มันดับลงที่ส่วนกลางลำตัว/หน้าอก ครับ กรณีนี้ รบกวนอธิบายด้วยครับ
     
  14. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    แล้วแต่พี่ท่านเลยครับ เรื่องที่คุณศาสดาเขียนตายแล้วไหน ผมไม่ได้อ่านผ่านๆหรอกนะ อ่านซ้ำไปมาก็หลายรอบอยู่ แต่คุณจะคิดว่าผมอ่านผ่านๆก็แล้วแต่คุณศาสดานะ 555+

    ผมพยายามหาคำตอบจากบทความที่คุณเขียนแต่ผมหาไม่เจอ เรื่องตายแล้วไปไหน หลักๆมันบอกจิตไปไหน ไปได้อย่างไร ผมยังหาไม่เจอคำตอบหรือเหตุผลว่าทำไม.....ถึง...... เหมือนบทความของคุณศาสดาผู้ยิ่งใหญ่เป็นคำตอบที่ไม่ตรงคำถามนะหรือเป็นคนละเรื่องกับคำถามนะ
     
  15. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณกลับไปอ่านคำถามของคุณ แล้วกลับไปอ่านคำตอบที่ข้าพเจ้าตอบที่ตัวใหญ่บ้าง ขีดเส้นใต้บ้าง ก็จะเกิดความเข้าใจนะ
    อารมณ์ กับ ธรรมารมณ์ เป็นมรรค เป็นผล ซึ่งกันและกัน คำว่า เป็นมรรคเป็นผลนี้ข้าพเจ้าตอบตามหลักวิชชาของข้าพเจ้า
    อารมณ์ เกิดจาก ธรรมารมณ์
    ธรรมารมณ์ ก็เป็น อารมณ์ ด้วยเหมือนกัน
    เพราะ อารมณ์ เกิดจาก การคิด การได้สัมผัสฯ
    ธรรมารมณ์ ก็เกิดจาก การคิด การได้สัมผัสฯ
    ถ้าคุณยังไม่เข้าใจ ก็ให้ไปถาม หลวงพ่ออะไรของคุณนั่นนะ เพราะเห็นคุณโฆษณานักโฆษณาหนาว่า นั่งสมาธิแล้วรักษาโรคได้
    รักษาให้ดีเถอะ อย่าไปโรงพยาบาลนะขอรับ โรงพยาบาลเขาอยากรู้ว่า คุณและหลวงพ่ออะไรของคุณจะรักษาโรค ด้วยการนั่งสมาธิได้จริงหรือเปล่า ฮ่า ...ฮ่า....
     
  16. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    อ๋อ มิน่า ถึงได้คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง...
    งั้นผมขอตัวหละครับ
     
  17. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ถามจริง เทวดา เมาหรือเปล่า
     
  18. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ฮ่า..ฮ่า...ฮ่า...ที่แท้ ก็เพราะอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่องนั่นเอง เลยคิดเอาว่า หลักวิชชา ของข้าพเจ้าต่างจาก ที่มีอยู่ ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า.....
    ไปเถอะ ไปที่ชอบ ที่ชอบ เลยนะขอรับ ที่ไม่ชอบ ก็ผ่านๆไปอย่าก่อกวนให้เกิดความลำคาญนะขอรับ
     
  19. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    นี้ๆลุงโดเรม่อ่นกับโดเรมี่มันเป็นหุนยนต์ไม่มีหัวใจไม่มีสมอง แต่ทำไมมันคิดได้ล่ะ แล้วหุ่นยนต์อาลาเร่ที่ด็อกเต่อเซมเบ้เป็นคนสร้างก็ไม่มีหัวใจกับสมองเหมือนกันนะแต่ทำไมคิดได้ล่ะ อั้ยย่ะ หรือว่าเค้าใช้หัวใจ(จิต)เทียมcatt3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  20. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    ลองเอาหลักวิทยาศาสตร์มาพิสูจเรื่องที่คุณบอกว่าจิตวิญญาณจะถูกดึงดูดไปในภพต่างๆให้ดูหน่อยซิ

    ลองเอาหลักวิทยาศาสตร์มาพิสูจเรื่องลุงบอกจิตวิญญาณที่เหลือพลังน้อยจะถูกแรงดึงดูดของดวงจันทร์หรือดวงอาทิตทำลายจนสลายไปทีซิ

    เอาเป็นข้อๆไปนะ

    แต่คงไม่ต้องตอบแหละ เพราะรู้สึกว่าจะไหลไปเรื่อยวิทยาศาสตร์แทบจะพิสูจอะไรเกียวกับจิตวิญญาณไม่ได้เลย(ในที่นี้ไม่ได้หมายนึงหัวใจกับสมอง+นิวเครียสนะ555+)
    ไม่รู้ว่ามาจากสำนักไหน ส.ส พรชัย หรือ่เปล่าก็ไม่รู้ ตีความหมายของจิตไปมั่วซั่วเลย
    ก้ากๆๆๆๆ

    ไปดีกว่า ฮร้าๆๆcatt3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...