กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ เมื่อก่อนเกรงใจมากจนไม่กล้า pm ไปน่ะ่ค่ะ ตอนนี้ได้รับอนุญาตแล้ว เดี๋ยวจะ pm ไปนะคะ
ใจจริงแล้วอยากไปมากเลยค่ะ เหตุเพราะภาระและหน้าที่ทางโลกที่ยังต้องรับผิดชอบดูแลอยู่น่ะค่ะ ทั้งคนทั้งสัตว์ 3 ชีวิต ทิ้งไปไม่ได้เลยค่ะ ตัวเราไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ ผุพังเมื่อไหร่ก็ทิ้ง ก็ขออนุโมทนาด้วยนะคะ ขอให้เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ปล. มีเรื่องเพียบก็เล่าสู่กันฟังบ้างน๊า อย่างน้อยก็เพื่อเป็นธรรมทานให้กับนักปฏิบัติรุ่นหลังน่ะค่ะ
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “สุภัททะ ! รอยเท้าในอากาศนั้น ไม่มี ศาสนาใดไม่มีอริยมรรคมีองค์ ๘ สมณะผู้สงบถึงที่สุด ในสมณะที่ ๑ สมณะที่ ๒ สมณะที่ ๓ และสมณะที่ ๔ ก็ไม่มีในศาสนานั้น ศาสนาใดมีอริยมรรคมีองค์ ๘ ในศาสนานั้นมีสมณะผู้สงบถึงที่สุดทั้ง ๔ ประเภทนั้นสังขารที่เที่ยงนั้นไม่มีเลย สุภัททะ ปัญหาของเธอ มีเท่านี้หรือ" “มีเท่านี้ พระพุทธเจ้าข้า”
เรื่องนี้ท่านผู้อ่านต้องไปอ่านกระทู้แรกของคุณธรรม-ชาติ ถ้าผู้อ่านพอมีสติอยู่ระดับหนึ่ง ก็จะเข้าใจได้ว่า จิตอื่นแสดงนิมิตรให้เห็นเป็นรอยพระบาทกลางอากาศขณะที่คุณธรรมชาติมีสติสัมปชัญญะ ส่วนบางท่านมาอ่านแล้วเห็นว่าการแสดงนิมิตรจากจิตอื่นเป็น รอยพระบาทกลางอากาศ น่าอัศจรรย์หรือน่าแปลกใจ หรืออาจจะสงสัยว่าเป็นไปได้ไหม เรื่องนี้คุณ Tamjugg ก็สามารถยืนแทนได้ ไม่ต้องถึงกับไปค้นพระไตรปิฏกหรือไปดูบันทึกพระอรหันต์ครั้งพุทธกาล(ถ้ามี) # ศิษย์พี่บอกมีอภิญญาจริง ไปอินเดียก็จะพบกับพระบรมศาสดาได้เพื่อถามธรรม ณ ที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพาน # ครับ (ที่เข้ามาตอบเพราะ เห็นว่าเรื่องนี้อยู่ในประเด็นและเกรงว่าผู้ที่มาอ่านภายหลังจะสับสนกับโพสนี้)
ก็คุณTamjuggอ้างชื่อผม อะไรคือ.. ไหนคุณบอกให้ผม แล้วคุณโผล่..มาทำไม ในคำพูด(เขียน)ของคุณมีคำไหน ที่เป็นความจริง ที่พอเป็นหลักได้บ้าง.... เรื่องที่สมควรทำ(ที่เห็นว่าคุณน่าจะพอตักเตือนได้)ก็ได้ทำไปแล้ว ที่เหลือก็สุดแล้วแต่คุณ.... สุดท้ายขอให้คุณรักษา ยาน.. ชาน...ของคุณไว้ให้ได้ เผื่อมีประโยชน์บ้างในเวลาไกล้..... ขอบคุณครับ
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “สุภัททะ ! รอยเท้าในอากาศนั้น ไม่มี ศาสนาใดไม่มีอริยมรรคมีองค์ ๘ สมณะผู้สงบถึงที่สุด ในสมณะที่ ๑ สมณะที่ ๒ สมณะที่ ๓ และสมณะที่ ๔ ก็ไม่มีในศาสนานั้น ศาสนาใดมีอริยมรรคมีองค์ ๘ ในศาสนานั้นมีสมณะผู้สงบถึงที่สุดทั้ง ๔ ประเภทนั้นสังขารที่เที่ยงนั้นไม่มีเลย สุภัททะ ปัญหาของเธอ มีเท่านี้หรือ" “มีเท่านี้ พระพุทธเจ้าข้า”
คุณ watjojoj คะ โอกาสหน้ามีแพลนจะไปฝึกกันวันไหนเดือนไหน กรุณาบอกกล่าวให้ทราบด้วยนะคะ ดิฉันจะไปด้วยน่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ อิอิ
สวัสดีครับผม ขอเล่าเรื่องวันฝึกวันสุดท้ายให้ฟังเล่นๆนะครับ คือว่าวัดที่เราไปขอใช้สถานที่ฝึกนั้น เป็นวัดป่าตอนกลางคืนนี่เสียงจิ้งหรีด เรไร แมว หมา จิ้งจก ๆร้องกันระงม ทุกวัน แต่วันที่ฝึกรู้ตัวดูนั้น ช่วงสำคัญก็เกิดเหตุประหลาดเสียงทุกอย่างเงียบสงบ ไม่มีเสียงอะไรเลย ทุกอย่างนิ่งมาก แม้กระทั่งคนที่เข้าฝึกที่ยังไม่ผ่าน นั่งดูอยู่ดีๆก็หลับไปซะเฉยๆซะหยังงั้น พอทุกอย่างจบ เจ้าหมอนั่นก็ตื่นขึ้นมาแบบงงๆ ประหลาดมากครับ ทั้งๆที่ปรกติเขาเป็นคนถึงไหนถึงกัน (เล่าไว้ยั่วคน อิๆๆๆๆๆๆ) ส่วนวันที่จะฝึกนั้น ถ้ายาวๆเลย อาจจะเป้นช่วงสงกรานต์ครับ สถานที่หากมีผู้หญิงอาจจะหาสถานที่ ที่เหมาะสมอีกครั้งครับ
สวัสดีเช่นกันค่ะ อิอิ นึกแล้วเชียวว่าต้องเป็นวัดป่าแน่ๆ ทำไมเล่าแค่นิดเดียวคะ อยากฟังอีกค่ะ เล่าต่อค่ะเล่าต่อ ..ฯลฯ ระหว่างที่รอคุณเล่าต่อ เดี๋ยวดิฉันเล่าให้ฟังมั่ง แต่คนละเรื่องกันนะคะ คือมีอยู่ครั้งหนึ่ง ช่วงค่ำแล้วล่ะค่ะ ดิฉันออกจากบ้านเพื่อเอาพระผงหลวงปู่ดู่หลวงตาม้าไปให้คนรู้จักกัน เพราะเคยสังเกตุเห็นแววตาคนนั้นแล้วรู้สึกว่ามีวิญญาณ(ไม่ดี)อื่นแฝงอยู่น่ะค่ะ และก็เคยได้ยินบ่นให้ฟังว่าปวดตามข้อมือ พอไปถึงก็เอาให้แล้วบอกเธอว่าให้พกติดตัวตลอดนะ แต่ก่อนที่เธอจะหยิบไป ดิฉันบอกว่าเอางี้ เดี๋ยวดิฉันจะสอนวิธีทำน้ำมนต์ไว้ดื่มนะ ( แบบว่า .. ลำพังตัวเองก็เอาตัวไม่รอดหรอกค่ะ แต่อยากช่วยคนอื่น อิอิ ) ช่วงที่เอาพระผงหลวงปู่ดู่แช่น้ำในแก้ว พอเริ่มอธิฐานจิตแค่นั้นล่ะค่ะ เจ้าหมาสองตัวที่นั่งอยู่หน้าบังกะโลอีกหลังหนึ่ง มันหันหน้ามาทางซุ้มไม้ไผ่ที่ดิฉันนั่งอยู่ เห่า โฮ่ง โฮ่ง แล้วก็หอน ฮู้ๆๆๆๆๆ ลากเสียงยาวพร้อมกันแบบเย็นยะเยือกเลยค่ะ ดิฉันก็ อุ่ย มันมาแล้ว มันมาแล้ว หลังจากดื่มน้ำมนต์ รุ่งเช้าคนรู้จักกันคนนั้น เธอเล่าให้ฟังว่า แปลก นอนหลับสบายทั้งคืนเลย ไม่เหมือนก่อนหน้านั้น นอนไม่ค่อยหลับ จิตใจหงุดหงิดร้อนรุ่มกระวนกระวายใจ ปล. เรื่องสถานที่ ไม่ต้องหาสถานที่ใหม่หรอกค่ะ เคยฝึกที่วัดไหนก็เอาวัดนั้นแหล่ะ อย่าถึงกับต้องเปลี่ยนแปลงสถานที่เพราะคนๆเดียวเลยค่ะ
แหม ผมเองก็อยากเล่าเชิงอภิญญาซะหน่อย พอดีมีเรื่องของน้ำมนต์เหมือนกันพอดี แต่เดี๋ยวมีคนมีแขวะ จะกลายเป็นกระทู้เดือดไปอีกกระทู้
น้ำมนต์หลายที่รวมกันแล้วขลังดี เล่าเถอะค่ะ ไม่ต้องเกรงคนเข้ามาแขวะหรอก หากใครพูดจาแขวะเรา ก็ถือเสียว่าเขาพูดไปเพราะความไม่รู้ วจีกรรมจะส่งผลถึงเขาเอง ส่วนเราก็รู้ไว้แค่ว่า ชีวิตเรามีผลกับเขา แต่ชีวิตเขาไม่มีผลกับเรา ส่วนเขา ถ้ายังตั้งใจสร้างเวรสร้างกรรมกับใครไม่หยุด จะด้วยทางมโนกรรมหรือวจีกรรม หากกรรมนั้นเริ่มทำงานส่งผลแล้วหรือกำลังจะส่งผลอยู่ก็ดี เราก็แค่ได้แต่มองดู เพราะโดยสัจธรรมความจริงแล้ว เขาต้องรับผลของกรรมนั้น เราจะไม่เข้าไปล่วงกรรมเขาค่ะ
ถ้าเหตุยังไม่ได้เคยเกิด(ตัวปัญหาที่คอยตำนิว่ากระทู้คนอื่น)ก็ถือว่าเป็นกุศลที่แชร์ประสพการณ์ แต่เมื่อเรารู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่เราจะบอกออกไปแล้วทำให้เกิดกรรมแก่บุคคลอื่นถึงจะเป็นกรรมของเขาเองก็ตาม(ตัวปัญหาที่คอยตำนิว่ากระทู้คนอื่น) ผู้ปฏิบัติธรรมควรสำรวมระวังนั้นถูกต้องแล้ว ปัญหาในเว็บแก้ยากเพราะมันสาธารณะ