สงสัยเรื่องพระอนาคามี ครับ ใครเชี่ยวชาญช่วยตอบทีครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย bankzar, 21 มิถุนายน 2013.

  1. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ในช่วงที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ทรงรำพึงในธรรมที่ได้ตรัสรู้แล้วว่า จะมีใครเป็นผู้ถึงธรรมได้บ้าง

    จนมีพรหมท่านหนึ่ง นามว่า ท้าวสหัมบดีพรหม ต้องมาอาราธนาให้แสดงธรรม
    ซึ่งเป็นบทบาทหน้าที่ของพรหมอนาคามี คือรูปพรหมอกนิฏฐา

    เช่นกัน ในสมัยของพระกัสปะพุทธเจ้า สุทธาวาสพรหม ก็ต้องมาทำหน้าที่นี้เช่นกัน

    และอีกท่านหนึ่งที่มีบทบาทตอนที่พระโพธิสัตว์ออกบวช คือ ฆฏิการพรหม ที่เป็นพระสาวก
    ในสมัยพระกัสปะพุทธเจ้า เป็นพระอานาคามีเช่นกัน แต่ต่างวาระหน้าที่กัน

    อรูปพรหม แทบจะไม่มีบทบาทใดๆเลยในพุทธประวัติ หรือไม่มีบทบาทใดๆเลยก็ว่าได้

    ศึกษาได้ใน มหาปทานสูตร
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=0&Z=1454&pagebreak=0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  2. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ========

    ขอยืนยันครับ อรูปภูมิ4ข้างบนที่มี4ชั้น นั้น มันไม่มีจริงครับ ทั้ง4นั้นเป็นเพียงวิธีปฏิบัติให้เข้าถึงอรูปพรหมชั้นต่างๆ คือการเข้าถึงความว่าง หลุดพ้นจากรูปภพทั้งหมดทั้งมวล ตั้งแต่
    1อากาสา เป็นความเข้าถึงในความว่างของฌาณ5 เป็นผู้เข้าถึงในความดับในรูปทั้งปวง อาศัยอยู่ด้วยอากาสานัญจายตนะที่เป็นอรูปาวัจระ
    2เวทนา เป็นความเข้าถึงเวทนาในเวทนา จนที่สุดคือว่างในเวทนา จัดเป็นส่วนประกอบหนึ่งในฌาณ6 คือข่มเพ่งในความว่างของเวทนาวิญญาณ
    3สัญญา เป็นความเข้าถึงสัญญาในสัญญา จนที่สุดคือว่างในสัญญา จัดเป็นส่วนประกอบหนึ่งในฌาณ6คือข่มเพ่งในความว่างของสัญญาวิญญาณ
    4สังขาร เป็นความเข้าถึงสังขารในสังขาร จนที่สุดคือว่างในสังขาร จัดเป็นส่วนประกอบหนึ่งในฌาณ6คือข่มเพ่งในความว่างของสังขาระวิญญาณ
    5วิญญาณ เป็นความเข้าถึงวิญญาณในวิญญาณ จนที่สุดคือว่างในวิญญาณจัดเป็นส่วนประกอบในฌาณ6คือข่มเพ่งในความว่างของวิญญาณที่ไม่มีอารมณ์ใดปรุงแต่ง
    6อากิญจัญญา เป็นความเข้าถึงอากิญจัญญาในอากิญจัญญา จนที่สุดคือว่างในอากิญจัญญา เป็นการข่มเพ่งที่ขัดออกซึ่งธรรมารมณ์หรืออารมณ์ทั้งหลายออกไปหมด สติและจิตอยู่กับความว่างในธรรมมารมณ์ เพียงอย่างเดียว จัดเป็นองค์ประกอบในฌาณ7
    7อตีตังสัญญาเจตสิก เป็นความเข้าถึงอตีตังสัญญาเจตสิกในอตีตังสัญญาเจตสิก จนที่สุดคือว่างในอตีตังสัญญาเจตสิก จัดเป็นองค์ประกอบหนึ่งในฌาณ8
    8ปัจุบันนังสัญญาเจตสิก เป็นความเข้าถึงปัจุบันนังสัญญาเจตสิกในปัจุบันนังสัญญาเจตสิก จนที่สุดคือว่างในปัจุบันนังสัญญาเจตสิก จัดเป็นองค์ประกอบหนึ่งในฌาณ8

    ในข้อ8คือธรรมที่จะบรรลุหลุดพ้น เพราะหมายถึงการวางความรู้ปัจจุบันธรรมที่ตนรู้ทั้งหมดลง เป็น การเข้าถึงอมตะธรรม ตรงนี้อาศัยวิปัสสนาขั้นสูงสุด รู้แจ้งละปล่อยวาง ในธรรมทั้งปวงลง อันเป็นปัจจุบันธรรม เมื่อเข้าถึงแล้ว ก็คลายความยึดมั่นลงทั้งหมดทั้งสิ้น ด้วยปัญญาทั้งสิ้น เพราะว่า แม้อมตะธรรมปัจจุบัน ที่ตนไปถึงแล้วมีดวงตาเห็นแล้วรู้แล้ว ก็ปล่อยวางไม่ยึดมั่นอะไรอีกแล้ว เป็นจิตที่เป็นอิสระแล้ว ชำระจนบริสุทธิ์แล้ว เป็นผู้หลุดพ้นแล้วโดยสิ้นเชิง สำเร็จเป็นอรหันต์ได้ในคราวนี้ครับ สาธุ


    อนึ่งจะสังเกตุได้ว่า ความละเอียดในฌาณ5-8 อันเกี่ยวกับความเป็นนามธรรม ความเกิดนามธรรม ความมีนามธรรม ความดับในนามธรรมนั้น มีหลายอย่างมีหลายขั้นตอนมาก ฉนั้นในความเป็นอรูปพรหม หรืออรูปาวจรภูมินั้น จึงมีหลากหลายชั้นภพนัก จึงขอกล่าวอธิบายไว้แค่เพียงเท่านี้
    ผิดถูกจงอย่าไปยึดมั่น ครับ แค่รับรู้ไว้เฉยๆ เมื่อท่านเจริญธรรมไปถึงตรงนี้ เผื่อไปไม่พ้นติดอยู่จะได้มีทางเลือกให้คิดให้ลองผิดลองถูก จนในที่สุดย่อมค้นพบได้เองรู้ได้เองในที่สุดครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2013
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ตามโบราณ เขาว่า สวรรค์มี16ชั้น

    ซึ่งความจริงจะประกอบด้วยหลักๆคือ
    1ชั้นเทพหรือเทวดา หรือชั้นกามวจรมี
    2ชั้นพรหม มี6ชั้น

    รวมแล้วมี16ชั้น

    เวลากล่าวถึงชั้นพรหม นี่ส่วนมากจะกล่าวกันอย่างง่ายๆ คือสั้นๆเป็นที่เข้าใจ แต่อย่างที่เราศึกษามาจะพบว่า ชั้นพรหมนี้มีมากมายละเอียดมาก ตั้งแต่รูปพรหมและอรูปพรหม หลากหลายชั้น เนื่องจากสภาวะธรรมในขั้นนามธรรมนี้ มีสภาวะหลายอย่าง ความเข้าถึงนามธรรมแต่ละอย่างย่อมให้ผลทางจิตที่แตกต่างกัน จึงเสวยทิพย์สมบัติแตกต่างกัน จึงกล่าวพรรณาได้มากครับ
     
  4. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    แค่ขึ้นต้นก็กล่าวขัดแย้งกันเองแล้ว

    ในตอนกลางกล่าวให้ดูว่ามีภูมิเข้าถึง แต่จะใช่หรือไม่ มีข้อพิจารณาคุณตัดขันธ์4 ออกไปในฌาน7 กับ 8 ความว่างในขันธ์4 คือเทียบภพ เทียบขันธ์ แต่สักกายทิฏฐิ ยังอยู่เต็มๆ

    ในตอนท้ายกับกล่าวผิดถูกอย่ายึดมั่น บอกว่า "ฉนั้นในความเป็นอรูปพรหม หรืออรูปาวจรภูมินั้น จึงมีหลากหลายชั้นภพนัก จึงขอกล่าวอธิบายไว้แค่เพียงเท่านี้"

    นี่มันขัดแย้ง กับการกล่าวในตอนต้น ว่า "อรูปภูมิ4ข้างบนที่มี4ชั้น นั้น มันไม่มีจริงครับ"

    ทั้งที่ก่อนหน้าในโพสที่54 ก่อนหน้า คุณกล่าวว่า "พวกที่มี 4 ขันธ์ [ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณขันธ์] อาศัยอยู่ อรูปาวจรภูมิ"

    ทั้งยังบอกวิธีจะทำให้บรรลุพระอรหันต์เสียอีก ก็คุณเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าดังในโพสที่ 55 "แต่สักวันผมจะต้องไปให้ถึงที่สุดแห่งอรูปพรหมแล้วค่อยกล่าวสอนได้อย่างเต็มปากครับ"


    ก็จะให้คุณกลับไปทบทวนในสิ่งที่โพส เราว่ามันขัดแย้งกันเองในหลายๆสิ่งที่คุณโพสมา
    พูดง่ายๆคือคุณขัดแย้งตัวคุณเองทั้งนั้นเลย เสกสรรปั้นแต่งในภาษาให้ดูโก้ๆ แค่นั้นหรือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  5. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284


    ตรงที่ขีดเส้นใต้ และคุณ tjs บอกว่าขอแบ่งดังนี้
    เป็นการแบ่งตามใจชอบของคุณเอง และคิดเอาเองว่า ภพภูมิทั้งหมดมีแค่นั้น
    และก็ไปกำหนดตามใจชอบว่า สูงสุดคือ อรูปพรหม คือ ชั้นที่ 12-25

    คงต้องขอใช้คำพูดคุณ tjs บ้างว่า

    ซึ่งภพภูมิ อื่นๆ ที่ไม่มีบันทึกใน ธัมมจักรฯ เช่น
    อสัญญีสัตตา , อรูปพรหม เช่น อากาสาฯ
    เพราะว่า สัตว์ในภพภูมิเหล่านี้ ไม่สามารถรับรู้ได้เหตุการณ์ได้ นั่นเอง

    แต่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในอีกหลายที่ เช่น

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วย
    ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอได้ฟังว่า เทวดาผู้เข้าถึงอากาสานัญจายตนภพ
    มีอายุยืน ดำรงอยู่นาน มากด้วยความสุข เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ
    เมื่อเราตายไปแล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้เข้าถึงอากาสานัญจายตนภพเถิด เธอจึงตั้งจิตนั้น อธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้น ความปรารถนาและ
    วิหารธรรมเหล่านั้น อันเธอเจริญแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไป
    เพื่อความสำเร็จในภาวะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อ
    ความสำเร็จในความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้เข้าถึงอากาสานัญจายตนภพ ฯ

    http://www.84000.org/tipitaka/read/?14/318-332/216-225

    เรื่องนี้ พระพรหมคุณาภรณ์ ได้สรุป ไว้เรียบร้อยแล้วดังนี้
    http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=%C0%D9%C1%D4_4_%CB%C3%D7%CD_31

    ส่วนเรื่องพระพรหมอนาคามีชั้น สุทธาวาส ชื่อ ฆฏิการพรหม ซึ่งเคยเป็นเพื่อนเก่าของพระพุทธเจ้าสมัย พุทธกาลที่แล้ว นั้น เป็นรูปพรหม แน่นอนครับ ไม่ใช่อรูปพรหม เพราะสามารถมาคุยกับพระพุทธเจ้าได้ดังนี้

    ฆฏิการเทพบุตร ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้
    กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า ภิกษุ ๗ รูป ผู้เข้าถึงพรหมโลกชื่อว่าอวิหาเป็นผู้หลุดพ้นแล้วสิ้นราคะ โทสะแล้ว ข้ามพ้นเครื่องข้องต่างๆ ในโลกเสียได้แล้ว ฯ
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=1904&Z=1946&pagebreak=0

    ถ้าไม่มีรูป จะยืนได้อย่างไร?? คือคุณ tjs ผิดก็ยอมรับฟังเหตุผลบ้างก็ได้ครับ อย่าแถเลยเช่นว่า

    ซึ่งจะงามวิจิตรมาก เป็นความไม่มีรูปที่พยายามอธิบายให้เห็นภาพก็เท่านั้น

    เพราะมันจะเป็นอย่างที่คุณ tjs เคยกล่าวไว้ว่า

     
  6. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    พุทธศาสนาบอบช้ำมามากแล้ว เพราะพวกที่คิดบัญญัติตั้งเองเออเอง

    สมัยนี้มันส์ พูดจาภาษาเทพโน้นนะ ว่าข้านี้คือนักปฏิบัติ
    ผลสุดท้ายเป็นไงเอามาเผยแผ่ มีแต่สร้างผลเสียแง่ลบให้กับพุทธศาสนา

    บางคนเป็นเอามากในห้องภัยพิบัติ ห้องวิทย์ พระธรรมวินัยยังคงอยู่แต่ไม่รู้จักศึกษา
    เพื่อจะนำเอาเป็นแบบอย่างเอามาถ่ายทอด ให้ตรงต่อภาษาธรรมวินัย คือพระศาสดา ที่บัญญัติไว้ดีแล้ว
     
  7. ริมฝั่งของ

    ริมฝั่งของ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +310

    โมทนาสาธุกับคุณอสุรินทร์ราหู และคุณรณจักรด้วยครับ

    ที่นำคำสอนที่ถูกต้องของพระพุทธองค์มาเผยแผ่ ..สาธุครับ
     
  8. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    ปัญหาในการแสดงธรรมของคุณ tjs คือ คุณคิดและเชื่อเอาเอง และยึดมั่นในนิมิต จนไม่สนว่า ถูกต้องกับ ธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้หรือไม่ และการที่คุณแสดงความเชื่อที่ผิดออกมา ก็จะกลายเป็นการบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า ส่งผลให้ คนทั่วไป สับสน และทำให้ธรรมแท้เสื่อมสลายไปได้เร็วขึ้น
     
  9. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    เป็นกันแล้วหรือนี่? ยาวมาสี่หน้าแระ ไฟลุกท่วมเลย
    ถ้าถามผมก็ตอบว่าไม่ทราบครับ ยิ่ง จขกท ท่านใช้คำว่สเชี่ยวชาญนี่ ดับอนาถ นั่งบริโภคกามอยู่ คงตอบไม่ถูกแน่เลย ยากเกิน
    ด้วยความเคารพครับ
     
  10. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    ผมขออนุโมทนากับ คุณ รณจักร กับ คุณอสุรินทร์ราหู ด้วยครับ
    ผมยังยึดถือพระสูตรอยู่แม้ว่าผมจะไม่สามารถถอดจิตไปดูได้ก็ตาม(กระจอก+มีกามฉันทะอยู่) แต่ก็เชื่อท่านผู้ปฏิบัติ ท่านบอกว่า "ตั้งแต่ทดสอบพุทธพจน์มา ไม่มีข้อไหนไม่เป็นจริงเลย"
    ส่วนเรื่อง พรหมนั้นตามความเข้าใจผมนะครับ มี 3 พวก
    ขันธ์ 1 รูปพรหมแบบพรมลูกฟัก มีแต่รูปนามไม่มี
    ขันธ์ 4 อรูปพรหมทั้งหลาย มีแต่นามไม่มีรูป ตาไม่มี หูไม่มี
    2 พวกแรกฟังธรรมไม่ได้ ไม่เห็นไตรลักษณ์ใช้กำลังฌาณเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถละรูปละนามได้ เท่ากับ ไม่สามารถนิพพานได้
    ขันธ์ 5 ชั้นไหนไม่รู้ รู้แต่พรหมชั้นสุทธาวาส มีขันธ์ 5 มีรูป+นาม จะเห็นได้จากพระสูตรหลายๆพระสูตร อีกทั้งประวัติของ พระพาหิยทารุจีริยเถระ เพื่อนในอดีตชาติ มาเตือน ซึ่งเป็นพระอนาคา เป็นพรหมมาจากชั้นสุทธาวาส เพราะถ้าเป็นรูปพรหม(ที่มีขันธ์ 1) มีปาก แต่คิดไม่ได้ ก็พูดไม่ได้ แข็งทื่อแบบนั้น หรือจะเป็น อรูปพรหม ไม่มีปากจะพูดยังไง ไม่มีหูจะเอาที่ไหนฟังพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงอุทานเรื่อง "อาฬารดาบสกับท่านอุทกดาบส" ว่า "ฉิบหายจากความดีทั้งปวง" ลองไปอ่านจากที่นี่ดูครับ เรื่องที่ ๓๔ท่านอาฬารดาบสกับท่านอุทกดาบส ตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นอรูปพรหม จาก คำสอน พระราชพรหมยาน

    และเรื่อง พระพรหมชั้นสุทธาวาสเป็นรูปพรหม มีตรงนี้ครับ พรหมชั้นที่ ๑๒-๑๖ และพระนิพพาน จาก คำสอน พระราชพรหมยาน ตัดมาตอนหนึ่ง
    "สำหรับพรหม ๔ ชั้นนี้ เป็นพรหมที่ได้อนาคามี สมัยที่เป็นมนุษย์ เจริญฌานสมาบัติได้ถึงฌาน ๔ แล้วก็ได้อนาคามี เหลืออีกขั้นเดียวจะเป็นพระอรหันต์ ถ้าหากว่าท่านที่ได้อนาคามีแล้ว แล้วเวลาจะตายได้ฌาน ๔ ขอโทษได้ฌาน ๔ มาก่อน เวลาจะตาย ทรงอยู่ในฌาน ๔ ออกจากกายด้วยกำลังของฌาน ๔ อันดับแรก ว่ากันยังงั้นก็แล้วกัน อันดับแรก ท่านบอกว่าเป็นประเภทมีอินทรีย์แก่กล้านะ อินทรีย์แก่กล้า อินทรีย์นี่คือความเป็นใหญ่ แล้วแก่กล้า ในทางการพิจารณาใหญ่ หูก็ใหญ่ ตาก็ใหญ่ ปากก็ใหญ่ จมูกก็ใหญ่ ใหญ่ในที่นี้ มีความเป็นใหญ่ ในอายตนะ ปากมีหน้าที่กิน จมูกมีหน้าที่สูดกลิ่น หูมีหน้าที่ฟัง อย่างนี้เป็นต้น จมูกจะไปฟังเสียง ไม่ได้ เพราะหูเขาใหญ่ เขาไม่ยอมให้ฟัง หูก็เหมือนกันจะไปดมกลิ่นไม่ได้เพราะจมูกเขาใหญ่ เขาไม่ยอมให้ละเมิดหน้าที่เขา หน้าที่ใครหน้าที่มัน พรหมประเภทนี้ พิจารณาอายตนะภายใน ๖ อายตนะภายนอก ๖ มีความแก่กล้า เห็นว่าไม่เป็นเรื่อง เกิดมาเป็นพรหมชั้นที่ ๑๒ พรหมชั้นนี้ มีชื่อ อวิหาสุทธาวาส มีอายุ ๑,๐๐๐ กัป ว่ากันง่ายๆ ยังงี้ดีกว่า"
    ที่เหลือไปอ่านต่อเองครับ
     
  11. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    อรูปพรหม นั้น ถ้าเคยฟังธรรมะของพระพุทธเจ้ามาก่อน แต่ยังไม่สำเร็จอรหันต์ เมื่อตายไปเกิดในอรูปพรหม นั้นสามารถพิจารณาขันธ์ 4 เป็นไตรลักษณ์ จนบรรลุธรรมได้เช่นกันครับ

    แต่ถ้าไม่เคยฟังธรรมะมาก่อนก็ไม่สามารถปฏิบัติธรรมในอรูปพรหมได้ อย่างเช่น อาฬารดาบส กับ อุทกดาบส นั้นโชคร้ายที่ว่า ดันตายไปเกิดเป็นอรูปพรหม ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะตัดสินใจที่จะสอนสัตว์โลก แค่ไม่กี่วัน จึงพลาดโอกาสฟังธรรมก่อนตาย น่าเสียดายจริงๆ

    พระพุทธเจ้าถึงกับตรัสไว้ว่า ฌานสมาบัติใดที่ยังมีสัญญา(ความจำได้หมายรู้)ก็สามารถปฏิบัติธรรมได้จนสิ้นกิเลสได้ในฌานนั้น (เพียงแต่ว่าต้องเคยฟังธรรมมาก่อนจึงรู้ว่าปฏิบัติยังไง ถ้าไม่เคยก็ทำไม่ได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2013
  12. ริมฝั่งของ

    ริมฝั่งของ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +310



    ถ้ามีสัมมาทิฏฐิและมุ่งมรรคผลนิพพาน จะไม่ไปเกิดในพรหมลูกฟัก และอรูปพรหม ..โมทนาสาธุครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2013
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ตามที่เคยบอกไว้ว่าอรูปพรหมอาศัยการเกิดมีสองลักษณะ
    สภาวะจิตของออรูปพรหมจึงมีสองลักษณะเช่นกันคือ

    1อรูปพรหม ส่วนหนึ่ง ไม่สามารถรับรู้ได้ เพราะจิตยังเสวยอารมณ์ในอรูปฌาณอยู่ตั้งแต่ครั้งดับกายสังขาร ตรงนี้คืออาศัยด้วยกำลังของฌาณสมาธิ
    ตรงนี้จะเป็นของฤาษี นักพรต พราหม์ ฆราวาสนักปฏิบัติเป็นส่วนใหญ่

    2แต่อรูปพรหมส่วนหนึ่งสามารถรับรับรู้ได้ เพราะจิตส่วนนี้เสวยความเป็นทิพย์ของอรูปฌาณนั้นเอง เพราะฝึกมาดีแล้วครั้นตั้งแต่เป็นมนุษย์ เข้าและออกอรูปฌาณจนชำนาญมากแล้ว เพราะอาศัยจิตที่ผ่านการฝึกวิปัสสนาญาณ ต่อเนื่องจากฌาณสมาธินั่นเอง ย่อมเกิดเป็นปัญญาฌาณ จิตเข้าถึงสภาวะธรรมเหล่านั้น และอาศัยอยู่ด้วยสภาวะธรรมเหล่านั้น ตรงนี้คืออาศัยกำลังของวิปัสสนาญาณนั้นเอง ตรงนี้จะเป็นวิธีของพระอริยะโดยส่วนใหญ่

    และหากมองสูงขึ้นไป พระอรหันต์ และพระพุทธเจ้าท่านสูงกว่าอรูปพรหมยิ่งกว่า ทำไมท่านสามารถรับรู้ได้ ท่านสื่อได้ ท่านมีสภาพจริงที่เหมือนกับจิตอื่นๆทุกอย่าง ต่างกันที่ความบริสุทธิ์ประภัสสรก็เท่านั้นเอง

    สิ่งที่ผมพยายามบอกพยายามพูดให้ฟัง เพราะผมคิดว่า อย่างน้อยผมปราถนาให้สำหรับบางท่านที่เข้ามาอ่านแล้ว ปฏิบัติมาอย่างผม เจออะไรอย่างผม ก็น่าจะเข้าใจและเชื่อเหมือนกับที่ผมได้พูดออกมา อย่างน้อยก็เป็นธรรมทานแก่พวกเขา

    กาลเวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ความรู้ใดๆทั้งหมดสำหรับบางคนที่ไปถึง
    ส่วนคนที่ไปยังไม่ถึงเขาก็คงเข้าใจว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น ก็ไม่เป็นไร ไปถึงเมื่อไหร่ก็ตอบจิตตัวท่านเองได้เอง ครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2013
  14. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ไม่แน่ว่าคุณรณจักร ชาติก่อนๆโน้น ฌานอภิญญาสมาบัติเยี่ยม

    แต่เพราะได้มา ก็ได้แต่โลกียฌานมิจฉาสมาธิ

    เข้าเจ็ดออกแปด ออกแปดเข้าสี่ เข้ารูปออกอรูป เหาะเหินมุดดินออกบาดาล

    มาชาตินี้เบื่อ คุณรณจักร จึงสนใจแต่คำพระตถาคต ที่เป็นไปเพื่อสัมมาสมาธิ เพื่อประโยชน์ตนให้ถึงพร้อม
     
  15. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    ไม่ใช่แค่ผมหรอกครับ คุณอสุรินทร์เองและคนอื่นๆก็เช่นกัน
    พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า ในภพภูมิทั้งหมดนี้ ยกเว้น สุทธาวาส เราก็เคย
    ไปมาแล้วแทบทั้งนั้น เพราะสังสารวัฏกำหนดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้
    ตราบใดที่ยังมีอวิชชา ก็ยังจะเวียนว่ายตายเกิดเพราะความไม่รู้จริงนี้แหละ บางทีก็เกิดในภพภูมิดีบ้างร้ายบ้าง (แต่ส่วนใหญ่ร้ายมากกว่าดี)

    หากเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆ เป็นไปได้ยากที่จะไม่เจอภพภูมิที่ร้ายเลย
    จึงควรที่จะเบื่อหน่ายคลายกำหนัด และหาทางปฏิบัติเพื่อพ้นจากทุกข์ ด้วยหลัก สติปัฏฐาน 4 มรรคมีองค์ 8 เพื่อถึงซึ่งพระนิพพานอันพ้นโศกวิโยคภัย
     
  16. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    อรูปพรหมนั้น ไม่สามารถรับรู้เหตุการณ์ทางโลกภายนอกได้เลย เพราะไม่มีรูป (ไม่มีตาจึงไม่เห็น ไม่มีหูจึงไม่ได้ยิน เปนต้น)
    แต่รู้ปรากฏการณ์ในจิตตนขณะอยู่ในภูมินั้นได้เพราะยังมีสัญญา กับวิญญาณ อยู่
    ดังนั้น ผู้ที่ไม่เคยฟังธรรมมาก่อน แล้วตายไปอยู่ภพนั้น ก็จะไม่รับรู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร ขนาดพระพุทธเจ้านึกถึง จะไปสอนยังสอนไม่ได้เลย แต่ถ้าเคยฟังธรรมมาก่อน ก็จะไปพิจารณาองค์ธรรมในภูมินั้นคือ ขันธ์ 4 เป็นไตรลักษณ์ ก็บรรลุธรรมได้สูงสุดถึงขั้นอรหันต์ได้

    แต่คุณ tjs เอา ภูมิธรรมของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ไปเทียบกับภพภูมิ 31 เหล่านี้ ไม่ได้หรอกครับ เพราะภูมิของท่านเหล่านั้น เป็นภูมิที่เหนือโลก หรือ พ้นโลก (โลกุตระ) แต่ภพภูมิ 31 นั้นยังเป็นระดับโลกีย์

    การอุบัติในภพภูมิ 31 นั้น เพราะยังมีอวิชชา อยู่
    สัตว์โลกนั้นไม่รู้ความจริงของสังสารวัฏอย่างแจ่มแจ้ง จึงยังต้องเกิด
    แต่พระอรหันต์ ท่านรู้ความจริงอย่างแจ่มแจ้งจนละอวิชชา เกิดวิชชาขึ้นมา เหมือนแสงสว่างเกิดขึ้นในความมืด ทำให้ความมืดหายไป จึงเห็นว่าอะไรเป็นอะไร เช่นว่า การเกิดเป็นทุกข์ล้วนๆ จึงไม่ยึดมั่นในภพภูมิใดๆ ทำให้ไม่เกิดอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มิถุนายน 2013
  17. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,884
    ดีจังมีคนเชี่ยวชาญเรื่องทางพระไตรปิฏก ไอ่เราเจอข้อมูลเยอะๆก็ปวดหัวตาลายเสียแล้ว

    ได้แต่เที่ยวท่องพอเล่นๆไปตามชั้นกามาวจร ครั้งจะขึ้นชั้นพรหมก็บารมีไม่ถึง เดี๋ยวเค้าถีบตกลงมา

    ฉันเที่ยวท่องลองไปหรือถามนั่นนี่ แต่มาอ่านพระไตรปิฏก โอ้โหละเอียดกว่าเยอะเลย
     
  18. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ก็มีแต่คุณ tjs เท่านั้นล่ะม้าง...ที่มัวแต่ชื่นชม กับรสนิมิตย้อมแมว

    รสอื่นใดจะดียิ่งกว่า กับไม่ลองชิม เพราะกลัวจะเป็นใบลาน สู้คนอยู่ริมฝั่ง ของThrinai ก็บ่อล่าย

    ระสัง ธัมมะระโส...
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    เราเป็นชาวพุทธ เรานับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    เรามีปัญญามากพอและเราก็ไม่ได้ยึดติดในสิ่งที่เราได้หรือมี หรือแม้ความรู้ในธรรมที่เราศึกษาหรือปฏิบัติมา เราแลกเปลี่ยนเพื่อความรู้ที่ยิ่งกว่า เราชอบใน จริยะวัตรของพระสารีบุตร ตรงที่ท่านฉลาดมาก ท่านจะไม่เชื่อจนกว่าท่านจะได้ปฏิบัติและเห็นแจ้งด้วยตัวท่านเอง ครับ
    ความจริง เราเกิดมาก็ไม่มีอะไร เกิดมาก็ทุกข์ ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ ก่อนตายก็ทุกข์ เราเกิดมาแน่นอนก็เจอกันหรืออยู่ด้วยกันก็ไม่เกิน100ปีโดยประมาณก็ต้องจากกัน จึงควรหมั่น ทำความดี ละชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์ ภาวนาให้มากๆ เนกขัมบารมีข้อนี้เป็นตัวสำคัญเป็นตัวใหญ่ ต้องทำให้มากเพราะนี่คือทางแห่งความหลุดพ้น ทางที่จะมีปัญญาละปล่อยวางตัณหาอุปทานทั้งหมดได้ ก็เพราะเนกขัมมะบารมีนี่แหละครับ
    ขออนุโมทนา สาธุ

    จิตผมเป็นมิตรและมีเมตตาจิ
    ตไม่มีประมาณ และเป็นจิตที่อยู่บนสายกลาง แน่นอนมิจฉาทิฏฐิย่อมไม่มีเช่นกัน
    กระทู้นี้ได้ประโยชน์มากครับ เมื่อปริยัติ และปฏิบัติไม่เป็นอันเดียวกัน ก็เป็นธรรมดา แต่เมื่อถึงเวลาทุกอย่างจะปรากฏชัดแก่จิตท่านทั้งหลายได้เองครับ สาธุ
     
  20. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ต่อเมื่อยังมีโมหะเผารนจิตใจ ยังไม่รู้แจ้งในอริยสัจ ใครๆก็กล่าวได้ไม่เต็มคำนัก ว่าตนไม่เป็นมิจฉาทิฏฐิ

    สัสสตทิฏฐิ นี้มีกันทุกคนหากยังยึดมั่นในสักกายทิฏฐิ20 ไม่เห็นแจ้งในไตรลักษณ์ด้วยแล้ว

    เมื่อนั้นสัมมาทิฏฐิ ยังเป็นของผู้ที่อยู่ริมฝั่งหนึ่ง แต่ยังไม่ข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง

    ที่จะคว้าชัยกล่าวได้เต็มคำ ว่าคือผู้มีสัมมาทิฏฐิครบบริบูรณ์ที่เหนือกว่า

    ก็เพราะโมหัคคินา ไฟกองใหญ่สุดท้าย จนกว่าอวิชชาดับมอด ขันธภาระไม่มีอีกต่อไป

    <IMG src='http://picth.com/get/SYzPB/poharban-tuz-eg-poh.talpan.vor.rozsa-GIF-kep.gif' width=100>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...