เมื่อข้าพเจ้าปรามาสพระรัตนตรัย

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ทองชมพู, 6 พฤษภาคม 2015.

  1. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    อนุโมทนาสาธุครับขอให้สำเร็จสมปราถนานะครับ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ สาธุ
    ป.ล.หากมีอะไรจะสอบถามก็ยินดีครับแต่จะตอบเท่าที่รู้นะคร้บ ที่ไม่รู้ต้องถามคนอื่นที่รู้คร้บ ผมรู้แค่ไหนตอบได้แค่นั้นครับ ท่านมีจิตที่ดี มีเมตตา จิตถูกยกสุงขึ้นมาแล้วรักษาไว้นะครับ อย่าให้เผลอ ให้มีสติถึงจะมาช้าแต่ดีกว่าไม่มาครับ5555
     
  2. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
     
  3. tongrolass

    tongrolass เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +103
    อนุโมทนาครับคุณพี่ อ่านแล้วปลื้มปริ่มน้ำตาคลอเลยครับ ผมก็เคยคิดไม่ดี ตอนนี้เข้าใจลึกซึ่งแล้วครับ ว่าบทสวดขอขมาพระรัตนไตยที่สวดทุกวันก่อนนอนสำคัญยิ่งๆ ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆครับ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2015
  4. ลูกพ่อโต

    ลูกพ่อโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    จขกท มีบุญจังที่พบอะไรๆก่อนคนอื่นเขา
     
  5. uncle loy

    uncle loy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +28
    การบอกเล่าประสพการณ์ที่เคยพบเห็นก็เป็นสิ่งที่ดีกับผู้อื่นนะคับ จะได้รู้ว่าโลกมิติอื่นมีอยู่จริง สิ่งที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายกล่าวเป็นเรื่องจริง ในพระสูตรต่างต่างก็มีกล่าวไว้ การสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ในประวัติพระอริยะหรือประวัติครูบาอาจารย์หลายองค์ ลูกศิษย์ก็จะนำมาบันทึกเผยแพร่ไว้ หาอ่านได้ทั่วไป การมองเห็นหรือสัมผัสสิ่งเหล่านี้ถือเป็นอภิญญาอย่างหนึ่งฃึ่งเกิดจากการฝึกฝน แต่บางท่านที่เกิดมาแล้วสามารถสื่อสารมองเห็นวิญญาน เห็นพรหม เทวดาสื่อสารกันได้ตั้งแต่เด็กเพราะถือว่าเป็นผู้ที่เคยฝึกได้มาแล้วในอดีตชาติอันใกล้แล้วติดตัวมา แต่บางท่านต้องมาฝึกเพิ่ม ซึ่งช่วงแรกอาจจะมาในฝัน หรือในนิมิต ที่เรียกว่ามีสัมผัสที่หก สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ในยุคนี้คนจะศึกษาธรรมจากภายนอก เน้นที่วัตรปฏิบัติ จึงทำได้ยากขึ้น เชื่อว่าถ้าได้พบครูบาอาจารย์ที่ดีและมีการฝึกที่เข้มข้นต่อเนื่อง คุณจะก้าวหน้าในการปฎิบัตืได้ดีกว่านี้ ขอเพียงอย่าหลงยึดติดว่าตัวเองเหนือหรือมีดีกว่าคนอื่น เมื่อปฎิบัติสูงขึ้นมากกว่านี้การรับรู้เรื่องพวกนี้จะเปลี่ยนไป สามารถรับรู้ด้วยจิต ภาพที่เห็นจะน้อยลงยกเว้นเมื่อจิตต้องการ
     
  6. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เวลาผมนึกถึงเรียกชื่อ "หลวงพ่อฤษีลิงดำ" ผมต้องมีคำด่าต่อท้าย ทุกครั้งไป...แม้จะรวบรวมกำลัง สติ สมาธิ อย่างเต็มกำลังแล้ว ก็ยังคงไม่สามารถระงับคำด่านี้ออกไปได้...
    ทั้งๆที่ในใจเคารพรักหลวงพ่อมากก็ตาม...เวลาถวายสังฆทานท่านผมก็ขอขมา แต่ขอขมาแล้วเวลานึกถึงชื่อท่านเต็มๆก็ยังมีคำด่าออกมาทุกครั้ง จนไม่กล้ามองหน้าหลวงพ่อ ทั้งกลัวท่าน ทั้งรังเกียจตัวเอง...

    หลวงพ่อท่านคงสงสาร...ท่านจึงเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนท่านอยู่กับหลวงพ่อปาน เวลาเดินผ่านพระพุทธรูป ท่านก็ด่าพระพุทธเจ้าทุกครั้งไป แม้ใจจะเคารพรักองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่สุด...แล้วท่านก็เล่าว่า หลวงพ่อปานเรียกไปบอกว่า พวกที่ปรารถนาพุทธภูมิ จะมีอาการแบบนี้ พอตอนหลังหลวงพ่อลาพุทธภูมิไปแล้ว อาการแบบนี้ก็หายไป...ท่านก็แนะนำว่า เอาอย่างนี้สิ ในเมื่อมันแก้ยังไม่ได้ ก็ให้ขอขมาพระรัตนตรัยบ่อยๆ....
    ได้ฟังแล้วก็ใจชื้นขึ้นมานิดนึง...แต่ผมก็มากังวลใจว่า นี่ถ้าเราขืนด่าหลวงพ่อโดยไม่เจตนาต่อไปแล้วนี้ แล้วก็ขอขมากันไปแบบนี้ทุกๆวัน...สักวันหนึ่ง เราคงมีจิตด้านชา จนเห็นว่า การด่าหลวงพ่อนี่เป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นไร ด่าเสร็จแล้วก็ขอขมากันไป...ถ้าเป็นแบบนี้ขึ้นมานี่ หายนะทันที...

    เอาแบบนี้ดีกว่าไหม? เรื่องขอขมานั้น เราก็ขอขมาไป แต่เราต้องหาอุบายของเราเอง ในการระงับยับยั้งไว้ ไม่ให้ไปด่าหลวงพ่ออีก...ก็ทดลองดู...
    เวลานึกถึงหน้าหลวงพ่อ ทรงสติเอาไว้ดีแล้ว มีสมาธิทรงตัว เห็นภาพหลวงพ่อ ไม่มีคำด่าใดๆเกิดขึ้น...
    ถ้าเวลานึกถึงหลวงพ่อ เอ่ยแต่คำว่าหลวงพ่อ หรือหลวงพ่อฤษี จะไม่มีคำด่าเกิดขึ้น เช่นเดียวกับ พระราชพรหมญาณ นี้ก็ไม่มีคำด่าต่อท้าย...จะมีก็แต่เวลานึกถึงชื่อ "หลวงพ่อฤษีลิงดำ"เท่านั้น...
    จากนั้นมาผมก็เลือกที่จะเรียกหลวงพ่อในชื่อที่ไม่มีคำด่าต่อท้าย...
    เป็นอันว่ายุติเรื่องนี้ไปได้ในระดับหนึ่ง...ไม่ต้องปรามาส...เมื่อไม่ปรามาสแล้วเรื่องจะขอขมาหรือไม่ขอขมาก็ไม่จำเป็น...

    แต่ว่าขอขมาดีกว่า..เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่เราไปปรามาสโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การไปอ้างถึงพระรัตนตรัยในทางไม่ถูกไม่ควร แบบนี้ปุถุชนอย่างเรายังมีทางผิดพลาดอยู่ได้ จะรู้ไม่รู้ก็ตาม เพื่อความไม่ประมาท ก็ควรจะน้อมจิตน้อมใจ ด้วยความเคารพนบนอบแล้วขอขมาพระรัตนตรัยเอาไว้บ่อยๆ...ผมก็ว่าดีนะ...เป็นพุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ ได้อีกทางนึงด้วย...
     
  7. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ผมก็เป็นโดนจัดหนักมากกว่าจะหายสู้กับมันหลายเดิอน

    ....ปัจจุบันหายแล้วฝึกจิตจนละเอียด....

    มันไม่ใช่เรา...ไม่ใช่ของเรา.... ขอขมาพระบ่อยๆๆๆๆ

    เจริญสติ...เจริญสมาธิเพราะเรายังมีร่างกายศูนย์รวมกิเลสทุกประเภท

    ความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่ง....มันไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2015
  8. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,702
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,020
    ใครสนใจอยากจะอ่านและฟัง clip เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องของการปรามาสพระรัตนตรัย ก็เชิญได้ในกระทู้ข้างล่างครับ อนุโมทนาครับ

    กระทู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการปรามาส ผมรวบรวมมาให้หมดเเล้วในกระทู้นี้

    http://palungjit.org/threads/กระทู้...ามาส-ผมรวบรวมมาให้หมดเเล้วในกระทู้นี้.225534/
     
  9. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,884
    พึ่งจะได้อ่าน นึกว่าเราคนเดียวมีความคิดแว๊บๆแบบนี้

    พอความคิดแบบนี้ขึ้นมา จะอธิษฐานขอผลบุญที่ทำมาช่วยขจัดออกไป
     
  10. nunrappers

    nunrappers สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอบคุณมากครับ
    ผมเองก็มีปัญหาเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
    ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ
     
  11. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงกับท่านพี่raming2555 ที่เข้ามาแนะนำและแชร์ประสบการณ์ค่ะ คำแนะนำของท่านถูกต้องและสมควรปฏิบัติเป็นอย่างยิ่งค่ะ
     
  12. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ขอพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะที่กรุณาเข้ามาแนะนำ ดิฉันจะน้อมนำมาปฏิบัติตามค่ะ
     
  13. tim_jintana

    tim_jintana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +275
    คุณทองชมพูคะ ดิฉันก็เป็นเช่นกันค่ะ ไม่สบายใจมาก ๆ จะพูดกับใครก็ไม่ได้ คิดว่าเราคงเลวมากนิสัยเดิมที่ไม่ดีจากชาติก่อน ๆ คงติดตัวมา อย่างนี้จะหวังก้าวหน้าในการปฏิบัติได้อย่างไร ไม่คิดว่าจะมีคนอื่นๆ ก็เป็นในลักษณะเดียวกันด้วย ขอบคุณมากที่คุณมาแชร์ประสบการณ์ ได้รับคำตอบจากพระที่ท่านเมตตาตอบให้แล้ว ก็รู้สึกดีขึ้น มีทางออก จิตใจไม่หดหู่เศร้าหมอง จะได้มีกำลังใจเร่งความเพียรต่อไป
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  14. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับคุณทองชมพู ผมเองก็ไม่อยากที่จะแสดงออกนะครับ เพราะในหลายๆท่านได้แสดงออกมาหมดแล้งเพียงมาเสริมเล็กๆน้อยๆเท่านั้น เมื่อ ๔-๖ปีมาแล้วเคยไปตอบในหลายๆกระทู้ แต่ไม่ได้เข้ามา ตก สามปีหรือกว่าไม่แน่ใจ ตอนระยหลังๆ ๑ เดือนมานี่ได้ตั้งกระทู้ขึ้นมาใหม่ ก็เลยมีโอกาศ ได้เข้ามาหลายๆกระทู้ มันอยู่ที่เวลาด้วยครับ จริงๆ ผู้ปราถนาพุทธภูมิมาก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นกันหมดแหละ นอกจาก พวก สาวก จะเป็นน้อย หรืออาจไม่เป็นเลยก็ได้ กระโดดข้ามไปเลย ผมเอง เป็นอยู่หลายปีทีเดียว


    แต่จะมาแสดง ค่าวๆเท่านั้น เพราะว่าเดินผ่านกุฏิที่อยู่ท่าน เห็นผู้หญิงเข้าไป กุฏิท่านไม่ว่าลูกเมียใคร จิตมันสอนมาเลย เป็นเมียหลวงพ่อ จริงๆเราไม่มีจิตแบบนั้นหรอกครับ แต่มันสอนเราแบบนั้น บางที พอหลวงพ่อเดินมา บางอยาก เตะหลวงพ่อโทษ นะที่พูดแบบนี้ มันเป็นจริงๆ แม้พระพุทธรูป มันก็เป็น ผมก็จะใช้กรรมฐานกอง ต่างๆขึ้นมาหักล้าง กับมัน ผมก็จะสอนมันเลย ผมจะด่ามันว่า ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ มึงอยากลงนรกอีกหรือ พระพุทะเจ้าท่านดีอย่างนี้ ออกบวชเพราะเหตุนี้ อะไรเราก็นึกหักล้างไป ให้นานแสนนาน จนจิตเรา คล้อยตาม
     
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    เมื่อนึกถึงหลวงพ่อ เราหรือผม จะใช้ กรรมฐาน ว่าหลวงพ่อท่าน เป็นที่เคารพ ของมนุษย์เทวดาและพรหม ถ้าหลวงพ่อจะเป็นแบบนั้นๆ หลวงพ่อคงไม่มาบวช หรือและช่วยคนสัตว์ต่างๆทุกประเทภ สร้างวัดวาอารม ช่วยคนสัตว์ สารพัด ทั้ง สงเคราะคนสัตว์ ที่เราเห็นว่า ท่านช่วยอะไร สอนอะไร บ้างตามที่เราเห็น ผผมจะด่าตัวเองบ่อยๆ ด่าแบ ชนิดไม่ใยดีกันเลย บางที แพ้มันครับ บางทีก็ปล่อยมันไป ตามอารมย์ เพราะมันฟุ้ง ที่คุณพูดมา มันก็ยังน้อยไป สำหรับของผม ที่ว่า มันเป็นนานมาก หลายปีเลยครับ ผมก็พยายาม ใช้ทั้ง พรหมวิหาร ๔ ทั้งอนุสติ ภาวนา ทั้งพิจรณา ในความดีของท่าน จนอารมย์คลายตัวลง


    ส่วนใหญ่ที่คุยๆกัน เป็นกันทั้งนั้นมากบ้างน้อยบ้าง ตามอัธยาสัย ฟังเรื่องของคุณหรือหลายๆคน มันก็ทำให้ได้ เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วครับ ก็ไม่มีอะไรคุยมากไปกว่านี้ ก็ขอให้ ผ่านพ้นไปด้วยดีครับ วิสัยของพุทธภูมินี่จะเป็นมากกว่า ปรกติครับ เพราะทุกคนก้อยากเป็นกันทั้งนั้น เมื่อลาพุทธภูมิจะไปนิพพาน จะให้ไปกันได้ง่ายๆได้ไงจริงไหมคุณคนที่เคยเป็นหนี้เขาทำเขาไว้ ยังไงจะหนีแล้ว ต้องเอาคืนบ้าง ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,337
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +70,462

    มีอีกประการหนึ่ง


    เมื่อแสงสว่างของปัญญา เห็นแจ้งชัดยิ่ง ด้วยสติปัฏฐานหมวดจิตในจิต และ หมวดธรรมในธรรม ว่า ...


    " ความคิดอันเป็นอกุศลทั้งหลาย ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน เกิดจากการปรุงแต่งด้วยเหตุและปัจจัย( ตามกำลังสติ-ปัญญา ฯลฯยิ่งไปอีกว่าเหตุ-ปัจจัยนั้นคืออะไรบ้าง) ทั้งจากปัจจุบันและอดีต...

    ไม่ได้เป็นไปด้วย เจตนา ที่จะกระทำด้วยมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม อันมุ่งมัน


    ก็จะคลายความเดือดร้อนใจ ด้วยทิฐิมัั่นในอาการของจิตที่ถูกปรุงด้วยกิเลส และปัจจัยทั้งหลายเสีย "



    -----------------------------



    ในคำไหว้พระ ของครูบาอาจารย์หลายท่าน ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อวัดปากน้ำ หลวงพ่อฤาษี ฯลฯ ท่านก็ให้ผู้วิตกในเรื่องนี้ หรือผู้ประมาท มองไม่เห็นความสำคัญของเรื่องการเผลอปรามาสฯ ไว้มีใจความว่า "...หากประมาทพลาดพลั้งด้วยกายวาจาใจ ทั้งอดีตปัจจุบัน จะระลึกได้หรือไม่ก็ตาม เจตนาหรือไม่ก็ตาม หรือเพราะ อกุศลธรรมเข้าสิงจิตให้กระทำความผิดต่อพระฯ ..." เป็นการตอกย้ำ สำทับ ให้ปล่อยวาง ปลงภาระทางจิตใจต่อพระรัตนตรัย เพื่อความเจริญก้าวหน้าทางธรรมและทางโลกยิ่งๆขึ้นไป

    ------------------------


    ในสายผู้เจริญวิชชาธรรมกาย เมื่อสติปัญญามาทัน ด้วยการอบรมสติปัฏฐานสี่ตามแนววิชชาธรรมกายเนื้อแท้
    เห็นได้ด้วยสติปัญญาแจ้งชัดดังนี้

    ..จิตก็จะข้ามพ้นกิเลสเครื่องกั้นขวางทางดี (กิเลสมาร) ได้ตามระดับการอบรม
    เบื้องต้นคือพ้นจากความลังเลสงสัยและความฟุ้งซ่าน ด้วยไม่อาจปล่อยวางอาการของอกุศลจิตนั้นได้

    หากละเอียดขึ้นจะเห็นสภาวะธรรมตามจริงคือ เห็นเหตุที่สอดเข้ามาปรุงแต่งที่จิต-ใจ ว่าเป็นอกุศลธรรม(ธรรมดำ)เข้ามาปรุงแบบไหน พอมีสติ-ปัญญาเห็นปุ๊บแล้วปล่อยวาง จิตก็จะเข้ากลางของกลางที่เป็นทำเลของธรรมภาคขาว( กุศลธรรม ) ตกศูนย์เกิดกายใหม่จิตใหม่ที่พ้นการปรุงของอกุศลธรรมนั้น


    สำหรับเจ้าของกระทู้ที่พอขอขมาพระ แล้วปล่อยวางได้ จิตน่าจะได้ถึงกายธรรม( จะเป็นระดับไหนตั้งแต่โคตรภูบุคคลหรือสูงกว่านั้น )ในช่วงขณะที่พ้นจากการปรุงของอกุศลจิต และคุณพระฯนำกายธรรมเข้าสัมผัสภาวะของพระนิพพานได้
    แม้เพียงขณะ ก็ไม่อาจประมาณอานิสงส์ได้ สาธุ อัปมาโณพุทโธ อัปมาโณธัมโม อัปมาโณสังโฆ


    ขอให้หมั่นพิจารณาตัดสังโยชน์ ฯลฯตามที่ครุบาอาจารย์ในสายที่ท่านสั่งสอนอบรมไว้ มีศีล มีกุศลกรรมบถ มีพรหมวิหาร
    จนกว่าจะได้เข้าถึงกระแสแห่งอริยบุคคล ไม่ต้องกลับมาทุกข์

    หากจะปรารถนาบำเพ็ญบารมีให้ยิ่งกว่านั้น ก็ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ





     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กรกฎาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...