ฝัน นิมิต หรือโลกทิพย์ แยกแยะอย่างไร หรือมันอย่างเดียวกัน

เล่าไปเถอะครับ

ยังไงๆไปเปิดท้ายขายตลาดนัดด้วยกันก็ได้

ว่าแต่ว่าคุณมีรถเป็นของตนเองไหม :z8

 

กั๊กๆ มุขเดิม มุขค่อยๆ สอน

มุขธรรมเพื่อการคลุกคลี มุขธรรมเพื่อการสะสม มุขธรรมเพื่อการไม่สันโดษ
มุขธรรมไม่ใช่เพื่อโลกุตระแต่ส่วนเดียว

คุณคร้าบ ก็ สัทธรรของพระพุทธองค์ ไม่มีส่วนไหน ที่เป็นไปเพื่อ สนองโลก
สนองกิเลส สัทธรรมของพระพุทธองค์เป็นไปเพื่อโลกุตระแต่ส่วนเดียว

มันจึงไม่แปลก ที่คุณ สัมผัสได้ถึง การนำออกแต่ส่วนเดียว ( คุยแต่เรืองออก
จากสังสารวัฏเท่านั้น คำเหล่านี้่จึง เป็นไปเพื่อ ประโยชน์)

คุณไปอ้างโน้น อ้างนี้ อ้างบารมีไม่พอ แล้ว รู้หรือว่า อย่างไรจึงพอเพียง

เขาเอา พอเพียง

พอเพียง มันก็แค่ ปัจจุบันธรรม ไม่จำกัดกาลเวลา ....แค่นี้ ก็ไม่มีเรื่อง สะสม

เรื่อง บารมีต้องสั่งสมแล้ว คำว่า บารมี เขาแปลว่า เต็ม ซึ่งไม่ได้หมาย
ถึง " ปริมาณ "

เพราะ ธรรมทีเป็นเรื่องปริมาณ นั่นเป็นความเนิ่นช้า เป็นเรื่องของคนเนิ่นช้า

ธรรมะของพระพุทธองค์ ไม่ใช่ของคนเนิ่นช้า


ดังนั้น ไอ้ที่คุณพยายามลากไป ว่า ธรรมะต้องค่อยเป็นค่อยไป นั่น คุณทำสัทธรรม
ปฏิรูป นึกๆ คิดๆ เอาเอง เข้าข้างกิเลส

ธรรมะของพระพุทธ แม้แต่เรื่อง ศีล(ที่ไม่ใช่การลูบคลำ ศีล พรต) ก็เป็นเรื่อง
ปัจจุบันธรรม ฟังดีๆ ก็บรรลุได้ทันที ไม่ใช่ฟังแล้ว ต้องไปนั่ง ทำท่าทำทางรักษาศีล
ลูบคลำ

ธรรมะนั้น หากปุถุชนสดับ จะเกิดการปฏิรูปทันที ดังนั้น คุณจะไป เอาความเป็น
ปุถุชน มารองรับธรรมะ แล้ว คุณเข้าใจว่า รับสัทธรรมไป เอิ่ม ตีลังกาหลายๆ
ตลบก่อนไหม จะเอาอย่างนั้นเหรอ

 

นี่คุณไหนว่าจะไปอ่านกันเอง
นี่เค้าทะเลาะกันอยู่เลย
คนตามอ่านตูมเลยนะ
เรามาพิมพ์ตัดสลับ คนอ่านก็เสียรมณ์นิ


แต่ผมชอบตัดนะ มัรเปลี่ยนรอามรณืคนอ่าน
เชื่อมะคนอ่าน เนียะสมัยเมื่อหลายปีก่อน
ผมอ่านพวกท่านทะเลาะกัน หรือเถียงกันไรนี้
ผมโคตรอินเลย
อย่างกะฟังละครวิทยุ

จริงๆ เวลาทะเลาะกันรุนแรงนะ ใจผมสั่นหายใจไม่ออก
เหมือนเด็กที่พ่อแม่ทะเลากันหละ

แบบไม่อบอุ่นหนะบ้านมีปัญหา

 

อินทรียมีเท่าไหร่ ก็ใช้เท่านั้น ไม่ต้องทำเพิ่ม


เขาแค่ให้ ฟังธรรม แล้วกำหนดรู้ การมีอยู่ของอินทรีย์ มีเท่าไหร่ รับรู้เท่านั้น

ถ้าสำคัญว่ามีมาก มีน้อย มีเท่า โน้นเท่านี้ นั้นมัน มานะทิฏฐิ เขาไมให้กำหนดรู้
แบบนั้น

อินทรีย์มีน้อย ก็ รู้ไปเท่านั้น รับทราบไปตามนั้น สำรอกออกไปตามนั้น
ยิ่งเอาออก ยิ่งเพิ่ม(พละ) โดยที่ ไม่ใช่การสะสม


*****************************

ฝัน นิมิต โลกทิพย์ ที่คุณยออ้างสรรพคุณ สดับไปแบบนี้ไปนิพพาน

เอ่อ พอคนเขาบอกว่า สดับด้วยวาระแบบนี้สิไปนิพพาน กลับ ลุกขึ้นมา
กระทืบคนชี้ทางว่า มึงจะมากล่าวพาเขาไปนิพพาน ทำเฮีย อะไร

ตกลง คุณตั้งกระทู้ เพื่อพาคนไป ทางนิพพาน หรือเปล่า !?

ถ้าใช่ แล้วจะมา ปฏิเสธธรรมเพื่อโลกุตระ ทำเฮียอะไรไม่ทราบ !?

 

เข้าเรื่องอีกที
ผมใช้วัตถุมงคล ชิ้นละร้อยกว่าบาท ชิ้นละไม่ถึงร้อย
กำไว้ในมือแล้วปลุก

ผลก็เกิดกะเหยื่อแล้ว
เหยื่อนอนไม่หลับบ้าง ฝันมันทั้งวันทั้งคืนบ้าง
โอเคผมใช้ไสยะศาสตร์
และผมก็ต้องรับโทษ

แค่อยากจะให้รู้ว่าที่พยายามจะหัดกัน
ใช้วัตถุอาถรรพ์ที่เค้าทำขายกัน อันละไม่กี่บาทก็ทำได้เลย
จะไปหัด ไปฝึกให้ มันป่วยกว่าเก่าทำไม
อยากได้ทะยานอยากมากจะมีญาณทิพย์ สรุปว่า เกือบทั้งหมด
ต้องเสียเงินเสียเวลา ไปหาหมอ

คนบางคนมีภาระมาก ต้องทำงานหนัก คิดดูว่าถ้าคนเค้าอยากจะภาวนาได้บ้าง

แต่ในดลกจริงเค้าทำงานกลางแจ้ง แบบออกแรงใช้แรงงาน
แล้วต้องมาป่วยวิกลจริตอีก

เค้าจะอยู่กันยังไง

บอกเลยว่าไอ้ที่ถามๆๆๆๆ กันฝันหวานๆๆ
ไอ้จิต เดิมแท้อะไรนั้น
ผมใช้ลูกอมบ้าง จิ้งจกบ้าง พวกพรายๆบ้าง
องค์เดียวอยู่
ฝันหวานกันเป็นเทือก

และผมถือพระโพธิญาณ
ไม่ใช่ไสยภูมิ ผมต้องรับโทษ
อาจจะลงนรกก็ได้

เพราะต่อให้ฝึกสำเร็จ ก็ต้องทำให้คนอื่นฝันหวานๆ ฝันกันไม่ตื่นอยู่ดี
ซื้อเอาเลยดีกว่า

 

เนียะๆๆ
ผมจะไปเอาก้อนหิน กรวด มาเสกให้พวกท่านเอาไปกำ ไปสวดภาวนา
แล้วเหยื่อจะฝันหวานนนน


เห็นผมก็ฝันเป็น
ขายกันหลังไมค์ก้อนละห้าบาท
ขายหน้าเวป ห้าสิบบาท
เลี่ยมพราสติก ร้อยบาท

ผมฝัน

 

ใช้คำว่าพูด ทะเลาะ ...ก็ทะเลาะธรรมกัน

ใช้คำพูดว่าถกเถียง ...ก็ถกก็เถียงธรรมกัน

​

 

พูดเหมือนคนมีสภาวะจิตทิพย์นะคุณบุญยง

 

???

 

กั๊กๆๆๆ เมา กระทู้ไปอีกคน

คุณคร้าบ นี่มันห้องอภิญญา ห้องเพื่อความรู้ยิ่งการสิ้นไปของกิเลส

ห้องอภิญญา ผมก็ถือตามอำนาจแห่ง ธรรม ว่าไม่ใช่เรื่อง ธรรมะเบื้องต้น
ไม่ใช่ห้องของคนขอเรียนธรรมะ แบบ เอออวยไปกับกิเลส

ถ้าจะ กล่าวธรรมะเอออวยกกับกิเลส มีห้องอื่นตั้งเยอะ ที่คุณไปตั้งได้ โดย
ปราศจาก ตัวเฮียตัวนี้ จะเข้าไปยุ่มย่าม สุ่มสี่สุ่มห้า

[ ...สำหรับบางคน อาจจะเห็น ผมไปโพล่งในห้องอื่น อันนั้น ต้องทราบ
ด้วยว่า เขาโต้ธรรมกันมาหลายปีแล้ว จนพอเห็นทางกันแล้ว ไม่ใช่เรื่อง
อยู่ดีๆเข้าไปด่าเขา หน่าคร้าบ ]

นะ

ห้องนี้ห้องอภิญญา และ เป็น บอร์ดสาธารณะ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ มีแต่ผู้ที่ต้อง
รับผิดชอบ หากเกิดกรณีขึ้น ซึ่งทำหมด จึงต้อง ยกอำนาจให้กับ เจ้าของเว็บ
ที่จะมอบหมายในการใช้ดลยุพินิจ .......และ เราก็ให้เป็นไปตามอำนาจเมตตาของเขาเหล่านั้น


คุณมาตั้งกระทู้ ก็สำคัญตัวว่า เป็นเจ้าของ

คนอื่นมาโพสในกระทู้ คุณก็ไปสำคัญว่า เขาเข้ามาครอบครองเป็นเจ้าของ

ทั้งๆที่ มันเป็น บอร์ดสาธารณะ ............ มันตลก

ตลก ด้วยตรงที่ ทำเป็นอ้างว่า สอนธรรมะเพื่อไปนิพพาน

แต่พอ เจอธรรมเพื่อไปนิพพานเข้า กลับบอกว่า อย่าสอนเว้ยเฮ้ย ให้สอนไปทางอื่นก่อน ....

 

ผมฝันกลางวันตะหาก

 

หรอ มันยังไงกันอ่ะ เล่าหน่อยๆ

 

ที่เล่านี่หมายถึงคุณเองใช่ไหมครับ

 

พุทธธรรม หน้า ๑ กล่าวถึงเรื่องอะไรครับ

 

วางตัวอย่างนี้ให้ผู้ชอบบำเพ็ญเพียรทางจิตไว้ศึกษาอีกด้วย

 

อีกซักตัวอย่างหนึ่งสิ เขาเห็นอะไร สื่อสารกับใคร

 

 

เคยอ่านมาว่า ตำนานเจ้าแม่กวนอิม แต่งขึ้นในสมัยหนึ่งของจีน เอานิทานพื้นบ้านของจีนมาแต่งเพิ่มจนเป็นตำนานอย่างในปัจจุบัน ยังตลกว่า พระอวโลกิเตศวร ก็มีความเชื่อเดิมอยู่แล้ว แต่เอามาแต่งเติมกันจนคนบูชาทั้งบ้านทั้งเมือง นี่ก็มีความรู้อย่างนั้น มีคราวหนึ่งในช่วงชีวิต รู้สึกถูกทำร้ายอย่างหนักจนคิดว่าคนทำกับคนได้ขนาดนี้ ก็มีโทสะ โทสะมันมากจนหัวจะระเบิด ร่างกายจะพังลง มันเกิดคิดอะไรไม่ทราบ เลยเดินไปซื้อรูปเจ้าแม่กวนอิม นั่นแหละ ปางใส่ชุดสีขาว แล้วมาคิดอย่างนี้ อันโทสะมีไปก็สร้างบาปแก่ตัวเอง จิตตัวเอง จะเป็นไรไปก็บูชาเจ้าแม่กวนอิม ด้วยการฝึกแผ่เมตตานั้นแหละ จนหายโกรธ จิตคลาย กาลผ่านไปหลายเดือน ผ่านไปสองสามปี ไม่ได้บูชารูปเจ้าแม่กวนอิมล่ะ เพราะว่าฝึกแผ่เมตตาตลอด ไม่โกรธแล้ว มีเมตตาให้เค้าด้วย ให้อภัยกันได้ มีคราวหนึ่ง มาสงสัยอันคนเราเกิดมา นี่พวกหมอดูก็มักทำนายทายทักว่า คนเรามีดวงชะตากำกนดไว้แล้ว คนมันจะเปลี่ยนดวงไม่ได้เหรอไง อยู่คืนวันหนึ่ง หลับขาดสติ(หลับไม่ขาดสติ นี่ตลอดทั้งคืนทั้งวันมันไม่หลับหรอก ถึงร่างกายหลับสติมันก็ตื่น เห็นสภาพจิต แต่ก็รู้รอบตัว รู้สัมผัสถึงร่างกายแม้นอนอยู่ นั่นสติมันกล้า นั่นที่ว่า ผู้ตื่น มันเป็นยังไง เราคนขาดสติยังทราบได้ว่าถ้าสติแกร่งกล้ามันตื่นตลอดได้ แต่เรามันปุถุชนมีขึ้นมีลง แต่สติพระอรหันต์ต้องยิ่งกว่านี้ เมื่อสติตื่นตลอดทั่งกลางวันกลางคืน ฝันมันไม่มี แต่นิมิต กับโลกทิพย์เป็นอีกเรื่อง) เมื่อสงสัย ในช่วงเช้าก่อนตื่น ก็ได้พบเจ้าแม่กวนอิม ท่านพาไปดูราศีและชะตา แล้วให้นั่งสมาธิ กำหนดดวงแก้วสองด้านที่มือ ด้านหนึ่งเป็นดวงเรา ด้านหนึ่งเป็นดวงชะตาที่ต้องการ ให้กำหนดที่ใจเรา แล้วก็ตื่น ยังสงสัยว่ามันทำได้จริงหรือ แต่ว่า ไม่ทันได้ทำหรอก ก็ทราบมาว่า พระท่านสอนอย่างนี้ ให้สวดพาหุง มหากา พอไปเปิดคำแปลก็ทราบว่า การสวดพาหุง มหากา คือ การทำไว้ในใจอย่างนี้ว่า กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทำเป็นกุศล นั้นเป็นมงคล เป็นฤกษ์งามยามดี แปลก็คือ ชะตากรรมทำอะไรไม่ได้ ถ้าทำกุศลกรรมอย่างจริงจัง สม่ำเสมอ อันนี้ จะเรียกนิมิต หรือฝัน หรือโลกทิพย์ ท่านพิจารณากันเอง

 

หน้าแรกก็กล่าวถึง พุทธรรม ครับ ชื่อหน้าปกตัวเบ้อเร่อ 555

ทุกวันนี้ ก็อ่านเป็นอยู่ อ่านตั้งแต่เด็กจนจะแก่

 

ผู้บำเพ็ญเพียรทางจิต จำต้องผ่านทางนี้ แต่เมื่อถึงตรงนี้แล้ว ส่วนมากจะติดวนหมกติดอยู่ที่นี่ บางรายถึงกับเสียผู้เสียคน

ทางธรรมเรียกสภาวะนี้ว่า ธัมมุทธัจจ์บ้าง วิปัสสนูปกิเลสบ้าง

“ธรรมุธัจจ์” มาจาก ธัมมุธัจจะ หรือธรรมุทธัจจะ แปลว่า ฟุ้งซ่านธรรม อรรถกถาเรียก วิปัสสนูปกิเลส แปลว่า เครื่องเศร้าหมองของวิปัสสนา

ธัมมุทธัจจ์ หรือ วิปัสสนูปกิเลส มี ๑๐ อย่าง คือ

1. โอภาส แสงสว่าง ซึ่งรู้สึกว่างามเจิดจ้าแผ่ซ่านไปสว่างไสว อย่างไม่เคยมีมาก่อน

2. ญาณ ความหยั่งรู้ ที่เฉียบแหลมคมกล้า รู้สึกเหมือนว่า จะพิจารณาอะไรเป็นไม่มีติดขัด

3. ปีติ ความเอิบอิ่มใจ รู้สึกเต็มเปี่ยมไปทั่งทั้งตัว

4. ปัสสัทธิ ความสงบเย็น เกิดความรู้สึกว่า ทั้งกายและใจสงบสนิท เบานุ่มนวล คล่องแคล่ว แจ่มใสเหลือเกิน ไม่มีความกระวนกระวาย ความกระด้าง หนัก ความไม่สบาย หรือความรำคาญขัดขืนใดๆ เลย

5. สุข มีความสุขที่ประณีตละเอียดอ่อนลึกซึ้งอย่างยิ่ง แผ่ไปทั่วทั้งตัว

6. อธิโมกข์ เกิดศรัทธาอย่างแรงกล้า ประกอบเข้ากับวิปัสสนา ทำให้จิตใจมีความผ่องใสอย่างเหลือเกิน

7.ปัคคาหะ ความเพียรที่ประกอบกับวิปัสสนา ซึ่งพอเหมาะพอดี เดินเรียบ ไม่หย่อนไม่ตึง

8.อุปัฏฐาน สติที่กำกับชัด มั่นคง ไม่สั่นไหว จะนึกถึงอะไร ก็รู้สึกว่าระลึกได้คล่องแคล่วชัดเจน เหมือนดังแล่นไหลไปถึงหมด

9. อุเบกขา ภาวะจิตที่ราบเรียบเที่ยง เป็นกลางในสังขารทั้งปวง

10. นิกันติ ความพอใจติดใจ ที่สร้างความอาลัยในวิปัสสนา มีอาการสงบ สุขุม ซึ่งความจริงเป็นตัณหาที่ละเอียด แต่ผู้ปฏิบัติไม่สามารถกำหนดจับได้ว่า เป็นกิเลส

.............

สภาวะเหล่านี้จะเกิดสลับคละเคล้ากัน แต่มันก็ไม่ใช่กิเลส ยกเว้นข้อ 10 ซึ่งเป็นตัณหาที่ละเอียด

ต้องเดินทางทางจิตใจไปอีก ไม่ใช่ที่นี่ แล้วทำยังไงจึงข้ามพ้นได้ ? ตอบ ต้องกำหนดรู้เท่ารู้ทันมัน

 

พิมพ์มาให้ดูสัก 4 บรรทัดสิครับ