ฝัน นิมิต หรือโลกทิพย์ แยกแยะอย่างไร หรือมันอย่างเดียวกัน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ณฉัตร, 29 พฤษภาคม 2015.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ต้องก้าวไปให้ถึงสภาวะข้อ 8 จึงจะปลอดภัย:cool:

    วิปัสสนาญาณ ญาณที่นับเข้าในวิปัสสนาหรือญาณที่จัดเป็นวิปัสสนา มี ๙ อย่าง คือ


    ๑. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ ปรีชาตามเห็นความเกิดขึ้นและดับแห่งสังขาร, ญาณที่มองเห็นนามรูปเกิดดับ

    ๒. ภังคานุปัสสนาญาณ ญาณตามเห็นความสลาย, ปรีชาหยั่งเห็นเฉพาะความดับของสังขารเด่นชัดขึ้นมาว่าสังขารทั้งปวงล้วนจะต้องแตกสลายไปทั้งหมด

    ๓. ภยตูปัฏฐานญาณ ปรีชาหยั่งเห็นสังขารปรากฏโดยความเป็นของน่ากลัว เพราะสังขารทั้งปวงนั้นล้วนแต่จะต้องแตกสลายไป ไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น

    ๔. อาทีนวานุปัสสนาญาณ ญาณคำนึงเห็นโทษ, ปรีชาคำนึงเห็นโทษของสังขารว่ามีข้อบกพร่องระคนด้วยทุกข์ เช่น เห็นสังขารปรากฏเหมือนเรือนถูกไฟไหม้

    ๕. นิพพิทานุปัสสนาญาณ ปรีชาคำนึงถึงสังขารด้วยความหน่าย เพราะมีแต่โทษมากมาย แต่ไม่ใช่ทำลายตนเองเพราะเบื่อสังขาร เรียกสั้นว่า นิพพิทาญาณ

    ๖. มุญจิตุกัมยตาญาณ ปรีชาหยั่งรู้ที่ทำให้ต้องการจะพ้นไปเสีย คือ ต้องการจะพ้นไปเสียจากสังขารที่เบื่อหน่ายแล้วด้วยนิพพิทานุปัสสนาญาณ

    ๗. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ ญาณอันคำนึงพิจารณาหาทาง, ปรีชาคำนึงพิจารณาสังขาร เพื่อหาทางเป็นเครื่องพ้นไปเสีย

    ๘. สังขารุเปกขาญาณ ปรีชาหยั่งรู้ถึงขั้นเกิดความวางเฉยในสังขาร, ญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางต่อสังขาร คือ รู้เท่าทันสภาวะของสังขารว่าที่ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เป็นต้น นั้น มันเป็นไปของมันอย่างนั้นเป็นธรรมดา จึงเลิกเบื่อหน่าย เลิกคิดหาทางแต่จะหนี วางใจเป็นกลางต่อมันได้ เลิกเกี่ยวเกาะ และให้ญาณแล่นมุ่งสู่นิพพานอย่างเดียว

    ๙. สัจจานุโลมิกญาณ ญาณเป็นไปโดยควรแก่การกำหนดรู้อริยสัจจ์, อนุโลมญาณ ก็เรียก
     
  2. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    หน้าที่ 1 พุทธธรรม หรือ กฎธรรมชาติและคุณค่าสำหรับขีวิต

    ความนำ
    สิ่งที่ควรเข้าใจก่อน
    พระพุทธศาสนานั้น เมื่อมองในทัศนะของคนสมัยใหม่ มักเกิดปัญหาขึ้นบ่อยๆ ว่า เป็นศาสนา(religion) หรือเป็นปรัชญา (philosophy) หรือว่าเป็นเพียงวิธีครองชีวิตแบบหนึ่ง (a way of life) เมื่อปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว ก็เป็นเหตุให้ถกเถียงหรือแสดงเหตุผล ทำให้เรื่องยืดยาวออกไป

    แค่นี้นะครับ เริ่งเมื่อยนิ้ว

    ถ้าคิดว่าผ่านแล้วก็ผ่านแล้ว ก็เป็นอันว่า ไม่ต้องพูดถึง การที่ผมมาพูดถึง คนก็มาถกเถียงว่าผมติดอยู่ ตลกดีครับ ท่าทีที่มีต่อฝัน บางคนก็ว่าไร้สาระ แค่ฝัน จะไปใส่ใจทำไม บางคนก็เอาไปแทงหวยเป็นจริงเป็นจัง นี่ขนาดตอนแรกๆ ผมนั่งรถไปกับพ่อตอนเด็กนี่ ผมหลับตากำหนดลมหายใจเข้าออก อยู่ๆ มันมีเลขสีทองออกมา ผมก็งงนะ พอตอนเย็นของอีกสองสามวัน หวยออก มันดันตรงกับเลขที่เห็น ก็ขำไป แต่ผมไม่เคยซื้อหวยเพราะนิมิต นี่สติขาดล่ะ พูดประเด็นฝัน ดันผ่าไปนิมิต อันความฝันนี่ ถ้าจะบ่งบอกมันบอกกิเลสเราได้ มันบอกสภาพจิตใจเราได้ ใช้ให้เป็น ถ้าสติยังไมบริบูรณ์ ถ้ายังฝันก็พิจารณาครับ กิเลสอะไร จิตมันผูกกับอะไร ลองคิดดูตายไปถ้าจิตผูกจะเป็นยังไง ถ้าฝันร้ายสภาพจิตใจเป็นยังไง ฝันบางทีเป็นลางสังหรณ์คือจิตมันรู้ของมัน ใครจะมาจะไป จะคิดกับเรายังไง บางช่วง เจ้ากรรมนายเวรมาก็รู้ล่วงหน้า จะได้เตรียมตัวรับมือเค้า บางทีเคยหลุด ไปยืนกลางสนาม เห็นคนวิ่งมา เข้ามาทำความเคารพ แล้ววิ่งไปด้านหลัง กลับไปเกิดเป็นหมา เราก็ตะหนัก มันตะหนักแบบไม่ต้องคิด ต้องนึก แล้วไม่เห็นภาพการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลก เราเองถ้าไม่ระวังก็ไม่พ้นสุนัข พ้นหมา อะไรจะมาอย่างยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็คิด ไม่ใช่เห็นนิมิตเป็นพระพุทธเจ้ามาก็เชื่อทุกอย่างไปหมด การฟัง การพิจารณา การใคร่ครวญก่อนก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติ เทวดา นางฟ้า ภูตผีบางทีมาทักทายกลางวันแสก เค้าก็อยู่ส่วนเค้า เค้ามีจังหวะเวลาของเค้า ที่เรารับรู้ได้ เพราะเราไม่ใช่ระดับอภิญญา เมื่อสมาธิ สติยังอยู่ระหว่างฝึกฝน มันเกิดขึ้นได้ โลกทิพย์มีอยู่จริงแล้วมันส่งผลกับโลกที่เราอยู่ยังไง ปกติมันส่งผลไม่ได้เลย มันมีแต่เรารู้เห็นคนเดียว ไปบ้านเพื่อนได้ยินเสียงเด็กหัวเราะ ถามเพื่อนน้องๆ ไม่ไปเรียนเหรอ มันบอกไปเรียน อ้าวแล้วใคร เดินขึ้นไปดูไม่มีใครจริง ก็ช่างมัน พ่อแม่ของเพื่อนดันมาพูดอีกว่า มีกุมารทองสององค์มาอยู่ด้วย มันก็แค่รู้ไป คือเราไปรู้อะไร สุดท้ายก็เห็นว่า ฝัน นิมิต โลกทิพย์ มันเป็นสภาวะรู้เฉพาะตน ดังนั่น ก็ทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นไป แต่เรารู้ในส่วนที่มันบอกกิเลสเราได้ บอกล่วงหน้าให้เตรียมการได้ บอกให้เรารู้กฎแห่งกรรมได้ ทำให้จิตมันตะหนักและหายสงสัยได้ มันต้องพิสูจน์ให้เห็นจริงได้แม้กับตัวเรา หรือคนอื่นที่อาจรับรู้ได้ แต่มันจะไม่ใช่รู้ไปพร่ำเพรื่อ มามัวพิสูจน์อะไร บางคนที่เห็นหนักมาก ดันไปหลงไปเชื่อ พิสจน์ไม่ได้ก็อยากจะพิสูจน์อีกจะให้คนเชื่อ ไม่ต้องไปใส่ใจอย่างนั้น มันจะพิสูจน์ให้คนเห็น มันทำของมันเอง เราไม่ต้องทำอะไร เราทำกุศล สติ สมาธิ ของเราต่อไป ความอัศจรรยฺของจิตที่ฝึกสติ สมาธิ ทำกุศล มันจะแสดงตัวของมันเอง ไม่ต้องพยายามไปบอกใคร ไม่ต้องพยายามพิสูจน์ให้ใครเชื่อ คำสำคัญอยู่ที่ เป็นสิ่งที่เห็นได้เฉพาะตน ให้สำเนียกอย่างนี้ ถ้าจะเรียกให้ใครมาดู มันต้องถึงอีกระดับ ถ้ายังไม่ถึงอย่าข้ามขั้นตอน อย่าไปเรียกใครมาฟังเรา

    ผมสรุปเลยล่ะกัน ไม่อยากเล่าประเภทฝัน นิมิต โลกทิพย์ แล้ว ความจริงจะจั่วหัวให้คนมาเล่า พอทำถึงจุด จะได้เห็นเป็นธรรมดาไป อย่างเช่น นั่งไปตัวลอยติดเพดาน ตกใจลืมตา อ้าวอยู่ที่เดิม แต่โฟกัสตามันกินไปถึงเพดานลงมาที่ร่างกาย มันหลอนๆ บางที แสงสว่างเห็นเป็นลูกแก้วลอยนิ่ง เหมือนจะเห็นทั้งนิมิต ทั้งห้องที่นั่ง แต่คนอื่นไม่เห็น หลับตาเหมือนลืมตา จะเรียกให้คนอื่นดู ไม่มีใครเห็น บางทีนาคดำเนินมา อ้าวดันเห็นกันทุกคน บางทีคนอื่นเห็นหมด เราดันหลับตาก็มี มัวกรแหวกว่ายท้องฟ้า

    พอเหตุการณ์ผ่านไป มันก็จบ

    สำหรับผม ฝัน นิมิต โลกทิพย์ แยกแยะกันที่ระดับสติ สมาธินั่นเอง ฝัน ขาดสติ นิมิต จิต สร้างและปรุงแต่ง โลกทิพย์ เห็นแล้ว ทราบกฏแห่งกรรมหรือธรรม

    ลองทบทวน ถ้าคิดว่าเห็นโลกทิพย์ แต่กิเลสฟุ้ง มันลดเป็นนิมิตจิตปรุงแต่งตามกิเลส กิเลสมันจะอยากเห็นอย่างนั้น เห็นโลกทิพย์แล้วคลายความยึดมั่นถือมั่น ถือว่าถูกทาง ถ้าเห็นแล้วมีกิเลสอยากเป็นนู้นนี่นั้น ฉันอยากเป็น มันกลายเป็นจิตปรุงแต่งทันที

    อันนี้ก็โดยสาธารณะ ออกไปแล้วก็วิจารณ์กันได้
     
  3. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ความคิดเนียะ ปรกติที่พยายามจะไปค้นคว้ากันมา
    ทุกความคิดจะขอคืนพื้นที่เสมอ
    อย่างน้อยก็กินเวลา

    พอเรามีอารมณืปราณีตเราจะไปพบ อุปปาทานในขันธ์ห้าของเราเอง
    ซึ่งเราจะไม่ปล่อยหรอก ให้ความคิด ไม่ว่าจะอุเบกขาคือคิดชนิดหนึ่ง
    ไม่ว่าจะสุญญาตาคือคิดชนิดหนึ่ง ไม่ว่าฌานสมาบัติคือคิดอีกหลายชนิด

    ด้วยอุปปาทานในขันธ์
    เรานี่้แหละ ไม่ยอม ให้ความคิดกิน แย่ง ยึด เวลา พื้นที่ ทรัพยากรเรา

    และนี่คือการตีโต้ โต้ตอบ
    การเอาคืน ของเรา
    ที่กระทำต่อความคิด
     
  4. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ความคิดเนียะ
    บางทีมาจากกระแสไฟฟ้า ที่ใช้กระตุ้น กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ

    มันเป้ฯการขอคืนพื้นที่ชนิดหนึ่ง

    กระแสไฟฟ้าจะมีความต่างศักย์ เหมือนน้ำทะเลหนุนเข้ามาเวลาน้ำจืด หน้าแล้ง
    และน้ำทะเลจืดเวลาหน้าน้ำหลาก

    เหมือนกะเป็นร่ม น้ำทะเลกะน้ำจืดแย่งร่มกันที่ ปากแม่น้ำ
    <iframe class="mp4downloader_embedButtonInitialized mp4downloader_tagChecked " src="https://www.youtube.com/embed/VmvoU9cRzn4" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" width="560"></iframe>
    <button class="mp4downloader_btnForIFrame " type="button">Download Video as MP4</button>​


    นี่คือกระแสไฟฟฟ้าที่ควบคุมกล้ามเนื้อ
    มันจะหดและยืด แบบแย่งร่ม
    แบบน้ำเค็มน้ำจืด

    และมันจะทำให้เราย้ำคิดย้ำทำ เพราะพิกัดบนพื้นผิวมัน
    คือวิญญาณขันธ์ จะเลือกอันผิด
     
  5. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ร่างกายเป็นสารประกอบ อิเล็กโตรไลท์
    เป็นวิชชาที่หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

    ไม่สงสัยเหรอทำไมต้องเหยียบ
    เป็ฯสัมปะชัญญะ บรรพะ ในพระมหาสติปัฐฐานสูตร
    ไกอาร์ นุปัสสนา
     
  6. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    วิญญาณขันธ์จะแยกออกแน่ๆระหว่างน้ำเค็มกะน้ำจืด
    เหตุใดที่ทำให้มันเลือกอันผิดเสมอ

    เพราะผิดคือความคิดชนิดหนึ่งเช่นกัน
    สักไกอาร์ทิฏฐิ ของเรานี้แหละตัวเรานี้แหละ
    แท้ที่จริงก็ไปแย่งผิด เพราะคิดว่ามันจะมุงจะบัง เป้ฯเกราะคุ้มภันเรา
    เราคิดไปเอง ว่าเราขาดความผิดไม่ได้
    หรือคนอื่นๆขากความผิดไม่ได้
    คิด
    ว่าจะแย่งเพื่อยัด
    คิดว่าจะยัดเพื่อแย่ง

    นี่คือวิญญาณขันธ์ ซึ่งประกอบด้วยสองคิด แย่งร่มกัน
     
  7. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ถ้าเราพบพื้นผิว คือผิวร่มหนะ
    ผิวชนแต่จักรายยังยาก ใครจักอาจให้ช้ำชอกเนื้อเรียมสงวน

    เราจะพบไกอาร์ในไกอาร์ภายใน
    กะ
    ไกอาร์ในไกอาร์ภายนอก

    เพราะวิญญาณขันธ์ แย่งร่ม
     
  8. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    เหมือนม้งลาว
    เหมือนโรฮิงญา
    immigration คือการแย่งร่ม
     
  9. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ถ้าเป็น procesor chip ของคอมพิวเตอร์
    คือ little endian
    กะ BIG endian
    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/G78cTmgeUxI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  10. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ประสาทอัตโนมัติ เช่นกำหนดแรงดันของการเต้นหัวใจ
    ผนังหลอดเลือดที่กำหนดการยืดหดได้

    ประสาทอันดนมัติ ประมวลผม จาก ปัจจัย หลายอย่างมาก ค่อนข้างซับซ้อน
    แต่ถ้ามันซับซ้อนเกิดไป ก็จะเริ่มป่วยหรือถึงตาย

    ถ้ามองจากมุมมองของวิญญาณขันธ์
    คิดลึก ยิ่งคิดจะยิ่งตื้น
    ถ้ามองจากวิญญาณขันธ์
    ยิ่งคิดตื้น จะยิ่งลึก

    เหมือนกะเราเอาเรือไปจอดที่ประมาณรอยต่อระหว่างน้ำเค็มกะน้ำจืด
    วิญญาณขันธ์จะหันหน้าไปทางที่ผิดเสมอ
    เพราะผิดคือความคิด

    ทำไมมันต้องหันผิด เพราะตัววิญาณขันธืประกอบจากสองคิด
    ถ้าไม่หาอันผิดให้เจอ มันจะเป็นมันไม่ได้

    ถ้าวิญาณขันจะต้องการน้ำจืดมันจะพายเรืออกน้ำเค็ม
    และถ้าต้องอารน้ำเค็มมันจะพายเรือเข้ามาในแม่น้ำพายไปต้นน้ำ
    และหันหน้าผิด ด้าน

    เพราะต้องการประกอบตัวเป็ฯมันของมัน
    ธรรมชาติของมันต้อง ผิด

    เวลาเราเกิดข้อสงสัย
    ให้มองจากมุมมองของทะยานอยากก็ได้
    เราเริ่มเดินจากจุดหนึ่ง จากเค็มไปหาจืด
    จากจืดไปหาเค็ม
    เมือเบี้ย หอยหนะ มีน้ำเค็มน้ำจืด
    เมื่อเบี้ยเดินผิดไง จากจืดไปเค็มได้ ถ้าเราดูทะยานอยาก เบี้ยจะพลิกเหมือนร่ม
    เบี้ยจำเป็ฯเหมือนกะต้องไปผสมพันธ์ที่ต้นน้ำ

    วิญญาณต้องการความคิด เป็นปัจจัยเพื่อมันและมัน
    dont ask waht u can do for your country
    but
    ask what country can do for u
     
  11. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ส่ิ่งที่คุณเล่ามา...น่ะ กับทั้งที่ผมนำๆมามากมายหลายๆเคส ตอนปฏิบัติใหม่ๆ ผมเห็นผมเป็นจนแทบบ้าครับ คิกๆๆ (deejai) (แต่เผอิญว่าได้พระอาจารย์ผู้เป็นกัลยาณมิตร...) .... ก่อนหน้าช่วงเล่นบอร์ดใหม่ๆ เห็นใครเล่าใครเป็นแล้วนึกสงสาร (กรณี คนที่ตั้งใจจริง) อยากช่วยแนะนำ...แต่จะยุส่งคน (เซ็นเซ่อร์) ถือเอามายาจิต ซึ่งมันลวงเป็นจริงเป็นจัง :eek: ดันทุรัง :d
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อนุญาติให้ วิจาน เองนะ

    ซึ่ง ตามหลักการก็ต้อง จัดหนึ่งคำใหญ่ก่อน " เมาไม่เลิก "

    การเห็นฝัน เห็นนิมิต เห็นโลกทิพย์(โลกของสัตว์ นั่นแหละ)

    ครั้งก่อนเกริ่นไปแล้ว " จิตครุ่นคิดถึงสิ่งใด จิตมันจะปักนอนเนื่องไปเกิดในสิ่งนั้น "

    " การเห็นเลขสามตัว แล้วบอกว่าไม่ได้ซื้อ " อันนี้ รู้ไม่จริง เพราะ ไปไหล
    ตาม ตรึกตาม ปล่อยให้ ภพน้อย มันพรั่งพรูต่อ ไม่เคยมี สติกั้น

    ถ้ามี สติ มันจะต้องสาวไปหาเหตุ แล้วกล่าวใหม่เลยว่า แท้จริงแล้ว ตรึกเรื่อง
    หวยมาแต่เด็ก ก่อนจะทำสมาธิ ก่อนจะหายใจ เสียอีก !!! จิตมันถึงได้ ปลิ้น
    ไปรู้เลข ก็เพราะ กิเลสมันจูงไปเชือด ...... กิเลส จะหาย เมื่อสาวไปเห็น เหตุ
    ไม่ใช่ เมาธรรม ไปอ้างว่า " หลังจากเห็นไม่ได้ซื้อ " นั่นเขาเรียกว่า กิเลสมัน
    ลากไปปู้ยี้ปู้ยำเละเทะแล้ว ......ภาษาแปลกๆคือ มันไหลออกไปจนหมดแล้ว ก็เอาทิชชู้มาเช็ด
    แล้วเที่ยวโกหกคนอื่นว่า กูไม่มีกิเลส กิเลสกูเบาบาง โกหกซ้ำสอง

    ไอ้อะไรแบบนี้ มันจะมีแต่ความอยากพูด อยากเล่า อยากกล่าวว่าตัวเองเห็นอะไร แล้วก็
    ตบท้ายด้วยการ โกหกหน้าสากๆว่า ไม่มีกิเลส .................

    ใครเขาดูกิเลส ที่มันมาหลังจากมันแสดงตัวละครับ

    การฝัน การนิมิต การเห็น(เข้าหา)โลกทิพย์ นั่นมันไป ด้วยกิเลส จูงจมูกไป

    การมีสติ จะเห็นไปอย่างเดิมนั่นแหละ แต่ จะระลึกได้ว่า นั่นคือ จิตมันปลิ้นปล้อน
    เอา สังขาร มาแหกตา จะระลึกรู้ทันตลอด แล้วจะทราบเลยว่า กิเลสตัวไหนบ้าง
    แล้วสาวไปอีก ที่มันแสดงมายาได้อยู่ก็เพราะ จิตยังมี "........" และหากกำหนดรู้
    ตรงนี้เนืองๆ จิตถึงจะมีสติ มีสัมปชัญญะ มีสมาธิธรรม มีโพธิปักขยิธรรม

    เนี่ยะ สภาวะการภาวนา คนธรรมดาเขาทำกันได้ เขาฝึกกันเนืองๆ ไม่ใช่ให้กิเลส
    ลากไปจนเสร็จกิจของมันแล้ว แล้วมาหลอกชาวบ้านว่า จิตไม่มีกิเลส จิตกิเลสเบาบาง
    หลัง แอแฮ แผ่สองสลึง !!!
     
  13. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ???
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2015
  14. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ฝัน คือความคิดที่ปล่อยให้ไหลไปตาม อุปปาทาน ชาติภพ เกิดแก่เจ็บตาย

    นิมิตคือ เครื่องหมาย เช่น "เครื่องหมายทางการค้า" "เครื่องหมายสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ" เครื่องหมายอาจจะเป็นแค่ "เสียงที่คุ้น" "กลิ่นที่คุ้น" "สัมผัสที่คุ้น" "รสที่คุ้นก็ได้" เป็นแค่ตัว ทำให้เกิดความต่าง

    โลกทิพย์ คือโลกอันน่ารัก น่าปราถนา ถ้าโลกที่น่าเกลียด น่าขยะแขงก็ไม่เรียกโลกทิพย์ เช่น "บริษัทไทยน้ำทิพย์" ก็เป็นผู้บรรจุขวด กระป๋อง เครื่องดื่มน้ำอัดลม โคคาโคล่า

    เช่น "ผมฝันว่าจะได้ดื่มเครื่องดื่ม ที่บรรจุและจัดจำหน่าย โดยบริษัทไทยโลกทิพย์ เพื่อจะได้รสเครื่องดื่มที่เป็นนิมิตชนิดต่างๆ เป็นน้ำเขียว น้ำแดง น้ำดำ โดยมีรสเป็นนิมิต"
     
  15. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    เคยเห็นด้วยตาเนื้อ นาค ตอนเป็นเณรร่วมกับญาติโยมครึ่งร้อยที่วัดแถวลพบุรี เมื่อตอนเด็กเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ก็พิจารณากันนะครับ นาค เป็นเดรัจฉานกึ่งเทพ มีภาวะทิพย์ ลอยตัวกลางอากาศได้ หายตัวได้ ก็เห็นกันด้วยตาเนื้อ แต่เดาว่ามีคนคิดว่าตนเองเป็นอรหันต์จะตอบหรือให้ความเห็นเดียวทุกความเห็นคือ กิเลส จิตหลอก ปรุงแต่ง คนเห็นมันหยาบแทนที่จะรู้เท่าทันจิตปรุงแต่ง หลุดพ้นๆๆๆๆๆ ขออุทานให้คนประเภทนี้ ว่า กรรมเวรจำเริญๆ
     
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ว่าตามหลักก่อน หลัก (อภิธรรม) ท่านว่า คนหลับฝันมี 5 อย่าง กรรมนิมิต จิตอาวรณ์ เทพสังหรณ์ ธาตุกำเริบ เทวดาดลใจ

    คนหลับสนิทจะไม่ฝัน ที่เรียกว่าฝันคือมีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น (เป็นการทำงานของจิตไร้การควบคุมกึ่งหลับกึ่งตื่น) คนฝันร้ายบ่อยๆ เช่น ฝันว่าวิ่งหนีสัตว์ร้าย วิ่งๆๆๆ แต่ก็วิ่งไม่ค่อยออก ตื่นคือรู้สึกตัว ใจงี้สั่น...ให้ตั้งสติดีๆ อย่าเพิ่งขยับตัว นึกสำรวจดูร่างกายทั่วๆ เรานอนทับส่วนใดของร่างกายแล้วกล้ามเนื้อส่วนตรงนั้นชาๆ (เลือดลมเดินไม่สะดวก) มีบ้างไหม อย่างนี้ในฝันจะวิ่งหนีไม่ออก (ฝันว่าผีอำก็เหมือนกัน) ถ้าร่างกายเบาสบายเลือดลมเดินสะดวก ในฝันจะวิ่งปร๋อเลย คือว่าร่างกายกับจิตใจสัมพันธ์กัน

    ยกตัวอย่างอีกแต่ X หน่อยนะ (อย่าลบล่ะให้ความรู้) คือคนอยู่ในวัยหนุ่ม-สาว คงมีประสบการณ์ฝันเปียก คือจะฝันเกี่ยวกับเรื่องทางเพศ คือตอนนั้นด้านร่างกายอวัยวะเพศตื่นมันตัว จิตก็ครึ่งหลับครึ่งตื่นจะฝันทำนองนี้.... รู้สึกตัวกลั้นไม่อยู่กางเกงเปียกเลย (กาย มโนสัมพันธ์)

    ส่วน "นิมิต" มีความหมายหลายนัย ใช้ทางพระวินัย และทางธรรม ก่อนพูดนึกดีๆเราจะใช้สื่อนัยไหน

    “นิมิต” ในทางพระวินัย หมายถึง วัตถุที่เป็นเครื่องหมายเขตที่ประชุมสงฆ์บ้าง หมายถึงอาการแสวงหาลาภในทางที่ผิดด้วยวิธีขอเขาแบบเชิญชวนโดยนัย บ้าง แต่ทางธรรมปฏิบัติ หมายถึง ภาพที่เห็นในใจในการเจริญกัมมัฏฐาน (สมถกัมมัฏฐาน)

    นิมิต ๑. เครื่องหมาย ได้แก่ วัตถุอันเป็นเครื่องหมายแห่งสีมา, วัตถุที่ควรใช้เป็นนิมิตมี ๘ อย่าง ภูเขา ศิลา ป่าไม้ ต้นไม้ จอมปลวก หนทาง แม่น้ำ น้ำ ๒. (ในคำว่าทำนิมิต) ทำอาการเป็นเชิงชวนให้เขาถวาย, ขอเขาโดยวิธีให้รู้โดยนัย ไม่ขอตรงๆ
    ๓. เครื่องหมายสำหรับให้จิตกำหนดในการเจริญกรรมฐาน, ภาพที่เป็นอารมณ์กรรมฐาน มี ๓. คือ
    ๑. บริกรรมนิมิต นิมิตแห่งบริกรรม หรือ นิมิตตระเตรียม ได้แก่ สิ่งที่เพ่ง หรือ กำหนดนึกเป็นอารมณ์กรรมฐาน
    ๒. อุคคหนิมิต นิมิตที่ใจเรียน หรือนิมิตติดตาติดใจ ได้แก่ สิ่งที่เพ่งหรือนึกนั้นเอง ที่แม่นในใจ จนหลับตามองเห็น
    ๓. ปฏิภาคนิมิต นิมิตเสมือน หรือนิมิตเทียบเคียง ได้แก่ อุคคหนิมิตนั้น เจนใจจนกลายเป็นภาพที่เกิดจากสัญญาเป็นของบริสุทธิ์ จะนึกขยาย หรือย่อส่วนก็ได้ตามปรารถนา
    ๔. สิ่งที่พระโพธิสัตว์ทอดพระเนตรเห็นก่อนเสด็จออกบรรพชา ๔ อย่าง

    ส่วนโลกทิพย์ ทำนองที่เล่าๆนั้่น ยังไม่เคยเห็นคำสอนจะๆ แต่เคยได้ยินได้ฟังชาวบ้านเล่าสู่กันฟัง

    -ทั้งความฝัน มิมิต โลกทิพย์ คนละเรื่อง ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน


    สุดท้าย เราจะฝันยังไงแล้วแต่ หลังตืนนอนแล้ว ไม่ควรเก็บมาคิดมาสานต่อ ฝันก็ฝัน ตื่นก็ตื่น คนละขณะจิตกัน
     
  17. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ไม่ลบหรอกครับ ความเห็นบริสุทธิ์อย่างนี้ มีแต่อนุโมทนา ผมลบแต่ของผม

    ความฝันของพระโพธิสัตว์มีปรากฎในสุบินสูตร อังคุตรนิกาย ปัญจกนิบาต (22/196/213) มีเนื้อความว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาสุบินห้าประการ ปรากฏแก่ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ก่อนแต่ตรัสรู้ ยังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่ห้าประการ คือ
    (1) แผ่นดินใหญ่นี้เป็นที่นอนใหญ่ ขุนเขาหิมวันต์เป็นเขนยมือซ้ายหย่อนลงในสมุทรด้านทิศบูรพา มือขวาหย่อนลงในสมุทรด้านทิศประจิมเท้าทั้งสองหย่อนลงในสมุทรด้านทิศทักษิณ นี้เป็นมหาสุบินข้อที่หนึ่งปรากฏแก่ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ก่อนแต่ตรัสรู้ ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่
    (2) หญ้าคาได้ขึ้นจากนาภีของตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะก่อนแต่ตรัสรู้ ยังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ จดท้องฟ้าตั้งอยู่ ปรากฏแก่ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ก่อนแต่ตรัสรู้ยังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่
    (3) หมู่หนอนมีสีขาว ศีรษะดำ ได้ไต่ขึ้นมาจากเท้าของตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ก่อนแต่ตรัสรู้ ยังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ ปกปิดตลอดถึงชานุมณฑล นี้เป็นมหาสุบินข้อที่สามปรากฏแก่ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ก่อนแต่ตรัสรู้ ยังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่
    (4) นกสี่เหล่ามีสีต่างๆ กัน บินมาจากทิศทั้งสี่ ตกลงแทบเท้าของตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ก่อนแต่ตรัสรู้ ยังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ แล้วกลับกลายเป็นสีขาวทุกตัว นี้เป็นมหาสุบินข้อที่ ๔ปรากฏแก่ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ก่อนแต่ตรัสรู้ ยังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่
    (5) อีกประการหนึ่ง ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ก่อนแต่ตรัสรู้ ยังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ เดินไปมาบนภูเขาคูถลูกใหญ่ (แต่)ไม่แปดเปื้อนคูถ นี้เป็นมหาสุบินข้อที่ห้าปรากฏแก่ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ ก่อนแต่ตรัสรู้ ยังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่
    พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
    19/01/54

    ไปcopy มาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2015
  18. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ไม่มีเจตนาว่าคุณ ณฉัตรลบ เพราะคุณไม่ใช่ WM ครับ

    ทั้ง 5 ข้อ ที่ยกมานั้นไกลชีวิตเราๆท่านๆซึ่งกำลังดำเนินอยู่เป็นไปไปครับ
     
  19. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ผมบอกวัตถุประสงค์แต่แรกแล้ว แต่มีผู้แปลเจตนาผมผิดไปหมด ผมตั้งกระทู้เพื่อให้คนที่ยังไม่ปฏิบัติหรืออยู่ระหว่างการปฏิบัติ ได้ทราบว่า อาการจากกรรมฐานขั้นแรกๆ ที่จับสมถะ จะเจอรูปแบบไหน มันมาทั้งฝัน นิมิต (หมายถึง สิ่งที่จิตปรุงแต่ง โดยตั้งใจหรือไมุ่) โลกทิพย์(ปรากฏการณ์เห็นภพภูมิ จะเป็นแบบภพภูมิจิตสร้างเป็นกลไกของจิต หรือภพภูมิของสังสารวัฏ) จะเห็นว่าตราบใดไม่บรรลุอรหันต์ การฝัน เป็นเรื่องของคน จะพูดว่าหลุดพ้นล้านโกฏิคำ คนมันก็ฝันอยู่อย่างนั้น แต่เมื่อมาจับสมถะ มันมีข้อระวังเกิดขึ้น เพราะเวลาฝันเรารู้ว่าฝันไม่จริงจัง แต่นักฏิบัติหลายคนฝันโดยมีระดับสมาธิ มันจะไม่เห็นเป็นฝัน และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ฝันจะมีอาการแปลกกว่าที่รู้จักกันตามปกติ แม้กระทั่งนิมิตกรรมฐานบางกองก็มีนิมิตกรรมฐาน การร่างกายเกิดดับ มันเป็นนิมิตกรรมฐานให้จับการเกิดดับได้ เห็นอวัยวะภายในร่างกายมันก็นิมิต คนปฏิบัติทุกคนมันต้องเจอสักอย่าง ไม่มีใครฟังคำพูดไม่กี่คำแล้วหลุดพ้นหรอกสมัยนี้ เท่าที่อ่านมาฝึกกันปางตาย เจอกันสารพัด ไม่มีใครนั่งสมาธิแล้วมืดๆ อย่างหลับตาอย่างนั้นได้นานหรอก เมื่อจิตนิ่งสงบจากสมถะ กลไกของจิตก็ทำงานชัดเจนขึ้น มันมีแต่แหลมคมในการหยั่งรู้ หยั่งเห็นไม่ว่าระดับใด ไม่มีใครอ่านตำราแล้วคิด แล้วหลุดพ้น ในพระไตรปิฎกยังไม่เจอ มีแต่ต้องไปกราบเณรอรหันต์เพื่อฝึกกรรมฐานวิปัสสนากัน จนหลุดพ้น

    มันไกลตัวสำหรับคนโลกๆ ที่ไม่คิดปฏิบัติอะไรเลย แค่เริ่มสวดมนตร์จนจิตจับสมถะได้

    เป็นอันว่า มีคนบอกไกลตัว ผมขอยุติครับ
     
  20. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    เรื่องของเรื่อง คือ ตอนเด็กไปบอกเพื่อนให้นั่งสมาธิตาม เค้าไปนั่งแล้ว รุ่งขึ้นมาบอกว่ามาแนะนำให้ทำอะไรน่ากลัว เพื่อนนั่งแล้วตัวลอยติดเพดานตั้งแต่วันแรกเลย แถมพอเลิกนั่งสมาธิ ล้มตัวนอนมีคนตัวสีดำเปิดประตูเข้ามาในห้อง ประตูมันซ้อนกับประตูจริง ต่อมา เพื่อนเปลี่ยนศาสนาเลย เพราะว่าไม่ได้ให้เพื่อนอ่านอาการกรรมฐานก่อน ถ้าจะแนะนำใครให้นั่งสมาธิ บอกเล่าสิ่งที่อาจเกิดก็น่าจะดี จะได้มีสติ ไม่ตกใจ บอกเล่าสาเหตุที่ตั้งกระทู้นี้ครับ

    ลาละครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...