จิต กับ วิญญาณ คือ ตัวเดียวกันหรือคนละตัว?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นิพพิชฌน์55, 18 เมษายน 2016.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ห่างไกลความจริง...ก็ยังดีกว่า พวกที่ไม่มีมีวันได้เจอความจริง..นะครับ

    ก็เข้าใจ ไปยังไงก็ ตามใจเถอะครับ..เอาที่สบายใจแล้วกัน

    (ไม่อยากคุยกับ พวกปัญญาน้อยครับ...อิอิ):cool:
     
  2. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    อันนี้เข้าท่า เข้าใจถูกต้อง ตรงประเด็น คนเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ย่อมเห็นรอบโลก รับทราบครับผม :cool:
     
  3. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ไร้สาระจัง...เหมือนเอาโน้นนี่นั่นมายำรวมกันแต่อร่อยอยู่คนเดียวหรือแค่กับกลุ่มคนบางคนที่ปัจจุบันประสบสิ่งเดียวกันเขาก็มาร่วมอร่อยด้วย หากคนอื่นที่เขาไม่รู้สึกด้วยและคนอื่นที่ว่า หากพิจารณาแล้วไม่ใช่ก็คงคล้ายเทวดากับหนอนในกองขี้ ทีนี้พอคนกำลังอร่อยอยู่มันลำบากใจมากจะเชื่อว่านั่นเทวดาหรือนั่นหนอนในกองขี้ ดูๆแล้วออกแนวนั้นมากกว่าอะ
     
  4. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    การที่จะมาแสดงธรรมเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจได้นั้น ผู้แสดงต้องชี้ให้เห็นความเกิด และความดับไปของธรรมนั้นๆด้วย แสดงให้เข้ามาในหลักอริสัจ ชี้ให้เห็นทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ ทางปฎิบัติสู่ความดับทุกข์นั้น หรือ ความเป็นไตรลักษ์ของธรรมที่นำมาแสดงนั้น จนไม่เหลือแม้อัตตาหรือตัวตน ย่อมจะเป็นที่ยอมรับและเข้าใจง่าย เพราะเป็นการแสดงสัจธรรม ธรรมที่เป็นจริง ถึงแม้ว่าผู้มาอ่านยังมีอวิชชา หรือ ทิฐฐิมานะอยู่ แต่สัจธรรมมันจะแสดงออกมาให้เห็นได้เอง เมื่อสติปัญญาเพิ่มพูนแก่กล้าแล้วก็จะเห็นตามธรรมนั้นได้ในที่สุด เพราะสังขารนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาใคร ถ้าตนเองยังไม่ได้บรรลุธรรมนั้นจริง การอยากให้ผู้อื่นมาเข้าใจตามเรานั้นเป็นเรื่องของคนหลง แล้วยิ่งไปดูถูกสติปัญญาผู้อื่นด้วยแล้วก็ยิ่งหลง แท้จริงแล้ว สติ หรือ ปัญญา ก็เป็น สังขาร ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน หรือถูกต้องเสมอไป เพราะยังต้องอ้างอิง กับ สมมุติบัญญัติ แม้สมมุติบัญญัติก็ออกมาจากสังขาร
    อย่าไปยึดติด มันเป็นเครื่องมือสำหรับแผ้วถางอาสวะกิเลส ตัณหา อวิชชา
    อะไรที่เป็นสังขาร ยึดติด แล้วทุกข์ทันที แสดงธรรมแล้ววกไปวนมาเหมือนเข้าใจอยู่คนเดียวอย่าแสดง ถ้าแสดงควรชี้ให้เห็นถึงความดับแห่งธรรมนั้นด้วย ผู้อ่านก็ไม่งง ผู้แสดงก็ผ่องใส เจริญในธรรมครับ:cool:
    [/SIZE]
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาอ่ะนะ...เพราะนี่คุยเรื่องที่ เข้าใจได้ยาก...
    ทุกอย่างที่คุย ล้วนมีที่มาและที่ไป...คนที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ เพราะเขาไม่รู้ที่มา แสดงว่าเขายัง มาไม่ถึง นั่นเอง..ปกติครับ
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เข้าท่า เพราะคุณสามารถมองออก (จินตนาการได้ว่า มันเป็นแบบนี้นี่เอง)
     
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    มันคุยกันหลายกระทู้พร้อมกัน...บางที ความต่อเนื่องในกระทู้เดียว จึงอาจขาดตอน ไม่ต่อเนื่อง..สภาวะที่คนอ่านเข้ามาอ่าน จึงต้อง มีพื้นฐานที่มา หรือพอเข้าใจเอาไว้บ้าง ไม่งั้น ก็ต้องอ่านหลายรอบครับ

    ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป...(ถ้าอ่านโพสที่ตั้งอยู่...แต่จินตนาการที่มา และที่ไป ไม่ได้ ความเข้าใจก็ต้องช้านิดนึงครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2016
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ใครเคยขับรถเดินทางท่องเที่ยวไปไกลๆ พร้อมกางแผนที่ ไปบ้างครับ(ผมดูกุเกิล)

    ป้ายบอกทาง ความจริง มีทั้งบอกว่าที่ผ่านมาคืออะไร ตำแหน่งปัจจุบันคืออะไร..แต่คนเดนทางที่มีสติ จะไม่ค่อยหลง เมื่อไม่หลง คนเดินทางจะให้ความสนใจ ที่ป้ายที่บอกทางที่ต่อไปข้างหน้า ..จะยังไม่สนใจ ปลายทางหรือจุดหมายเท่าไหร่ แต่จะเน้นที่ทางข้างหน้าที่ต่อจาก ตำแหน่งปัจจุบัน...เป็นสำคัญ...

    การแสดง หรือ บอกเล่าเรื่อง ก็เหมือนกันครับ เขาเล่าจุดเริ่มต้น จนมาถึงปัจจุบันจนเข้าใจ แต่ทุกเรื่อง ทั้งคนเล่าและคนฟัง เขาต้องการรู้ ว่า ต่อไปเรื่องที่ต่อจากปัจจุบัน เป็นเช่นไร....ตามลำดับครับ

    มีอยู่คนเดียว ครับ ในเวปนี้ ที่ ไม่ไช่นักฟังที่ดี แต่ชอบกระโดด ไปหยิบเอาตอนจบมาเป็นประเด็นตลอดเวลา ก็คื คุณจิตยิ้ม...jityim

    ชอบเหลือเกิน ที่ชอบ ก้าวกระโดด เอาเรื่อง จุดหมายปลายทางมาเล่า..แต่ไม่เคยมีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า จากจุดเริ่มต้น ตามเส้นทางไปถึงจุดหมาย มันไปยังไง ตรงนี้จิตยิ้ม ไม่เคยให้ความสำคัญ...แล้วก็เอามาถามคนอื่นตลอด ว่า จุดหมายที่ฉันรู้ จุดหมายที่ฉันเห็นคืออะไรคะ อยู่นั่นแหล่ะ...ถามคนอื่นอยู่นั่นแหล่ะ แต่ไม่เคย สำเหนียกในตัวเองเลยว่า ที่ต้องมัวคอยแต่เอาไปถามคนอื่น นั้น เพราะตัวเองไม่เข้าใจ ที่ไปที่มา ของมันนั่นเอง (ไม่เคยเดินตามเส้นทาง หรือไม่เคยปฏิบัตรู้ตามขั้นตอน เหมือนคน เดินขึ้นบันไดแล้ว กระโดดข้ามขั้นสามสี่ขั้น..หรือเหมือนคนอ่านหนังสือแล้วข้ามเลยไป แปดเก้าหน้ากระดาษ)

    คนแบบนี้ คุยกับใคร ก็ไม่เคยรู้เรื่องอะไร...มีแต่ถาม กับถาม..ว่า ทำไมเป็นแบบนี้ นี่คืออะไร..ถึงอยู่กับคำตอบ หรือได้คำตอบ กันก็ไม่มีวันเข้าใจ..ในความจริงของคำตอบ ครับ

    คนส่วนมาก มักเป็นกัน อย่างนี้ครับ
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เปรียบเหมือน คนเดินป่า ขึ้นภูเขา แล้วกลับลงมาเองได้ เข้าใจเส้นทาง เข้าออก ขึ้นลงภูเขาได้ แจ่มแจ้งทุกเส้นทาง

    กับบางคนที่เดินป่าขึ้นเขาแล้วหลงเลย ออกมาก็ไม่ได้ พอมีคนไปช่วยออกมา แล้ว จะมาบอกว่า ตนเอง นั้นเข้าใจเส้นทางแจ่มแจ้งหมดแล้ว มันไม่ควร เพราะ อย่างน้อย ขาไปที่ตนเองหลงนั้น ตนเองก็ยังไม่รู้ ว่าหลงได้ยังไง...จะเอาสิ่งที่ตนรู้ทางออกเพราะมีคนอื่นมาช่วย แล้วทึกทักเอาว่า ตนเองรู้ตั้งแต่ เริ่มต้นจนจบ หรือเข้าใจในทุกเส้นทางขึ้นลง ของป่าของภูเขานั้น ไม่ไช่ฐานะ...ยกเว้นจะ ลองกลับไปเข้าป่า ขึ้นเขาลงเขา ด้วยตัวเองอีกครั้ง โดยไม่หลง และเข้าใจทุกเส้นทาง ด้วยตัวเองอีกครั้ง..หรือหลายๆครั้ง .แบบนี้ จึงควรเอามาพูด เอามาเล่า...ว่าตนเองรู้แจ่มแจ้ง และสามารถนำคนเข้าป่าขึ้นเขา และนำคนออกจากป่าลงเขาได้ โดยไม่หลง และสามารถเข้าไปช่วยคนที่หลง ออกมาได้...ทุกเวลา
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    หรือบางคน ประเภท ฟังเขาเล่ามาว่าต้องเป็นอย่างนี้ๆๆ
    หรือบางคนที่ไปอ่าน ตำรามา ในตำราบอกว่า ต้องเจออย่างนีๆไ หรือต้องเป็นอย่างนี้ๆๆ

    แต่ไม่เคย เดินทาง(ปฏิบัติด้วยตนเองเลยสักที) เห็นคนอื่นเขาคุยกันเรื่อง จุดหมายปลายทาง และเรื่องเส้นทางเดินว่า เขาได้พบเจออะไรมาบ้าง...พอได้ฟังคนอื่นเล่าการเดินทางของเขา แล้วสิ่งที่เขาเล่า มันไม่ได้เขียนไว้ในตำรา หรือไม่เหมือนคนก่อนที่เขาเล่าให้ฟังเอาไว้ ก็ ยื่นหน้า เข้าไปร่วมคุยกับเขา ทำ เหมือนว่า ตนเองเคย ได้เดินทาง จริงๆมาแล้วงั้นแหล่ะ..คนแบบนี้ มีแต่ถ่วง การคุยกัน ครับ

    เบื่อมาก พวกรู้จากตำรา และพวกรู้มาจากครูบาอาจารย์เล่าเอาไว้ ให้ฟัง
    แต่ก็ยังไม่หนักเท่า คนบางพวกที่ครูอาจารย์เองก็ รู้ผิด รู้ไม่จริง ไม่เคยเดินทางถึงจุดหมายอย่างแจ่มแจ้ง เป็นครูอาจารย์ประเภทที่ยังหลงอยู่ แต่ดันเอาสิ่งที่ตนเองรู้ไม่จริงนั้น นั้นมาเล่าให้ศิษย์ฟัง..ทีนี้ ลูกศิษย์ได้ฟัง ก็ถือเอามายึดมั่นถือมั่นว่า ที่ครูตนเล่ามานั้นจริง ครูคนอื่น ถ้าไม่เหมือน ก็จะไม่จริง...อันนี้ยิ่ง ไปกันใหญ่ครับ

    เหมือน นายนักรบเงา...ที่เอาแต่ของครูอาจารย์ สำนักนั้นสำนักนี้ ยกมาแสดง แต่พอมีคนถามตัวนักรบเงาจริงๆว่ารู้ตามที่ตนเองยกมามั้ย..ก็เงียบ ยกสำนักนั้นสำนักนี้มา ขยันมาก...ยกของสาวกมา....ทำไมไม่ยกของพระศาสดามาเลยล่ะ...เรื่องสภาวะอารมณ์ธรรมต่างๆ ยกเอา สาวกหลงทาง มาทำไมกัน
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เรื่องของพระพุทธศาสนา เรื่องของเวปพระพุทธศาสนา ไม่ไช่เรื่องของหลวงพ่อองค์นั้น หรือหลวงพ่อองค์นี้ ไม่ไช่เรื่องของ สาวกหลงทาง หรือไม่ไช่เรื่องของสาวกที่ ไม่รู้นิพพาน

    แต่มันเป็นเรื่องของ..พระพุทธเจ้าพระธรรมที่พระศาสดาตรัสไว้ดีแล้ว.....ไม่ไช่เรื่องของพระธรรมที่สาวกเอามาดัดแปลงเจือปน ความคิดเห็นส่วนตัวเข้าไปด้วย

    ถ้าใครอ่าน พระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ หรือตอบคำถามคนอื่น...จะเห็นว่าพระองค์ตรัสตอบ เอาไว้แบบครอบคลุม หมดคือ เปิดหมด ไม่มีปกปิด...(เป็นกลางที่สามารถสัมผัสได้จากคำตอบ)

    นี่ คือพระสัทธรร ม

    ไม่ไช่มาพากัน ยกธรรมหลงของสาวกกิกก๊อก มายื่นหน้าลอยมาลอยไป (เขาจ้างมาให้ทำแบบนี้หรือ)หลวงพ่อ นั่น หลวงพ่อนี่...มันเป็นสัมมาแล้วเหรอ มันปู้ยี่ปู้ยำ พระธรรมของพระศาสดาให้มัวหมอง ชัดๆ
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ยกตัวอย่างของคุรุ....ใครเป็นคุณครู จะรู้ว่า ถ้าลูกศิษย์ตนถามความรู้ในวิชาที่ตนเองสอน แล้วตอบไม่ได้....จะรู้สึก เองว่า...ตนเองไม่ดีพอ

    หรือใครที่ได้เป็นพ่อแม่ของลูก เมื่อลูกถามอะไร แล้วตอบไม่ได้..ในสิ่งที่พ่อแม่สมควรรู่ .มันจะเศร้าหมองทันทีในใจ ตัวของพ่อแม่เอง

    ....ทีนี้ ประเทศชาติเรา...ถ้าครูผู้สอนก็ ได้แต่เปิดตำรา กางตำรา สอนตามตำรา ไม่เคยมีประสบการณ์จริง ที่เคยได้พบเจอและไช้มาจริงๆ...เด็กนักเรียน มันจะเกิดปัญญาเองได้อย่างไร เขามาเรียนรู้กับครู ไม่ได้เสียเงินเสียทองมาเรียนรู้กับตำราหรือห้องสมุด

    หรือทุกวันนี้ครู จะอ้างว่า เราต้องพัฒนาเหมือนเมืองนอก ให้นักเรียนนักศักษาค้นคว้าเอง...(ครูขี้เกียจสอนหรือรู้ไม่จริง สักแต่ว่าสอบได้มาเป็นครู)...ก็จะอ้างว่าสอนแบบเมืองนอก..มันไม่มีหรอกครับแบบนี้

    ถ้าใครที่เคยมีลูกเป็นของตนเอง ไม่มีหรอกครับที่จะปล่อยให้เด็กทารก หากินเอง หัดเดินหัดคลานเอง ล้างขี้ล้างเยี่ยวเอง หัดพูดเอง.....เนี่ย..มันต้องคอยดูแลเอาไจไส่ สอนสิ่งที่ถูกต้อง ที่ดี ที่ควรรู้ให้เด็ก...(ไม่ไช่ มันโตเองมันก็รู้เองแหล่ะ)...ทุกวันนี้ ปัญหาสังคม ปัญหาประเทศชาต จึงมีเพิ่มจนแก้ไม่ได้....ครูบอกนักเรียนไม่ได้..นักเรียนไม่เชื่อฟังครู กลับมาบ้านไม่เชื่อฟังพ่อแม่....แล้วมาบังคับให้ต้อง เอาลูกเข้าโรงเรียน ทำไมกัน
     
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ใครเคยเลี้ยงลูก จะรู้ดีว่า ถ้าเราประคบประหงม เอาใจไส่ดูแล ให้การอบรม ในสิ่งที่ดีงามถูกต้อง..พอเด็กโตขึ้นปัญหาจะมีน้อย เด็กจะเป็นเหมือน ไม้อ่อน ที่พร้อมจะไห้ดัด หรือเหมือนแก้วน้ำเปล่า ที่พร้อมจะรับการ อบรมสั่งสอน ตลอดเวลา เพราะรู้ตัวเองว่า เป็นผู้มีอายุน้อย ประสบการณ์น้อย ...

    แต่ถ้าพ่อแม่ก็ไม่สนใจ ไม่มีเวลาเลี้ยงดูให้ความรักเอาใจไส่ อยากให้เด็กโตไวๆ จะได้พ้นๆจากการที่ตนเองต้องคอยดูแล(เอาเวลาไปลั้นลาหาชู้สำส่อนทางเพศ)...ทีนี้พอเด็กโตขึ้นก็พูดยาก ปัญหาเยอะ..เด็กอาจคิดว่า..ไรวะอยากให้เป็นผู้ใหญ่เร็วๆนักไช่มั้ย..ก็เลย กินเหล้าเป็นบุหรี่เป็นสังคมเป็น มีผัวมีเมียมีลูกเป็น.ซะเลย..นี่ไง ชั้นเป็นผู้ใหญ่แล้วไง...จะเอาอะไรกับชั้นอีก...ชั้นมีอะไรๆเหมือนที่ผู้ใหญ่มี ผู้ใหญ่เป็นแล้วนะ...(สะใจมั้ย ท่านผู้ใหญ่ พ่อแม่ ครู ที่ มักง่ายทั้งหลายครับ)
     
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อะไรคือ อุปสรรคในการพัฒนาคน

    1.มีแต่คนไม่ดี ไม่พร้อม ไม่รู้
    2.ต้องทำให้คนพวกนี้ หันมารู้ดี มารู้จักดี เพื่อจะได้เป็นคนดีและทำดีได้
    3.ก็สนับสนุน ให้คนหันมาเข้าวัด เข้าหาพระ เรียนรู้ธรรม เพื่อจะได้เป็นคนดีและทำดีได้
    4.มาจนถึงวันนี้ คนเหล่านั้น มันก็ยัง พากันเรียนรู้ดี กันอยู่ พากันหลงดี ไปหมด
    5.มาทุกวันนี้ก็ยังพากันสนับสนุน การไปรู้ไปเห็นสิ่งดีดี ว่าวัดนั้นดี พระนั้นดี กันอยู่
    6.เมื่อคนทั้งหลายยังคงมัวเมาในการ เรียนรู้วัดดี พระดี ธรรมะดี(หลงดี) มันเลยยังไม่เป็นคนดี ที่พร้อมจะทำดี ได้เลย
    7.เลยพากันมีแต่คนรู้ดี บ้าดี หลงดี...ยังพากันทำดี กัน ไม่ได้เลย
    8. ครอบครัว สังคม บ้านเมือง..ก็เลย พัฒนาไปกับการทำดี ไม่ได้เลย เพราะ..จิตใจคนยังอยู่เพียงแค่รู้ดี หลงดี ชื่นชมพระดี วัดดี แต่จะให้ร่วมมือกัน ทำดี...ยังไม่ได้เลย

    เอวังก็เป็นด้วย ประการฉะนี้..แหล่ะ
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เรียนรู้แต่ธรรมะ..รู้ดีเหลือเกินในธรรมะ

    แต่เอาธรรมะมาใช้ เพื่อคนอื่น เพื่อครอบครัว เพื่องาน เพื่อสังคม..เพื่อประเทศชาติ ใช้ไม่เป็นเลย ตัวใครตัวมัน...นี่เหรอ ประเทศแห่งพุทธศาสนา...แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง..พะนะ
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    พระองค์นั้นสุดยอด พระองค์นี้สุดยอด ระดับอนาคา ระดับอรหันต์..รู้กรรมคนอื่น รู้อดีตชาติตนเอง....พะนะ.....พระองค์นั้นหาเงินหาทอง ได้เยอะเพราะบารมีเยอะ.(สุดท้าย ไม่ได้ใช้เอง ไม่ได้บริหารให้ เงินทองนั้นเป็นสัมมาเป็นกลาง ช่วยแก้ไขทุกข์ให้ประชาชน ได้ยั่งยืนเลย) โดนพวกนักการเมือง หลงธรรม เอาไปปู้ยี่ปู้ยำ เหมือนเดิม เข้าระบบเดิม
     
  17. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    อือ ผมสงสัยครับ คนที่เกิดมาเพื่ออะไรๆก็ตามมักทำตามภาระกิจหน้าที่ที่ควรกระทำ พระอรหันต์ก่อนเป็นพระอรหันต์ เขาก็เป็น ปุถุชน โสดาปฏิชน สกิทาคมิชน และอานาคมิชน ผมก็สงสัยนะว่า เป็นเพราะเขาทั้งหมดมีความเมตตาสะสมมากเหลือคณาเขาจึงสละเวลาบางส่วนมาสอนสั่งผู้คนหรือชนชั้นที่แตกต่างกันให้มีภูมิภพที่เหมือนกัน หมายถึงรู้เเหมือนกัน ที่นี้ สิ่งที่ทำมันเป็นหน้าที่ไหมครับ ถ้าไม่ทำไม่สอนนี่ผิดไหม หรือผิดมากจนให้อภัยไม่ได้ เพียงเพราะถือว่าไม่ใช่หน้าที่ และหน้าที่จริงๆ ของพระอริยะชนต้องทำอะไรครับ ส่วนผู้ยังไม่มีความรู้สุขรู้ทุกข์ควรปฏิบัติตนเยี่ยงไรครับ จึงจะเป็นประโยชน์ทั้งหมดทุกฝ่าย ทุกวันนี้การสอนธรรมมันเป็นเรื่องฟังดูแล้วสนุกก็จริงแต่ความจริงมันก็ไม่มีอะไรสนุกว่าไหม ผมเลยเข้าใจว่ามันสุมพันธ์กันไปหมดเลย เมื่อจิตสำนึกมีเมตตา รู้จักเสียสละ อภัย สร้างสติระลึกรู้สิ่งที่กระทำสั่งสมจนพอใช้ปฏิบัติวิปัสสนา ผมชักไม่แน่ใจแล้วเหตุผลที่เราไม่ค่อยเจออพระอริยะเจ้าอะริยะชนอาจเพราะเขาไม่ได้ตั้งเจตนาเพื่อสอนก็เป็นได้ แต่คนที่สอนกันใช่หรือไม่ก็พิจารณาด้วยสติและปัญญาเอา นั่นคือทำได้เพียงรักษาผลประโยชน์ของตนเอง และย้อนกลับไปที่บรรทัดต้นๆอีก
     
  18. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,613
    ค่าพลัง:
    +3,015






    ไม่ทราบว่า
    เป็นศิษย์ สำนักวัดมหาธาตุฯ หรือเปล่าครับ
     
  19. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    เปล่าครับ
     
  20. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    เป็นความเห็นส่วนตัวนะ ไม่รู้ตรงประเด็นรึป่าว ฝากไว้พิจารณาดู ไม่เห็นด้วยก็ไม่ว่ากันครับ (^_^)
     

แชร์หน้านี้

Loading...