เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    แสดงว่าเมื่อยู่ต่อหน้าท่านพยายมฯ จะมีลักษณะคล้ายออทิสติค(พิณาตามอาการป้าต้อย)
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,601
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ...........
    555มีลูกเพื่อนคนนึงเป็นนะคะ พวกนี้ฉลาดมากถ้าเขาบอกชื่อคนจะตามด้วยนามสกุลและบ้านเลขที่เสร็จเลย สมองเค้าคล้ายสายฟ้าแลบนะ เสียค่าฝึกเรียนแพงมากทํางานบ้านแบบไม่มีฝุ่นเกาะเลย
    "กันไว้ดีกว่าแก้ เพราะพอแย่แล้วจะแก้ไม่ทัน"o_O
     
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ============


    การเกิดใหม่ของจิต หลังจากความตาย หรือการเปลี่ยนอัตภาพใหม่ของจิต ย่อมมีความเป็นไปที่แตกต่างกันตามแต่เหตุปัจจัย ปรุงแต่งให้ผล อันประกอบด้วย
    1มีวิปากกรรมนิมิต ปรุงแต่งจิต
    2มีกุศลนิมิต ปรุงแต่งจิต
    3มีอกุศลนิมิต ปรุงแต่งจิต
    4มีรูปนิมิต ปรุงแต่งจิต
    5มีเวทนานิมิต ปรุงแต่งจิต
    6มีสัญญานิมิตปรุงแต่งจิต
    7มีสังขารนิมิตปรุงแต่งจิต
    8มีวิญญาณนิมิตปรุงแต่งจิต
    9มีภวังคนิมิต ปรุงแต่งจิต
    10มีเจตสิกนิมิตปรุงแต่งจิต
    11มีรูปฌาณนิมิต ปรุงแต่งจิต
    12มีอรูปฌาณนิมิต ปรุงแต่งจิต
    13มีญาณนิมิต ปรุงแต่งจิต
    ทั้ง13ข้อยังมีข้อปลีกย่อยอีกมากมาย เป็นเหตุปัจจัยปรุงแต่งจิต

    จิตเกิดดับนับครั้งไม่ถ้วนในห้วงวินาทีสั้นๆ แม้กระนั้น จิตที่เกิดใหม่หลังความตาย ต่างมีการเคลื่อนไปดังนี้เป็นต้น
    1 ด้วยบุญย่อมเคลื่อนไปเสวยทิพยสมบัติวิมานเลยก็มี
    2 ด้วยบาป ย่อมเคลื่อนไปยังนรกภูมิรับกรรมเลยก็มี
    3 ด้วยบุญแต่มีกรรมตัดรอนย่อมไปยังสถานพิพากษาพญายมราชเพื่อชี้ชัด
    4 ด้วยบาปแต่กำลังของบาปยังไม่ให้ผลส่งจิตไปรับกรรม จึงต้องไปรอพิพากษาสำนักพญายมราชก็มี
    5 ด้วยบาป ย่อมไปสู่เดรัจฉานทันทีก็มี
    6 ด้วยบาปย่อมไปเกิดใหม่ในครรภ์มารดาเพื่อเกิดมาใช้กรรม มีร่างกายพิการไม่สมบูรณืตั้งแต่เกิดก็มี เป็นต้น
    7 ด้วยบาปไปกำเนิดเป็นทาสบริวารรับใช้ในนรกภูมิก็มี
    8 ด้วยบุญไปกำเนิดในครรภ์มาดารเพื่อเกิดใหม่ ที่สุขสบายเพรียบพร้อมเลยก็มี
    9 ด้วยวิปกรรมในอดีตให้ผล ส่งให้ไปได้ทุกที่ตามกรรมหรือกฏแห่งกรรมเป็นตัวกำหนด

    ดังนั้น การท่องไปของจิตวิญญาณหลังความตายจึงมีมากมายเหลือเกินที่พรรณา เราไม่สามารถชี้ชัดได้ ตามแต่เหตุปัจจัยส่งเสริมสนับสนุนให้เป็นครับ

    ผู้มีเจโตปริยญาณ และได้ญาณวิปากญาณ (ปรีชากำหนดรู้ผลแห่งกรรม) และ สัพพัตถคามินี ปฏิปทาญาณ (ปรีชากำหนดรู้ทางไปสู่ภูมิทั้งปวง) ย่อมรู้จุติจิตแห่งสัตว์และรู้อัตภาพของจิตแห่งสัตว์ที่เคลื่อนไปทั้งปวงครับสาธุ

    16865197_1261505010602675_1472908693838711260_n.jpg

    การอธิฐานให้ท่านยมราช ท่านยมบาลรับทราบรับรู้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ดีครับ เพื่อท่านจะได้รับรองความดีของเราครับกันพลาดได้อย่างแน่นอน และควรอุทิศให้ท่านไปด้วยเลยทุกครั้งเหมือนที่ผมทำครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2017
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    เมื่ออยู่ต่อหน้
    ======
    เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านพญายมราช เหมือนมีมนต์สกดครับ เดชะตะบะท่านแก่กล้ามาก

    ส่วนใหญ่คนที่สั่งสมบุญไว้มากและมีการฝึกอบรมจิตของตนมาดี เตรียมตัวพร้อมแล้ว ส่วนใหญ่จะเลยไปที่ทิพยสมบัติืของตนทันีไม่ต้องมาพบท่านพญายมราชครับ

    อีกอย่างหนึ่งที่เป็นความจริงคือ คนที่มีบุญประกอบความดีมากมาย ถ้าท่านพญายมราชมาหรือยมฑูติมารับ เขาจะมาดีและอ่อนน้อมถ่อมตนให้เกียรติแก่กันครับ เป็นที่รับรู้กันครับ

    เรื่องการฝึกฝน มันเป็นเรื่องของการฝึกสมองอันแตกต่างจากการฝึกจิต จิตที่ฝึกมาดีย่อมมีอานุภาพมากมายกว่าสมองที่ฝึกมาดี ครับ ดังนั้นต้องฝึกทั้งสมองและจิตควบคู่ไปด้วยกันครับ
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,601
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    วิธีของผมในการแนะนำเผยแผ่ธรรมะมีอยู่ว่า
    =============
    ดวงแก้วแห่งโพธิญาณ ตราบสิ้นพุทธภูมิ
    บัวมีหลายเหล่า การสอนแนะนำจึงแตกต่างกัน จากง่ายไปสู่ยาก กลยุทธในการช่วยแนะนำเพื่อให้พ้นทุกข์จึงเป็นเรื่องจำเพาะบุคคล จำเพาะกาละเทสะ การสั่งสมบุญ อาศัยบุญเพื่อเรียกศรัทธาก็มี เพื่อหวังผลก็ย่อมทำได้คือหวังหรืตั้งหรือจบ แล้วทำ เพื่อความดีงาม และยอดแห่งบุญมีสติปัญญามากแล้วย่อมเป็นไปเพื่อนิพพานและช่วยเหลือสัตว์อื่น เกื้อกูลสัตว์อื่นด้วยเมตตาธรรม ดังนั้น ควรทำความเข้าใจอย่างมากให้กว้างขวางและลึกครับสาธุ

    การจบ หรือตั้งตั้งเจตนาแห่งบุญ นั้นทำได้ ไม่แปลกที่พระโสดาบันก็ดี พระอริยะบุคคลส่วนหนึ่งก็ดี มหาเทพ เทพพรหมส่วนหนึ่งก็ดี ล้วนตั้งปณิธาณในเจตนาแห่งบุญแล้วจึงทำจึงถวาย

    ธรรม คือแก่นแท้เสมือน แก่นไม้ แก่นไม้ ต้นไม้ดำรงตั้งมั่นอยู่ได้ แก่นเกิดมีมั่นคงได้เพราะอาศัยเปลือกและกะพี้หล่อเลี้ยง ฉันใด วิหารธรรม ย่อมหล่องเลี้ยงด้วย คุณธรรมความดี มีกุศลธรรมเป็นรากฐานเบื้องต้น ฉันนั้น

    สรรพสิ่งเกื้อหนุนกันเสมอ สิ่งที่ปล่อยวางคือสิ่งใด แล้วอริยะมรรคคือทางแห่งสัมมามีไว้เพื่อสิ่งใด

    สิ่งที่ควรเข้าถึงคือ การละปล่อยวางแล้วโดยชอบ โดยสัมมา นั่นเป็นอย่างไร ทำแบบไหน เข้าถึงได้อย่างไร

    อิทัปปัจยตา สอนเรื่องปฏิจจะสมุปบาท ที่หมุนเวียนเป็นกงล้อแห่งทุกข์ ทำให้เราเข้าใจ ทุกข์และสมุทัย ส่วนนิโรธ คือความดับ เราอาศัย อริยะมรรคเป็นหนทางหรือวิธีการดับ แต่การจะดับ มันแตกต่างกันที่จิตแต่ละดวงมีความหนักเบาของอาสวะกิเลสที่แตกต่างกัน นี่คือเป็นความละเอียดอ่อนและความยากและท้าทายของผู้แนะนำ ที่ต้องรอบรู้ฉลาดมากพอ มันเป็นเรื่องของการสั่งสมบารมีด้านการเป็นบรมครูที่ต้องสั่งสม

    สรุปได้ว่า การสอนหรือเผยแผ่ธรรมมะ นั้นจงเอาเยี่ยงพระพุทธองค์คือ เราไม่ได้เผยแผ่ธรรมะตามใจเราที่เราอยากสอน แต่เราสอนธรรมตามใจผู้ฟัง ผู้ฟังขาดสิ่งใดเราต้องให้สิ่งนั้น เราสอนเขาเพื่อช่วยเขาให้เขาพ้นทุกข์ ก็ย่อมต้องทำเพื่อเขาไม่ใช่สนองความอยากของตัวเราที่อยากจะเอาอะไรให้เขาไม่ได้ ดังนั้น จึงตระหนักเสมอว่า เขาอยากได้อะไร เขาขาดอะไร เราจึงควรมอบและเติมเต็มให้เขา นี่คือเมตตาแห่งพุทธองค์ เพื่อโปรดสรรพสัตว์ดโดยแท้จริง

    ก่อนที่เราจะปล่อยวาง เราก็ต้องถือให้เป็นเมื่อถือได้แล้วทำเป็นแล้ว เราย่อมปล่อยวางได้เป็น

    ที่ต้องถือนั่นคือถือคุณธรรม เรายึดถือเพื่อปล่อยวาง เราจะข้ามทะเลทุกข์ เราต้องยึดถือคือเรือและไม้พาย เพื่อใช้ข้ามฝั่ง เมื่อเราถึงฝั่ง เราขึ้นฝั่งโดยไม่สนใจเรือและไม้พาย

    ถ้าเรายังสนใจยึดติดอยู่กับเรือและไม้พายเราก็ขึ้นฝั่งไม่ได้




    เมื่อเราเห็นความจริง จิตย่อมยอมรับความจริง การยอมรับนับถือความจริงจึงเป้นเหตุแห่งการปล่อยวางในที่สุด ครับ สาธุ
     
  7. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    คนที่จะหมดกรรมต่อกันเป็นอย่างไร

    ขออธิบายว่า คนที่จะหมดกรรมต่อกันเป็นอย่างนี้คือ
    1 เขาทั้งสองได้ชดใช้กรรม ร่วมกันทั้งเก่าและใหม่จนหมดสิ้นไม่มีเหลือติดค้างใดๆ
    2 เขาทั้งสองไม่มีกรรมส่วนใดที่เกี่ยวข้องกันอีก จึงเหมือน อยู่คนละโลกกันคือจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกทุกกรณี
    3 เขาทั้งสองจะขาดสิ้นจากกันแม้สัญญา คือความจดจำก็ค่อยๆเลือนหายหมดไป ไม่นึกคิดถึงกันอีก หรือแม้นึกคิดถึงกันก็น้อยและจะวางลงไปทันทีไม่มีความปรุงแต่งใดๆเกิดต่อไปเพราะหมดสิ้นแล้วในกรรมที่ผูกพันธ์ร่วมกันมา
    4 เขาทั้งสอง จะหมดสิ้นความรู้สึกทุกอย่างที่เคยร่วมผูกพันธืกันมา จไม่เหลือความรู้สึกใดๆตกค้างในจิตใจ
    5 เขาทั้งสอง จะเสมือน คนที่ไม่เคยรู้จักหรือไม่เคยพบกันมาก่อน คือเลือนหายไปจากจิตไปเลยด้วยกาลเวลาจะลบคนเหล่านี้ออกไปหมดสิ้นจนลืมไปว่าเคยรู้จักหรือเคยพบปะคบหากันมาก่อนครับ

    เป็นความจริงว่า กรรมเป็นเครื่องกำหนด ของการตั้งอยู่และดับไปสิ้นไปแห่งกรรม เมื่อใดที่ยังไม่หมดสิ้นกรรมต่อกัน ย่อมต้องเกี่ยวพันธ์ ข้องเกี่ยวกันไม่จบสิ้น แต่เมื่อใดที่หมดสิ้นกรรมต่อกัน ย่อมขาดจากกันอย่างสิ้นเชิง

    นี่คืออัตภาพแห่งชาติปัจจุบันนี้ ส่วนอัตภาพใหม่ในชาติหน้าภพหน้า อันนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะมีกรรมเสวยวิบากให้ผล ในเวลานั้นอย่างไร ครับ

    สาธุครับ
     
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ความเชื่อที่ว่า เมื่อความตายมาเยือน การมีสติ ถึงพร้อมในกุศล ขณะดับจิต ย่อมส่งผลให้จิตเปลี่ยนอัตภาพไปสู่สวรรค์สุขคติภพ


    ================

    เป็นความเชื่อที่จริงและถูกต้อง แต่ทว่า แท้จริงแล้ว เป็นสิ่งที่ทำได้ยากอย่างยิ่ง การที่จิตจะรวมสติ ในขณะเสี้ยววินาทีแห่งความตาย มันทำได้ยากมา เพราะอาศัยปัจจัยคือ
    1 ถ้ามีวิบากกรรมเก่าในชาติก่อนให้ผลที่ไม่ดีก็จะตกไปสู่ที่ต่ำทันที
    2 ถ้าในอดีตของชาติปัจจุบันทำกรรมไม่ดีไว้มากและฝังอยู่ในจิตเกิดเป็นจิตใต้สำนึกกรรมไม่ดี จิตก็จะตกสู่ที่ต่ำทันที
    3 ถ้าวิบากกรรมคือผลแห่งกรรมไม่ดี สั่งสมไว้มาก วิบากกรรมไม่ดีย่อมให้ผลทันที จิตย่อมตกไปสู่ที่ต่ำทันที
    4 ถ้าไม่มีกรรมใดๆมาตัดรอนหรือให้ผล แต่จะเกิดสภาวะคือ กายและจิตที่กลัวความตาย กลัวการสูญเสีย
    ความไม่อยากตาย อวิชาทั้งหลายที่เกิดในขณะจิตขณะนั้น ย่อมดึงจิตไปสู่ที่ต่ำทันที
    5 เวทนาทางกายทั้งหลายขณะดับจิต ย่อมดึงจิตไปสู่ที่ต่ำทันที
    6 ความยึดมั่นในรูปและนามทางโลกย่อมดึงจิตให้ติดอยู่ในรุปและนามกามภพเหล่านั้นทันที
    7 ความยึดมั่นในอัตตาทิฏฐิของตน ย่อมดึงจิตให้ติดอยู่ในอัตภาพนั้นไม่สามารถไปไหนได้ก็มี
    8 ความไม่มีปัญญาและอวิชาครอบงำ ขณะดับจิต ย่อมยึดมั่นจิตไว้ให้ติดอยู่ในอัตภาพนั้นทันทีไม่สามารถไปสู่สุขคตืภพได้
    9 อื่นๆอันไม่ดีไม่งามทั้งรูปและนามประกอบปรุงแต่งจิต ยึดมั่นจิต ไว้ ย่อมติดอยู่ ไปไหนไม่ได้

    ดังนั้น การที่ท่านทั้งหลายจะมีสติ แล้วจะได้ไปสุขคติภพแล้วไปสวรรค์สมบัติ นั้น มันเป็นของยาก ไม่ง่าย ท่านต้องทำลายปัจจัยทั้ง9ข้อนี้ลงไป ให้หมด นั้นคือการที่ท่านต้อง ฝึกอบรมจิตให้มาก ท่านต้องฝึกตายให้เป็น ให้จิตมันยอมรับความตายทืี่ธรรมดานี้ให้ได้ ต้องฝึกอบรมรับรู้สู้่กับเวทนาทั้งปวง ว่าเวทนานี้หนอธรรมดาเป็นอย่างนี้ ฝึกอบรมให้มีสติปัญญา ถึงพร้อมในรูปนามรู้แจ้งในธรรมดาแห่งรูปนาม เครื่องปรุงแต่ง ทั้งหยาบ ปานกลางและละเอียด

    เพื่อท่านฝึกอบรมมามากพอฝึกมาดีแล้ว มีเสาหลักปักแน่นหนามั่นคงแล้ว และท่านได้ละบาป ตัดมันทิ้งไปแล้ว หมั่นสั่งสมความดี ปัจจัยศรัตรูที่จะมาปิดกั้นทางสวรรค์ลดน้อยลงแล้ว ที่เหลือมันก็ง่ายขึ้น ดังนั้น การดึงสติในขณะดับจิต ย่อมทำได้ง่ายขึ้น ท่านใดที่ฝึกอบรมมามากจนจิตทรงฌ เกาะความดีเกาะพระเป็นวสี ย่อมเชื่อมั่นได้ว่า จิตท่านไปสู่สุขคติแน่นอนครับ สาธุ
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    นิพพิทา ความเบื่อหน่าย

    เป็นสภาพอย่างหนึ่งที่เกิดแก่จิต ได้เสมอ ตามสภาพแวดล้อมปรุงแต่งให้ปรากฏ

    ความเบื่อหน่าย เกิดได้จากหลายสาเหตุ อันได้แก่ ความเหนื่อยหน่ายกับสิ่งต่างๆ ความชินชาเคยชิน
    ความไม่ได้ดังปราถนา ความรู้สึกเดิมๆที่เกิดซ้ำๆ ความรู้แจ้งในสภาวะต่างๆก็ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายได้

    ผลแห่งความเบื่อหน่าย ย่อมส่งผลให้จิตด้านบวกและด้านลบ
    ด้านบวก ความเบื่อหน่าย ก่อให้เกิดความปล่อยวางละวางลงได้
    ด้านลบ ก่อให้เกิด ความท้อถอย ขาดความเพียรพยายาม หดหู่ ปิดกั้นสติปัญญาทางธรรม

    นิพพิทา จึงเป็นสภาวะหนึ่งที่ควรมีสติระลึกรู้ให้มาก เพราะอาจก่อให้เกิดผลด้านลบ ย่อมนำมาซึ่งทุกข์และปิดกั้นสติปัญญาในธรรม ดังนั้น ควรไม่ประมาท เมื่อใดที่เกิดนิพพิทาขึ้น ให้รู้เท่าทัน และวางกำลังใจของตน
    ให้ดีให้ถูกต้อง เพื่อควคุมการฝึกอบรมขัดเกลาสภาวะนี้ให้ดี นะครับ สาธุ
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    สิ่งที่อดทนได้ยากคือ การที่เราถูกคนอื่นดูถูกเหยียดหยามในความดีที่เราตั้งใจทำ

    มันเป็นเหมือนอัตตาที่เราสร้างมันขึ้นมาโดยไม่รู้คืออวิชาครอบงำ เพราะเรายึดมั่นในความดีที่ตนทำว่า

    เราได้ทำดีแล้ว เมื่อใครมากระแทกหรือกล่าวดูถูกความดีของเรา เราส่วนมากย่อมไม่พอใจเพราะมันไม่เป็นความจริง จึงเกิดความขุ่นเคืองใจ ไม่ยอมรับอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นความทุกข์และไม่พอใจ ผูฝึกฝนมาดีย่อมมีสติรู้เท่าทันใจตนระงับปล่อยวางจำแนกแยกแยะได้

    อารมณ์ที่ตามไม่ทันขุ่นมัว หรือร้อนเป็นไฟ จึงไม่ควรเกิด จงอย่ายึดมั่นในความดีที่ตนทำ จงสักแต่ว่าทำเพราะทำแล้วผลที่ได้รับจักเกิดผลดี ก็เท่านั้น หากมันไม่ดีก็เรื่องของมันเพราะเราทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว

    จงปล่อยวางในความดีและผลของความดีที่ให้ผลจะดีหรือไม่ดีก็ตาม
    อัตตาแห่งตนแท้จริงไม่มีอะไรเป็นของเรา หากแต่เมื่อใดที่เรายังยึดมั่นในสิ่งเหล่านี้ เราย่อมต้องติดบ่วงในความดีที่กลายเป็นอัตตาของตนที่ใครมาตำหนิไม่ได้

    เมื่อปล่อยวางได้มีสติปัญญารู้เท่าทันในอัตตาแห่งตน ก็ให้ปล่อยวางเสีย เมื่อนั้น ใครจะดูถูกดูผิดดูแคลน
    อย่างไรก็ไร้ผล จิตย่อมว่างสงบสะอาดบรมสุขเสมอ เพราะเราได้หลุดพ้นจากอวิชาตัวนี้ได้แล้วนั่นเอง

    เพราะแท้จริงแล้ว คำพูดของคนอื่นมันก็เป็นเรื่องของ กาย วาจา ใจของคนอื่นไม่ใช่เรา แล้วเราจะรับเอา เข้ามาทำไม

    ของหนักภายในกายใจเราก็มีอยู่มากแล้ว จึงไม่ควรรับจากภายนอกเข้ามาอีก ควรตระหนักให้มากเฉพาะกายใจของเราก้พอ เพราะสุขทุกข์มันอยู่ที่กายใจของเราเท่านั้น ปล่อยวางกายใจของเราเสีย ทำลายอัตตาของตนเสียเมื่อนั้นย่อมบรมสุขครับ สาธุครับ
     
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ชีวิต คนเรา เหมือนคลื่นลมทะเล มีขึ้นมีลง
    1 บางครั้งคลื่นก็โหมแรง บังคับอะไรไม่ได้เลย เหมือนต้องกลายเป็นคนพิการ ได้แต่ตั้งรับ หากเป็นเช่นนี้ให้ ปล่อยวาง ทำจิตให้อยู่ในสติ สมาธิ ศีล ภาวนา จิตเกาะบุญไว้เกาะพระไว้จะดีที่สุด

    2 ไม่แรงมาก พอประคับประคองไปได้ ให้ไม่ประมาท ทำบุญทาน ร่วมด้วยไปเรื่อยๆ เดี่ยวไม่นานก็พ้นกรรม

    3 คลื่นราบเรียบสงบดี อย่างนี้สบายจะล่องไปให้ถึงฝั่งโดยเร็ว

    4 คลื่นราบเรียบแต่ใต้น้ำมีคลื่อนไหลแรงเชี่ยวมาก อันนี้คือผลบุญให้ผลแต่ผลกรรมกำลังตามมาติดๆรอให้ผลในเวลาอันใกล้ กรณีนี้จงไม่ประมาทหมั่นทำความดีละบาป หมั่นทำทาน ศีล สวดมนต์ภาวนาเตรียมตัวเรรับและผ่านไปให้ได้

    ที่สุดแล้วกรรมเป็นอจินไตย ยากยิ่งที่ปุถุชนจะเข้าใจและล่วงรู้ แม้จะร่วงรู้ได้แต่ก็แก้ไขได้ยาก แต่ก็ต้องแก้ไข
    ดังนั้น จงไม่ประมาท ทำแต่ความดีละบาป ตั้งมั่นในการสั่งสมความดี ย่อมผ่านพ้นอุปสรรคและประสพผลสำเร็จ มีความสุขในชีวิตในที่สุดครับ สาธุ
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ผมเชื่อว่า หลักศาสนา ทุกศาสนา เป็นปรัชญาชั้นสูง ความรู้ทางวิชาการทางวิทยาศาสตร์เป็นเพียงความรู้ที่ฉาบทาคือเปลือกและกะพี้ มิใช่แก่นแท้แห่งปัญญา หรือความรู้ที่ยิ่งกว่า

    แต่แก่นไม้เกิดขึ้นมีอยู่ได้ก็เพราะอาศัยมีเปลือกและกะพี้

    ดังนั้น ความรู้ใดๆในโลกถือว่าล้วนมีค่า มีความสำคัญทั้งนัั้น และที่สำคัญที่สุด คือแก่นแท้แห่งความรู้ คือแกนไม้อันหมายถึงปัญญา
    คือหัวใจที่เราต้องเข้าถึงมันจริงๆให้ได้

    เพราะเมื่อใดที่เรายังเข้าถึงแก่นแท้แห่งปัญญาไม่ได้ เมื่อนั้น เราก็เป็นคนโง่คนหนึ่ง ที่แยกไม่ออกระหว่างความดีหรือไม่ดี ความชอบหรือไม่ชอบ ความมีประโยชน์หรือความมีโทษ

    เพราะอวิชามารในจิตเราที่เราต้องรู้เท่าทันและทำลายมันให้หมดกำลัง หมดฤทธิ์ที่ จะมาครอบงำนำพาเราให้เดินทางผิดสร้างกรรมไม่ดี ที่ไม่ควรทำ กลายเป็นคนที่โง่คือพ่ายแพ้ต่ออำนาจของกิเลสมารในใจตน

    ขอจงเป็นผู้ไม่ประมาทในตนเอง คนอื่นเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขา มันตัวเขาใจเขา เราบังคับไม่ได้

    แต่กายใจของเรา เราต้องฝึกฝนอบรมให้ดีขึ้นให้ได้ เพราะผลสุดท้าย ความดีที่เราทำเราสร้างมันให้ผลที่ดีงามเสมออย่างแท้จริง

    และยังมีความจริงอย่างหนึ่งคือ สัตว์จำพวกหนึ่ง แม้จะรอบรู้ฉลาดมากแต่ก็ยังเลือกทำชั่ว เพราะอวิชามีอำนาจมากมายมาก จนเขาเหล่านั้นมองข้ามความดีหรือปัญญาชั้นสูงไป เพราะสุดท้ายแล้วคืออาศัยกรรมวิบากที่ตามให้ผลประกอบจึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเชื่อความคิดของเขาเหล่านั้นได้ครับ สาธุครับ

    เมื่อเป็นเช่นนี้ คือให้ปล่อยวาง วางใจเราลงเสีย ก็เท่านั้เองครับ
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ปกติปีใหม่ทุกปีที่ผ่านมา 3ปีแล้ว ผมจะทำบุญสร้างพระถวายวัด ขนาดหน้าตัก19-25นิ้ว ทุกปี แต่ปีนี้ปีที่4 ช่วงปีใหม่ติดภาระกิจมากจึงยังไม่ได้จัดทำและไม่ได้บอกกล่าวใครเพื่อร่วมบุญเพราะเกรงใจ จนเพื่อนๆตำหนิมาว่าควรให้เพื่อนๆทราบด้วย จะได้ร่วมอนุโมทนาหรือร่วมทำบุญสร้างพระร่วมกันครับ

    ดังนั้น โอกาสนี้ผมจึงขอบอกบุญทุกท่านครับ โดยพระที่จะถวายวัดคือ พระพุทธชินราช หน้าตัก19/20นิ้ว ฐานพระกว้างประมาณ 39นิ้ว ผมได้ตกลงกับทางร้านพระเรียบร้อยแล้ว โดยได้จองพระและจะไปรับพระในช่วงสงกรานต์นี้ เพื่อถวายวัดต่อไปครับ จึงขอบอกบุญและร่วมอนุโมทนามา ณ ที่นี้ด้วยครับ

    ปล อานิสงค์ของการสร้างพระหรือถวายพระพุทธรูป มีอานิสงค์มาก ทั้งด้านบุญบารมี ด้านเดชะตบะ ด้านความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าทั้งทางโลกและทางธรรม ด้านแคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งปวง เงินทองงอกงามไม่ขัดสนร่ำรวยมั่งมี ลาภยศตำแหน่งเจริญก้าวหน้า มีชื่อเสียงเป็นที่รักและเมตตา

    ตลอดจน เป็นบุญกุศลที่เมื่ออุทิศให้จิตที่ทุกข์ยากจะ มีอานิงค์มาก ช่วยให้เขาหลุดพ้นทุกข์ได้ทันทีหรือจิตที่ต้องการไปเกิดใหม่ ย่อมได้ไปสู่อัตภาพใหม่ภพใหม่ทันที

    มีโอกาสจึงขอแนะนำว่าควรทำบุญสร้างพระบ้างในชีวิตหนึ่งที่เกิดมา จะเป็นมหากุศลครับ ยังผลในชาตินี้และชาติข้างหน้ามีอานิสงค์เอนกอนันต์คือ จะได้เกิดเป็นพระราชาหรือเจ้าเมืองเป็นนายคนมีบารมีพระคุ้มครองอย่างน้อย 7ชาติครับ สาธุ

    สามารถร่วมทำบุญได้ที่ บัญชี นาย ทิตย์พิชัย จิตรามาศ ธนาคาร กรุงเทพ แบบออมทรัพย์ สาขาสุวินทวงค์ หมายเลขบัญชีคือ 386-802732-1 ครับ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2017
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ขอบคุณทุกๆท่านมากครับที่ทะยอยร่วมบุญสร้างพระพุทธชินราช

    พรุ่งนี้ผมจะแจ้งความคืบหน้าอีกทีครับ สาธุ
     
  15. ชลประเทือง

    ชลประเทือง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +17
    ได้อ่านเรื่องราวของคุณtjsแล้วทำให้รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของตี่จังผู่ซาเลยนะครับ ส่วนตัวนับถือพระองค์ท่านมากแต่ไม่เคยสัมผัสถึงท่านเลย หวังว่าสักวันผมคงได้มีบุญมากพอแบบคุณtjsที่ได้พบพระกษิติครรภ์นะครับ อนุโมทนา
    แล้วเรื่องบุญสร้างพระยังรับบริจาคอยู่มั๊ยครับ
    ผมอยากร่วมสร้างพระด้วย แต่อาจเป็นเงินจำนวนน้อยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2017
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ยังรับอยู่ครับ
     
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ยอดเงินร่วมทำบุญ ล่าสุด ขอแจ้งยอดร่วมบุญ 12/04/2017 ,12.16 น มียอดเงินรวมคือ 13,900 บาทครับ โอกาสนี้ จึงขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    กิเลส มีทั้งฝ่ายดีและไม่ดี

    กิเลสฝ่ายไม่ดี ย่อมสร้างบาปกรรมแก่ตนและผู้อื่น

    กิเลสฝ่ายดี ย่อมไม่เบียดเบียนผู้อื่น แต่ก็เบียดเบียนปิดกั้นทางนิพพานของตน เพราะหลงดี เพราะยึดติดในความดีของตน

    ธรรมวิมุตติ ไม่สนใจใส่ใจยึดมั่น ในกิเลส จะฝ่ายดีฝ่ายไม่ดีก็ตาม ขึ้นชื่อว่ากิเลส อวิชา คือปฏิปักษ์ต่อการหลุดพ้นทุกข์ ต่อนิพพาน ทั้งสิ้่น

    พระอรหันต์มุ่งตรงตั้งมั่นอย่างเดียวคือนิพพาน ปล่อยวาง สรรพสิ่งลงอย่างสนิทใจรู้แจ้งแทงทะลุหมดสิ้นแล้ว

    อย่าปล่อยให้ความดีที่เรามีเราสร้างกลายเป็นกิเลสพอกหนากะเทาะไม่ออกปิดกั้นทางนิพพานโดยเด็ดขาด นั่นคือพึงไม่ประมาทในการทำดี และจงทำดีอย่างโดยไม่ยึดติดในดีที่ทำ ที่ทำดีมันก็แค่หน้าที่ที่ต้องสักแต่ว่าทำทำไป ตามเหตุปัจจัยที่เกิดที่มีที่สามารถสงเคราะห์ได้ก็เท่านั้น

    แม้ความดีจะให้ผล เกิดทิพยอภิญญา ได้ หูทิพย์ ตาทิพย์ มโนทิพย์ มโนมยิทธิ ก็ไม่ยึดติดในทิพย์ที่ได้ที่มี มันก็แค่ผลข้างเคียงไม่ใช่ผลที่แท้จริงที่ควรเข้าถึง คือ อรหันตมรรค อรหันตผล คือนิพพานว่างเปล่าปล่อยวาง ทรงไว้เช่นนี้ เพราะแก่นแท้แห่งธรรม คือความวิมุุติหลุดพ้นนั่นเอง หลุดพ้นด้วยปัญญา ด้วยจิตที่เกิดวิมุตติ ไม่ใช่หลุดพ้นเพราะถือดียึดมั่นในดีไม่ปล่อยวาง หรือเพราะไปยึดมั่นในทิพย์สมบัติที่ได้มันก็ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ ในที่สุด

    ขอให้มีดวงตามีสติปัญญาขั้นสูงคือไม่เอากะพี้เปลือก เอาแต่ของแท่คือแก่นแท้แห่งธรรม เท่านั้น คือปล่อยวางไม่เอาอะไร สรรพสิ่งว่างเปล่าไม่มีอะไรให้ยึดมั่นถือมั่นสักสิ่งเดียว ครับ สาธุ
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    เพราะอวิชา คือเหตุแห่งทุกข์

    สรรพสัตว์ เมื่อเกิดทุกข์ เห็นทุกข์ หากไม่ฝึกอบรมฝึกฝนตามพุทธวิธี ย่อมไม่สามารถหลุดพ้นจากทุกข์ได้

    พุทธวิธี ท่านแสดงไว้ดีแล้ว

    ทุกข์ เกิด เมื่อได้รับความทุกข์ย่อมรู้รสชาติของทุกข์

    การดับทุกข์ ย่อมต้องดับที่เหตุ การจะดับที่เหตุ ต้องอาศัยการเข้าไปรู้เหตุแห่งทุกข์

    เมื่อรู้เหตุแห่งทุกข์ได้แล้ว ให้ดับที่เหตุ เมื่อเหตุแห่งทุกข์ดับไป ทุกข์ก็ดับไปไม่เกิดขึ้น

    เมื่อนั้นทุกข์ก็ดับลง

    พุทธวิธี ในการ เข้าไปหาเข้าไปรู้เหตุ ก็ดี
    รู้แล้ว ทำการดับ ก็ดี ย่อมจะต้องอาศัยความเพียร ในสติ สมาธิ กรรมฐาน และวิปัสสนาญาณ ด้วยปัญญา

    นั่นคือท่านต้องใช้สติปัญญาเท่านั้น ดังนั้นนี่คือสิ่งที่ท่านต้องทำความเข้าใจและฝึกอบรมกายใจของตนให้ถูกต้อง ตามพุุทธวิธี เมื่อท่านทำถูกทาง ท่านย่อมพ้นจากทุกข์ได้จริงในที่สุดครับ สาธุ
     
  20. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    ถวายหรือยังครับพระพุทธรูปผมขออนุโมทนาในบุญกุศลกับทุกท่านนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...