กิจกรรมแจกตะกรุดคล้องแขนอาจารย์โสม หน้า 3

เปิดตำนานยอดตะกรุด “เหยียบแผ่นดิน” รุ่น 1

สวัสดีเพื่อนๆที่เคารพรักแห่งบ้านพลังจิต ถือเป็นอีกปฐมบทหนึ่งที่ผมมีความภูมิใจ และดีใจมากที่จะได้นำเสนอหนึ่งในสุดยอดของตะกรุดที่ผมเคยรู้จัก ตะกรุดเหยียบแผ่นดิน ยอดแห่งการแคล้วคลาด คงกระพัน จากอาจารย์โสม อาจารย์ฆารวาสจอมขมังเวทย์ลุ่มอีสานใต้ เข้มขลังด้วยอาคม การปฏิบัติตนในศีลธรรมที่น่าเคารพ ทำให้ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาจากทั่วประเทศ แวะไปเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย ซึ่งท่านจะเน้นวิชาที่ใช้ช่วยคน อะไรที่ทำร้าย ทำอันตรายคนนั้น ท่านบอกท่านไม่เอาเด็ดขาด หนึ่งในของดีที่ลูกศิษย์ต่างอยากได้อยากมีไว้ติดตัว คือตะกรุดของท่าน ทำออกมาทีไร ถ้าลูกศิษย์รู้ ก็จะแวะเวียนไปบูชา จนหมดในเวลาอันรวดเร็ว และท่านก็ไม่ได้ทำเยอะ เพราะการทำตะกรุดแต่ละดอก ท่านต้องทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่การตัด จารอาคม การถัก การประจุพลัง เพราะท่านเคยบอกว่าในทุกๆขั้นตอนต้องใช้สมาธิ ต้องภาวนา ถึงจะเกิดผลสูงสุด

โต๊ะหมู่บูชาบ้านของอาจารย์โสม ณ ต.แคน อ.สนม จ.สุรินทร์​

แต่ด้วยอายุของท่านที่มากโข และท่านก็ได้เตือนลูกศิษย์อยู่หลายๆครั้งว่าท่านจะยังอยู่อีกไม่นาน ผมเลยเกิดความคิด อยากให้ท่านได้จารึกของดีให้เป็นที่รู้จักอย่างมีหลักมีฐาน ให้อยู่คู่โลกใบนี้ ไม่ให้สิ้นสูญไปไหน และประจวบเหมาะที่ตอนนี้ ท่านได้เข้ามาพักรักษาตัวที่นนทบุรี จึงเป็นโอกาสดีที่อาจจะหาไม่ได้อีกแล้ว ผมจึงได้แจ้งความประสงค์กับอาจารย์และขอให้ท่านสร้างของของดีไว้คู่โลก ให้คนได้จดจำ และนำไปใช้ให้เกิดคุณ ท่านคงเห็นในความตั้งใจ ในวันนั้นท่านได้บอกผมว่า “ถ้าอย่างนั้นให้เอาของที่ดีที่สุดไปเลยนั่นคือ ตะกรุดเหยียบแผ่นดิน” เพราะวิชานี่ได้สืบทอดกันมาช้านาน เป็นวิชาที่มีอาคมเข้มขลังที่สุด ด้านคงกระพัน แคล้วคลาด และการปกครองคน ดังนั้นเอง จึงเป็นที่มาของการจัดสร้างยอดตะกรุด “เหยียบแผ่นดิน รุ่นที่ 1”

ตะกรุดที่อาจารย์โสมลงมือสร้างทุกกระบวนการ
​

หลายๆท่านคงไม่คุ้นชินกับชื่อตะกรุด และคงเกิดความสงสัยไม่มากก็น้อย ขอบอกเลยว่า ตะกรุดนี้มีที่มาที่ไปที่น่าสนใจ และน่าศึกษาเป็นอย่างมาก ซึ่งผมจะต้องใช้เวลาในการเกริ่นนำพอสมควร สำหรับผู้สนใจจะได้กระจ่างและเห็นถึงคุณที่แท้จริง


ในอันดับแรกผมจะขอกล่าวถึงประวัติโดยสังเขปของท่านอาจารย์โสมกันก่อน แต่ต้องขอบอกว่าจะขอเล่าแบบสรุปใจความ เพราะประวัติของท่านนั้นมีเยอะมาก นั่งเล่ากัน 3 วันก็ไม่รู้จะหมดรึเปล่า กลัวว่าท่านๆจะเบื่อ ก็ขอยกมาเฉพาะที่เห็นว่าควรเอ่ย


ท่านอาจารย์มีชื่อเต็มว่า นายโสม โสมรัตนานนท์ วันเกิดนั้นจำได้ไม่แน่นอน เท่าที่ทราบคือเป็นวันเสาร์ เดือนเจ็ด (มิถุนายน) ปีมะเส็ง พ.ศ.2484 ปัจจุบันอายุเต็ม 77 ปี พ่อท่านชื่อถา แม่ท่านชื่อก้อน เกิดที่บ้านหนองสอง (ปัจจุบันชื่อบ้านหนองขอน) ต.แคน อ.สนม จ.สุรินทร์ ท่านมีพี่น้องด้วยกันทั้งสิ้น 10 คน ท่านนั้นเป็นลูกคนที่ 6


ต้นตระกูลเดิมนั้นอยู่ที่บ้านดิ่งไอ-บ้านหมาก อ.อุทุมพร จังหวัดศรีสะเกษ ปู่ท่านชื่อด่อน เป็นผู้รอบรู้ ผู้ชำนาญการตัดสินคดีต่างๆในหมู่บ้าน ต่อมาเกิดการปล้นสะดมบ่อยครั้งโดยโจรชื่อไอ้แข่ว และไอ้ยง ออกขี่ช้างเที่ยวปล้น และขี่ช้างรบกับปู่ด่อนหลายต่อหลายครั้ง ปู่ด่อนนั้นท่านเป็นผู้มีวิชาอาคมวิเศษ ต่อสู้ได้คงกระพันชาตรี มีวิชาลื่นไหลใครก็จับไม่อยู่ สู้รบกันไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ แต่ด้วยโจรมันอยู่ที่มืด บันดาญาติพี่น้องของปู่ด่อนจึงถูกลอบทำร้ายอยู่หลายครั้ง ปู่ท่านจึงคิดตัดสินใจพาครอบครัวอพยพย้ายถิ่นมาไกลถึงบ้านหนองสอง ต.แคน อ.สนม จ.สุรินทร์ เพื่อรักษาวงศ์ตระกุลให้อยู่รอดปลอดภัย ปู่ด่อนนั้น มีลูก 3 คน คือ นางน้อย นายถา และนายจันทร์ โดยท่านอาจารย์โสมนั้น เป็นลูกของพ่อถา ท่านพ่อถานั้นได้รับสืบทอดอาคมจากปู่ด่อน ทำให้เป็นที่เรื่องลือด้านคุณวิเศษต่างๆ วิชาที่ท่านถนัดมากคือการทำให้ผัวเมียคืนดีกัน และการอยู่ยงคงกระพัน ซึ่งอาจารย์โสมนั้นได้เรียนรู้วิชา และสืบทอดมาตั้งแต่ยังเด็กเพราะท่านเป็นคนหัวดีเรียนรู้และจดจำได้ไว ท่องคาถาได้ไว ไม่ทันไรก็ติดปาก

อาจารย์โสม สมัยยังมีกำลังดี​

เมื่อผู้เป็นพ่อ และแม่เสียชีวิตลง เมื่อครั้งท่านอาจารย์โสมยังเป็นเด็ก ท่านจึงตัดสินใจบวชเณรเรียนตั้งแต่อายุ 13 ปี ช่วงนั้นโดยประมาณ พ.ศ. 2495 และบวชเป็นพระเมื่อ พ.ศ.2504 หลังจากนั้นปี พ.ศ.2505 ท่านได้ย้ายมาจำพรรษาที่บ้านโนนจาน ต.แคน อ.สนม จ.สุรินทร์ ด้วยความปฏิบัติดีของท่านในปีแรกที่ท่านมาที่บ้านแห่งนี้ ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสบ้านโนนจาน หลังจากบวชได้เป็นระยะเวลานาน ปรากฏว่าท่านล้มป่วยรักษาไม่หาย ในตอนนั้นท่านรู้ตัวว่าคงจะไม่รอด จึงได้ตั้งจิตอธิฐาน จึงได้รู้ว่าท่านนั้นยังมีกรรมติดอยู่ ถ้าท่านอยู่ในผ้าเหลืองก็จะต้องตายไปไม่มีทางอื่น แต่ถ้าท่านยอมสึกท่านจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ ท่านจึงตัดสินใจสึก เพราะในครั้งนั้นท่านคิดว่า “ถ้าเราไม่สึกเรายอมตามชีวิตก็คงจะจบแค่นี้ แต่ถ้าเราสึกเราได้อยู่ต่อก็คงจะได้ช่วยคนอีกมาก และการปฏิบัติก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในผ้าเหลือง” ดังนั้นช่วง พ.ศ.2506 ท่านอาจารย์โสมจึงได้สึกออกมาเป็นฆารวาส ช่วงเวลาที่บวชนั้นรวมได้ 30 พรรษา โดยหลังจากที่ท่านสึกนั้นก็สมดั่งความตั้งใจ ท่านได้ช่วยเหลือคน และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาได้เป็นอันมาก

อาจารย์โสมปัจจุบัน (กันยายน 2561) มาพักรักษาตัวที่บ้านลูกชาย ณ จ.นนทบุรี​

ในสมัยที่ท่านบวชเรียนนั้น ท่านตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนได้นักธรรมเอกในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นท่านก็ได้มีความสนใจในวิชาอาคมเป็นพิเศษ ซึ่งท่านนั้นมีพื้นฐานที่ดีมากอยู่แล้วจากต้นตระกูล ดังนั้นท่านเองจึงออกแสวงหาครูบาอาจารย์เพิ่มเติม และคัดเลือกอาคมคุณวิเศษเฉพาะที่ใช้ช่วยคน เป็นประโยชน์กับส่วนรวม โดยครูบาอาจารย์ของท่านนั้นมีมากมายจนไม่สามารถนำมากล่าวไว้ในที่นี้ได้ทั้งหมด ผมจึงจะขอยกแค่บางท่านที่เห็นว่าได้ยินจากท่านบ่อยๆ และมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่จะเขียนไปข้างหน้ามาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้

อาจารย์โสมปัจจุบัน (กันยายน 2561) มาพักรักษาตัวที่บ้านลูกชาย ณ จ.นนทบุรี​

อาจารย์คนแรก หลังจากท่านได้บวชเณร ช่วง พ.ศ. 2497 ท่านได้มีโอกาสเป็นเณรอุปฐาก หลวงพ่อศรี จนฺทโชโต เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ ของท่าน หลวงพ่อศรีท่านมีความเรืองฤทธิ์และคาถาอาคมเป็นอย่างมาก ทั้งทางด้านวิชาคงกระพัน แคล้วคลาด และยอดแห่งเมตตามหานิยม เมื่อท่านอาจารย์โสมได้มีโอกาสใกล้ชิด และประจวบกับท่านเป็นคนหัวไวใฝ่เรียนรู้ ท่านหลวงพ่อศรีจึงมีความเอ็นดูเณรน้อยรูปนี้เป็นพิเศษ ดังนั้นคาถาอาคม คุณวิเศษ ของดีต่างๆ ของท่านหลวงพ่อศรี จึงถูกส่งต่อสรรพวิชามายังท่านอาจารย์โสม ซึ่งวิชาสร้างตะกรุดเหยียบแผ่นดินนั้น ก็เป็นยอดของวิชาสร้างตะกรุดที่ท่านอาจารย์โสมได้มาจากหลวงพ่อศรี โดยส่วนนี้ผมจะขอยกยอดไปเล่ารายละเอียด ที่มา ที่ไป ของวิชานี้ในลำดับท้ายสุด

หลวงพ่อศรี จนฺทโชโต​

อาจารย์ท่านต่อมาคือ หลวงพ่อผมยาว ที่ภูฝ้าย จังหวัดศรีสะเกษ ที่ท่านได้ฉายาว่าหลวงพ่อผมยาว นั่นเพราะว่าไม่มีกรรไกร มีดโกน หรือของมีคมอันไดจะสามารถตัดเส้นผมของท่านได้ ท่านจึงจำต้องไว้ยาว ท่านอาจารย์โสมเล่าให้ฟังว่าวิชาที่ท่านได้มาจากหลวงพ่อผมยาวนั้น คือยอดแห่งยันต์ 5 อย่าง ที่ในอดีตท่านใช้สักให้กับลูกศิษย์เฉพาะคนที่ท่านเห็นว่ามีบุญบารมีพอ ประกอบด้วย ยันต์ฝนแสนห่า ฟ้าผ่าแล้ง ม้ามณีกาบ นกหงส์ และธนูไฟ ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งอาคมด้านการสักเลขยันต์ จำได้ว่าลูกศิษย์ท่านที่มีบุญได้ลงวิชานี้ไว้ในตัว คราวที่ท่านลงเข็มในบางคนบางท่านถึงกับมีแสงเปล่งออกจากปลายเข็ม ยันต์ทั้ง 5 นี้เน้นหนักไปที่คงกระพัน และการปกครองคน ทำให้เหมาะกับทหาร ตำรวจ และข้าราชการเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันท่านอาจารย์โสมมีอายุมากแล้ว ผมจึงไม่มีโอกาสได้เห็นการสักยันต์ทั้ง 5 นี้อีก


พระครูมงคลรัตนชัย บ้านชาติ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ เป็นครูของท่านอาจารย์โสม ด้านการรักษาไม่ว่าจะเป็นการทำน้ำมนต์ น้ำมันทาต่างๆ เชื่อมต่อกระดูกได้ชะงัก เห็นผลมามากมาย การรักษาแผล และแน่นอนการถอดถอนคุณไสยต่างๆ ที่ในอดีตนั้นมีการเล่นกันอย่างมากมาย วิชาแก้เหล่านี้จึงมีความจำเป็นมาก

พระครูมงคลรัตนชัย​

อาจารย์พ่อตุ่ย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิชาตะกรุดที่ท่านพูดถึงอยู่บ่อยครั้งไม่แพ้ตะกรุดเหยียบแผ่นดิน เพราะครูบาอาจารย์ตุ่ยท่านนี้เป็นอาจารย์ฆารวาส ที่ท่านอาจารย์โสมเล่าว่า ท่านมีความเข้มขลังมาก มีครั้งหนึ่งในช่วงคอมมิวนิสต์ ทหารจะชอบเชิญท่านไปลงอาคมให้ บางครั้งก็เกิดการอยากลองของอาจารย์ ชอบพูดท้ากัน อาจารย์ตุ่ยเคยแสดงให้เห็นโดยการหยิบปืนมายิงขาตังเอง ยิงไปหลายนัด ยิ่งไปเรื่อยๆ ปรากฏว่ากระสุนทุกนัดด้านหมด ยิงจนขาชาก็ไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งอาจารย์ตุ่ยนี้ ท่านก็เอ็นดูท่านอาจารย์โสมเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่ได้ผูกอาจารย์โสมเป็นลูกบุญธรรมท่าน และท่านก็ได้ถ่ายทอดของดีชั้นหนึ่งไว้ให้นั่นคือวิชาตะกรุด พิษสะหลีก เป็นอาคมด้านการสะท้อนอาวุธต่างๆ ท่านอาจารย์โสมเน้นย้ำว่านี่ก็ของดีอีกอย่าง ซึ่งส่วนตัวแล้วในใจผมหวังว่าจะได้มีโอกาสออกตะกรุดรุ่นนี้ให้ท่านด้วย


ในวาระกาลต่อไปนี้ ถือเป็นบทสำคัญว่าด้วยวิชาตะกรุดเหยียบแผ่นดิน

ดังที่ได้กล่าวไว้ด้านบนในเรื่องของวิชาตะกรุดเหยียบแผ่นดิน ที่ท่านอาจารย์โสม ได้รับถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อศรี ซึ่งตามนำนานท่านหลวงพ่อศรีเล่าว่า ท่านได้รับถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อครูมณี และหลวงพ่อครูโคตร ตามลำดับ ซึ่งเป็นวิชาที่สืบต่อกันมาเป็นระยะเวลานาน เท้าความไปถึงยุคที่ไทยต้องรบกับลาว ในยุคนั้นไทยไม่สามารถเอาชนะลาวได้ รบอย่างไร ทำอย่างก็ไม่สามารถเอาชนะได้ ด้วยเหตุที่ว่าเมืองลาวนั้นมีพญานาคคอยช่วยเหลือ ต่อมามีปราชญ์นามเซียงเมี่ยง เป็นคนฉลาดหลักแหลม และได้รับมอบหมายให้มาตีเมืองลาวให้สำเร็จ ในยุคนั้นเซียงเมี่ยงจึงได้รวบรวมสุดยอดของอาจารย์ที่มีอาคมที่เข้มขลังรวมได้ 32 อาจารย์ ให้มาช่วยกันสร้างวิชาที่สามารถไปเอาชนะเมืองลาวได้ 32 อาจารย์จึงได้คิดค้นวิชาเหยียบแผ่นดินขึ้น ในสมัยนั้นได้ปลุกเสกใส่น้ำมันมนต์ ทาตามตัวทหาร เพื่อให้ไปรบ ด้วยอาคมอันเข้มขลัง จึงเกิดความคงกระพันขึ้นในหมู่ทหาร จนสามารถตีเมืองลาวได้สำเร็จ หลังจากตีเมืองได้เซียงเมี่ยงได้สร้างเจดีย์ปิดทางเข้าออกที่พญานาคใช้ติดต่อกับเมืองลาวไว้ ทำให้พญานาคไม่สามารถขึ้นมาช่วยเหลือได้อีก ในส่วนของพื้นที่เจดีย์นั้นท่านอาจารย์เล่าว่าอยู่แถวเวียงจันทน์ในปัจจุบัน และคาถาเหยียบแผ่นดิน ก็ได้สืบทอดจากนั้นมาต่อๆกันและครูบาอาจารย์จึงได้นำวิชานี้ประจุพลังลงไปในรูปแบบของตะกรุดเพื่อให้มีความคงทนและใช้งานได้คล่องตัว


ในยุคของท่านอาจารย์โสมท่านเล่าให้ฟังว่าในช่วงคอมมิวนิสต์ มี อส.(อาสาสมัครที่ร่วมต่อต้านคอมมิวนิสต์) เข้ามาหาท่านและฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ท่านจึงได้ให้ตะกรุดเหยียบแผ่นดินกับ อส.ท่านนั้น หลังจากนั้นปรากฏว่า อส.ท่านนั้นเกิดพลาดท่าถูกคอมมิวนิสต์ปิดล้อมพื้นที่และระดมยิง อส. อยู่นานถึง 7 วัน แต่ก็ไม่สามารถทำให้ อส.ท่านนั้นสิ้นชื่อได้ จนต้องถอดใจ และถอยล่นไป อส.ท่านนั้นจึงได้กลับออกมา และกลับมาหาท่านและเล่าความนี้ให้ท่านได้รับทราบ

ตะกรุดเหยียบแผ่นดินที่ท่านเคยทำให้ลูกศิษย์​

เอาหละครับจะเล่าให้ยาวกว่านี้คาดว่าคงจะจบง่ายๆไม่ได้ เพราะเรื่องราวของอาจารย์โสมท่านนี้ มีมากมายนัก จึงขอสรุปคร่าวๆไว้ตามที่ได้กล่าวมา และขอประกาศเจตนาการสร้างตะกรุดครั้งนี้ในวรรคนี้ว่า เมื่อท่านอาจารย์มีอายุขัยที่มากแล้ว และท่านแจ้งว่าจะอยู่อีกไม่นาน จึงเป็นที่น่าเสียดายนักที่วิชาเหล่านี้จะจากไปพร้อมท่าน อยากให้ของดี มีคุณได้อยู่กับโลกใบนี้และให้ลูกหลานวันข้างหน้าได้รู้จักท่าน จึงได้ขอให้ท่านสร้างตะกรุดเหยียบแผ่นดินขึ้นอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ในรุ่นที่ 1 ซึ่งท่านได้ให้ข้อกฎของการถือตะกรุดเหยียบแผ่นดินไว้ดังนี้

ข้อที่หนึ่ง ห้ามไม่ให้ด่าออกของลับ

ข้อที่สอง ห้ามท้าว่าตัวมีคุณวิเศษ

ข้อที่สาม ให้รักษาศีลข้อสาม กาเมฯ....ให้ดี

เวลาใช้งานให้ระลึกถึงคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ และตั้งใจท่อนคาถาสั้นๆว่า นะอุด นะอุด นะอุด

ถ้าทำได้ตามที่ว่ามาแล้ว ครูบาอาจารย์ไม่ให้ท่านตายด้วยอาวุธ คมหอก คมดาบใดๆ


ในบทปฐมฤกษ์ขอหยุดไว้เพียงเท่านี้ก่อน ในส่วนของรายละเอียดการสร้างและความคืบหน้า จะได้นำมาเล่าให้ท่านได้พิจารณากันอีกในโอกาสต่อไป

 

เลื่อมใสศรัทธาครับ รอติดตามนะครับผม หวังว่าจะมีวาสนาได้มาซักดอก ครับ

 

ตอนนี้กำลังหาแหล่งผลิตแผ่นทองเหลืองคุณภาพสูง และผลิตตามวิธีโบราณ เพื่อใช้จารตะกรุดโดยเฉพาะครับ งานละเอียดทุกขั้นตอน ถ้าได้ที่ถูกใจ จะวิ่งไปดูที่โรงผลิตเอง รอติดตามครับ

 

จองก่อนเลยได้รึเปล่าครับ ติดตามครับผม

 

รอข่าวซักพักนะครับ ผมยังไม่เปิดจองเพราะเกรงว่าการทำตระกรุดจะใช้ระยะเวลานาน เพราะท่านบอกว่าต้องทำเองทุกขั้นตอน ภาวนาให้เกิดผล คั้งแต่การจาน ถึงการถัก รอข่าวอีกทีนะครับผม วันนี้ได้ฤกษ์ จะเดินทางไปรับแผ่นทองที่ร้านธรรมประทีป แผ่นทองจากกรรมวิธีโบราณ ดูแล้วถูกใจครับ

 

ติดตามด้วยครับ(ชอบตระกรุด)

 

ขอบคุณครับผม ตอนนี้ทาง pm และหน้าบอร์ดกระแสดีเหลือเกินครับ พี่น้องพลังจิต ยังน่ารักเสมอครับ วันนี้ง่วนกับการหาของมาทั้งวัน กำลังนำความคืบหน้ามาลงให้ชมครับ

 

วันนี้เดินทางทั้งวันเพื่อตามรวบรวมของดี ที่จะมาประกอบเป็นตะกรุดรุ่นเหยียบแผ่นดินรุ่น 1 ของอาจารย์โสม ด้วยส่วนตัวผมที่ค่อนข้างเป็นคนเอาใจใส่ในเรื่องพวกนี้มาก พอเป็นเอามาก ก็ต้องเหนื่อยมากเพราะหาของดีมันต้องใช้เวลา จะขอยกมาเล่าในส่วนที่สำคัญๆ

อย่างแรก แผ่นโลหะที่จะนำมาจารตะกรุดเพื่อลงอาคมนั้น ผมได้ให้อาจารย์เป็นผู้เลือกเนื้อ วันนี้ท่านพิเคราะห์ดูแล้ว จึงตัดสอนใจสร้างเป็นเนื้อ และจำนวน ดังนี้ครับ
1.ตะกรุดสามกษัตริย์ (เงิน ทองเลือง ทองแดง) ขนาดแผ่น 5x5 นิ้ว สร้าง 99 ดอก
2.ตะกรุดทองเหลือง ขนาดแผ่น 5x5 นิ้ว สร้าง 999 ดอก

เนื้อของโลหะที่จะนำมาทำแผ่นจารนี้สำคัญมาก โรงหล่อปั๊มต้องมีฝีมือ คัดเอาเนื้อโลหะแน้นๆได้ และฝีมือในกระบวนการต้องถึงจริงๆ ส่วนตัวแล้วชอบมากที่ ร้านธรรมประทีปสังฆภัณฑ์ ตั้งอยู่บริเวณถนนพุทธมลฑลสาย 1 หาง่าย พิมพ์ชื่อร้านตาม gmap จะมีนำทางให้ ผมก็เลยจะไม่ขออธิบายการเดินทางมากนัก ที่ผมชอบร้านนี้เพราะเค้าทำกันมานานโรงหล่อปั๊มยังเป็นของดั้งเดิม ผ่านการหล่อพระ เทพ แผ่นตะกรุด เครื่องทองเหลือง ที่ศักดิ์สิทธิ์มานักต่อนัก สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยอาเหล่ากง เรียกได้ว่ามีดีตั้งแต่ที่ร้านเลย คัดเนื้อมาเต็ม แผ่นสวยทนเหนียวไม่ขาดง่าย นอกจากงานแผ่นตะกรุดที่ผมชอบมากก็คืองานทองเหลืองของที่ร้าน ทำได้เนียน ฝีมือมาก รอยยับของเส้นทองเหลืองแทบไม่เหลือ ผิวเนียนสวย แถมราคายังกันเองมากๆ เมื่อเทียบกับฝีมือของทางร้าน แถมบริการกันเองให้ข้อมูลจริงกับลูกค้า ใครสนใจเชิญนะครับ

​

อย่างที่สอง เหล็กตอกโค๊ด ผมตั้งใจทำออกมาให้เรียบง่าย คมชัด หนักแน่น เพื่อให้เป็นที่จดจำของรุ่น ซึ่งโค๊ด ของตะกรุด จะเขียนว่า "เหยียบแผ่นดิน1" โค๊ดนี้จะถูกตอกไว้ที่ปลายตะกรุด ท่านอาจารย์ดสมตั้งใจว่า ถ้ามองลอดผ่านรูการถักเชือก ก็จะเห็นโค๊ดนี้ภายใน เป็นสัญญลักษณ์บ่งบอกถึงรุ่นที่อาจารย์ตั้งใจสร้างเป็นกิจลักษณะครั้งแรก ซึ่งหลังจากเสร็จกระบวนการทั้งหลาย โค๊ดนี้จะถูกทำลายทิ้งเพื่อป้องกันการเลียนแบบทำซ้ำในภายหลัง ถ้าจะทำอีกก็เป็นรุ่นต่อไป หาใช่รุ่นนี้

​

อย่างที่สาม เชือกถัก อาจารย์ท่านเลือกเป็นเชือกเทียน ด้วยความที่เชือกชนิดนี้ มีความคงทนมาก และมีความลื่นไหลสามารถประจุพลังได้ง่าย ส่วนตัวผมมองภาพจินตนาการตะกรุดที่มีโค๊ดสวยงาม ถูกถักด้วยงานฝีมือแบบโบราณจากเชือกเทียน เพียงแค่คิด ก็อยากจะยลโฉมวันนี้เลย

​

ในครั้งต่อไปคงจะได้นำขั้นตอนอันลึกลับแบบโบราณของการทำตะกรุดสายนี้มาเล่าสู่กันฟังครับ ต้องขอบอกว่า มีความละเอียดละออ และคนโบราณนั้นช่างเอาใจใส่จริงๆ ผมจะค่อยๆทยอยเล่าความคืบหน้าเรื่อยๆ ตะกรุดที่ค่อยๆทำจากอาจารย์ ขอบอกเลยว่างานนี้ คงต้องใช้เวลายาวนานพอสมควร ถ้าท่านที่สนใจ กดติดตามกันไว้ จะได้เข้ามาศึกษาไปด้วยกัน

"ของดี ที่ผมก็ตั้งตารอไม่แพ้ทุกๆท่าน"
​

 

มีสามกษัตริย์ด้วย.....น่าสนใจ

 

ติดตามครับ รอของดี......

 

ขอบคุณครับ รอติดตามข่าวเรื่อยๆครับ จะนำรายละเอียดมาลงให้อ่านเพลินๆเรื่อยๆจนกว่าท่านจะสร้างรุ่นนี้เสร็จครับ

 

การตั้งธาตุ แปลธาตุ รวมธาตุ ในแบบวิธีโบราณ สำคัญอย่างไร....
เป็นบทหนึ่งที่ท่านอาจารย์โสม ได้เล่าให้ผมฟังถึงความสำคัญของธาตุ ท่านว่าการจะปลุกเสกตะกรุดให้ขลังนั้น การตั้ง แปล และรวมธาตุ นั้น สำคัญมาก เพราะจะทำให้ตะกรุดมีความสมดุล อณูในแผ่นโลหะจะจัดเรียงตัวกันได้ดี พร้อมรับกับอาคมที่บรรจุลงไป ซึ่งวิชานี้สืบทอดกันมาช้านาน ตั้งแต่ครูโคตร ครูมณี ครูศรี หลวงปู่เหล่านี้ คือตำนานเจ้าอาวาสของวัดบ้านหัวงัว ตำบลหัวงัว อำเภอสนม จังหวัดสุรินทร์ วัดที่ท่านอาจารย์โสมได้มโอกาสอุปฐากหลวงพ่อศรี สมัยท่านอาจารย์เป็นเณร จึงได้รับการถ่ายทอดวิชานี้มา ผมขอคัดลอกในบางช่วงตอนที่ท่านพูดถึงการตั้ง แปล รวมธาตุนี้ให้ทุกๆท่านได้อ่าน เพราะบางส่วนมีความลึกซึ้งจนผมก็ยากที่จะเข้าใจ ถ้านำมาทั้งหมดกลัวจะผิดพลาด โดยท่านอาจารย์โสมได้กล่าวไว้ดังนี้

การแปลธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ต้องให้สมดุล ก็เหมือนคนที่ธาตุต้องสมดุล ดังคำว่า

"หกสองหกยกออกสองตัว แก้วอยู่หัวตัวเดียวอย่าละ นะ อยู่หน้าจำไว้อย่าหลง"

ถ้าแปลแล้วจะเกิดเป็นดวงแก้วมณีโชติ
นะ ธาตุน้ำ
วาโย ธาตุลม
เตโช ธาตุไฟ
ปฐวี ธาตุดิน

ตั้งธาตุ แปลธาตุ รวมธาตุ จบ ตะกรุดจะสมดุล ต่อไปเวลาจะจาน จะทำอะไร จะเกิดความศักดิ์สิทธิ์

นี่แค่เพียงเริ่มยกแรกสำหรัตะกรุดเหยียบแผ่นดินรุ่นแรก ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่จะมีโอกาสได้สัมผัสและร่วมศึกษาของโบราณ ของดีที่ควรจะรักษาสืบไป ในคราวหน้า จะหาเรื่องราวดีๆมาฝากกันอีก รอติดตามกันครับ...

รูปนี้ผมขอให้ท่านอธิษฐานจิต พกติดกระเป๋าสตางค์มานาน เงินไม่เคยขาด ชีวิตไม่เคยตกอับครับ​

 

งานนี้รู้สึกได้ถึงความตั้งใจและเอาใจใส่ของผู้สร้างครับ เป็นกำลังใจให้ คงจะต้องแวะไปเยี่ยมร้านธรรมประทีป ซักหน่อยครับ มีงานทองเหลืองที่จะต้องใช้ ขอบคุรสำหรับข้อมูลดีๆครับ

 

ขอบคุณครับผม ลองดูครับ ร้านธรรมประทีป ฝีมือทองเหลืองดีครับแนะนำ

 

วันอังคารที่ 2 ตลาคม 2561 แรม 8 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ เวลา 10.30 น.
ฤกษ์นี้ท่านอาจารย์โสมจะได้ทำพิธีลงตะกรุดเหยียบแผ่นดินรุ่นที่1 ท่านตระเตรียมของบูชาครูตามธรรมเนียนโบราณที่สืบทอดกันมา อันได้แก่
ขันธ์ 5 ขันธ์ 8
ผ้าถุง 1 ผืน
แพร 1 วา
เทียน 1 บาท 5 คู่ เทียนเล็ก 8 คู่
ผ้าขาว 1 วา

​

หลังจากจัดเตรียมเรียบร้อย ท่านได้บอกกล่าวกับครูบาอาจารย์เพื่อให้ครูบาอาจารย์ช่วยอำนวยอวยชัยในการลงตระกรุดในวันพรุ่งนี้ แต่เนื่องจากไม่ใช่บ้านที่สุรินทร์ของท่านโต๊ะหมู่บูชาต่างๆจึงไม่ได้พร้อมมากนัก แต่ท่านบอกว่าครูบาอาจารย์มาช่วยทำของดีของแค่ตกแต่งคายต่างๆให้ครบถ้วน และท่านเล่าเพิ่มว่าตะกรุดเหยียบแผ่นดินนี้ปกติจะทำไว้ใช้เวลาไปรบ อานุภาพสูงมาก ผู้ได้ครอบครอง จะสามารถกันช้าง เสือ แรด สัตว์ร้ายต่างๆ จะไปไหนชนะศัตรู กันการใส่ของต่างๆ กันภูติผีปีศาจ คงกระพันจากศาสตราวุธทั้งปวง ถือได้ว่าเป็นยอดแห่งตะกรุดเลยทีเดียว และท่านอาจารย์โสมได้เพิ่มมหาเมตตาใหญ่เข้าไปในเนื้อตะกรุดด้วย ซึ่งมหาเมตตานี้ก็เป็นของหลวงพ่อครูโคตร อาจารย์สายวิชาเหยียบแผ่นดินที่ได้ถ่ายทอดให้ท่านอาจารย์ มหาเมตตาใหญ่นี้เป็นมหาเมตตาที่ลึกซึ้งมาก ไปไหนใครก็จะรัก ทำกิจการการค้าใดๆ การสนทนาธุรกิจ การเจรจาต่างๆจะได้ผล ผู้พบเห็นจะใจอ่อนเป็นที่รักใคร่

​

ดังนั้นรุ่นเหยียบแผ่นดินนี้จึงถือว่าครบครันทั้งทางด้าน แคล้วคลาด มหาเมตตา กันภูติผี และคุณไสยต่าง อาจารย์โสมได้กล่าวไว้อีกว่าต่อไปจะหาไม่ได้ เป็นของดีที่จะได้ช่วยคน

​

นับจากวันพรุ่งนี้การลงตะกรุดของท่านจะเริ่มขึ้น และพวกเราจะค่อยๆได้เห็นกระบวนการ ความเข้มขลัง สวยงาม ตามแบบโบราณที่ทำมา รอติดตามกันต่อไปครับผม

 

ติดตามครับผม ชอบและศรัทธามากครับ

 

สุดยอดมากครับ หาอาจารย์ที่พิถีพิถันในการจัดสร้างแบบนี้ยากครับ กราบครูอาจารย์ด้วยนะครับสาธุ สาธุ สาธุ

 

ขอบคุณที่ติดตามครับ สำหรับสายตะกรุดคราวนี้บอกเลยว่าถ้าพลาดแล้วไม่รู้จะมีโอกาสอีกรึเปล่าครับ

 

เริ่มลงอักชระเลขยันต์.....
วันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าตามฤกษ์ที่อาจารย์โสมได้คำนวนไว้ ท่านได้เริ่มต้นการลงอาคมเลขยันต์ของตะกรุดเหยียบแผ่นดิน กระบวนการทุกขั้นตอนท่านทำเองทั้งสิ้น และท่านจะต้องภาวนาทุกขณะจิต ในขณะลงตะกรุด

​

ส่วนของการลงช่วงแรกนั้นท่านเลือกลงตะกรุดสามกษัตริย์ก่อน โค๊ดที่ได้ทำไว้สวยงาม ตะกรุดบางอันท่านตอกโค๊ดหลบในไว้ บางอันท่านตอกไว้ด้านนอก อนาคตหลังจากถูกถักหุ้มไว้ด้วยเชือก ก็อาจจะมองเห็นโค๊ดยากหน่อย แต่โค๊ดนี้จะมีคุณค่าทางใจสืบไป ให้รู้ว่าภายในนั้นคือเหยียบแผ่นดินรุ่นที่ 1

ท่านเล่าให้ฟังอีกว่าตอนที่ท่านเป็นพระ ท่านก็เคยทำถึงหลักพันอัน ช่วงสงครามเกาหลี และอินโดจีน มีลูกศิษย์ทหารหลายนายมาขอจากท่าน ผมถามท่านว่าแล้วผลเป็นยังไง ท่านตอบเพียงสั้นๆว่า "ก็ไม่เห็นมีใครเป็นอะไรซักคนนะ"

​

ทุกๆชิ้นท่านตั้งใจมาก ท่านอมยิ้มและบอกอีกว่า ขลังอย่างเดียวไม่ได้ ต้องสวยด้วย