เห็นภาพคลื่นน้ำทะเลซัดท่วมภูเขามาเลย(พี่ที่ทำงานบอกนั่งสมาธิเห็น)

ถือของก็หนักมือ ถือสาก็หนักใจ เห็นรูปอวตารบางรูปก็จะไม่อ่านนะ

 

อนุโมทนากับท่านจิตยิ้มด้วยค่ะ เรื่องบริจาคตัดสินใจฉับไวดี ค่ะ คนแรกเลย

 

ไม่ทราบว่า ห้องสัพเพเหระกระทู้ของคุณ เพลงพลายพิญ อยู่ในหมวดไหนอะครับ ผมหาไม่เจอ(เคยเห็นผ่านตามานานมากแต่ลืมไปแล้ว) โปรดส่งวาร์ปชี้เป้ามาให้ผมทีได้ไหม คุณ"ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ" ครับ...

 

ห้องสัพเพเหระ อยู่ในกระทู้ของ ท่านแมว Za ค่ะ

 

เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า

 

สงสัยบทกลอน ของคุณเพลงพลายพิญ จะไปพาดพิงถึงสถาบันสูงสุดนะครับ ถึงถูกแบนไป แต่ก็ยังติดอยู่ในข้อความอ้างอิงของท่านสงบอยู่น่ะครับ

 

ขอบคุณค่ะ บังเอิญไม่ได้อ่านไม่รู้เลยค่ะ

 

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงเร็วมาก...กลางคืนหนาว...กลางวันร้อนมาก...ร่างกายอ่อนเพลีย....ขอตัวพักผ่อนไวหน่อยนะทุกท่านวันนี้....กินน้ำเย็นจนท้องบวม

 

ถามได้ดีครับ

 

แนวความคิดที่ว่า
ใช้ภัยพิบัติเพื่อเตือนสติเนี้ย

เป็นแนวคิดที่แย่มาก
ดูอย่างสินามิปี47ตายเป็นเบือ

แล้วมีใครเปลียนพฤติกรรมบ้าง..

 

จิตวิญญาณ เป็นการรวมตัวกันของคลื่นแม่เหล็ก ซึ่งก็คือ ต้นกำเนิดพลังงานที่มีคลื่นอนุภาคเล็กละเอียดระดับปรมาณู เป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กอย่างหนึ่งที่ถูกห่อหุ้มไว้ภายในโดยมวลของก็คืออนุภาคของคลื่นแสงกลุ่มหนึ่ง ที่ลดเลี้ยวเกี่ยวพันไว้อย่างลงตัว.. และมีคลื่นพลังงานที่มีอนุภาคเล็กยิ่งกว่าถูกห่อหุ้มเอาไว้ภายในเช่นกัน ซึ่งเล็กยิ่งกว่าอนุภาคโฟตอนของคลื่นแสงที่มนุษย์รู้จักเสียอีก

เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายมนุษย์ จะมีวงจรไฟฟ้าที่ติดต่อเชื่อมโยงถึงกันไว้อย่างเป็นระบบ โดยไม่มีเซลล์อวัยวะชิ้นใดเลยที่ถูกโดดเดี่ยวไปจากระบบใหญ่ นั่นก็คือ "เส้นใยเกลียวแม่เหล็ก" อยู่ภายในเซลล์ 1 เซลล์ของร่างกายมนุษย์ เส้นใยเกลียวแม่เหล็ก 1 ชุด จะถูกสร้างขึ้นด้วยแท่ง DNA จำนวน 3 แท่ง หรือเป็นรูปตัว U คล้ายรูปเกือกม้า (ซึ่งนักวิทยาศาตร์ของโลกได้มีการยืนยันแล้ว)

ในมนุษย์แต่ละคน อาจมีจำนวนขดเกลียวของเส้นใยที่พันไว้เลยไม่เท่ากันหรือเท่ากันก็ได้ เพราะจำนวนเกลียวทั้งหมดของชุดเส้นใยเกลียวแม่เหล็ก 1 ชุด ในมนุษย์แต่ละคน มันหมายถึง อายุขัย ของมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของมันนั่นเอง

ความเข้มของอำนาจแม่เหล็ก คือรหัสสัญญาณที่จะใช้แทนคำสั่งเพื่อกำกับการทำงานของเซลล์อวัยวะร่างกายนั้น ๆ เช่น กระบวนการเม็ตตะโบลิซั่มต่าง ๆ การเผาผลาญสารอาหาร การดูดซับออกซิเจนกับเม็ดเลือดแดง การเจริญเติบโต การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การทำลายตนเองเป็นต้น

และมันถูกกำหนดค่าเป็นรหัสเฉพาะตัวเอาไว้ล่วงหน้าโดยให้จิตวิญญาณเป็นผู้ถือรหัสมาเกิด ตามเงื่อนไขของ กฎแห่งกรรม ที่เรียกว่า "รหัสบุรพกรรมแม่เหล็ก" โดยในมนุษย์แต่ละคนอาจมีค่าเท่ากันหรือไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นกับสิ่งที่เรียกว่า ผลกรรมในอดีตชาติ ที่จิตวิญญาณแต่ละคนต้องรับผิดชอบและถือติดตัวกันมาในภพชาตินี้มากน้อยเท่าใด

รหัสบุรพกรรมแม่เหล็กในมนุษย์แต่ละคน จึงเหมือนหน่วยบันทึกความจำเกี่ยวกับผลกรรมในอดีตชาติในมิติพลังงาน และเป็นเครื่องแสดงวิบากกรรมของมนุษย์คนนั้น ๆ ให้ปรากฎในมิติทางกายภาพของสังขารร่างกายและจิตใจอีกด้วย

- ทำไมมนุษย์จึงมีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนทั่วร่างกาย?
- กระแสไฟฟ้าในร่างกายมนุษย์เกิดขึ้นได้อย่างไร?
- กลไกใดในร่างกายมนุษย์เป็นผู้ผลิตกระแสไฟฟ้า?
- มนุษย์เผชิญวิบากกรรมจากอดีตชาติในภพชาติปัจจุบันกันได้อย่างไร?
- ทำไมมนุษย์จึงหนีวิบากกรรมและความตายไม่พ้น?

การรู้เรื่องความจริงของจิตวิญญาณข้างต้น..จะช่วยให้พบคำตอบได้ค่ะ

กายสังขารที่เป็นรูปธรรมมนุษย์ของแต่ละคนนั่น มันสามารถสั่นสะเทือนตนเองเพื่อก่อให้เกิดการกระทำใด ๆ ได้ ทั้งในมิติทางกายภาพ และมิติทางโลกพลังงานได้อย่างน่าทึ่ง

ถ้าเกิดการสั่นสะเทือนทางกายสังขารในมิตทางกายภาพ ก็เรียกว่า "พลังกาย"

ถ้าเกิดการสั่นสะเทือนเฉพาะส่วนของจิตใจที่เป็นอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ซึ่งเป็นการกระทำในมิติพลังงานก็เรียกว่า "พลังจิต"

ถ้าสั่นสะเทือนตนเองให้เกิดทั้งพลังกายและพลังจิตร่วมกัน เป็นเรื่อบเดียวกันเวลาเดียวกัน เกิดการกระทำในสองมิติพร้อมกันก็เรียกว่า "พลังแห่งจิตสำนึก"

พลังจิต ก็คือ คลื่นความถี่ทางอารมณ์รู้สึกของมนุษย์ ซึ่งอยู่ในรูปคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กเช่นเดียวกับพลังแม่เหล็กของโลก ที่สองตาเปล่ามนุษย์มองไม่เห็น มีทั้งด้านบวกและด้านลบที่อยู่ในคลื่นพลังงานทางความคิด สามารถใช้ติดต่อสื่อสารกันระบบจิตสู่จิตได้ มนุษย์กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ในสากลจักรวาล หรือมนุษย์กับรูปธรรมทางพลังงานจิตวิญญาณต่าง ๆ (เช่นสรรพสัตว์ทั้วหลาย) พลังจิตที่อยู่ในรูปของคลื่นพลังงานความคิด คือ ภาษาจิต อันเป็นภาษาที่สามคือภาษาสากลจักรวาล ที่สามารถสื่อสารกันได้ไม่จำกัดชาติพันธ์

ดังนั้นจิตวิญญาณของเทพ พรหม และสัตว์ต่าง ๆ ก็ไม่แตกต่างจากมนุษย์มีลักษณะเดียวกัน แต่แตกต่างกันที่กรรม คือ มีขันธ์ห้าขันธ์ มีขันธ์สี่ขันธ์ มีขันธ์ขันธ์เดียว กำลังท่องเที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่ก็ดี ดังนี้ค่ะ

 

ภัยพิบัติเป็นการเตือนสติไม่ให้ตั้งอยู่ในความประมาท

พุทธทำนายก็เป็นการเตือนสติว่าให้เป็นคนดีมีศีลธรรม

ปริศนานกยาง(เหล่าเทพพหรมเทวา) ก็เป็นการเตือนให้รู้ถึงภัยในอนาคตของสัตว์โลก

ผู้มีญาณบารมีก็เป็นการเตือนสติ ให้รีบเร่งสร้างความดีเพื่อช่วยให้ตนเองพ้นภัย

เหล่าผู้วิเศษที่ทำนายก็เตือนกันด้วยความปราถนาดี

เมื่อเกิดภัยแล้วตายเป็นเบือเป็นการยืนยันค่ะว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมิได้ล้อเล่น ภัยทั้งหลายได้เข้ามาใกล้จมูกแล้ว ส่วนใครเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็เหมือนดั่งที่ตรัสไว้ในพุทธทำนายว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" หรือ อีกนัยยะหนึ่ง "ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา" นะค่ะ

 

แม่ชี อย่าเดินเข้า ร้านโดโซะ นะ

เพราะในร้าน จะมี แม่เหล็กพลังสูง ขาย

เดี๋ยวจะเดินออกมาไม่ได้

.....

ในเชิงธรรมะ สภาะการหน่วงเหนี่ยว เกาะกุม
เขาเรียก "ธาตุน้ำ" ......รับรู้ได้ด้วย ใจ

สภาพแข็ง ตึง หยุ่นๆ เขาเรียก ธาตุดิน

สภาพที่สลายได้ เขาเรียก ธาตุไฟ

สภาพที่เคลื่อนได้ เขาเรียก วาโยธวาธิต วี๊ดบึ้ม

มหาภูตรูปสี่ นี่เปน ปรมัตถ์ แยกไม่ได้อีก ละเอียด
กว่า ควาก เควิร์ก สสารมืด ที่เปน ส่วนประกอบ
จาก มหาภูตรูป อีกที ....อะแม่ชี คิสสะมาก เขา
จ้างมาเท่าไหร่ ฮับ

 

ที่กล่าวเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้มิใช่เป็นการจูงใจ หรือ จูงจิตให้เชื่อ หรือ เป็นการสร้างอุปาทานหมู่นะคะ จิตยิ้มไม่อยากให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นเลย เราคงไม่อยากให้ตนเองหรือคนที่เรารักต้องลำบาก แต่ถ้าหากเราทุกคนรู้ว่า...อะไรจะเกิดขึ้นบ้างเราจะได้ร่วมมือร่วมใจกันลดภัยพิบัติให้น้อยลงหรือเบาบางได้

อย่างกรณีพายุปาบึกภาคใต้ รู้ก่อนย่อมเตรียมตัวป้องกันภัยไว้แต่เนิ่น ๆ และมีการช่วยเหลือกันไปตามหน้าที่ตามกำลังการสูญเสียก็น้อยมากกว่าไม่รู้

อย่างกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน การรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นแก่โลกบ้าง และเราจะช่วยโลกและช่วยกันได้อย่างไร อย่างน้อยทั้งโลกเราอาจควบคุมไม่ได้ แต่ระดับประเทศ ระดับชุมชน หรือแม้แต่ระดับครอบครัว อย่างน้อยก็ตนเอง ก็ถือว่าดีกว่าไม่รู้ค่ะ

 

สัตว์โลกไปตามกรรม
ก็บอกชัดอยู่แล้ว

 

แต่บางคนอยากให้ตายเยอะๆ

 

เพราะ ปุถุชน ขาดการสดับ

ทุกข์(สัจจ) ไม่ได้กำหนดรู้

จึงแล่นไปตาม เวทนา สุข ทุกข อทุกขมสุข

ติดตาข่าย อุปทานขันธ์ ....คลาดปัจจุบันธรรม
จึงมีลักษณะ หาเบื้องต้น เบื้องปลายไม่ได้
ต่อให้ภัยเกิดกับแขนขา เสื้อผ้า หน้าผม
ถ้า พระยาตำ ยังชวนจุกกรู้ ก้อาจจะฟิน
ลืมแขนขาสมาหมอที่ด้วน กุด ตกศูนย์(iq)

 

5555 ธาตุนี้เป็นพลังงานเปล่าคะ

โลกธาตุ อันประกอบด้วย ดิน น้ำ ไฟ ลม มาประชุมกัน อะไรเป็นตัวดึงดูด หรือ ตัวแรงดึงให้มารวมกันหรือประชุมกันล่ะคะ

แหม!! อย่าตระหนี่ธรรมซิคะ เปลี่ยนภาษาหน่อยเดียว แต่ไม่เปลี่ยนใจไปจากพระพุทธศาสนาหรอกค่ะ

 

อ่านให้ดีๆ จิ ฮับ

พระพุทธองค์ ตรัสว่า สภาพธรรมที่มีอรรถรส
เกาะกุม หน่วง เหนี่ยวได้ นั่นคือ สภาวะ ธาตุน้ำ

อย่าไปแปล อาโป เปน h2o ....ใหแปลเปนเชิง
Force to be compound หรือ bond อะไร
ทำนองนี้

 

ธาตุมนสิการ บรรพะ

เวลาระลึก สภาพธรรม ความเกาะกุม ความไหวๆ
ที่เปนกลุ่มๆ ก้อนๆ .....ขณะนั้นให้ ระลึกว่า
จิตเกิดที่ มโนทวาร ไม่ใช่ให้ไปไล่ตระครุบ
ว่า อะไรไหว ไหวทำไม ....เพื่อละ พยาบาทวิตก
วิหิงสาวิตก....

หากเหนความราบเรียบ แนบสนิท เปนผืน
เดียว แผ่นเดียว ให้รู้ว่า จิตรู้ปฐวีธาตุ แต่ไม่
ได้ให้ไปตะครุบดิน เขาให้ระลึก จิตเกิดทาง
กาย ....ถ้ารู้อันนี้ ต้องกลับไปเน้น วิตก วิจาร
เพื่อรูปวจรจิต......แต่แม่ชี ไปไม่ได้หลอก
มัวแต่ กระตู้ฮูว์ มะนาวต่างดุด รัตโน หนาสันติ
พฤหัส คิดสะตัง จานลาย