ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี


    19.19น.อุตุญี่ปุ่นคาด ดีเปรสชั่นเกาะปาเลา เคลื่อนตัวฟิลิปินส์. ยังห่างไทย เกิน 2,000 กม


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น่าสงสัย ทำไมเผาแค่นั้น

    เตือนภัยทุกสถานการณ์ ถ้าเป็นบ้านอื่นคนพวกนค้เผาวอดไปแล้ว บางครั้ง การทำอะไร แล้วไม่กล้าทุ่มหมดตัว ก็อาจจะเปิดเผยพิรุธได้


    สรุปข่าว แก้ไขเพิ่มเติมปล้นอาวุธปืน ผญบ. บันนังสตา


    เมื่อ 18 ม.ค.2562 00.30 น. สภ.บันนังสตา รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวน งัดหน้าต่างบ้านนายมูหามัด กาเต็ง อายุ 52 ปี (ผญบ.) อยู่บ้านเลขที่ 239/8 ม.5 ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา เข้าไปลักอาวุธปืนชนิด M 16 A1 สั้น (แบบ M 4) หมายเลข 1463848 พร้อมแม็กกาซีนแบบยาว ชนิดบรรจุ 30 นัด จำนวน 6 อัน แม็กกาซีนแบบสั้น ชนิดบรรจุ 20 นัด จำนวน 1 อัน และกระสุนปืนขนาด 5.56 มม.จำนวน 500 นัด จากนั้นคน ได้ลอบวางเพลิงเผาห้องเก็บอาวุธปืน และส่วนหลังของบ้านที่ต่อเติม ได้รับความเสีย ก่อนคนร้ายจะหลบหนีไป จากการตรวจสอบของ จนท.พบอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด ของกรมการปกครอง หมายเลขปืน PS 15688 H ซึ่งเก็บอยู่ในห้องเดียวกันถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย

    เหตุเกิด บ้านเลขที่ 239/8 ม.5 ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา

    สาเหตุ ยังไม่ทราบสาเหตุ

    ร.ต.อ.ธรรมรัตน์ ภาระพิง รอง สว.(สอบสวน) สภ.บันนังสตา โทร. 08-7161-9551


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผลงานโจรใต้เผาสถานที่ต่างๆ วิดวานหมดเหลือแต่เสา แต่กลับเผาบ้านคนที่ไปขโมยปืน นิดหน่อย แปลกดีไหม และยิ่งเป็นบ้านเจ้าหน้าที่รัฐด้วย จากข่าวเขาว่าเพื่อแก้แค้น ซึ่งก็น่าจะเผาบ้านหชังนี้จนเหลือแต่ตอ ไปแล้ว

    723610C4-FD41-4FB6-AEBD-3602B2131DE9-1134-000000A0223D965B.jpg BEBAC31E-E4C2-46AB-B077-6C04B784D943-1134-000000A02680ACCA.jpg 231F2853-C504-4D31-8978-7CBE0D175F84-1134-000000A02C9E4DC2.jpg B040FE11-6F49-4070-A276-1ACEBEF95A77-1134-000000A0323C92AD.jpg 28CE78B7-5F8A-4E4E-8E99-0F99AB6651A7-1134-000000A04E820F33.jpg
    ภาพจาก กูเกิล
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตือนภัยทุกสถานการณ์


    รถบรรทุกก๊าชชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อที่จอดพักรถ โชคดีแค่บาดเจ็บ เมื่อเวลา 05.30 น.ของวันที่ 19 มกราคม 2562 ศูนย์วิทยุนรสิงห์สภ.เมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาครรับแจ้งอุบัติเหตุ มีผู้บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสมุทรสาครพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาครเดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่ถนนพระราม 2 ช่องทางด่วนขาออกกทม. กม31+500 จุดเกิดเหตุ ลงจากสะพานท่าจีนมาประมาณ 150 เมตร ตำบลท่าจีน อำเภอเมืองจังหวัดสมุทรสาคร พบรถพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อ Hino สีขาว หมายเลขทะเบียน 80 - 7556 สมุทรสงคราม ตัวพ่วงขาดออกจากกันหลังจากถูกรถบรรทุก ก๊าซ หมายเลขทะเบียน70-49 23นนทบุรี มาชนท้าย จากการสอบถามคนขับรถบรรทุกก๊าซอายุประมาณ 35 ปีซึ่งอยู่ในอาการมึนงง ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีเพียงแผลถลอกตามร่างกาย นับโชคดีมากที่เดินทาง ไปลงก๊าซเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บอกว่า พอตนเองขับลงสะพานแล้วมองไม่เห็นรถพ่วงจึงชนท้ายเข้าอย่างแรง ทางด้านคนขับรถพ่วง 18 ล้อ อายุประมาณ45ปี บอกว่าตนเองจอดพักรถอยู่ริมช่องทางด่วน รถบรรทุกก๊าซก็มา ชนท้ายเอง หลังจากเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เชิญตัว คู่กรณีไปสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ที' นะคับ-

    95058998-2A66-4E95-A4FB-AC474DB3EE11.jpeg
    NASA asteroid WARNING: Giant 154ft asteroid found barreling on 'Earth approach'


    NASA เตือน: พบดาวเคราะห์น้อย 154 ฟุตยักษ์ จะพุ่งชนเข้าใกล้ชั้นบรรยากาศของ' โลก' วันพรุ่งนี้(ตามเวลาของ NASA UTC) ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าดาวเคราะห์ดังกล่าว เคลื่อนเข้าใกล้โลกแล้ว


    นักวิทยาศาสตร์ของนาซ่าคาดว่าดาวเคราะห์น้อย AB5 ให้เรียกว่า "โลกปิดแนวทาง" ประมาณ 10.55 pm GMT ในระหว่างนี้ flyby ดาวเคราะห์น้อยจะถึงระยะห่างไปได้ใกล้เคียงที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก และสุดท้ายอาจจะในวงโคจรของมัน


    ซึ่งคาดว่าเมื่อผ่านมายังชั้นบรรยากาศโลก ดาวเคราะห์จะถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะเป็นอุกกาบาต ตกมายังพื้นโลกในที่สุด


    VIA: https://ssd.jpl.nasa.gov/sbdb.cgi?sstr=2019 AB5&orb=1


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Candy Bella


    ..... ครูแดงนั่งห้าง......


    เล่าโดย : คุณธกร คนชอบเล่า


    หนึ่งในเรื่องราวของคุณวัธนา บุญยัง ที่คุณธกรได้หยิบยกนำมามาเล่าให้ฟังอีกที เป็นเรื่องราวของครูแดง ครูใหญ่แห่งโรงเรียนบ้านหนองปรือ ชื่อจริงของแกคือวัลลภ แต่ชาวบ้านร้านถิ่น แม้กระทั่งเด็กนักเรียน เรียกกันจนติดปากว่าครูแดง


    เรื่องการสอนหนังสือนั้น เก่งไม่แพ้ใคร ทั้งเรื่องตลกโปกฮา สันหาวัสดุอุปกรณ์การสอน ที่ถนัดคือการเรียนกับธรรมชาตินอกห้องเรียน เรียนกับครูแดง นักเรียนไม่เคยง่วง มีแต่เหนื่อยกับสนุกเท่านั้น


    นอกจากงานสอนหนังสือที่เป็นอาชีพหลักของแก ครูแดงยังมีงานอดิเรกคือการเข้าป่าล่าสัตว์ ความเป็นอยู่ของครูบ้านนอก ไม่ได้แตกต่างจากชาวบ้านเท่าไร เพราะแม้จะมีเงิน แต่ก็ไม่มีสินค้าให้ซื้อ นานทีปีหนจึงจะมีพ่อค้าเร่ มาขายน้ำปลาบ้าง ปลาแห้ง ปลาเค็มบ้าง


    อาหารการกินส่วนใหญ่ของคนในป่า นอกจากข้าวสารอาหารแห้ง พวกพริกเกลือ กะปิน้ำปลาแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่หาได้จากป่า เพราะป่าคือแหล่งอาหารของมนุษย์มาตั้งแต่ดึกดําบรรพ์ อาหารโปรตีนที่ได้จากป่า มีตั้งแต่กระทิง วัวแดง กวาง เก้ง หมูป่า เม่น ชะมด อีเห็น นก ปลา กระรอก บ่าง บึ้ง ปู หอย กระทั่งแมลงอีกหลายชนิด ส่วนพืชผักในป่า ก็มีให้เก็บกินกันไม่รู้จักหมด ทุกอย่างปลอดสารพิษ ไร้สิ่งเจือปน เรียกว่าคนอยู่ป่าถ้าขยัน ไม่มีคำว่าอด


    ครูแดงมีรถจิ๊บวิลลี่เก่าคร่ำอยู่คันนึง ใช้บุกป่าเที่ยวป่าจนปรุไปหมด ส่วนปืนนั้นก็มีครบ ตั้งแต่ลูกกรดยาว ลูกซองเดี่ยว ซองห้านัด ไรเฟิล แถมปืนพกจุดสามแปดอีกกระบอก หน้าแล้งหลังปิดเทอม ส่วนมากแกจะขับรถจิ๊บเที่ยวป่าไปเรื่อย ค่ำไหนนอนนั่น


    ในรถที่เสบียงครบครัน ส่วนที่นอนก็คือเบาะยาวหน้ารถ แกจะนอนขดตัวห่มผ้าหลับสบาย ความที่แกเป็นคนใจกว้างและใจถึง จึงทำให้มีเพื่อนฝูงมากและรู้จักคนไปทั่วป่า รถบุกไปได้ถึงไหน เจอคนเมื่อไร เป็นต้องรู้จักกันหมด แกไม่มีวันอดตาย เรียกว่าหาข้าวกินฟรีได้ทุกบ้าน


    บ่ายวันนั้น แกขับรถจิ๊บบุโรทั่ง ตะลอนเข้าไปเรื่อยโดยไร้จุดหมาย ป่าที่เคยเป็นดงดิบแห่งนี้ เป็นป่าที่ผ่านการทำไม้มาก่อนแล้ว แม้จะยังมีความรกทึบอยู่มากก็ตาม แต่ก็มีทางลากไม้ซอกแซกไปทั่ว ยิ่งยามแล้งอย่างนี้ จิ๊บเล็กสามารถตะลุยไปได้สบายๆ


    คืนแรก ครูแดงมาถึงเชิงเขาอีด่างก็ค่ำพอดี เมื่อตระเวนหาแหล่งน้ำได้จึงได้หยุดพัก ตั้งหม้อข้าวเสร็จ กับข้าวไม่น่าห่วง อย่างน้อยน้ำพริกแดงที่ตุนมาก้อนใหญ่ กับเนื้อเค็มอีกสองแผ่น เป็นประกันอยู่แล้ว


    ยังไม่ทันจะมืดสนิทดี แกก็นั่งจิบเหล้าก่อนอาหารคนเดียว ความสุขของคนชอบป่า ไฝ่หาความวิเวกธรรมชาติอันบริสุทธิ์ แม้จะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนอยู่บ้าน แต่ใจรักซะอย่าง ที่ยากก็กลายเป็นเรื่องง่าย


    ยามโพล้เพล้อย่างนี้ เสียงนกและไก่ป่าเงียบไปแล้ว แต่เสียงแมลงและนกกลางคืนเริ่มทำหน้าที่แทน จิบเหล้าเข้าไปได้สองอึก กระต่ายป่าสีเทาก็กระโดดออกมาเล่นไฟ ไวแทบไม่ทันกระพริบตา แกคว้าลูกกรดที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาส่องเปรี๊ยง


    กระต่ายป่าอ้วนพีกลายเป็นลาภปากไปอย่างไม่ตั้งใจ ถลกหนังตัดหัวออกล้างน้ำ ทาด้วยเกลือและพริกป่นจนทั่ว เสียบไม้เอาขึ้นย่างไฟ ครู่เดียวก็ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนกวนน้ำย่อย เริ่มรู้สึกเมาจึงกินข้าว หลังจากอิ่มแล้ว จิบกาแฟดำและเอกเขนกเล่นบนเบาะรถ เหม่อมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า


    อากาศในป่ายามค่ำคลายร้อน เย็นสบายและหนาวนิดๆยามดึก มองดูดวงดาวตกจนฟ้าข้างแรมเริ่มจะสว่าง ง่วงก็ยังไม่ง่วง จึงลุกขึ้นเตรียมออกเดินส่องไฟเล่น ไฟฉายติดหน้าผากก็มีอยู่แล้ว ครูแดงเปลี่ยนรองเท้าเป็นบูทยาง เดินส่องไฟย่ำไปบนหญ้ารกๆ มีสิทธิ์เหยียบเอางูเห่าได้ แม้จะพบไปบ่อยนัก แต่ที่เจอประจำคือกัปปะตัวเล็กๆสีเทา และไม่ยอมหนีคน เหยียบเมื่อไหร่ก็โดนกัดเมื่อนั้น


    อยู่ในดงอย่างนี้โดนเข้าแล้วจะไปพึ่งใครได้ กว่าจะออกไปถึงโรงพยาบาลอำเภอ ก็หมดลมเสียก่อน ขนาดรักษาทัน แผลยังเน่าลามจนต้องตัดนิ้ว แต่งตัวเรียบร้อยก็คว้าลูกซองห้านัดขึ้นมาถือ ลูกใส่ไว้ทั้งเก้าเม็ด และเจ็ดสิบเม็ด ถ้าเจอเก้งกวางและหมูป่าก็กำลังดี สำหรับลูกเก้าเม็ด ถ้าชะมด อีเห็น หรือกระต่าย เจ็ดสิบเม็ดกำลังดี


    เดินส่องไฟเลาะไปรอบๆเขา ท้องฟ้าเริ่มสว่างมากขึ้น ทำให้แลเห็นยอดเขาทะมึนอยู่เลือนลาง นกกระสาวิ่งถลาไปมาอยู่ตามพื้นดิน ไฟฉายกระทบตาของมันแดงวาบ บ่างใหญ่ถลาวูบอยู่บนยอดต้นตะแบก พื้นดินคลายความอบอุ่นจากแดดเผา ลมเย็นโชยพัดมาจากบนเขาเรื่อยๆ กลิ่นดอกไม้ป่าหอมระโรยริน กลิ่นดินกลิ่นป่าหอมบริสุทธิ์สดชื่น


    เดินบุกไปบนใบไม้แห้ง ทำให้เกิดเสียงสอบแสบตลอดเวลา บางทีความรู้สึกหลอกตัวเอง เหมือนกับมีคนเดินตาม ครั้นหยุดนิ่งฟังก็เงียบ มีแต่เสียงลมพัดใบหญ้า และเสียงแมลงสารพัดชนิด กรีดปีกไม่ขาดเสียง


    แหงนหน้า สาดแสงไฟบนหน้าผากขึ้นไปบนยอดไม้ พบตาวาวโลดของลิงลมเจิดจ้า สัตว์เชื่องช้าขี้อายค่อยๆหลบไปแอบหลังคบไม้ ถ้าจะยิงมันก็ร่วง แต่แกไม่เหมือนพรานชาวบ้านบางคน ที่ยิงลิงลมอ้างว่ามันขัดลาภ ยิงมันแล้วก็กินไม่อร่อย มีแต่หนังหุ้มกระดูก ทั้งเหนียวและคาวจัด


    เดินไกลจากที่จอดรถได้เกือบสามกิโล ยังไม่พบวี่แววของสัตว์ใหญ่ที่เรียกร้องความสนใจได้ มีตาชะมดแดงวาบสะท้อนมาครั้งนึง แม้ชะมดจะเป็นสัตว์ที่เนื้อกินอร่อย แต่ระยะมันไกลเกินไปสำหรับลูกซอง จึงค่อยเดินไล่เข้าไปไกล้ แล้วส่องไฟหาอีกหลายรอบ แต่เหมือนว่ามันจะขึ้นต้นไม้หนีไปแล้ว


    พระจันทร์เสี้ยวข้างแรมเริ่มโผล่พ้นยอดไม้ ทำให้ป่าสลัวนวลมากขึ้น กำลังคิดว่า เดินพ้นหัวเขานี้แล้ว ถ้ายังไม่พบอะไรน่าสนใจก็จะกลับ กวาดสายตาตามแสงไฟไปรอบๆ ตรงกอไผ่ใหญ่ดำตะคุ่มไกลๆ แสงตาวาบสะท้อนไฟฉายกลับมา วาบเดียวที่เห็น ครูแดงถึงกับสะดุ้งสุดตัว เพราะมันสว่างเหลือเกิน แถมแดงจัดไม่เหมือนเก้งกวาง


    เพื่อความแน่ใจจึงตวัดไฟขึ้นยอดไม้ แล้วกราดไล่ลงมาอีกที คราวนี้ชัดเจน แสงตาในระยะไกลสะท้อนกลับมาแดงวาบ ไม่ทันได้ทำอะไร มันก็หลบเข้าไปหลังกอไผ่ ติดตามมาด้วยเสียงคำรามเหมือนถูกขัดจังหวะ แค่นี้ก็เกินพอแล้วที่แกจะตัดสินใจ


    ครูแดงตบปืน คลายลูกปรายขนาดเจ็ดสิบเม็ดออกมา แล้วยัดลูกเก้าเม็ดล้วนเข้าไปแทน ค่อยๆย่องเข้าไปหาก่อไผ่ช้าๆด้วยความระมัดระวัง แสงตานั้นหายไปแล้ว แม้ตะส่องตวัดจากที่สูงล่อไปมา แต่ทุกอย่างยังมืดสนิท


    เข้าไปถึงกอไผ่ที่เห็นตาของเจ้าป่า ส่องไฟไปรอบๆก็ไม่มีวี่แวว นอกจากรอยเท้าขนาดกว่ามือกางเป็นประจักษ์พยาน หลักฐานอีกชิ้นที่สนับสนุนเสียงคำรามของมันก็คือ เก้งทั้งตัวเพิ่งตายได้ไม่นาน ถูกมันกัดหักคอ และเริ่มจะกัดกินเครื่องในได้นิดหน่อย รู้เลยว่ามันคำราม เพราะโกรธที่ถูกขัดจังหวะ อาจจะกำลังหิวจัด เพราะน่าจะเป็นเหยื่อตัวแรกที่ล่าได้ในคืนนี้


    คิดจะหาที่นั่งห้าง เพราะมันน่าจะเข้ามากินอีก แต่ดูแล้ว ไม่มีต้นไม้ใหญ่พอจะขัดห้างได้ อีกอย่างขณะนี้ก็ดึกแล้ว ไม่มีอะไรดีกว่าการขโมยเหยื่อเสือกิน จึงใช้มีดที่เหน็บเอวมาด้วย ตัดเลาะขาหลังทั้งสองข้างของเก้ง ผูกมัดแล้วตวัดขึ้นบ่า นึกในใจว่า ถ้าไม่อิ่มก็หาเอาใหม่แล้วกัน


    บ่ายวันรุ่งขึ้น ครูแดงขับจิ๊บเล็กลัดเลาะมาจนถึงบ้านซับขนุน บ้านป่าเล็กๆที่มีอยู่ไม่กี่หลังคาเรือน ชาวบ้านที่นี่แรกๆ ก็มาทำน้ำมันยาง ครั้นไม้ยางขนาดใหญ่ถูกบริษัททำไม้ตัดหมดแล้ว จึงหาของป่า พวกไม้หอม น้ำผึ้ง เปลือกสีเสียด นกขุนทอง ขายเลี้ยงชีพพอประทังชีวิต


    พื้นที่ว่างโล่งไม่กว้างนัก มีต้นไม้ใหญ่พวกยางตะแบก กระบก แทรกอยู่ห่างๆกัน ตามโคนต้นไม้มีกระท่อมมุงแฝกเรียงราย ขนุนขนาดใหญ่ขึ้นร่มครึ้มอยู่หลายต้น อายุของมันคงไม่ต่ำกว่าสามสิบปี และนี่คือที่มาของบ้านซับขนุน


    หมาผอมฝูงนึงวิ่งออกมาเห่าเกรียว แกขับจิ๊บตรงเข้าไปที่ลานบ้านหลังนึง เลยไปทางลำห้วยท้ายหมู่บ้าน นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมวันนี้จึงเงียบนัก แกจอดรถและร้องถามว่า "ไปไหนกันหมด ลุงนาคอยู่หรือเปล่า" โดยที่ยังไม่ก้าวลงจากรถ เพราะฝูงหมาลุมล้อมอยู่รอบๆ


    เด็กเล็กๆ เนื้อตัวมอมแมมหลายคนเข้ามาลุมดู ชายวัยใกล้หกสิบ นุ่งกางเกงขากวย ท่อนบนเปลือยเปล่า เดินออกมาจากกระท่อมหลังหนึ่ง ลุงนาคตวาดไล่บรรดาหมาทั้งหลาย แล้วพูดว่า "มาพอดีเลยครู ลงมาเข้าบ้านก่อนสิครับ" ครูแดงลงจากรถ แล้วเดินตามเจ้าของบ้านเข้าไปนั่งที่แคร่ใต้ถุน พร้อมกับถามว่า


    ครูแดง : ไปไหนกันหมด บ้านเงียบเชียว

    ลุงนาค : ครูเข้ามาก็ดีแล้ว พวกเราเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลืออยู่พอดี

    ครูแดง : เรื่องอะไรรึ ไข้ป่า ช้างบุก หรือเสือกวน

    ลุงนาค : อีแมวลูกสาวทิดนอง มันออกไปหาผักกินตั้งแต่เมื่อเย็นวาน ป่านนี้ยังไม่กลับเลย

    ครูแดง : ถ้าไม่หลงป่า สงสัยเสือจะคาบไปกินเสียแล้ว

    ลุงนาค : ป่าน่ะไม่หลงหรอกครับ แต่มันเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า ไอ่ทองกลับมาเมื่อกี้ มันว่าเจอรอยเสือแล้ว แต่ยังหาคนไม่เจอ

    ครูแดง : ป่านนี้ สงสัยจะไม่รอดแล้วลุง


    มีเสียงคนเอะอะขึ้นที่ทางเข้าหมู่บ้าน ติดตามมาด้วยเสียงร้องไห้โหยหวน หมาเห่ากันเกรียว ลุงนาคผุดลุกขึ้นอย่างร้อนรนแล้วพูดว่า "สงสัยได้ข่าวแล้ว ไปดูกันเถอะ" ครูแดงเดินตามลุงนาคไปทางต้นเสียงอย่างรอดเร็ว


    ที่นั่นมีชาวบ้านเกือบสิบคน จับกลุ่มพูดคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หญิงวัยใกล้สี่สิบดิ้นรนฟูมฟายร้องไห้น่าเวทนา เพื่อนบ้านต้องช่วยกันจับไว้ ใกล้กัน ชายวัยสี่สิบคงจะเป็นสามี นั่งร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียว


    ลุงนาคตรงเข้าไปถามหนุ่มคนนึงในกลุ่ม "เป็นยังไง เจอร่องรอยอะไรมารึไอ้แม้น" ไอ้แม้นพูดแล้วทำท่าเหมือนจะอาเจียนว่า "เจอศพอีแมวแล้วลุง เสือมันฟัดซะเละเลย มันลากไปกินถึงหัวเขาแดงโน้น แต่แปลกจากตรงที่อีแมวเก็บผักไม่มีร่องรอยอะไรเลย ไม่รู้มันเอาไปได้ยังไง"


    ครูแดงถามว่า "แล้วศพล่ะ" ไอ้แม้นตอบว่า "ยังไม่มีใครทำอะไร ต้องมาถามทิดนองกับแม่มันก่อน ว่าจะให้เผาหรือให้ฝังที่นั่น" นางพลอย แม่คนตายได้ยินแววๆ ยิ่งร้องไห้ทุรนทุรายหนักขึ้น ส่วนทิดนองได้แต่กัดฟันกรอดๆ ด้วยความโกรธแค้นและเศร้าโศก นางพลอยร้องจะไปดูศพลูกสาวให้ได้ แต่ลุงนาคห้ามไว้ แล้วหันมาถามครูแดงว่า


    ลุงนาค : เอายังไงดี ครูช่วยออกความเห็นหน่อย

    ครูแดง : เดี๋ยว ไอ้เสือตัวนี้มันอาละวาดมานานหรือยัง

    ลุงนาค : ยังไม่มีใครเคยเจอเลยครับ อยู่กันมาตั้งนานนมแล้ว นานๆช้างก็ผ่านมาที เสือนี่ไม่เคยเจอกันเลย อยู่ๆมันมาได้ยังไงก็ไม่รู้

    ครูแดง : ถ้ามันลงได้กินคนอย่างนี้ ท่าทางจะไม่ค่อยดีซะแล้ว เดี๋ยวมันก็ต้องเอาอีก

    ลุงนาค : นั่นสิ ครูมาพอดีเลย ช่วยหน่อยเถอะครับ

    ครูแดง : จะให้ผมทำยังไง ปืนน่ะมี แต่มันจะอยู่ให้ยิงง่ายๆรึ

    ลุงนาค : เวลายังมี เดี๋ยวให้ผมคุยกับพ่อแม่มันก่อน ถ้ายังไง ครูช่วยจัดการที

    ครูแดง : ช่วยยังไง ผมยังไม่เข้าใจ

    ลุงนาค : นั่งซากสิครู ปล่อยไว้ไม่ได้หรอก อย่างครูว่านั่นแหละ


    ขาดคำลุงนาค ครูแดงถึงกับอึ้ง เที่ยวป่ามาก็นับสิบปี ผีสางนางไม้ไม่เคยนึกกลัวอะไร คนอย่างแกมีสัมมาคารวะ แม้ไม่กลัว แต่เวลาเข้าป่าก็ขออนุญาตเจ้าป่าเจ้าเขาทุกครั้ง ก่อนนอนก็สวดมนต์ แผ่ส่วนกุศลให้ผีสางนางไม้ทุกคืน เที่ยวมานาน ไม่เคยเจอเรื่องขนพองสยองเกล้า เหมือนคำเล่าขานของพรานเก่าๆสักที


    แต่เรื่องเฝ้าศพล่าเสือนี่สิ เป็นเรื่องน่าวิตกน้อยซะเมื่อไหร่ พูดจริงๆแล้ว ครูแดงเคยนั่งห้างยิงเสือมาสองตัวเท่านั้น นอกนั้นแค่เคยจะยิง แต่ก็ยิงไม่ทัน อย่างเมื่อคืนเป็นต้น


    ลุงนาคเข้าไปซุบซิบกับทิดนอง แรกๆทิดนองก็มีท่าฮึดฮัด นางพลอยยิ่งโวยวายเป็นการใหญ่ เป็นตายร้ายดี นางก็จะเอาศพลูกสาวมาเผาใกล้บ้านให้ได้ ชาวบ้านหลายคนช่วยกันปลอบ ยกเหตุผลมาอ้าง


    ลุงนาคเองถึงกับโมโห ที่พูดกับนางพลอยไม่รู้เรื่อง กระทั้งทิดนองเหมือนจะตัดสินใจได้ แกหันไปบอกเมียให้สงบ และบอกกับลุงนาคว่า "เอาเถอะ ถ้าลุงคิดว่าครูแดงจะปราบมันได้ ไหนๆอีแมวมันก็ตายไปแล้ว เสร็จแล้ว เราค่อยเอาศพอีแมวมาเผาก็ได้"


    ครูแดงนึกโมโหตัวเอง จะเที่ยวป่าให้สบายใจ กลับต้องมารับภาระหนักอึ้ง ไม่รู้จะทำได้สำเร็จแค่ไหน เรื่องนั่งห้าง นั่งเฝ้าซากกวางยิงเสือก็เคยมาแล้วทั้งนั้น แต่ให้มานั่งเฝ้าซากคน แค่คิดก็หนาว


    เมื่อเห็นครูแดงสีหน้าไม่ค่อยดี ลุงนาคจึงพูดเหมือนอ่านใจว่า "ถ้าครูไม่กล้านั่งคนเดียว ผมไปนั่งเป็นเพื่อนก็ได้" ที่จริงครูแดงก็นึกอย่างนั้น แต่ลุงนาคเล่นพูดออกมาต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้านอย่างนี้ ชาวบ้านทั้งหมดกำลังจ้องหน้าอยู่ ว่าครูจะตัดสินใจยังไง


    ใครๆก็รู้ว่าครูแดงเที่ยวป่า กินนอนในป่าคนเดียวมาตลอด เรื่องอะไรจะแสดงความปอดแหกให้ชาวบ้านเห็น จึงแข็งใจ พูดออกมาดังๆว่า "ไม่เป็นไร ผมนั่งคนเดียวได้ รีบไปดูที่เกิดเหตุกันก่อนดีกว่า"


    เมื่อเป็นการตกลงกันตามนั้น ครูแดงจึงเร่งให้ออกเดินทางไปดูศพและสถานที่เกิดเหตุ เพราะเวลาเริ่มจะบ่ายคล้อยลงไปทุกที ขืนช้าอยู่จะไม่ทันการ มืดค่ำแล้วจะแต่งซุ้มขัดห้างไม่ทัน


    ไอ้แม้น ไอ้น้อย ทิดนองพ่ออีแมว ลุงนาคและครูแดง เดินตามกันเป็นแถวเข้าป่าด้านหลังหมู่บ้าน แลเห็นขุนเขาช่องลมทะมึนอยู่ไม่ไกล ลุงนาคและทิดนองมีลูกซองเหน็บไปคนละกระบอก


    น่าสงสารทิดนองที่เดินบ่นไปว่า อยากเจอไอ้เสือตัวที่ทำร้ายลูกสาวตาย ถึงกับร้องท้าผ่านเจ้าป่าเจ้าเขา ว่าให้ออกมาสู้กันตัวต่อตัวก็เอา ลูกใครๆก็รัก ยิ่งมาตายทารุณกะทันหันอย่างนี้ ก็ยากจะทำใจได้ ทั้งๆที่ทิดนองไม่ได้เป็นพราน ยังกล้าร้องท้าเสือในป่าให้ออกมาสู้กัน ป่าดิบดงทึบอย่างนี้ ไม่ต้องร้องท้า เสือมันก็น่ากลัวอยู่แล้ว


    ไอ้แม้นพาเดินไปตามลำห้วยที่ไหลผ่านหมู่บ้าน ผ่านน้ำตกเล็กๆแห่งนึง เลยขึ้นไปมีต้นกูดและบอนป่าขึ้นเป็นดงอยู่ริมตลิ่ง ไอ้แม้นชี้ให้ดูรอยเท้าและบอกว่าอีแมวมาหาเก็บผักอยู่แถวนี้


    ไอ้ลายตัวนั้นไม่รู้มาจากไหน คงตรงเข้าตะครุบแล้วลากไปเลย มันน่าแปลกอย่างว่า เพราะมีแต่รอยเท้าเสือขนาดใหญ่ย่ำไว้ไม่กี่รอย หลังจากห่างตลิ่งมานิดเดียว ก็หายไปทั้งรอยคนและรอยเสือ


    ครูแดงสังเกตดูแล้ว รอยมันกดหนักกว่าปกติ เหมือนกับมันแบกร่างเหยื่อไปด้วย ทิดนองเห็นร่องรอยการตายของลูกสาว ยิ่งเศร้าและโกรธแค้นกัดฟันกรอดไปตลอดทาง


    ไอ้แม้นพาเดินห่างออกไปจากแนวห้วย ไต่ไปบนที่ลาดขึ้นไปบนเนินเขา คงเป็นตีนเขาช่องลมที่เห็น หน้าแล้งอย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องเดินตามทางด่าน แม้ต้นไม้จะยังหนาแน่น กอไผและพุ่มหนามยังขวางทางอยู่เป็นระยะ แต่ความโล่งจากใบไม้ที่ทิ้งใบแทบหมดต้น ทำให้เห็นช่องทางเดินพอได้ไม่ลำบากนัก ยิ่งเดินสูงขึ้นไปบนลาดเขา ป่ายิ่งทึบมากขึ้น ความชื้นบนภูเขาทำให้ต้นไม้หลายชนิดไม่ผลัดใบ เมื่อป่าเป็นป่าดงดิบ พื้นดินปนหินชื้นๆ ไม่แห้งเหมือนป่าตอนล่าง


    ไม่น่าเชื่อว่าเสือผีสิงตัวนั้น จะลากเหยื่อที่มีน้ำหนักตัวพอๆกับมันมาได้ไกลขนาดนี้ แถมไม่มีร่องรอยการลากถูของเหยื่อตามพื้นดิน มันแบกศพมาด้วยวิธีไหนกันแน่ ขึ้นมาถึงสันเนินแห่งนึง แล้วก็เป็นพื้นราบอีกระยะ ก่อนจะลาดขึ้นเนินถัดไป


    ไอ้แม้นเดินนำตรงไปยังซุ้มกอไผ่เบื้อหน้า ตรงนั้นมีหญ้าแห้งไม่สูงนักปกคลุมไปทั่ว ต้นมะกอกป่าขนาดย่อมขึ้นสลับกับมะขามป้อม ในรัศมีสองร้อยเมตรรอบๆ ไม่มีต้นไม้ใหญ่พอที่จะขัดห้างได้เลย


    ไอ้แม้นชี้มือไปที่โคนกอไผ่แล้วพูดว่า "ศพอีแมวอยู่นั่น" แต่ไม่ยอมเดินเข้าไปใกล้ ทิดนองเดินเข้าไปเป็นคนแรก ตามมาด้วยลุงนาคและครูแดง ส่วนไอ้น้อยลงนั่งอยู่กับไอ้แม้น ไม่ยอมเข้าไปอีกคน


    ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ครูแดงเบือนหน้าหนี ศพนอนบิดตัวคว่ำหน้า เสื้อแขนยาวขาดวิ่น ผ้าถุงหลุดหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ เนื้อตรงสะโพกถูกกัดแหว่งหายไปก้อนใหญ่ สีขาวของเนื้อตัดกับสีแดงคล้้ำของบาดแผล เห็นแล้วน่าสะอิดสะเอียน แมลงวันรุมตอมดำมืด และแตกฮือเมื่อคนเข้าไปใกล้


    ทิดนองทรุดลงนั่งร้องไห้อยู่ข้างศพลูกสาว ลุงนาคกับครูแดงเดินพิจารณาไปรอบๆ น่าแปลกที่เสือตัวนั้นลากเหยื่อมาโดยไม่มีร่องรอยอะไรให้เห็น เหมือนกับว่าจู่ๆ มันก็มาแทะกินเหยื่ออยู่ตรงนี้ รอยมันนอนหมอบ ยังเห็นหญ้าเปื้อนเลือดและเศษเนื้อ


    ลุงนาคบ่นเบาๆว่า "มันกินไปได้นิดเดียว คืนนี้ต้องกลับมากินอีกแน่" ครูแดงแหงนหน้าดูต้นไม้รอบๆ แล้วพูดว่า "ลำบากตรงที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ พอจะผูกห้างได้นี่สิ จะทำยังไงดี" นอกจากกอไผ่ใหญ่กอนั้นแล้ว มะขามป้อมที่ขึ้นอยู่ห่างๆกันก็ใช้การไม่ได้ มะกอกป่าก็เล็กและไม่มีคบพอจะผูกห้างได้ เลยไป กลุ่มต้นพันจําก็ไม่โตพอ


    ห่างออกไปสักห้าสิบเมตร มีก้อนหินใหญ่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน มีข่อยพุ้มใหญ่ปกคลุมอยู่ ลุงนาคชี้มือไปบนก่อนหินใหญ่ แล้วพูดว่า "ห้างผูกไม่ได้ เห็นเหมาะก็บนซุ้มหินนั่นแหละ" ครูแดงมองตามมือ สีหน้าครุ่นคิด แล้วกวาดสายตาไปรอบๆ ก็จริงอย่างที่ลุงนาคว่า ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากนั่งซุ้มบนก้อนหินใหญ่นั่น


    ความสูงของมันประมาณเมตรกว่าๆ ด้านบนลาดโค้งน้อยๆลงมาทางนี้พอดี พอจะขึ้นไปนั่งได้ไม่ลำบากอะไรนัก ปัญหามันอยู่ตรงที่ซุ้มข่อยที่ขึ้นปกคลุมอยู่ มันไม่แน่นหนาพอที่จะหลบซ่อนจากสายตาอันคมกริบของไอ้ลายได้ ร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ ถ้าขึ้นไปนั่งแล้ว ด้านหลังไม่มีต้นไม้เป็นที่กำบัง มันเสี่ยงเกินไป


    ความสูงเพียงเมตรกว่าๆของก้อนหิน ไม่ช่วยให้เกิดความปลอดภัยได้เลย แค่มันยืดตัวเต็มที่ไม่ต้องโดด ก็ตะครุบคนนั่งบนนั้นได้แล้ว สัญชาตญาณเสือมีความสามารถพิเศษ คือเดินเบา ถ้าเป็นเก้งกวาง หรือหมูป่า พื้นที่เป็นหญ้าแห้ง มีใบไม้หล่นเกลื่อนอย่างนี้ เดินเข้ามาเมื่อไหร่ก็ต้องได้ยิน


    แต่สำหรับเสือ ยากมากที่จะได้ยิน เพราะเท้ามันเป็นเนื้อนิ่ม ไม่ได้เป็นกลีบเหมือนสัตว์กินหญ้า จะมีก็แต่กลิ่นแรงจัดของมันเท่านั้น ความที่เป็นสัตว์กินเนื้อ บางทีเป็นเนื้อเน่า บางทีกินแล้วก็เกลือกกลิ้งตัวเล่นบนเนื้อเน่านั้น ทำให้กลิ่นตัวของเสือแรงกว่าสัตว์ชนิดอื่น จนเป็นที่รู้กันว่า สาบเสือนั้นแรงนัก


    แต่ครูแดงก็เคยเจอมาแล้ว เสือบางตัวที่ยิงได้แทบไม่มีกลิ่นสาบเลย เพราะมันเพิ่งลงไปแช่น้ำเล่นมา เสือเป็นสัตว์ประเภทเดียวกับแมวก็จริง แต่แมวเป็นสัตว์ที่ทั้งเกลียดแล้วก็กลัวน้ำ ส่วนเสือชอบนอนแช่น้ำเล่น ใครที่คิดจะหนีเสือลงน้ำ ก็นับว่าคิดผิดถนัด


    ลักษณะเด่นของเสืออีกอย่าง มันล่าเหยื่อเพื่อเลี้ยงปากท้องจริงๆ กินอิ่มแล้วมันจะไม่ล่าอีก ต่อให้มีเหยื่อเดินผ่านหน้าก็ตาม ผิดกับหมาใน ที่ล่าเหยื่อแล้วกินอย่างตะกรุมตะกราม แถมกินทิ้งกินขว้าง บางที เสือมาพบเหยื่อที่หมากินทิ้งไว้ มันก็กินต่อได้


    ส่วนเหยื่อของมันเองนั้น ถ้ากินไม่หมด มันจะยังไม่ไปไหน มักจะหาที่หลบนอนอยู่ใกล้ๆ หิวก็ลุกออกมากินต่อ ถึงเหยื่อจะเน่าแค่ไหนก็กินได้ การที่มันกินของเน่าบ่อยๆ ทำให้เสือเป็นสัตว์ที่จมูกไม่ดี ผิดกับสัตว์ดุร้ายอื่นๆ


    ครูแดงใช้ความคิดอยู่นาน จึงบอกกับลุงนาคว่า "จริงอย่างลุงว่า ต้องพึ่งหินก้อนนั้นแหละ แต่มันเสี่ยงไปหน่อย เพราะหินแค่นั้นไม่พอมันโดดหรอก ด้านหน้าไม่เป็นไร แต่นั่งแล้วต้องระวังหลังด้วยนี่สิ มันลำบาก"


    ลุงนาคพูดว่า "ครูจะให้ผมมานั่งด้วยมั้ยล่ะ จะได้ช่วยกันดูข้างหลัง" ครูแดงรู้สึกโล่งใจขึ้นอีกไม่น้อย ที่ลุงนาคยอมมานั่งเป็นเพื่อน จึงพูดว่า "ก็น่าจะดี ผมจะได้ไม่ต้องระวังหลัง ลุงใช้ลูกซองเดี่ยวอยู่ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอาลูกสองแรงครึ่งของผมใส่ละกัน เจอจังๆ นัดเดียวก็อยู่"


    เรื่องกลัวผียอมรับว่าไม่กลัว แต่บรรยากาศอย่างนี้ นั่งในป่ามืดๆคนเดียวต่อหน้าศพที่นอนสยดสยองไม่ห่าง ไหนจะกังวลว่าเสือจะเข้ามาข้างหลัง เป็นเรื่องที่ทรมานใจไม่น้อย ครูแดงจึงพูดขึ้นว่า "เอ้า ถ้างั้นไปช่วยกันแต่งซุ้มเร็วเข้า เดินกลับหมู่บ้านไม่ทันละ เสร็จแล้วเราต้องนั่งอยู่ที่นี่กันเลย ข้าวเย็นไม่ต้องกิน ผมมีขนมแห้งกับน้ำ พอแก้หิวได้"


    ครูแดงกับลุงนาคช่วยกันตกแต่งซุ้มจนทึบมากขึ้น ลุงนาคยังลากกิ่งไผ่และกิ่งใบไม้แห้งมากองไว้รอบๆ อย่างน้อยถ้ามันย่องเข้ามาก็ต้องเกิดเสียงบ้าง เสียก็แต่ที่นั่งบนก้อนหินเท่านั้น ที่มันแคบและลาดลงไม่เสมอ เวลานั่งมันจะเทลงมาด้านหน้าตลอด


    เมื่อเสร็จเรียบร้อย ครูแดงก็บอกทิดนอง ไอ้แม้นและไอ้น้อย ให้เดินกลับบ้าน และให้ส่งเสียงดังไปตลอดทาง เพื่อหลอกให้เสือตายใจว่า คนกลับไปหมดแล้ว เพราะแน่ใจว่าอย่างไรเสีย เสือมัจจุราชต้องแอบอยู่ใกล้ๆแถวนี้แน่นอน


    กลุ่มของพ่อเด็กที่ตกเป็นเหยื่อของเสือ พากันเดินทางกลับหมู่บ้าน ป่าก็เงียบสงัดลงอีกครั้ง แสงแดดที่สลัวอยู่เมื่อครู่ก็เริ่มมืดลงอย่างรวดเร็ว เรไรกรีดปีกเป็นเสียงสูงต่ำไล่กัน เหมือนจงใจให้เป็นเสียงดนตรี แต่ยามนี้ผู้ฟังทั้งสองไม่คิดว่ามันมีความไพเราะเสนาะหู คิดว่ามันเป็นเสียงแห่งความเศร้าโศกวังเวง เหมือนกับวงมโหรีประโคมงานศพยังไงยังงั้น


    ครูแดงชวนลุงนาคขึ้นไปนั่งบนก้อนหินใหญ่ ที่พากันหากิ่งไม้มาตกแต่งจนหนาทึบ รู้ทั้งรู้ว่าแม้มันจะกันภัยอะไรไม่ได้ แต่ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นบ้าง ไก่ป่าขันแจ้วมาจากทางกอไผ่ ก่อนที่มันจะปีนขึ้นไปนอนบนเรียวไผ่สูง เพื่อป้องกันภัยจากสัตว์ พวกชะมดและอีเห็น


    ครูแดงจัดแจงแต่งบังไพรให้เห็นภาพเบื้องหน้าชัดเจน ส่วนลุงนาคก็แหวกกิ่งไม้ด้านหลังพอเป็นช่องให้สอดส่ายสายตาออกไปให้ไกลที่สุด แต่ความสลัวของอากาศที่เริ่มมืดมิดลงเรื่อยๆ ไม่เปิดโอกาสให้เห็นอะไรมากนัก


    ครูแดงล้วงเข้าไปในย่าม คว้าเหล้าแบนที่ติดมาขึ้นจิบ แล้วส่งต่อให้ลุงนาค นั่งจิบเหล้าเปล่าๆ ตามด้วยน้ำในกระติกกันเงียบๆ ไม่มีเสียงพูดจา เพราะท้องว่าง เมื่อเหล้าหมดแบน จึงรู้สึกหน้าตึงด้วยความมึนกันทั้งสองคน


    ป่ามืดสนิทแล้ว เสียงแมลงกลางคืนเริ่มรับช่วงต่อจากพวกจั๊กจั่นเรไร จิ่งหรีดและกบเขียดพากันส่งเสียงมาจากรอบทิศ ดาวประจำเมืองทอแสงสว่างเรืองทางขอบฟ้าตะวันตก ค้างคาวแม่ไก่ถลาวูบวาบไปมา พร้อมกับส่งเสียงแหลมแหวกความเงียบสงัด


    พลันที่ท้องฟ้ามืดสนิท ความร้อนระอุที่อบอ้าวมาตลอดวัน ก็กลับกลายเป็นเยือกเย็นลงราวกับสับสวิตช์ ลมเย็นโชยมาเบาๆ ทำให้อากาศไม่อับเกินไป กลิ่นคาวเลือดจากศพ ส่งกลิ่นชวนคลื่นเหียน เสียงสัตว์เลื้อยคลานชนิดนึงคืบคลานเข้ามาที่ศพ มันอาจจะเป็นเม่น ชะมด หรืออีเห็น บางทีอาจจะเป็นตะกวด ซึ่งชอบกินทั้งเนื้อสดและเน่า


    ครูแดงยกปืนขึ้นสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง ส่วนลุงนาคยังคงนั่งนิ่งเงียบ สายตาที่พยายามมองลอดพุ่มไม้และราวบังไพรออกไป เห็นแต่ความมืดสีดำทะมึน ยังดีที่มีแสงหิ่งห้อยวับแวมล่องลอยไปมา ช่วยให้สายตาไม่พร่ามัวจนหลอกตัวเอง


    เสียงเก้งร้องมาจากทางด้านชายเขาครั้งนึง มันอาจจะตกใจอะไรบางอย่าง แต่ทุกอย่างก็ยังตกอยู่ในความเงียบ จิ้งหรีดและกบเขียดยังร้องระงม ตุ๊กแกป่าร้องทักมาจากโพรงไม้ ครูแดงนั่งนับในใจ เสียงก้องดังตุ๊กแกๆ ไปเจ็ดครั้ง และก็เงียบไป เจ็ดครั้งถือว่าโชคดี แกนึกเข้าข้างตัวเอง


    จนสองทุ่มเข้าไปแล้ว ป่ายังคงมีเสียงสรรพสัตว์เป็นปกติ นอกจากจิ้งหรีดและกบเขียดที่ระงมไม่ขาดแล้ว นกเค้าก็ร้องกู้หุหุอยู่หลายตัว ป่ายังไม่สงัดผิดปกติ แสดงว่าเสือร้ายยังไม่เข้ามาใกล้


    ครูแดงล้วงขนมเปี๊ยะในย่ามออกมา ส่งให้ลุงนาคกินคนละครึ่ง นั่งเคี้ยวเงียบๆ หมดแล้วก็ตามด้วยน้ำคนละอึก ตลอดเวลา กลิ่นคาวเลือดของศพยังโชยมาเป็นระยะๆ และยิ่งเวลาเนิ่นนานออกไป ดูเหมือนกลิ่นจะแรงขึ้นเรื่อยๆ


    ครูแดงนึกในด้านดีว่ายิ่งกลิ่นศพแรงเท่าไหร่ มันจะเป็นตัวเร่งให้เสือเข้ามากินเร็วเท่านั้น เกือบสามทุ่ม ป่ายังเต็มไปด้วยเสียงแมลงและนกกลางคืน ทั้งนกตบยุงและนกระวังไพร ครั้งแรกที่ได้ยินเสียงนกระวังไพรร้อง ลุงนาคกระซิบเบาๆว่า "สงสัยเสือกำลังจะเข้า แต่มันยังร้องอยู่อีกนาน เลยไม่มีวี่แววของเสือจะเข้าจริง"


    ดินฟ้าทางตะวันออก เริ่มสว่างเรืองขึ้นมานิดหน่อย คืนนี้เป็นคืนเดือนแรมหกค่ำ กว่าพระจันทร์จะขึ้นคงจะถึงเที่ยงคืน ครูแดงนั่งเพ่งสายตาฝ่าความมืดเข้าไปที่ศพ ทุกครั้งที่มีเสียงกรอบแกรบของสัตว์เลื้อยคลาน แต่ยังไม่มีวี่แววของสัตว์ที่ใหญ่กว่านั้น


    นั่งจ้องนานไป บางครั้งสายตาก็หลอกตัวเอง เพราะมันดูเหมือนศพที่นอนตะคุ่มอยู่ในความมืดนั้น ขยับเขยื้อนได้ บางครั้งไม่แน่ใจจนต้องขยี้ตา แต่ดูไปดูมามันก็ยังตะคุ่มอยู่ที่เดิม นึกอิจฉาลุงนาคที่นั่งหันหลังให้ศพ ไม่ต้องมานั่งเพ่งจนประสาทหลอนอย่างตัวเอง


    กลิ่นดอกไม้ป่าชนิดนึงหอมเอียนๆ โชยมาผสมกลิ่นคาวฉุนเฉียวของศพ ทำให้บรรยากาศรอบตัววังเวงยิ่งขึ้น ใกล้สี่ทุ่ม หมาในสองสามตัวหอนแว่วมาจากทางด้านเชิงเขา ครูแดงนึกภาวนา อย่าให้มันเข้ามายุ่งแถวนี้เลย เพราะถ้าเจอหมาหิวเข้า ศพแค่นี้ก็คงไม่พอมันทึ้ง ถ้ามันเข้ามาจริงคงต้องยิงไล่ นั่นเท่ากับเป็นการไล่เสือไปให้พ้น โอกาสที่หวังไว้ก็ต้องหมดสิ้นไปอย่างช่วยไม่ได้


    ใกล้ห้าทุ่ม ยังไม่มีวี่แววของเสือตัวนั้นจะเข้ามากินเหยื่อ ท้องฟ้าตะวันออก ที่เริ่มจะสว่างเรืองก่อนหน้านี้ แทนที่จะสว่างมากขึ้น เพราะใกล้เวลาที่พระจัทร์แรมจะขึ้นแล้ว แต่ขณะนี้กลับมืดสนิท แถมมีแสงฟ้าแลบแปล๊บปราบเป็นทางยาวขึ้นมาที่ขอบฟ้า อากาศที่เริ่มจะเยือกเย็นลง อันเป็นปกติธรรมดาของพื้นที่ป่าเช่นนี้ บัดนี้ กลับเริ่มจะอบอ้าวขึ้น ลมที่เย็นพัดโชยเป็นระยะหยุดนิ่ง จนเหงื่อเริ่มซึมแผ่นหลัง


    ลุงนาคกระซิบเบาๆว่า "ฝนทำท่าจะตกเสียแล้วครู" ครูแดงกระซิบตอบเหมือนปลงตกว่า "ตกก็ตกไป เราไปไหนไม่ได้แล้ว ยังไงก็ต้องนั่งจนสว่าง" ใครก็ตามที่ออกไปนั่งห้างกลางป่าแล้ว ต่อให้มีเรื่องราวแปลกพิศดารอะไรเกิดขึ้น ก็ต้องทนนั่งจนสว่างเท่านั้น


    มีเหมือนกัน ที่บางคนเกิดลงจากห้างกลางดึก และก็ต้องพบกับเหตุไม่คาดคิด จนถึงแก่ชีวิตไปก็ไม่น้อย สิ่งที่วิตกกันอยู่ ทำถ้าจะใกล้เป็นจริงขึ้นทุกที อากาศอบอ้าวจนร้อน ท้องฟ้าดำมืดแลบถี่ขึ้น ยิ่งลมไม่พัด ครูแดงยิ่งรู้สึกว่ากลิ่นศพรุนแรงขึ้นกว่าเก่า


    นี่ขนาดตายได้วันเดียว กลิ่นยังแรงขนาดนี้ อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าการนั่งคืนนี้ล้มเหลว คืนพรุ่งนี้ต้องนั่งต่อ ท่ามกลางกลิ่นฉุนเฉียวน่าสะอิดสะเอียนแบบนี้ จะทรมานแค่ไหน ลำพังแค่ได้นั่งอยู่ใกล้ๆศพ ที่ขึ้นชื่อว่าผีตายโหง ตายด้วยความเจ็บปวด พร้อมด้วยบาดแผลอันยับเยิน นึกถึงใบหน้าศพที่เห็นเมื่อก่อนค่ำ ทั้งบูดเบี้ยวเหยเก ปากที่เปรอะเปื้อนดินอ้าค้าง ตาถลนด้วยความตกใจและเจ็บปวดก่อนวิญญาณจะออกจากร่าง ล้วนเป็นภาพที่ดูแล้วติดตา ไม่ยอมลบหายไปง่ายๆ


    ยิ่งต้องมานั่งหลบอยู่ในความมืดเพียงสองคนเช่นนี้ รอบตัวคือป่าเปลี่ยวเงียบสงัด ซ้ำยังมีเสียงหมาในหอนแว่วมาไกลๆ ไหนจะระแวงว่าเสือร้ายจะเข้ามาโดยไม่รู้ตัว ยังจะต้องมาระวังว่ามันอาจไม่ต้องการกินซากเหยื่อนั่น แต่ต้องการจะกินเหยื่อสดขึ้นมา จะทำอย่างไร


    มืดมิดอย่างนี้ กว่าจะรู้เมื่อมันฮั่วเข้ามา ก็คงจะถึงตัวแล้ว ครูแดงนึกแล้วอดดีใจไม่ได้ ที่ลุงนาคตกลงมานั่งเป็นเพื่อน ถ้านั่งอยู่คนเดียวในความมืดและบรรยากาศน่าวังเวง ความรู้สึกคงจะแย่ไปกว่านี้ไม่น้อย สองคนอย่างไรก็ยังอุ่นใจ


    แม้ปกติจะไม่ใช่คนที่กลัวผี แต่ความมืดกับความเงียบและบรรยากาศอย่างนี้ บางทีประสาทก็หลอกตัวเองได้ง่ายๆ แล้วสิ่งที่กังวลก็เป็นความจริง เมื่อลมที่นิ่งเงียบไปนานเริ่มพัดกระโชกมาและรุนแรงขึ้น จนกิ่งไม้ที่นำมาสระไว้ปลิวหลุดหายไปหลายชิ้น


    ฟ้าแลบแปล๊บปราบอยู่ตรงหัว ครูแดงภาวนาว่าลมแรงอย่างนี้ ฝนน่าจะไม่ตก แต่เหมือนฟ้าดินจะแกล้ง เพราะไม่ถึงเที่ยงคืน ฝนหลงฤดูก็เทกระหน่ำลงมาราวฟ้ารั่ว สองคนทำอะไรไม่ได้ ต้องนั่งจับเข่าฟันกระทบกันด้วยความหนาวอยู่อย่างนั้น


    ฝนหยุดเอาเมื่อฟ้าใกล้สาง และเมื่อทั้งสองคนโดดลงจากก้อนหินที่นั่งเมื่อยขบมาทั้งคืน ครูนาคก็ส่งเสียงลั่นขึ้นด้วยความตกใจ "ครูมาดูนี่เร็ว ไอ้ลายมันเข้ามากินศพซะเละเลย" อากาศเย็นชื้นสลัวไปด้วยหมอกฝน ท้องฟ้าเริ่มเปล่งแสงเรื่อมาทีละน้อย พื้นหญ้าที่ปกคลุมดินลูกรังปนหินเปียกชุ่ม เสียงนกกาเหว่าร้องก้องหุบเขา ติดตามมาด้วยกระปูดและโพระดกเป็นฝูง


    ครูแดงวิ่งตามลุงนาคที่ยืนนิ่งอยู่ เบื้องหน้า สิ่งซึ่งเมื่อวานนี้ ยังมีสภาพเป็นศพที่เกือบจะสมบูรณ์ ทว่าบัดนี้ มันคือกองเนื้อเน่ากระจัดกระจาย กลิ่นซึ่งเมื่อวานยังเป็นกลิ่นคาวเลือด ขณะนี้มันกลายเป็นกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง


    บนพื้นดินลูกรังที่หญ้าปกคลุมไม่มิด มีรอยเท้าเสือขนาดใหญ่ย่ำไว้ให้เห็นชัดเจน รอยเท้ามันนอนหมอบแทะซากศพกินอย่างใจเย็น เหมือนไม่สนใจมนุษย์ถึงสองคนที่นั่งซุ่มอยู่ไม่ห่าง


    ครูแดงเงยหน้าจากศพ หันไปมองดูจุดที่นั่งกันอยู่บนก้อนหิน ระยะห่างขนาดนี้ ถ้าฝนไม่ตกหนักก็ต้องได้ยินเสียงแน่นอน เสือตัวนี้แปลกที่สุดเท่าที่เคยเที่ยวป่ามาด้วยตัวเอง และฟังคำบอกเล่าของพรานเก่าๆมานับไม่ถ้วน


    ไม่เคยได้ยินว่า มีเสือตัวไหนนอนกินเหยื่อท่ามกลางสายฝน แม้มันจะเป็นสัตว์ชอบน้ำก็ตาม ที่น่าแปลกขึ้นไปอีกก็คือ ศพหญิงสาวโดนแทะกินจนจำสภาพไม่ได้ แต่ส่วนหัวยังคงปกติ เพียงแต่หงายขึ้นมา ผิดกับเมื่อวานที่ตะแคงอยู่ ใบหน้าที่น่ากลัวอยู่แล้ว บัดนี้เขียวช้ำ ตาที่เหลือกโพรงปูดถลนออกมานอกเบ้า แขนทั้งสองข้างยังอยู่ครบ ไอ้ลายมันกัดกินตั้งแต่อกลงไป ตลอดจนส่วนท้องที่ยังมีเศษลำไส้เลี่ยลาด นอกจากสะโพกตรงก้นที่โดนกัดแหว่งตั้งแต่เมื่อวาน ท่อนขายังอยู่เกือบครบ ลุงนาคถ่มน้ำลายแล้วปรารภเบาๆว่า


    ลุงนาค : สงสัยจะไม่ใช่เสือธรรมดาเสียแล้วครู

    ครูแดง : ทำไมรึลุง มันก็เสือกินคนที่ฉลาดตัวนึงเท่านั้น

    ลุงนาค : ครูไม่เห็นรึ เรานั่งกันตั้งเกือบครึ่งคืนมันไม่เข้า พอฝนตกหนักเท่านั้น มันนอนกินสบายใจเฉิบ แบบนี้มันต้องเสือสมิงแน่

    ครูแดง : ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า แล้วลุงจะว่าไงต่อไปล่ะนี่

    ลุงนาค : ฉลาดแบบนี้ กินศพอีแมวหมด มันก็คงเล่นงานคนอื่นต่อ บ้านซับขนุนเห็นจะร้างเสียครานี้ระมัง

    ครูแดง : จะปล่อยให้มันทำอยู่ข้างเดียวทำไมล่ะลุง คืนนี้ลุงจะมากับผมอีกมั้ยล่ะ


    ลุงนาคทำท่าลังเล ก็น่าเห็นใจ เพราะทนนั่งตากฝนทั้งเมื่อยทั้งหนาวแทบตายมาคืนนึงแล้ว ไหนยังต้องมาทนกับกลิ่นและบรรยากาศไม่พึงปรารถนาอีก ชายชรามองหน้าครูแดงสลับกับซากศพเหยื่อเสือ และก็พูดออกมา เหมือนตัดสินใจได้ "เอาก็เอา ขนาดครูไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วย ยังยอมมานั่งทรมานให้ และผมจะไม่เอาด้วยได้ยังไง คืนนี้ฝนคงไม่ตกอีกแล้ว จะได้รู้เรื่องกันไปเลย"


    ลุงนาคชวนครูแดงเดินกลับหมู่บ้าน เพื่อหาข้าวกินและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชื้น อากาศเย็นอย่างนี้อดสะท้านไม่ได้ แต่เมื่อออกเดินได้สักครู่ พอเหงื่อออกจึงค่อยยังชั่ว กลับมาถึงหมู่บ้านเมื่อตกสาย ทุกคนดูเหมือนจะฝากความหวังไว้กับทั้งสองคน จึงพากันมาลุมล้อม


    ทิดนองพ่อคนตายดูจะมีความหวังมากกว่าเพื่อน จึงรีบมาเกาะแขนลุงนาคด้วยความร้อนรน หน้าตายังมีแววอิดโรยเหมือนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาทั้งคืน "เสร็จมั้ยลุงนาค ครูแกจัดการมันได้แล้วใช่มั้ย"


    ลุงนาคกลืนน้ำลาย มองหน้าครูแดงแล้วบอกว่า "ก็เกือบเสร็จอยู่แล้ว ฝนมันดันตกลงมาซะก่อน คืนนี้ข้ากับครูจะนั่งกันอีกคืน" ทิดนองได้ยินเช่นนั้น ก็พูดด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า "อะไรกัน ศพลูกสาวชั้นก็เน่าพอดี ไม่เอาล่ะ ตอนมันตายก็ทรมานพอแล้ว ยังจะเอาศพมันมาเป็นเหยื่อล่อเสืออีก คืนเดียวไม่ว่า แต่นี่จะเล่นกันอีกกี่คืนล่ะ วันนี้ชั้นจะเอามันไปฝังแล้ว"


    ครูแดงหันไปสบตาลุงนาค ชาวบ้านทั้งหลายต่างหันไปซุบซิบกัน มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับความคิดของทิดนอง "ศพมันเป็นลูกสาวของเอ็ง ถ้าเอ็งไม่ยอม ใครจะไปบังคับได้ แต่อย่าลืมว่า เสือถ้ามันลองได้กินคนเข้าไปแล้ว ศพที่สองที่สามก็คงจะตามมาอีกไม่ช้า"


    สิ้นคำพูดของลุงนาค สีหน้าของชาวบ้านยิ่งซีดหนักกว่าเดิม หลายคนหันไปคะยั้นคะยอทิดนอง ให้ยอมให้นั่งซากล่าเสืออีกคืน ลุงนาคเห็นได้ทีจึงกำชับต่ออีกว่า "เอ็งคิดดูสิ ครูแกไม่ได้ดีอะไรด้วยสักหน่อย ยังยอมไปนั่งตากยุงตากฝนเพื่อพวกเรา ถ้าเอ็งไม่ยอมก็เตรียมย้ายบ้านหนีเถอะ ไม่ใครก็ใคร ก็ต้องเป็นศพอีก"


    เจอไม้นี้เข้า ทิดนองก็ต้องยอม แข็งใจพูดขึ้นว่า "เอาเถอะ เพื่อส่วนรวม ชั้นจะยอมให้ลุงกับครูนั่งซากอีกคืน คราวนี้ต้องสำเร็จนะ โถถังอีแมวเอ้ย เมื่อไหร่เอ็งจะได้ไปผุดไปเกิดวะ" เมื่อหมดปัญหา ลุงนาคกับครูแดงจึงรีบขึ้นบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าตาก หาข้าวกินแล้วก็หลับผล็อยไปทันที


    ครูแดงตื่นขึ้นมาอีกทีเมื่อบ่ายมากแล้ว มองหาลุงนาคไม่เห็น จึงลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา เพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่จะต้องไปผจญความทรมาน เล่นเอาเถิดกับเสือเจ้าเล่ห์ตัวนั้นอีกแล้ว และไม่ต้องสงสัยนาน ครู่เดียว ลุงนาคก็เดินหิ้วไก่มาตัวนึง แถมมือซ้ายยังหิ้วเหล้าป่ามาอีกสองขวด


    "ทิดมีมันให้ไก่มาเป็นกำลังใจครู ไอ้ดิ่งให้เหล้ามาอีกสองขวด ของครูหมดหรือยัง ลองกินเหล้าป่านี่ดีกว่า" ลุงนาคพูดแล้วก็เข้าครัว จัดการเชือดไก่มาต้มข่า พอหม้อข้าวเดือด ไก่ก็ชำแหละเรียบร้อย ชั่วไม่นาน กลิ่นต้มข่าไก่ก็หอมหวนชวนน้ำลายไหล


    ครูหนุ่มกับชายชรานั่งจิบเหล้าป่าหน้าชานบ้าน มีเพื่อนบ้านหลายคนแวะเวียนมาถามข่าวคราว บ้างก็เอาของกินติดไม้ติดมือมาฝาก ทั้งเนื้อเก้งย่าง หมูป่าเค็ม วงเหล้าชักขยายใหญ่ขึ้น จนดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง ครูแดงจึงชวนลุงนาคออกเดินทาง ขืนชักช้าจะเมาจนเดินไม่ไหว


    เตรียมปืนกันพร้อมแล้ว จึงออกเดินจากหมู่บ้าน ลุงนาคติดเหล้าป่ามาอีกขวด กะไว้ว่ากันหนาวเกิดฝนตกลงมาอีก กว่าจะเดินมาถึงที่หมายก็ทำเอาเกือบหายเมา ได้เวลาโพล้เพล้พอดี ยังไม่ทันไร กลิ่นศพก็โชยฉุยมาอย่างแรง


    ลุงนาคเดินเข้าไปใกล้ แล้วก็ร้องลั่นด้วยความตกใจ "ศพอีแมวหายไปไหนแล้วครู" ครูแดงรีบวิ่งเข้าไปดู พื้นดินที่เมื่อเช้ายังมีศพนอนอยู่ มีรอยกดทับ เศษเลือดเนื้อเน่ายังกระจัดกระจาย แต่ไม่มีศพ ทั้งสองเดินวนไปมาตามพื้นหญ้ารก กลิ่นเหม็นเน่ายังรุนแรงออกอย่างนี้ แสดงว่าต้องอยู่ไม่ไกล


    ไม่ทันไร ครูแดงก็เห็นตรงโคนกอไผ่ ซากศพเหยื่อเสือถูกลากมาพิงไว้กับกอไผ่ มันถูกวางพิงไว้ยังกับตั้งใจ ศพขึ้นอืดปราศจากส่วนท้อง นั่งคอพับบวมอืด ใบหน้าและแขนขาเริ่มมีน้ำเหลืองซึมออกมา สภาพที่นั่ง ไม่น่าเชื่อว่าเสือจะทำได้ขนาดนี้


    ลุงนาคมองหน้าครูแดงด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ครูแดงรีบตัดบท เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าใกล้จะมืดเต็มทีแล้ว "เป็นไงเป็นกัน ไปขึ้นนั่งกันเถอะ" คืนนี้ท้องฟ้าโปร่งจนแลเห็นดาวเต็มฟ้า ทั้งสองนั่งกันเงียบๆในความมืด ในใจต่างคิดเรื่องเดียวกัน ว่าศพไปนั่งอยู่ที่โคนกอไผ่ได้อย่างไร เสืออะไรจะทำได้ถึงขนาดนั้น


    ครูแดงพยายามไม่คิดถึงเรื่องผี ขนาดไม่ใช่คนเชื่อเรื่องนี้ แต่ภาพและเหตุการณ์ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ มันอดทำให้ใจเขวไม่ได้ ยิ่งมืดสนิท มองไปที่กอไผ่ที่ศพนั่งพิงอยู่ เห็นแต่เงาดำตะคุ่ม เพ่งมองนานไปยิ่งตกใจหนัก เมื่อเห็นเหมือนกับศพลุกขึ้นยืน ครูแดงขยี้ตาแล้วมองใหม่ แต่นั่นมันอะไรกัน เหมือนศพที่เห็นลางๆในความมืดลุกขึ้นจริงๆ ลุกขึ้นแล้วก้มลงเหยียดยาวอีกครั้ง


    ลุงนาคคงไม่เห็นภาพชวนสยองขวัญนี้ เพราะแกนั่งหันหลังให้ ครูแดงทนเฉยไม่ไหว เล็งปืนด้วยมืออันสั่นระริก จะเป็นอะไรก็ช่างเถิด ขอยิงก่อนแล้วกัน "ปั้ง!!" ลุงนาคสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปืนก้องป่า รีบหันกลับมาถามทันที "เสือเข้าหรือครู" แล้วฉายไฟไปที่ศพทันที


    ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง ไม่ห่างจากกอไผ่ ร่างของเสือลายพาดกลอนขนาดน้องๆม้า นอนหมอบนิ่งอยู่แทบเท้าศพ ปากอ้ากว้างจนเห็นเขี้ยวขาวงับขาศพคาอยู่ สรุปครูแดงกับลุงนาคทำภารกิจสำเร็จ แม้จะออกจากป่ากันอย่างงงๆก็ตาม ความคิดของครูแดง ในป่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายให้ชวนพิศวง และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด


    เครดิตเรื่องราว :

    เพจคนเล่าผี


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แดง วงศ์ทวิชาติ


    19 Jan 2019

    #โตเกียวสั่นสะทือน...!!!!

    โตเกียวสั่นสะเทือนด้วยแผ่นดินไหวขนาด 5.3 ระยะห่าง 30 ไมล์จากเมืองหลวงของญี่ปุ่น

    แผ่นดินไหวที่ 5.3 ขนาด กระทบญี่ปุ่นในเวลาเย็นวันศุกร์ Quake รู้สึกในเมืองหลวงของโตเกียวห่างจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหวประมาณ 50 ไมล์ แรงสั่นสะเทือน ที่ลงทะเบียนเป็นสามในเจ็ด ในระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวของญี่ปุ่น

    โดยSARA MALM สำหรับ MAILONLINE

    เผยแพร่: 14:57 GMT, 18 มกราคม 2019 | อัปเดต: 16:05 GMT, 18 มกราคม 2019


    ◇ หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) กล่าวว่า แผ่นดินไหวขนาด 5.3 ริกเตอร์ เกิดขึ้นที่เกาะฮอนชูของญี่ปุ่นเมื่อเวลาท้องถิ่นเย็นวันศุกร์

    แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นทางตะวันออกของโตเกียว 50 ไมล์ในจังหวัดชิบะของญี่ปุ่นเวลา 9.46 น. ตามเวลาท้องถิ่น (11.46am GMT) ที่ระดับความลึก 31 ไมล์ (50 กม.)


    การสั่นสะเทือนถูกบันทึกไว้เป็นสามในระดับ ความรุนแรงของแผ่นดินไหวญี่ปุ่นซึ่งยอดเขาที่เจ็ด แผ่นดินไหวขนาด 5.3 เกิดขึ้นที่ 50 ไมล์ทางตะวันออกของโตเกียวในจังหวัดชิบะของญี่ปุ่นเวลา 9.46 น. ตามเวลาท้องถิ่น (11.46am GMT) ที่ระดับความลึก 31 ไมล์ ภาพคือชิบุยะใจกลางโตเกียว


    ☆ ญี่ปุ่นตั้งอยู่บนวงแหวนแห่งไฟหรือที่เรียกว่าเข็มขัด Circum-Pacific

    มันเป็นเข็มขัดรูปรองเท้าม้ารอบมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดแผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิดเป็นจำนวนมากในโลก


    การเกิดแผ่นดินไหวจึงไม่ใช่เรื่องแปลกในญี่ปุ่น แต่ชาวโตเกียวหลายคนพาไปที่ Twitter เพื่อระบายความรู้สึกที่สั่นสะเทือนในเมือง


    ผู้สื่อข่าวของ CNN Will Ripley โพสต์วิดีโอจากสำนักงานของเขาซึ่งมีคำบรรยาย: 'เพิ่งรู้สึกถึงแผ่นดินไหวเล็กน้อยที่นี่ ในโตเกียว


    Just felt a minor earthquake here in Tokyo. Japanese meteorological agency says it was a 5.3 inland quake. No tsunami alert. No big deal for Japan.


    หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นกล่าวว่า เป็นแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นภายใน 5.3 ครั้ง ไม่มีการเตือนภัยสึนามิ ไม่มีเรื่องใหญ่สำหรับญี่ปุ่น '

    อย่างไรก็ตามมีคนอื่นกังวลมากขึ้น เมื่อโพสต์แม่น้ำอรุณ: 'ดังนั้น ... แผ่นดินไหวทั้งสามที่เห็นได้ชัดเจน ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือน เป็นมาตรฐานสำหรับพื้นที่โตเกียวหรือไม่....?


    > 'ขอเพื่อน ฉันอาศัยอยู่ในบริเวณอ่าวเป็นเวลาหลายปีและรู้สึกเพียงไม่กี่คน ... '

    Chandan Sapkota ทวีตด้วยเช่นกันการเขียน: 'นั่นเป็นการสั่นที่ค่อนข้างยาว แผ่นดินไหว 5.3M ใน #Tokyo เตือนความจำเมื่อเมษายน 2015 ไหวใน #Nepal! '


    ☆ แหวนแห่งไฟของโลกคืออะไร...?

    โลกที่เรียกว่า 'วงแหวนแห่งไฟ' เป็นเขตหายนะทางธรณีวิทยา ที่มีรูปเกือกม้าซึ่งเป็นเตียง

    ร้อนสำหรับการแปรสัณฐาน และการระเบิดของภูเขาไฟ

    แผ่นดินไหวประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของโลก เกิดขึ้นในแถบซึ่งเป็นที่อยู่ของภูเขาไฟมากกว่า 450 ลูก

    ภูมิภาคแผ่นดินไหว ทอดตัวตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ที่แผ่นแปซิฟิกบดขยี้กับแผ่นเปลือกโลกอื่น ๆ ที่ก่อตัวเป็นเปลือกโลก มันวนซ้ำจากนิวซีแลนด์ไปชิลีผ่านชายฝั่งของเอเชียและอเมริการะหว่างทาง

    โดยรวมแล้วการวนซ้ำทำให้เกิดเขตยาว 25,000 ไมล์ (40,000 กิโลเมตร) ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดแผ่นดินไหว และการปะทุบ่อยครั้ง


    ภูมิภาคนี้มีความอ่อนไหวต่อภัยพิบัติ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของ 'เขตมุดตัว' จำนวนมาก บริเวณ

    ที่แผ่นเปลือกโลกซ้อนทับกัน


    การเกิดแผ่นดินไหวจะเกิดขึ้น เมื่อแผ่นเปลือกโลกเหล่านี้ขูด หรือเลื่อนอยู่ภายใต้อีกแผ่นหนึ่ง และเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นที่ทะเลมันสามารถเกิดสึนามิขึ้นมาได้


    Magnitude 5.0 Earthquake - Japan - Jan. 18, 2019



    https://www.thesun.co.uk/news/8227315/tokyo-earthquake-tremor-japanese-capital-latest/


    Tokyo residents have felt the impact of a 5.0 magnitude quake which terrified residents in the country's capital. One person described the shaking as “crazy” while another characterized it as "dramatic". The epicentre is estimated to have struck 79 Kms east of Tokyo, according to earthquake-tracking websites. The quake struck at approximately
    GMT, roughly
    local time, and lasted roughly 15 seconds according to those who felt it. It marks the third time the capital has been rocked by a quake this month.


    Read more: https://www.thesun.co.uk/news/8227315...


    Tokyo shaken by 5.3 magnitude earthquake

    https://mol.im/a/6607373 via @MailOnline

    Cr.คุณมาร์...


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    IMG_7943.JPG IMG_7944.JPG IMG_7945.JPG IMG_7946.JPG IMG_7947.JPG IMG_7948.JPG

    แสงในท้องฟ้าจาก Misiones ประเทศ อาเจนติน่า ในวันที่ 18/01/19 ซึ่ง Brandon Nagley ได้ตรวจสอบดังนี้ ภาพหน้าจอแรกนั้นมาจากวิดีโอที่เขาแชร์แสดงให้เห็นเมฆสีแดงที่ร้อนแรงมีมุมมองมากกว่าวัตถุอื่น ๆ ของดาวเคราะห์ x ระบบซึ่งเห็น เพื่อนนักวิจัยคนหนึ่งบอกว่าเขาคว่ำมันไม่พบอะไรเลย ลองดูสิ่งที่เขาพบ . หลักฐานไม่อาจปฏิเสธได้คุณจะเห็นสีแดงออกมามากขึ้น ซึ่งเขาใช้เทคนิคนี้กับภาพ

    "negative messed with contrast saturation" และปรากฏ วัตถุรูปดาวเคราะห์ออกมา "planetary body"

    -----

    The first screenshot is from a video I shared showing red fiery clouds well there's a little more than meets the eyes another object of the planet x System seen a fellow researcher says he inverted it didn't find anything well let's take a look what I found. Evidence is undeniable you'll see red come out more I made it negative messed with contrast saturation a bit huge ball came out a planetary body thus why the clouds were red in first place. You'll see original pic then how I messed with saturation so on to bring the massive object out. Make your own conclusions I made mine.


    ภาพของ Brandon Nagley


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผวากันทั่ว!พบดินกลางทุ่งนาเวียงชัยใกล้เขาหินผางามยุบตัวปริศนา ทั้งกว้าง-ลึก เผยแพร่: 19 ม.ค. 2562 16:17 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    เชียงราย – พบดินกลางทุ่งนาเวียงชัยใกล้เขาหินผางาม เมืองพ่อขุนฯ ยุบตัวปริศนา กว้างถึง 7 เมตร ลึกร่วม 3 เมตร จนชาวบ้านใกล้เคียงผวากันทั่ว แต่หลายคนเชื่อเป็นบ่อน้ำทิพย์ เสี่ยงลงตักน้ำก้นหลุมดื่ม-ล้างเนื้อล้างตัว

    562000000681803.jpg

    วันนี้ (19 ม.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชาวบ้านเนินสยาม หมู่ 10 ต.ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ต่างหวาดผวากันทั่ว หลังเกิดหลุมยุบ กว้างราว 7 เมตร ลึกประมาณ 2-3 เมตร กลางทุ่งนาใกล้ภูเขาหินผางาม ที่ชาวบ้านเพิ่งหว่านข้าวได้ไม่กี่วัน โดยไม่ทราบสาเหตุ

    ซึ่งหลังกระแสข่าวแพร่สะพัด ก็มีชาวบ้านต่างพื้นที่ พากันไปดู-ถ่ายรูปเผยแพร่ผ่านโซเชียลฯ ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา บางรายถึงขั้นลงไปตักน้ำที่ขังอยู่ก้นหลุม มาดื่ม หรือล้างเนื้อล้างตัว เพราะเชื่อว่า เป็นน้ำทิพย์ จนนายเมืองใจ๋ อินต๊ะวงค์ อายุ 65 ปี เจ้าที่แปลงนาที่เกิดเหตุ ต้องนำป้ายข้อความห้ามเข้าใกล้หลุม มาปักไว้ ป้องกันอันตราย

    562000000681802.jpg

    นายเมืองใจ๋ บอกว่า หลุมดังกล่าวเกิดมาตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ก็ทำให้ตกใจกลัวกันทั่ว เพราะช่วงวันที่ 5-9 ม.ค.ตนเคยนำรถไถออกปรับหน้าดิน ขณะที่เพื่อนบ้านก็มาช่วยกันหว่านข้าวทำนาเหนือหลุมดังกล่าวตามปกติ ต่อมาอีกไม่กี่วันก็เกิดการยุบตัว ซึ่งถ้าดินยุบตอนที่มีคนทำนาอยู่ ก็อาจเกิดการบาดเจ็บกันได้เหมือนกัน

    562000000681801.jpg

    นายเมืองใจ๋ บอกว่า ตนทำนาบนที่ดินแปลงนี้มาแล้วหลายปีแล้ว ก็ไม่เคยเห็นดินยุบตัวในลักษณะนี้ รวมทั้งไม่เคยขุดหลุมหรือเจาะบาดาลอะไรใต้ดินมาก่อนด้วย เคยได้ยินแต่ว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน สมัยที่ตนเป็นเด็ก เกิดดินยุบห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ยินว่าเกิดดินยุบอีกเลย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ เพื่อป้องกันเหตุ เนื่องจากตนยังจะต้องทำนาในผืนดินนี้ต่อไป

    562000000681805.jpg

    สำหรับพื้นที่ ที่เกิดหลุมยุบดังกล่าว อยู่ใกล้พื้นที่สัมปทานระเบิดหินของบริษัทเอกชนหลายราย เพราะเป็นแหล่งหินและมีภูเขาหินตั้งเรียงรายอยู่หลายลูก แต่ ณ ขณะนี้ ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนให้คำตอบได้ชัดเจนว่า หลุมยุบที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพราะได้รับผลกระทบจากการระเบิดหิน

    562000000681806.jpg


    https://mgronline.com/local/detail/9620000006582
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2019
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ImpactoVisión Noticias


    ภาพที่รุนแรง


    จำนวนผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้นเป็น 66 และบาดเจ็บ 76 คน เนื่องจากการระเบิดของท่อ PEMEX ใน hidalgo เม็กซิโก


    Kike90 ...


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    IMG_7956.JPG
    #พระจันทร์สีเลือด จากเม็กซิโก

    19/01/19

    สีของพระจันทร์ #LunaEclipse(สีที่เห็นและสีที่ "หายไป") สามารถเผยให้เห็นองค์ประกอบของชั้นบรรยากาศของโลก ใน เส้นขอบสีฟ้าเกิดจากโอโซนในชั้นบรรยากาศ

    เครดิตภาพ : @IyC_es

    #Watchers


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Severe Weather Europe


    * อากาศโลก * ความร้อนสุดขั้วข้ามส่วนใหญ่ของออสเตรเลียคาดว่าจะต่ออีกอาทิตย์ - พีคช่วงบ่ายอุณหภูมิมีแนวโน้มจะถึง 46-49°c ทุกวัน!


    http://www.severe-weather.eu/mcd/ex...ensify-through-the-next-4-6-days-jan-20-26th/


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_7957.PNG
    (Jan 19) สมเป็นบ้านเกิดของ Bob Marley! Bank of Jamaica ใช้เพลง “เร็กเก้” อธิบายเรื่องภาวะเงินเฟ้อ : ปฏิเสธไม่ได้ว่า Music Marketing เป็นอีกกลยุทธ์สำคัญในการสื่อสารไปยังผู้บริโภค และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการที่ Bank of Jamaica ใช้แนวเพลงท้องถิ่นอย่าง “เร็กเก้” ในการสื่อสารให้ประชากรเข้าใจเรื่องเงินเฟ้อ


    เสียงเพลงกับการสื่อสารที่ทรงประสิทธิภาพ


    การใช้เสียงเพลงช่วยสื่อสารข้อมูล หรือสิ่งที่ต้องการออกไปนั้นยังได้รับความนิยมอยู่เสมอ เพราะเป็นวิธีที่ทำให้ผู้รับสื่อนั้นจดจำได้ง่าย ยิ่งถ้าเป็นเนื้อเพลง กับจังหวะที่ติดหูแล้วล่ะก็ เชื่อว่าหลายคนคงต้องแอบฮัมตามกันบ้างแน่ๆ เช่นในไทยก็มีอย่าง “แลคตาซอย 5 บาท” หรือไม่ก็ “อย่างนี้ต้องหารสอง” เป็นต้น


    ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศจาเมกา หรือ Bank of Jamaica ก็เลือกการใช้เสียงเพลงเพื่อทำให้ประชากรในประเทศนั้นเข้าใจถึงปัญหาของภาวะเงินเฟ้อ ว่าทำไมถึงให้มันเฟ้อเป็นจำนวนมากไม่ได้ รวมถึงจะไม่ให้ไม่เฟ้อเลยก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน


    Tony Morrison หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Bank of Jamaica เล่าให้ฟังว่า ตัวแคมเปญเกี่ยวกับการสื่อสารปัญหาเงินเฟ้อจะใช้ช่องทางป้ายบิลบอร์ด, โฆษณาในวิทยุ และโฆษณาทางโทรทัศน์ ซึ่งตัวที่เป็นวีดีโอนั้นจะใช้ช่องทางออนไลน์ในการสื่อสารด้วย พร้อมกับมีเสียงเพลงแนว Reggae เพื่อช่วยให้การสื่อสารนั้นมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม


    เหตุที่ Bank of Jamaica ออกมาเตือนเรื่องนี้เพราะในช่วงปี 2558 อัตราเงินเฟ้อในประเทศจาเมกานั้นเริ่มขึ้นมาเป็นเปอร์เซ็นต์สองหลักแล้ว เรียกว่ามีอัตราเสี่ยงที่จะกลับไปวิกฤติเหมือนช่วงปี 2533 ที่อัตราเงินเฟ้อนั้นสูงถึง 90% โดยทางธนาคารนั้นตั้งเป้าว่าแคมเปญดังกล่าวจะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อนั้นกลับมาอยู่ที่ 4-6%


    “พวกเขาไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมยิ่งอัตราเงินเฟ้อต่ำจนเกินไปมันก็ไม่ดี หากเราตั้งเป้าที่ 3% หรืออาจลดลงเหลือ 2% เราก็คงต้องมาอธิบายอีกว่าทำไมไม่ตั้ง 1% หรือ 0% ไปเลย” Tony กล่าว ซึ่งเรื่องนี้ก็ล้อกับเนื้อเพลงที่บอกว่า “Low and stable inflation is to the economy what the bass-line is to reggae music”


    สรุป


    ปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้เพลงยังเป็นอีกอาวุธในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เพราะมีบริษัทเอกชน และหน่วยงานรัฐใช้วิธีนี้ในการสื่อสารอยู่ แต่พอเห็นอย่างนี้แล้วก็นึกถึงประเทศไทย ที่นายกรัฐมนตรีของเราก็ใช้วิธีนี้ในการสื่อสารข้อมูลเช่นเดียวกัน แหม่นี่ก็ Single ที่ 5 แล้วด้วยนะ


    By Tangsiri


    Source: Brandinside.asia


    https://brandinside.asia/bank-of-jamaica-use-reggae-music/
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Robert H. Evans Jr.


    แชร์ วันที่ 18 มกราคม 2562 Lupus Baz ... วัตถุนี้ได้รับการบันทึกโดย NASA / SOHO หลายครั้งตั้งแต่ปี พศ.2542 และมันกลับมาอีกครั้งและแข่งผ่านระบบสุริยะของเราด้วยความเร็วเหลือเชื่อ! นี่คือจาก พ.ศ.2559 ! และนี่คือจาก พ.ศ.2561!

    IMG_7958.JPG IMG_7959.JPG IMG_7960.JPG

    Sharing this 01 18 2019i Lupus Baz ... This object has been recorded by NASA / SOHO many times since 1999, and it keeps coming back, and races through our solar system at incredible speeds! This was from 2016! And this was from 2018!


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศูนย์สารสนเทศอิสลาม Islamic Information Center


    ศาลในสหรัฐอเมริกายืนยันเมื่อวันศุกร์ (18 ม.ค.) ว่า มาร์เซี๊ยะฮ์ ฮาเซมี ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์เพรสทีวี (Press TV) ภาคภาษาอังกฤษของทางการอิหร่าน ถูกจับกุมในวอชิงตัน


    อ่านต่อได้ที่ : https://goo.gl/iGDtc9


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #สภาพอากาศสุดขั้ว

    19/01/19

    สภาพหิมะตกหนัก และหนาวจัดใน Apuseni - Masivul Vlădeasa / Weather Station, โรมาเนียเมื่อวานนี้,

    18 มกราคม 19

    ภาพถ่าย: Adrian Petrisor /

    Via @MeteoplusRO

    Cr: severe-weather.EU


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #สภาพอากาศสุดขั้ว

    19/01/19

    สภาพปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งบนยอดเขา Kfardebian, ที่ระดับความสูง 2465m เหนือระดับน้ำทะเล , จาก #เลบานอน

    เมื่อวานนี้, 18 มกราคม 19-

    เครดิตภาพ Elias Kamal Saadeh

    ผ่าน severeweatherEU


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Pi ประมาณ 3.1414

    Watchers

    IMG_7965.JPG
    ถ้าเราดูแนวคิดของ Equal Letter Distance, Pi & Phi ฯลฯ เราพบว่าพวกมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยนักคณิตศาสตร์ที่ค้นพบโดยพวกมันเท่านั้น

    พระเจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ พระองค์สร้าง ...และ เราค้นพบ

    จำนวนอนันต์ของ Pi ต้องทำอย่างไรกับเหตุการณ์เช่น Blood Moons


    PROV 25: 2

    It is the glory of God to conceal a matter;

    to search out a matter is the glory of kings.


     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    ปรากฏการณ์ "Circumzenithal arc" ที่เข้มข้นใน Eastbourne, East Sussex, #England, วันที่ 18.01.2019

    เครดิตภาพโดย Richard Davis, Ian Cooke และ James Armstrong


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sayan Rujiramora

    Silver Doctors

    PULLING YOUR MONEY OUT Of The Banking System Will Deal A DEATH BLOW TO TYRANNY

    Jan 18, 2019

    by JD Heyes of Natural News


    "การรื้อระบบ ต้องเริ่มจากทำลายจุดเล็กๆของวงจรที่กว้างใหญ่ของพวกทรราชย์..นั่นจะเป็นจุดเริ่มของการพังทลายของทั้งระบบ"


    ทุกๆรัฐบาลในโลกไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก..ต่างก็เป็นประเทศลูกหนี้ทั้งนั้น (โดยมีเจ้าหนี้คือคนทั้งโลกที่ถือเงินกระดาษ..ที่ถูกลดค่าจนกลายเป็นแบ้งค์กาโม่เหมือนที่เด็กใช้เล่นกันในเกม...ผู้แปล) วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอีกแค่ครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะพังทั้งระบบการเงินของโลกได้เลย


    จากบล็อก The Burning Platform blog ของ Robert Gore กลุ่มผู้ประท้วงเสื้อกั้กเหลืองอาจจะไปบังเอิญตีถูกจุดสำคัญ..ที่จะทำให้ระบบเงินเฟียตและระบบหนี้ที่กดขี่ประชาชนมายาวนานพังทลายลงก็เป็นได้


    ไม่กี่วันมานี้ กลุ่มผู้ประท้วงเริ่มมีความคิดจะแห่เข้าถอนเงินจากธนาคาร (bank run) ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว อาจสร้างปฏิกิริยาลูกโซ่ที่จะกระทบชิ่งไปยังประเทศใหญ่ๆอย่างสหรัฐอเมริกาได้เลย


    Gore เขียนในบล็อกว่า "พวกเขารู้หรือเปล่าว่า พวกเขากำลังเล่นอยู่กับหัวรบนิวเคลียร์ ที่ไม่เพียงจะระเบิดระบบการเงินของฝรั่งเศสเท่านั้น ...แต่รวมเอาถึงยุโรปและทั้งโลกเลย"


    "เพราะทั้งหมดมันเชื่อมโยงกันไปถึงจุดจบของทุกๆรัฐบาลเลย ..พวกนั้นอยู่ได้เพราะหนี้และเงินจากภาษีของประชาชนเท่านั้น.."


    ถ้าพังระบบ corrupt banking ได้ อาจทำให้กลุ่มทรราชย์ถึงตายได้


    ตั้งแต่ครั้งที่ ปธน.นิกสันนำสหรัฐออกจากระบบมาตรฐานทองคำเมื่อปี 1971 ระบบการเงินของสหรัฐก็อิงอยู่กับการเป็นหนี้และเงินเฟียต ..นี่เป็นเรื่องใหญ่เพราะดอลล่าร์เป็นสกุลเงินรีเสิร์ฟของทั้งโลก เกือบทุกประเทศมีการค้าที่ต้องใช้ดอลล่าร์ชำระหนี้ระหว่างกัน..เพราะเชื่อกันว่ามันมีเสถียรภาพมากที่สุด


    เงินเฟียตไม่มีการอิงค่ากับทรัพย์สินใดๆที่จับต้องได้ เช่นโลหะมีค่าอย่างทองคำหรือซิลเวอร์ ..ดังนั้นรัฐบาลสหรัฐหรือรัฐบาลใดๆก็สามารถสร้างหนี้ได้มากตามต้องการจากเงินเฟียตนี้เอง ..และพวกเขาก็ทำจริงๆด้วย


    ระบบเศรษฐกิจทั้งโลกจึงอิงอยู่กับหนี้เงินเฟียตเหล่านี้ ..สกุลเงินทั้งหลายยังคงมีมูลค่าตราบที่มันตรึงอยู่กับเงื่อนไขที่ดีของตลาด หรือตัวชี้วัดที่ดูดีของเศรษฐกิจ และอีกหลายแฟคเตอร์ ...ตราบใดที่เงื่อนไขทั้งหลายเหล่านี้ยังอยู่ดี มูลค่าของสกุลเงินก็อยู่ดี ..แต่ถ้ากลับกันแล้วล่ะก็ นรกแตก...


    ดังนั้น ถ้ามี bank run เกิดขึ้นแม้เพียงแบ้งค์เดียวในฝรั่งเศส .."มันก็จะเหมือนกับไปดึงเส้นไหมที่มันรุ่ยออกจากเสื้อไหมพรมแค่เส้นเดียว ..แต่เสื้อทั้งตัวอาจหายไปเลย" ..Gore


    "พวกธนาคารพยายามเพิ่มสภาพคล่อง สร้างเครดิตไลน์ไว้ทุกอย่างเท่าที่จะคิดขึ้นมาได้ ..พยายามทำให้ทรัพย์สินที่ไม่มีสภาพคล่องให้กลายเป็นมีสภาพคล่องเพื่อการกู้ยืมให้ได้ ..เพิ่มไปเริ่อยๆจนระบบพังลงไปในที่สุด"


    ยิ่งมีระบบเศรษฐกิจที่เป็นหนี้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเสี่ยงที่จะต้องพังทลายเมื่อเกิดวิกฤติมากขึ้นเท่านั้น


    Gore เขียนเพิ่มเติมว่า "การล้มละลายจะต้องเกิดขึ้น มันจะ 'เกิดเมื่อไหร่' ไม่ใช่ 'เกิดหรือไม่' ..หนี้เป็นจุดอ่อน (Achilles heel) ของทุกรัฐบาล ถ้ามีการแห่ถอนเงินเกิดอย่างกว้างขวาง ความน่าเชื่อถือจะลดลง อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้น และนี่จะทำให้บางรัฐบาลหมดเครดิตไปเลย รายได้ภาษีก็จะพลอยหายไปด้วย"


    "วิธีรื้อระบบ ต้องเริ่มจากทำลายจุดเล็กๆของวงจรกว้างใหญ่ของทรราชย์..นั่นจะเป็นจุดเริ่มของการพังทลายของทั้งระบบ"


    PULLING YOUR MONEY OUT Of The Banking System Will Deal A DEATH BLOW TO TYRANNY

    Jan 18, 2019


    “The way to undo the system, then, is to initiate its collapse…as a way to break the cycle of encroaching tyranny.”


    On top of this potential nightmare scenario is the fact that governments around the world comprising the largest economies have nearly all become debtor nations that are one economic calamity away from global collapse.


    As noted by Robert Gore at The Burning Platform blog, France’s Yellow Vest protesters may have inadvertently hit upon a way to bring about the collapse of the fiat money and debt system that is sustaining the very governments which increasingly suppress the people they are supposed to serve.


    Gore notes that in recent days the French protesters — whom, you recall, took to the streets in response to a massive gasoline tax pushed by President Emmanuel Macron to fund France’s contributions to combat “global warming” agreed to at the Paris Accords in 2015 — have advocated a run on the country’s banks. Such a run, if it occurs, could actually start a chain reaction that would spread to other ostensibly wealthy countries including the United States.


    “Whether they realize it or not, they’re playing with nuclear warheads that could annihilate not just the French, but Europe’s and the entire world’s financial system,” Gore writes.


    “Because inextricably linked to the ends of contemporary governments ? how much they can screw up the lives of those who must live under them—is the question of means ? how do they fund their misrule? The short answer is taxes and debt,” he added.


    Collapsing the corrupt banking system will deal a death blow to tyranny


    Since President Richard Nixon took the U.S. off the gold standard in 1971, our monetary system has been based on fiat currency and debt. That matters because the dollar is considered the world’s reserve currency; nearly all nations trade in it for commodities and use it to pay bills because it’s believed to be the most stable. (Related: CONVERGENCE: The inescapable explanation that connects all world events unfolding now… can you handle the cosmic truth?)


    Fiat currency is not tied to any tangible asset, like precious metals, so our government — and other governments — can create as much debt as they desire (debt by fiat). And they have.


    The global economic system is based on this fiat debt. Currencies have values that are assigned to them given certain market conditions, economic indicators, and other factors. When those are perceived to be doing well, currency values go up, and vice versa when the indicators are ‘down.’


    So, how does a run on a single bank in France “turn into a loose yarn that once pulled, unravels the whole sweater?” Gore wrote.


    “The bank tries to increase its liquid funds, drawing on whatever lines of emergency credit it may have, and to convert it’s illiquid assets into liquid assets, calling in loans. This pressures other banks and financial institutions, who draw on their lines of credit and call their loans and so on until the system collapses,” he writes.


    And the more indebted economic systems are, the more vulnerable to collapse in a crisis.


    “Bankruptcy is a when, not an if,” noted Gore. “Debt is the Achilles heel of the world’s governments. A widespread run on financial institutions will dramatically reduce credit availability and raise interest rates, and it will shut off credit entirely for some of them. Under those circumstances, tax revenues will shrink as well.”


    The way to undo the system, then, is to initiate its collapse — as the Yellow Vests are advocating — as a way to break the cycle of encroaching tyranny.


     

แชร์หน้านี้

Loading...