ติดตามสถานะการณ์

#ประเทศกรีซ 23.07.2020
ไฟป่ากรีซ, Kechries (Κεχριές)
รายงาน; อุตุนิยมวิทยา

 

ว้าว !! ⚡️
#ประเทศออสเตรเลีย! สายฟ้าฟาดอย่างไม่น่าเชื่อที่ Bar Beach ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ⚡⚡
David Diehm

 

กองทัพอวกาศสหรัฐอเมริกาเปิดตัวโลโก้แล้ว
-----------------------------
กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาเปิดตัวโลโก้ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเช้านี้ตามเวลาประเทศไทย ด้วยรูปแบบที่ล้ำมากๆ แต่หลายคนก็ว่า คล้าย สตาร์เทร็ค เหลือเกิน
...
โดยโลโก้นี้ ประกอบด้วยกรอบรูปสามเหลี่ยม( Delta ) ซึ่งมีการใช้รูปแบบนี้ในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับอวกาศมาตั้งแต่ปี 1961 ซึ่งถือว่าเป็นมรดกแห่งเกียรติยศหองทัพอากาศสหรัฐ และหน่วยบัญชาการอวกาศ รากฐานของกองทัพอวกาศ โดยได้รับแรงบันดาลใจเกี่ยวกับ ยุคสมัยแห่งการเป็นมืออาชีพในอวกาศ
.
ตรงกลางของสามเหลี่ยมเป็นดาวเหนือ เป็นสัญลักษณ์แทนคุณค่าหลักที่ยึดถือในการนำทางในภารกิจของกองทัพอวกาศ
.
ด้านบนยังมียอดแหลมสองยอด เป็นตัวแทนของปฏิกริยาที่เกิดขณะการปล่อยจรวดออกนอกชั้นบรรยากาศ สื่อถึงบทบาทหลักของกองทัพอวกาศในการในการป้องกันยุทธภูมิในอวกาศ
.
ด้านล่างเราจะเห็นเหลี่ยมมุมเอียงนูน ประกบกัน 4 ด้านหมายถึงการปฏิบัติการร่วมของเหล่าทัพได้แก่ กองทัพอากาศ กองทัพบก กองทัพเรือ และนาวิกโยธินเพื่อสนับสนุนภารกิจอวกาศ
.
พื้นหลังในสามเหลี่ยมเป็นสีดำ แทนความมืดมิดของห้วงอวกาศ ที่หลายคนกลัวเกรงหวั่นไหว แต่กองทัพอวกาศ จะยืนหยัดต่อสู้ในอวกาศ
.
สุดท้ายกรอบสีเงินรอบสามเหลี่ยม หมายความถึงกองทัพอวกาศจะป้องกันและปกป้องประเทศจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ จากทุกศัตรูของชาติ ในยุทธภูมิอวกาศ
.
ทั้งนี้การเปิดตัวโลโก้ ยังมาพร้อมกับม๊อตโต้ ในภาษาละตินว่า Semper Supra หรือแปลว่า Always Above (อยู่เหนือกว่าตลอดไป) สื่อถึงการที่กองทัพอวกาศมีหน้าที่ในการสถาปนา ธำรงรักษา เสรีในการปฏิบัติภารกิจในยุทธภูมิอวกาศ
.
เราจะเห็นว่าโลโก้ใหม่นี้ต่างจากที่อยู่ในธงที่ ทรัมป์มอบให้กองทัพอวกาศเมื่อต้นปี เป็นอย่างมากและดู Sci-Fi สุดๆไปเลย
.
ที่มา

 

Film & Business :

อุตสาหกรรมหนังฮ่องกงที่เคยยิ่งใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากฮอลลีวู้ดและอินเดีย กำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนครั้งใหม่ที่ทั้งน่าจับตาและน่ากังวล!

เมื่อปลายมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า ความผิดที่ถือว่าเข้าข่าย “การคุกคามความมั่นคงของฮ่องกง” ประกอบด้วย การแบ่งแยกดินแดน การล้มล้างอำนาจของรัฐบาลกลาง การก่อการร้าย และการสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติ หรือกองกำลังจากภายนอก

ผลจากการการประกาศใช้กฏหมายที่มีบทรุนแรงถึงขั้นจำคุก 5-10 ปีนี้ สร้างความกังวลใจแก่ประชาชนฮ่องกงทุกภาคส่วนมาก โดยเฉพาะต่อเรื่องสิทธิในการแสดงออกซึ่งเป็นสิ่งที่คนฮ่องกงเชิดชูตลอดมา

สถานการณ์นี้จะส่งผลแบบไหนต่อคนทำหนัง? ...เราพาไปพูดคุยกับมิตรสหายในวงการหนังฮ่องกง 3 คนซึ่งแสดงทัศนะต่างๆ กันโดยไม่เปิดเผยชื่อจริง

อ่านต่อได้ที่ https://filmclubthailand.com/articles/film-business/hongkong/

 

ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ไทย ที่ขจรไกลไปทั่วโลก สำหรับ ‘กระทิงแดง’ ที่คิดค้นโดย 许书标 xǔ shū biāo
.
หรือที่เรารู้จักกันในนาม “โกเหลียว“ เฉลียว อยู่วิทยา เจ้าสัวไทยเชื้อสายจีนไหหลำ
.
ชื่อ ‘กระทิงแดง’ กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกเมื่อ ดีทริช เมเทสซ์ทซ์ (Dietrich Mateschitz) นักธุรกิจชาวออสเตรีย มาเที่ยวเมืองไทยและเกิดความสนใจในเครื่องดื่มชูกำลังนี้
.
จึงเจรจาขอเป็นตัวแทนจำหน่ายนอกประเทศ พร้อมก่อตั้ง บริษัท เรดบูล จีเอ็มบีเอช (Red
Bull GmbH) ขึ้นในประเทศออสเตรีย โดยทางไทยถือหุ้น 51% เริ่มวางจำหน่าย Red Bull ในตลาดออสเตรียครั้งแรกปี 1987
.
Red Bull สปอนเซอร์กิจกรรมและกีฬาต่าง ๆ ไปจนถึงรถสูตรหนึ่งอย่าง “เอฟวัน” จนโด่งดังกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก
.
แต่คนที่ทำให้ ‘กระทิงแดง’ ชื่อเสียงระบือไกลทั่วแดนมังกรคือชายที่ชื่อ 严彬 yán bīn
.
คอการเมืองรู้จักเขาคนนี้ในชื่อ “เหยียนปิน”
(เรื่องการเมืองไทย #ไทยคำจีนคำ ขอข้าม ท่านผู้อ่านลอง Google หาข้อมูลกันดูได้)
.
“เหยียนปิน” เกิดที่มณฑลซานตง (ทางตะวันออกค่อนไปทางเหนือของจีน) ตอนหลังมาทำธุรกิจและได้สัญชาติไทยโดยมีชื่อไทยว่า “ชาญชัย รวยรุ่งเรือง”
.
ในปี 1995 เหยียนปินนำเครื่องดื่มกระทิงแดงเข้าไปสู่เมืองจีน และร่วมกับตระกูลอยู่วิทยาจัดตั้งบริษัทที่เซินเจิ้น
.
ตราสินค้า 红牛Red Bull (หงหนิว เรดบูลล์) จึงจุติขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ และได้สร้างตำนานเครื่องดื่ม Energy Drink บทใหม่ขึ้นมา
.
ภาพลักษณ์ของความเป็น “อินเตอร์” ที่สร้างโดยนักธุรกิจออสเตรียมีส่วนอย่างมากทำให้คนจีนยอมรับ 红牛Red Bull (หงหนิว เรดบูลล์) อย่างรวดเร็ว
.
CEO เหยียนปินหรือ “คุณชาญชัย” เคยให้สัมภาษณ์ว่า “红牛Red Bull (หงหนิว เรดบูลล์) เคยขายดีที่สุดปีละ 6,000 ล้านกระป๋อง มีโรงงานทั่วจีน 50 แห่ง”
.
ราคาปัจจุบัน กระป๋อง 250 มิลลิลิตร ขาย 6 หยวน ประมาณ 30 บาท คูณคร่าว ๆ แล้วขนลุก
.
สโลแกนอมตะของ “กระทิงแดง” เวอร์ชั่นจีนน้อยคนจะไม่เคยได้ยิน...
.
你的能量超乎你想象
(nǐ de néngliàng chāo hū nǐ xiǎngxiàng)
“พลังของคุณ มากเกินจินตนาการ”
.
ช่างเป็นคำขวัญที่ปลุกใจ สร้างพลังในการต่อสู้
.
คนดังจากวงการบันเทิงและนักกีฬาดังหมุนเวียนมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ “红牛Red Bull” (หงหนิว เรดบูลล์) ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา
.
แต่เป็นธรรมดาของผลประโยชน์ เมื่อมีมากก็จะเกิดปัญหาทะเลาะเบาะแว้งตามมา
.
หลังจากนายเฉลียวเสียชีวิตในปี 2012 เกิดการฟ้องร้องระหว่าง “กระทิงแดงไทย VS 红牛Red Bull“ ในเรื่องลิขสิทธิ์แบรนด์สินค้าหลายสิบคดี
.
ยกตัวอย่างเคสหนึ่งที่เพิ่งตัดสินไปปลายปี 2019 : ทางเรดบูลล์จีนฟ้องร้องต่อศาลจีนเรียกร้องค่าโฆษณาแบรนด์สินค้าจากกระทิงแดงไทยเป็นเงิน 3,753 ล้านหยวน (ราว 18,000 ล้านบาท)
.
ปรากฏว่าศาลสูงปักกิ่งยกคำร้อง แถมยังสั่งให้เรดบูลล์จีนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในทางคดีราว 19 ล้านหยวน หรือกว่า 90 ล้านบาท
.
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “กระทิงแดงไทย” ต่อสู้ในวงการยุติธรรมแดนมังกรก็ไม่ได้ตกเป็นรองคนจีนแต่อย่างใด
.
อย่างไรก็ดี การฟ้องร้องระหว่าง “กระทิงแดงไทย VS เรดบูลล์จีน” ยังดำเนินมาถึงปัจจุบัน หลายคดียังรอการพิจารณากันอยู่
.
แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้น ระหว่างทะเลาะกันอยู่หลายปี คือการเปิดโอกาสให้คู่แข่งพัฒนาสินค้าขึ้นมาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด Energy Drink ในจีนไปไม่น้อย
.
และในส่วนของผู้บริโภคหรือชาวบ้านทั่ว ๆ ไป คดีดังกล่าวได้สร้างการรับรู้ในวงกว้าง
.
ทำให้คนจีนส่วนใหญ่เพิ่งจะ “ตาสว่าง” ค้นพบว่า...
.
“แท้จริงแล้วแบรนด์กระทิงแดงเป็นของคนไทย”
.
หลังจากที่ก่อนหน้านั้นคนจีนหลาย ๆ คนเข้าใจมาตลอดว่า 红牛 hóng niú เป็นแบรนด์ของจีน
.
เรื่องนี้แอดเคยเจอมากับตัว 10 ปีก่อนสมัยไปเรียนอยู่ปักกิ่ง เวลาเพื่อนคนจีนซื้อเรดบูลล์และบอกว่าเป็นเครื่องดื่มของจีน
.
แอดในฐานะคนไทยฟังแล้วก็มักจะเดือดร้อนแทน และเถียงทันทีว่า “红牛是泰国的!” (hóngniú shì tàiguó de) “กระทิงแดงของไทยโว้ย!”
.
และก็เดาว่าคงมีคนไทยไม่น้อยเป็นเหมือนแอด เคยโม้กับเพื่อนฝรั่งว่า “Red Bull originated in Thailand” (เรดบูลล์เป็นแบรนด์ของไทย)
.
#ไทยคำจีนคำ

ที่มา : https://m.toutiaocdn.com/i676465761...ios&utm_campaign=client_share&wxshare_count=1
https://m.toutiaocdn.com/i676526479...ios&utm_campaign=client_share&wxshare_count=1

 

#เจ้าชายแฮรี่_เมแกนจะไม่ทน
#ปาปารัซซีใช้โดรนตามแอบถ่ายถึงสวนหลังบ้าน

เจ้าชายแฮรี่ และ เมแกน เตรียมยื่นฟ้องปาปารัซซี ที่แอบเข้ามาถ่ายเจ้าชาย อาร์ชี่ โอรสวัยเพียง 14 เดือนของทั้งคู่แล้วเอาไปปล่อยขายให้สำนักข่าวแทบลอยด์ชื่อดังทั้งฝั่งอังกฤษและอเมริกา

โดยไมเคิล คัมพ์ ทนายส่วนพระองค์ ได้รวบรวมเอกสาร หลักฐานเพื่อเอาผิดปาปารัซซีที่ศาลในรัฐแคลิฟอร์เนียเรียบร้อยแล้ว โดยกล่าวว่า ทั้ง 2 พระองค์สุดจะทนแล้วกับพฤติกรรมหิวข่าวของปาปารัซซี ที่ตอนนี้ไร้มารยาทหนัก ถึงขั้นแอบส่งโครนเข้ามาถ่ายภาพถึงในบ้าน

ถึงแม้ว่าตัวช่างภาพ ปาปารัซซีจะอ้างว่าไม่ได้บุกรุกเข้าไปในบ้าน เพียงแต่ซูมถ่ายระยะไกล แต่การกระทำเช่นนี้ ก็ผิดกฏหมาย ละเมิดสิทธิ์ความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นอยู่ดี

ทั้งเจ้าชายแฮรี่ และ เมแกน ดยุก และ ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ จะสละฐานันดรศักดิ์ ขอมาใช้ชีวิตแบบปกติธรรมดาใน ลอส แองเจลลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาแล้วก็ตาม แต่ภาพข่าวของชีวิตส่วนพระองค์ของทั้งคู่ ก็ยังมีมูลค่าสูง และเป็นที่ต้องการในแวดวงสำนักข่าวแท็บลอยด์ แกะรอยคนดัง

ไม่ว่าทั้งคู่จะไปไหนก็ตาม ก็มักมีปาปารัซซี ตามมาถ่ายภาพอย่างหิวกระหาย

ซึ่งเจ้าชายแฮรี่ ก็มีประสบการณ์อันเลวร้ายกับกลุ่มช่างภาพนักล่าข่าวเหล่านี้อยู่แล้ว เนื่องจากพระองค์ต้องสูญเสียพระมารดา เจ้าหญิงไดอาน่า โดยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เนื่องจากต้องหนีการไล่ล่าของกลุ่มปาปารัซซีในฝรั่งเศส เมื่อปี 1997

ดังนั้น เจ้าชายแฮรี่ และ เมแกน จึงไม่พาเจ้าชายอาร์ชี่ วัย 14 เดือน ออกไปไหนข้างนอกเลยในช่วงนี้ ยิ่งเป็นช่วงที่เกิด Covid-19 ด้วยแล้ว ครอบครัว ดยุกแห่งซัซเซกส์ จึงเก็บตัวแต่ในที่ประทับ

แต่กลับพบว่ามีภาพของโอรสอาร์ชี หลุดออกไปที่สำนักข่าวแท็บลอยด์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย

และเมื่อดูภาพแล้วพบว่า เป็นภาพที่ถ่ายจากสวนหลังบ้านของพระองค์เอง

เป็นการบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลที่อุกอาจมาก ดังนั้นทั้งเจ้าชายแฮรี่ และ เมแกนจึงตัดสินใจแล้วว่า งานนี้จะไม่ทนอีกต่อไป

ทนายความส่วนพระองค์ ได้ให้ข้อมูลว่า นอกจากการติดตามแอบถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ แอบส่งโดรนเข้ามาในบ้าน ยอมลงทุน นั่งเฮลิคอปเตอร์ เพื่อซูมถ่ายภาพจากระยะไกลแล้ว บางครั้งยังตรวจพบว่า มีการแอบตัดรั้วบ้านเป็่นช่องเพื่อให้ลอดเข้ามาในพื้นที่บ้านได้ด้วย

แต่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้น คือการแอบภ่ายภาพโอรส ที่เป็นเพียงทารกวัย 14 เดือน เพื่อเอาไปขายทำกำไร เป็นการกระทำผิดด้วยละเมิดสิทธิผู้เยาว์อย่างร้ายแรง

ในหลายประเทศ การแอบถ่ายภาพผู้เยาว์ โดยที่ผู้ปกครองไม่ได้อนุญาต ถือเป็นเรื่องที่ซีเรียสมาก ไม่เกี่ยวกับว่าเด็กคนนั้นจะมียศฐานะ บรรดาศักดิ์หรือไม่ หากเป็นผู้เยาว์ ถือว่าผิดทั้งนั้น ไม่ว่าจะมองในแง่กฏหมาย และศีลธรรม

เมื่อมีการดำเนินคดีแล้ว สำนักข่าวไหนนำภาพ
เจ้าชายอาร์ชี่ ที่ถูกลักลอบถ่ายมาลงตีพิมพ์จะถือเป็นความผิด และไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง หากมีสำนึกว่าภาพนั้นได้มาอย่างไร

ทั้งเจ้าชายแฮรี่ และเมแกน ได้ฝากให้ทนายข้อความไปบอกกับพวกปาปารัซซี่ และหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ ที่แปลเป็นภาษาชาวบ้านว่า "การมาแอบถ่ายภาพเด็กทารกของครอบครัวคนอื่นไปขายต่อ ไม่ใช่การทำข่าว แต่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนตัว เป็นการหากินกับเด็กที่น่ารังเกียจ เป็นภัยสังคม มากๆ"

แต่ก็คงได้แต่ด่าหล่ะค่า เพราะตราบใดที่ภาพข่าวแกะรอยคนดังยังขายได้ และเป็นที่สนใจของชาวบ้าน ที่ว่ากันว่า ภาพดารา คนดัง (ที่ดัง หรือ ฉาวมากจริงๆ) สามารถขายได้ภาพได้ราคาตั้งแต่ 5,000 - 15,000 เหรียญต่อใบ

และปาปารัซซีมืออาชีพทำเงินได้กว่า 500,000 เหรีญต่อปีทีเดียว จนมีแม้กระทั่งหลักสูตรฝึกสอนให้เป็นปาปารัซซีกันเลยทีเดียว

เงินดีขนาดนี้ คงห้ามกันยาก เป็นคนดังก็ต้องทำใจเลยนะคะ

แหล่งข้อมูล

https://www.harpersbazaar.com/celeb...ry-meghan-markle-invasion-of-privacy-lawsuit/

https://edition.cnn.com/2020/07/24/us/harry-meghan-archie-pictures-lawsuit-scli-gbr-intl/index.html

https://fstoppers.com/business/how-paparazzi-photographer-makes-money-360257

 

#ทรัมพ์ปจัดทัพปราบอันธพาลครองเมือง
#ผ่าปฏิบัติการOperation_Legend

เมื่อตอนช่วงค่ำวันพุธ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ท่านเสี่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ ของเราได้ออกมาประกาศก้อง ยืนยันว่ารัฐบาลกลางจะส่งกองกำลังพิเศษเพิ่ม เข้าไปควบคุมสถานการณ์การประท้วง หรือกลุ่มคนร้ายที่ก่อความรุนแรงในหลายเมือง

ซึ่งตอนนี้ในสหรัฐ ก็ยังคงมีงานประท้วงที่ติดลมบนจากกระแสของ จอร์จ ฟลอยด์ ที่ไม่แล้ว ไม่เลิกรา มานานข้ามเดือน มีตั้งแต่ประท้วงเล็กๆ แค่ต้องการแสดงสัญลักษณ์ ไปจนถึงยึดถนนประกาศเป็นเขตปกครองตนเอง อย่างที่เมืองพอร์ทแลนด์ ในรัฐโอเรกอน

แต่ทั้งนี้ ท่านเสี่ยทรัมพ์รู้สึกว่าบางเมืองก็ประท้วงกันเกินเหตุ ส่อเค้ารุนแรง และจะเล่นไม่เลิก

บางแห่งก็มีผู้ว่าการรัฐพรรคคู่อริให้การสนับสนุน ยุส่งอยู่ เลยสบช่องให้มีกลุ่มคนหัวรุนแรง และพวกทรชน อันธพาล เข้ามาฉวยโอกาสในเหตุการณ์ ก่อคดีอาชญากรรม ที่เพิ่มขึ้นเยอะมาก ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

ดังนั้น วันนี้ท่านเสี่ยหัวร้อน จึงตัดสินใจส่งกองกำลังพิเศษของรัฐบาลกลาง เข้าไปควบคุมสถานการณ์ในบางเมือง ได้แก่

- อัลบูเคอร์คี รัฐ นิว เม็กซิโก
- บัลติมอร์ รัฐแมรี่แลนด์
- ชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์
- ฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย
- เมืองแคนซัส ซิตี้ ในรัฐมิสซูรี่

โดยกองกำลังพิเศษ ก็จะถูกดึงตัวมาจากเจ้าหน้าที่ FBI บางส่วนก็มาจากกองทัพ มาเสริมในปฏิบัติการพิเศษครั้งนี้ ที่ตั้งชื่ออย่างเท่ว่า Operation Legend

Operation Legend นำมาจากชื่อว่าหนูน้อยวัย 4 ขวบ LeGend Taliferro ที่เสียชีวิตจากกระสุนปืนปริศนา ที่ยิงมาจากด้านนอก แล้วมาถูกหนูน้อยพอดีขณะกำลังหลับสนิทภายในบ้านของตัวเอง ที่เมืองแคนซัส ซิตี้ ในมิสซูรี่

นับเป็นเด็กคนที่ 4 ของเมือง ที่โดนลูกหลงจนเสียชีวิต จากเหตุความรุนแรงในปีนี้

และตั้งแต่เกิดวิกฤติ Covid-19 ในสหรัฐ ถ้าไม่นับงานประท้วง และจราจล ในช่วงกระแส Black Lives Matter ก็พบว่าเกิดคดีฉกชิง ปล้นฆ่า ทำร้ายร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะผู้คนตกงาน และเศรษฐกิจตกต่ำ

นั่นคือสิ่งที่ท่านเสี่ยทรัมพ์ ให้เหตุผลประกอบ ในการจัดการส่งกำลังเสริมพิเศษไปในหลายเมืองภายใต้ปฏิบัติการ Operation Legend ครั้งนี้

โดยท่านเสี่ยได้ย้ำว่า เป็นกำลังเสริมเอาไว้ช่วยตำรวจในท้องที่จัดการปัญหาอาชญากรรมทั่วไป ไม่ใช่เอาไว้ปราบม๊อบ (แต่ถ้าเป็นม๊อบหัวรุนแรงก็ปราบได้)

ในบางช่วง ท่ายเสี่ยได้กล่าวไว้ว่า

Today I'm announcing a surge of federal law enforcement into American communities plagued by violent crime. We have no choice but to get involved" with a rising death toll in some major cities.

"วันนี้ ผมขอประกาศเพิ่มกำลังเสริมพิเศษจากส่วนกลางเข้าช่วยปกป้อง รักษาชุมชนคนอเมริกันไว้ จากการแพร่ระบาดของเหตุรุนแรงในสังคม เราไม่มีทางเลือกครับ ทางการต้องยื่นมือเข้าไปช่วยจริงๆ เพราะยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงมากจริงๆในหลายเมือง"

และปฏิบัติการนี้ ก็ไม่เกี่ยวกับม๊อบยึดเมืองในพอร์ทแลนด์ ที่โอเรกอน อันนั้นกำลังเสริมน่ะ มีแน่ แต่เป็นคนละส่วนกับ Operation Legend

พูดมาเกือบจะดี ก็มาเสียตรงที่พูดไปสักพัก แกก็เริ่มไปแขวะ ผู้ว่าการรัฐเดโมแครตว่าอ่อน คุมบ้านเมืองไม่ได้ ต้องให้ถึงมือระดับท่านเสี่ย นั่นนี่นู่น

ส่วนรัฐที่เดโมแครตคุม อย่างนิว เม็กซิโก อิลลินอยด์ เพนซิลวาเนีย ก็โวยวายว่า ท่านเสี่ยไม่มีอำนาจส่งกองกำลังจากรัฐบาลกลาง เข้ามาแทรกแซงภายในรัฐ เป็นคำสั่งที่ไม่ต่างจากกฏอัยการศึก และเข้าข่ายใช้อำนาจประธานาธิบดีมิชอบ

ซึ่งท่านเสี่ยก็หาแคร์ไม่ แขวะกลับไปว่า ก็พวกเอ็งในอ่อนไง ปัญหาอาชญากรรมถึงได้พุ่งขนาดนี้ ชาวบ้านเสียชีวิตไปตั้งเท่าไหร่

เถียงกันไปมาก็ไม่พ้นเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐ ที่ช่วงนี้ก็เริ่มเข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนจะเลือกตั้งใหญ่แล้ว

ก็หวังว่าปฏิบัติการ Operation Legend จะไม่สร้างปัญหาให้ท่านเสี่ยทรัมพ์ของเราในภายหลัง และสามารถคืนความยุติธรรมให้แก่หนูน้อย LeGend Taliferro และเหยื่อคดีความรุนแรงคนอื่นๆได้จริง อย่างที่ตั้งใจแล้วกันนาจ๊า

แหล่งข้อมูล

https://www.france24.com/en/2020072...o-more-us-cities-to-fight-violent-crime-spike

https://en.m.wikipedia.org/wiki/Operation_Legend

https://www.kshb.com/news/crime/kcpd-investigating-early-morning-homicide
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Operation_Legend

 

เอเอฟพี รายงาน (25 ก.ค.) ว่า โหยว จุน เว่ย หรือ ดิกสัน โหยว (Dickson Yeo) รับสารภาพต่อศาลกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่าทำงานเป็นสายลับต่างชาติ โดยได้รับการว่าจ้างจากหน่วยข่าวกรองจีน ให้ “ระบุตัวตนและประเมินบุคลากรกองทัพหรือลูกจ้างรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้รับอนุญาตเข้าถึงข้อมูลชั้นความลับ” ระหว่างปี 2015-2019

โหยว วัย 39 ปี จ่ายเงินจ้างคนเหล่านี้ให้เขียนรายงาน โดยอ้างว่าจะส่งให้กับลูกค้าในเอเชีย แต่แท้ที่จริงข้อมูลดังกล่าวกลับถูกส่งตรงให้กับรัฐบาลจีน

คำรับสารภาพของ โหยว มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่สหรัฐฯ สั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวสตัน รัฐเทกซัส โดยกล่าวหาว่าเป็นศูนย์สอดแนมและปฏิบัติการขโมยความลับด้านเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญา

อ่าน - https://mgronline.com/around/detail/9630000076376

 

นายก อบต.หนองเม็ก จ.ขอนแก่น ชี้แจงภาพข้าราชการสาวชู 3 นิ้ว กลางงานถวายพระพร ระบุเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เจ้าตัวสำนึกผิดแล้ว เตรียมดำเนินการทางวินัย เนื่องจากขัดกฎหมายชัดเจน

อ่านต่อ > https://news1live.com/detail/9630000076400
...........................................

 

#สหรัฐ จับกุมตัวชาว #จีน 4 คนโดยอ้างว่าคนเหล่านี้เป็น #สายลับ แจ้งข้อมูลเท็จเพื่อขอวีซ่าเข้า #อเมริกา หนึ่งในสี่คนเป็นนักวิจัยหญิงที่เข้าไปหลบในสถานกงสุลจีนประจำซานฟรานซิสโก หลัง FBI พบภาพถ่ายของเธอในเครื่องแบบทหารกองทัพจีน

กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐเผยว่าได้จับกุมตัวนางถังจวน เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 23 ก.ค. หลังจากเธอเข้าไปอยู่ภายในสถานกงสุลจีนประจำซานฟรานซิสโกนานหลายสัปดาห์ เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุมของสำนักงานสอบสวนกลาง หรือ #FBI ที่กล่าวหาว่าเธอปกปิดข้อมูลเรื่องความสัมพันธ์กับกองทัพจีนในการขอวีซ่าเข้าสหรัฐ มาทำงานวิจัยเกี่ยงกับโรคมะเร็งที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเดวิส ตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
.
สหรัฐอ้างว่าถังจวนมีความผิดฐานแจ้งข้อมูลเท็จเพื่อขอวีซ่าเข้าสหรัฐ และออกหมายจับตัวเธอ แต่เธอหนีเข้าไปสถานกงสุลจีนเสียก่อน เจ้าหน้าที่สหรัฐไม่ได้เปิดเผยว่าจับกุมตัวเธอได้อย่างไร แต่สื่อหลายสำนักระบุว่า เธอยินยอมมอบตัวเอง
.
ขณะนี้ถังจวนถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำซานคราแมนโต และคาดว่าเธอจะถูกนำตัวขึ้นศาลในวันศุกร์ที่ 24 ก.ค. ทั้งนี้ นางถังจวนไม่มีสิทธิ์คุ้มครองทางการทูต ที่จะไม่ถูกดำเนินคดีในต่างประเทศ
.
FBI ได้เปิดเผยภาพถ่ายนางถังจวนในเครื่องแบบทหารของกองทัพจีน โดยคาดว่าเธอเป็นผู้ช่วยนักวิจัยในโรงพยาบาลแพทย์ทหาร สังกัดกองทัพอากาศจีน แต่เธอปกปิดสถานะของตนในตอนที่ขอวีซ่าเข้าสหรัฐ

นอกจากนางถังจวนแล้ว กระทรวงยุติธรรมสหรัฐยังจับกุมตัวคนอื่นอีก 3 คน ที่ถูกล่าวหาเป็นสายลับหาข่าวกรองให้จีน นอกจากนางถังจวนแล้ว ผู้ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้าได้แก่
.
นางซ่งเชิน อดีตนักวิจัยด้านการแพทย์ที่ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่กองทัพจีน
.
นายหยัง จื่อเหว่ย หรือ ดิกสัน เหยา ชาวสิงคโปร์ ที่ถูกกล่าวหาว่าตั้งบริษัทที่ปรึกษาบังหน้า เพื่อรวบรวมข่าวกรองให้รัฐบาลจีน
อ่านรายละเอียดที่ https://mgronline.com/around/detail/9630000076376
.
นายหวังซิน ซึ่งเคยทำวิจัยอยู่ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย FBI กล่าวหาว่าเขาเป็นนายพันและรองศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแพทย์ทหารของจีน และยังคงได้รับเงินเดือนจากกองทัพอยู่ในช่วงที่อยู่ในสหรัฐ
.
กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ และ FBI ได้เฝ้าระวังนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ของกองทัพจีนมาตลอด โดยอ้างว่าจีนส่งคนเหล่านี้ไปตามมหาวิทยาลัยแห่งต่าง ๆ เพื่อขโมยข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

การจับกุมชาวจีนทั้ง 4 คนตามข้อกล่าวหา “สายลับ” ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนตึงเครียดยิ่งขึ้นอีก หลังจากรัฐบาลสหรัฐได้สั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮุสตัน โดยอ้างเหตุผลว่า "เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนสหรัฐ" ขณะที่รัฐบาลจีนก็ตอบโต้ด้วยการสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐประจำเมืองเฉิงตู

 

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุคดี ”บอส อยู่วิทยา” ทำระบบความยุติธรรมหมดความหมาย แนะนายกรัฐมนตรีออกมาประกาศให้ชัด รัฐบาลไม่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือคนรวย ตั้งกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ทั้งหมด อย่าอ้างไม่ก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม

อ่านต่อ > https://news1live.com/detail/9630000076439
...........................................

 

นายประยุทธ เพขรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ขณะนี้นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ยังคงตรวจราชการที่อัยการภาค 4 จะกลับกทม.สัปดาห์หน้า เกี่ยวกับข่าวการสั่งไม่ฟ้องคดี“บอส” หรือ วรยุทธ อยู่วิทยา นั้น อัยการสูงสุดเพิ่งทราบข่าวจากสื่อมวลชน เมื่อวานนี้ ซึ่งอัยการสูงสุดได้สั่งการให้ตรวจสอบสำนวนคดีแล้ว

อ่านต่อ > https://news1live.com/detail/9630000076443
...........................................

 

"อนุทิน" ฉุนสภาพัฒน์ตัดงบ อสม.เสี่ยงภัย เสี่ยงชีวิต !

 

จับตา การตอบโต้อิสราเอลของเฮซบอเลาะห์ อิหร่านและซีเรีย:

วันก่อน อิสราเอลส่งเครื่องบินไป หวังถล่มค่ายทหารซีเรียที่มีทหารอิหร่านและกลุ่มติดอาวุธเฮซบอเลาะห์ ซีเรียได้ยิงจรวดใส่เครื่องบินอิสราเอล และสกัดขีปนาวุธจากเครื่องบินได้เกือบทุกลูก

ข่าวบอกว่ามีลูกเดียวที่เข้าใกล้เป้า ทำให้มีนายทหารบาดเจ็บไป ๗ นาย มีข่าวเพิ่มเติมว่าสมาชิกเฮสบอเลาะห์บางคนเสียชีวิตไปด้วย

สถานการณ์ล่าสุด ทั้งรัฐบาลซีเรีย ทั้งรัฐบาลอิหร่าน ทั้งกลุ่มติดอาวุธเฮซบอเลาะห์ไม่ยอมเป็นเป้านิ่งอีกแล้ว และวางแผนเอาคืน

๑.ซีเรียยิงขีปนาวุธเข้าใส่ที่มั่นทางทหารของอิสราเอล ณ ที่ราบสูงโกลันเมื่อวาน ขีปนาวุธเข้าเป้า ทำให้เกิดเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว อิสราเอลรีบประกาศให้โกลันเป็นเขตห้ามบิน เช้าวันนี้ อิสราเอลส่งเฮลิคอปเตอร์เข้ามาโจมตีค่ายทหารซีเรียที่จังหวัด Qunaitrah กลับคืน

๒.มีข่าวว่ากลุ่มติดอาวุธเฮซบอเลาะห์วางแผนตอบโต้และเคลื่อนไหว อิสราเอลรีบปิดพรมแดนที่ประชิดเลบานอน สั่งถอนกองกำลังส่วนหน้าตามบริเวณชายแดนที่ติดกับเลบานอนออก กำหนดให้พื้นที่อิสราเอลที่ติดเลบานอนเป็นเขตห้ามบิน ตั้งด่านตรวจตามแนวชายแดน

๓.อเมริการีบส่งทหารของตนเข้าไปร่วมวางแผนรบกับอิสราเอลทันที บทบาทของอเมริกาตอนนี้คือสนับสนุน/เห็นชอบให้อิสราเอลส่งเครื่องบินรบไปทิ้งระเบิดถล่มซีเรียเป็นว่าเล่น พอซีเรียและเครือข่ายพันธมิตรตอบโต้ อเมริกาก็รับส่งทหารไปวางแผนช่วยดังที่เห็นในภาพ สรุปว่าทหารอเมริกันพร้อมจะรบและตายเพื่ออิสราเอล

สงครามระหว่างอิหร่าน ซีเรียและเฮซบอเลาะห์จับมือกันตอบโต้อิสราเอล เป็นสงครามที่มีความเป็นไปได้มากกว่าที่ทะเลจีนใต้และจะไม่เหมือนสงคราม ๖ วันซึ่งโลกมุสลิมประเมินอิสราเอลต่ำไปมากครับ

ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์

#เพจเก็บตกตะวันออกกลาง

 

สหรัฐรวบ "นักวิจัยทหารจีน" ผู้ต้องหาคดีโกงวีซ่า

เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลวอชิงตันสามารถจับกุมผู้ต้องหาหญิงชาวจีน ซึ่งต้องคดีให้ข้อมูลเท็จในการยื่นขอวีซ่าเข้าสหรัฐ เพื่อปกปิดความเชื่อมโยงกับกองทัพ แม้มีรายงานว่าเธอหลบซ่อนตัวอยู่ภายในสถานกงสุลที่เมืองซานฟรานซิสโก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 ก.ค.อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวหลายคนในกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ ว่าพนักงานสอบสวนจับกุมน.ส.ถัง เจวียน ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่รัฐบาลอวอชิงตันฟ้องร้องดำเนินคดีในข้อหา "ฉ้อโกงวีซ่า" ในคราบนักวิจัยแล้วแฝงตัวเข้าไปทำงานเป็นนักวิจัยตามมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกคน "มีความสัมพันธ์" กับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ( พีแอลเอ )

ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ของสหรัฐจับกุมน.ส.ถังได้อย่างไร เนื่องจากก่อนหน้านั้นมีกระแสข่าวว่าเธอหลบซ่อนตัวอยู่ภายในสถานกงสุลใหญ่จีนประจำเมืองซานฟรานซิสโก แต่แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า น.ส.ถังจะไม่ได้รับความคุ้มครองทางการทูตตลอดกระบวนการไต่สวน เนื่องจากเธอไม่ได้เดินทางเข้าสหรัฐในฐานะดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น โดยข้อมูลเบื้องต้นของรัฐบาลวอชิงตันระบุว่า น.ส.ถังเดินทางเข้ามาเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ปีที่แล้ว เพื่อทำงานเป็นนักวิจัยด้านโรคมะเร็งที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเดวิส และลาออกเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม น.ส.ถังกรอกข้อมูลในคำร้องยื่นขอวีซ่าว่าเธอ "ไม่เคย" รับราชการ เป็นสมาชิก หรือมีความเกี่ยวข้องในทางใดกับพีแอลเอ แม้ต่อมาสำนักงานสอบสวนกลาง ( เอฟบีไอ ) พบภาพถ่ายของเธอในเครื่องแบบทหารหญิงของพีแอลเอ ทว่าหญิงสาวยืนกรานปฏิเสธ โดยอ้างว่าเธอ "ไม่ทราบความหมาย" ของเครื่องแบบที่สวมใส่ แต่ "จำเป็น" ต้องถ่ายภาพในเครื่องแบบดังกล่าว เพื่อใช้สมัครเข้าศึกษาและทำงานที่สถาบันการแพทย์ของกองทัพ

ส่วนผู้ต้องหา 3 คนซึ่งถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกับน.ส.ถัง คือนายซ่ง เฉิน นายหวัง ซิน และนายจ้าว ไคไค ยังไม่เป็นที่กระจ่างมากนักเกี่ยวกับ "ตัวตนแท้จริง" ของแต่ละคน แต่หากศาลพิพากษาว่ามีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาทั้งหมดอาจเผชิญกับบทลงโทษจำคุกนานถึง 10 ปี และการปรับเป็นเงินอีก 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 7.9 ล้านบาท ) นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำผู้ต้องสงสัยมีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้ในเมืองอีก 25 แห่งของสหรัฐด้วย

Source: เดลินิวส์ออนไลน์: https://www.dailynews.co.th/foreign/786598

เพิ่มเติม
- FBI arrests Chinese researcher for visa fraud after she hid at consulate in San Francisco
https://www.cnbc.com/2020/07/24/chi...er-she-hid-at-consulate-in-san-francisco.html

 

3 รัฐใหญ่สุดของสหรัฐฯ กำลังวิกฤตสุด
.
1/ Financial Times รายงานว่า สหรัฐฯกำลังจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูที่ชาวอเมริกันจะป่วยเป็นไข้หวัด/ไข้หวัดใหญ่สูงสุดของปี
.
** ตอนนี้สหรัฐฯอยู่ในช่วงฤดูร้อน อยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม / ฤดูใบไม้ร่วง อยู่ในช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน (ฤดูที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวมากที่สุด) / ฤดูหนาว อยู่ในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ / ฤดูใบไม้ผลิ อยู่ในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม **
.
2/ แต่ขณะนี้ สหรัฐฯกำลังเผชิญสถานการณ์ไวรัสโควิดที่เลวร้าย โดยเฉพาะที่แคลิฟอร์เนีย เท็กซัส และฟลอริด้า สวนทางกับสถานการณ์ของบางประเทศในยุโรปและเอเชีย ที่มีสัญญาณดีขึ้น
.
3/ วัคซีนโควิด-19 คือสิ่งที่ชาวอเมริกันรอคอย แต่การผลิตวัคซีนของสหรัฐฯยังคงอยู่ในขั้นตอนการทดลอง และเกิดความล่าช้าขึ้น
.
4/ ขณะที่การตรวจคัดกรองชาวอเมริกัน เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกมา เป็นความสำคัญลำดับต้นๆในการป้องกันการแพร่ระบาด แต่จำนวนผู้เข้ารับการตรวจเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน และปัญหาสำคัญคือ ผลการตรวจว่าติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อ ล่าช้าเป็นสัปดาห์
.
5/ ผลการตรวจที่ล่าช้า สามารถตีความได้ว่า จำนวนจริงๆของผู้ติดเชื้อมีมากกว่าที่รายงานออกไปในแต่ละวัน และสหรัฐฯกำลังวางแผนควบคุมการระบาดจากสถิติที่ไม่ใช่สถิติจริงๆ
.
6/ ทางออกที่ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯแนะนำคือ ต้องหาวิธีตรวจที่รู้ผลเร็วขึ้น และเร็วกว่าวิธีปัจจุบันที่ใช้คือ วิธี Nasal Swab Tests การตรวจหาเชื้อในโพรงจมูก การเก็บตัวอย่างส่งตรวจจากการป้ายเยื่อบุในคอหรือป้ายเนื้อเยื่อหลังโพรงจมูก
.
7/ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ชี้ว่า สหรัฐฯต้องมีวิธีการตรวจแบบใหม่ที่เร็วขึ้น เพราะฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว กำลังใกล้เข้ามา ชาวอเมริกันจะเป็นหวัดกันเยอะมาก และเมื่อนั้น ความต้องการตรวจหาเชื้อโควิดก็จะมาขึ้นหลายเท่าตัว มากกว่าในเวลานี้
.
8/ บรรยากาศห้องแล็ปของบริษัทชื่อดังในสหรัฐฯ เช่น Quest และ LabCorp ที่ทำหน้าที่ตรวจผลโควิด มี ‘ตัวอย่างของผู้ป่วย’ เข้ามาทุกวัน ตลอด 24 ชม. และเกินกว่าที่จะรับมือไหว
.
9/ นโยบายการตรวจอาจจะถูกเปลี่ยน ไม่ใช่ใครก็ได้เข้ามาตรวจ เพราะต้องให้กลุ่มเสี่ยงได้รับการตรวจก่อน แต่ตอนนี้นโยบายของบางรัฐเช่น นิวยอร์ก ทุกคนมีสิทธิ์เข้ามาตรวจเมื่อไหร่ก็ได้
.
10/ อีกหนึ่งปัญหาคือ งบประมาณจากรัฐบาล เพราะบริษัท Quest คิดค่าตรวจตัวอย่างละ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าแพงเกินไป การเร่งการตรวจขึ้นอีกเท่าตัวเพื่อให้ได้ผลตรวจที่เร็วขึ้น จะต้องใช้งบประมาณอีกเท่าไหร่
.
11/ ทางออกอีกทางที่สหรัฐฯพอทำได้ และองค์การอาหารและยาสหรัฐฯอนุมัติให้ทำได้แล้วคือ การตรวจแบบรวมกลุ่ม (Pooled Testing) เป็นวิธีที่ห้องแล็ปจะทำการตรวจจากตัวอย่างหลายๆตัวในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา และได้ผลตรวจรวดเร็วขึ้นด้วย
.
⚫️ สถานการณ์โควิดในสหรัฐฯ : 3 รัฐใหญ่สุด วิกฤตสุด
.
1/ ศูนย์ข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯ ล่าสุด มีผู้ติดเชื้อทะลุ 4 ล้านคนแล้ว จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่งผ่านหลัก 3 ล้านเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมานี่เอง
.
2/ พื้นที่วิกฤตที่สุดคือ 3 รัฐใหญ่ของประเทศ ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย (วิกฤตในเขตเมืองลอสแอนเจลิส) รองลงมาคือ รัฐเท็กซัส และฟลอริดา
.
3/ สำหรับ 3 อันดับแรกของรัฐที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือ นิวยอร์ก นิวเจอร์ซี่ย์ และแมสซาชูเซตส์
.
ที่มา: www.ft.com/content/4c9b4ae0-0559-4fe2-8806-53c6a8e3ab3a
.
ขอบคุณภาพจาก...Getty Images / Photo by Spencer Platt
.

 

ท่องเที่ยวไทย 3 ล้านล้าน ถึง “จุดจบ” อย่างแท้จริง

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ ณัฏฐ์พิชญ์ วงษ์สง่า montien_dear@yahoo.com

ยอมรับว่านาทีนี้เริ่มใจคอไม่ดีแทนกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย เพราะถึงวันนี้ภาพรวมเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยยังไร้ซึ่งสัญญาณบวก และที่หนักคือ ดูเหมือนว่าจะมีแต่ “ปัจจับลบ” และต้องพึ่งพาตัวเอง เพราะ

1.ถึงเวลาที่ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบลูกจ้างเองแล้ว เพราะหมดเวลา 3 เดือนที่ประกันสังคมจ่ายชดเชยค่าแรงงาน 62% ให้ลูกจ้างแล้ว

2.แม้รัฐจะออกซอฟต์โลนมาอุ้มครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในสภาพความเป็นจริงผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าถึงซอฟต์โลนเพียงแค่ราว 10% เท่านั้น และ 3.เกือบ 100% ของผู้ประกอบการ “เงินทุนสำรอง” และ “กระแสเงินสด” หมดตั้งแต่ 3 เดือนแรกที่เกิดโควิดแล้ว

ตอนนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มี “ชีวิต” แต่แทบไม่เหลือ “ความหวัง” แล้ว ที่สำคัญ ไวรัสโควิดนั้นลากยาวกว่าที่ทุกฝ่ายคาดการณ์ไว้ และยังยากที่จะประเมินถึงจุดจบ ยิ่งรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเปิด “น่านฟ้า” ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เข้ามาได้เมื่อไหร่ “ความหวัง” ของผู้ประกอบการยิ่งมืดมิด

เพราะอะไร? คำตอบคือ ผู้ประกอบการทุกเซ็กเตอร์ลงทุนรองรับนักท่องเที่ยว “ต่างชาติ” เป็นหลัก โดยคำนวณจากแนวโน้มของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี ปีละ 8% บ้าง 10% บ้าง

เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปทั้งหมด หรือมากกว่า 70% ของภาพรวม นั่นหมายความว่า “ซัพพลาย” ในทุกเซ็กเตอร์เหลือมหาศาล ซึ่งในช่วงก่อนที่ไวรัสโควิดจะมาเยือน “ซัพพลาย” ในเมืองท่องเที่ยวหลักก็ล้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

การหันมากระตุ้นให้คนไทยเที่ยวภายในประเทศนั้นต่อให้จัดหนักแค่ไหน ก็ต้องยอมรับว่าชดเชยไม่ได้ ช่วยได้ก็เพียงแค่ “ประคอง” เท่านั้น

ผู้คร่ำหวอดในธุรกิจท่องเที่ยวรายหนึ่งบอกกับผู้เขียนว่า มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศทั้ง 2 โครงการในขณะนี้ดูเหมือนจะดี แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ช่วยได้เพียงแค่บางเซ็กเตอร์เท่านั้น

โดยกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์หลัก ๆ จากทั้ง 2 โครงการคือ โรงแรม, รถนำเที่ยว, ร้านอาหาร เท่านั้น

ส่วนบริษัททัวร์แทบจะไม่ได้รับอานิสงส์เลย แม้ว่าโครงการ “กำลังใจ” จะระบุว่าให้เดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัดทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากถอดใจ

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ?

จากที่คุยกับ “ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร” ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่าจากนี้ไปจะเห็นธุรกิจทยอยปิดตัวลงเรื่อย ๆ เพราะขาดสภาพคล่อง ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว บริษัททัวร์ ฯลฯ

และไม่มีทางที่รายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยในปีนี้จะมีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านบาท จากที่เคยทำรายได้ถึง 3 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมา

และปัญหาที่จะตามมาคือ แรงงานในภาคท่องเที่ยวจะต้องตกงานอีกมหาศาล ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงอยู่แล้วก็จะยิ่งดีดตัวสูงขึ้นไปอีก

ปรากฏการณ์ที่ผู้ประกอบการทยอยปิดตัวถาวร แรงงานตกงานเพิ่มเรื่อย ๆ นี้ จะเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าท่องเที่ยวไทย 3 ล้านล้านบาท กำลังจะถึงจุดจบ และ “ล้มละลาย” อย่างแท้จริง

 

โดยนายประยุทธ กล่าวว่า นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด(อสส.) ยังตรวจราชการที่อัยการภาค 4 จ.ขอนแก่น ซึ่งทางอัยการสูงสุดก็เพิ่งทราบเรื่องนี้จากข่าวที่ปรากฏทางสื่อ แต่ขณะนี้ได้สั่งการให้ตรวจสอบสำนวนข้อเท็จจริงของคดีแล้ว อย่างไรก็ตามคดีนี้เมื่อมีการสั่งคดีโดยพนักงานอัยการ ถ้าเป็นจริงอย่างที่เป็นข่าว และมีการเสนอให้ผบ.ตร.เห็นชอบด้วยโดยไม่แย้งนั้น นั่นก็หมายความว่าเป็นคำสั่งของอัยการที่ไม่ใช่อัยการสูงสุด

"ผมเองก็เพิ่งทราบจากอัยการสูงสุดเหมือนกันว่า ท่านเองก็ไม่ทราบเรื่องมาก่อน และก็ได้สั่งการด่วนให้มีการตรวจสอบ เพราะฉะนั้นในขั้นตอนนี้ก็ต้องเรียนว่ายังไม่ทราบรายละเอียดข้อเท็จจริงที่สั่งไม่ฟ้อง"

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ทางรองโฆษกฯเคยแถลงข่าวถึงความคืบหน้าคดี ไม่ได้มีการตรวจสอบสำนวนว่า ปลายเดือนมิ.ย.มีการสั่งฟ้องหรือไม่ นายประยุทธ กล่าวว่า "ผมไม่ทราบจริงๆ ขอยืนยันว่าไม่เห็นสำนวนที่สั่งไม่ฟ้องเมื่อใดและเป็นอย่างไร ขอตรวจสอบก่อนว่าเป็นความจริงหรือไม่ และสั่งเมื่อไหร่ มีเหตุผลอย่างไร"

เมื่อถามว่า สังคมมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการมุบมิบพูดคุยตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.ของทางตำรวจและอัยการ โดยไม่มีแถลงเรื่องนี้ แต่เกิดจากสื่อซีเอ็นเอ็นทราบและเสนอข่าว จึงเป็นที่มาสื่อไทยติดตามเสนอข่าว นายประยุทธ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น แต่จริงๆจริง เวลาที่มีการสั่งสำนวนของพนักงานอัยการไม่จำเป็นต้องไปแถลงข่าวให้เป็นที่ปรากฏทุกเรื่อง แต่ในขณะเดียวกันถ้าสื่ออยากรู้ ประเด็นไหน คดีไหนเป็นอย่างไร ก็เป็นหน้าที่อัยการชี้แจงกับสื่อมวลชนและสังคมอยู่แล้ว แต่เรียนว่าการสั่งสำนวนของอัยการจังหวัดทั่วประเทศมีจำนวนในประเทศก็ไม่ได้มาแถลง แต่เรื่องนี้เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่สำคัญสังคมให้ความสนใจต้องขอตรวจสอบก่อน ทั้งนี้ เชื่อว่าเมื่อทางสำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วก็จะได้มีการแถลงต่อสื่อมวลชนและสื่อสารไปยังสังคมอย่างแน่นอน

พิธีกรข่าวถามอีกว่า คดีนี้มี 5 ข้อหา แต่ขณะนี้หลุด 4 ข้อหาแล้ว ส่วนที่เหลือ 1 ข้อหาก็สั่งไม่ฟ้อง เป็นเรื่องที่มีความผิดปกติหรือไม่ นายประยุทธ กล่าวว่า กล่าวอย่างนั้นไม่ได้ เพราะการสั่งสำนวนนั้น หลักการก็คือว่าไปตามพยานหลักฐาน ข้อกฏหมายและข้อเท็จจริงทางคดี หากมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเป็นจริงอย่างที่ปรากฏบนสื่อ แต่แน่นอนว่าเมื่อทางอัยการสั่งไม่ฟ้องนั้นกฏหมายบอกว่าต้องเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถ้าไม่ถูกต้องทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฏหมายหรือทั้งเหตุผล ท่านก็ต้องแย้งอยู่แล้ว แต่การสั่งสำนวนอย่างที่ผมได้ทราบตอนสื่อมวลชนนำเสนอ

"สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลง ท่านพูดถูกต้องเรื่องการสั่งสำนวน นั้นบางทีพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริงในสำนวนไม่ตรงกับสำนวนตามที่เป็นข่าว ทั้งนี้ ขอตรวจสอบก่อน ผมก็รู้สึกตกใจที่ช่วงตี 5 หกโมงเช้าสื่อไม่เคยโทรมากระหน่ำขนาดนี้ 300-400 สาย ก็รู้ว่าน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ ขณะนี้ผมอยู่จ.ขอนแก่น จะเดินทางกลับวันอาทิตย์แล้วจะตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อเสนอสื่อมวลชนและสังคมต่อไป"

เมื่อถามอีกว่า ผบ.ตร.ยังมีเวลาที่จะเห็นแย้งอัยการหรือเห็นด้วยระยะเวลาอีกนานแค่ไหนขณะที่คดีความอายุ 2570 นายประยุทธ กล่าวว่า "ผมพูดในแง่มิติกฎหมายสำหรับกระบวนการสั่งคดีนี้ ถ้าพนักงานอัยที่สั่งคดีไม่ใช่อัยการสูงสุดนั้นตามกฏหมายกำหนดว่า ถ้าอยู่ในกทม. ต้องเสนอสำนวนไปที่ผบ.ตร. หากเห็นพ้องต้องกันก็ถือคำสั่งนั้นเป็นที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่ฟ้อง แต่ถ้าผบ.ตร.เห็นแย้งสำนวนนั้นก็จะถูกส่งต่อไปให้อัยการสูงสุดชี้ขาด ซึ่งคดีนี้ทางผบ.ตร.เห็นพ้องกับอัยการก็เป็นที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่ฟ้อง

ส่วนที่ถามว่า อายุความที่เหลือนั้นมีผลอย่างไร รองโฆษกอัยการ กล่าวว่า การที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนั้นต่างกับคำพิพากษาเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของศาล ถ้าผู้พิพากษาตัดสินเด็ดขาดแล้วเรื่องนั้นจะรื้อฟื้นเอามาฟ้องกันอีกไม่ได้ ขณะที่ชั้นอัยการถ้าหากมีหลักฐานและข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปหรือมีเหตุผลควรจะเชื่อได้ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่อัยการสั่งมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องหรือตำรวจเห็นพ้อง ก็สามารถที่จะหยิบยกคดีขึ้นมาพิจารณาได้อีกภายในอายุความ โดยในกรณีที่มีพยานหลักฐานใหม่ และผู้เสียหายสามารถไปฟ้องได้ภายในอายุความ ซึ่งกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องไม่ได้ห้ามเหมือนกรณีศาลตัดสิน แต่ถ้าศาลตัดสินแล้วไม่สามารถไปฟ้องซ้ำได้

เมื่อถามว่า ทำไมอัยการที่มีคำสั่งไม่ฟ้องจึงเป็นคนเดียวกับที่สั่งไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงินของนายพานทองแท้ ลูกอดีตนายกฯ นายประยุทธ กล่าวว่า ผมตรวจสอบก่อน ยังไม่ทราบ ซึ่งอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบรายละเอียดแล้ว”

 

#ข่าวร้อนในญี่ปุ่น วันนี้ 25 ก.ค. 2020 ญี่ปุ่นพบการระบาดแบบคลัสเตอร์ของโควิด-19 ในเลานจ์ และ ร้านอาหารที่มีการแสดงมายากลในเมืองฮามามัทสึ จังหวัดชิสึโอกะ โดยหลังตรวจ PCR 150 คน พบติดโควิด-19 กว่า 30 คน รวมถึงนักมายากล 1 คนด้วย ทั้งหมดเป็นวัยรุ่นถึง 50 ปี
.
โดยเลานจ์ชื่อว่า Brillia ในเมือง Tamachi และร้าน Tejinaya โดยส่วนใหญ่ มีอาการไม่รุนแรงหรือแทบไม่มีอาการเลย
.
ขอบคุณข้อมูลจาก

 

#เกาะติดสถานการณ์โคโรนาไวรัสในญี่ปุ่น ⭕ สรุปยอดผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่น ณ วันที่ 25 ก.ค. 2020 เวลา 20.20 ตามเวลาในญี่ปุ่น
.
⭕ ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมด 29,724 (เพิ่มจากรายงานเมื่อวาน 794 คน)
รักษาหาย 21,650
เสียชีวิต 997
ยังป่วยอยู่ 7,077
.
⭕ แยกรายจังหวัด:
◾ โตเกียว 10,975 (เสียชีวิต 328) +295
◾ โอซาก้า 3,047 (เสียชีวิต 88) +132
◾ คานากาวะ 2,199 (เสียชีวิต 98) +18
◾ ไซตามะ 2,031 (เสียชีวิต 71) +35
◾ ชิบะ 1,444 (เสียชีวิต 46) +21
◾ ฮอกไกโด 1,368 (เสียชีวิต 103) +8
◾ ฟุกุโอกะ 1,303 (เสียชีวิต 33) +51
◾ ไอจิ 1,012 (เสียชีวิต 34) +78
◾ เฮียวโกะ 965 (เสียชีวิต 45)
◾ เกียวโต 644 (เสียชีวิต 18) +4
◾ อิชิคาวะ 310 (เสียชีวิต 27)
◾ ฮิโรชิมะ 252 (เสียชีวิต 3) +7
◾ อิบารากิ 239 (เสียชีวิต 10)
◾ โทยามะ 235 (เสียชีวิต 22)
◾ กิฟุ 220 (เสียชีวิต 7) +4
◾ คาโกชิมะ 211 +8
◾ นารา 194 (เสียชีวิต 2) +4
◾ โอกินาวะ 186 (เสียชีวิต 7) +14
◾ กุนมะ 179 (เสียชีวิต 19) +2
◾ โทชิงิ 159 +8
◾ ชิกะ 152 (เสียชีวิต 1) +7
◾ มิยางิ 142 (เสียชีวิต 1) +2
◾ ฟูกูอิ 127 (เสียชีวิต 8)
◾ ชิสึโอกะ 130 (เสียชีวิต 1)
◾ วากายามะ 116 (เสียชีวิต 3) +4
◾ นิกาตะ 91
◾ นากาโนะ 88 +1
◾ ฟุกุชิมะ 86
◾ ยามานาชิ 85 (เสียชีวิต 1) +1
◾ เอฮิเมะ 84 (เสียชีวิต 5)
◾ โคจิ 78 (เสียชีวิต 3)
◾ ยามากาตะ 75 (เสียชีวิต 1)
◾ ซากะ 64 +9
◾ มิเอะ 63 (เสียชีวิต 1) +2
◾ โออิตะ 60 (เสียชีวิต 1)
◾ คุมาโมโตะ 58 (เสียชีวิต 3) +1
◾ โอคายามะ 58 +10
◾ นางาซากิ 51 (เสียชีวิต 1)
◾ ยามากุจิ 46
◾ คากาวะ 45
◾ มิยาซากิ 40 +9
◾ อาโอโมริ 31 (เสียชีวิต 1)
◾ ชิมาเนะ 28 +2
◾ อคิตะ 16 +1
◾ โทคุชิมะ 12 (เสียชีวิต 1) +1
◾ ทตโตริ 6 +1
.
⭕ จังหวัดเดียวที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเลย
◾ อิวาเตะ
.
สภาพบ้านเมืองคนญี่ปุ่นในปัจจุบันหลังประกาศยกเลิกสภาวะฉุกเฉิน ใช้ชีวิตแบบ New Normal เป็นอย่างไร

.
ขอบคุณที่ติดตามครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก News Digest
แค่กด see first หรือ “ดูเป็นอันดับแรก” ก็จะไม่พลาดทุกข่าวสาร
.
#ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น #เที่ยวญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น #ข่าวร้อนในญี่ปุ่น #corona #ไวรัส #โคโรนา #โคโรน่า #โควิด #covid19 #virus #covid #ยอดรวมผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่น