ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว มากินผักดองกันเถอะ!!! ล่าสุด มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศสเสนอว่า ในกะหล่ำปลีดองมีฤทธิ์ช่วยลดระดับ ACE2 ซึ่งเป็นเอนไซม์ในเยื่อบุเซลล์ที่มักจะอยู่ในปอด โดยตัวเอนไซม์นี้เองเป็นสิ่งที่เชื้อโคโรนาไวรัสที่ก่อโรค COVID-19 มักจะใช้เป็นช่องทางเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ อนึ่ง เมื่อคนเรารับประทานกะหล่ำปลีดองเข้าไปแล้วจะลดจำนวนเอนไซม์ ACE2 ซึ่งทำให้ไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้ยากขึ้น

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศสค้นพบความเกี่ยวกับทางสถิติระหว่างกลุ่มประเทศที่กินผักมากโดยเฉพาะผักแบบหมักหรือดองมักจะมีอัตราการเสียชีวิตจาก COVID-19 น้อยกว่า ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าผักดองอย่าง กิมจิ (Kimchi) หรือ ซาวเออร์เคราต์ (Sauerkraut) อาจจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ได้

    ** ฌอง บูสเกต ศาสตราจารย์เกียรติคุณด้านแพทย์ศาสตร์ทางปอดมหาวิทยาลัยมงเปลลิเยร์ ประเทศฝรั่งเศส (ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นประธานสหพันธ์โลกเพื่อหยุดยั้งโรคทางเดินหายใจซึ่งเป็นองค์กรด้านการวิจัยที่อยู่ภายใต้การดูแลขององค์การอนามัยโลก) แนะนำให้ผู้คนหันมาเพิ่มผักดองในอาหารเช้าของพวกเขา และกล่าวว่า "มีคนให้ความสนใจน้อยมากเกี่ยวกับเรื่องความเกี่ยวโยงกันระหว่างการระบาดและความรุนแรงของไวรัสเทียบกับอาหารที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค แต่การเปลี่ยนแปลงเรื่องอาหารการกินก็อาจจะส่งผลดีอย่างมากได้".
    -----------------------------------------------------------
    อ่านต่อ : https://prachatai.com/journal/2020/07/88683

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว ผลการศึกษาของ Johannes Bodo Heekerens และ Michael Eid นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Freie University ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน พบว่า Best Possible Self Intervention ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ ลดความเครียด ลดความสับสนของเป้าหมายที่วางไว้ และสามารถสร้างความหวังที่ดีในอนาคตของตัวเองได้ ซึ่งจะเห็นผลทันทีหรือเห็นผลหลังจากเขียนจินตนาการเสร็จไม่เกินหนึ่งสัปดาห์

    Best Possible Self Intervention คือชื่อเรียกของการฝึกพัฒนาตัวเองเพื่อปรับอารมณ์และลดความเครียด โดยใช้เวลาว่างเพียง 10 นาทีจินตนาการถึงเป้าหมายที่ประสบความสำเร็จในอนาคตของชีวิตคุณ ทั้งเรื่องการงาน การเรียน การเงิน หรือแม้แต่ความรัก จากนั้นให้เขียนอธิบายอย่างละเอียดลงบนกระดาษอะไรก็ได้ ทั้งนี้ แม้ในขณะนี้ยังไม่มีการวิจัยต่อไปว่า หากฝึกทำ Best Possible Self Intervention เป็นประจำทุกสัปดาห์จะส่งผลดีในระยะยาวมากกว่าการฝึกทำแบบครั้งคราวหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามการฝึกนี้ก็ส่งผลดีกับตัวเราแน่นอน.
    -----------------------------------------------------
    อ่านต่อ : https://brandinside.asia/bps-techni...UaSkGwv57imPA2Vs8Se3UfmAaN915h0hIzfJfKkiV26RU

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว ผงะ!!! กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) เผยรายงานสถานการณ์ประชากรโลกประจำปี 2020 โดยพบข้อมูลที่น่าตกใจว่า แต่ละปีมีการทำแท้งทารกเพศหญิงกว่า 40,800 รายในเวียดนาม อันเนื่องมาจากวัฒนธรรมการให้ความสำคัญกับเพศชาย

    ** ปัญหาความไม่สมดุลของเพศในเวียดนามเริ่มมีแนวโน้มมาตั้งแต่ปี 2004 และเด่นชัดขึ้นนับตั้งแต่ปี 2005 โดยข้อมูลสำมะโนประชากรของปี 2019 ระบุว่า มีอัตราส่วนทารกเพศชายต่อทารกเพศหญิงอยู่ที่ 111.5 ต่อ 100 คน ขณะที่อัตราส่วนทางเพศตามธรรมชาติอยู่ที่ 105 ต่อ 106 คน ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ความไม่สมดุลระหว่างเพศในเวียดนามเกิดจากค่านิยมเลือกเพศทารกที่ให้ความสำคัญกับเพศชายมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น ทำแท้งหากเป็นทารกเพศหญิง เลือกเพศตัวอ่อนทารกก่อนนำมาฝังในมดลูก คัดเลือกสเปิร์มสำหรับทำเด็กหลอดแก้ว ส่งผลให้ทารกหญิงถูกทำแท้งราว 40,800 คนต่อปี

    โดยเรื่องนี้ นาโอมิ คิตะฮะระ ตัวแทนจาก UNFPA ประจำเวียดนามระบุว่า เมื่อผู้ชายมีมากกว่าผู้หญิง ปัญหาสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับเพศจะเกิดขึ้น อาทิ การข่มขืน การคุกคามทางเพศ แสวงหาประโยชน์ทางเพศ การค้ามนุษย์ และการแต่งงานกับเด็ก ทั้งนี้ ทั่วโลกมีการทำแท้งทารกเพศหญิงราว 1.18 ล้านคนต่อปี โดย 666,300 รายอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ (รวมไต้หวันและฮ่องกง) และ 461,500 อยู่ในอินเดีย.
    ---------------------------------------------
    อ่านต่อ : https://www.posttoday.com/world/628...dwcnhDSHJJrWm85BRBi8LybvIp14MXwpCk5YTM9yik3js

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ซาวเสียงกันหน่อย คิดเห็นอย่างไร!!?? หากสถานศึกษาทั่วไทยห้ามจำหน่ายอาหาร-น้ำอัดลม-เครื่องดื่มที่มีรสหวาน เพื่อป้องกันเด็กฟันผุ

    ** จากการสำรวจนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาทั่วประเทศ เกี่ยวกับสุขภาพทางช่องปากพบว่า มีเด็กนักเรียนฟันผุในระยะเป็นรูถึงร้อยละ 50 เฉลี่ย 1-2 ซี่/คน

    เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายณัฐพงศ์ ดิษยบุตร ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กทม. เปิดเผยว่า กทม.ได้กำชับสถานศึกษากำกับดูแลในเรื่องการจำหน่ายอาหารว่าง-เครื่องดื่มในโรงเรียน โดยห้ามจำหน่ายน้ำอัดลม อาหารกรุบกรอบ ลูกอมทุกชนิด อาหารประเภทปิ้งย่างที่ไม่สะอาดมีโภชนาการต่ำและไม่ปลอดภัยให้เป็นไปตามระเบียบ ซึ่งอาหารจะต้องมีคุณค่าตามหลักโภชนาการ สะอาด และปลอดภัยแก่นักเรียน พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจเรื่องการจำหน่ายอาหารแก่บุคลากรและร้านค้าทั้งในโรงเรียนและบริเวณรอบโรงเรียน ตลอดจนให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครู อาจารย์ อบรมให้ความรู้แก่นักเรียนในการเลือกซื้ออาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ พร้อมให้คำแนะนำนักเรียนหลีกเลี่ยงการซื้ออาหารเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์โดยเฉพาะบริเวณรอบโรงเรียนด้วย.

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว อิหยังวะ!!?? #ต้องจับตา #อย่าปล่อยผ่าน ศาลปกครองระยอง อ้างเหตุ-หน่วยงานรัฐฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมดีแล้ว จึงพิพากษายกฟ้องคดีที่ สมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็กระยองและประชาชน 454 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง, คณะกรรมการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน (กปน.), กรมเจ้าท่า, กรมประมง, กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และ กรมควบคุมมลพิษ รวม 6 หน่วยงาน-ฐานไม่ได้ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสม ด้านกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านยืนยัน-ผลกระทบน้ำมันรั่วยังชัดเจน กว่า 80% ของน้ำมันรั่วยังปนเปื้อนอยู่ก้นสมุทรจนทะเลระยองทำประมงไม่ได้

    “สาเหตุที่ทะเลระยองยังไม่ฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์กลับมาก็เพราะว่า บริษัทผู้รับผิดขอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้จัดการทำความสะอาดคราบน้ำมันที่รั่วไหลลงทะเลอย่างเหมาะสม มุ่งเน้นแต่เพียงจัดการคราบน้ำมันที่ลอยไปเกยหาดเกาะเสม็ดเท่านั้น แต่คราบน้ำมันอีกกว่า 80% ยังคงจมอยู่ใต้ท้องอ่าวระยอง” บรรเจิด ล่วงพ้น ประธานเครือข่ายประมงพื้นบ้านโบสถ์ญวน หนึ่งในโจทก์ผู้ฟ้องคดี ระบุ

    ** นับตั้งแต่เหตุน้ำมันรั่วเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา สัตว์น้ำในทะเลระยองที่เคยมีมากมายถึง 80 ชนิดหายไปเกือบหมด สัตว์น้ำที่เหลืออยู่ก็มีสภาพผิดปกติไป ไม่รู้ว่าเป็นอันตรายหากบริโภคหรือไม่ ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านต้องเสี่ยงภัยนำเรือเล็กที่มีออกไปหาปลาไกลขึ้น ทำให้ต้นทุนการประกอบอาชีพสูงขึ้น การหาปลาในทะเลเปิดยังอันตรายอย่างยิ่ง ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านระยองต้องเสียชีวิตจากคลื่นลมและพายุแล้วหลายคน “นับตั้งแต่เหตุน้ำมันรั่ว เราพบเต่าทะเลตายกว่า 200 ตัวในพื้นที่อ่าวระยอง อีกทั้งยังพบก้อน tarball ลอยมาเกยหาดทุกปี บ่งชี้ว่าสภาพสิ่งแวดล้อมอ่าวระยองยังคงปนเปื้อนมลพิษอย่างหนัก ผิดกับคำชี้แจงของทางภาครัฐที่บอกว่าได้ทำความสะอาดคราบน้ำมันและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมเป็นอย่างดีแล้ว”.
    ----------------------------------------------
    อ่านต่อ : https://greennews.agency/?p=21450&f...fLb0QtFqIRwvBtfb45Y7L3bJ71jsRxYh7CGcXX_Zq6IGA

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว เวียดนามนำลิ่วไปจ้ะ!!! เมื่อเร็วๆ นี้ นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยครึ่งปีแรกของปี 2563 ว่า ไทยส่งออกข้าวไปแล้วปริมาณ 3.14 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่า 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 12 ส่งผลให้การส่งออกของไทยตกเป็นอันดับ 3 ของโลกรองมาจากอินเดียและเวียดนามตามลำดับ

    สาเหตุที่การส่งออกลดลงเป็นผลมาจากปัญหาภัยแล้งทำให้ผลผลิตข้าวลดลง การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่กระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคลดลงและค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่ง ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน ประกอบกับพันธุ์ข้าวไทยในปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมของผู้บริโภค จึงส่งผลให้ประเทศผู้ซื้อรายสำคัญอย่างฟิลิปปินส์และมาเลเซียหันไปซื้อข้าวจากเวียดนามเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะข้าวพันธุ์พื้นนุ่ม ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด

    ** สมาคมฯได้ปรับลดคาดการณ์ปริมาณส่งออกข้าวปี 2563 ลงจากเดิม 7.5 ล้านตัน เป็น 6.5 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ต่ำสุดในรอบ 20 ปีนับตั้งแต่ปี 2543 ที่มีการส่งออกข้าวปริมาณ 6.148 ล้านตัน.

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เปิดเผยว่า ขบวนการลักลอบล่า-ค้าสัตว์ป่าข้ามชาติยังคงเป็นภัยคุกคามใหญ่ต่อความอยู่รอดของสัตว์และพืชหายากหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวลิ่น ชิ้นส่วนเสือ และไม้พะยูง ทั้งยังก่อปัญหาความรุนแรงและเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคระบาดใหม่ ย้ำ-ทุกประเทศต้องยกระดับกระบวนการยุติธรรมให้เข้มแข็งขึ้นเพื่อร่วมกันปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ

    ** นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 – พ.ศ.2562 มีการตรวจยึดซากและชิ้นส่วนสัตว์และพืชหายากราว 6,000 ชนิดพันธุ์ รวมกว่า 180,000 รายการ ที่ถูกลักลอบล่าค้าโดยเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่โยงใยกว่า 150 ประเทศทั่วโลก

    ข้อมูลจากรายงานดังกล่าว นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงความร้ายแรงของปัญหาการลักลอบล่าค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อทุกๆ ประเทศ ทั้งทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ความมั่งคง และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ยังสร้างความเสี่ยงโรคระบาดอุบัติใหม่ที่เกิดจากการเกิดการกระโดดข้ามของโรคระบาดจากสัตว์ป่าสู่มนุษย์ ดังเช่นการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลกในปี้นี้.
    ----------------------------------------
    อ่านต่อ : https://greennews.agency/?p=21431&f...nYjwFBPs7EzalTTHA2MVLHGXoJjW9BEtCumg3JMlNNLoY

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว เสียเวลาชีวิตกันไปเท่าไหร่แล้วกับปัญหารถติด!!! จากการสำรวจความแออัดในการจราจรของเมืองต่างๆ ทั่วโลก ประจำปี 2019 โดย INRIX พบว่า กรุงเทพมหานคร ติดอันดับ 3 เมืองที่คนเสียเวลาบนท้องถนนมากที่สุดในเอเชีย (อันดับ 33 เมืองที่มีการจราจรแออัดที่สุดในโลก) โดยคนเสียเวลาบนท้องถนนในกรุงเทพฯเฉลี่ย 90 ชั่วโมง/ปี

    5 เมืองแรกในเอเชียที่คนเสียเวลาบนท้องถนนมากที่สุดคือ 1) อิสตันบลู ประเทศตุรกี 153 ชม./ปี 2) จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย 150 ชม./ปี 3) กรุงเทพฯ ประเทศไทย 90 ชม./ปี 4) เดนปาซาร์ ประเทศอินโดนีเซีย 59 ชม./ปี และ 5) มาลัง ประเทศอินโดนีเซีย 56 ชม./ปี.
    ------------------------------------------------
    อ่านต่อ : https://www.bltbangkok.com/bangkok-...z9TPhuXZPoGazcrfQDBM4ioEGqWEtpv7Hzzxd7awpc5GY

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว การสำรวจประชากรญี่ปุ่นล่าสุดเผยว่า 1 ใน 4 ต้องการเห็นการแข่งขันโอลิมปิกซึ่งเลื่อนจัดการแข่งขันเพราะการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเว็ปไซต์ japantoday เผยผลสำรวจประชากรญี่ปุ่นทั่วประเทศพบว่า มีเพียง 23.9% เท่านั้นที่ต้องการให้มีการจัดการแข่งขันโอลิมปิก TOKYO 2020 ซึ่งเลื่อนจัดออกไปในปีหน้า ส่วนสำนักข่าว kyodo เผยผลสำรวจว่า 36.4% คิดว่าการจัดการแข่งขันเกิดความล่าช้าต่อไป และ 33.7% คิดว่าควรยกเลิกการแข่งขัน TOKYO 2020 เพราะกังวลถึงการติดเชื้อในระลอก 2.
    --------------------------------------------------------------
    อ่านต่อ :

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว ปั่นหนีโรค!!! ผลสำรวจทางออนไลน์ซึ่งเผยแพร่โดยสำนักข่าวญี่ปุ่น Kyodo News เผย-ประชาชนชาวโตเกียวประมาณ 1 ใน 4 ใช้รูปแบบการเดินทางไปทำงานด้วยการปั่นจักรยาน เพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนในช่วงระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 (นักธุรกิจ 23.0% จาก 500 คนในโตเกียวที่ปั่นจักรยานไปทำงานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน กล่าวว่า ได้เริ่มเดินทางด้วยจักรยานหลังจาก COVID-19 เริ่มระบาด) อนึ่ง 95.7% ของผู้ที่เพิ่งเริ่มเดินทางไปทำงานด้วยจักรยานระบุว่า การเดินทางด้วยจักรยานนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ รถไฟ และรถโดยสาร ซึ่งเข้าข่ายเป็นสถานที่ปิด มีความแออัด และมีคนพลุกพล่าน ซึ่งควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

    ผู้ตอบแบบสำรวจ 88.0% เปิดเผยว่า รู้สึกมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ COVID-19 น้อยลง เมื่อใช้จักรยานในการเดินทาง.

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้เห็นเด็กๆกลับไปเรียนหนังสือ ในแบบที่ควรจะเป็น ก่อนที่จะเห็นชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศ หรือ เกิดการระบาดรอบ 2
    Cr หมอจิรรุจน์

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว ไม่มีโลก-ไม่มีเรา!!! ล่าสุด Apple ประกาศ-ตั้งเป้าหมายว่าจะลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในทุกๆ กระบวนการให้เป็นศูนย์ (Carbon Neutral: ยังมีการปล่อยคาร์บอนฯอยู่ แต่ชดเชยในกระบวนการอื่นๆ จนหักลบแล้วไม่เหลือการปล่อยคาร์บอนฯเลย) ภายในปี 2030 หรืออีก 10 ปีนับจากนี้ จากที่แต่เดิม Apple เคยประกาศว่า งานด้านการบริหารของ Apple ปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์อยู่แล้ว แสดงว่า Apple มีความต้องการที่จะลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิตทั้งหมดด้วย

    การทำอุตสาหกรรมที่ต้องผลิตสินค้าจำนวนมากย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเลี่ยงไม่ได้ คำถามที่น่าสนใจคือ ทำไม Apple จึงหันมาสนใจปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่ง Apple เคยอธิบายว่า "ปัญหาด้านสภาพอากาศที่มีความรุนแรงที่เกิดจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่กระทบต่อกระบวนการผลิตสินค้าของ Apple ทั้งการผลิตชิ้นส่วนและการประกอบ รวมถึงกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน Apple เองด้วย ซึ่งผลคือ Apple อาจไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทันตามกำหนดที่วางไว้ แน่นอนว่าการไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามกำหนดย่อมส่งผลต่อยอดขายของบริษัทด้วยเช่นกัน" เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ ที่ให้ความสนใจประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมเช่นกัน เช่น Microsoft ที่ประกาศว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหลือศูนย์ ภายในปี 2030 และ Amazon ภายในปี 2040.
    ----------------------------------------------------
    อ่านต่อ : https://brandinside.asia/apple-plan...TxmSC2hG-OD_GDOqdVdCHB_kMXwz6pVYifNntsHUI0Rc0

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แห่วีรกษัตริย์
    “พระเจ้าไซยะเชดถาทิลาด”
    สู่แขวงอัตตะปือ
    ***
    เช้าวันที่ 27 ก.ค.2563 ขบวนแห่รูปหล่อองค์สมเด็จพระเจ้าไซยะเชดถาทิลาด และช้างมงคล ได้เคลื่อนพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ สู่แขวงบอลิคำไซ
    28 ก.ค. เคลื่อนสู่แขวงสะหวันนะเขต 29 ก.ค. แขวงสาละวัน 30 ก.ค. แขวงจำปาสัก และ 31 ก.ค.- 1 ส.ค. ถึงลานอนุสาวรีย์ เมืองไซเชดถา แขวงอัตตะปือ ประกอบพิธีประดิษฐาน และสมโภช
    ***
    ดินแดนล้านช้าง พระเจ้าไซยะเชดถาทิลาด เป็นหนึ่งในวีรกษัตริย์ ผู้ยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยความปรีชาสามารถ ฉลาดหลักแหลม เด็ดเดี่ยวเหนียวแน่น มีน้ำใจเสียสละอันสูงส่ง เพื่อความสุขของราษฎร แต่เหนือจรดใต้
    ***
    ปวงชนลาว ภายใต้การชี้นำของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ได้ยกย่องสรรเสริญพระองค์ เป็นมหาราช องค์ที่ 2 ต่อจากเจ้าฟ้างุ้มมหาราช
    ลาวยุคใหม่ ได้จัดสร้างอนุสรณ์สถานแก่พระมหากษัตริย์ลาว 3 พระองค์คือ พระเจ้าฟ้างุ้ม ,พระเจ้าไซยะเชดถาทิลาด และพระเจ้าอานุวง ผู้กอบกู้ลาวล้านช้าง
    ***
    ผู้เป็นเจ้าศรัทธาในการก่อสร้างอนุสาวรีย์พระเจ้าไซยะเชดถาทิลาด ทรงช้าง ณ บ้านทรายขาว เมืองไซเชดถา แขวงอัตตะปือ คือ ท่านจูมมะลี ไซยะสอน อดีตประธานประเทศ สปป.ลาว

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เขื่อนน้ำเทิน 1
    อีก 2 ปี เดินเครื่อง
    ส่งไฟป้อน กฟผ.
    ***
    เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2563 ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ค Lobsang Yolmoo ได้โพสต์ภาพการก่อสร้างเขื่อนน้ำเทิน 1 เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ ซึ่งเป็นโครงการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่
    ***
    เดิมทีเขื่อนน้ำเทิน 1 จะเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2552 แต่ติดเรื่องปัญหาเงินทุน จึงพักโครงการไว้จนถึงปี 2555 จึงมีการปัดฝุ่นโครงการนี้มาดำเนินการต่อตามแผนเขื่อนผลิตไฟฟ้าน้ำเทิน-น้ำกะดิ่ง
    ***
    เขื่อนน้ำเทิน 1 ตั้งอยู่บนแม่น้ำกะดิ่ง กำลังการผลิต 640 เมกะวัตต์ ดำเนินการโดยบริษัท ไฟฟ้าน้ำเทิน 1 จำกัด เป็นการร่วมทุนระหว่าง เอ็กโก้กรุ๊ป(ไทย) ร้อยละ 25 บริษัท พอนสัก กรุ๊ป ร้อยละ 60 และบริษัทอีดีแอล ร้อยละ 15
    ***
    เอ็กโก้ กรุ๊ป กู้เงินธนาคารพาณิชย์ในไทย เพื่อดำเนินการก่อสร้างเขื่อน มีมูลค่าประมาณ 30,800 ล้านบาท
    ***
    ปี 2560 ไฟฟ้าน้ำเทิน 1 เซ็นสัญญาขายไฟให้ กฟผ. 514.3 เมกะวัตต์ และขายให้การไฟฟ้าลาว 130 เมกะวัตต์ มีอายุสัญญา 27 ปี นับแต่วันเดินเครื่อง ปี 2565
    ***
    ปัจจุบัน บริเวณป่าสงวนลุ่มน้ำเทิน น้ำกะดิ่ง และน้ำหินบูน มีการก่อสร้างเขื่อนไปแล้ว 4 แห่งคือ เขื่อนน้ำเทิน 1 เขื่อนน้ำเทิน 2 เขื่อนเทินหินบูน และเขื่อนหินบูนส่วนต่อขยาย
    ***
    ขอบคุณภาพ
    Lobsang Yolmoo

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นอนหลับฝันดีครับ ราตรีสวัสดิ์
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชีวิตสุดฮิป! สองสามีภรรยา สร้างบ้านบนเกาะลอยน้ำที่สร้างขึ้นเอง
    จากของเหลือใช้ ใช้ไฟโซลาร์ จับปลา ปลูกผักในสวน ใช้ชีวิตสุดสงบกลางป่า

    เห็นแล้วถึงกับต้องนึกถึงโรงเรียนลอยน้ำจากหนังเรื่อง “คิดถึงวิทยา” เลยทีเดียว แต่สิ่งก่อสร้างลอยน้ำนี้ไม่ใช่โรงเรียนนะ มันเหมือนเป็นป้อมปราการลอยน้ำขนาดย่อมที่สองสามีภารรยาชาวแคนาดาร่วมกันสร้างมากกว่า เพราะที่นี่มีทั้งพื้นที่สำหรับอยู่อาศัย วิ่งเล่น ปลูกผัก และอีกหลายกิจกรรมที่ทุกคนอาจจะคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

    Catherine King และ Wayne Adams สองสามีภรรยาร่วมกันลงมือลงแรงกว่า 24 ปี ต่อเติมและสร้างบ้านลอยน้ำ ‘Freedom Cove’ ที่มีครบทุกอย่างนี้ขึ้นทีละนิด มันอยู่ห่างจากเมืองที่ใกล้ที่สุดของเกาะ Vancouver 45 นาทีด้วยการเดินทางทางน้ำ ซึ่งพวกเขาก็เปรียบ ‘Freedom Cove’ นี้ให้เป็นหมือนป้อมปราการเลยด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาสามารถทำกิจกรรมทุกอย่างได้อย่างยั่งยืนในป้อมลอยน้ำนี้

    Wayne ให้สัมภาษณ์ว่า “วิธีที่จะเดินทางมาถึงป้อมลอยน้ำนี้มีแค่ทางน้ำเท่านั้น ที่นี่ถนนไม่เข้าถึง น้ำเป็นเหมือนถนนสายหลักของพวกเรา”

    Catherine เล่าว่า “ทุก ๆ อย่างที่คุณเห็นนั้นลอยน้ำอยู่ เราผูกที่ดินลอยน้ำแห่งนี้กับชายฝั่งด้วยเชือก เราไม่ได้ทอดสมอลงไปในน้ำ บนเกาะมีบ้านหลักที่เราอาศัยอยู่หนึ่งหลัง มีฟลอร์เต้นรำกลางแจ้ง มีประภาคาร มีเรือนกระจกปลูกต้นไม้ 4 หลัง และด้วยความที่ฉันเริ่มปลูกสวนและกำลังขยายมันให้ใหญ่ขึ้น พื้นที่ลอยน้ำนี้จึงต้องมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับสวนนี้เช่นกันด้วย”

    มากไปกว่านั้น บนพื้นที่ลอยน้ำแห่งนี้ยังมีแกลเลอรี่ไว้เก็บรูปภาพ ห้องผลิตเทียนไข แผงโซลาร์ 6 แผง และน้ำตกขนาดย่อมในสวนที่สร้างเพื่อให้น้ำบนพื้นที่นี้ไหลเวียนอยู่ตลอด เจ๋งจริง ๆ !

    และสิ่งก่อสร้างทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็สร้างด้วยสองมือของพวกเขาทั้งนั้น พวกเขาใช้แค่เลื่อยมือและค้อน ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเลย ทุกอย่างเสร็จได้ด้วยการนำสิ่งของเหลือใช้ที่ได้มาจากคนตัดไม้และชาวประมงในเมืองมาประกอบและตอกตะปูให้เข้าด้วยกัน ซึ่งมวลทั้งหมดที่เราเห็นลอยน้ำอยู่นั้นมีน้ำหนักประมาณ 500 ตันหรือ 1 ล้านปอนด์!

    Wayne เล่าให้ฟังว่า “ตั้งแต่ผม 7 ขวบผมเริ่มสร้างบ้านต้นไม้เอง และผมก็บอกพ่อของผมว่า ‘ผมจะปลูกบ้านต้นไม้กลางน้ำ’” ถือว่าเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งแต่เด็กเลย โดยเขายังบอกอีกด้วยว่า ในการอยู่ที่นี้ เขาไม่เคยเมาเรือเลย “เวลาเข้าเมือง ผมมักเมาพื้นดินมากกว่า”

    ป้อมลอยน้ำนี้ตั้งอยู่ในบริเวณมีชื่อว่า ‘Clayoquot Sound’ ทางชายฝั่งตะวันตกของเกาะ Vancouver ประเทศแคนาดา ดังนั้นบริเวณนี้จะมีมวลชีวภาพ (Biomass) หรือสารอินทรีย์ที่เป็นแหล่งกักเก็บพลังงาน ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดบนโลกนี้เลยก็ว่าได้ ทั้ง Catherine และ Wayne จึงสามารถตกปลาและนำมาทำอาหารได้ง่าย แค่พายเรือแคนูออกไป พวกเขาก็สามารถจับปลาได้แล้วภายใน 10 นาที ส่วนวันไหนที่มีลมแรง Wayne บอกว่าเขาแค่นั่งอยู่ในบ้าน เปิดช่องสี่เหลี่ยมที่เขาเจาะไว้ที่พื้น และหย่อนเบ็ดลง แค่นี้ก็ได้ปลาแล้ว

    ซึ่งสำหรับสาเหตุที่พวกเขาตัดสินใจสร้างป้อมลอยน้ำหลังนี้ Wayne เล่าว่า “ผมตั้งใจจะหาเงินจากอาชีพศิลปิน ดังนั้นการอยู่อย่างประหยัดพอเพียงเป็นสิ่งที่พวกเราทำได้ในฐานะศิลปิน เราไม่สามารถซื้อที่ดินได้ ดังนั้นเราต้องสร้างกันเอง ซึ่งมันก็เป็นโอกาสที่ดีมากที่เราจะได้ออกจากเมือง มาใช้ชีวิตเพื่อให้รู้ว่าเราสามารถดำรงชีวิตอยู่ที่นี่ได้ไหม ตอนนี้ 24 ปีแล้ว เราก็ยังคงทำได้อยู่

    คลิปวิดีโอนี้มีมาตั้งแต่ปี 2016 ดังนั้นตอนนี้ป้อมลอยน้ำป้อมนี้ก็มีอายุกว่า 28 ปีแล้ว ซึ่งถึงก็ยังคงตั้งอยู่เพื่อมอบความสงบ และความใกล้ชิดกับธรรมชาติกับสองสามีภรรยาชาวแคนาดาคู่นี้

    ที่มา
    https://edition.cnn.com/2020/07/19/us/couple-self-made-island-gbs-trnd/index.html

    https://podcasts.apple.com/us/podcast/id1521484441?i=1000484856981

    ณิชากร บัวทรัพย์
    Environman

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมจัดทำ อีบุ๊ครวบรวม 150 นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์จากขยะ! และวัสดุเหลือใช้ เข้าอ่าน-ดูได้ฟรี! ที่ไหนก็ได้ เป็นไอเดียดีๆสร้างโดยคนไทย นำไปประยุกต์ใช้ได้

    เข้าดูได้ที่ https://ebook-environmental-2020.com/mobile/index.html

    ปัญหาขยะถือเป็นปัญหาใหญ่ของโลกที่ต้องเร่งแก้ไข ปัจจบันมีสังคมความสนใจในการแก้ไขปัญหาขยะในหลายๆด้าน กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้รณรงค์ให้จัดการขยะ ทั้งการลด รวมถึงแยกขยะ และการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ ดัดแปลง เพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ และช่วยลดขยะ ซึ่ง E-book นี้คือคู่มือนวัตกรรมการจัดการขยะมูลฝองชุมชนจากวัสดุเหลือใช้

    โดยปกติทุกปีทางกรมฯจะมีการจัดการแข่งขันโครงการนวัตกรรมการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนจากวัสดุเหลือใช้ แต่เนื่องจากปีนี้เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถจัดการแข่งขันเช่นทุกปีได้ จึงได้จัดทำ E-book รวบรวมผลงานที่น่าสนใจเพื่อแจกจ่าย และเผยแพร่ข้อมูลเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

    วัตถุประสงค์ก็เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และเป็นตัวอย่างผลงานจากวัสดุเหลือใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม

    ภายใน E-book นี้คือ 150 นวัตกรรมการการจัดการขยะมูลฝองชุมชนจากวัสดุเหลือใช้ ซึ่งได้รวบรวมนวัตกรรมต่างๆในประเทศไทยที่น่าสนใจอย่างมาก

    ภายในหนังสือออนไลน์นี้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับขยะ ที่มาและที่ไป นวัตกรรมต่างๆจากธรรมชาติ นวัตกรรมความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมพลังงาน ตัวอย่างผลงานผู้ประกอบการ

    ซึ่งไอเดียเจ๋งมากๆ ยกตัวอย่างเช่น โต๊ะหมู่บูชาจากกระดาษลัง โตะเครื่องแป้งจากกะลามมะพร้าว ชั้นเก็บเอกสารจากกล่องกระดาษ โคมไฟจากเปลือกไข่ โต๊ะเก้าอี้จากกระดาษลัง บล็อกปูฟื้นจากหอยแมลงพู่ ม้านั่ง รองเท้าจากถุงพลาสติก และอื่นๆอีกมากมาย

    อีบุ๊คนี้เป็นอีบุ๊คที่ได้รวบรวมไอเดียๆดีในการช่วยทุกคนจัดการกับปัญหาขยะ ทั้ง Reduce Reuse Recycle ที่ทุกท่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้

    มาร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะเพื่อโลกที่ดีขึ้นกันนะ

    เข้าดูที่

    https://ebook-environmental-2020.com/mobile/index.html

    ร่มธรรม ขำนุรักษ์

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาพตัวอ่อนน่ารัก ของปลาพระอาทิตย์ ที่นักวิทย์เพิ่งเข้าใจปริศนา

    พอเห็นภาพไอต้าวปลาตัวจิ๋วตัวนี้ หลายคนอาจจะอยากรู้ว่ามันคือปลาสายพันธุ์อะไรกันนะ ถามชาวประมงก็คงไม่เข้าใจ งั้นถามนักวิทยาศาสตร์แล้วกัน เพราะล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ค้นพบสายพันธุ์ต้นกำเนิดของปลาจิ๋วนี้แล้วครั้งแรกในประวัติศาสตร์

    ซึ่งพอผลออกมา หลายคนก็อาจจะงงหนักกว่าเดิม เพราะปลาจิ๋วตัวนี้แท้จริงแล้วมันสายพันธุ์เดียวกับปลาพระอาทิตย์ยักษ์ (Bump-head Sunfish หรือ Mola Alexandrini) ที่เห็นตัวเล็ก ๆ ราว 5 มิลลิเมตรนี้เป็นเพราะว่ามันยังเป็นตัวอ่อน พอโตเต็มวัยจะมีขนาดถึง 3.3 เมตร และหนักได้ถึง 2 ตัน

    นักวิทยาศาสตร์ค้นพบความเชื่อมโยงนี้จากการนำ DNA ของปลาพระอาทิตย์ตัวเล็กที่จับได้บริเวณชายฝั่งรัฐ New South Wales ประเทศออสเตรเลียมาเทียบกับลูกปลาพระอาทิตย์ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ออสเตรเลีย ซึ่ง DNA ของปลาตัวจิ๋วพวกนี้ตรงกับของลูกปลาพระอาทิตย์พอดี

    ผู้เชี่ยวชาญปลาพระอาทิตย์ Marianne Nyegaard ผู้นำการวิจัยครั้งนี้เล่าว่า “มีการค้นพบปลาพระอาทิตย์ตัวเล็กเหล่านี้มาตั้งแต่ปี 1766 และพวกมันก็ถูกอธิบายว่าเป็นปลาสายพันธุ์อื่น เพราะมันหน้าตาต่างจากปลาพระอาทิตย์ที่โตเต็มวัยมาก”

    ไม่ใช่แค่เรื่องขนาดตัว ปลาพระอาทิตย์จิ๋วนี้ไม่มีลักษณะอะไรที่คล้ายกับปลาพระอาทิตย์แม้แต่นิดเดียว Nyegaard กล่าวว่า “นี่เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมเราถึงไม่เคยรู้ถึงสายพันธุ์ของมัน ตัวอ่อนที่เรามีในพิพธภัณฑ์ที่ Sydney ยังเหมือนปลาพระอาทิตย์ที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก”

    อีกทั้ง ไม่มีใครสามารถวิเคราะห์พันธุกรรมของปลาเหล่านี้ได้ เพราะตัวอย่างปลามีน้อยมาก “ปลาพันธุ์นี้มีค่ามาก เราเลยต้องนำมาเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์” Nyegaard เสริม

    จากงานวิจัยนี้ นักวิทยาศาสตร์มีปลาพระอาทิตย์จิ๋วนี้ 20 ตัวที่มีไซส์ต่างกัน มาจากน่านน้ำในรัฐ New South Wales ซึ่งพวกเขาหวังว่าจะนำปลาเหล่านี้มาศึกษา และปลากลุ่มนี้จะเป็นตัวเชื่อมที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจปลายักษ์แห่งท้องทะเลนี้เพื่อสามารถปกป้องพวกมันได้

    ที่มา

    https://www.australiangeographic.co...arly-life-of-one-of-the-oceans-weirdest-fish/

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบรนด์ญี่ปุ่นไอเดียกรีน แปลงขยะซากร่มเก่า ให้เป็นกระเป๋าสุดคูล! ชุบชีวิตใหม่ให้ทรัพยากรที่หมดค่า
    FB_IMG_1595897087359.jpg
    บริษัทออกแบบญี่ปุ่นเปลี่ยนซากร่มพลาสติกไม่ใช้แล้ว เป็นกระเป๋าดีไซน์เก๋ มีทั้งแบบถือที่เรียบหรู และแบบสะพายข้างยอดฮิต

    เข้าสู่หน้าฝนอย่างเป็นทางการแล้ว หลายคนคงต้องรีบหาซื้อร่มและพกไปไหนมาไหนด้วยตลอด ซึ่งตัวร่มเองก็มีหลายเกรด ถ้าแบบพลาสติกใสที่ถูกหน่อยก็อาจจะต้องซื้อและเปลี่ยนบ่อยเพราะพังง่าย และนั้นเอง..ก็อาจจะทำให้สิ่งจำเป็นอย่างร่มเป็นตัวปัญหา เพราะยิ่งซื้อบ่อย ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนพลาสติก วัสดุที่ถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของสิ่งแวดล้อม

    พลาสติกเป็นวัสดุที่นิยมนำมาใช้ในการผลิตมากที่สุด เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น เสื้อผ้า แพคเกจจิ้งอาหารที่เรากิน วัสดุที่ใช้ในการห่อเพื่อส่งสินค้า หรือร่มที่เป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ในหน้าฝนก็ทำมาจากพลาสติก เพราะมันใช้ขั้นตอนในการผลิตที่ง่าย ซึ่งตรงกันข้ามกับตอนที่มันย่อยสลาย ที่ทั้งนานและยาก

    ญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เจอกับปัญหาพลาสติกที่มาจากสินค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะจากร่มไวนิลสีใส 500 เยน (ประมาณ 148 บาท) ที่คนแห่ซื้อเพราะถูก แต่กลับพังบ่อยและสร้างปัญหาขยะพลาสติก ที่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม

    บริษัทออกแบบ Mondo Design จึงคิดไอเดียแก้ปัญหาขยะพลาสติกโดยการรวบรวมร่มพลาสติกที่ถูกทิ้งกองโต มาทำเป็นกระเป๋าภายใต้ชื่อแบรนด์ “Plasticity”

    กระเป๋าแบรนด์ “Plasticity” นำผ้าใบพลาสติกที่ติดอยู่กับโครงร่มออก นำมาทำความสะอาด อัดให้เป็นรูป และเย็บให้เป็นกระเป๋าทั้งแบบสะพายข้าง (Pochette) และแบบถือ (Tote Bag) มีให้เลือกหลากหลายไซส์และหลากหลายลาย

    แต่กิมมิกของกระเป๋าจากร่มนี้คือ เมื่อเวลาที่ผ้าใบพลาสติกถูกอัดให้เป็นเลเยอร์เพื่อนำมาเย็บ ตัวผิวของผ้าใบจะเกิดลายคล้าย ๆ กับฝนที่กำลังโปรยลงมา ทางบริษัทจึงตั้งชื่อลายนี้ว่า “Glass Rain” (ฝนแก้ว)

    กระเป๋าที่เล็กที่สุดอย่าง กระเป๋าสะพายข้างที่เป็นทรงยอดฮิตในตอนนี้จะมีราคา 8,000 เยน หรือประมาณ 2,375 บาท ในขณะที่กระเป๋าถือ Tote bag จะมีราคาอยู่ที่ 10,000 เยนหรือประมาณ 2,960 บาท สำหรับขนาดกลาง และ 13,000 เยนหรือประมาณ 3,900 บาทสำหรับขนาดใหญ่

    ทาง Plasticity ยืนยันว่ากระเป๋าทั้งหมดมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าร่มไวนิลสีใส 500 เยนแน่นอน และหวังว่าสินค้าของเขาจะช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้บ้าง โดย “Plasticity” มีคำโปรยประจำแบรนด์ว่า “เราหวังว่าแบรนด์ของเราจะปิดตัวลงหลังจาก 10 ปีนี้”

    https://soranews24.com/2020/04/19/j...-making-tote-bags-out-of-discarded-umbrellas/

    https://plasticity.co.jp/collections/all

    ณิชากร บัวทรัพย์
    Environman

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,773
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อสส.ตั้งคณะทำงานตรวจสำนวนคดี "บอส-วรยุทธ" ทั้งนี้ให้คณะทำงานมีอำนาจเรียกสำนวนมาตรวจสอบ รวมถึงสอบถามบุุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยให้ดำเนินการโดยด่วนที่สุด

    อ่านต่อ > https://news1live.com/detail/9630000076898
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     

แชร์หน้านี้

Loading...