ติดตามสถานะการณ์

หลังจากร่วมต่อสู้วิกฤตโควิด-19 กับคุณหมอมาอย่างเหน็ดเหนื่อย และยาวนาน ช่วยพาประเทศชาติให้ผ่านพ้นการระบาดไปได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรืออสม. ล่าสุดวันนี้ได้มีมติอนุมัติจาก ครม.ว่าให้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่ อสม. และอสส. คนละ 2,000 บาทต่อคน เป็นเวลา 7 เดือน วงเงินไม่เกิน 3,622 ล้านบาท
.
โดยน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ในชุมชนของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นค่าตอบแทนให้แก่ อสม. และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) รวมจำนวนไม่เกิน 1,054,000 คนต่อเดือน ระยะเวลาตั้งแต่เดือน มี.ค.63-ก.ย.63 รวม 7 เดือน วงเงินไม่เกิน 3,622 ล้านบาท โดยใช้จากกรอบวงเงิน 45,000 ล้านบาทของกระทรวงสาธารณสุข
.
นายสาวไตรศุลี ระบุว่า นี่เป็นเพียงการอนุมัติรอบแรกคือ 7 เดือนแต่มีการดูแล อสม. ไปเรื่อย ๆ ตราบใดก็ตามหากโควิด-19 ไม่หยุดระบาดจะดูแลและมีการพิจารณารอบ 2 รอบ 3 ไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นให้ อสม. สบายใจ โดยนายกรัฐมนตรีเร่งรัดให้มีการจ่ายเงินให้เร็วที่สุดโดยจ่ายเป็นสองช่วงคือเดือนมี.ค.-มิ.ย.63 รวมกัน 4 เดือน เป็น 2,000 บาท/คน และเดือน ก.ค.-ก.ย.63 ตอบแทนเป็นรายเดือน
.
ซึ่งในตอนนี้จะให้ 7 เดือนก่อน เพราะให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันกับบุคลากรสาธารณสุขกลุ่มอื่นตามหนังสือกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.63 ที่กระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในช่วงไวรัสโควิด-19 เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://siamrath.co.th/n/173059

https://tna.mcot.net/top-stories-482457
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

วันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางพล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมชาย พัชรอินโต ผบช.กมค. ได้มีการแถลง ภายหลังการประชุมหาข้อเท็จจริง กรณีการใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส
.
โดย พล.ต.อ.ศตวรรษ ได้กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกของการประชุมสืบหาข้อเท็จจริงขั้นตอนการดำเนินคดีอาญากับนายวรยุทธ ซึ่งวันนี้ได้กำหนดกรอบการประชุมขึ้นมา 3 กรอบ โดยกรอบแรก เป็นเรื่องการสอบสวน และความเห็นชั้นพนักงานสอบสวน กรอบที่สอง เป็นการสอบสวนเพิ่มเติมตามคำสั่งของพนักงานอัยการ และกรอบที่สาม การดำเนินการพิจารณาความเห็นตาม ป.วิอาญามาตรา 145/1 หลังจากพนักงานอัยการมีความเห็นแล้ว ต้องส่งไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าจะเห็นแย้ง หรือไม่เห็นแย้ง
.
ซึ่งเบื้องต้นทางคณะกรรมการได้ประชุมทั้งสามกรอบ และแบ่งหน้าที่ ให้คณะกรรมการแต่ละส่วนรับไปดำเนินการ โดยเฉพาะรายละเอียดข้อเท็จจริง บุคคล หรือพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตั้งแต่แรก เพื่อที่จะนำข้อมูลทั้งหมดมาเข้าที่ประชุมในวันพรุ่งนี้ เพื่อร่วมกันพิจารณาในรายละเอียด ซึ่งหลังจากนี้ทางคณะกรรมการจะมีการเชิญ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ มาสอบถามต่อไป
.
พล.ต.อ.ศตวรรษ กล่าวอีกว่า ทาง ผบ.ตร. ได้กำหนดกรอบระยะเวลาการทำงานไว้ 15 วัน พร้อมกำชับการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ ว่าต้องได้ข้อเท็จจริง และโปร่งใส สามารถอธิบายได้ ตั้งแต่คดีเกิดขึ้นมาพนักงานสอบสวนดำเนินการมาอย่างไร จนกระทั่งสุดท้ายสั่งไม่ฟ้อง เราต้องอธิบายให้สังคมทราบได้
.
ส่วนทางด้าน พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ได้กล่าวว่า การพิจารณาในกรอบที่สาม เรื่องความเห็นตาม ป.วิอาญา มาตรา 145/1 จะดูการใช้ดุลยพินิจ ว่าเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยชอบ หรือไม่ชอบ ซึ่ง กรณีที่ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่ใช้อำนาจ ผบ.ตร. ตาม ป.วิอาญามาตรา 145/1 นั้น ทั้งนี้การใช้ดุลยพินิจเห็นแย้ง หรือไม่เห็นแย้งนั้น 97 เปอร์เซ็นต์ คดีที่มาจากพนักงานอัยการเราไม่แย้ง แต่จะมีแค่ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่แย้ง ซึ่งจะเป็นเรื่องข้อกฎหมายที่อ้างมา และข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน
.
ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นการตรวจสอบเรื่องข้อกฎหมาย จะพิจารณาได้เฉพาะคำฟ้องของพนักงานอัยการ โดยจะดูในข้อกฎหมายตามที่พนักงานอัยการมีความเห็นมา มีข้อกฎหมายถูกต้อง หรือไม่ และดูข้อเท็จจริงที่พนักงานอัยการมีความเห็นมานั้น มีข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง หรือไม่ ไม่ได้เป็นพนักงานสอบสวน ที่จะไปรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมขึ้นมาอีก เพราะไม่มีอำนาจที่จะทำได้ อย่างไรก็ตามจะมีการตรวจสอบคณะกรรมการใช้ดุลยพินิจในชุด ของพล.ต.ท.เพิ่มพูน ว่ามีกี่คน โดยยืนยันว่าไม่มีการฟอกขาวให้ใคร และจะมาแถลงทุกขั้นตอนให้สื่อมวลชนทราบเป็นระยะ
.
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า พยาน 2 ปากที่เพิ่งโผล่มานั้น ไม่ปรากฎอยู่ในสำนวนการสอบสวนของ สน.ทองหล่อ เป็นพยานที่ผู้ต้องหาร้องไปยังพนักงานอัยการ ผ่านกรรมาธิการให้สอบสวนเพิ่มเติม พนักงานอัยการจึงสั่งให้พนักงานสอบสวน สอบสวนเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนไม่มีสิทธิ์ที่จะมีความเห็นในช่วงนี้ได้อีก เพราะไม่ใช่การสอบสวนในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว การสอบสวนเสร็จสิ้นเมื่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ส่งสำนวนไปที่พนักงานอัยการแล้ว การสอบสวนภายหลังต้องสอบสวนตามคำสั่งพนักงานอัยการเท่านั้น
.
ขณะที่ทาง พล.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า กรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ไม่ลงนามเห็นแย้งสำนวนคดีดังกล่าว ตามขั้นตอนกฎหมายบัญญัติไว้ว่า ให้ ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. หรือผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งตามปกติ ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ผู้ช่วย ผบ.ตร. แต่ละท่านเป็นผู้พิจารณาคดีแบ่งกันไปตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการแต่ละส่วน
.
อีกทั้ง พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ได้กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า เมื่อมีการแบ่งมอบหน้าที่ตั้งแต่ต้น การลงนามเห็นแย้งหรือไม่เห็นแย้ง ผบ.ตร. จะไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากแต่ละวัน มีคดีที่ถามความเห็นมาประมาณ 700 คดี การลงความเห็นตาม ป.วิอาญามาตรา 140 มันเป็นทางเทคนิค ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญของกองคดีเฉพาะด้านทำ ทุกอย่างจะดำเนินไปตามกลไกตามปกติ ผบ.ตร. จะไม่มีการสั่งเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น เพราะวันละ 700 คดี จะรายงานไม่ไหว และขั้นตอนการทำสำนวน จะทำตั้งแต่ รอง สว. ขึ้นมา ตามลำดับ ซึ่งเป็นงานทางเทคนิคเท่านั้น ไม่ใช่งานสอบสวน
.
“ตามหน้างานท่านเพิ่มพูน เซ็นออกไป เป็นประเด็นที่สงสัยไม่ได้ เพราะเขาตรวจสำนวนเฉยๆ ถึงแม้สงสัยก็ไม่มีอำนาจ และไม่มีสิทธิ์ถามไปทางพนักงานอัยการ ท่านเพิ่มพูนดูแต่เพียงว่าสำนวน ครบองค์ประกอบข้อกฎหมาย หรือไม่ ข้อเท็จจริงที่ได้มาถูกต้อง หรือไม่ มันเป็นการถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน กรณีพยาน 2 ปากที่เพิ่มเข้ามา ต้องเข้าใจว่าขั้นตอนตรงนั้น พนักงานสอบสวนไม่ได้ทำความเห็นทางคดีแล้ว และท่านเพิ่มพูน เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ถืออำนาจ ผบ.ตร. ในการไม่แย้ง ท่านเพิ่มพูนไม่มีสิทธิ์ ไม่มีอำนาจในการชั่งน้ำหนักพยาน เรื่องเห็นแย้งกับเรื่องความเห็นทางคดีมันแยกออกจากกัน การตอบคำถามในส่วนของท่านเพิ่มพูน ผมตอบในเรื่องของเทคนิคทั่วไป ไม่ได้ลงรายละเอียดอื่นๆ เพราะคณะกรรมการยังไม่มีการตรวจสอบ” พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าว
.
ต่อมามีผู้สื่อข่าวได้ถามว่า ทางตำรวจจะสามารถทำความเห็นแย้งไปยังพนักงานอัยการได้อีก หรือไม่ พล.ต.อ.ศตวรรษ กล่าวว่า ตอนนี้คดีสิ้นสุดแล้ว แต่หากมีหลักฐานใหม่ หรือมีผู้เสียหาย ญาติ จะไปดำเนินการฟ้องร้องเอง ก็คงไม่ตัดสิทธิ์
.
ด้าน พล.ต.ท.สมชาย กล่าวเสริมว่า ตามป.วิ.อาญามาตรา 147 บัญญัติไว้ว่า เมื่อมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีแล้ว ห้ามมิให้สอบสวนเกี่ยวกับ บุคคลนั้น ในเรื่องเดียวกันนั้นอีก เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่ อันสำคัญแก่คดี ซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหานั้นได้
.
ถามว่าขณะนี้ทางพนักงานอัยการก็มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาการสั่งคดีเหมือนกัน หากพบว่าเป็นการสั่งคดีมิชอบ หรือไม่รอบคอบพอ คดีจะเปลี่ยน หรือไม่ พล.ต.อ.ศตวรรษ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คงขอข้อเท็จจริงก่อน เพราะวันนี้เป็นการประชุมครั้งแรก หากมีข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง ทาง ตร. คงต้องดำเนินการ แต่ตามหลักตอนนี้ ก็พิจารณาในกระบวนการตั้งแต่เริ่มต้น ดำเนินการตามระเบียบถูกต้อง หรือไม่
.
โดยพล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวเสริมว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง หากการตรวจสอบพบการกระทำความผิด ก็จะแบ่งเป็นสองลักษณะ คือ
...

1.การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
.
2.กระทำความผิดวินัย
...

ซึ่ง ผบ.ตร. สั่งให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด หากผิดอาญา ก็ส่งเรื่องให้ ปปช. หากผิดวินัย ก็ให้ลงทัณฑ์ทันที ทั้งนี้เมื่อปี 2559 สมัยที่ตนดำรงตำแหน่ง รอง ผบช.น. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงพนักงานสอบสวนในคดีนี้ และพบการกระทำความผิด ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในบางขั้นตอน และ ปปช. ได้มีมติ ว่าเป็นการกระทำผิดวินัย ซึ่งทาง ตร. ได้ลงโทษกักขัง ภาคทัณฑ์ ไปแล้ว

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.thaipost.net/main/detail/72828

https://www.dailynews.co.th/crime/787184
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

ถึงแม้ตัวคดีจะสิ้นสุดลงไปแล้วสำหรับ คดีฟอกเงินของนายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค แต่ยังเป็นที่แคลงใจของใครหลายๆคน ถึงการตัดสินคดีดังกล่าว ซึ่งล่าสุดวันนี้ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุดว่าขอให้รื้อฟื้นคดีดังกล่าวกลับมาสอบสวนอีกครั้ง เพื่อความยุติธรรม ไม่สองมาตรฐาน
.
นายวัชระ ระบุว่า เนื่องจากกรณีสำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีต่อนายวรยุทธในทุกข้อกล่าวหา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่แย้งคำสั่งของอัยการนั้น ปรากฏสร้างความไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างกว้างขวาง และนานาประเทศไม่เชื่อถือระบบความยุติธรรมของประเทศไทย อัยการสูงสุดมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจรายการพิจารณาคดี โดยมีนายสมศักดิ์ ติยะวานิช รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงานนั้น
.
เพื่อให้เป็นกรณีบรรทัดฐานเดียวกัน เพราะเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของ นายเนตร นาคสุข อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูง รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุดเหมือนกัน และสังคมเกิดความคลางแคลงใจสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐเช่นกัน
.
นั่นคือ คดีหมายเลขดำที่ อท.245/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร ในคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตเงินปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย จำนวน 10 ล้านบาท ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91
.
นายวัชระ ระบุต่อว่า การที่นายเนตร รองอธิบดีอัยการปฏิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุด สั่งไม่อุทธรณ์คดีนายพานทองแท้แทนอัยการสูงสุด จึงเป็นการสั่งตัดตอนความยุติธรรมไม่ให้เข้าสู่การพิจารณาของศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบในชั้นอุทธรณ์ และสร้างความคลางแคลงใจต่อสังคมเป็นอย่างมาก เพราะคำพิพากษาศาลชั้นต้นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะมีความเห็นแย้งให้ลงโทษจำคุกนายพานทองแท้ 4 ปี จึงขอให้อัยการสูงสุดสั่งดำเนินการรื้อฟื้นคดีนายพานทองแท้เป็นการด่วนที่สุด เช่นเดียวกับคดีของนายวรยุทธ
.
นอกจากนี้ นายวัชระได้ยื่นหนังสืออีกฉบับถึง นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เพื่อขอให้ ก.อ.พิจารณาทบทวนการสั่งไม่ฟ้องของสำนักงานคดีพิเศษที่ผ่านมา ว่ามีคดีอะไรบ้างกระทบต่อความยุติธรรม และภาพลักษณ์ขององค์กรหรือไม่ เพื่อแก้ไขฟื้นฟูสร้างความเชื่อมั่นให้กับกระบวนการยุติธรรมไทย และพิจารณาให้ความเห็นคดีนายพานทองแท้เป็นการด่วนที่สุด เช่นเดียวกับคดีของนายวรยุทธ
.
นอกจากนี้ นายวัชระยังได้ฝากข้อความถึง นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดว่า ท่านเป็นรองอัยการสูงสุดที่พี่น้องประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ว่า น่าจะเป็นรองอัยการสูงสุดฝ่ายการสั่งไม่ฟ้องคดีพิเศษ เพราะท่านลงนามหมด ไม่ทราบว่าเหตุไฉนจึงเป็นท่าน อยากให้ท่านชี้แจงแต่ละคดีที่ท่านสั่งไม่ฟ้องแก่พี่น้องประชาชน ซึ่งสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ขอถามแทนพี่น้องประชาชนว่าเหตุใดจึงสั่งไม่ฟ้องคดีสำคัญ ซึ่งเป็นคดีพิเศษของสำนักงานอัยการสูงสุด

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.naewna.com/politic/508250

https://www.thaipost.net/main/detail/72827

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

29 ก.ค.63 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึง สถานการณ์โควิด-19 ว่า หลายคนบอกว่าตนมีแต่สั่งๆๆ แต่ตนสั่งตามกติกา ตามกฎระเบียบของสำนักนายกฯในเรื่องการบริหาร แต่คนปฏิบัติคือหลายคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งข้าราชการและประชาชนก็ต้องช่วยกัน อะไรที่ดูแลซึ่งกันและกันได้ก็ช่วยกัน สำหรับตนก็ดูแลทุกส่วน แต่ก็ต้องเห็นใจรัฐบาลเพราะงบประมาณที่ได้มาน้อยลง ภาษีก็ลดลง แต่หลายอย่างก็ดีขึ้นจากมาตรการผ่อนคลาย ตนกำลังดูว่าจะมีวันหยุดเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ เพื่อให้คนได้ไปเที่ยวกันบ้าง ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ในอนาคต
.
นายกฯ กล่าวว่า ที่ตนพูดเพราะอยากให้เข้าใจว่าตนคิดทุกเรื่อง พยายามจะริเริ่มทุกเรื่องที่มีความเป็นไปได้ และให้หน่วยงานไปหากันมาให้เร็วขึ้น ให้เกิดประโยชน์โดยเร็ว ประชาชนจะได้ไม่เดือดร้อน นี่คือสิ่งที่เป็นภาระหน้าที่ของตน อย่างยิ่งใหญ่และตนยืนยันว่าจะทำให้เต็มที่ ขอให้ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ ประเทศจะได้เดินหน้าไปได้แม้ว่าสถานการณ์โควิดจะจบไปแล้ว ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ก็หวังว่าให้มันเร็ว อาจจะเป็นปีนี้หรือปีหน้า แต่ก็ต้องติดตามประเมินผลกันอีกที เพราะเชื้อโรคนี้พร้อมที่จะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ ก็ขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวไว้ด้วย
.
"ขอฝากไปถึงสถานประกอบการต่างๆ ที่มีเรามีมาตรการผ่อนคลายไปให้แล้ว ควรต้องระมัดระวังด้วย การจัดการแสดงอะไรต่างๆ ก็ต้องระวัง ตนอยู่ในระดับสั่งการ อยู่ฝ่ายบริหาร ตนก็ต้องสั่งแบบนี้ มาตรการต่างๆก็ต้องผ่านไปที่ศูนย์ศบค.ซึ่งมีหลายภาคส่วนไม่ใช่ตนคนเดียว"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://www.thaipost.net/main/detail/72835
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

The Global COVID-19 Index (GCI) จัดอันดับประเทศไทยเป็นประเทศที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ดีที่สุดของโลก ได้สัดส่วนคะแนนขึ้นเป็น 82.06 โดยสัดส่วนคะแนนเพิ่มขึ้นจากเดิม 81.15 (24 ก.ค. 2563) เป็น 81.55 (25 ก.ค. 2563) และเป็น 82.06 ในวันที่ 28 ก.ค. 2563

สำหรับประเทศ 5 อันดับแรกของโลกที่สามารถฟื้นตัวจากโควิด-19 ได้ดีที่สุด ประจำวัน 28 ก.ค. 2563 มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมดังนี้

1.ประเทศไทย
2.เกาหลีใต้
3.ลัตเวีย
4.มาเลเซีย
5.ไต้หวัน

ส่วนประเทศที่เคยครองอันดับ 1 ในการรับมือโควิด-19 อย่างออสเตรเลีย อยู่ในอันดับ 8 และนิวซีแลนด์อยู่ในอันดับ 6 ก่อนหน้านี้ องค์กร Global COVID-19 หรือ (GCI) ได้จัดคะแนนดัชนีและอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ฟื้นตัวจาก COVID-19 เป็นอันดับ 2 ของโลก จาก 184 ประเทศทั่วโลก เมื่อวันที่14 มิ.ย.2563 โดยมีวิธีคิดคำนวณ ร้อยละ 70 มาจากการใช้ Big Data รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลรายวันจากฐานข้อมูล 184 ประเทศทั่วโลก ส่วนอีก ร้อยละ 30 อ้างอิงข้อมูลเชิงสถิติอีกส่วนหนึ่งจาก ดัชนี The Global Health Security Index (GHS) ซึ่งริเริ่มโดยมหาวิทยาลัย Johns Hopkins University จากข้อมูล 195 ประเทศทั่วโลก

https://thailand.prd.go.th/mobile_detail.php?cid=4&nid=9902

#RoundtableThailand

 

29 ก.ค. 63 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ว่านายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุก แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่าตอนนี้ "ทุกพื้นที่" ในเวียดนาม เผชิญกับความเสี่ยงของการติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ "ระลอกใหม่ซึ่งแตกต่างจากระลอกแรก" ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

แม้วิกฤติครั้งนั้นผ่านพ้นไปได้ด้วย "มาตรการกักตัวส่วนกลางที่เข้มงวด" ซึ่งช่วยให้นับตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เวียดนามมีผู้ป่วยสะสมจากโรคโควิด-19 อย่างน้อย 446 คนเท่านั้น และเหลือผู้ป่วยอยู่ในระบบอย่างน้อย 77 คน ทั้งที่มีพรมแดนทางเหนือติดกับจีน แต่สถานการณ์ตอนนี้จำเป็นต้องการความร่วมมืออย่างเคร่งครัดจากประชาชนอีกครั้ง

ทั้งนี้ เวียดนามพบการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในชุมชนเป็นครั้งแรก ที่เมืองดานัง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยผู้ป่วยเป็นชายอายุ 57 ปี หลังจากนั้นมีการยืนยันผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เชื่อมโยงกับโรงพยาบาล 3 แห่งที่ผู้ป่วยคนแรกไปใช้บริการ จนตอนนี้มีผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 30 คน

ขณะที่มีรายงานตามมาอีกว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจพบ "ผู้ติดเชื้อกลุ่มหนึ่ง" ที่กรุงฮานอยและเมืองโฮจิมินห์ โดยเป็นผลจากการเคลื่อนที่ของประชาชนระหว่างเมืองดานัง แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการโดยกระทรวงสาธารณสุข อนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ท่าอากาศยานนานาชาติดานังเผยว่าเร่งระบายนักท่องเที่ยวต่างถิ่นออกไปแล้ว 18,000 คน ส่วนใหญ่เดินทางไปยังเมืองโฮจิมินห์

https://vietnamnews.vn/society/7702...ve-come-into-contact-with-covid-19-cases.html

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature หรือ IUCN) ได้เพิ่ม หนูแฮมสเตอร์ยุโรป (European Hamster) หรือ Great Hamster of Alsace ซึ่งเป็นแฮมสเตอร์ป่า เข้าไว้ในบัญชีแดงว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤตต่อการสูญพันธุ์ เนื่องจากผลกระทบจากภาวะโลกร้อน การขยายตัวของโรงงานอุตสาหกรรม การเพาะปลูกและมลภาวะ ที่ทำให้จำนวนของพวกมันลดลง

ไอยูซีเอ็น ระบุว่า ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา หนูแฮมสเตอร์ยุโรปตัวเมียจะออกลูกปีละเกือบ 20 ตัว แต่ปัจจุบันออกลูกปีละ 5-6 ตัวเท่านั้น ทำให้ประชากรของพวกมันในแถบอัลซาชของฝรั่งเศส ในเยอรมนี และยุโรปตะวันออก ลดลงเกือบ 75 เปอร์เซ็นต์ โดยคาดว่าพวกมันอาจสูญพันธุ์ไปได้ภายใน 30 ปี หากไม่มีการแก้ไข

ทั้งนี้หนูแฮมสเตอร์ที่รู้จักทั่วไป เป็นหนูแฮมสเตอร์เลี้ยงและเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยม เนื่องจากความน่ารักและมีขนปุกปุย แต่ในธรรมชาติยังมีหนูแฮมสเตอร์ป่าที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่าอีก 26 ชนิด ที่อาศัยอยู่ในหลายพื้นที่ของยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง

ด้าน มิคาอิล รูซิน นักวิจัยประจำสวนสัตว์เคียฟในยูเครน กล่าวว่า แฮมสเตอร์ป่าเหล่านี้แม้ภายนอกดูน่ารัก แต่ขึ้นชื่อว่าสัตว์ป่าแล้ว พวกมันมีพฤติกรรมก้าวร้าวต่างจากแฮมสเตอร์เลี้ยง เช่น แฮมสเตอร์ยุโรปที่จะกระโดนใส่และกัดใครก็ตามที่พยายามจะจับมัน และถึงแม้จะเกิดในสวนสัตว์ แต่พอโตขึ้นพวกมันก็ไม่เชื่อง

ที่มา https://www.pptvhd36.com/news/130229

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า น.ส.มาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกองค์การอนามัยโลกแถลงว่า ฤดูกาลดูเหมือนว่าจะไม่มีผลกระทบใด ๆ กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยชี้ให้เห็นถึงบางประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดก็ยังอยู่ในช่วงของฤดูกาลที่แตกต่างไปจากที่อื่น ๆ

ยกตัวอย่างเช่น ฤดูร้อนในสหรัฐอเมริกาพบผู้เสียชีวิตเพราะไวรัสเกือบ 148,000 คนและผู้ป่วยติดเชื้อสะสมใกล้ถึง 4.3 ล้านรายแล้ว ถือเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในโลก ขณะที่ประเทศบราซิลประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดเป็นอันดับสองของโลก พบผู้เสียชีวิตเพราะไวรัสแล้ว 87,000 คนนั้น บราซิลอยู่ในช่วงฤดูหนาว

โฆษกองค์การอนามัยโลกยืนยันว่า ไวรัสชอบทุกฤดูกาล แต่เพราะมันแพร่ระบาดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งก็ด้วยการสัมผัสใกล้ชิด ดังนั้นจึงต้องตัดโอกาสนี้ออกไปให้ได้

ส่วนองค์การท่องเที่ยวโลกของสหประชาชาติแถลงด้วยว่า วิกฤตโรคโควิด-19 ทำให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวของโลกขาดรายได้ไปแล้วถึง 320,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วงระหว่างเดือน ม.ค.ถึง พ.ค.ที่ผ่านมา

ที่มา https://www.dailynews.co.th/foreign/787102
#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

29 กรกฎาคม 2563 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. เห็นชอบหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เป็นส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการ หรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 2 ฉบับ สืบเนื่องจากจะมีการจัดตั้งกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และเป็นการกำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการดังกล่าว ทั้งนี้ให้ส่งไปยังสำนักงานกฤษฎีกาตรวจสอบ ก่อนนำกลับมาเข้าที่ประชุมครม. อีกครั้ง

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ความจำเป็นที่จะต้องมีกฎหมาย 2 ฉบับดังกล่าว สืบเนื่องจากปัจจุบัน อาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรืออาชญากรรมทางไซเบอร์ เป็นอาชญากรรมที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ หรือช่วยอำนวยความสะดวกในการกระทำความผิดต่าง ๆ ซึ่งการหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล การเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบ การเรียกค่าไถ่ทางคอมพิวเตอร์ เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งความรุนแรงของอาชญากรรมก็มีมูลค่าความเสียหายที่สูง มีผู้เสียหายจำนวนมาก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ ส่งผลให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปอย่างยากลำบาก

น.ส.ไตรศุลี กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) อยู่แล้ว แต่เป็นเพียงในระดับกองบังคับการเท่านั้น จะไม่สามารถรองรับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นทางครม. จึงเห็นสมควรที่จะจัดตั้งเป็นกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีขึ้นมา

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

29 กรกฎาคม 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตนเป็นห่วงเรื่องการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มนักศึกษาและเยาวชน ซึ่งตนได้พูดคุยหารือกับตัวแทนกลุ่มอาชีวะช่วยชาติและกระทรวงที่เกี่ยวข้องว่า อย่าเคลื่อนไหวในเวลานี้ เพราะมันทำให้เกิด 2 ฝ่ายขึ้นมา และอาจจะลุกลามบานปลายในวันข้างหน้า เพราะมันจะกลับมาสู่ที่เดิมอีก โดยทางกลุ่มอาชีวะได้รับปากในเรื่องนี้ว่าจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวใด ๆ จึงขอฝากไปยังอีกฝ่ายด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องหาทางออกในสภาฯ เพราะเขามีช่องทางอยู่แล้ว ยืนยันว่า ตนไม่เคยห้ามการชุมนุม และต้องขออนุญาตชุมนุมตามกฎหมาย และอย่าทำผิดกฎหมายด้วย พร้อมย้ำว่า ตนห่วงในเรื่องนี้ที่สุด นี่คือบุคลากรของชาติในอนาคตและมีแรงขับเคลื่อนสูง ซึ่งต้องเข้าใจในวิธีการและกระบวนการต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาหรือเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่ต้องไม่ละเมิดกฎหมายและก้าวล่วงผู้อื่น หรือใส่ร้ายในสิ่งที่ไม่บังควร พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ต้องไม่มีการชุมนุมเผชิญหน้า และต้องดูแลทุกคนทุกฝ่ายให้ดีที่สุด

"ขอร้องขอให้บ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อะไรที่ร้อน ๆ ก็ช่วยลดกระแสไปบ้าง อย่าให้มันร้อนมากนัก ผมยืนยันว่าจะแก้ปัญหาให้ดีที่สุด บนพื้นฐานของความเป็นธรรม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงคดี "บอส อยู่วิทยา" ทายาทกระทิงแดง ที่ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลในฐานะฝ่ายบริหารจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจน โดยไม่ก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม โดยได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฏหมายคดีดังกล่าว โดยมีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกระบวนการยุติธรรม เป็นกรรมการ เพราะคดีนี้ประชาชนให้ความสนใจและต้องหาข้อเท็จจริงให้ได้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหนอย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตนจะไปก้าวล่วงในส่วนของอัยการ ศาล รวมถึง ส.ว. สนช. และตำรวจ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ขอให้มั่นใจนายกรัฐมนตรีไม่ได้ปล่อยปละละเลย ดังนั้นปัญหาเหล่านี้จะต้องแก้ให้ได้เพื่อความยุติธรรมต้องมีในสังคมไทยโดยไม่แบ่งชนชั้น ซึ่งตนได้ย้ำเสมอมาทั้งเรื่องของการปฏิรูปกฏหมาย การเมือง ยุติธรรม และเศรษฐกิจ จะต้องเดินหน้า ยืนยันเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการบริจาคเงิน 300 ล้านบาท เพราะเป็นคนละเรื่อง ย้ำว่าตลอดทำงานมา 5 ปี ตยไม่เคยเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ และไม่เคยเสียหายกับเรื่องเหล่านี้ ขอให้เชื่อมั่นตนจะทำอย่างดีที่สุด เพื่อคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ทั้งหมดทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้ พร้อมขอให้เชื่อมั่นในตัวนายวิชาด้วย

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เรียกร้องเงินพิเศษค่าตอบแทนพิเศษ 500 บาทต่อคน เป็นเวลา 19 เดือน ขณะที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะลดเหลือเพียง 7 เดือน ว่า ในที่ประชุมครม.ได้ทำความเข้าใจกับรัฐมนตรีสาธารณสุขแล้ว ยืนยันจะดูแลอสม.ต่อไป แต่บางครั้งการที่เราไปกำหนดระยะเวลายาวนานเกินไปก็ไม่เหมาะสมในการบริหารงบประมาณ ซึ่งตนได้เร่งรัด 7 เดือนต้องจ่ายให้โดยเร็วที่สุด และคิดว่าตราบใดที่สถานการณ์โควิด-19 มีอยู่หรือไม่มีแล้ว แต่ก็ต้องเฝ้าระวังกันต่อไปในเรื่องการเตรียมการรับการท่องเที่ยว รับนักธุรกิจ การรักษาพยาบาล ที่จะมีรายได้หลักของประเทศ ก็ยังต้องใช้อสม.อยู่ดี ตราบใดที่อสม.ยังเป็นกลไกหลักก็ยินดีให้ค่าตอบแทนเป็นพิเศษ ซึ่งอาจยาวนานกว่านั้นด้วยซ้ำ แต่จะขอจ่าย 7 เดือนก่อน เพื่อให้เทียบเท่ากับอีกหลายหน่วยงานที่ได้ค่าตอบแทนพิเศษ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อเราบริหารงบประมาณใด งบประมาณที่มีอยู่ก็ต้องมีสำรองไว้ ถ้าสถานการณ์ยาวนานกว่านี้จะได้มีเงินให้อีก เป็นการทยอยให้ ไม่ใช่ไม่ให้ ไม่ใช่ให้ถึงวันนี้วันนั้น แล้วผิดสัญญา ตนยืนยันว่าจะให้จนกว่าสถานการณ์โควิด-19 ทุกอย่างเรียบร้อย งาน อสม.หนักอยู่แล้ว เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมได้พบอสม.ตนได้ยืนยันจะดูแลเรื่องนี้ ดังนั้นขออย่าเป็นประเด็น ทำไมรัฐบาลจะไม่ดูแล แต่จะให้ประกาศเลยให้เดือนนี้ถึงเดือนนั้นคงไม่ได้ แต่รัฐบาลจะดูแลให้ดีที่สุด ทั้งนี้การที่ให้อสม.ถึงเดือนกันยายนนั้น เพื่อให้เท่ากับแพทย์ พยาบาล กำนัน ผู้ใหญ่ และต้องใช้เงินกู้อย่างระมัดระวัง ต้องพร้อมรับมือป้องกันการระบาดระยะที่ 2

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

Jul 29 , 2020 ศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก ‘เปรมชัย กรรณสูต’ 1 ปีไม่รอลงอาญา กรณีติดสินบนเจ้าหน้าที่คดีล่าเสือดำ
.
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 วันนี้ (29 ก.ค.63) เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ 10/2561 (คดีหมายเลขแดง อท.ที่ 13/2562) ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 เป็น โจทก์ ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต เป็นจำเลยที่ 1 และ นายยงค์ โดดเครือ (คนขับรถ) จำเลย ที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทําการ ไม่กระทําการ หรือประวิงการกระทําอันมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ประกอบมาตรา 83
.
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น มีคำพิพากษา ให้จำคุกนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปีโดยไม่รอการลงโทษ (ไม่รอลงอาญา) ส่วนนายยงค์ จำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง
.
นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ด้วยหลักทรัพย์ 200,000 บาทสำหรับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบนั้น ศาลพิจารณาแล้วเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
.
ภายหลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตฯ แล้ว วันนี้ นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ 500,000 บาทขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา
.
#เปรมชัย #เสือดำ #1ปี #ไม่รอลงอาญา #Misterban

 

เริ่มวันแรก ... กฎห้ามนั่งทานอาหารในร้านตลอดวัน
.
เมื่อกลางวัน ช่วงเวลาทานข้าวพอดี
ฮ่องกงอยู่ดีๆ ก็เกิดฝนตกหนักมากกกก
เหมือนเป็นบทสอบให้คนฮ่องกง(และรัฐบาล)รับมือกับมาตรการห้ามนั่งทานอาหารในร้านตลอดวันเป็นวันแรกค่ะ
.
จริงๆ สธ เค้าเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
อยากจะแบนทั้งวันตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ (ไม่ใช่แบนเฉพาะกลางคืน)
แต่ห่วงคนทำงาน จะทานกลางวันกันลำบาก
.
แต่ในเมื่อยอดผู้ติดเชื้อต่อวันยังพุ่งแตะหลักร้อยไม่หยุด
ในที่สุด รัฐบาลก็ตัดสินใจแบนทั้งวัน แล้วเราก็ได้เห็นภาพเหล่านี้จนได้ค่ะ
.
===========
จริงๆ ตามภาพ คือ ผิดกฎหมายทั้งหมด
เพราะกฎ(ในอุดมคติ)ของรัฐบาล คือ ออกนอกบ้านห้ามถอดหน้ากากอนามัยเลย ไม่ได้มีข้อยกเว้นว่า ไม่ต้องใส่ก็ได้หากกินข้าว ดื่มน้ำ ออกกำลัง สูบบุหรี่ ฯลฯ
.
แต่ในทางปฎิบัติ กลุ่มที่กระทบที่สุด คือ ผู้ใช้แรงงาน เช่น คนงานก่อสร้าง พนักงานทำความสะอาด หรือ แม้แต่พนักงานออฟฟิศที่ต้องไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ ฯลฯ ซึ่งไม่รู้จะไปหาที่ไพรเวท อย่างบ้านหรือออฟฟิศกินข้าวกลางวันได้ที่ไหน
.
ก็ได้แต่หวังว่า กฎนี้จะบังคับใช้แค่สัปดาห์เดียวค่ะ
.
ปล. คนไทยในเมืองไทยก็ผ่านจุดนี้มาแล้วนี่เนอะ แต่พีแป๋วไม่ค่อยเห็นมีดราม่าเรื่องนี้กันเท่าไหร่เลย...(รึเปล่า? )
.
เครดิตภาพ: twitter lihkg_forum
.
#eatlike852 #covid19hongkong

 

❗️ #โควิคฮ่องกงวันนี้ (29 กค)
ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด +118, ติดในฮ่องกง +113
.
#หลักร้อยติดกันเป็นวันที่8
วันนี้ยอดรวมแตะ 3,000 ไล่หลังไทยเข้ามาทุกทีค่ะ
ตอนนี้ ยอดของไทยประมาณ 3,300 อีก 2-3 วัน ฮ่องกงอาจจะทัน(และแซง)ไทยแล้ว
ไปให้สุด จะหยุดที่เท่าไหร่ ลุ้นกันต่อไปค่ะ
.
==========
จากจำนวน ผู้ติดเชื้อใหม่วันนี้
46 คน ยังหาต้นตอไม่เจอ
ส่วนพวกลูกเรือ ยังเจออย่างต่ำ 3 คน
ผู้รักษาหายน่าจะมี แต่ระบบยังไม่อัพเดทค่ะ
.
ผู้เสียชีวิต +1
ยังคงเป็นคนชรา อายุ 76 ปี นับเป็นคนที่ 24 ที่เสียชีวิตค่ะ
.
ส่วนรายละเอียดผู้ติดเชื้อใหม่ ส่วนใหญ่ยังเป็น cluster เดิมๆ และ ติดในครอบครัว
.
Cluster ที่กำลังมาแรงแซงโค้ง คือ คนงานในไซต์งานก่อสร้างของบริษัทรับเหมา Kin Shing Leung’s วันนี้ติดเพิ่มอีก 4 คน รวม 20 กว่าคนแล้วค่ะ
.
อื่นๆ รายงานพรุ่งนี้เช้า เหมือนเดิมค่ะ
.
#eatlike852 #covid19hongkong

 

รองรมต. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประเทศ #ลาว ประกาศ ลาวและทุกประเทศ มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะสร้างเขื่อนภายในเขตอธิปไตยของตน รวมทั้งเขื่อนบน #แม่น้ำโขง

เฟซบุ๊ก Sourioudong Sundara ของนายสุลิอุดง สุนดาลา รองรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สปป.ลาว ได้โพสต์เนื้อหาที่ค่อนข้างแข็งกร้าว ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก โดยระบุเนื้อหาพอสังเขปว่า..ท่านรู้ไหมว่า “ทุกๆ สัญญา และสนธิสัญญาสากล ต้องบรรจุมาตราที่เคารพเอกราช อำนาจอธิปไตยเหนือแผ่นดิน น่านฟ้า น่านน้ำ อันครบถ้วน และไม่สามารถแทรกแซงกิจการภายในของประเทศที่เป็นภาคีได้อย่างเด็ดขาด ประเทศภาคีสามารถออกกฎหมายบังคับใช้ภายในเพื่อควบคุม หรือถอนตัวออกจากการเป็นภาคีได้ทุกเวลา”
.
พร้อมยกเป็นกรณีศึกษา “แม่น้ำโขง” ซึ่งมีความยาว 4,350 กิโลเมตร ไหลผ่าน 6 ประเทศ สป.จีน สหภาพพม่า สปป.ลาว ราชอาณาจักรไทย ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ส่วนประเทศที่มีแม่น้ำโขงร่วมเป็นชายแดนมี 2 ประเทศ : สหภาพพม่า และราชอาณาจักรไทย
.
ขณะที่ประเทศที่มีสายน้ำโขงไหลผ่านเขตอำนาจอธิปไตยภายในประเทศ มี 4 ประเทศ : สป.จีน สปป.ลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และ สส.เวียดนาม

เฟซบุ๊กรองรัฐมนตรีฯ สุลิอุดง ระบุอีกว่า สปป.ลาวของเรามีทั้งร่วมเป็นชายแดน และไหลผ่านภายในประเทศ ฉะนั้น หมายความว่า สป.จีน สปป.ลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และ สส.เวียดนาม มีสิทธิอันชอบธรรมที่สามารถสร้างเขื่อนภายในเขตอธิปไตยของตน และทำอย่างไรก็ได้ภายใต้ระเบียบการขององค์กรแม่น้ำสากล
.
ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานสิ่งแวดล้อม หน่วยงานสิทธิมนุษยชน (Human right) และสารพัดองค์กรที่ไม่สังกัดรัฐบาล ออกมาเรียกร้องเพื่อสกัดกั้นการก่อสร้างเขื่อน ก็ไม่สามารถแทรกแซงกิจการภายใน และอำนาจอธิปไตยในเขตน้ำแดนดินได้อย่างเด็ดขาด
.
รองรัฐมนตรีฯ สุลิอุดง ระบุอีกว่า การสร้างเขื่อนใดๆ ก็ตาม ปัญหาพื้นฐานด้านเทคนิคคือการเรียกร้องให้สร้างเงื่อนไขอันเป็นที่ยอมรับได้ เช่น สามารถให้เรือผ่านได้ สามารถให้ปลาไปวางไข่ได้ และสงวนไม่ให้หาปลาบริเวณหน้าเขื่อน

ในกรณีที่ประเทศใดไม่มีงบประมาณเพียงพอ อาศัยงบประมาณจากภายนอก จำเป็นต้องผ่านบทประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม แผนจัดสรร โยกย้าย และชดเชยค่าเสียหายต่อบุคคล หรือนิติบุคคล หรือการจัดตั้งที่ได้รับผลกระทบ จึงสามารถกู้เงินมาลงทุนสร้างได้

ข่าวจาก https://mgronline.com/local/detail/9630000077035

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ว่าคณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติของจีนรายงานสถานการณ์โรคจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศ ภายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการยืนยันผู้ติดเชื้อใหม่อีก 101 คน เป็นสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง โดยจากจำนวนผู้ป่วยกลุ่มใหม่ทั้งหมดแบ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเพียง 3 คน เท่ากับว่าอีก 98 คนได้รับเชื้อจากภายในประเทศ

อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/foreign/787112

 

แม้ว่า Google จะถอดแอปทั้งหมดนี้ออกจาก Play Store ไปแล้ว แต่ทั้งหมดมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 2.34 ล้านครั้ง หากใครมีแอปเหล่านี้ติดตั้งอยู่ในเครื่องก็อย่าลืมถอนการติดตั้งออกไปด้วยนะครับ

 

ผบ.ตร.เซ็นสำรองราชการ "วิระชัย" ปมคลิปเสียงหลุดคุยคดียิงรถ "บิ๊กโจ๊ก" ชี้ผลสอบชัด ผิดวินัยร้ายแรง มีเจตนาเปิดเผยความลับทางราชการ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ขององค์กร ถูกดำเนินคดีอาญา

อ่านต่อ > https://news1live.com/detail/9630000077568
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

เจ้าอาวาสวัดไทย ในเมืองลาสเวกัส มรณภาพหลังติดเชื้อโควิด19 ส่วนพระลูกวัด ติดเชื้ออีก 4 รูป คาดอาการหนัก

 

ตร.โยนอัยการ หลังสอบพยานใหม่เอง ทำคดีพลิก : [THE MESSAGE]
.
ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผยพนักงานสอบสวน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพยานใหม่ 2 ปาก เพราะทางอัยการเป็นฝ่ายมีคำสั่งให้สอบปากคำเพิ่ม หลังผู้ต้องหายื่นร้องขอความเป็นธรรมกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งผลการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ จะไม่มีผลต่อคดีความ เพราะคดีสิ้นสุดแล้ว หลังตำรวจมีความเห็นฟ้อง และไม่เกี่ยวข้องกับผลการตรวจสอบของอัยการสูงสุด แต่สำหรับครอบครัวผู้เสียหาย ยังสามารถฟ้องร้องคดีต่อศาลได้เอง ตามกระบวนการยุติธรรม

 

สังคมสองมาตรฐาน “ประชาชน คนธรรมดา” อยู่ชั้นไหน? : [NEWS REPORT]
.
เกิดคำถามขึ้นมากมายจากผู้คน ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นสังคมเส้นสาย สังคมสองมาตราฐาน เหล่านี้เราทราบกันอยู่แล้วใช่หรือไม่
.
การเอาเรื่องเดียวมาปฏิบัติให้ไม่เหมือนกัน ทั้งที่ข้อเท็จจริงเหมือนกันต้องปฏิบัติอย่างเดียวกัน ที่เห็นชัดในปัจจุบัน คือโครงสร้างทางกฏหมาย
.
อย่างกรณี อัยการสั่งไม่ฟ้อง “ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง” ใน ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่สำหรับคนธรรมดาทั่วไป จะเป็นอย่างไรกัน ประชาชนคนธรรมอยู่ชั้นที่เท่าไหร่
.
หรือว่า ต้อง เงินถึง ใจป๋า ปัญหาหมด ?
หรือ อาจมีความเปลี่ยนแปลงที่จากนี้ไปทุกคนใส่ใจที่จะทำให้สังคม มีความเป็นธรรม และ เท่าเทียมกัน