ติดตามสถานะการณ์

เอเอฟพี - เศรษฐกิจสหรัฐฯ พังครืนท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทำสถิติหดตัวรุนแรงสุดตั้งแต่มีการบันทึกมา ขณะที่ความหวังของการฟื้นตัวมีอันต้องสะดุดอีกครั้ง หลังพบคนตกงานเพิ่มขึ้น จากข้อมูลของรัฐบาลที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (30 ก.ค.)
.
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) หดตัว 32.9% แม้จะแย่กว่าคาดหมายไว้เล็กน้อย แต่มันถือเป็นการหดตัวครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 1947 ของชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้
.
หลังจากหดตัว 5.0% ในไตรมาสแรกของปี 2020 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจีดีพีของสหรัฐฯ จะหดตัวลงราวๆ 35% หรือมากกว่านั้น ท่ามกลางมาตรการจำกัดการเดินทางและปิดธุรกิจสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำประชาชนหลายสิบล้านคนต้องตกงาน
.
ปัจจัยหลักในการดิ่งลงของจีดีพีก็คือตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่สุดของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยพบการใช้จ่ายผู้บริโภคลดลง 34.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี
.
จากการเปรียบเทียบกับไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดในช่วงวิกฤตการเงินโลกในปี 2008 พบว่า ตอนนั้นจีดีพีหดตัวเพียง 8.4% ในไตรมาสที่ 4 ของปีดังกล่าว ขณะที่จุดต่ำสุดอีกครั้งหนึ่งคือการหดตัว 10% ในไตรมาสแรกของปี 1958
.
การรายงานครั้งนี้เป็นการเน้นย้ำให้เห็นว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ทำร้ายธุรกิจทั่วสหรัฐฯ และยังทำให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนต้องตกงาน และตัวเลขดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงขอบเขตความเสียหายเลวร้ายทางเศรษฐกิจ อันเป็นผลมาจากการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์และคำสั่งหยุดอยู่บ้าน เพื่อสกัดการแพร่ระบาด
.
แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงให้คำมั่นเกี่ยวกับการฟื้นต้วอย่างฉันพลัน แต่ในขณะเดียวกันนั้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กัดกร่อนสัญญาณการฟื้นตัวก่อนหน้านี้ และกดดันให้เจ้าหน้าที่ในบางรัฐต้องหวนบังคับใช้มาตรการเข้มงวดอีกรอบ
.
อีกด้านหนึ่งข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าตัวเลขเบื้องต้นของผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายใหม่เพิ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ลดลงมาหลายสัปดาห์ติด โหมกระพือเสียงเรียกร้องรอบใหม่ให้สภาคองเกรสผ่านแผนใช้จ่ายฉุกเฉินรอบใหม่เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจโดยทันที
.
หลังจากยอดผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานเพิ่มสูงขึ้นในเดือนมีนาคม ท่ามกลางคนตกงานจำนวนมากในช่วงต้นของโรคระบาดใหญ่ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานครั้งแรกได้ลดลงมาหลาสัปดาห์ติด ทว่ามันได้กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งเป็น 1.43 คนในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 กรกฎาคม จากข้อมูลของกระทรวงแรงงาน
.
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 19 แม้ว่ารัฐต่างๆ ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และได้เปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่
.
รวมแล้ว จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 17.018 ล้านรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 กรกฎาคม หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์สู่ระดับ 24.912 ล้านรายในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ขณะที่อัตราคนว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 11.6% ในสัปดาห์เดียวกัน
.
เวลานี้สภาคองเกรสกำลังติดหล่มในประเด็นโต้เถียงเกี่ยวกับขนาดและองค์ประกอบของร่างใช้จ่ายฉุกเฉินรอบต่อไป โดยทางเดโมแครตกำลังต่อสู้เพื่อให้รักษาวงเงินช่วยเหลือผู้ว่างงานไว้ที่ระดับ 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ส่วนรีพับลิกันต้องการลดการจ่ายเงิน และเสนอมาตรการปกป้องธุรกิจต่างๆ ที่กลับมาเปิดบริการ ในกรณีที่มีพนักงานบางส่วนติดเชื้อ
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://mgronline.com/around/detail/9630000078114
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

ในที่สุดเวียดนามก็เสียสถิติผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็น 0 ราย หลังจากที่ครองมานานหลายเดือน โดยเมื่อล่าสุด สื่อทางการของเวียดนามรายงานว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนไข้ชายวัย 70 ปี จากเมืองฮอยอัน ที่ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อที่เมืองดานัง พื้นที่ที่เกิดการระบาดระลอกสองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
.
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อประจำวันนี้ (31 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 45 ราย โดยทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดที่เมืองดานัง ซึ่งถือเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรกในเวียดนามเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา
.
เช้าวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามประกาศว่า พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่อีก 45 คนในเมืองดานัง ทำสถิติตัวเลขรายวันสูงสุดนับตั้งแต่โควิด-19 ระบาด ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดโควิด-19 ในเวียดนามอยู่ที่ 509 คน

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://vietnaminsider.vn/breaking-vietnam-reports-first-death-from-covid-19/
https://tuoitrenews.vn/news/society/20200731/vietnam-reports-first-covid19-death/55877.html
https://www.posttoday.com/world/629680
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/891744
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

เมื่อวานนี้ มีรายงานจากสื่อจ่างประเทศว่า คณะวิจัยของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ แห่งสหรัฐฯ พบว่าโคโรนาไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นต้นตอของโรคโควิด-19 สามาถซ่อนตัวในจุดที่ไม่คาดไม่ถึง ทั้งภายใน และด้านหลังใบหูของมนุษย์ โดยคณะผู้เชี่ยวชาญด้านโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา และพยาธิวิทยา พบว่าโคโรนาไวรัสสามารถอาศัยอยู่อย่างสบายๆ บริเวณหูชั้นกลาง และโพรงกระดูกมาสตอยด์ (mastoid) หลังได้ทำการชันสูตรศพคนไข้ 3 ราย ที่มีผลตรวจไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นบวก และแสดงอาการป่วยโควิด-19 ก่อนเสียชีวิต
.
อย่างไรก็ตาม พวกผู้เชี่ยวชาญยังเน้นว่าอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ มากมาย หรืออาจจะเป็นเพราะโรคประจำตัว ที่ส่งผลกระทบต่อการเข้าไปตั้งรกรากของโคโรนาไวรัสในมาสตอยด์ และหูชั้นกลาง “บางทีก็มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างการเสียชีวิตจากโควิด-19 กับการตายโดยมีโควิด-19 อาศัยอยู่” พวกเขากล่าว
.
กระนั้นการค้นพบครั้งใหม่ นั่นหมายความว่าพวกผู้เชี่ยวชาญด้านโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา ที่เคยสบายๆ ตอนตรวจโรคคนไข้ เวลานี้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงโดยตรงต่อการติดเชื้อไวรัสเสียแล้ว โดยผลการศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการชันสูตรวิจัยของโรงพยาบาลจอห์นส ฮอปกินส์ ที่ใช้เวลานานกว่า 6 เดือน และเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 63
.
ถึงแม้จะยอมรับว่า การศึกษาของพวกเขามีข้อจำกัดมากมาย แต่กระนั้นพวกนักวิจัย ก็ได้แนะนำให้บุคลากรด้านการแพทย์ ดำเนินการใช้มาตรการพิเศษต่างๆ เพื่อใช้ในการป้องกัน อย่างเช่นสวมหน้ากากอนามัย หรืออุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบจ่ายอากาศบริสุทธิ์ (Powered Air Purifying Respirator) ยามที่ทำการตรวจหูคนไข้ หรือผ่าตัดหู อีกทั้งนอกจากนี้แล้ว คณะวิจัยของโรงพยาบาลจอห์นส ฮอปกินส์ ยังได้เรียกร้องให้บรรดาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่าผ่อนปรนกฎระเบียบเว้นระยะห่างทางสังคม ในห้องรอเรียกตัวของคลินิกต่างๆ และทำให้แน่ใจว่าห้องต่างๆ เหล่านั้นไม่แออัดจนเกินไป เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาด

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.hopkinsmedicine.org/new...rs-cov-2-and-may-pose-risk-for-medical-staffs

https://smenews.org/coronavirus-can-hide-in-human-ears-new-research-finds/

https://mgronline.com/around/detail/9630000078104
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

วันนี้ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดบริษัทเมื่อวันที่ 30 ก.ค.63 ได้มีมติให้บริษัท ในฐานะลูกหนี้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ และให้เสนอผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ต่อศาลล้มละลายกลางภายใต้ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 โดยบริษัทได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทต่อศาลล้มละลายกลางแล้ว เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา และศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการไว้พิจารณาแล้วในวันเดียวกัน เป็นคดีดำ ฟฟ21/2563 และนัดไต่สวนคำร้องฯ วันที่ 27 ต.ค.63 เวลา09.00 น.
.
โดยการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการฯ ดูจะเป็นแนวทางที่เหมาะสม และดีที่สุด ในการแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินชั่วคราวของบริษัท ภายใต้การกำกับดูแลของศาลฯ เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินการต่อไปได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ทางบริษัทไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะเลิก หรือชำระบัญชีบริษัท และไม่ได้มุ่งหมายให้บริษัทต้องตกเป็นบุคคลล้มละลาย
.
ในทางตรงกันข้ามบริษัทกลับมีความมุ่งมั่น และแน่วแน่ ที่จะดำเนินกิจการต่อไปให้ก้าวหน้าเติบโตเจริญรุ่งเรือง เพราะปัญหาในปัจจุบันของบริษัท ไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ แต่เกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก ทำให้บริษัทเกิดข้อติดขัด และอุปสรรคในการดำเนินกิจการ
.
อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัทสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของแผนฟื้นฟูธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนต่างๆ ซึ่งมีกฎหมายรองรับ และให้ความคุ้มครองแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรม อีกทั้งบริษัทยังสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ตามปกติในระหว่างที่อยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ไม่ว่าจะเป็นการให้การบริการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้า และไปรษณียภัณฑ์ทางอากาศ สำหรับแนวทางเบื้องต้นการฟื้นฟูกิจการประกอบด้วย การปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อแก้ไขหนี้สินที่มีอยู่ให้เสร็จสิ้นโดยคำนึงถึงประโยชน์ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรม และสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท
.
ทั้งนี้การบริหารจัดการกิจการของลูกหนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และสามารถชำระหนี้ได้ตามแผนฟื้นฟูกิจการเช่น ปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางบิน และปรับฝูงบิน การปรับปรุงกลยุทธ์ด้านการพาณิชย์ และความสามารถในการหารายได้ การปรับปรุงโครงสร้างองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน ปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น พัฒนา และปรับปรุงระบบการบริหารงานบุคคล ทั้งนี้บริษัทได้เสนอให้ บริษัท แกรนท์ ธอนตัน สเปเชียลิสท์ แอ็ดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ร่วมกับนายปริญญา ไววัฒนา นายไต้ ชอง อี นายเกษมสันต์ วีระกุล นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร และนายชวลิต อัตถศาสตร์ กรรมการของบริษัทเป็นผู้ทำแผน
.
สำหรับการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญ ในการที่จะเปลี่ยนแปลงบริษัทไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้โดยสาร ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางการค้า ลูกหนี้ เจ้าหนี้ พนักงานบริษัท ผู้ลงทุน ประชาชน รวมถึงระบบเศรษฐกิจ และสังคมของไทย โดยบริษัทเล็งเห็นแล้วว่า ขณะนี้ประชาชน และนักท่องเที่ยวยังเดินทางกันไม่มาก จะทำให้บริษัทสามารถฟื้นฟูกิจการได้อย่างคล่องตัว และรวดเร็วมากกว่าในภาวะปกติ ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องฟื้นฟูกิจการให้สำเร็จก่อนการระบาดโควิด-19 จะยุติลง ซึ่งบริษัทยังมีความพร้อมอย่างเต็มที่ และสามารถให้บริการอย่างดี เพื่อตอบสนองความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศ รวมถึงประชาชนทั่วไปได้อย่างดี
.
ปัจจุบัน นกแอร์มีหนี้สิน 2.6 หมื่นล้านบาท มากกว่าทรัพย์สินที่มีอยู่ 2.3 หมื่นล้านบาท สำหรับรายจ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าเช่าเครื่องบิน
.
-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.moneyandbanking.co.th/article/nok-covid-19-300720

https://siamrath.co.th/n/173473
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ นายสิระ เจนจาคะ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า กรรมาธิการฯ เตรียมเชิญทันตแพทย์ของนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ที่ให้การกับตำรวจว่า สารเสพติดโคเคนในเลือดของนายวรยุทธ เป็นสารที่ผสมอยู่ในยาชาที่ใช้รักษาฟันให้นายวรายุทธมาให้ข้อมูล
.
เพราะทางอุปนายกทันตแพทยสภา และนักวิชาการภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยืนยันตรงกันว่า ยาชาที่หมอฟันใช้ในปัจจุบัน ที่ขึ้นบัญชียาหลักแห่งชาติ คือ ลิโดเคน แม้จะลงท้ายด้วยเคนเหมือนกัน แต่เป็นคนละตระกูลกันกับโคเคน และปัจจุบันไม่มีหมอฟันคนใดในโลกใช้อีก
.
“วันนี้เรากำลังเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ทัตนแพทย์คนดังกล่าวที่ให้ข้อมูลกับตำรวจ จะต้องถูกเชิญมาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการ ร่วมกับอุปนายกทันตแพทยสภา หากพบว่าข้อมูลของทันตแพทย์คนนี้ เป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกับหลักวิชาชีพ ทันตแพทย์ จะต้องรับผิดทางกฎหมายในการกระทำผิด ที่ต้องการช่วยเหลือผู้ต้องหา” นายสิระ กล่าว
.
นายสิระ กล่าวว่า กรรมาธิการจะส่งหนังสือเชิญแพทย์เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทุกคนมาให้ข้อมูลที่แท้จริง เพราะเชื่อว่าแพทย์ทุกคนยึดหลักวิชาการสากล คงไม่มีใครมีตำราส่วนตัวมาใช้ประกอบวิชาชีพได้

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://tna.mcot.net/politics-484822

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

วันนี้ มีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า ภรรยาของประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู มีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก จากถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดี (30 ก.ค.) อีกทั้งยังมีหนึ่งในคณะรัฐมนตรีของสามี ก็เพิ่งได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเช่นกัน ในขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ไม่มีทีท่าชะลอตัวลง ซึ่งบราซิลจัดเป็นชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ
.
โดยเมื่อไม่กี่วัน หลังจากสามีของเธอ ประกาศว่าสามารถเอาชนะไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยมีผลตรวจเป็นลบหลังกักกันโรคตนเองเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ทางทำเนียบประธานาธิบดี ได้ระบุในถ้อยแถลงในวันพฤหัสบดี (30 ก.ค.) ว่านางมิเชลล์ ภรรยาของโบลโซนารู ก็มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกเช่นกัน “สุภาพสตรีหมายเลข 1 มิเชลล์ โบลโซนารู มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกในวันพฤหัสบดี (30 ก.ค.) และเธอจะปฏิบัติตามข้อกำหนดทุกอย่าง” ถ้อยแถลงระบุ
.
ซึ่งก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน มาร์กอส ปอนเตส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของบราซิล เปิดเผยว่าเขามีผลตรวจไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ออกมาเป็นบวก กลายเป็นรัฐมนตรีรายที่ 5 ในรัฐบาลของโบลโซนารู ที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19
.
ทั้งนี้ การติดเชื้อของภริยาประธานาธิบดี มีขึ้นในขณะที่การแพร่ระบาดในบราซิล ดูจะไม่มีทีท่าชะลอตัวลงใดๆ โดยเมื่อวันพุธ (29 ก.ค.) เพิ่งพบผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตรายวันสูงสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อ 69,074 คน และเสียชีวิต 1,595 คน ส่งผลให้ประเทศแห่งนี้ผ่านหลักชัยอันน่าเศร้า ยอดติดเชื้อสะสมมีมากกว่า 2.5 ล้านคน และเสียชีวิตเกิน 90,000 คน
.
-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.straitstimes.com/world/...bolsonaro-minister-test-positive-for-covid-19

https://time.com/5874061/bolsonaro-wife-coronavirus/

https://mgronline.com/around/detail/9630000078122
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

30 ก.ค.63 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก ตร. เปิดเผยภายหลังการประชุมก.ตร. และ ก.ต.ช. ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับเรื่องสถานการณ์การชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมืองในช่วงนี้ ว่าให้ตำรวจดำเนินคดีเด็ดขาดกับกลุ่มแกนนำผู้ชุมนุมที่มีหมายจับค้างเก่า มีคดีติดตัว หรือได้รับการประกันตัวออกมา แล้วกลับมายุยงปลุกปั่นให้การชุมนุมไม่เป็นไปตามกฎหมาย กลับมากระทำผิดซ้ำด้วยการจัดการชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ
.
ส่วนกลุ่มน้องๆเยาวชนที่มีการออกมาเคลื่อนไหว แสดงออกและอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายนั้น หลังจากระยะเวลาต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ขอให้ยึดปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ โดยการแจ้งการชุมนุมก่อนล่วงหน้า ซึ่งตำรวจไม่ขัดข้องหากเป็นการแสดงออกตามหลักประชาธิปไตย ไม่ขัดต่อกฎหมาย
.
ส่วนกระแสข่าวที่ตำรวจตระเวนชายแดนได้จัดเตรียมสถานที่ไว้เพื่อรองรับผู้ชุมนุมกลุ่มเยาวชนปลดแอกนั้น พล.ต.ท.ปิยะ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยหน่วยงานความมั่นคงได้มีการตรวจสอบไปยังตำรวจตระเวนชายแดนแล้วพบว่า เป็นการสั่งการภายในของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อตรวจสอบและจัดการสถานที่ตามปกติ ไม่ได้มีนัยยะใดๆ และไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://www.thaipost.net/main/detail/72934
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

เพจทันตแพทย์ชื่อดัง แจง “โคเคน” เคยใช้เป็นยาชาเมื่อ 150 ปีก่อน ส่วนยาชาที่ใช้ในปัจจุบัน“ลิโดเคน” งานวิจัยชี้ชัด ผลตรวจไม่มีทางหลอกว่าเป็นโคเคนได้ หลังตำรวจเข้าชี้แจง กมธ.สภาฯ อ้างสารโคเคนที่พบในตัว "บอส วรยุทธ" มาจากยารักษาฟัน
.
วันที่ 30 ก.ค. 63 จากการที่ตำรวจชี้แจงกรณีไม่แย้งคำสั่งอัยการที่ไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ว่า พนักงานสอบสวนให้ข้อมูลว่า ได้รับการยืนยันจากหมอฟันว่า สารที่ตรวจพบในร่างกายนายวรยุทธเป็นยาที่ให้ผู้ต้องหาในการรักษาฟันที่มีส่วนผสมของสารโคเคนอยู่ ทำให้ไม่สั่งฟ้องเรื่องสารเสพติด
..
จากนั้น ทางเพจทันตแพทย์ชื่อดัง “ห้องทำฟันหมายเลข 10” ได้โพสต์ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า ...
.
เรื่องนี้จะไม่แปลกถ้าเป็นเมื่อ ศตวรรษที่ 18 !!! หมอฟันคนนั้นต้องนั่งไทม์แมชชีนมาแน่นอน
.
หนึ่งในยาที่ใช้มากที่สุดในทางทันตกรรม คือ ยาชา โดยยาชาตัวแรกที่นำมาใช้ทางการแพทย์ คือ โคเคน (cocaine) ในปี ค.ศ. 1859 (150 ปีมาแล้ว!!!) แต่ด้วยข้อเสียของโคเคนที่มีระยะเวลาการออกฤทธิ์สั้น และมีฤทธิ์เสพติด จึงมีการพัฒนายาที่มีสูตรโครงสร้างคล้ายโคเคน ชื่อ Procaine ขึ้นในปี ค.ศ. 1904
.
แต่ในปี ค.ศ. 1948 มีการนำยาชาที่มีสูตรโครงสร้างต่างไปจาก cocaine และ procaine ได้แก่ lidocaine และมียาชาที่พัฒนาต่อเนื่องตามมาได้แก่ mepivacaine (ค.ศ. 1965) prilocaine (ค.ศ. 1983; ยาชนิดนี้ไม่มีใช้ในประเทศไทย) และ articaine (ค.ศ. 2000)
.
โดยยาชาทั้งสามกลุ่มนี้มีสูตรโครงสร้างคนละแบบกับโคเคน รวมทั้งกระบวนการขับยาออกจากร่างกายก็ได้สารเคมีคนละกลุ่มกับโคเคน
.
Reference: Oral Maxillofacial Surg Clin N Am 25 (2013) 453–465
https://jamanetwork.com/journals/jama/article-abstract/445247
.
จากนั้นได้โพสต์อีกว่า ... คนก็ยังอาจสงสัยยาชามันชื่อลงท้าย “เคน” เหมือนกัน (แต่จริงๆ มันก็คนละโครงสร้างหละนะ) ถ้าไปฉีดยาชา “ลิโดเคน” ทำฟันมาจริงแล้วไปตรวจ “โคเคน” มันจะขึ้นผลหลอกว่ามีโคเคนหรือเปล่า (false positive)
.
จากการวิจัยก็บอกว่า ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ครับ แปลว่า ตรวจเจอโคเคนก็คือโคเคน อย่ามาโบ้ยยาชาที่รักของหมอฟันนะ
เอาเอกสารวิชาการมาให้ดูกัน ว่ากันด้วยหลักการและเหตุผลนะครับ
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000078103
-
-
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

เครือข่ายต่อต้านค้ามนุษย์ฯ เตรียมยื่นหนังสือโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ทวงถาม “เนตร นาคสุข” สั่งยุติไม่ฟ้องผู้ต้องหาสำคัญคดีวิคตอเรียซีเคร็ทหรือไม่
.
วันนี้ (30 ก.ค.) นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์เด็กและสตรีและเครือข่ายต่อต้านการค้ามนุษย์ เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (31 ก.ค.) เวลา 11.00 ตนจะไปยื่นหนังสือทวงถามผลการสอบสวนเครือข่ายร้องเรียนต่อสำนักนายกรัฐมนตรี กรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีสถานอาบอบนวดวิคตอเรียซีเคร็ท ทำให้ นางนิภา และ นายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ภรรยาและลูกชาย นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ หลุดคดีไป ต่อมาสำนักนายกรัฐมนตรี ส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุด ตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของอัยการ โดยมี นายเนตร นาคสุข เป็นประธานคณะทำงาน ทราบเบื้องต้นว่า นายเนตร นาคสุข สั่งยุติเรื่องการสอบสวน
.
ดังนั้น องค์กรเครือข่ายต้อต้านการค้ามนุษย์ และมูลนิธิรณสิทธิ์ จึงจะไปทวงถามเหตุผลการสั่งยุติการสอบสวนดังกล่าว ที่ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อถามถึงผลการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีว่าเป็นอย่างไร และขอให้อธิบายด้วยว่าหากสั่งยุติเรื่องการสอบสวนนั้นเป็นเพราะเหตุใด โดยจะยื่นหนังสือผ่าน นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชื่อของ “เนตร นาคสุข” อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูง เป็นที่จับจ้องของสังคมอย่างมาก เมื่อขณะรักษาการรองอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อยู่วิทยา หรือ บอส กระทิงแดง ทายาทตระกูลเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 กรณีขับรถ สปอร์ตเฟอร์รารีชนรถจักรยานยนต์ ทำให้ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต บนถนนสุขุมวิท เมื่อคืนวันที่ 3 ก.ย. 2555 ต้องยุติลง กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด มีคำสั่งที่ พิเศษ/2563 แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดี บอส อยู่วิทยา รวม 7 คน มอบหมายให้ นายสมศักดิ์ ติยะวานิช รองอัยการสูงสุด เป็นประธานคณะทำงานกำหนดกรอบเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน (4 ส.ค.)
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://mgronline.com/crime/detail/9630000078095
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

July 31, 2020 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ 6 รัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง
.
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง รัฐมนตรีลาออก โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
.
ด้วยได้มีรัฐมนตรีขอลาออกจากตำแหน่งจำนวน 6 ราย คือ
.
1. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 ความเป็นรัฐมนตรีของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 ตามความในมาตรา 170 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
.
2. นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ความเป็นรัฐมนตรีของนายอุตตม สาวนายน จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ตามความในมาตรา 170 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
.
3. นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ความเป็นรัฐมนตรีของนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ตามความในมาตรา 170 (2)ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
.
4. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ความเป็นรัฐมนตรีของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ตามความในมาตรา 170 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
.
5. นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2563 ความเป็นรัฐมนตรีของนายเทวัญ ลิปตพัลลภ จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2563 ตามความในมาตรา 170 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
.
6. หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2563 ความเป็นรัฐมนตรีของหม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2563 ตามความในมาตรา 170 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
.
ประกาศ ณ วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
.
#รัฐมนตรี #ลาออก #รัฐบาล #Misterban

 

Jul 31 , 2020 ยูเอ็นเตือนโควิดทำคนอาเซียนเสี่ยงยากจนเพิ่มสูงขึ้น
.
องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ได้เตือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไทยว่า อาจเสี่ยงวิกฤตทางเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดโควิด-19 จะส่งผลกระทบกับความเป็นอยู่ของแรงงานนอกระบบกว่า 218 ล้านคน โดยหากไม่มีแหล่งรายได้ทางเลือก และภาครัฐไม่มีระบบสวัสดิการทางสังคมอย่างเป็นทางการ หรือเงินเก็บเพื่อรองรับวิกฤต คนงานนอกระบบและครอบครัวจะทำให้เข้าสู่ความยากจน
.
โดยยูเอ็นได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในภาพรวมของทั้งภูมิภาคจะหดตัว 0.4% ในปี 2563 ขณะที่แรงงานจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไปทำงานต่างประเทศจะส่งเงินกลับบ้านลดลง 13% หรือประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงอยากแนะนำให้รัฐบาลแก้ปัญหาที่ทำให้จัดเก็บภาษีได้น้อยลง เช่น การหลบเลี่ยงภาษี ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม และการอุดหนุนค่าพลังงานเชื้อเพลิง เพื่อนำเงินส่วนนี้มาเตรียมช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19 และกระตุ้นเศรษฐกิจ
.
#ยูเอ็น #โควิด #เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ #Misterban

 

Jul 31 , 2020 ญี่ปุ่นประกาศขยายเวลาห้าม 146 ประเทศ รวมถึงไทยเข้าประเทศถึง 31 ส.ค. 2563
.
กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศขยายระยะเวลาการบังคับใช้มาตรการการเข้าเมืองของชาวต่างชาติเพิ่มเติม จนถึงวันที่ 31 ส.ค. 2563 (และอาจมีการขยายเวลาออกไปอีก) โดยสำหรับประเทศไทยมีรายละเอียด ดังนี้
.
1. มาตรการการเข้าเมือง
1.1. ปฏิเสธการเข้าเมืองของผู้ที่เดินทางมาจากประเทศและพื้นที่ต่าง ๆ รวม 146 ประเทศ/เขต รวมถึงประเทศไทย ผู้ที่เคยเดินทางไปประเทศและพื้นที่เหล่านี้ในช่วง 14 วันก่อนหน้าวันที่จะเดินทางเข้าญี่ปุ่น และผู้ที่เปลี่ยนเครื่องบิน (transit) หรือเครื่องบินจอดเติมน้ำมันที่ประเทศและพื้นที่เหล่านี้ก่อนเดินทางเข้าญี่ปุ่น
.
1.2. ชาวต่างชาติที่มีสถานะเป็นผู้มีถิ่นพำนักถาวร (Permanent Resident) คู่สมรสหรือบุตรของชาวญี่ปุ่น คู่สมรสหรือบุตรของชาวต่างชาติที่มีสถานะเป็นผู้มีถิ่นพำนักถาวร หรือผู้มีถิ่นพำนักระยะยาว (Long Term Resident) จะได้รับการยกเว้นให้สามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นจากประเทศและพื้นที่ต่าง ๆ 146 ประเทศ/เขตได้ รวมทั้งประเทศไทย โดยมีเงื่อนไข ดังนี้
.
1.2.1. จะต้องมีเอกสาร Re-Entry Permission (การได้รับอนุญาตให้กลับเข้ามาในญี่ปุ่นได้อีก) โดยสำหรับคนไทย จะต้องเป็น Re-Entry Permission ที่ทางการญี่ปุ่นออกให้ก่อนวันที่ 2 เมษายน 2563
.
1.2.2. ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ผู้ที่มี Re-Entry Permission ตามข้อ 1.2.1 จะสามารถเดินทางกลับเข้าญี่ปุ่นได้ ต่อเมื่อมีเหตุผลเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น (special exceptional circumstances)
.
1.2.3. ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 เป็นต้นไป ผู้ที่มี Re-Entry Permission ตามข้อ 1.2.1 จะสามารถเดินทางกลับเข้าญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องมีเหตุผลเป็นกรณีพิเศษ แต่จะต้องแสดงเอกสารดังต่อไปนี้
.
1) “Letter of Confirmation of Submitting Required Documentation for Re-entry into Japan” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “Re-entry Confirmation Letter” ซึ่งออกโดยสถานเอกอัครราชทูต / สถานกงสุลใหญ่ของญี่ปุ่นในต่างประเทศที่ผู้ที่จะเดินทางเข้าญี่ปุ่นอาศัยอยู่
.
2) เอกสารแสดงผลการตรวจ PCR ภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเวลาออกเดินทางของเที่ยวบินที่จะบินเข้าญี่ปุ่น
.
2. มาตรการกักตัว: ทุกคนที่เดินทางมาจาก 146 ประเทศ/เขต รวมทั้งประเทศไทย จะต้องถูกตรวจหาเชื้อโควิด-19 (PCR Test และอาจเปลี่ยนเป็นวิธีอื่นในอนาคต) รวมทั้งต้องกักตัวในสถานที่ที่ทางการญี่ปุ่นกำหนดเป็นเวลา 14 วัน และไม่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ โดยมีผลบังคับใช้จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2563 (และอาจมีการขยายเวลา)
.
3. มาตรการด้านวีซ่า
3.1. ยกเลิกวีซ่าที่สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ของญี่ปุ่นในต่างประเทศได้ออกให้แก่ชาวต่างชาติในประเทศนั้น ๆ ทั้งวีซ่าประเภทเดินทางเข้าครั้งเดียวและประเภทเข้าออกหลายครั้ง (single and multiple visa) ในกรณีของคนไทย ข้อนี้หมายถึงการยกเลิกวีซ่าที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของญี่ปุ่นในประเทศไทยได้เคยออกให้ก่อนวันที่ 27 มีนาคม 2563
.
3.2. ระงับมาตรการยกเว้นวีซ่าเข้าญี่ปุ่น 15 วันสำหรับคนไทยเป็นการชั่วคราว (ข้อนี้ส่งผลให้ผู้ถือหนังสือเดินทางไทย ยังไม่สามารถเข้าญี่ปุ่นได้ 15 วันโดยไม่ต้องขอวีซ่า) มาตรการนี้จะใช้จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2563 (และอาจมีการขยายเวลา)
.
3.3. ระงับสิทธิการเข้าเมืองสำหรับผู้ถือ APEC Business Travel Card เป็นการชั่วคราว

4. ระยะเวลาการมีผลบังคับใช้ มาตรการข้างต้นมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 (และอาจมีการขยายเวลา)
.
#ญี่ปุ่น #ห้ามเข้า #146ประเทศ #Misterban

 

Jul 31 , 2020 บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่นยันบริษัทยังมีสภาพคล่อง ไม่ต้องขอฟื้นฟูกิจการ หวังทีมเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล ช่วยหนุนการท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง
.
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV เปิดเผยว่า บริษัทยังมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ โดยไม่ต้องยื่นขอฟื้นฟูกิจการ แต่บริษัทยังคาดหวังทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ จะช่วยหนุนภาคการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเป็นผลต่อดีธุรกิจการบินในประเทศ
.
ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โควิด-19 ซึ่งบริษัทคาดหวังการเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศได้เป็นปกติช่วยหนุน แต่ปัจจุบันประเทศในเอเชียเริ่มมีการระบาดรอบ 2 อีกครั้ง เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม ไต้หวัน ฮ่องกง
.
อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทได้ขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟต์โลน จากภาครัฐผ่านธนาคารออมสินวงเงินประมาณ 4,500 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ดำเนินการธุรกิจประกอบกัน แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งหากซอฟต์โลนจำนวนดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ทันในปีนี้ บริษัทอาจพิจารณาเงินจากแหล่งอื่นแทน เช่น การขอกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ การเพิ่มทุน หรือการหาพันธมิตรรายใหม่ โดยจะพิจารณาให้เหมาะสมกับสถานการณ์อีกครั้ง
.
ส่วนความกังวลเรื่องที่บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) สิ้นสุดไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 3.14 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงและอาจจะทำให้สถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้นั้น ทางบริษัทยืนยันว่า D/E ที่เพิ่มขึ้นมาเป็นไปตามผลกระทบมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9 ซึ่งคิดรวมค่าเช่าต่างๆ แต่หากคิดเพียงหนี้เพียงอย่างเดียวบริษัทจะมี D/E อยู่ที่ระดับประมาณกว่า 1 เท่า ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มสถาบันการเงินเข้าใจ และมีโอกาสปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทได้ได้
.
#แอร์เอเชีย #สายการบิน #ไม่ต้องฟื้นฟู #Misterban

 

Jul 31 , 2020 อดีตเลขาฯอังค์ถัด เชื่อหากไทยคุมโควิดได้ดีต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงปลายปี
.
ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการ การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด และ อดีตผู้อำนวยการใหญ่ องค์การการค้าโลก หรือ WTO เปิดเผยถึงมุมมองเศรษฐกิจโลก และไทยว่า เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกใน 1-2 ปีข้างหน้า ยังไม่อาจคาดการณ์ได้ เช่น จีนปีนี้จะเป็นปีแรกในประวัติศาสตร์ ที่ยกเลิกการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ ทิศทางการค้าการลงทุน ซึ่งต้องรอให้ประเทศปลอดจากการแพร่ระบาดโควิด-19
.
ปัญหาในขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจไทยจะโตแค่ไหน แต่ปัญหา คือ จะต้องแก้การทรุดตัวลงของอุปทาน ปัญหาทางด้านการผลิตอย่างไร ถ้าไทยกลับไปภาวะเดิม ฟื้นฟูการผลิตขึ้นใหม่ ภาวะที่เชื่อมโยงกันด้านอุปสงค์ การบริโภค ก็จะตามมาเอง ดังนั้นอย่าตั้งว่าเศรษฐกิจเป็นปัญหาของประเทศ แต่วิธีฟื้นฟูเศรษฐกิจก็ คือ แก้วิกฤตด้านสาธารณสุขก่อน ต้องการให้นักธุรกิจ นักลงทุน ผู้อุปโภค บริโภคมีความมั่นใจว่าเวลานี้เศรษฐกิจกำลังเดินทางไปในทางที่ค่อยๆดีขึ้นแล้ว
.
สำหรับเศรษฐกิจไทยและเอเชียในขณะนี้เป็นเศรษฐกิจที่มีปัญหาเรื่องการเอาตัวรอด หรือที่เรียกว่า Survival Economic ไม่ใช่เศรษฐกิจที่กำลังจะพัฒนาให้ขยายตัวต่อไป เพราะเมื่อหลุดจากภาวะการกดดันการแพร่ระบาด กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมา คนกลับมาทำงาน การค้าขาย กลับมา ก็จะทำให้เศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัวในปลายปีนี้
.
นอกจากนี้เห็นว่า แม้ธนาคารพาณิชย์กำลังเผชิญปัญหาหนี้คุณภาพต่ำ แต่ไม่ได้น่ากังวลเหมือนวิกฤตของเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนสูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้มาก
.
ส่วนเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนไป ทำให้ภาคธุรกิจ เริ่มวางระบบงานในอนาคต เช่นระบบ AI ระบบ IOT และ ระบบ Blockchain ที่จะเข้ามาเป็นตัวกำหนดวิธีการทำงาน กระบวนการ Digitalization จะขยายตัวรวดเร็ว เพื่อช่วยให้ธุรกิจแข็งแกร่ง และ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
.
#เศรษฐกิจ #WTO #อังค์ถัด #Misterban

 

Jul 31 , 2020 ญี่ปุ่นเจอพิษโควิดถล่มระลอก 2 โตเกียวยังพบผู้ติดเชื้อมากถึง 463 ราย พร้อมเตรียมแผนประกาศภาวะฉุกเฉินหากสถานการณ์เลวร้าย
.
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศญี่ปุ่นได้ทวีความรุนแรงขึ้นในวันนี้ หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 1,000 รายในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยในบางจังหวัดเริ่มประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ววันนี้
.
โดยกรุงโตเกียวพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากถึง 463 ราย ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอาชีพทำงานในเวลากลางคืน ล่าสุดมีคำสั่งให้ร้านที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ความร่วมมือปิดให้บริการในเวลา 22:00 น.
.
นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว ระบุว่า เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากตั้งแต่พบการระบาดมา หากสถานการณ์เลวร้ายลงทางกรุงโตเกียวก็พร้อมพิจารณาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทันที
.
ส่วนในจังหวัดโอซาก้า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 190 ราย ขณะที่เมืองฟูกุโอกะ พบผู้ติดเชื้อ 121 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ทำงานในเวลากลางคืน และจังหวัดไอจิมียอดผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 844 ราย
.
ล่าสุดนายฮาจิเมะ ฟูรูตะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกิฟุ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้วยตัวเองแล้ววันนี้ ให้เหตุผลว่าจังหวัดกำลังเผชิญกับการระบาดในรอบที่ 2 หลังพบผู้ติดเชื้อมากถึง 160 รายในเดือนนี้
.
ด้านนายโยชิฮิเดะ ซูกะ หัวหน้าคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศอย่างเด็ดขาด เนื่องจากผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอายุเฉลี่ยต่ำกว่า 40 ปีและมีอาการไม่รุนแรง ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว "Go To Travel" จะยังคงดำเนินต่อไป โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
.
#ญี่ปุ่น #ไวรัสโควิด19 #กรุงโตเกียว #Misterban

 

Jul 31 , 2020 ทีมวิจัยสหรัฐพบเชื้อไวรัสโควิด 19 อยู่ในหูชั้นกลาง - กระดูก กกหูของผู้ป่วย
.
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ของสหรัฐ ได้ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมการแพทย์อเมริกันถึงผลการชันสูตรผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 พบว่า เชื้อไวรัสอาศัยอยู่ในหูชั้นกลางและกระดูก กกหู ของผู้ป่วย
.
แต่ยังมีปัจจัยอื่นอีกมากมายที่ทำให้เชื้อไวรัสเข้าไปอาศัยอยู่ในหูชั้นกลาง และต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ต่อหู
.
ทีมวิจัยยังแนะนำให้ตรวจหาเชื้อไวรัสในผู้ป่วยก่อนทำการผ่าตัดหู เพื่อความปลอดภัยของแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
.
นอกจากนี้กรณีดังกล่าวไม่ใช่เคสแรกที่เชื้อไวรัสโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อหูของผู้ป่วย บทความในวารสารโสตศอนาสิกวิทยาอเมริกันที่ตีพิมพ์เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาระบุว่า หญิงสูงอายุชาวไทยที่ป่วยโควิด-19 สูญเสียการได้ยินระหว่างติดเชื้อ แม้หายแล้วการได้ยินก็ยังไม่กลับมา ซึ่งถือเป็นเคสแรกที่พบการสูญเสียการได้ยินในผู้ป่วยโควิด-19
.
#สหรัฐ #ไวรัสโควิด #Misterban

 

Jul 31 , 2020 ศบค.อนุมัติรับแรงงานต่างด้าว – คนต่างชาติ 4 กลุ่มเข้าไทยได้ทันที หากมีความพร้อม แต่ต้องมีภาครัฐเข้าไปดูแล ชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจ
.
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เปิดเผยถึงกรณีการอนุญาตต่างชาติ 4 กลุ่มเข้ามาในไทยและการผ่อนคลายในเฟสที่ 6 ว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการขออนุมัติจาก ศบค. ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง ศบค.ได้อนุมัติ ให้แรงงานต่างด้าวเดินทางเข้ามาทำงานในไทย ซึ่งอยู่ในการดูแลของกระทรวงแรงงาน และอนุมัติให้มีการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ อิลิทการ์ด(Elite card) โดยอยู่ในการดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งแต่ละกิจการ-กิจกรรม ผู้ประกอบการสามารถเริ่มดำเนินการได้ทันทีเมื่อมีความพร้อม ภาครัฐสามารถเข้าไปดูแล ก็สามารถเปิดบริการได้เลย
.
โดยไม่ต้องเรียกว่าระยะที่ 6 แต่เป็นเรื่องของความพร้อมของพื้นที่ ของผู้ประกอบกิจการ และภาคประชาชน ด้านสถานที่สำหรับกักตัวสังเกตอาการ Organization Quarantine มีเจ้าหน้าที่จากภาครัฐควบคุมดูแล แต่จะต้องเป็นการทำงานร่วมกันของตัวแทนกระทรวงเจ้าของเรื่อง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ที่สำคัญจะต้องทำความเข้าใจแก่ประชาชนด้วย
.
โดยในเดือนสิงหาคมกิจกรรมของ จ.ระยอง จะเป็นตัวอย่างการจัดงานต่างๆ ทั้งการปั่นจักรยานท่องเที่ยว การเดินวิ่งมาราธอนวิถีใหม่ การแข่งขันจักรยาน มินิคอนเสิร์ตวิถีใหม่ริมชายหาด จะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ ต้องฝากความร่วมมือ หากเห็นผลว่า ไม่มีความเสี่ยงในการเกิดแพร่ระบาด ทุกคนมีระเบียบ ร่วมมือสวมหน้ากากป้องกัน ก็จะทำให้มีจังหวัดอื่นปฏิบัติตามได้
.
#ศบค. #4กลุ่ม #ต่างชาติ #Misterban

 

Jul 31 , 2020 พนักงานสนามกอล์ฟชื่อดังเชียงใหม่กว่า 300 คน จ่อตกงาน หลังกองบิน 41 ติดประกาศสิ้นสุดสัญญาเช่า ด้านฝ่ายบริหารชี้ไม่ได้รับความเป็นธรรมหลังถูกปรับค่าเช่าเพิ่มขึ้น 500%
.
ภายหลังจากกองบิน 41 ในนามของกองทัพอากาศ ได้ขึ้นป้ายประกาศแจ้งเจ้าของผู้รับสัมปทานบริหารสนามกอล์ฟพิมานทิพย์ หรือ สนามกอล์ฟสตาร์โดม (คู่สัญญาเช่าพื้นที่) ให้ยุติกิจการและขอให้ออกจากพื้นที่ภายในวันนี้ โดยมีข้อความว่า กองบิน 41 แจ้งยุติกิจการและขอให้ออกจากพื้นที่ ตามที่ทางกองบิน 41 ได้อนุญาตให้ “บริษัท เดอะ สตาร์โดมจำกัด” ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของกองบิน 41 และสัญญาอนุญาตได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา
.
ที่สำคัญได้สิ้นสุดระยะเวลาตามที่ทางกองบิน 41 ได้อนุโลมในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่แล้ว กองบิน 41 ขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า การให้บริการสนามฝึกช้อมกอล์ฟในนาม “เดอะ สตาร์โดม และสนามฝึกซ้อมกอล์ฟพิมานทิพย์” จะสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการใน 31 กรกฎาคม 2563 นี้ และกองบิน 41 จะปิดพื้นที่อย่างไม่มีกำหนด ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป
.
ทำให้ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ผู้บริหารสนามกอล์ฟสตาร์โดม พร้อมฝ่ายบริหารและพนักงาน ได้ประชุมร่วมกันพร้อมชี้แจงว่า บริษัทสตาร์โดมฯ ได้ชนะการประมูลได้รับสิทธิ์การบริหารสนามกอล์ฟแห่งนี้เป็นเวลา 30 ปี (ช่วงปี2550-2580) ซึ่งก็ได้บริหารเรื่อยมา บริษัทฯ ใช้เงินกว่า 200 กว่าล้านบาท ลงทุนสร้างสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน 9 หลุม ช่องไดร์ฟกอล์ฟ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ปรับปรุงภูมิทัศน์ต่าง ๆ ต่อมาได้รับแจ้งจากทางกองทัพอากาศว่าสัญญาเดิม 30 ปี ยาวนานเกินไป เกรงว่าจะมีข้อจำกัดต่าง ๆ จึงขอให้ต่อสัญญาทุก ๆ 3 ปี และทุกสัญญาจะขอปรับเพิ่มค่าเช่าขึ้น 5% จึงยอมรับและทำตามเรื่อยมา
.
ซึ่งสัญญาล่าสุดต่อปี 2560-2563 ครบกำหนดแล้ว ก็ได้รับแจ้งมาอีกว่าขอปรับเปลี่ยนรายละเอียดสัญญาเช่าใหม่ โดยขอปรับค่าเช่าเพิ่มขึ้น 500% และระบุว่าเนื้อหาในสัญญาจะถูกปรับแก้เมื่อไหร่ก็ได้ รวมถึงพื้นที่เช่าส่วนไหนจะถูกตัดปรับแก้อย่างไรก็เป็นของกองทัพอากาศด้วย จึงไม่สามารถยอมรับได้
.
เนื่องจากภายหลังสถานการณ์โควิด ผลประกอบการรายได้ลดลงอย่างมาก จึงได้เข้าไปเจรจากับคู่สัญญาฯ เพื่อขอความเห็นใจ การเจรจาก็ไม่เป็นผล แถมทางคู่สัญญายังได้แจ้งอีกว่าจะเปิดประมูลให้เอกชนรายใหม่เข้ามาบริหาร โดยเปิดโอกาสให้สตาร์โดมมีสิทธิ์ร่วมการประมูลสัมปทานครั้งใหม่ ทั้งที่เรามีสัญญายาวถึงปี 2580 ตรงนี้หมายความว่าอย่างไร เราต้องยอมรับอย่างนั้นหรือ พนักงานเรา 300 ชีวิตจะอยู่ยังไง เราเป็นเอกชนไม่อยากจะมีเรื่องกับส่วนราชการอยู่แล้ว โดยเฉพาะทหารใคร ๆ ก็รู้ดี
.
แต่ไม่อยากถูกรังแกจึงอยากขอความเห็นใจ ขอยืนยันว่าเราจะไม่ไปไหน จะเปิดให้บริการตามปกติ เพราะเรามีสิทธิ์โดยชอบธรรมตามสัญญา และขอให้พนักงานทุกคนมั่นใจและตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไปจนกว่าจะหมดสัญญาปี 2580 ซึ่งจะต่อสู้จนถึงที่สุด
.
#สนามกอล์ฟ #เชียงใหม่ #ยกเลิกสัญญา #ตกงาน #Misterban

 

Jul 31 , 2020 ปิดโรงงานชุดชั้นในแบรนด์ดังกะทันหัน ปลดพนักงานทันทีกว่า 800 คน
.
พนักงานบริษัทบอดี้ แฟชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเสื้อชั้นในและชุดว่ายน้ำยี่ห้อไทรอัมพ์ ต่างอยู่ในอาการที่ตกใจ หลังทราบว่าทางโรงงานซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ประกาศเลิกจ้างพนักงานกว่า 800 คน ส่งผลให้ต้องตกงานทันที หลังจากก่อนหน้านี้โรงงานไทรอัมพ์ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ได้ปลดคนงานไปแล้วกว่า 2,000 คน เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก กระทั่งมาเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้โรงงานมีการประกาศปิดตัวชั่วคราวนานกว่า 3 เดือน และวันนี้เป็นวันที่กำหนดให้พนักงานที่เหลือกลับเข้ามาทำงานเป็นวันแรก
.
ซึ่งพนักงานได้มีการพยายามติดต่อไปยังผู้บริหารของโรงงาน แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้กลุ่มพนักงานของโรงงานไทรอัมพ์ พื้นที่ จ.นครสวรรค์ ที่ถูกเลิกจ้างทั้งหมด รวมตัวกันเดินทางมาที่สำนักงานคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครสวรรค์เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งสำนักงานคุ้มครองแรงงานจังหวัดยังไม่สามารถให้การช่วยเหลือได้ทันทีแต่ได้บอกให้พนักงานที่ตกงานทั้งหมด เขียนคำร้องตามกฎระเบียบของทางราชการ เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือต่อไป
.
#ไทรอัมพ์ #ชุดชั้นใน #บอดี้แฟชั่น #ตกงาน #ปลดพนักงาน #Misterban

 

July 31, 2020 เอสโซ่มาแล้ว เตรียมปลดพนักงาน ลดต้นทุนสู้ตลาดพลังงานตกต่ำจากโรคโควิด-19
.
เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ธุรกิจพลังงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐ และเป็นเจ้าของแบรนด์ปั้มน้ำมันเอสโซ่ในประเทศไทย ได้รับการประเมินผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 จะขาดทุน 2,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 84,160 ล้านบาท ส่งผลทำสถิติผลประกอบการขาดทุนรายไตรมาสที่สูงที่สุดในรอบมากกว่า 36 ปี ทำให้ราคาหุ้นเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ดำดิ่งหนักถึง -35% นับตั้งแต่ต้นปีนี้
.
สาเหตุจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐและทั่วโลก ทำให้ธุรกิจพลังงานได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ทรุดต่ำอย่างรุนแรงครั้งประวัติศาสตร์ในช่วงไตรมาสที่ 2 ราคาน้ำมันอากาศยานดำดิ่งจากธุรกิจสายการบินทั่วโลกได้รับความเสียหายครั้งประวัติศาสตร์จากธุรกิจเดินทางและท่องเที่ยวทั่วโลกที่ตกต่ำรุนแรง
.
เอ็กซอน โมบิล ประกาศตัดลดงบประมาณของบริษัทในปีนี้ลงไป 30% เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งแหล่งข่าวจากคณะบริหารของบริษัทดังกล่าว เปิดเผยว่า การลดจำนวนพนักงานจะเกิดขึ้น แต่ยังไม่ประกาศตัวเลขจำนวนพนักงานที่จะต้องลดลงอย่างเป็นทางการ ปัจจุบัน เอ็กซอน โมบิล จ้างงานทั่วโลกราว 74,000 คน การปรับลดค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ เพื่อรักษาการจ่ายเงินปันผล 8% หรือเกือบ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นประมาณ เกือบ 480,000 ล้านบาทให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท
.
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่า เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ไม่สามารถสร้างผลประกอบการจากธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะเงินสดได้มากเพียงพอที่จะครอบคลุมการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ได้ ในช่วงต้นปีนี้ เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ต้องกู้ยืมเงินสูงถึง 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 576,000 ล้านบาท
.
#ปลดพนักงาน #โควิด19 #เอ็กซอนโมบิล #เอสโซ่ #Misterban #น้ำมัน