ปกิณณกะธรรม

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย กระร่อน, 22 กรกฎาคม 2020.

  1. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    เศร้าดิิิิิิเพราะต้องละด้วย
    จะรู้เฉยๆปัญญาต้องมาก
    ที่ฆารวาทไม่เหมาะกะรู้เฉยๆเพราะงานทางโลกเยอะ
     
  2. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
  3. I sea you

    I sea you Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2020
    โพสต์:
    639
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,115
    ต้องเดินจงกรมช่วย.. มารู้เฉยๆ เลย จิตมันยังกระจัดจาย ป้อแป้ๆ ได้ผลน้อย

    ส่วนตัวก็ใช้กรรมฐาน5 เป็นตัวพัก บวกเดินจงกรม บวกรู้เฉยๆ ใน ชม. แล้วค่อยมาระลึกรู้เฉยๆ ในอิริยาบทย่อยต่อ ตามวิธีของครูที่เคยสอนมา
     
  4. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    พอออกสมาธิมันช่วยกั้นอารมณ์
    เวลานั้งสมาธิมันกะเคลียร์เรื่องต่างไปจิตใจมั่นกะดีมันเลยทันผัสสะที่มากะทบ
     
  5. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    ช้าวบ้านต้องทำมาหากิน
    คนเราถ้ารู้บทบาทหน้าที
    มันจะทำได้ดี
     
  6. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    มาบวชใจเป็นพระเจ๊งแน่นอนงานทางโลกทางทำไม่ได้อะไรซักอยาก
    อยากไปทางธรรมกะบวชเลย
    ทำให้ดีที่ละอย่างกะจบละ
     
  7. I sea you

    I sea you Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2020
    โพสต์:
    639
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,115
    ขรี้เหอะ ...บวชใจก็ได้ แต่ต้องทำใน ชม.เยอะ ๆ ตื่นมาตี 3 นั่งมาทิ ...เลิกงานก่อนจะนอนก็ฝึกอีก แค่นี้ก็ได้แล้ว
     
  8. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
  9. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    555มันต้องวางใจให้เป็นไม่งั้นมันจะหลอนๆหน่อย
    พอปรี๊ดละเลิกหลอนเลย55
     
  10. I sea you

    I sea you Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2020
    โพสต์:
    639
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,115
    ต้องหาเวลาทำในชม. เยอะๆ เดินจงกรมเยอะๆ สติมันจะต่อเนื่องนาน ถึงจะได้ผล แล้วก็ค่อยไปทำงาน ตอนทำงานก็รู้เฉยๆ ไปเท่าที่จะทำได้ 30% ต่อวันก็พอ เพราะเราไม่ใช่อรหันต์
     
  11. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    มีสติกะงานเวลาทำงาน
    เวลาพักกะกลับมาอยู่กะตัว
    เวลาอกุศลเกิดกะปะหาร
     
  12. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    ทำทีละอย่างละมันจะออกมาดี
     
  13. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    งานจะมีประโยชน์เมือเราได้ใช้ประโยชน์จากงาน
    ทำเป็น10อย่างไม่ได้ใช้ประโยชน์ซักอย่างทำไปเพื่ออะไรเหนือยฟรีไม่มีในระบบความคิด
     
  14. I sea you

    I sea you Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2020
    โพสต์:
    639
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,115
    งั้นวัดที่สอนสติปัฎฐานก็ต้องปิดแล้วหล่ะลุง ถ้าต้องจำกัดอยู่แค่นักบวช

    อย่าลืมว่าฆราวาสที่บรรลุธรรมก็มีอยู่เยอะนะ
     
  15. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    ใครทำสติปัฏฐานละไม่ทำงานมั่งงง
    ไม่ได้ห้ามทำบอกแค่ว่าเวลาทำงานตั้งใจทำงานดิ
    ใครทำงานตลอด24ชั่วโมง
     
  16. I sea you

    I sea you Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2020
    โพสต์:
    639
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,115
    ลุงๆป้าๆที่เกษียณแล้วไปนั่งมาทิที่วัดไง
     
  17. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    งานทางกายงานทางใจทำทีละอย่าง
    พอชำนาญมันกะขยายการรับรู้เอง
     
  18. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    แต่คนทำมันต้องฉลาดเวลานี้ทำนี้เวลานั้นทำนั้น
    คล้ายๆการจัดระเบียบชีวิตตัวเอง
     
  19. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    ไม่มีระเบียบกะวุ่นวายตาย
     
  20. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    คิดถึงพระสูตรนี่เลยครับ อุบายสอนพระพุทธองค์สุดยอดจริง
    ...........


    สมัยอื่นอีกนางตั้งครรภ์. โดยกาลล่วงไป ๑๐ เดือน นางคลอดบุตรแล้ว. บุตรนั้นได้ทำกาละแล้วในเวลาเดินได้. นางห้ามพวกชนที่จะนำบุตรนั้นไปเผา เพราะนางไม่เคยเห็นความตาย อุ้มร่างบุตรผู้ตายแล้วด้วยสะเอว ด้วยหวังว่า "จักถามถึงยาเพื่อบุตรเรา" เที่ยวถามไปตามลำดับเรือนว่า "ท่านทั้งหลายรู้จักยาเพื่อบุตรของฉันบ้างไหมหนอ?" ทีนั้น คนทั้งหลายพูดกับนางว่า "แม่ เจ้าเป็นบ้าแล้วหรือ? เจ้าเที่ยวถามถึงยาเพื่อบุตรที่ตายแล้ว."
    นางสำคัญว่า "จักได้คนผู้รู้จักยาเพื่อบุตรของเราแน่แท้" จึงเที่ยวไป.
    ทีนั้น บุรุษผู้เป็นบัณฑิตคนหนึ่ง เห็นนางแล้วคิดว่า "ธิดาของเรานี้จักคลอดบุตรคนแรก ไม่เคยเห็นความตาย, เราเป็นที่พึ่งของหญิงนี้ย่อมควร" จึงกล่าวว่า "แม่ ฉันไม่รู้จักยา, แต่ฉันรู้จักคนผู้รู้ยา."
    นางโคตมี. ใครรู้? พ่อ.
    บัณฑิต. แม่ พระศาสดาทรงทราบ, จงไปทูลถามพระองค์เถิด.
    นางกล่าวว่า "พ่อ ฉันจักไป จักทูลถาม พ่อ" ดังนั้นแล้วเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้วยืนอยู่ ณ ที่สุดข้างหนึ่ง ทูลถามว่า "ทราบว่า พระองค์ทรงทราบยาเพื่อบุตรของหม่อมฉันหรือ? พระเจ้าข้า."

    พระศาสดา. เออ เรารู้.
    นางโคตมี. ได้อะไร? จึงควร.
    พระศาสดา. ได้เมล็ดพันธุ์ผักกาดสักหยิบมือหนึ่ง ควร.
    นางโคตมี. จักได้ พระเจ้าข้า, แต่ได้ในเรือนใคร? จึงควร.
    พระศาสดา. บุตรหรือธิดาไรๆ ในเรือนของผู้ใด ไม่เคยตาย. ได้ในเรือนของผู้นั้น จึงควร.
    นางทูลรับว่า "ดีละ พระเจ้าข้า" แล้วถวายบังคมพระศาสดา อุ้มบุตรผู้ตายแล้วด้วยสะเอวเข้าไปภายในบ้าน ยืนที่ประตูเรือนหลังแรก กล่าวว่า "เมล็ดพันธุ์ผักกาดในเรือนนี้ มีบ้างไหม? ทราบว่านั่นเป็นยาเพื่อบุตรของฉัน." เมื่อเขาตอบว่า"มี" จึงกล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้น จงให้เถิด"
    เมื่อคนเหล่านั้นนำเมล็ดพันธุ์ผักกาดมาให้ จึงถามว่า "ในเรือนนี้ บุตรหรือธิดาเคยตายไม่มีบ้างหรือ? แม่" เมื่อเขาตอบว่า "พูดอะไร? แม่ เพราะคนเป็นมีเล็กน้อย, คนตายนั้นแหละมีมาก" จึงกล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้น จงรับเมล็ดพันธุ์ผักกาดของท่านไปเถิด, นั่นไม่เป็นยาเพื่อบุตรของฉัน" แล้วได้ให้คืนไป เที่ยวถามโดยทำนองนี้ ตั้งแต่เรือนหลังต้น. นางไม่รับเมล็ดพันธุ์ผักกาดแม้ในเรือนหลังหนึ่ง ในเวลาเย็น คิดว่า "โอ กรรมหนัก, เราได้ทำความสำคัญว่า ‘บุตรของเราเท่านั้นตาย' ก็ในบ้านทั้งสิ้น คนที่ตายเท่านั้นมากกว่าคนเป็น."
    เมื่อนางคิดอยู่อย่างนี้ หัวใจที่อ่อนด้วยความรักบุตร ได้ถึงความแข็งแล้ว. นางทิ้งบุตรไว้ในป่า ไปยังสำนักพระศาสดา ถวายบังคมแล้ว ได้ยืน ณ ที่สุดข้างหนึ่ง.
    ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะนางว่า "เธอได้เมล็ดพันธุ์ผักกาด ประมาณหยิบมือหนึ่งแล้วหรือ?"
    นางโคตมี. ไม่ได้ พระเจ้าข้า, เพราะในบ้านทั้งสิ้น คนตายนั้นแหละมากกว่าคนเป็น.
    ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะนางว่า "เธอเข้าใจว่า ‘บุตรของเราเท่านั้นตาย’, ความตายนั่นเป็นธรรมยั่งยืนสำหรับสัตว์ทั้งหลาย, ด้วยว่า มัจจุราชฉุดคร่าสัตว์ทั้งหมดผู้มีอัธยาศัยยังไม่เต็มเปี่ยมนั่นแล ลงในสมุทรคืออบาย ดุจห้วงน้ำใหญ่ฉะนั้น"
    เมื่อจะทรงแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
    มฤตยู ย่อมพาชนผู้มัวเมาในบุตรและสัตว์ของเลี้ยง
    ผู้มีใจซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ไป ดุจห้วงน้ำใหญ่พัดชาวบ้าน
    ผู้หลับไหลไปฉะนั้น.
    ในกาลจบคาถา นางกิสาโคตมีดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล,
    แม้ชนเหล่าอื่นเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้นดังนี้แล.
     

แชร์หน้านี้

Loading...