ติดตามสถานะการณ์

วัคซีนล็อต 2 จาก BioNTech/Fosun ถึงฮ่องกงแล้ววานนี้

การจัดส่งวัคซีน BioNTech / Fosun Covid-19 ครั้งที่สองจำนวน 758,000 โดสได้มาถึงฮ่องกงแล้วเมื่อวานนี้

ทันที่ๆ มาถึงที่สนามบินนานาชาติฮ่องกง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบวัคซีนตามขั้นตอนที่กำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนดที่ระบุของผลิตภัณฑ์ และยังตรวจสอบว่ากระบวนการขนส่งเป็นไปตามข้อกำหนดตาม Cold-chain ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากวัคซีนต้องเก็บไว้ในสภาพแวดล้อมที่เย็นจัดที่อุณหภูมิลบ 70 องศาเซลเซียส

เมื่อรวมกับล็อตแรก (ที่ใช้ชื่อ Conmirmaty) ที่ได้รับเมื่อเดือนที่แล้ว 585,000 โดส รวมทั้งหมดจาก BioNTech เป็น 1.34 ล้านโดส

ขณะนี้ ผู้มีสิทธิ์ฉีดวัคซีนจะเป็นพลเมืองจากกลุ่มที่มีลำดับความสำคัญ 5 กลุ่ม ได้แก่ ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปี, แพทย์, ผู้ที่ทำงานด่านข้ามพรมแดน, เจ้าหน้าที่บริการงานสาธารณะ, และผู้อยู่อาศัยและเจ้าหน้าที่ในสถานดูแล

โดยขณะนี้สามารถจองคิวการฉีดวัคซีน Comirnaty ผ่านระบบการจองออนไลน์ของรัฐบาลได้ที่ www.covidvaccine gov.hk/en/ เพื่อรับพวกเขาที่ศูนย์ฉีดวัคซีนท้องถิ่น 7 แห่งตั้งแต่วันพุธนี้ถึง 30 มีนาคม

นอกจากนี้ มีตัวเลือกวัคซีนอื่น - CoronaVac ที่ผลิตในปักกิ่งโดย Sinovac ซึ่งมีให้จองคิวบนเว็บไซต์เช่นกัน

ข้อมูลเพิ่มเติมการฉีดวัคซีน https://www.covidvaccine.gov.hk/en/
สถานที่ๆ ฉีดวัคซีน https://www.covidvaccine.gov.hk/pdf/List_of_CVC_Venues.pdf

***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***


Source : https://www.thestandard.com.hk/brea...ment-of-758,000-BioNTech/Fosun-doses-arrived?

#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

พบผู้เสียชีวิตรายที่ 3 หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนโควิด Sinovac

แหล่งข่าวได้รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นรายที่ 3 เป็นชายวัย 71 ปี หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนโควิด Sinovac

ชายคนดังกล่าวได้รับการฉีดวัคซีนโควิด Sinovac ในวันที่ 3 มีนาคม 2021 และได้เข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล United Christian เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ชายคนดังกล่าวไม่มีชีพจรเมื่อมาถึงโรงพยาบาลและไม่ตอบสนองต่อการช่วยชีวิต และจะมีการชันสูตรศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

ก่อนหน้านี้ ฮ่องกงก็ได้มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 รายหลังจากที่มีการฉีดวัคซีนโควิด Sinovac ไปแล้ว รายแรกเป็นชายวัย 63 ปี ซึ่งเสียชีวิตหลังได้รับวัคซีน 2 วัน โดยผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการเสียชีวิตไม่ได้มาจากการฉีดวัคซีน แต่มาจากโรคประจำตัว

ส่วนผู้เสียชีวิตรายที่ 2 เป็นหญิงวัย 55 ปี ซึ่งเจ็บป่วยจากโรคหลอดเลือดสมอง 3 วันหลังจากที่ได้รับวัคซีน เธอได้เข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาล Kwong Wah วันศุกร์และเสียชีวิตลงในคืนวันเดียวกัน

ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของรัฐบาล ได้มีการประชุมกันในบ่ายวันนี้ เพื่อตรวจสอบการเสียชีวิตหลังจากได้รับการฉีดวัคซีน 2 รายและอีก 2 รายที่ผู้ป่วยซึ่งถูกส่งไปยังหน่วย ICU ในช่วงสุดสัปดาห์

ข้อมูลเพิ่มเติมการฉีดวัคซีน https://www.covidvaccine.gov.hk/en/
สถานที่ๆ ฉีดวัคซีน https://www.covidvaccine.gov.hk/pdf/List_of_CVC_Venues.pdf

***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***


Source : https://www.thestandard.com.hk/brea...died-after-receiving-Sinovac-vaccine:-source?, https://www.scmp.com/news/hong-kong...4522/coronavirus-hong-kong-leader-experts-say

#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) ของสหภาพยุโรป (อียู) เรียกร้องให้ประเทศสมาชิก ระงับการอนุมัติวัคซีนสปุตนิก (Sputnik V) ซึ่งเป็นวัคซีนต้านโควิด-19 ที่พัฒนาโดยรัสเซีย ขณะกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัย
.
คริสตา วิลธูเมอร์-ฮอช ประธานบอร์ดบริหารของ EMA กล่าวว่า “เราต้องการเอกสารที่สามารถตรวจสอบได้ และขณะนี้เราก็ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ฉีดวัคซีน ซึ่งยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงขอแนะนำว่ายังไม่ควรมีการอนุมัติวัคซีนดังกล่าวสำหรับการใช้งานฉุกเฉินในระดับชาติ”
.
“เราจะมี Sputnik V ในตลาดของเราได้ในอนาคต เมื่อเรามีข้อมูลที่เหมาะสมซึ่งได้รับการตรวจสอบแล้ว ซึ่งตอนนี้การตรวจสอบโดยรวมได้เริ่มขึ้นแล้วที่ EMA” วิลธูเมอร์-ฮอช เปิดเผยหลังจากที่ EMA ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์วัคซีนดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
.
นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมว่า อียูกำลังจะได้รับข้อมูลจากผู้ผลิตชาวรัสเซีย และแน่นอนว่าข้อมูลเหล่านั้นจะต้องถูกตรวจสอบภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป และเมื่อประสิทธิภาพทุกอย่างได้รับการพิสูจน์แล้ววัคซีนนี้ก็จะได้รับอนุญาตให้ใช้งานในสหภาพยุโรปด้วย
.
ทั้งนี้ วัคซีน Sputnik V ได้รับการอนุมัติแล้วหรือกำลังอยู่ระหว่างการประเมินเพื่ออนุมัติการใช้งานใน 3 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ได้แก่ ฮังการี สโลวาเกีย และสาธารณรัฐเช็ก ขณะที่เจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรประบุว่า อียูจะเริ่มการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนได้ หากประเทศสมาชิกอย่างน้อยสี่ประเทศร้องขอ
.
อย่างไรก็ตาม วิลธูเมอร์-ฮอชกล่าวว่า คณะกรรมการประเมินยาเพื่อการใช้งานของมนุษย์ (CHMP) ในสังกัด EMA จะจัดประชุมนัดพิเศษในวันที่ 11 มี.ค. นี้ เพื่อทบทวนวัคซีน โควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันสำหรับใช้ในสหภาพยุโรป

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-ema-idUSKBN2AZ0RO

https://www.straitstimes.com/world/europe/eu-regulator-urges-caution-on-sputnik-covid-19-vaccine

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/926249
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว เด็กทั่วโลกเสี่ยงปัญหาสุขภาพจิตเพราะโควิด!!! ล่าสุด ผลวิเคราะห์ของ องค์การยูนิเซฟ ซึ่งใช้ข้อมูลจาก Oxford COVID-19 Government Response Tracker ระบุว่า นับตั้งแต่ COVID-19 เริ่มแพร่ระบาด มีเด็กและเยาวชนทั่วโลกราว 332 ล้านคน หรืออย่างน้อย 1 ใน 7 คนต้องอยู่แต่ในบ้านมาแล้วอย่างน้อย 9 เดือนตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ส่งผลให้เด็กและเยาวชนเหล่านั้นเสี่ยงต่อปัญหาด้านสุขภาพจิตและสุขภาวะโดยรวม

** โดยเรื่องนี้ เฮนเรียตตา โฟร์ ผู้อำนวยการบริหาร องค์การยูนิเซฟ กล่าวว่า ด้วยมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศและข้อกำหนดต่างๆ ที่จำกัดการเดินทาง ทำให้ปีที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานสำหรับเราทุกคน โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆ วันแล้ววันเล่าพวกเขาไม่ได้พบกับเพื่อนและอยู่ห่างไกลคนที่รัก หรือบางคนอาจต้องอยู่ร่วมกับสมาชิกในบ้านที่ใช้ความรุนแรง ทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบมหาศาลต่อเด็กๆ เด็กจำนวนมากต้องอยู่ในบ้านด้วยความกลัว โดดเดี่ยว กระวนกระวาย และวิตกกังวลต่ออนาคต ดังนั้น เราต้องผ่านวิกฤตนี้พร้อมกับการจัดการปัญหาสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นที่ดีกว่าเดิม โดยเริ่มจากการให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ในประเทศไทย ผลสำรวจของยูนิเซฟและภาคีซึ่งจัดทำในเดือนเมษายน 2563 พบว่า เด็กและเยาวชนกว่า 7 ใน 10 คน กล่าวว่า วิกฤต COVID-19 ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ พวกเขามีความเครียด เป็นห่วงและวิตกกังวล โดยเรื่องที่พวกเขากังวลมากที่สุดคือปัญหาการเงินของครอบครัว

การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้เข้าสู่ปีที่สองและกำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและสุขภาวะโดยรวมของเด็กและเยาวชน ในภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริบเบียน ผลโพลยูรีพอร์ตของยูนิเซฟ ซึ่งได้สำรวจเยาวชนกว่า 8,000 คน พบว่า เยาวชนกว่า 1 ใน 4 เคยมีภาวะวิตกกังวล ขณะที่ร้อยละ 15 เคยเผชิญกับภาวะซึมเศร้า.
---------------------------------------
อ่านต่อ : https://thaipublica.org/2021/03/cov...UfYak4j380PcHMCT0L1lg3bkpnX0-iIdtu4nbq6JXmYqU

 

วันนี้ นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้เปิดเผยว่า กรมฯ ได้หารือร่วมกับภาคเอกชน เพื่อประเมินสถานการณ์การค้าชายแดน และผ่านแดนปี 2564 แล้ว เห็นตรงกันว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ตามการส่งออกที่คาดว่าปีนี้จะเป็นช่วงขาขึ้น
.
โดยประเมินว่าจะมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 3-6 หรือมีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
.
อย่างไรก็ตาม นายกีรติ ได้ระบุว่า เห็นได้ชัดขณะนี้เศรษฐกิจทั้งของไทย และเพื่อนบ้านจะฟื้นตัวดีขึ้น เพราะตอนนี้เริ่มมีวัคซีน และกำลังจะฉีดวัคซีน ซึ่งทำให้เกิดความเชื่อมั่น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้มีความต้องการบริโภคสินค้า จึงส่งผลดีต่อการค้าชายแดนของไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
.
โดยประเมินว่า การค้าชายแดนของไทยกับมาเลเซีย สปป,ลาว กัมพูชา และเมียนมา น่าจะดีขึ้น ยกเว้นเมียนมา ที่ต้องจับตาดูในช่วงนี้ ส่วนการค้าผ่านแดนไปยังจีนตอนใต้ เวียดนาม และสิงคโปร์ น่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง
.
สำหรับ แผนการผลักดันการค้าชายแดน กรมฯ ได้ส่งสัญญาณ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดน และมีด่านการค้าตั้งอยู่ ให้รีบพิจารณาเปิดด่านในทันที หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะด่านสำคัญ ๆ
.
ซึ่งอาจจะเริ่มผ่อนคลายให้เฉพาะการส่งออก นำเข้าสินค้าก่อน เพื่อให้การค้าขับเคลื่อนได้ ส่วนคนเดินทางอาจจะพิจารณาทีหลัง เพราะปัจจุบัน มีด่านที่เปิดให้บริการอยู่เพียง 39 ด่าน จาก 97 ด่านทั่วประเทศ
.
นอกจากนี้ อธิบดีกรมฯ ได้ระบุว่า ได้ดำเนินการวางแผนสนับสนุนการค้าชายแดน โดยจะปรับมาใช้ช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น จากเดิมเคยจัดมหกรรมการค้าชายแดน นำสินค้าไทยไปจัดแสดง และจำหน่าย และเชิญผู้ซื้อผู้นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาซื้อสินค้า ก็จะปรับเป็นรูปแบบออนไลน์
.
โดยให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในสปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา หรือมาเลเซีย ประสานผู้ซื้อ ผู้นำเข้า ให้มาเจรจาธุรกิจแบบออนไลน์กับผู้ประกอบการของไทยรวมทั้งเร่งจะผลักดันสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น สินค้าที่มีแบรนด์ เข้าไปจำหน่ายให้ได้เพิ่มมากขึ้น
.
เพราะประเทศเพื่อนบ้าน เริ่มมีกำลังซื้อสูง และต้องการสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีความต้องการอยู่แล้ว ก็จะผลักดันให้มีการจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
.
โดย กรมการค้าระหว่างประเทศ จะเร่งแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่มีอยู่ โดยกำลังพิจารณาว่าหากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ก็จะจัดทีมลงไปในพื้นที่ชายแดน นำทีมโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อไปดูว่ามีปัญหาอุปสรรคอะไร จะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
.
หากต้องประสานหน่วยงานอื่น กระทรวงอื่น ก็จะเร่งดำเนินการช่วยเหลือต่อไป รวมทั้งจะเร่งรัดให้มีการเปิดด่านหนองเอี่ยน-สตึงบท เพื่อลดความแออัดของด่านศุลกากรอรัญประเทศอีกด้วย

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://tna.mcot.net/latest-news-650666
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

ครั้งแรกในประเทศไทย !

ใช้สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ 6 ตัว ดมกลิ่นในการตรวจหาผู้ป่วยโควิด-19

สามารถตรวจสอบ และจำแนกผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทั้งที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการออกจากกลุ่มคนปกติ

สุนัขจะสำรวจดมกลิ่นเหงื่อได้ดี เพราะผู้ป่วยโควิด-19 ในเหงื่อจะมีสารที่แตกต่างจากคนปกติ

การใช้สุนัขดมกลิ่น ตรวจหาผู้ป่วยโควิด-19 นั้น มีการใช้จริงภายในสนามบินต่างประเทศมาแล้วหลายแห่ง เช่น ฟินแลนด์ ยูเออี และออสเตรเลีย

ซึ่งงานวิจัยยืนยันว่า การใช้สุนัขดมกลิ่นจำแนกผู้ป่วยโควิด-19 มีความแม่นยำสูงถึง 80-100% เพราะสุนัขมีเซลล์ประสาทรับรู้กลิ่นมากกว่า 300 ล้านเซลล์ มากกว่ามนุษย์ถึง 50 เท่า

และจากผลทดสอบจากสุนัข 6 ตัว ในการค้นหาตัวอย่างผลบวก โดยความไว(ค่าวัดผลที่ดมผลบวกถูกต้อง) 96-98% ความจำเพาะ(ค่าวัดผลที่ดมผลลบถูกต้อง) 82.2% ความแม่นยำ 94.8% หมายความว่าโอกาสผิดพลาดมีเพียง 5.2%

ในทางการแพทย์ มีการใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อตรวจหาโรคมาแล้วหลายชนิด เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคมาลาเรีย โรคลมหลับ โรคไมเกรน โรคอื่นๆ ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสอยู่แล้ว

https://www.thaipost.net/main/detail/94894

 

สถานการณ์ในเมียนมายังคงร้อนระอุและรุนแรง ตำรวจและทหารยังคงเดินหน้าปราบปรามผู้ชุมนุมต่อเนื่อง ขณะมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่พรรคเอ็นแอลดี ถูกทรมานจนเสียชีวิตระหว่างถูกเจ้าหน้าที่คุมตัว
.
วันนี้ สำนักข่าวอิระวดี ในเมียนมา รายงานว่า ตำรวจจลาจลเมียนมาได้เข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมในเขตพินมานา กรุงเนปิดอว์ เจ้าหน้าที่ใช้วัตถุคล้ายกับระเบิดควันเข้าสลายกลุ่มผู้ประท้วง เกิดความโกลาหล จนผู้ชุมนุมต่างกระจัดกระจายวิ่งหนีออกจากจุดประท้วง
.
ขณะเดียวกัน ในกรุงย่างกุ้ง ก็มีรายงานว่าตำรวจจลาจลและทหาร พยายามปิดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้รวมตัวบนถนนสายหลัก และได้ค้นรถหลายคันในพื้นที่ รวมถึงจับกุมผู้ชุมนุม มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนยางที่ศีรษะ
.
ด้าน สำนักข่าวรอยเตอร์ส ได้เผยแพร่คลิปการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน โดยในคลิปชาย 1 ราย ซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์ถูกคุมตัว เขานอนอยู่ที่พื้น และถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ทั้งเตะ ทุบตี และลากร่างไปกับพื้น
.
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า นายคิน หม่อง ลัต ประธานพรรคเอ็นแอลดีในเขตปาเบดาน นครย่างกุ้ง ที่ถูกบุกจับตัวไปเมื่อวันเสาร์ ได้เสียชีวิตลง ระหว่างการถูกคุมตัวโดยทหารและตำรวจ สำนักข่าวอิระวดี รายงานว่า เขาถูกทรมานโดยเจ้าหน้าที่จนกระทั่งเสียชีวิต
.
ด้านความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่ขุดศพ นางสาวมะ เจ ซิน วัย 19 ปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ “นางฟ้าประชาธิปไตย” ซึ่งเสียชีวิตจากกระสุนจริงเมื่อสัปดาห์ก่อน ล่าสุด ทหารออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการยิงเธอจนเสียชีวิต หลังจากขุดศพเธอขึ้นมาหลังทำพิธีศพได้ 1 วัน โดยอ้างว่า เพื่อทำการชันสูตร หาสาเหตุของการเสียชีวิตของเธอ

#ข่าวต่างประเทศ #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29 #เมียนมา #รัฐประหาร #รัฐประหารเมียนมา #WhatsHappeningInMyanmar

 

พายุฤดูร้อน‼️ถนนเส้นบ้านนา-แก่งคอย ขาไปแก่งคอยเสาไฟฟ้าล้มเป็น 10 ต้นตรงนาดี การจราจรติดขัด

 

ครบทั้ง อาหารปาก อาหารตา อาหารใจ
ร้านฮอทพอท พนักงานเสิร์ฟชาย สุดหล่อ ไม่ใส่เสื้อ
.
1/ สื่อดัง South China Morning Post บุกถ่ายทำร้านอาหารสไตล์ฮอทพอทแห่งหนึ่งในมณฑลซานซี ร้านนี้กำลังโด่งดังมากทั้งในโลกโซเชียลและในโลกความเป็นจริง ลูกค้าเต็มร้านทุกวัน
.
2/ ร้านนี้ ไม่ใช่แค่รสชาติของอาหารที่อร่อย ยังมีอีกประเภทอาหารที่อร่อย นั่นคือ ‘อาหารตา’ เพราะพนักงานเสิร์ฟเป็นชายล้วน เป็นนายแบบ หน้าดี หุ่นดี บุคลิกดี ทุ้กกกกกกคน
.
3/ หน้าที่ของพนักงานเสิร์ฟ นอกจากจะต้องเสิร์ฟอาหารแล้ว ยังต้องใส่ผ้ากันเปื้อนให้ลูกค้า ผูกเชือกผ้ากันเปื้อนด้านหลังให้ นั่งทานกับลูกค้า นำอาหารใส่หม้อต้ม และต้องถ่ายรูปถ่ายวีดิโอกับลูกค้าด้วย
.
4/ เจ้าของร้านบอกว่า อยากจะนำเสนอความสุขให้ลูกค้า ทั้งอาหารตา อาหารใจ และอาหารที่ใส่เข้าปากในเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ลูกค้าเกือบ 100% จึงเป็นสุภาพสตรี
.
5/ ลูกค้าหญิงคนหนึ่งบอกว่า “ยอมรับเลยค่ะว่าพนักงานดูดีทุกคนจริงๆ บริการดี น่ารัก ดูอบอุ่น ทำให้บรรยากาศในการกินอาหารดีมากๆ”
.
6/ เมื่อโด่งดัง เป็นกระแส ‘ร้านฮอทพอทพนักงานเสิร์ฟชายสุดหล่อไม่ใส่เสื้อ’ จึงถูกโจมตีในโลกออนไลน์ว่า ไม่เหมาะสม คอมเมนต์แรงๆตามมามากมาย เช่น “ขายอาหาร หรือขายตัว”
.
7/ แต่...คอมเมนต์และกระแสจะโอนเอียงไปในด้านบวกซะมากกว่า เช่น “มันทำให้ฮอทพอท กลายเป็นอาหารโปรดของฉันไปเลย” “แปลกใหม่ดี น่าสนใจ น่าไป ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดอะไรในยุคสมัยนี้เลย”
.
8/ ชมวิดีโอ แล้วห้ามน้ำลายหกนะครับ ^^ www.youtube.com/watch?v=vjVP8rqNAtg
.
ขอขอบพระคุณ South China Morning Post
.

 

8 มีนาคม 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “เมอร์ค” บริษัทยาและเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ ประเทศเยอรมนี ประสบความสำเร็จในการวิจัยพัฒนายาเม็ดสำหรับรับประทานเพื่อรักษาอาการป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ภายหลังจากดำเนินการวิจัยพัฒนาร่วมกับบริษัทริดจ์แบคไบโอเทราพิวติกส์ ประเทศสหรัฐฯ

รายงานข่าวแจ้งว่า ยาเม็ดสำหรับรับประทานเพื่อรักษาอาการป่วยโรคโควิดฯ ขนานนี้ มีชื่อว่า “โมลนูพิราเวียร์” ประสบผลสำเร็จในทดลองทางคลินิกในกลุ่มตัวอย่างทดลองที่เป็นมนุษย์ระยะที่ 2 จำนวน 202 คน ที่ติดเชื้อไวรัสโควิดฯ แต่มีอาการไม่มากจนถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

ทั้งนี้ ผลการทดลอง ปรากฏว่า ทำให้ปริมาณเชื้อโรคในร่างกายของกลุ่มตัวอย่างลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่รับประทานยาเม็ดขนานนี้เข้าไปติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน และกลุ่มตัวอย่างก็ไม่มีอาการข้างเคียงในทางลบจากการใช้ยาขนานนี้ด้วย ดังนั้น จึงถือว่ามีความปลอดภัยในการใช้ยา
โดยจากผลการทดลองดังกล่าว ทำให้นายเวนดี เพนเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของบริษัทริดจ์แบคไบโอเทราพิวติกส์ ประกาศว่า ถือเป็นผลการทดลองที่น่ายินดีเนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการค้นพบยารักษาโควิดฯ แม้แต่ขนานเดียว

ดร.มาร์ก ซีเกล แพทย์ผู้วิเคราะห์สถานการณ์โควิด-19 ประจำสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ กล่าวว่า “นี่อาจจะเปรียบได้เป็น ‘จอกศักดิ์สิทธิ์’ (Holy Grail) แห่งการรักษาโรคโควิด-19 เพราะแม้จะทดลองระยะที่สองแต่ก็สามารถหยุดไวรัสได้ชะงัก”

พร้อมกันนี้ รายงานข่าวเผยว่า นอกจากยาขนานโมลนูพิราเวียร์แล้ว ทางเมอร์คและริดจ์แบคฯ ก็ยังได้ร่วมกันวิจัยพัฒนายารักษาโควิดฯ อีกขนานหนึ่งด้วย โดยใช้ชื่อรหัสว่า “เอ็มเค-117”

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

ที่มา https://www.fox29.com/news/covid-19...ing-may-be-holy-grail-of-pandemic-doctor-says
https://siamrath.co.th/n/225610
https://medicalxpress.com/news/2021-03-oral-covid-treatment-yields-trial.html

 

EVA และ China Airlines เริ่มไปในทิศทางดีขึ้น หุ้นขึ้น ราคาขนส่งเพิ่มขึ้น เเละเปิดรูทเส้นทางธุรกิจ

ตั้งแต่ที่CDC Taiwan ประกาศมาตรการผ่อนปรนตั้งแต่1 มีนาคม เปิดให้ชาวต่างชาติเข้า(นักธุรกิจ,ฑูต และผู้ได้รับอนุญาตมีวีซ่าให้เข้า***ที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยว) ทำให้ธุรกิจการบินของสองสายหลักของไต้หวันกลับมาสดใสอีกครั้ง

หุ้นของทั้งสองสายขยับตัวสูงขึ้น รวมไปถึงราคาค่าขนส่งคาร์โก้ที่ปรับขึ้นราคาสูงถึง25-40% (แล้วแต่เส้นทาง) ซึ่งทำกำไรงามทีเดียว สายการบินไชน่าแอร์ไลน์ไม่ต้องพูดถึงเพราะมีเครื่องบินคาร์โก้หลายสิบลำ ส่วนสายการบินอีวีเอนั้นถึงแท้จะมีเครื่องบินคาร์โก้ที่น้อยกว่าแต่ได้นำเครื่องขนส่งผู้โดยสารมาปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่วางของก็ทำกำไรได้เช่นกันถึงแม้จะไม่มากเท่าไชน่าแอร์ไลน์ และมีท่าว่าทั้งสองสายอาจปรับสัดส่วนการบินเน้นคาร์โก้มากขึ้น

และเมื่อทางcdc เปิดให้นักธุรกิจเดินทางเข้ามา อีกทั้งมีมาตรการลดระยะเวลากักตัว หากตรวจไม่พบเชื้อถึง2รอบ ทำให้ทั้งสองสายการบินเปิดรูทบินเพื่อธุรกิจเพิ่ม คือ ปาเลา และพนมเปญ

 

“แครี หล่ำ” รับเลือกตั้งสภาฮ่องกงอาจมีเลื่อนระหว่าง “ปักกิ่ง” กำลังเปลี่ยนระบบกันพวกโปรประชาธิปไตยเข้าสภา
.
.
.
.
รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ผู้ว่าการเกาะฮ่องกง แครี หล่ำ วันจันทร์ (8 มี.ค.) ยอมรับว่า วันเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติฮ่องกงอาจต้องถูกเลื่อนออกไปจากเหตุผลที่รัฐบาลกลางปักกิ่งอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้งฮ่องกงเพื่อต้องการให้แต่กลุ่มพวกสนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่เข้าสภา
.
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (8 มี.ค.) ว่า สภาประชาชนแห่งชาติจีน NPC (National People's Congress) มีกำหนดที่จะอนุมัติมติเพื่อจัดการไม่ให้ผู้สมัครจากฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยเข้ามามีอิทธิพลต่อการออกเสียงในอนาคต
.
แครี หล่ำกล่าวในวันจันทร์ (8) หลังจากเดินทางกลับมาจากพิธีเปิดสภา NPC สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ว่าการเกาะฮ่องกง ชี้ว่า เธอไม่แน่ใจว่าจะสามารถเดินหน้าตามกำหนดการเลือกสภานิติบัญญัติตามเดิมในวันที่ 5 ก.ย. 2021 ได้หรือไม่

“ในเวลานี้ดิฉันไม่อยู่ในฐานะที่จะสามารถยืนยันต่อพวกคุณได้ว่าเราจะยังคงตามกำหนดเดิมการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติฮ่องกงในวันที่ 5 ก.ย. 2021 ได้หรือไม่”
.
บลูมเบิร์กรายงานเพิ่มเติมว่า การปฏิรูประบบเลือกตั้งฮ่องกงได้มีการประกาศในวันศุกร์ (5) โดยสภาประชาชนแห่งชาติจีน NPC ได้กำหนดให้ฮ่องกงต้องออกกฎหมายหลักและกฎหมายลูกมากกว่า 20 ร่าง....อ่านเพิ่ม https://mgronline.com/around/detail/9640000022486

 

UN เผย ขยะอาหารเหลือมีปริมาณมากถึง หนึ่งพันล้านตัน สร้างก๊าซเรือนกระจกสูงถึง10% เทียบเท่าประเทศหนึ่ง

รายงานของUN ล่าสุดพบว่าปีหนึ่งผู้คนสร้างขยะอาหารเหลือสูงถึง หนึ่งพันล้านตัน สองเท่าจากที่เคยคาดการณ์ไว้ สร้างก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 10% เทียบเท่ากับประเทศหนึ่ง

ทำไมอาหารเหลือถึงทำให้โลกร้อน นักวิจัยพบว่า การทิ้งขยะอาหาร ปริมาณ 3 kg เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 23.3 kg นอกจากนี้ตัวขยะเองยังสร้างมีเทน ก๊าซเรือนกระจกที่ที่ทำให้โลกร้อนมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ 25 เท่า หากเราเลือกบริโภคเกินความจำเป็น ขั้นตอนการผลิต อุตสาหกรรมอาหารต่างๆล้วนทำลายสิ่งแวดล้อมทางอ้อม ข้อมูลจากทางฝั่งอเมริกาเหนือพบว่า ความเสียหายจากขยะอาหารเทียบเท่า พื้นที่ธรรมชาติกว่า 32 ล้านเฮคเตอร์ ถูกนำไปสร้างเป็นฟาร์มเกษตรกรรม การผลิตอาหารสูญเสียปริมาณน้ำขนาดเท่ากับสระว่ายน้ำโอลิมปิค 7 ล้านแห่ง สร้างก๊าซเรือนกระจก 193 ล้านตัน เทียบเท่ารถ 41 ล้านคันวิ่งต่อปี และพื้นที่ที่ต้องเสียไปจากการเป็นแหล่งทิ้งขยะเท่ากับ 39 ล้านตารางเมตร หรือสนามฟุตบอล13 แห่ง พลังงานที่เสียไปเทียบเท่ากับปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ในบ้าน 274 ล้านหลัง

มนุษย์สร้างขยะอาหารเหลือคนละ 74 กิโลกรัม ต่อปี ที่อังกฤษพบว่าปริมาณอาหารที่ทิ้งเท่ากับ 8 มื้อ ต่อสัปดาห์ ข้อมูลของของ UN รวมปริมาณอาหารจากร้านอาหาร และร้านค้าต่างๆ ที่ทิ้งอาหารกว่า 17% ของร้าน นอกจากนี้ยังมีอาหารที่ถูกทิ้งระหว่างขั้นตอนการขนส่งอีกด้วย

ไม่ใช่แค่ยังมีผู้คนอดอยากพันล้านคนที่ไม่สามารถเข้าถึงอาหาร แต่อาหารเหลือสร้างก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 10% ถ้าเทียบปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากขยะอาหารเหลือเป็นประเทศ ถือว่าสูงถึงเป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐอเมริกาและจีน

UN พบว่าไม่ใช่ประเทศที่เจริญแล้วที่สร้างขยะอาหารเหลือมาก แต่ข้อมูลพบว่าตัวเลขใกล้เคียงกันในประเทศต่างๆ

รัฐบาลและผู้ประกอบการควรให้ความสนใจ หรือแม้แต่ระดับรายบุคคลก็มีส่วนช่วยลดขยะอาหารเหลือได้ โดยการวางแผนก่อนทำอาหาร คำนวณสัดส่วนอย่างพอเหมาะ ตัวเลขจากประเทศอังกฤษพบว่าในช่วง lockdown ผู้คนต้องวางแผนการทำอาหารจากที่บ้าน ตัวเลขขยะลดลงถึง 20%

ขยะอาหารเหลือมีสัดส่วนระหว่างส่วนที่สามารถนำไปแปรรูปได้ และไม่ได้ 50:50 ขยะที่เหลือสามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ ปุ๋ย ประเทศอังกฤษได้มีการจัดการกับขยะเหล่านี้ นำไปแปรรูปในช่วงปี 2007-2018 แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณอาหารเหลือยังสูงถึง 19% ในเดือนพฤศจิกายนปี 2020

Cr photo transform.iema.net

https://www.theguardian.com/environ...ing-almost-billion-tonnes-food-year-un-report

https://www.unep.org/resources/report/unep-food-waste-index-report-2021

http://www.cec.org/flwy/food-waste-climate-change/

 

เอาหล่ะ!! เรามาอัพเดทสถานการณ์ของการกลับไทยล่าสุดกันว่าจะมีการลดหย่อนมาตรการในการกักตัวหรือไม่ และอย่างไรในเร็วๆ นี้

โดยพ่อบ้านขอนำข้อมูลที่น่าสนใจ 2 ข้อมูลที่คุณต้องติดตามก็คือ

- การผลักดันจากภาคเอกชน

1. โครงการ Open Thailand safely ซึ่งเกิดจากภาคเอกชนในกลุ่มการท่องเที่ยวรวมตัวกันนับสิบรายเพื่อรวบรวมรายชื่อจำนวน 100,000 รายชื่อ

เพื่อเสนอต่อภาครัฐว่าให้ประเทศไทยลดหย่อนมาตรการลง ในวันที่ 01.07.2021

โดยเค้าให้เหตุผลว่าในช่วงเวลาดังกล่าวประเทศไทยน่าจะมีการเตรียมพร้อมในเรื่องของวัคซีนให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวแล้วเรียบร้อย และนอกจากนี้ยังจะทำให้การวางแผนมาเดินทางนั้นได้สะดวกขึ้น

โดยเค้าเสนอให้ทางรัฐกำหนดมาตรการคือ

1. กำหนดให้คนที่จะเดินทางเข้ามาต้องทำการฉีดวัคซีนให้เรียบร้อยพร้อมแสดงหลักฐาน

2. ผู้ที่เดินทางเข้ามาจะต้องทำประกันสุขภาพโดยครอบคลุมอาการป่วยจากไวรัส

3. ผู้ที่เดินทางเข้ามาจะต้องทำการตรวจเชื้อก่อนเดินทางภายใน 72 ชั่วโมงก่อนบิน

โดยรายละเอียดและ Link ของโครงการนั้นคือ:
https://openthailandsafely.org/

- การวางแผนลดหย่อนมาตรการโดยภาครัฐ

กับข้อมูลชุดที่ 2 ก็คือทาง ศบค. ก็ติดตาม และจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยได้มีแผนมา 3 ระยะคือ

1. ในช่วง 1 เมษายน หลักๆ คือจะพิจารณาผ่อนปรนมาตรการในบางมาตรการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะทำการประชุมในวันที่ 15.03.2021 นี้

2. ในช่วง 1 มิถุนายน ติดตามผลจากมาตรการในช่วงแรก ถ้าดีก็ผ่อนปรนเพิ่มเติม ถ้าไม่ดีก็อาจจะทบทวนว่าจะทำอย่างไร

3. ในช่วง 1 ตุลาคม ถ้าสถานการณ์ดีทุกอย่างก็อาจจะเปิดให้ต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยได้อย่างสะดวกขึ้น

ที่มาข้อมูลซึ่งอ่านต่อได้ที่ : https://www.thansettakij.com/content/covid_19/471310

โดยสรุปคือ ภาคเอกชนนั้นมีความเห็นที่อยากจะให้เปิดภายใน 01.07.2021

ส่วนภาครัฐนั้นอาจจะขอประเมินเป็น 3 ระยะก่อนโดยจากแผนแล้วถ้าในแง่ดีก็อาจจะเห็นการผ่อนปรนมาตรการในบางส่วนลงในเดือน มิถุนายน หรือ ตุลาคม (ดีสุดคือเมษา ถ้ามีการลดหย่อนมาตรการ ตรงนั้นจริง แต่ส่วนตัวพ่อบ้านว่าต้องดูอีกที)

แต่!! อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรแน่นอน ใครจะไปรู้ว่าในอีก 2 อาทิตย์ สถานการณ์อาจจะหนักขึ้นจนต้องมาทบทวนแผนการใหม่ทั้งหมด หรือก็อาจจะดีขึ้นจนสามารถเปิดการเดินทางได้เร็วกว่ากำหนดก็เป็นได้

แต่ความเห็นส่วนตัวของพ่อบ้านคือทั้งนี้ต้องอย่ารีบ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ต้องดูความพร้อมในหลายๆ ด้านโดยเฉพาะการรับวัคซันของบุคลากรที่เกี่ยวข้องนั้นเป็นไปตามแผน และมีการล่าช้าเหมือน EU หรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญมากๆ ต่อการเปิดการท่องเที่ยว

แต่ที่สำคัญก็คือต้องหาทางช่วยประคับประคองภาคท่องเที่ยวไปก่อน โดยที่เมืองไทยนั้นอาจจะทำการท่องเที่ยวในประเทศกัน หรือหาแนวทางอื่นในการประคับประคองธุรกิจในกลุ่มนี้ให้รอดไปได้

"แต่ก็ยังขอให้ปฏิบัติตามมาตรการกันด้วยนะครับ"

คุณมีความเห็นอย่างไรครับ? เห็นด้วยกับการเรียกร้องจากทางภาคเอกชน หรือแผนการของภาครัฐ หรือไม่เห็นด้วยกับทั้งคู่เลย

พ่อบ้านขอฟังความคิดเห็นของคุณหน่อยนะครับ

ปล. มีข้อมูลเพิ่มเติมจากคณะกรรมการโรคติดต่อว่าจะลดเหลือ 7 วัน สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วด้วยนะครับ อ้างอิง

https://www.thairath.co.th/news/politic/2046232

#พ่อบ้านเยอรมัน #เยอรมัน #เยอรมนี #Germany #German

ขอบคุณข้อมูลอีกครั้งจาก

Open Thailand safely, ฐานเศรษฐกิจ และ ไทยรัฐ

 

“เป็นตัวเองดีที่สุดแล้ว” พระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์ ไม่หวั่นไหวแม้โดนบูลลี่
.
มาแรงแซงทางโค้งสุดๆ สำหรับ “พระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์” หรือ แม่หญิงลี เจ้าของวลีฮิตติดหู “แม่หญิงลีเจ๊อย่าวีน” เน็ตไอดอลแห่งยุค ผู้โด่งดังจากการทำคอนเทนต์เรียกเสียงฮาในโลกออนไลน์
.
ความดังของเธอได้ขยับสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว หลังการมาเยือน กทม. ซึ่งปรากฏว่ามีเหล่าแฟนคลับจำนวนมาก ไปรอรับถึงชานชาลาสถานีรถไฟหัวลำโพง จนเป็นกระแสโด่งดังขยายกลุ่มผู้ชื่นชอบเพียงชั่วข้ามคืน และยิ่งตอกย้ำความปังทะลุปรอท เมื่อเธอเป็นอีกหนึ่งคนที่สร้างประวัติศาสตร์ห้างพารากอนแตก! ไม่ต่างกับซุปเปอร์สตาร์สาว อั้ม พัชราภา
.
ล่าสุด วันนี้ (8 มี.ค. 2564) พระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์ พร้อมเพื่อนสนิท "เมญ่า ลินดา" หรือทุกคนเรียกว่า "ทิพย์" ได้รับเชิญไปร่วมพูดคุยในรายการ “โหนกระแส” กับพิธีคนดัง "หนุ่ม - กรรชัย กำเนิดพลอย" ซึ่งในการสัมภาษณ์นั้น มีหลายประเด็นที่สร้างความประทับใจ รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมอีกด้วย
.
พระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์ หรือ แม่หญิงลี ชื่อจริงของเธอคือ "บุหงาวลัย คงขวัญ" เป็นคน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี จุดเริ่มต้นที่ทำให้คนรู้จักทั้งสองในโลกออนไลน์ คือการไลฟ์สดเล่นกัน ระหว่างที่มาทำผมที่ร้านของทิพย์ ซึ่งทั้งสองจะไลฟ์สดเล่นกัน จากนั้นเมื่อทำเพจ VEEN คนก็ยิ่งรู้จักมากขึ้น
.
แม่หญิงลี เล่าว่า เธอมักจะโดนบูลลี่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา โดยเฉพาะเรื่องฟันและผิวพรรณ
.
สำหรับคำตอบเกี่ยวกับประเด็นการถูกบูลลี่ ที่เมื่อทุกคนได้รับฟังแล้วรู้สึกชื่นชมในความเข็มแข็งของเธอนั้น คือเมื่อ หนุ่ม-กรรชัย พิธีกรถามว่า “รู้สึกยังไงบ้างเวลาที่มีคนมาบูลลี่ เราไม่รู้สึกเจ็บปวดเหรอ?”
.
แม่หญิงลี ตอบกลับไปว่า “ไม่รู้สึกเจ็บปวดหรอกค่ะพี่หนุ่ม เพราะเราเป็นตัวเราเองแบบนี้ดีที่สุดแล้ว เราเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น นั่นคือสภาพของเรา ใครจะว่าอย่างไรเราก็ยอมรับ และพร้อมที่จะปรับปรุงไปในทางที่ดี”
.
เรียกว่าคำตอบนี้ นอกจากจะสร้างพลังบวกให้กับตัวเองแล้ว อีกด้านหนึ่งยังสามารถเป็นแรงใจ ให้กับใครอีกหลายคนได้มีความมั่นใจ และภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอีกด้วย สำหรับเนื้อหารายการและบทสัมภาษณ์เต็มๆ สามารถหาชมได้ในรายการโหนกระแส เทปออกอากาศวันที่ 8 มี.ค. 2564
.
#ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

#พระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์ #แม่หญิงลีเจ๊อย่าวีน #โหนกระแส

 

อากาศร้อนๆ แบบนี้ พาไปชมวิวทิวทัศน์สวยตะลึงในรัสเซียเผื่อทำให้รู้สึกเย็นขึ้นบ้าง โดยรถไฟไอน้ำสาย “รัสเคอาลา เอ็กซ์เพรส” พ่นควันขาวกำลังวิ่งผ่านผืนป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนอันแสนงดงามในสาธารณรัฐ “คาเรลียา” ในรัสเซีย

ภายในรถไฟไอน้ำประดับตกแต่งด้วยสิ่งของสไตล์ต้นศตวรรษที่ 20 เช่น โคมไฟ ผ้าม่าน และพรมปูพื้น ให้บรรยากาศแบบย้อนยุค

ผู้โดยสารต่างพักผ่อนสบายๆ ดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์สวยงาม พร้อมจิบกาแฟและรับประทานอาหารระหว่างการเดินทาง

รถไฟไอน้ำนี้ใช้ถ่านหินเป็นขุมพลังงาน เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน เคยต้อนรับผู้ใช้บริการจากทั่วโลกมาแล้วประมาณ 1 แสน 3 หมื่นคน สนนราคาค่าตั๋วโดยสาร 450 รูเบิล คิดเป็นเงินไทยประมาณ 180 บาท

ในช่วงปกติจะมีผู้โดยสารเต็มตลอด แต่ช่วงโควิดระบาดแบบนี้ มีคนมาใช้บริการประมาณ 75% เท่านั้น

#รัสเซีย #เที่ยวรัสเซีย
#ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

8 มีนาคม 2564 นางแพตริเซีย มงคลวณิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ยืนยันว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศไทยในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 8.1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 51.9% ต่อจีดีพี ยังไม่ทะลุเพดาน โดยยังอยู่ภายใต้กรอบพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังภาครัฐ พ.ศ. 2561 ซึ่งกำหนดเพดานหนี้สาธารณะไว้ที่ระดับ 60% ต่อจีดีพี แม้ว่าในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นผลทำให้รัฐบาลต้องมีการกู้เงินเพิ่มขึ้นเพื่อมาดูแล เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ จนส่งผลให้ระดับหนี้สาธารณะของประเทศไต่ขึ้นไปใกล้เพดาน แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง

เพราะเมื่อพิจารณาในรายละเอียด จะพบว่าหนี้สาธารณะในส่วนที่รัฐบาลกู้โดยตรงทั้งหมด คิดเป็น 77% พอร์ตหนี้สาธารณะทั้งหมด และ 73% จากจำนวนหนี้สาธารณะที่รัฐบาลกู้โดยตรง เป็นการกู้เพื่อมาลงทุนพัฒนาประเทศ ส่วนอื่นเป็นหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่จะใช้รายได้ของตัวเองในการชำระหนี้ และหนี้ของหน่วยงานอื่น ๆ ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องดูแลจริง ๆ เกี่ยวกับหนี้สาธารณะ คือ 6.3 ล้านล้านบาท จากสัดส่วนหนี้สาธารณะทั้งหมดที่ 8.1 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาจากแนวโน้มการก่อหนี้ของทุกประเทศทั่วโลก ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จะพบว่าทุกประเทศมีการกู้เงินเพิ่มขึ้นเยอะมาก ดังนั้นระดับหนี้สาธารณะทั่วโลกจึงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศในภูมิภาคเอเชีย ระดับหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 67% ต่อจีดีพี จากปีก่อน ๆ อยู่ที่ 60% ต่อจีดีพี ขณะที่ประเทศไทย มีการประเมินว่า ณ สิ้นปีงบประมาณ 2564 ระดับหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 56% ต่อจีดีพี ยังไม่ถึง 60% ต่อจีดีพี

“ทุกคนอาจจะมองว่าหนี้สาธารณะของไทยเยอะ แต่อยากยืนยันว่าหนี้สาธารณะของไทยยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง รัฐบาลบริหารหนี้อย่างรอบคอบ และมีวินัยสูงมาก สิ่งที่อยากให้ประชาชนมั่นใจคือ สบน. จะทำหน้าที่ให้รัฐบาลอย่างครบถ้วน คือ การหาเงินให้รัฐบาลให้ครบ ในระดับต้นทุนที่เหมาะสม และต้องมีการกระจายความเสี่ยง ไม่อยู่ในเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่ง หรือช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งมากเกินไป และที่สำคัญคือ จะไม่ไปแย่งเงินกับเอกชน เพราะรัฐบาลกู้เยอะมาก หากเอกชนไม่มีเงินไปลงทุนต่อตรงนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ สบน.ดูเรื่องทั้งหมดนี้อย่างละเอียด” นางแพตริเซีย กล่าว

นอกจากนี้ ในภาวะเศรษฐกิจปกติ เงินกู้ของรัฐบาลถือเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยทุกบาททุกสตางค์ที่กู้และผลักดันเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ก็เพื่อปากท้องของประชาชน ยิ่งผลักดันลงไปได้เยอะ เงินก็จะมีรอบหมุนวิ่งในระบบเศรษฐกิจเยอะ เมื่อเศรษฐกิจเดินหน้าได้ดีทุกคนก็จะมีรายได้มาชำระภาษี สุดท้ายเงินก็จะกลับมา และสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีก็จะค่อย ๆ ปรับตัวลดลง แต่ในช่วงที่ผ่านมา มีการระบาดของโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และรายได้ลดลง ส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีให้ลดลงไปด้วย เพราะมีการเลื่อนการชำระภาษีทั้งหมดออกไป ทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีนิติบุคคล ทำให้รายได้เข้ามาไม่ทัน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีการกู้เงินและใช้เงินกู้ออกไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจก่อน

จึงเป็นเครื่องสะท้อนว่าเงินกู้จะเข้ามามีบทบาท และเป็นพระเอกกับเศรษฐกิจมากขึ้น เพราะเงินที่กู้มารัฐบาลได้นำมาใช้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ผ่านการเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นต่างเกือบทั้งหมดของประเทศ และใช้ในการฟื้นฟูและเยียวยาเศรษฐกิจ ดังนั้นมาตรการทางการคลังจึงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในขณะนี้

นางแพตริเซีย กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพการชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยทุกปีสำนักงบประมาณจะมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระดอกเบี้ย ซึ่งปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่มีเครดิตดี ทุกคนยังให้ไทยกู้เงินได้ และไทยก็มีช่องทางที่จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่การจัดอันดับความน่าเชื่อถือใน 2 ครั้งที่ผ่านมา ไม่ถูกปรับลดเครดิต อาจจะมีการปรับมุมมองจากที่เคยเป็นบวก มาอยู่ที่คงที่ เนื่องจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือส่วนใหญ่มองว่าไทยบริหารจัดการด้านการคลังได้ดีและแข็งแกร่ง เพราะรัฐบาลบริหารอย่างรอบคอบและมีวินัยมาก ๆ และรัฐบาลก่อหนี้สาธารณะอย่างอย่างอนุรักษ์นิยม รอบคอบ และมีวินัยมาก ๆ ไม่ได้ปั๊มเงิน และจะไม่ทำ

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

ที่มา https://www.thaipost.net/main/detail/95418

 

“การไม่รับหนังสือเตือน ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ทราบหนังสือเตือน”

เมื่อลูกจ้างทำความผิดเล็กๆ น้อย นายจ้างออกหนังสือเตือน ลูกจ้างอาจไม่รับหนังสือเตือนเพราะเข้าใจว่าการไม่รับหนังสือเตือนจะอ้างได้ว่า “ตนยังไม่ทราบหนังสือเตือน” เมื่อยังไม่ทราบหนังสือเตือน หากได้รับหนังสือเตือนฉบับที่ ๒ จะไม่อาจถูกเลิกจ้างได้ ซึ่งถือว่าเป็นการเข้าใจที่ผิด

การไม่รับหนังสือเตือนอาจถูกมอง “เป็นการกระทำที่ไม่สำนึกในความผิด” นอกจากนั้นกฎหมายก็ไม่เคยกำหนดว่าเมื่อนายจ้างออกหนังสือเตือนลูกจ้างแล้วนายจ้างจะต้องแจ้งหนังสือเตือนให้ลูกจ้างทราบโดยไม่ต้องให้ลูกจ้างลงชื่อรับทราบในหนังสือเตือน หรือต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบด้วยวิธีใด

ดังนั้น การที่นายจ้างออกหนังสือตักเตือนและแจ้งให้ลูกจ้างได้ทราบ แม้ลูกจ้างจะไม่ได้ลงชื่อรับทราบในหนังสือเตือนก็ถือว่าลูกจ้างทราบหนังสือเตือนแล้ว

ดังนั้น ต้องเข้าใจว่าการ “เซ็น” เป็นคนละเรื่องกับการ “ทราบ” เพราะการ “ทราบ” อาจไม่ต้องให้ลูกจ้างเซ็นแต่การแจ้งด้วยวิธี “แจ้งด้วยวาจา” หรือ “การส่งจดหมายไปรษณีย์ตอบรับ” หรือ “การส่งอีเมล” หรือ “การไลน์” ซึ่งสาระสำคัญคือ ทำอย่างไรที่ทำให้ลูกจ้างได้ทราบหนังสือเตือน

ที่มา: คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๒๕๑/๒๕๓๔

-หนังสือเล่มดำ เล่มขาว และรวมกฎหมายยังสั่งได้ครับ

 

ผู้ชุมนุมพม่าโดนยิงดับ 2 เจ็บอีก 3 ร้านค้า-โรงงานทั่วย่างกุ้งพร้อมใจหยุดตอบโต้รัฐประหาร
.
รอยเตอร์ 8 มี.ค. - ผู้ชุมนุมประท้วง 2 ราย เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนที่ศีรษะในพม่าวันนี้ (8) ตามการเปิดเผยของพยาน ขณะที่ร้านค้า โรงงาน และธนาคารในนครย่างกุ้งพร้อมใจกันปิดทำการ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการลุกฮือต่อต้านผู้ปกครองทหารของประเทศ
.
ภาพถ่ายที่โพสต์บนเฟซบุ๊กเผยให้เห็นร่างของชาย 2 คนนอนอยู่บนถนนในเมืองมิตจีนา ทางตอนเหนือของประเทศ พยานกล่าวว่าพวกเขากำลังร่วมชุมนุมประท้วงตอนที่ตำรวจยิงระเบิดแสงและแก๊สน้ำตา และมีหลายคนถูกยิงจากอาคารใกล้เคียง
.
พยานคนหนึ่งที่ระบุว่า ได้ช่วยเคลื่อนย้ายศพกล่าวกับรอยเตอร์ว่าทั้ง 2 คนโดนยิงที่ศีรษะและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน
.
“การสังหารพลเรือนที่ปราศจากอาวุธเป็นเรื่องไร้มนุษยธรรม เราต้องมีสิทธิที่จะประท้วงอย่างสันติ” พยานอายุ 20 ปี กล่าว
.
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ยิงผู้ชุมนุม แม้ว่าจะมีทั้งตำรวจและทหารอยู่ในการประท้วงก็ตาม พยาน กล่าว
.
ตำรวจและทหารได้สังหารผู้คนไปมากกว่า 50 คน เพื่อปราบการประท้วงและการหยุดงานที่เกิดขึ้นทุกวันเพื่อต่อต้านการรัฐประหารวันที่ 1 ก.พ. ตามการระบุของสหประชาชาติเมื่อสัปดาห์ก่อน
.
ฝูงชนที่ชุมนุมประท้วงต่อต้านการรัฐประหารรวมตัวกันในย่างกุ้ง รวมถึงที่เมืองมัณฑะเลย์ และอีกหลายเมือง ตามที่ปรากฏในวิดีโอที่โพสต์บนเฟซบุ๊ก ด้านผู้ชุมนุมประท้วงในเมืองทวาย ได้รับการคุ้มครองจากสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ทำสงครามกับทหารมาเป็นเวลานาน
.
ผู้ชุมนุมในบางพื้นที่โบกธงที่ทำจากผ้าถุงผู้หญิง ซึ่งในภาษาพม่าเรียกว่า ‘ทะเมน’ หรือนำผ้าถุงมาแขวนพาดขวางถนนเพื่อเป็นแนวสกัดชะลอการเคลื่อนกำลังของตำรวจและทหาร ด้วยชายชาวพม่ามีความเชื่อว่าการเดินลอดใต้ผ้าถุงผู้หญิงจะทำให้โชคร้าย
.
สื่อของรัฐรายงานว่า กองกำลังความมั่นคงประจำการอยู่ตามโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยในส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะบังคับใช้กฎหมาย
.
สหภาพแรงงานอย่างน้อย 9 แห่ง ที่ครอบคลุมภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่การก่อสร้าง เกษตรกรรม และการผลิต ได้เรียกร้องให้ชาวพม่าทุกคนหยุดทำงานเพื่อกดดันให้เลิกล้มการรัฐประหารและฟื้นฟูรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอองซาน ซูจี
.
การปล่อยให้กิจกรรมทางธุรกิจและเศรษฐกิจดำเนินต่อไปจะเป็นการช่วยทหาร ในขณะที่พวกเขาปราบปรามประชาชนสหภาพแรงงานระบุในคำแถลง
.
“ถึงเวลาที่ต้องดำเนินการเพื่อปกป้องประชาธิปไตยของเราแล้ว” สหภาพแรงงานระบุ
.
มีร้านน้ำชาเล็กๆ เพียงไม่กี่แห่งที่ยังเปิดให้บริการในย่างกุ้ง พยานกล่าว ขณะที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ปิดให้บริการและโรงงานต่างๆ หยุดดำเนินการ
.
หม่อง ซองคา แกนนำการชุมนุมประท้วงได้โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้ผู้หญิงออกมาร่วมขบวนการต่อต้านการรัฐประหาร ขณะที่ เน ชิ หนึ่งในผู้จัดการขบวนการผ้าโสร่งกล่าวว่า ผู้หญิงคือนักปฏิวัติ
.
“คนของเราไม่มีอาวุธแต่เฉลียวฉลาด พวกเขาพยายามปกครองเราด้วยความกลัว แต่เราจะต่อสู้กับความกลัวนั้น” เน ชิ กล่าวกับรอยเตอร์
.
ทหารระบุในคำแถลงว่าได้จับกุมผู้คนถึง 41 คนวานนี้ ทั้งนี้ มีรายงานว่า ขิ่น หม่อง ลัต เจ้าหน้าที่และผู้จัดการการรณรงค์หาเสียงของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของซูจี เสียชีวิตระหว่างการถูกคุมขังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
.
บา เมียว เต็ง สมาชิกรัฐสภาที่ถูกยุบไปแล้ว กล่าวว่า รอยฟกช้ำที่บริเวณศีรษะและร่างกายของขิ่น หม่อง ลัต ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเขาน่าจะถูกทรมานอย่างรุนแรง
.
ตำรวจใน อ.ปาเบดาน ของย่างกุ้ง ที่ขิ่น หม่อง ลัต ถูกจับกุมตัว ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ส่วนโฆษกทหารไม่ได้ตอบรับสายโทรศัพท์ที่รอยเตอร์ติดต่อเพื่อขอความเห็นเช่นกัน
.
กองทัพกล่าวว่า พวกเขาจัดการกับการประท้วงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
.
ตัวเลขของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองเผยว่า มีคนเกือบ 1,800 คน ถูกควบคุมตัวภายใต้รัฐบาลทหารจนถึงวันอาทิตย์ (7)
.
หนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลท์ออฟเมียนมาร์ได้ตีพิมพ์ประกาศของทหารบนหน้าหนึ่งในวันนี้ (8) ข่มขู่ว่าจะดำเนินการกับผู้ที่ทำงานทั้งทางตรงและทางอ้อมให้แก่คณะกรรมการของสมาชิกรัฐสภาที่ถูกขับไล่ ที่ได้ประกาศตัวว่ามีอำนาจที่ชอบด้วยกฎหมายของประเทศ
.
ประกาศของทหารระบุว่า คณะกรรมการดังกล่าวผิดกฎหมาย และเป็นการกระทำที่ทรยศประเทศ นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกชิ้นหนึ่งกล่าวว่าทหารและตำรวจยังคงประจำการอยู่ที่โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยต่างๆ.

 

#ข่าวสั้น (8 มีนา) วัคซีนโควิดของไฟเซอร์ล็อต 4 ฉีดได้สูงสุด 990,000 โดสเดินทางจากเบลเยี่ยม มาถึงนาริตะแล้วเช้านี้

รวมแล้ว 4 ล็อต 2.36 ล้านโดส (1.18 ล้านคน)

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #วัคซีนโควิด

ภาพ: TVASAHI