เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 30 เมษายน 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๔


     
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ขอโอกาสพระเถรานุเถระทุกรูป น้องสามเณร ตลอดจนเจริญพรญาติโยมทุกท่าน วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๔

    วันนี้อาตมภาพไปเป็นพระอุปัชฌาย์ อุปสมบท พระดำริ สนฺติกโร ที่วัดวังปะโท่มา หลวงตาดำริเพิ่งจะสึกไปไม่นาน แล้วกลับมาบวชใหม่ บางท่านก็อาจจะตำหนิ แต่ขอให้เข้าใจว่าสิ่งที่ท่านทำไปนั้น เป็นไปตามกำลังใจของตน และจะว่าไปแล้ว ก็เป็นไปโดยการชักจูงของมาร เพราะหลวงตาบอกว่าไม่สบาย ขอสึกไปรักษาตัว ความรู้สึกของผมบอกชัดเลยว่า "สึกเมื่อไรก็หายดีเมื่อนั้น" เพราะว่าเจอมานับรายไม่ถ้วนแล้ว แล้วก็เป็นจริงตามนั้น ส่วนวันนี้จะบอกกล่าวว่า เมื่อบวชเข้ามาใหม่ ก็ต้องพร้อมที่จะป่วยต่อได้ทันที..!

    เหตุที่เป็นเช่นนั้น ต้องบอกว่าเกิดจากความเมตตาของบุคคลที่ต้องการให้พวกเราเดินถูกทาง ฟังดูแปลก ๆ ? ก็เพราะว่าพวกเราทั้งหลาย ส่วนใหญ่แล้วปฏิญาณตนว่าปรารถนาที่จะเข้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ บุคคลที่จะเข้าถึงพระนิพพาน จะต้องเห็นความทุกข์อย่างชัดเจน จนกระทั่งเกิดความเบื่อหน่าย ไม่ปรารถนาการเกิดมามีร่างกายนี้อีก ไม่ปรารถนาการเกิดมาในโลกนี้อีก

    ดังนั้น..การที่พวกเราอธิษฐานปรารถนาพระนิพพาน ถ้าหากว่าไม่ได้ปฏิบัติสมควรแก่การไปพระนิพพาน ก็คือต้องพิจารณาให้เห็นทุกข์อย่างชัดเจน จนกระทั่งสภาพจิตยอมรับว่า การเกิดมามีร่างกายนี้ก็ดี การเกิดมาในโลกนี้ก็ดี มีแต่ความทุกข์ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาหลับตาไป ไม่มีวินาทีไหนที่เรามีความสุขเลย จนสภาพจิตเกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ถอนตนออกมาจากหล่มที่ร้อยรัดเราอยู่ ถึงจะสามารถไปพระนิพพานได้ตามที่อธิษฐานเอาไว้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    คราวนี้ในเมื่อเราอธิษฐานเอาไว้ ก็คือตั้งใจไว้ว่าจะไปพระนิพพาน แต่ไม่ได้ทำให้สมควรแก่การไปพระนิพพาน อย่าลืมว่าแต่ละคนมีพ่อแม่พี่น้อง ครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูงที่เป็นพรหมเป็นเทวดาอยู่ข้างบนมากมาย ในเมื่อตั้งใจที่จะทำเพื่อพระนิพพาน แต่ไม่ได้ทำตนให้สมควรแก่การที่จะไปพระนิพพาน ก็คือพิจารณาให้เห็นทุกข์อย่างชัดเจน ก็ต้องโดนบังคับให้ทุกข์ คนช่วยมีเยอะมาก ช่วยให้ทุกข์ อย่าไปบ่นว่าทำไมพ่อแม่ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงครูบาอาจารย์ไม่ช่วย ช่วยแล้ว..ช่วยซ้ำ..!

    อาตมภาพเคยเปรียบเทียบว่า ถ้าหากว่าเราเป็นวัวที่เดินไปตามทาง ไม่มีเจ้าของมาเฆี่ยนมาตีหรอก แต่ถ้าแวะลงข้างทาง หากินเพลิน ลืมเดินไปสู่จุดหมาย ไม่ปฏักหรือไม้ก็จะมาถึง โดยเฉพาะลูกศิษย์สายหลวงพ่อฤๅษีฯ ส่วนใหญ่ก่อนลงมาก็มีข้อสัญญากันว่าจะมาปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะอย่างต่ำสุด ต้องไปไม่ต่ำกว่าเดิม ไม่อย่างนั้นมาแล้วขาดทุน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราทำสัญญากับใคร ท่านนั้นก็จะส่งผู้คุมมาให้ ในเมื่อไม่พิจารณาทุกข์ ก็ต้องโดนบังคับให้ทุกข์

    ดังนั้น..ถ้าเราทำตัวเป็นวัวที่ดี เดินอยู่ในทาง ก็คือหมั่นพิจารณาถึงความทุกข์อยู่ทุกวัน จนสภาพจิตของเราเห็นอย่างชัดเจน หมดความอยากที่จะเกิดอีก เราก็ไม่ต้องโดนบังคับให้ทุกข์
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่มองไม่เห็น แต่ผมขอยืนยันว่าเป็นจริง ตั้งใจจะพระนิพพาน แล้วไม่ตั้งหน้าตั้งตาพิจารณาความทุกข์ ท่านทั้งหลายจะโดนบังคับให้ทุกข์ จะเห็นว่าลูกศิษย์สายหลวงพ่อฤๅษีฯ รุ่นอาวุโสจำนวนมาก ต้องทุกข์ทรมานด้วยโรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง..! บังคับกันจนกว่าจะเห็นทุกข์และตัดร่างกายนี้ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ต้องโดนบังคับให้ทุกข์ต่อไป ทรมานแค่ไหนก็ยังไม่ตาย จนกว่าจะทำใจได้ ฟังแล้วน่ากลัวมาก..!

    ดังนั้น...การที่หลวงตาดำริสึกเพราะเจ็บไข้ได้ป่วย ทันทีที่สึกก็หายป่วย เมื่อหายแล้วเข้ามาบวชใหม่ ถ้ายังทำตัวเหมือนเดิมก็จะป่วยต่อไป ฟันธงได้เลยครับ..! แล้วเรื่องเหล่านี้มีมารเข้ามาแทรกตรงไหน ? มาแทรกตรงที่ว่า ถ้าเราขาดปัญญา จะเกิดความคิดว่า "เพราะเรามาบวชนี่เอง เพราะเรามาปฏิบัติธรรมนี่เอง เพราะเรามารักษาศีลนี่เอง เพราะเรามาเจริญภาวนานี่เอง ถึงได้เป็นอย่างนี้..!" แล้วก็จะกลายเป็นมิจฉาทิฐิ ออกห่างจากความดีไปเลย เพราะว่าเข้าใจผิด

    สมัยก่อนเพื่อนฝูงของผมหลายคน เมาเหล้าหัวราน้ำเลย นอนตากน้ำค้างเป็นวันเป็นคืนก็ไม่เป็นอะไร พอตั้งใจรักษาศีลปฏิบัติธรรม เลิกเหล้าเมายา ก็ป่วยเช้าป่วยเย็น และมีหลายคนแล้วที่เข้าใจผิด จนเตลิดเปิดเปิงออกนอกลู่นอกทางไป แต่ไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะไปตามคืนมา วาระบุญวาระกรรมของใครของมัน

    ดังนั้น..สิ่งที่เราควรที่จะทำมากที่สุดในแต่ละวัน คือ ทบทวนศีลของตนเองให้บริสุทธิ์ พยายามภาวนาจนกำลังใจของเราสงบนิ่งแนบแน่น แล้วใช้กำลังนั้นมาพิจารณาให้เห็นว่า การเกิดมามีร่างกายนี้ การเกิดมาในโลกนี้ มีความทุกข์อย่างไร จนสภาพจิตยอมรับอย่างแท้จริง ท่านก็จะไม่โดนบังคับให้ทุกข์
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ในเมื่อกล่าวถึงเรื่องที่มองไม่เห็น พิสูจน์ได้ยาก ก็อยากจะฝากเรื่องที่พอจะพิสูจน์ได้ให้กับบุคคลหลาย ๆ ฝ่ายด้วยกัน

    ของฝากเรื่องแรก ฝากถึงรัฐบาลว่า ชีวิตประชาชนไม่ใช่ของเล่น โรคภัยที่แพร่ระบาดอยู่ขณะนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะเอาเกมการเมืองเข้ามาวัด แต่เป็นสิ่งที่ต้องรีบยอมรับความจริงและแก้ไขให้เร็วที่สุด วัคซีนมีอยู่ท่วมประเทศ รีบจัดการฉีดให้ชาวบ้านให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้ว มัวแต่มาตกแต่งตัวเลขอยู่ ความฉิบหายจะเกิดขึ้น ถ้าการระบาดหนักกว่านี้

    ของฝากชิ้นที่สอง ฝากถึงท่านที่กำลังทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ในเรื่องของการปกป้องพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าของเราตรัสว่า เราไม่ควรกล่าววาจาอันเป็นเหตุให้เถียงกัน เพราะว่าการถกเถียงกัน ทำให้เราต้องพูดมาก บุคคลที่พูดมากจิตใจย่อมฟุ้งซ่าน บุคคลที่จิตใจฟุ้งซ่านย่อมห่างจากสมาธิ ห่างจากสมาธิเมื่อไร ก็โดนกิเลสตีตาย

    ข้อที่สาม ฝากถึงญาติโยมทั้งหลายที่ยังไม่อดตาย ยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง รอให้ทองคำตกหนัก ๆ แล้วซื้อเก็บเอาไว้ ถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพราะว่าทองคำก็คือทองคำวันยันค่ำ

    ประการสุดท้าย ฝากให้คนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะว่า กรุงเทพฯ อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลในระดับที่อันตรายแล้ว พูดมากกว่านี้จะโดนข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ว่าเผยแพร่ข่าวที่ทำให้คนตื่นตระหนกตกใจ จึงขอเจริญพรไว้แต่เพียงเท่านี้


    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๓๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...