เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 2 มิถุนายน 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๔


     
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    วันนี้เป็นวันพุธที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ สำหรับผม/อาตมภาพ วันนี้ก็มีแต่งานเอกสารแล้วก็จ่ายเงิน ที่เป็นงานเอกสารเพราะว่าบัญชีต่าง ๆ เมื่อสิ้นเดือนก็ต้องจัดการให้เรียบร้อย แล้วเมื่อสิ้นเดือนก็ต้องจ่ายค่าแรง จ่ายเงินเดือน ค่อนข้างจะยุ่งและวุ่นวายหน่อย

    โดยเฉพาะในส่วนของบัญชีทำบุญออนไลน์ ซึ่งทุกท่านต้องเข้าใจว่า บัญชีทำบุญออนไลน์นั้นผูกกับผู้เสียภาษีของกรมสรรพากรโดยตรง ก็แปลว่าทุกบาททุกสตางค์จะต้องลงบัญชีโดยไม่มีข้อแม้ แต่คราวนี้มีปัญหาที่ว่า ญาติโยมหลายท่านทำบุญเพื่อเอาบุญจริง ๆ ก็คือทำบุญ ๑ สตางค์บ้าง ๙ สตางค์บ้าง ๑ บาทบ้าง แล้วก็สนุกสนานกับการทำบุญแบบนี้ทุกวัน คาดว่าน่าจะเป็นการตั้งระบบไว้เพื่อโอนอัตโนมัติทุกวัน ก็มาสาหัสที่อาตมาจะต้องเป็นผู้ลงบัญชีทุกบาททุกสตางค์อย่างเลี่ยงไม่ได้

    ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายตั้งระบบอัตโนมัติเพื่อทำบุญ ผลบุญน่าจะน้อยกว่า เพราะว่ากำลังใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับทาน ปล่อยให้เครื่องทำหน้าที่อัตโนมัติเอง จะเป็นไปได้ไหมว่า ท่านอาจจะใช้วิธีภาวนาพระคาถาเงินล้านทุกวัน แล้วหยอดกระปุกไว้วันละบาท เมื่อสิ้นเดือนก็โอนทีเดียว ๓๐ บาท ถ้าอย่างนี้นอกจากท่านจะได้ทานบารมีทุกวัน โดยเฉพาะได้ทำด้วยตนเอง แล้วยังได้การภาวนาเพิ่มเติมขึ้นมา และที่แน่ ๆ ถ้าหากว่าภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัว พระคาถาเงินล้านก็จะส่งผลให้ท่านทั้งหลายมีความคล่องตัวในการเป็นอยู่ด้วย

    ถ้าใครไม่ต้องมานั่งลงบัญชีทุกบาททุกสตางค์แบบพระ ก็คงไม่รู้ถึงความยากลำบาก โดยเฉพาะในเรื่องของการทำบุญออนไลน์นั้น กรมสรรพกรเป็นผู้ควบคุม มีแนวโน้มว่าจะเก็บภาษี โดยเฉพาะถ้าหากว่าบัญชีใดมีการโอนเดือนหนึ่งถึง ๓๐๐ ครั้ง หรือว่าเดือนหนึ่งมีเงินเข้า ๒ ล้านบาทขึ้นไป ธนาคารต้องรายงานกรมสรรพากรและสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเพื่อตรวจสอบทันที

    คราวนี้ถ้าญาติโยมตั้งใจทำบุญทุกวัน แต่ใช้วิธีตั้งโอนอัตโนมัติทีละสตางค์ทีละบาท อันดับแรกก็คือจะทำให้จำนวนการโอนถึง ๓๐๐ ครั้ง ต่อให้เงินรวมกันแค่ไม่กี่บาท ถ้าถึง ๓๐๐ ครั้งก็โดนตรวจสอบเหมือนกัน

    ดังนั้น...ให้ญาติโยมที่ตั้งใจทำบุญกับทางวัดพิจารณาดูว่า จะเปลี่ยนวิธีการทำบุญอย่างที่อาตมาขอร้องดีหรือไม่ ? ก็คือเราภาวนาแล้วหยอดกระปุกด้วยทุกวัน สิ้นเดือนก็โอนทีเดียว ๓๐ บาท แล้วเหรียญที่อยู่ในกระปุก เราก็แคะออกมา ภาวนาแล้วก็หยอดใหม่
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    อีกส่วนหนึ่งก็คือ ท่านที่ชอบโอนเงินแล้วมีเศษสตางค์ นี่ก็เป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน เพราะว่าทุกบาททุกสตางค์ต้องลงบัญชี หลายท่านก็โอนมา ลงท้ายด้วยสลึง ๕๐ สตางค์ก็ยังพอทน แต่บางท่านก็ลงท้ายด้วย ๑ สตางค์ ๘๘ สตางค์ ที่พูดมานี่เจ้าของจะต้องรู้ว่าเป็นของตัวเอง ก็จะทำให้เกิดความยากลำบากในการลงบัญชีเช่นกัน ถ้าเป็นไปได้ลงยอดเต็มไปเลยดีหรือไม่ ?

    บางท่านก็ทำบุญ ๙ บาท แล้วทำไมไม่ทำให้เต็ม ๑๐ บาทไปเลย ? หรืออาจจะขาดเงินอยู่ ๑ บาท ก็เป็นเรื่องที่แจ้งให้ญาติโยมทั้งหลายได้พิจารณาดูว่า จะช่วยแบ่งเบาภาระของอาตมาได้บ้างหรือไม่ ? ถ้าหากว่ายังทำเหมือนเดิม อาตมาก็รับกรรมทำหน้าที่ต่อไปด้วยการลงทุกบาททุกสตางค์เหมือนเดิม แต่ถ้าช่วยแบ่งเบาได้ ก็จะเป็นเรื่องที่วิเศษมาก ทำให้เหนื่อยน้อยลง

    อีกส่วนหนึ่งก็คือ ญาติโยมที่ตั้งใจโอนเงินทำบุญส่วนตัว ถ้าหากว่าโอนเงินทำบุญส่วนตัว ให้โอนเข้าบัญชีพระครูวิลาศกาญจนธรรม ไม่เช่นนั้นแล้วท่านที่โอนเข้าบัญชีวัดท่าขนุน อาตมาก็เอาลงกองกลางหมด แล้วโดยนิสัยอาตมาก็ไม่อยากได้เงินส่วนตัวอยู่แล้ว เมื่อโอนเข้าบัญชีวัด ก็ถือเป็นข้ออ้างในการกวาด
    ไปลงส่วนกลางหมด

    ถ้าหากว่าท่านที่ไม่ทราบในเรื่องของบัญชีส่วนตัวหรือบัญชีวัด ให้เข้าเว็บวัดท่าขนุน ไปดูในห้องบอกเล่าเก้าสิบ จะมีบัญชีทั้งบัญชีวัดและบัญชีชื่อพระครูวิลาศกาญจนธรรมอยู่ ก็แล้วแต่ญาติโยมจะทำบุญตามรายการเหล่านั้น
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    อีกส่วนหนึ่งที่จะต้องทำต่อไปในวันพรุ่งนี้ก็คือ บัญชีกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร ซึ่งล่าสุดนี้พระที่วัดก็ไปผ่าตัดมา เสียค่าใช้จ่ายไป ๕๐,๐๐๐ กว่าบาท ยังดีที่ว่าทางญาติโยมของพระช่วยออกส่วนหนึ่ง อาตมาก็เลยจ่ายแค่ ๓๐,๐๐๐ บาท

    ในเรื่องของการรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณรนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า ผู้ใดตั้งใจจะอุปัฏฐากตถาคต ขอจงอุปัฏฐากภิกษุไข้เถิด การอุปัฏฐากภิกษุไข้ มีอานิสงส์เช่นเดียวกับการอุปัฏฐากตถาคต ก็แปลว่า การที่ท่านทั้งหลายดูแลรักษาพระหรือสามเณรที่เจ็บไข้ได้ป่วย อานิสงส์เหมือนกับท่านได้ดูแลพระพุทธเจ้าเอง


    โดยเฉพาะพระองค์ท่านตรัสกับพระอานนท์และหมู่ภิกษุว่า พวกเธอทั้งหลายเป็นผู้ปราศจากเรือนแล้ว ถ้าหากว่าไม่ช่วยกันดูแล แล้วจะให้ผู้ใดมาช่วย ? ก็คือพระเรามาบวช ก็ตัดขาดจากครอบครัวแล้ว จึงต้องช่วยกันดูแล ซึ่งตรงส่วนนี้วัดท่าขนุนของเราถือว่าดีมาก เพราะว่าเราช่วยกันดูแลพระแก่ ช่วยกันดูแลพระป่วย แม้ว่าบางท่านจะทำตัวน่ารำคาญบ้าง ก็ยังอดทนช่วยกันดูแลอยู่ ซึ่งตรงนี้ก็ขอชมเชยสำหรับท่านทั้งหลายที่ได้ทำหน้าที่ไปเอาไว้ ณ ที่นี้

    ในส่วนของกองทุนรักษาพยาบาลนั้น ก็มีผู้ตั้งทุนมา ๑๒๐ กว่าราย แต่ว่าน่าจะถึง ๒ ใน ๓ ที่ตั้งทุนแล้วก็ลืมทิ้งไปเลยว่าตัวเองมีทุนอยู่ตรงนี้ ไม่ได้มีการเพิ่มทุนมาเป็น ๑๐ ปีแล้วก็มี บางกองทุนอาตมาเองเห็นแล้วรำคาญตา ก็แอบควักเงินส่วนตัวไปเพิ่มให้

    ดังนั้น...ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายจะทำบุญในส่วนของการรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร ก็ให้เข้าไปในห้องข่าวประชาสัมพันธ์จากวัดท่าขนุน กระทู้ "ขอเชิญตั้งกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร" จะร่วมเป็นกองทุนเดียวกับอาตมาก็ได้ หรือถ้าจะตั้งทุนของตนเอง ก็ให้ระบุมาว่าจะใช้ชื่อกองทุนว่าอะไร แล้วจะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีช่วยดูแลจัดการให้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ในเรื่องของการทำบุญนั้น ทุกท่านต้องเข้าใจว่า กำลังใจของเรา ถ้าปักมั่นอยู่กับบุญ อานิสงส์ก็จะมีมาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ก่อนที่จะทำบุญนึกได้ว่าเราจะได้ทำบุญ ก็เกิดความปีติยินดี ระหว่างที่กำลังทำบุญอยู่ก็เกิดความปีติยินดี เมื่อทำบุญแล้วระลึกขึ้นมาเมื่อไร ก็เกิดความปีติยินดี ถ้าลักษณะอย่างนี้ผลบุญของท่านจะได้มาก เพราะว่าทั้ง ๓ วาระที่เราทำบุญนั้น กำลังใจเกาะอยู่กับบุญ เกาะอยู่กับทานเป็นพิเศษ

    ในเรื่องของบุญของทานที่เราทำนั้น อย่าได้ติดอยู่แค่บุญทาน เพราะไม่เช่นนั้นแล้วอานิสงส์จะส่งผลแค่กามาวจรเท่านั้น ก็คือเกิดเป็นเทวดานางฟ้า ถ้าท่านทำจนเคยชิน วันไหนไม่ได้ทำรู้สึกผิดปกติ ถ้าอย่างนั้นมีโอกาสเกิดเป็นพรหม


    แต่ถ้าท่านเข้าใจว่าการทำทานนี้เป็นการตัดละความโลภ ในขณะเดียวกันขึ้นชื่อว่าการเกิดมาในโลกนี้ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก ทำให้เราต้องเร่าร้อนด้วยอำนาจของ รัก โลภ โกรธ หลง ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาในสภาพเช่นนี้ เราไม่ต้องการอีกแล้ว ขอผลบุญหรือผลทานที่เราได้ทำนี้ ส่งผลให้เราเข้าสู่พระนิพพาน


    ถ้ากำลังใจของเราตั้งใจเช่นนี้ สามารถที่จะตัดละ รัก โลภ โกรธ หลง จากใจได้จริง ๆ แม้ว่าทำทานเพียงอย่างเดียว ท่านก็จะมีโอกาสเข้าสู่พระนิพพานได้ เพราะว่าการทำทานเพียงอย่างเดียวนั้น ความจริงท่านมีศีลอยู่แล้ว เพราะว่าในระหว่างที่ทำ เราไม่ได้ล่วงศีลแม้แต่สิกขาบทเดียว

    แล้วขณะเดียวกันเราก็ประกอบด้วยสมาธิ เพราะว่ากำลังใจจดจ่อปักมั่นอยู่กับการทำทาน โดยที่มีปัญญาเข้าใจชัดเจนว่า ทานนี้มีคุณประโยชน์อย่างไร อาศัยทานเป็นบันไดให้เราก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าไปสู่พระนิพพาน ก็แปลว่าอาศัยทานอย่างเดียว ท่านก็เป็นผู้ที่บำเพ็ญครบ ทั้งทาน ทั้งศีลและภาวนาได้

    ขอฝากเอาไว้สำหรับพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งญาติโยมที่รับฟังอยู่ ได้พิจารณาตามที่ได้กล่าวมาแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...