นักปฏิบัติต้องแลกกันด้วยชีวิต ต้องตามตี ตามบี้กิเลสให้ตายไปเลย

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 20 มีนาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,538
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    58534D07-F505-40FA-B8EE-DDF13ABF4324.jpeg

    การที่เราจะต่อสู้เพื่อชนะกิเลส เป็นสิ่งที่นักปฏิบัติตั้งแต่โบร่ำโบราณมาจนถึงปัจจุบัน ต้องทุ่มเทอย่างชนิดที่เอาชีวิตเข้าแลก ไม่ใช่สักแต่ว่าปฏิบัติธรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วก็จะสามารถชนะกิเลสได้ ต้องตั้งใจจริง ใช้ความเพียรพยายามในการปฏิบัติ ทุ่มเทชนิดสุดกำลังกาย สุดกำลังใจ ขนาดนั้นแล้วหลายต่อหลายท่านก็ยังไปได้ไม่ถึงไหน เหตุที่เป็นเช่นนั้นเกิดจาก ๒ อย่างด้วยกัน

    อย่างแรกก็คือทำผิด คำว่าผิด ในที่นี้คือผิดวิธี เนื่องเพราะว่าการปฏิบัติธรรมจะให้ได้ผลนั้นต้องเป็นมัชฌิมาปฎิปทา คือทางสายกลาง ทุ่มเทมากเกินไปก็ไม่ได้ผล ย่อหย่อนมากเกินไปก็ไม่ได้ผล แล้วที่สำคัญที่สุด ทางสายกลางนี้ไม่มีมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญาของแต่ละท่านที่สั่งสมมา กำลังใจสูงก็มาตรฐานสูง กำลังใจต่ำก็มาตรฐานต่ำ

    เราจะเห็นว่าบางท่านนั่งกรรมฐานกันที ๓ วัน ๓ คืนสบายมาก ส่วนของเราแค่ ๓๐ นาทีก็จะตายแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าทางสายกลางของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ดังนั้น...เมื่อท่านปฏิบัติธรรมไปแล้วจนรู้สึกว่าไปต่อไม่ไหว ขอให้ลองฝืนดูก่อน ถ้าฝืนแล้วไม่ไหวจริง ๆ ค่อยเลิก หันไปทำสิ่งอื่น ๆ แทน แต่ถ้าฝืนแล้วยังไหว ให้รู้ว่าเมื่อครู่นี้กิเลสหลอกเรา

    กิเลสนั้นมีมารยามากอย่างยิ่ง และอาศัยอยู่กับเราจนแทบจะเป็นตัวตนเดียวกัน เมื่อถึงเวลาเราใช้ความเพียรในการแผดเผากิเลส แค่เริ่มวิ่งเข้าหาลมหายใจเข้าออก กิเลสก็รู้ว่าตนเองโดนตีกรอบไปไหนไม่ได้แล้ว ก็จะพยายามอาละวาด นั่งนานนิดหนึ่ง ก็ทำท่าจะตายขึ้นมา

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราเองจะต้องมีสติมีปัญญาที่เพียงพอ ไม่อย่างนั้นแล้ว เราก็จะไปเข้าใจว่าที่จะตายนั่นก็คือเรา แล้วก็เลิกการปฏิบัติธรรมไป ทำให้กิเลสรอดไปได้ทุกครั้ง เพราะว่าทุกครั้งเราจะรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว จะตายแล้ว เลิกเถอะ ขอให้รู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่กิเลสเรียกร้อง ไม่ใช่ตัวเรา

    นักปฏิบัติที่แท้จริงนั้นต้องแลกกันด้วยชีวิต ถ้าหากว่าสบโอกาสแล้ว มีอย่างเดียวก็คือต้องตามตี ตามบี้กิเลสให้ตายไปเลย เพราะว่ากิเลสนั้นไม่เคยปรานีเรา เผลอเมื่อไรก็ยึดครองจิตใจของเราเอาไว้ ให้ประสบความทุกข์จาก รัก โลภ โกรธ หลง เป็นปกติ

    แต่ว่าตัวเราเอง พอถึงเวลากิเลสบอกว่าไม่ไหวแล้ว จะตายแล้ว เราก็ไปรามือให้ทุกครั้ง เพราะว่ารู้ไม่เท่าทันกิเลส จึงทำให้กิเลสรอดไปได้ เมื่อเพาะสร้างกำลังแข็งแกร่งขึ้นมา ก็หันกลับมาทำร้ายเราอีก วันแล้ววันเล่าก็เป็นเช่นนี้ เดือนแล้วเดือนเล่าก็เป็นเช่นนี้ ปีแล้วปีเล่าก็เป็นเช่นนี้ พวกเราจึงควรที่จะรู้สึกเข็ด รู้สึกพอเสียที อย่าให้กิเลสหลอกลวงและชักจูงเราต่อไป ไม่เช่นนั้นเราก็จะตกเป็นทาสอย่างนี้ไปตลอด โดยไม่สามารถที่จะเป็นไทได้

    วันนี้ก็ขอบอกกล่าวในส่วนของการประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมว่า การปฏิบัติตามทางสายกลางจึงเป็นสิ่งที่จะประสบความสำเร็จ และทางสายกลางนั้นไม่มีมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ หนทางแห่งการรบกับกิเลสนั้น ต้องแลกด้วยชีวิต

    ขอให้เข้าใจว่า ถ้าเราสามารถตัดการเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วนลงไปได้ ต่อให้เอาชีวิตของเราไปแลก ก็คุ้มแสนที่จะคุ้ม เพราะว่าไม่ต้องเกิดมาทุกข์ยากลำบากอีกนับชาติไม่ถ้วนเช่นกัน

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    ที่มา : www.watthakhanun.com

    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...