เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๖

​

 

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ นอกจากกระผม/อาตมภาพจะเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีวัดท่าขนุนแล้ว ก็ยังมีญาติโยมบางท่านมาพบ อันดับแรกเลยก็คือ ได้ไปสร้างวัตถุมงคลเอาไว้ แล้วจะนำมาถวายให้กับวัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพไม่ได้รับไว้และให้เอากลับคืนไป..!

ขอยืนยันกับทุกท่านว่า วัดท่าขนุนจะสร้างวัตถุมงคลต่อเมื่อมีคำสั่งของครูบาอาจารย์เท่านั้น เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องเมตตาสร้างแล้วเอามาถวาย เพราะทางวัดจะไม่รับ แม้แต่พระพุทธรูปก็ไม่รับไว้ เนื่องเพราะว่ามีผู้ตั้งใจสร้างพระด้วยของแพงมาถวาย อย่างเช่นว่าเป็นเงินทั้งองค์ หรือว่าเป็นหินมีค่าอย่างลาพิสลาซูลี เป็นต้น

ที่กระผม/อาตมภาพไม่ได้รับเอาไว้ ท่านทั้งหลายจะสังเกตว่าวัดเราจะไม่มีพระพุทธรูปองค์ไหนตั้งส่งเดช ต้องอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมที่เราจะกราบไหว้บูชาเท่านั้น เพราะฉะนั้น..ใครสร้างมาส่งเดช ทางวัดไม่มีที่ตั้ง กรุณานำกลับไปด้วย และไล่เตลิดเปิดเปิงไปหลายรายแล้ว..!

เรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลายที่ความเคารพในพระรัตนตรัยยังไม่ถึงระดับ อาจจะคิดว่ากระผม/อาตมภาพใจร้ายใจดำ แต่เราลองคิดแค่ว่า ถ้าใครเอารูปพ่อแม่ของเรามาตั้งส่งเดชไว้กับพื้น เราจะรู้สึกอย่างไร ? แล้วพระพุทธเจ้าสำคัญกว่าพ่อแม่ของเราเท่าไร ? นึกจะสร้างก็สร้าง นึกจะทำก็ทำ ถึงไม่มีที่เหมาะสมที่จะประดิษฐานกูก็จะทำ..! โปรดระวังไว้ว่าจะได้บาปมากกว่าได้บุญ

ส่วนบางท่านที่ขออนุญาตนำวัตถุมงคลมาเข้าพิธีวันเป่ายันต์เกราะเพชร ขอยืนยันว่างานบวงสรวงไหว้ครูประจำปี และเป่ายันต์เกราะเพชรของปีนี้ ทางวัดไม่รับวัตถุมงคลเข้าพิธี เนื่องเพราะว่าสถานที่ไม่พอให้ญาติโยมนั่ง ถ้าตั้งวัตถุมงคล อย่างน้อยเราก็จะเสียพื้นที่ไป ๖๔ ตารางเมตร ก็คือ ๑ ช่องเสา ซึ่งคนนั่งได้เป็นร้อย..!

ในเรื่องของงานเป่ายันต์เกราะเพชร เนื่องจากภาวะเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาด ทำให้ว่างเว้นไปหลายปี เมื่อมาปีนี้มีคำสั่งให้เป่ายันต์ฯ ได้ คาดว่าจากที่อั้นเอาไว้นาน ผู้คนก็น่าจะทะลักทลายมามากกว่าปกติ สถานที่ทุกตารางนิ้วจึงต้องสงวนไว้สำหรับญาติโยมผู้ขาดความมั่นใจ เพราะว่ายันต์เกราะเพชรนั้น ถ้าเรามีความเคารพในพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง จะอยู่มุมไหนของจักรวาลก็สามารถที่จะรับได้ แต่ท่านที่กำลังใจน้อย มักจะคิดว่าต้องอยู่ในศาลาเท่านั้น เรื่องนี้ก็ต้องแล้วแต่ท่านทั้งหลายเอง

 

ตัวกระผม/อาตมภาพเองนั้น ผ่านการเป่ายันต์เกราะเพชรของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ มาทั้งหมด ๑๘ ครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนที่ได้นั่งรับอย่างเป็นทางการเลย เพราะว่ามีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบอยู่ แต่ว่าอาการก็ปรากฏชัดทุกครั้ง อย่างเช่นว่าขนลุกขึ้นเป็นหนามขนุนและค้างอยู่เป็นชั่วโมง ๆ จนกระทั่งรู้สึกเจ็บผิว ซึ่งลักษณะแบบนั้น ถ้าทั่วไปโดยปกติในการปลุกของ เขาจะเรียกว่า "ของขึ้น"

แต่คราวนี้ยันต์เกราะเพชรเข้าไปในร่างกายของเราแล้วแสดงอานุภาพออกมา เพื่อเป็นการย้ำให้เกิดความมั่นใจว่า ไม่ว่าท่านตั้งใจจะทำอะไรอยู่ก็ตาม ถ้าน้อมจิตถึงพระท่านด้วยความเคารพเอาไว้ก่อน สามารถที่จะรับยันต์ได้ทั้งสิ้น

คราวนี้การเป่ายันต์เกราะเพชรในสมัยโบราณนั้น ครูบาอาจารย์ท่านอนุญาตให้บุคคลนำวัตถุมงคลที่ใช้ติดตัวมา ถ้ามีผ้าขาวก็ห่อผ้าขาวมา ถ้าไม่มีก็หาภาชนะหรือวัสดุอะไรที่สมควรบรรจุไว้ แล้ววางบนหน้าตักตัวเอง การเป่ายันต์เกราะเพชร ท่านจะขอบารมีพระให้ปลุกเสกวัตถุมงคลนั้น ๆ ให้ด้วย แต่ไม่ใช่ว่าจะขนกันมาทีเป็นคันรถ..! หลายร้อยหลายพันองค์ ลักษณะอย่างนั้นก็ตั้งใจค้าขายจนเกินไป

ดังนั้น..ในเรื่องของการเป่ายันต์เกราะเพชรที่จะมาถึงในวันเสาร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖ นี้ อันดับแรกเลย ท่านที่ไม่ได้จองที่พักเอาไว้ก่อน หมดหวังโดยสิ้นเชิงแล้ว เพราะว่าจากการเช็คของคนในพื้นที่ ที่พักในคืนวันศุกร์ที่ ๒๑ เต็มหมดเกลี้ยง อย่างปีก่อน ๆ ที่เคยเป่ายันต์ฯ หลายท่านต้องวิ่งไปพักถึงสังขละบุรี หรือไม่ก็พักในตัวเมืองกาญจนบุรี แล้วเช้ามืดรีบวิ่งขึ้นมาให้ทันพิธี ก็แปลว่าท่านทั้งหลายที่ประมาท รอให้ใกล้ ๆ งานแล้วค่อยจองที่พัก ให้มานั่งสัปหงกอยู่แถววัดก็แล้วกัน เนื่องเพราะว่าถ้าพวกเรามาเช้าไป ศาลาก็ยังไม่เปิด แต่ยังดีที่ว่ายังมีห้องน้ำห้องส้วมให้เข้า ไม่เช่นนั้นก็คงจะเดือดร้อนกันน่าดู

ส่วนท่านทั้งหลายที่ตั้งใจจะเปิดโรงทานเลี้ยงญาติโยม ให้แจ้งกับทางวัดโดยด่วน ว่าท่านจะทำอะไร เป็นจำนวนเท่าไร ถ้ามีข้าวของเครื่องใช้อะไรที่ต้องยืมทางวัด รีบแจ้งมาก่อนที่คนอื่นจะคว้าไปหมด ซึ่งในงานหลัง ๆ ก่อนที่โควิดจะระบาด ส่วนใหญ่แล้วพื้นที่ไม่พอให้ตั้งโรงทาน งานนี้ก็คาดว่าเป็นไปในลักษณะเดียวกัน แต่ว่าถ้าท่านแจ้งมาก่อน อย่างน้อยทางวัดก็คงพอที่จะหาโต๊ะ หาเตียงอะไรให้ท่านวางของได้

 

ถ้าเป็นไปได้ ให้เป็นอาหารสำเร็จรูปมาเลย อย่างเช่นว่า ข้าวกล่อง แซนด์วิช อะไรเหล่านั้นเป็นต้น ก็คือไม่ต้องเสียเวลามาปรุงกันนาน ไม่ต้องเสียเวลาใช้ถ้วยจานชามช้อนกันมาก เพราะว่าพวกเราที่มากันเป็นจำนวนมาก ๆ นั้น ส่วนใหญ่แล้วเรื่องที่อยู่ที่กิน ไม่เพียงพอที่จะรองรับแม้แต่งานเดียว

เรื่องพวกนี้พูดไป ก็เหมือนกับขู่ให้พวกท่านทั้งหลายกลัว ขอบอกว่าธนาคารกรุงไทยที่จะมารับเงินที่ญาติโยมทำบุญวันเป่ายันต์เกราะเพชร ไม่เคยได้เข้ามาในศาลาแม้แต่ครั้งเดียว เหตุเพราะว่าที่วัดเริ่มบวงสรวงเช้า ตั้งแต่ประมาณ ๗ โมงครึ่ง ก็แปลว่าราว ๆ ๖ โมง ศาลาก็เต็มแน่น ไม่มีที่ให้หายใจแล้ว..!

แต่ว่าเจ้าหน้าที่มาตามเวลาทำงาน คือ ๘ โมงครึ่ง..! ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องบ่นว่าทำไมถึงเข้าศาลาไม่ได้ ของบางอย่างพูดไป ญาติโยมมองไม่เห็นภาพ ต้องรอให้พบให้เจอด้วยตนเอง แล้วที่น่าเขกกะโหลกก็คือ ท่านที่มีประสบการณ์รับยันต์อยู่กับบ้าน แล้วมีสัญลักษณ์บอกอย่างชัดเจนว่ารับได้แน่นอน แต่พอครั้งต่อไป กลับตะกายมาวัด..! ถ้าอยู่บ้านสามารถรับได้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาวัด

บุคคลที่มาถึงวัดนั่น เอาไว้สำหรับบุคคลที่กำลังใจอ่อนมาก ๆ ขาดความมั่นใจในทุกเรื่อง "นั่งรถมาถึงวัด ไม่ทันพิธี แต่ตั้งใจรับ จะรับได้หรือเปล่า ?" "ตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนเช้า แต่ต้องทำงานทั้งวัน จะได้รับหรือเปล่า ?" ก็ให้ย้อนกลับไปดูที่กระผม/อาตมภาพพูดไปตั้งแต่ตอนต้น ว่าพิธีเป่ายันต์ฯ ทั้ง ๑๘ ครั้ง ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านจัดมา กระผม/อาตมภาพไม่เคยได้รับตามรูปแบบแม้แต่ครั้งเดียว พูดง่าย ๆ ก็คือไม่เคยได้รับเป็นทางการแบบคนอื่น เพราะว่าต้องทำงานไปด้วยทุกครั้ง

ดังนั้น..ท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่าสามารถรับยันต์ได้โดยที่อยู่กับบ้าน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตะเกียกตะกายมาเหยียบกันที่วัดท่าขนุน..!

 

ยันต์เกราะเพชรเป็นบารมีของพระพุทธเจ้า ถ้าท่านทั้งหลายไม่ลืมที่กระผม/อาตมภาพสอนให้ปฏิบัติธรรมในช่วงเช้ามืด จะเห็นว่าถ้าใครทำตามได้ สามารถกำหนดจิตครอบคลุมทั่วโลกได้ในเวลาไม่ถึงวินาที แล้วพระพุทธเจ้าท่านมีความสามารถมากกว่าเรากี่ร้อยล้านเท่า ? อย่าว่าแต่โลกนี้เลย โลกอื่น ๆ ท่านก็แผ่กำลังแผ่พระบารมีไปถึง เราจะอยู่ในโลกไหนก็ตาม ถ้าตั้งใจรับด้วยความเคารพ ก็สามารถรับได้ทั้งสิ้น

แต่ขอเตือนไว้อย่างหนึ่งว่า สำหรับท่านที่พกวัตถุมงคลที่เป็นไสยศาสตร์ ถ้าหากว่าเสียดายของ อย่าเอามาในบริเวณพิธี เพราะว่าถ้าเอามาในบริเวณพิธี ก็แปลว่าโดนล้างเกลี้ยง ไม่เหลืออะไรให้ใช้งานต่อไป..!

แล้วหลายท่านที่อยากจะลองของ กรุณาอย่าหาเรื่องเจ็บตัวโดยใช่เหตุ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพไม่ได้ทำเอง แต่ถึงเวลาบารมีของพระท่านแผ่ลงมา เหมือนกับแสงสว่างที่ฉายลงมา ไสยศาสตร์ต่าง ๆ เหมือนกับความมืดก็จะโดนขับไล่ออกไปโดยอัตโนมัติ ท่านที่อยากจะลองของก็เดือดร้อนกันเอง

มีบางครั้งถึงขนาดโดนจำกัด วิชาเสื่อมไปหลายปี แต่ดูท่าว่าบุคคลที่ยังไม่โดนก็จะไม่เข็ด ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ใครจะมายินดีต้อนรับ ถ้าบาดเจ็บล้มตาย ทางวัดก็มีเมรุปลอดมลพิษ พร้อมที่จะเผาให้ตลอดเวลา..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)