เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 สิงหาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพได้ไปร่วมงานประชุมชี้แจงการบังคับใช้ผังเมืองของชุมชนทองผาภูมิ โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งต้องบอกว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของอำเภอทองผาภูมิ

    เนื่องเพราะว่าในจังหวัดกาญจนบุรีนั้น มีแค่อำเภอเมือง อำเภอท่าม่วง และอำเภอท่ามะกาเท่านั้น ที่มีการประกาศบังคับใช้ผังรวมชุมชน อำเภอที่ ๔ ก็คืออำเภอทองผาภูมิ การประกาศใช้ผังเมืองรวมนั้น ต้องบอกว่าเป็นความเจริญอย่างหนึ่งของพื้นที่ การบังคับใช้ก็จะต้องมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วน ๆ ว่าพื้นที่ไหนใช้ทำอะไรได้บ้าง

    เหตุที่อำเภอทองผาภูมิของเราสามารถประกาศบังคับใช้ผังเมืองรวมของชุมชนได้เร็ว ก็เพราะว่าไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม อำเภอทองผาภูมิเป็นเขตต้นน้ำระดับ A ซึ่งต้นน้ำหรือระดับ A หรือว่า A1 ก็ตาม เป็นพื้นที่ที่ห้ามตั้งโรงงานหรือว่าผลิตสิ่งที่ก่อให้เกิดสารพิษ เพราะว่าเป็นต้นน้ำที่ชาวบ้านต้องใช้รวมกัน

    ปัจจุบันนี้ทางด้านกรุงเทพฯ และปริมณฑล ใช้น้ำประปาที่ผลิตจากเขื่อนวชิราลงกรณ อำเภอทองผาภูมิ และเขื่อนศรีนครินทร์ อำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเขื่อนศรีนครินทร์นั้นจะไหลลงไปพักส่วนหนึ่งที่เขื่อนท่าทุ่งนา อำเภอเมือง แล้วก็ไหลรวมกับทางด้านแม่น้ำแควน้อย ตรงไปยังเขื่อนแม่กลอง อำเภอท่าม่วง แล้วจะมีคลองส่งน้ำกว้าง ๒๐ เมตร ยิงตรงไปยังโรงกรองน้ำธนบุรีและโรงกรองน้ำบางกรวย ผลิตน้ำประปาให้คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ใช้กัน ในเมื่อเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น A อยู่แล้ว จึงทำให้การประกาศใช้ผังเมืองรวมนั้นง่ายมาก

    แต่กระผม/อาตมภาพได้ฝากคำถามเอาไว้ก่อนที่จะกลับมาฉันเพลว่า "การอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ตั้งโรงงานต่าง ๆ ตามที่ระบุเอาไว้ท้ายราชกิจจานุเบกษานั้น ส่วนใหญ่แล้วชาวบ้านไม่ได้ตั้งเป็นโรงงานอุตสาหกรรม แต่ทำงานที่เราเรียกว่างานอุตสาหกรรมนั้นในที่อยู่อาศัย ซึ่งส่วนนี้เป็นปัญหาของใคร ? และจะแก้ไขอย่างไร ?" แต่ในส่วนที่กระผม/อาตมภาพไม่ได้พูดถึงก็คือ ไปบังคับใช้กฎหมายเมื่อไร ก็จะมีมวลชนออกมาร้องเรียนว่า "รังแกคนจน" แต่ก็ถือว่าในส่วนของการประกาศใช้นั้น เป็นประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งของอำเภอทองผาภูมิของเรา
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    ส่วนทางด้านท่านนายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ ก็คือ นายศราวุธ ศรีทันดร หรือ ท่านนายกฯ ปาล์ม ได้ส่งเจ้าหน้าที่กองโยธาของเทศบาลตำบลทองผาภูมิ มาช่วยซ่อมแซมตลาดริมแควเมืองท่าขนุน ที่แตกหักเสียหายจากการโค่นต้นราชพฤกษ์ ๗ ยอดยืนตายพราย ถ้ารุกขเทวดาเขาไม่เกรงใจคนสร้างตลาด ก็จะพังบรรลัยมากกว่านั้นอีก..!

    เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากที่เขากลัวอันตรายอย่างเดียว แต่ลืมนึกไปว่าต้นไม้ตายพรายนั้นสำคัญขนาดไหน และโดยเฉพาะต้นราชพฤกษ์หรือว่าต้นคูนต้นนี้ มียอดขนาดไล่เลี่ยกันถึง ๗ ยอด

    ส่วนโคนที่สูงขึ้นมา ก่อนที่จะแตกยอดนั้น ก็สูงถึง ๒ เมตรกว่า ๓ เมตร และโตเกือบ ๒ คนโอบ ถ้าเป็นสมัยโบราณก็คือศักดิ์ศรีระดับเสาหลักเมืองเลย จึงพูดไว้เผื่อเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ของทองผาภูมิว่า เราเคยมีสิ่งที่สำคัญขนาดนี้ แต่โดนโค่นไปทำรั้วเรียบร้อยแล้ว..!

    ในเรื่องสิ่งที่เป็นอันตราย ทางราชการก็ต้องระมัดระวัง แต่ถ้าหากว่าเป็นอย่างของพวกเรา ซึ่งต้องบอกว่าในส่วนของไสยศาสตร์หรือวัตถุมงคลนั้น ต้นไม้ยืนตายที่เรียกตายพรายนั้นขลังมาก ประมาณว่าขนาดตายแล้วยังไม่ยอมล้ม ต้องมีพิธีการในการ "พลี" เพื่อขออนุญาตเอาไปใช้งาน ไม่ใช่ไปตัดส่งเดช

    ในเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว ก็ขอกล่าวอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือมีญาติโยมผู้หวังดีส่งนอแรดมาให้กระผม/อาตมภาพ เพราะเห็นว่าใช้ทำยาจินดามณีอยู่หลายรอบ แต่ขอโทษ..ที่คุณส่งมานั้นเป็นของปลอม เป็นเขาวัว กระผม/อาตมภาพย้ำนักย้ำหนาว่า ถ้าพวกเราไม่มีความชำนาญ อย่าไปแตะต้องของพวกนี้ เพราะว่าราคาแพงสาหัส

    นอแรดเป็นวัสดุธรรมชาติจากซากสัตว์ ที่ราคาแพงกว่าทองคำเสียอีก ลองไปชั่งน้ำหนักกันกรัมต่อกรัมดูก็ได้ และที่แน่ ๆ ก็คือถึงเป็นของแท้ คุณก็กำลังเอาคุกมาแจกให้เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน..! เพราะว่า
    แรดเป็นสัตว์ป่าสงวน ห้ามครอบครองแม้กระทั่งซาก..!

    ที่กระผม/อาตมภาพใช้ในการทำยาจินดามณีนั้นเป็นผงนอแรด ไม่ใช่มาเป็นนอแบบนี้ เรื่องของผงนอแรดนั้น หมดสภาพการเป็นซากสัตว์แล้ว ก็ถือว่าคุณรอดตัวไป แต่คราวหน้ากรุณาอย่าได้ส่งของประเภทนี้มาอีก เพราะว่าแม้จะเป็นเขาสั้น ๆ แต่ถ้าสังเกตเป็น จะเห็นว่าหัวท้ายเกือบจะเท่ากัน ลักษณะแบบนี้เป็นเขาวัว และเป็นเขาวัวเก่าที่ตายฝังจมดินมานาน ไปขุดคุ้ยขึ้นมาได้ก็กะเทาะเอาแต่เปลือกเขามา คนขายก็น่าจะเห็นว่าพอที่จะหลอกคนได้ เพราะว่าสั้น ๆ คล้ายกับนอแรด
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    แต่ถ้ารู้จักสังเกตจะรู้ว่านอแรดนั้นโคนใหญ่มาก ไม่มีอยู่ในลักษณะที่เรียวปลาย แล้วต้นปลายเกือบเสมอกันขนาดนี้ ต่อให้เป็นนอแรดแอฟริกาที่ค่อนข้างยาวก็โคนใหญ่มาก และถ้าเป็นนอแรดจริง เขาตัดจนกระทั่งติดกะโหลกเลย ไม่มาแค่ปลอกเขาแบบนี้ เพราะว่าเสียดาย เนื่องจากว่าราคากรัมต่อกรัม ก็คือแพงกว่าทองคำ

    ถ้าหากว่าท่านไปเสียสตางค์ซื้อมาราคาแพง ก็เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ของพวกนี้ถ้าเราไม่มีความชำนาญ อย่าไปแตะ ขอเตือนไว้ก่อนเพราะว่าของแพง เปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์ แล้วกระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ขาดแคลนด้วย ขนาดผงงาช้าง ยังมีอยู่ตั้ง ๖๐ กว่ากิโลกรัม ญาติโยมไปเหมาซื้อมาจากสุรินทร์ที่เขาผลิตวัสดุจากงาช้าง เห็นว่าเป็นผง น่าจะเอามาผสมสร้างวัตถุมคลได้ ก็เลยเอามาถวายกระผม/อาตมภาพเอาไว้ เอาเข้าพิธีมาหลายรอบแล้ว ระยะเวลาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว ยังไม่สามารถที่จะทำวัตถุมงคลด้วยเนื้อผงงาช้างล้วน ๆ ได้ ต้องบอกว่าเทคโนโลยียังไม่พอ พอถึงเมื่อไรแล้วค่อยว่ากันอีกที

    ส่วนอีกเรื่องที่อยากจะกล่าวถึงในวันนี้นั้น มีสำนักสอนมโนมยิทธิแห่งหนึ่ง..เก่งมาก สอนให้ลูกศิษย์ของตนเป็นพระอริยเจ้าไปเป็นพันคนแล้ว..! มีการทำนายมรรคผลกันเป็นระยะ ๆ โดยที่บอกว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เป็นผู้ทำนายให้ แต่ในส่วนที่อยากจะบอกกับพวกท่านก็คือว่า พระอริยเจ้าของเขานั้นเสื่อมได้..! ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นพระอริยเจ้าสำนักไหน ? เพราะว่าอริยะแปลว่าผู้เจริญโดยส่วนเดียว ต่อให้ข้ามชาติข้ามภพก็ไม่เสื่อมไปจากใจ

    อย่างบุคคลที่เข้าถึงความเป็นพระโสดาบันหรือว่าเป็นพระสกทาคามีนั้น ถ้าไปเกิดใหม่ ความเป็นพระโสดาบันหรือพระสกาทาคามี ก็จะติดไปโดยอัตโนมัติ หลายท่านไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นพระอริยเจ้า แต่กฎเกณฑ์กติกาความเป็นพระอริยเจ้า ท่านทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์ และไม่ละเมิดอย่างเด็ดขาด
    ดังนั้น..สำนักไหนที่สามารถสอนลูกศิษย์ให้เป็นพระอริยเจ้าได้ง่าย ๆ แต่ดันเสื่อมได้ ก็ขอให้พิจารณากันเอาเองก็แล้วกัน ว่าควรที่จะเชื่อถือหรือไม่ ?

    เนื่องเพราะว่าแม้แต่พระอัสสชิเถระ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ ใกล้วาระสุดท้ายของชีวิต เจ็บป่วยอาพาธหนักถึงขนาดร้องครวญคราง ฝากพระไปกราบเรียนถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "มรรคผลของกระผมท่าจะเสื่อมเสียแล้ว เพราะว่าเจ็บปวดมากเหลือเกิน" องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถามว่า "อัสสชิ..เธอเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเธอหรือไม่ ?" พระอัสสชิเถระตอบว่า "ไม่เคยเห็นเลยพระเจ้าข้า" ท่านบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นมรรคผลไม่ได้เสื่อม การเจ็บปวดเป็นเรื่องปกติธรรมดาของร่างกาย"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,534
    ค่าพลัง:
    +26,371
    ส่วนนี้กระผม/อาตมภาพเองมีโอกาสถวายการรับใช้ โดยเฉพาะหลวงปู่มหาอำพัน - ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) วัดเทพศิรินทราวาส ท่านป่วยเป็นโรคเก๊าท์ ต้องฉันยาคุมเก๊าท์อยู่ตลอดเวลา ปรากฏว่าวันนั้นคุณหมอไม่ได้นำยามาส่งให้ เพราะว่าถวายให้เดือนละ ๑ ครั้ง เมื่อฉันจนหมด อาการเก๊าท์จึงกำเริบ หลวงปู่นอนครางโอย ๆ ขนาดกระผม/อาตมภาพเอามือแตะหน่อยเดียว ท่านเจ็บถึงขนาดสะดุ้งทั้งตัว

    ด้วยความสงสัยจึงกลับไปกราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่า "พระแบบหลวงปู่ยังเจ็บปวดอยู่อีกหรือครับ ?" หลวงพ่อท่านบอกว่า "ถ้าไม่ใช่ทรงฌานคล่องตัวจนสามารถเข้าฌานหนีเวทนาได้ทุกเวลาแล้ว ยิ่งเป็นพระอริยเจ้าชั้นสูงมากเท่าไร ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น เพราะว่าสภาพจิตของท่านละเอียดกว่า สามารถรับรู้เวทนาทุกอย่างได้มากกว่าเราหลายเท่า"

    กระผม/อาตมภาพจึงได้เข้าใจว่า ทำไมหลวงปู่อัสสชิเถระถึงได้เจ็บปวดจนกระทั่งคิดว่าตนเองมรรคผลเสื่อม แล้วทำไมหลวงปู่มหาอำพันที่เราเคารพรัก และรู้ว่าท่านเป็นพระอริยเจ้าแน่นอน ทำไมถึงได้เจ็บปวดจนครางโอย ๆ แต่ทั้งสองท่านนี้มรรคผลไม่เสื่อม ป่วยหนักขนาดนั้นก็ไม่เสื่อม สำนักไหนที่ทำนายมรรคผลแล้วมีการเสื่อม ก็ปล่อยเขาบรรเลงกันต่อไป เราอย่าไปยุ่งก็แล้วกัน..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...