เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 22 กรกฎาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2024
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางไปยังวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร เพื่อทำการปลุกเสกวัตถุมงคล ประกอบด้วยพระกริ่งสมปรารถนาและเหรียญสมปรารถนา ให้กับพระครูต้น ซึ่งแต่เดิมนั้นคือพระครูสังฆกิจพิมล แต่ว่าปัจจุบันนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีการเปลี่ยนแปลงสมณศักดิ์ไปหรือไม่ ? เพราะเรียกกันว่า "พระครูต้น" มาโดยตลอด

    เมื่อไปถึงปรากฏว่าหาสถานที่จอดรถยากมาก ถ้าไม่ใช่บารมีพระครูต้นเจ้าของงานแล้ว คาดว่าอาจจะโดนอัปเปหิออกจากวัดไปเลย..! เนื่องเพราะว่าจากปกติที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าไปกราบสักการะหลวงพ่อทองคำแล้ว วันนี้ยังเป็นวันที่เจ้าคณะพระสังฆาธิการทั้งหลาย ได้มากราบถวายสักการะพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ, ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก และพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง รถทั้งหลายจึงแน่นไปหมด..!

    กระผม/อาตมภาพลงมาได้ก็เข้าสู่อุโบสถ กราบพระประธาน รอจนกระทั่งพระครูต้นท่านจัดเครื่องบวงสรวงเรียบร้อยแล้ว จึงจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วทำการอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นนี้ให้กับพระครูต้น

    นอกจากการกราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเป็นที่สุดแล้ว ยังกราบเท้าขอให้พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณหลวงปู่ไสว - พระวิสุทธาธิบดี (ไสว ฐิตวีรมหาเถร ป.ธ. ๗) อดีตเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร ซึ่งเคยแผ่บารมีปกเกศปกเกล้าชาววัดท่าซุงในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่มาด้วย ท่านเจ้าคุณหลวงปู่เป็นพรหมสวยงามเหลือเกิน มาแล้วยังยิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดีเหมือนเดิม

    พอดีทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) เอาพระราหูของทางล้านนามายัดใส่มือในลักษณะขอให้เสกเพิ่ม กระผม/อาตมภาพที่กำลังตั้งใจภาวนาบทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยคือ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ ห้อง ตั้งใจให้ได้ ๑๕ จบตามกำลังวันจันทร์ก็เลยสะดุ้ง เนื่องเพราะว่าพ่อเจ้าประคุณราหูที่เคยแสดงวีรกรรมวีรเวรมาหลายครั้งแล้ว พอเห็นเข้าก็ทำท่าฮึ่ม ๆ เข้าใส่ เล่นเอาจันทรเทพบุตรเจ้าของกำลังวัน ทำท่าจะเฉาะหัวกบาลจอมอสูรด้วยพระขรรค์ที่ถืออยู่ในมือ..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    กระผม/อาตมภาพจึงต้องเป็นผู้ห้ามทัพ บอกว่าตอนนี้กำลังกราบขอบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย โดยเฉพาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าพี่น้องยังอยากจะทะเลาะกัน จะให้ "พ่อใหญ่" ฟาดก้นด้วยไม้เรียวเสียให้เข็ด ทั้งสองท่านที่กำลังแสดงโขนแสดงละครอย่างสนุกสนาน ก็เลยต้องจ๋อย..หน้าม่อยไปตามระเบียบ

    จะว่าไปแล้วทั้งสองท่านนี้ กระผม/อาตมภาพก็คุ้นเคยมานาน โดยเฉพาะท่านราหูนั้น ได้ช่วยเหลือการงานกระผม/อาตมภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศมาหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะในครั้งที่เดินทางไปดูงานร่วมกับนิสิตปริญญาเอก ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถ้าหากว่าไม่ได้ท่านช่วยไว้ในครั้งนั้น ก็อาจจะถึงขนาดมรณภาพไปแล้ว..!

    เพราะว่าได้รับนิมิตเห็นว่าเครื่องบินที่นั่งไปตก แล้วก็ไม่ทราบว่าตนเองเป็นหรือตาย ? เพราะเห็นลักษณะเหมือนกับภาพมุมสูงที่ถ่ายจากโดรน เห็นแต่ว่าเครื่องบินโดนคลื่นซัดไปเกยชายฝั่งแห่งหนึ่ง แล้วขากลับก็เจอสภาพอากาศเลวร้าย เครื่องบินร่อนขึ้นร่อนลงในลักษณะตกหลุมอากาศ แล้วโดนโยนขึ้นด้วยแรงลมพายุ..!

    พอดีท่านราหูซึ่งตามมาดูแลรักษา ใช้วิธีอมเครื่องบินทั้งลำเอาไว้ในปาก กระผม/อาตมภาพยังบ่นว่า "ไม่ทันจะแปรงฟันเลย อ้าปากอมเข้ามาได้..!" ท่านยังเถียงว่า "ท่านก็ไม่ได้แปรงฟันเหมือนกันแหละ..!" กระผม/อาตมภาพก็เถียงไม่ออก คนนั่งหลับมาตลอดทาง แล้วอยู่ ๆ เจออากาศแปรปรวน ใครจะไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนวะ..?! ที่รอดมาได้ด้วยความอนุเคราะห์สงเคราะห์ของท่าน จากนั้นท่านก็เลยกลายเป็นขาประจำของวัดท่าขนุนไป

    ท้ายที่สุด พอถึงเวลามีผู้หนึ่งผู้ใดที่ส่งเอาบรรดาวัตถุไสยศาสตร์มา มักจะกลายเป็นอาหารว่างให้พ่อจอมอสูรกินเล่นไปเสียอย่างนั้น กระผม/อาตมภาพจึงอยู่ในฐานะลอยตัว ใครก็ตามที่อยากรู้อยากลองว่า "หลวงพ่อเล็กหรือพระอาจารย์เล็กเก่งกาจขนาดไหน ? จึงบังอาจเป่ายันต์เกราะเพชร..!" ได้ทำการส่งสิ่งต่าง ๆ มาให้ ต้องบอกว่าเสียเวลาเปล่า เพราะพ่อเจ้าประคุณยังบ่นว่าไม่พอให้กินเสียด้วยซ้ำไป..!

    เมื่อพี่น้องเลิกทะเลาะกัน กระผม/อาตมภาพค่อยกำหนดจิตดู เห็นองค์พระประธานในพระอุโบสถขยายจนกระทั่งเต็มกองวัตถุมงคล พอพระท่านบอกว่า "เต็มทุกอย่างแล้ว" จึงได้ถอนจิตออกมา ทำการพรมน้ำหอมถวายเป็นพุทธบูชา
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ทางพระครูต้นขอให้เจิมรูปพระพิราพ ซึ่งมีทั้งหน้ากากโขนพระฤๅษี และหน้ากากโขนพระพิราพที่งดงามมาก ๆ อยู่ด้วย กระผม/อาตมภาพนั้นเกรงใจพ่อปู่พระฤๅษีเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าพ่อปู่พระฤๅษีทั้ง ๑๐๘ องค์นั้น บางองค์ก็เข้าสู่พระนิพพานไปแล้ว หลายองค์ก็เป็นพรหมชั้นอนาคามี จึงบอกว่า "ขอเจิมแค่ฐานองค์พระพิราพก็แล้วกัน"

    พระพิราพนั้นจะว่าไปแล้ว ทางด้านบ้านเราเมืองเราถือว่าเป็นครูแห่งนาฏศิลป์และดนตรีกาลทั้งปวง แต่ถ้าหากว่าเป็นทางประเทศเนปาล ก็ต้องยกให้เจ้าแม่นภิสราเทวี เจ้าแม่หลักเมืองของเนปาล ซึ่งเคยบอกเอาไว้ว่า ถ้าหากว่าใครบนบานศาลกล่าวเจ้าแม่ไภรวะ ก็เป็นอันว่าเสร็จท่านไปด้วย เพราะว่าท่านรับหน้าที่เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ตำแหน่งที่นั่น คำว่าไภรวะ พอเขียนแปลงเป็นภาษาไทยก็ออกมาว่าพิราพ ซึ่งเป็นปางหนึ่งของพระศิวะนั่นเอง

    แต่ถ้าว่ากล่าวกันตามแบบที่กระผม/อาตมภาพเข้าใจ พระศิวะก็คือท่านปู่พระอินทร์นั่นเอง เพียงแต่ว่าเทพเจ้าของชาวฮินดูนั้น ได้รับการสถาปนาหรือแต่งตั้งขึ้นมาโดยอาศัยกิเลสมนุษย์ล้วน ๆ..! จึงทำให้เทพเจ้าของฮินดูค่อนข้างจะ "ดาร์ก" อยู่สักหน่อย ก็คือบางทีการประพฤติปฏิบัติก็ไม่ได้อยู่กับร่องกับรอยให้สมกับเป็นเทวดาที่ได้ชื่อว่าผู้ประเสริฐเลย..!

    จึงทำให้เห็นชัด ๆ เลยว่า ในด้านของเทวตานุสตินั้น ศาสนาพุทธของเราแยกแยะได้ชัดเจนที่สุด ก็คือถ้าหากว่าเป็นเทวดาในระดับต่ำ ที่เรียกว่ารุกขเทวดาก็ดี ภุมมเทวดาก็ดี ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ยังต้องพึ่งพาบุญกุศลจากพวกเราที่อุทิศไปให้ เพื่อว่าความดีครบถ้วนสมบูรณ์ หรือว่าเต็มแล้ว ท่านก็จะได้เลื่อนภพภูมิขึ้นไปเป็นอากาสเทวดา หรือที่เรียกกันภาษาไทยง่าย ๆ ว่าอากาศเทวดา

    อากาสเทวดาทั้ง ๖ ชั้นนั้นก็มีพระอริยเจ้าปนเปอยู่ด้วย ก็คือบางพวกเป็นพระโสดาบันบ้าง บางพวกเป็นพระสกทาคามีบ้าง บางพวกเป็นพระอนาคามีบ้าง โดยเฉพาะท่านที่เป็นอนาคามีนั้น โดยปกติแล้วจะต้องอยู่สุทธาวาสพรหม แต่ว่าพระอนาคามีที่เจอนั้น ท่านบอกว่าท่านอยากจะอยู่แค่นี้ เพราะว่ามีเพื่อนที่รักใคร่นับถือกันอยู่ที่นี่ ในเมื่อบุคคลที่มีเงินแต่อยากจะอยู่กระต๊อบ เราก็ไม่สามารถที่จะขัดได้ แต่ถ้าหากว่าคนไม่มีสตางค์ อยากจะอยู่พระราชวัง ก็คงเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน..!

    เพียงแต่ว่าเทวดาของเรานั้นจะต้องมีศีล ๕ บริสุทธิ์เป็นอย่างน้อย และประกอบไปด้วย หิริ -โอตัปปะ คือความละอายชั่วกลัวบาป ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่สามารถที่จะเกิดเป็นเทวดาได้ หรือว่าเกิดมาด้วยบุญอื่นๆ แล้วก็ตาม ก็จะต้องเป็นผู้มีศีลและมี หิริ -โอตัปปะไปโดยอัตโนมัติ ไม่เช่นนั้นถ้าหากว่าไปล่วงละเมิดสิ่งหนึ่งประการใดเข้า ก็จะสูญเสียกายทิพย์ไป แล้วทำให้ต้องจุติ คือเคลื่อนไปสู่ภพภูมิที่ต่ำกว่า ซึ่งมีแต่ความทุกข์ยาก
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ส่วนเทวดาระดับกลางแล้ว นอกจากจะมีศีลและ หิริ -โอตัปปะแล้ว ยังต้องเจริญฌานสมาบัติให้ได้ในระดับใดระดับหนึ่ง ตั้งแต่ปฐมฌานหยาบไปจนถึงฌาน ๔ ละเอียด ท่านก็จะเกิดเป็นรูปพรหมชั้นใดชั้นหนึ่ง โดยที่จำกัดอยู่แค่ ๑๑ ชั้นแรก เนื่องเพราะว่ารูปพรหมชั้นที่ ๑๒ ถึงชั้นที่ ๑๖ นั้น เว้นไว้สำหรับพระอนาคามีที่รอการบรรลุเป็นพระอรหันต์เท่านั้น แล้วแต่ว่าท่านจะเป็นพระอนาคามีประเภทไหน

    ส่วนอีกประเภทหนึ่งของเทวดาชั้นกลางนั้น เขาเรียกว่าอรูปพรหม ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็น่าสงสาร เนื่องเพราะว่าเคยชินกับการฝึกฝนอรูปฌาน จนกระทั่งร่างกายหมดอายุขัย ตายลงไปโดยที่ไม่ได้ถอดจิตเลื่อนออกมาสู่ระดับรูปฌาน จึงทำให้ต้องไปเกิดในสถานที่ซึ่งมีแต่ดวงจิตล้วน ๆ ไม่รับรู้สิ่งหนึ่งประการใด เสวยสุขอยู่ในความสงบระงับ จนกระทั่งหมดอายุขัย ก็ต้องจุติลงสู่ที่ต่ำ แล้วแต่เวรแต่กรรมที่สร้างมา..!

    ส่วนเทวดาระดับสูงสุดนั้นก็คือวิสุทธิเทพ คือเทวดาผู้บริสุทธิ์สิ้นเชิงจากกิเลสแล้ว ได้แก่ พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า ตลอดถึงพระพุทธเจ้าทั้งปวงนั่นเอง ท่านทั้งหลายเหล่านี้ถ้าไม่ใช่บำเพ็ญบารมีมาเพื่อบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ หรือว่าตรัสรู้เองแล้วไม่ต้องการสอนใคร ก็ต้องปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง สามารถตัดกิเลสที่ร้อยรัดทั้ง ๑๐ ประการ ซึ่งเรียกว่าสังโยชน์ได้หมดสิ้น สร้างบารมี ๑๐ ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ สภาพจิตไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยต่อสิ่งทั้งปวงที่มากระทบ ยอมรับว่าเป็นกฎของกรรม ในเมื่อสภาพจิตไม่ยึดไม่เกาะอะไรก็กลายเป็นเทวดาชั้นสูงสุด เป็นเทวดาพิเศษที่เรียกว่าวิสุทธิเทพ คือเทวดาผู้บริสุทธิ์โดยสิ้นเชิงนั่นเอง

    ดูบรรดาเทวดาท่านเล่นโขนเล่นละครกันสนุกสนาน แถมยังต้องทำตัวเป็นกรรมการ ด้วยการยกองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้เหนือเศียรเหนือเกล้าแล้วเข้าไปห้ามทัพ เนื่องเพราะว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็เคยทำประโยชน์ให้กับกระผม/อาตมภาพมาด้วยกันทั้งคู่ จนกระทั่งเสร็จพิธีเรียบร้อย รับปัจจัยไทยธรรมแล้ว พระครูต้นก็นำไปเพื่อถวายสักการะหลวงพ่อสมเด็จทั้งสององค์ แต่ปรากฏว่าหลวงพ่อสมเด็จฯ หนตะวันออกนั้น ท่านออกไปธุระเสียก่อนในช่วงพิธีพุทธาภิเษก จึงได้เข้าไปสักการะหลวงพ่อสมเด็จฯ หนกลาง หลังจากนั้นก็เดินทางกลับสู่ที่พัก รอที่จะทำหน้าที่อื่น ๆ ต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...