ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บานปลายแล้ว! “ออสโล” ออกมาส่งเสียงหลังบ.พลังงานยักษ์ใหญ่แดนไวกิ้งประกาศบอยคอต "ไม่เติมน้ำมัน” ให้เรือรบอเมริกันเซ่น “วิกฤตทรัมป์-เซเลนสกี”
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์/เอพี/MGRออนไลน์ – ออสโลล่าสุดออกแถลงเพื่อให้สถานการณ์ความตึงเครียดลดลงหลังบริษัทเชื้อเพลิงและการขนส่งยักษ์ใหญ่แดนไวกิ้ง Haltbakk Bunkers ก่อนหน้าสั่งบอยคอตประกาศไม่เติมเชื้อเพลิงให้เรือรบอเมริกันหลังประธานาธิบดีอเมริกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ช่วยยูเครนที่หมายถึงยุโรป แสดงวาทะตามอย่างปูตินอ้างระเบิดลง เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ต่อหน้ากล้องทีวีทำหวั่นไหวทั่วทั้งแดนนอร์ดิก
    .
    นิวสวีคของสหรัฐฯรายงานวันอาทิตย์(2 มี.ค)ว่า กลายเป็นสิ่งที่ร้อนแรงไปทั่วยุโรปเมื่อการปะทะคารมระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และ ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ในทำเนียบขาววันศุกร์(28 ก.พ)วงแตกเกิดปะทะคารมโดยเฉพาะผู้นำยูเครนกล่าวต่อทรัมป์โดยอ้างอิงทรานสคริปต์จากการรายงานของเอพีว่า
    .
    “ทรัมป์มีมหาสมุทรที่ยอดเยี่ยมและจะยังไม่รู้สึกอะไรในเวลานี้ แต่จะรู้สึกในอนาคต" ทำให้ผู้นำสหรัฐฯประกาศว่า "อย่ามาบอกว่าผมต้องรู้สึกอย่างไร” และทรัมป์กล่าวต่อว่า คุณไม่อยู่ในจุดที่จะสามารถสั่งให้คนอื่นต้องรู้สึกอย่างไร พวกเราจะมีความรู้สึกที่ยอดเยียม" และส่งผลทำให้เซเลนสกีตอบออกมาว่า "คุณจะรู้สึกได้ถึงอิทธิพล"
    .
    นิวสวีคชี้ว่าการตัดสินใจของ Haltbakk Bunker ในการตัดความสัมพันธ์กับกองทัพเรือสหรัฐฯกลายเป็นหนึ่งในการแสดงความเคลื่อนไหวแรกในการต่อต้านทางการเมืองและเศรษฐกิจต่อทรัมป์ โดยเฉพาะต่อจุดยืนของเขาในสงครามยูเครน-รัสเซียที่กำลังเดินหน้า
    .
    ทั้งนี้ Haltbakk Bunkers เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่นอร์เวย์ด้านเชื้อเพลิงทางการเดินเรือโดยมี กันเนอร์ แกรน (Gunnar Gran) เป็นเจ้าของได้โพสต์แถลงการณ์เรียกร้องไปทั้งประธานาธิบดีทรัมป์และรองประธานาธิบดีของเขา เจดี. แวนซ์ โดยกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในทำเนียบขาววันศุกร์(28 ก.พ)ที่มีประธานาธิบดียูเครนเป็นแขกนั้นเป็นโชว์ที่เส็งเครงมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวีทีเดียว
    .
    อย่างไรก็ตามโพสต์ดังกล่าวถูกลบไปและเฟซบุ๊กของบริษัทออฟไลน์พร้อมกับภาพแคปหน้าจอข้อความโพสต์ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกโซเชียลมีเดีย
    .
    บริษัทเชื้อเพลิงทางการเดินเรือนอร์เวย์ Haltbakk Bunkers กล่าวยกย่องต่อเซเลนสกีว่า “ขอยกเครดิตมหาศาลให้แก่ประธานาธิบดีแห่งยูเครนในการควบคุมตัวเองและสงบเยือกเย็นถึงแม้จะโดน USA เล่นแทงข้างหลังกลางทีวี”
    .
    และเสริมต่อว่า “ทำให้พวกเราสะอิดสะเอียนและส่งผลทำให้พวกเราตัดสินใจในการหยุด(โดยใช้คำในตัวพิมพ์ใหญ่ STOP)การเติมเชื้อเพลิงให้กองกำลังอเมริกันในนอร์เวย์และเรือของพวกเขาที่เข้ามาจอดเทียบท่านอร์เวย์”
    .
    การโพสต์ยังกล่าวต่อว่า “ไม่มีเชื้อเพลิงให้พวกอเมริกัน!”
    .
    โพสต์ดังกล่าวยังกระตุ้นให้บริษัทนอเวย์และบริษัทยุโรปให้บอยคอตสหรัฐฯตาม
    .
    ซีอีโอแกรนได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า “จะไม่มีแม้แต่ลิตรเดียวที่จะส่งไปจนกว่าทรัมป์จะออกจากตำแหน่ง” พร้อมชี้ว่าทางบริษัทให้บริการเชื้อเพลิงร่วม 3 ล้านลิตรให้เรือรบอเมริกันในปี 2024 สมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน
    .
    นิวสวีครายงานว่า อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีกลาโหมนอร์เวย์ออกมายืนยันว่า กองกำลังสหรัฐฯจะไม่พบกับความติดขัด พร้อมชี้ว่า ทหารอเมริกันจะยังคงได้รับปัจจัยและการสนับสนุนตามความต้องการจากนอร์เวย์
    .
    "พวกเราได้เห็นรายงานแสดงความวิตกเกี่ยวกัยการสนับสนุนเรือรบนาวีสหรัฐฯในนอร์เวย์ สิ่งนี้ไม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลนอร์เวย์" รัฐมนตรีกลาโหมนอร์เวย์ ทอเร ซันด์วิค (Tore Sandvik)
    .
    ทั้งนี้มีผู้นำยุโรปมากมายรวมถึงผู้นำองค์กรระหว่างประเทศรวม ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง และนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ โดนัลด์ ทัสก์ ได้ออกแถลงการณ์ในทันทีเพื่อสนับสนุนประธานาธิบดีเซเลนสกีที่โดนขัดจังหวะบ่อยครั้งในการหารือร่วมกับทรัมป์และเขาถูกดูหมิ่นระหว่างหารือผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์วันศุกร์(28 ก.พ)
    https://www.facebook.com/share/p/1H8TwHKcHD/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทรัมป์ตั้งค่ายกล "กำแพงภาษี" จีน 20%! จากที่เคยประกาศ 10% แต่ถึงเวลาจริง เกินหยั่งคาด ปราดขึ้นเป็น 2 เท่า! ตระหง่านทันที 4 มี.ค. นี้! วานนี้ จีนเพิ่งตั้งป้อมจะตอบโต้ จู่โจมสินค้าเกษตรและอาหารนำเข้าจากอเมริกาบ้าง แต่นั่นเพื่อสางแค้นแค่สำหรับ 10% แต่ถ้าพรวดเป็น 20% งี้ จีนจะพลิกตำราพิชัยสงครามหน้าไหนมาจัดกระบวนทัพฝ่าค่ายกลกำแพงภาษีพญาอินทรีอเมริกา หรือเกรงว่าต้องงัด {ฝ่ามือพิชิตมังกร 18 ท่า} ออกใช้แล้ว
    "กำแพงภาษีช่างง่ายดายนัก อาวุธนี้เร็วและเปี่ยมประสิทธิภาพยิ่ง นำพามาซึ่งความยุติธรรมในใต้หล้า" ทรัมป์คำรามลั่นปฐพี

    "ผู้ใดเอาเปรียบแผ่นดินข้า จักต้องชดใช้จ่ายมาด้วยราคาแสนแพง"

    "พวกมันมิอาจกล้ำกรายมาฉกชิงสมบัติเราและช่วงชิงเอางานการของชาวประชาเราไปได้อีก พวกมันจะไม่มีวันมาเอาฐานผลิตและเอาธุรกิจออกไปจากดินแดนเรา"

    "พวกมันมิอาจลอยนวลได้อีกต่อไป! จักต้องถูกพิพากษา!"

    ถามก๊วยเจ๋งหรือยัง?

    หมายเหตุ
    1.) กำแพงภาษีแคนาดา&เม็กซิโก ไม่พลิกโผ ตามแผนเดิม 25% เริ่มต้น 4 มี.ค. 2025
    2.) อเมริกาหยุดแจกความช่วยเหลือให้ยูเครนทั้งหมดทั้งสิ้นทุกรูปแบบหลังจากเซเลนสกี้บังอาจตวาดใส่ทรัมป์กลับที่ทำเนียบขาว วันศุกร์ที่ผ่านมา

    จบ

    แต่จีน "ไม่จบ" แน่
    ดูว่าจะประมือกับกระบวนท่าของอเมริกายังไง
    ติดตามได้วันนี้ ในโรงละครแห่งโลกมนุษย์

    https://www.bloomberg.com/news/arti...on-canada-mexico-and-china?srnd=homepage-asia
    https://www.bloomberg.com/news/arti...after-clash-with-zelenskiy?srnd=homepage-asia

    https://www.facebook.com/share/p/1Dna45h5c9/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิจัยจากจุฬาชี้ #คนละครึ่ง ประสิทธิภาพ กระตุ้นเศรษฐกิจต่ำ ทุก 1 บาทที่รัฐช่วย สร้างการบริโภคใหม่แค่ 40 สตางค์ ที่เหลือเก็บ หรือ ซื้อสิ่งที่ต้องการอยู่แล้ว
    .
    รองศาสตราจารย์ (รศ.) อธิภัทร มุทิตาเจริญ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากงานวิจัยชิ้นล่าสุด พบว่าโครงการคนละครึ่งสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยร้านค้าขนาดเล็กที่เข้าร่วมโครงการมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กลไกสำคัญของความสำเร็จนี้คือการขยายฐานลูกค้าใหม่ให้แก่ร้านค้า ซึ่งช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจและกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการรายย่อย
    .
    อย่างไรก็ตาม ในงานวิจัยชุดที่สอง ซึ่งมุ่งศึกษาผลกระทบต่อการบริโภคของครัวเรือน กลับพบว่าโครงการไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนักในแง่ของการกระตุ้นการบริโภคโดยรวม รศ.อธิภัทร เปิดเผยว่า จากการศึกษาพบว่าทุก 1 บาทของงบประมาณที่รัฐลงทุนในโครงการ ส่งผลให้เกิดการบริโภคใหม่เพียง 0.4 บาทเท่านั้น
    .
    สาเหตุสำคัญของประสิทธิภาพที่ต่ำในการกระตุ้นการบริโภค เนื่องมาจากผู้เข้าร่วมโครงการมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยลดการซื้ออาหารจากร้านค้าที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริโภคมากกว่าการเพิ่มปริมาณการบริโภคโดยรวม
    .
    "โครงการคนละครึ่งประสบความสำเร็จในการสนับสนุน SME และขยายฐานลูกค้าใหม่ให้กับร้านค้าเล็ก แต่หากพิจารณาในแง่ของการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภค โครงการนี้ยังมีข้อจำกัด เนื่องจากเกิดการโยกย้ายการบริโภคมากกว่าการสร้างการบริโภคใหม่" รศ.อธิภัทร กล่าว
    .
    .
    ลิงก์งานวิจัย : https://www.tandfonline.com/doi/full/10.1080/13504851.2024.2446477
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/1EZdEUvBNy/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไม ไอเอ็มเอฟ ห่วงเศรษฐกิจไทย
    .
    [เรื่อง: ดร.บัณฑิต นิจถาวร | เศรษฐศาสตร์บัณฑิต]
    .
    ไอเอ็มเอฟ ชื่อนี้คนไทยทั้งประเทศรู้จักดีเพราะเป็นองค์กรที่มีบทบาทมากช่วงเศรษฐกิจไทยเกิดวิกฤติปี 2540 ทั้งบทบาทในแง่นโยบายและในแง่ความช่วยเหลือด้านการเงิน
    .
    ซึ่งแม้วิกฤติจะจบไปนานแล้ว แต่ในฐานะที่เราเป็นประเทศสมาชิก ไอเอ็มเอฟก็จะส่งทีมมาประเมินเศรษฐกิจไทยเป็นประจำทุกปีเหมือนประเทศสมาชิกอื่นๆ และรายงานความเห็นต่อคณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟเพื่อพิจารณา โดยในรายงานจะมีส่วนหนึ่งที่เป็นความเห็นของเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟที่มาประเมิน (Staff Appraisal) ว่ามองเศรษฐกิจไทยอย่างไร
    .
    ในความเห็นของผมเป็นส่วนที่สําคัญที่สุด วันนี้จึงขอสรุปความเห็นของทีมไอเอ็มเอฟล่าสุดที่ประเมินเศรษฐกิจไทยจากรายงานที่นําเสนอคณะกรรมการบริหารไอเอ็มเอฟเมื่อวันที่ 11 ก.พ.โดยจะสรุปแบบอ่านระหว่างบรรทัด เพื่อให้ทราบความห่วงใยลึกๆของไอเอ็มเอฟต่อเศรษฐกิจไทยขณะนี้ นี่คือประเด็นที่จะเขียนวันนี้
    .
    ในความเห็นของผม ความห่วงใยของทีมไอเอ็มเอฟต่อเศรษฐกิจไทยสรุปได้สามประเด็น
    .
    หนึ่ง ห่วงว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในอัตราที่ตํ่าต่อไป และอาจขยายตัวในอัตราที่ตํ่าลงมากขึ้นไปอีก จากที่อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยตํ่ากว่าอัตราการขยายตัวของประเทศเพื่อนบ้านเกือบทุกประเทศเป็นเวลานาน
    .
    ซึ่งสาเหตุหลักมาจากความอ่อนแอในโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศที่ทําให้เศรษฐกิจไทยมีข้อจํากัดและไม่สามารถขับเคลื่อนการขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นได้
    .
    ผลคือเศรษฐกิจขาดความเข้มแข็งที่จะเผชิญแรงกระทบที่เป็นลบจากภายนอก (เช่น วิกฤติโควิดที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวติดลบและฟื้นช้า) ขณะที่กําลังซื้อในประเทศอ่อนแอจนทําให้อัตราเงินเฟ้อในประเทศไทยอยู่ในระดับตํ่ามาตลอด
    .
    คือเศรษฐกิจในประเทศไม่มีพลัง เมื่อมองไปข้างหน้าท่ามกลางความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกที่จะมีมากขึ้น ข้อจํากัดเหล่านี้อาจทําให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลดตํ่าลงมากขึ้นไปอีก นี่คือความห่วงใย
    .
    จุดที่ต้องแก้ไขในความเห็นของไอเอ็มเอฟ (ซึ่งตรงกับความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ทั่วไป) คือต้องปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งไอเอ็มเอฟใช้คําว่า Resolute Structural Reform คือปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ
    .
    โดยเป้าหมายหลักคือเพิ่มผลิตภาพหรือความสามารถในการผลิตของประเทศและเพิ่มการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจ
    .
    โดยสิ่งที่ต้องทําในความเห็นของไอเอ็มเอฟเรียงตามลําดับความสำคัญ อันดับแรกคือ ปฏิรูปเพื่อเพิ่มการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจให้มีมากขึ้น และเปิดกว้างเศรษฐกิจ (openness) ให้ปลอดจากหรือลดการควบคุมของภาคทางการ
    .
    ประเด็นนี้ชัดเจนว่าไอเอ็มเอฟมองปัจจัยสําคัญที่ทําให้เศรษฐกิจไทยไม่โต คือการแทรกแซงระบบเศรษฐกิจของภาครัฐที่ส่งผลให้การแข่งขันในระบบเศรษฐกิจมีน้อยลง การผูกขาดและการมีอํานาจเหนือตลาดของผู้เล่นรายใหญ่มีมากขึ้น ทําให้ภาคเอกชนอื่นๆ ไม่อยากลงทุน และเมื่อภาคธุรกิจไม่ลงทุน เศรษฐกิจของประเทศก็ไม่โต
    .
    อันดับสองที่ต้องทํา คือลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านกายภาพและด้าน ICT เทคโนโลยี รวมทั้งยกระดับและปรับทักษะกําลังแรงงานของประเทศ เพื่อให้ภาคการผลิตและภาคส่งออกของประเทศสามารถนําดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
    .
    ส่วนอันดับสามที่ต้องทํา คือปฏิรูปเรื่องธรรมาภิบาล ทั้งในภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะการทุจริตคอร์รัปชันในภาครัฐสะท้อนจากดัชนี CPI หรือดัชนีการรับรู้คอร์รัปชันที่แย่ลงต่อเนื่อง ซึ่งไอเอ็มเอฟมองว่าคอร์รัปชันเป็นข้อจํากัดตัวแม่ (Critical Constraint) ที่ทําให้เศรษฐกิจไทยไม่โต
    .
    เห็นได้ว่าทั้งสามเรื่องที่ไอเอ็มเอฟชี้ว่าควรปฏิรูปอย่างจริงจังนั้นสําคัญจริงๆ ต่อเศรษฐกิจไทย แต่ความตั้งใจหรือความพยายามที่จะทําอะไรจริงจังโดยภาครัฐ คือรัฐบาลและระบบราชการ มีน้อยมาก ทำให้ความเสี่ยงที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจเราจากนี้ไปจะยิ่งถดถอยลงมากขึ้นจึงมีสูง
    .
    ความห่วงใยที่สอง คือห่วงความเปราะบางของฐานะการคลังของประเทศและสถานการณ์หนี้ในภาคเอกชน โดยเฉพาะหนี้ภาคครัวเรือน ทั้งสองเรื่องนี้ถ้าไม่ดูแลจริงจังก็อาจเป็นความเสี่ยงที่นำประเทศไปสู่ปัญหาเสถียรภาพหรือวิกฤติเศรษฐกิจในอนาคตได้
    .
    ประเด็นนี้แม้ไอเอ็มเอฟไม่ได้เขียนชัดเจนในรายงาน แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าสาเหตุของวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในทุกประเทศคือการก่อหนี้ที่เกินความสามารถที่จะชําระคืน ทั้งในภาครัฐและเอกชน
    .
    ไอเอ็มเอฟจึงยํ้าประเด็นนี้ในรายงานประเทศไทย ซึ่งสําหรับหนี้ภาครัฐ ไอเอ็มเอฟมองว่ารัฐบาลควรลดการก่อหนี้ลงเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว
    .
    โดยใช้จ่ายตํ่ากว่างบประมาณหรือเปลี่ยนการใช้จ่ายจากการกระตุ้นหรือแจกเงินเป็นการเพิ่มผลิตภาพ หรือดูแลภาคสังคมเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับการเติบโตของเศรษฐกิจและลดอัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีในระยะยาว
    .
    พร้อมห่วงว่าภาครัฐขาดกฎเกณฑ์ที่จะควบคุมการใช้จ่ายทําให้การก่อหนี้ไม่มีตัวควบคุม เช่น ไม่มีข้อมูลให้ทราบถึงภาระต่อการคลังที่เกิดจากการแทรกแซงของรัฐบาลเพื่อตรึงราคาหรืออุดหนุน เพราะภาระเหล่านี้มักกระจายอยู่ในหน่วยงานต่างๆ ไม่มีการบันทึกหรือติดตาม
    .
    สําหรับหนี้ครัวเรือน ไอเอ็มเอฟมองว่าการลดดอกเบี้ยจะช่วยทําให้ความสามารถในการชําระหนี้ของครัวเรือนดีขึ้น รวมทั้งลดความเสี่ยงสําหรับการก่อหนี้ใหม่
    .
    ส่วนโยบายการเงินควรพร้อมยืดหยุ่นตามข้อมูลและสถานการณ์ที่เปลี่ยน ซึ่งความเป็นอิสระของธนาคารกลางในการทําหน้าที่และการสื่อสารที่ชัดเจนคือ กุญแจที่จะรักษาความเชื่อมั่นและประสิทธิภาพของนโยบายการเงิน
    .
    ความห่วงใยที่สาม คือห่วงความสามารถของเศรษฐกิจที่จะปรับตัวเมื่อมีปัจจัยลบจากภายนอกเข้ามากระทบ ทําให้ความเสียหายรุนแรงมากกว่าที่ควร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเปราะบางที่เศรษฐกิจมี ทั้งจากอัตราการขยายตัวที่ตํ่าและโครงสร้างเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
    .
    แต่อีกส่วนเป็นผลจากนโยบายของรัฐเอง คือการแทรกแซงเศรษฐกิจโดยภาครัฐ ที่สร้างข้อจํากัดต่อกลไกตลาดและการปรับตัวของเศรษฐกิจ จนมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
    .
    ประเด็นหลังนี้ชัดเจนจากตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดประเทศเราที่เกินดุลต่อเนื่อง การเกินดุลสะท้อนว่าเศรษฐกิจลงทุนน้อยกว่าออม และที่การลงทุนในประเทศมีน้อย
    .
    ส่วนหนึ่งก็เพราะการแทรกแซงของรัฐด้วยมาตรการภาษีหรือการอุดหนุนต่างๆ รวมถึงการทุจริตคอร์รัปชัน ที่บิดเบือนกลไกตลาด บิดเบือนการจัดสรรทรัพยากรเศรษฐกิจ ทำให้การแข่งขันลดลง สิ่งเหล่านี้ลดแรงจูงใจที่ภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศจะลงทุน
    .
    นี่คือความห่วงใยของไอเอ็มเอฟต่อเศรษฐกิจไทยถ้าเราอ่านระหว่างบรรทัด ซึ่งผมเห็นด้วย และอยากสรุปว่าหัวใจของปัญหาเศรษฐกิจที่ประเทศเรามีจริงๆ ในความเห็นของผม ที่ทําให้เศรษฐกิจไทยโตตํ่าต่อเนื่อง และประเทศดูเหมือนถอยหลังตลอดเวลาไม่ก้าวหน้า
    .
    ทั้งหมดอยู่ที่บทบาทของภาครัฐในระบบเศรษฐกิจ ทั้งการทำหน้าที่ประจําวันและการออกนโยบาย ที่เน้นการแทรกแซงเศรษฐกิจเป็นหลักและสร้างปัญหาตามมามากมาย
    .
    ผลคือเศรษฐกิจไทยขยายตัวตํ่าต่อเนื่อง คนในประเทศขาดโอกาส ความเหลื่อมลํ้ามีสูง และเศรษฐกิจทั้งระบบไม่มีความเข้มแข็งที่จะยืนหรือปรับตัวเมื่อถูกกระทบด้วยปัจจัยลบจากภายนอก นี่คือเศรษฐกิจประเทศเราขณะนี้
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #InsightforOpportunities #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/p/14tvouLNqh/
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทรัมป์ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดแก่ยูเครนชั่วคราว
    .
    ประธานาธิบดีทรัมป์ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดแก่ยูเครนชั่วคราวหลังทะเลาะกันหนักที่ห้องรูปไข่ของประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานโดยอ้างอิงเเหล่งข่าวในทำเนียบขาววันนี้ (4 มี.ค.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดแก่ยูเครนชั่วคราว หลังจากมีความขัดแย้งกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    เจ้าหน้าที่ซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า
    .
    "ประธานาธิบดีได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าเขามุ่งเน้นสันติภาพ เราต้องการให้พันธมิตรของเรามุ่งมั่นต่อเป้าหมายนี้เช่นกัน (ความสงบสุข) เรากำลังระงับและทบทวนความช่วยเหลือของเราเพื่อให้มั่นใจว่ามันกำลังมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหา"
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจGeopolitics

    https://www.facebook.com/share/p/1HSoX2GB5o/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทรัมป์ เซ็นแล้ว เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มเป็น 20%
    .
    #ทรัมป์ อาศัยอำนาจตามกฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สั่งเก็บ #ภาษีนำเข้า #สินค้าจีน เพิ่มจาก 10% เป็น 20% อ้างจีนไม่แก้ปัญหาลักลอบนำเข้ายาเสพติดสังเคราะห์
    .
    การเพิ่มภาษีครั้งนี้เป็นการปรับปรุงคำสั่งบริหารที่ออกเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งกำหนดอัตราภาษีเริ่มต้นที่ 10% โดยทำเนียบขาวระบุว่า หลังจากประเมินการดำเนินการของจีนในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พบว่า "สาธารณรัฐประชาชนจีนไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอเพื่อบรรเทาวิกฤตยาเสพติดผิดกฎหมายผ่านการบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน และวิกฤตยังไม่ได้บรรเทาลง"
    .
    คำสั่งฉบับนี้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ ซึ่งให้อำนาจประธานาธิบดีในการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ

    https://www.facebook.com/share/1P7v2HEbhz/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เมื่อวันจันทร์(3มี.ค.) ที่บอกว่าข้อตกลงยุติสงครามกับรัสเซีย "ยังอยู่ห่างไกลมากๆ" ได้เรียกปฏิกิริยาตอบโตอย่างดุเดือดมาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ท่าทีแข็งกร้าวไม่ยอมประนีประนอมใดๆ ทั้งที่เจ้าตัวก็ยังคาดหวังได้รับแรงสนับสนุนจากอเมริกาต่อไป
    "อเมริกาจะไม่ทนอีกต่อไป" ประธานาธิบดีสำหรัฐฯโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ก่อนกล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ต้องการสันติภาพ
    ที่ประชุมซัมมิตของบรรดาผู้นำยุโรปส่วนใหญ่ในกรุงลอนดอน เมื่อวันอาทิตย์(2มี.ค.) เห็นพ้องในแผน 4 ข้อ สำหรับรับประกันการป้องกันตนเองของยูเครน ในกรณีที่มีข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ บอกว่า "บางทีมันอาจไม่ใช่การป่าวประกาศที่ดีนัก ในแง่ของการพยายามโชว์ความเข้มแข็งให้รัสเซียเห็น พวกเขากำลังคิดอะไรกันอยู่?" ทรัมป์บอก ดูเหมือนเป็นการพาดพิงที่ประชุมซัมมิตที่จัดขึ้น 2 วันหลังจากเขาเปิดศึกวิวาทะกับเซเลนสกี ในห้องทำงานรูปไข่
    การประชุมนี้ ซึ่งมี เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เป็นเจ้าภาพ มีเจตนาเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนยูเครน และพยายามลดความเห็นต่างในหมู่ประเทศตะวันตก เกี่ยวกับยูเครน ในขณะที่สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส บอกว่าพวกเขากำลังทำงานหาทางออกที่นำโดยยุโรป ต่อวิกฤตความขัดแย้งในยูเครน
    กระนั้นหลังการประชุม เซเลนสกี บอกว่าข้อตกลงยุติสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย "ยังคงห่างไกลมากๆ" แต่ระบุเขาคาดหมายว่าสหรัฐฯจะยังคงให้การสนับสนุนยูเครน แม้เขามีความสัมพันธ์มึนตึงกับทรัมป์
    "ผมเชื่อว่ายูเครนมีความเป็นมิตรที่เข้มแข็งเพียงพอกับสหรัฐอเมริกา" เซเลนสกี บอกในวันอาทิตย์(2ก.พ.) แต่ในจันทร์(3ก.พ.) ทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการเน้นย้ำว่าจากมุมมองของเขา เซเลนสกีกำลังยืนขวางทางการเจรจาสันติภาพ
    "มันเป็นถ้อยแถลงที่เลวร้ายที่สุดของเซเลนสกี และอเมริกาจะไม่ทนอีกต่อไป นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังพูด ชายคนนี้ไม่ต้องการสันติภาพ ตราบใดที่เขามีสหรัฐฯสนับสนุน" ทรัมป์เขียนบนทรัตช์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง
    ระหว่างแถลงข่าวในเวลาต่อมาในวันจันทร์(3ก.พ.) ทรัมป์เน้นย้ำมุมมองของเขาที่ว่า เซเลนสกี "ควรสำนึกบุญคุณมากกว่านี้" สำหรับความช่วยเหลือที่ได้รับจากสหรัฐฯในช่วง 3 ปี นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ
    ระหว่างเผชิญหน้ากันต่อหน้ากล้องในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทั้ง ทรัมป์ และ เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่างขุ่นเคืองในสิ่งที่พวกเขามองว่า เซเลนสกี ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ
    ศึกวิวาทะดังกล่าว นั่นหมายความว่าไม่มีการลงนามในข้อตกลงหนึ่งซึ่งจะเปิดทางให้สหรัฐฯเข้าถึงทรัพยากรแพร่หายากของยูเครน อย่างไรก็ตามระหว่างการแถลงข่าวในวันจันทร์(3มี.ค.) ทรัมป์ ไม่เชื่อว่าข้อตกลงดังกล่าวปิดตายแล้ว และบอกว่าเขาจะให้ข้อมูลอัพเดทอีกครั้ง เกี่ยวกับข้อตกลงนี้ในช่วงเย็นวันอังคาร(4มี.ค.)
    ตามหลังการประชุมซัมมิตในลอนดอน ทางสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส บ่งชี้ว่า "พันมิตรยุโรปมีความตั้งใจปกป้องยูเครน" แต่กลับไม่ให้รายละเอียดใดๆ
    สตาร์เมอร์บอกว่าแนวคิดส่งกำลังพลเข้าไปยังยูเครน ซึ่งรวมถึงทหารราบในภาคพื้นและเครื่องบินบนอากาศ ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย แต่เขาพูดอย่างระมัดระวัง ปล่อยให้แต่ละชาติไปพูดคุยหารือเป็นการภายในในประเด็นนี้
    บรรดาชาติแถบสแกนดิเนเวีย ส่งสัญญาณว่าเขาสนับสนุนความคิดนี้ แต่มีเงื่อนไขว่ามันต้องได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ
    ความเคลื่อนไหวของยุโรป มีขึ้นตามหลังการกลับลำนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ เขาบอกว่าเขาต้องการยุติสงครามและได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์ยืดยาวกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และมีการเปิดโต๊ะเจรจากับมอสโก ที่กันไม่ให้ยูเครนเข้าร่วม
    ทรัมป์ ก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรตะวันตก ด้วยการบอกว่าเขาไว้ใจปูติน และกล่าวหา เซเลนสกี เป็นเผด็จการและถึงขั้นชี้ว่ายูเครนเป็นคนเริ่มสงคราม ไม่ใช่รัสเซีย
    (ที่มา:บีบีซี)
    https://www.facebook.com/share/p/1A8joRzF9w/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่มอบแก่ยูเครน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอเมริการายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันจันทร์(3มี.ค.) ยกระดับกดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ไม่กี่วันหลังจากโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในห้องทำงานรูปไข่ ที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับแรงสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อเคียฟ
    บลูมเบิร์กอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ระบุว่าความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่สหรัฐฯมอบแก่ยูคเรน จะถูกระงับไว้จนกว่า ทรัมป์ ได้ข้อสรุปว่าพวกผู้นำยูเครนกำลังพยายามอย่างแท้จริงในการมุ่งหน้าสู่สันติภาพ
    อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) พบว่าสหรัฐฯได้มอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 119,800 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2022 ในนั้นแบ่งเป็นเงินช่วยเหลือทางทหาร 67,100 ล้านดอลลาร์, ความช่วยเหลือทางการเงิน 49,000 ล้านดอลลาร์ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 3,600 ล้านดอลลาร์
    คำสั่งระงับครั้งนี้ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบกับความช่วยเหลือในอนาคตเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงบรรดาอาวุธที่อยู่ระหว่างการขนส่ง ในนั้นรวมถึงการลำเลียงทั้งทางอากาศยานและทางเรือ เช่นเดียวกับยุทโธปกรณ์ต่างๆที่รอการขนย้ายในโปแลนด์
    การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นตามหลังการประชุมที่เต็มไปด้วยศึกวิวาทะอันดุเดือดระหว่าง ทรัมป์ กับ เซเลนสกี ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย เห็นต่างกันเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหาร และจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของยูเครนที่โหมกระพือความตึงเครียด
    ตามหลังการพบปะหารือดังกล่าว ทรัมป์ บอกว่า เซเลนสกี "ไม่พร้อมสำหรับสันติภาพ"
    "เขาไม่ให้ความเคารพสหรัฐอเมริกา ในห้องทำงานรูปไข่อันทรงเกียรติ เขาสามารถกลับมาได้ เมื่อเขาพร้อมสำหรับสันติภาพ" ทรัมป์ โพสต์ข้อความบนทรัตช์โซเชียล ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์
    ทำเนียบขาวไม่ได้เจาะจงว่ายูเครนจำเป็นต้องดำเนินการเช่นไร เพื่อกอบกู้เงินช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ ทำให้กรอบเวลาและเงื่อนไขสำหรับการคืนชีพความช่วยเหลือด้านการทหาร ตกอยู่ในความไม่แน่นอน
    เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า ทรัมป์ คาดหวังว่า เซเลนสกี จะมุ่งมั่นเจรจาข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงคราม พร้อมระบุว่าอเมริกา "กำลังระงับและทบทวนความช่วยเหลือด้านการทหาร เพื่อรับประกันว่ามันจะเป็นตัวสนับสนุนทางออกหนึ่งๆ"
    (ที่มา:เคียฟอินดิเพนเดนท์/บลูมเบิร์ก/อาร์ทีนิวส์)
    https://www.facebook.com/share/p/18Q8hv8WXj/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทรัมป์จะทำ {สงครามค่าเงิน} กับจีน&ญี่ปุ่น!!!!! ทรัมป์แผดเสียงลั่น "ผมได้โทรบอกสีจิ้นผิงกับผู้นำญี่ปุ่นละ คุณจะมากดให้ค่าเงินตัวเองอ่อนขนาดนี้ไม่ได้!"
    (น่าสังเกต ไม่เรียกชื่อผู้นำญี่ปุ่น --- คงจำไม่ได้)

    ทรัมป์กล่าวหา?
    ✅เงินหยวน : เรี่ยๆ สถิติอ่อนสุดในรอบ 17 ปี
    ✅เงินเยน : ไม่ไกลจากระดับอ่อนสุดในรอบ 38 ปี

    ทรัมป์ถูกต้อง อ่อนมหาโหดจริง
    แต่ถามว่าจีน&ญี่ปุ่นจงใจชักใยบงการหรือ?

    ก่อนตอบ มาดูผลลัพธ์ของความอ่อนระทวยดีกว่า

    "ทำงี้ไม่ได้ มันไม่แฟร์กับเราเลย" ทรัมป์โวย

    "เราผลิตสินค้าในประเทศมาสู้ไม่ไหว เมื่อเทียบ(ราคา)กับสินค้านำเข้าจากจีน&ญี่ปุ่นที่กระทืบค่าเงินตัวเองซะอ่อนยับเลย"
    (*ที่จริง ทรัมป์ยกตัวอย่างรถแทรกเตอร์)

    ทรัมป์จึงแก้ง่ายๆ ด้วย "กำแพงภาษี" เพราะจะทำให้สินค้าจากจีน&ญี่.. อ้าวไม่มีญี่ปุ่นแฮะ! เพราะล่อแต่จีน! ละอ้างญี่ปุ่นเพื่อ???

    โทษของกำแพงภาษี ทำให้สินค้านำเข้าจากจีนแพงขึ้น --- เท่ากับว่าไปหักประโยชน์จากความอ่อนของเงิน
    สรุป เจ๊าๆ : สินค้านำเข้าจากจีนจะไม่ถูกเท่าไหร่เมื่อเทียบกับที่อเมริกาผลิตเองในประเทศ
    (*พอไม่พอเจ๊า หรือว่าหักหมดไม่หมด ขึ้นกับความแรงของภาษี กับความอ่อนของเงินว่าหนักแค่ไหน)

    แต่แน่นอน ทรัมป์ "หยอด" มางี้แล้ว ไม่น่าจะจบที่สงครามการค้า (กำแพงภาษี) แน่ๆ
    "สงครามค่าเงิน" ตั้งเค้าแล้ว
    ท่าจะอีกไม่นาน!

    ทั้งนี้ เอาเข้าจริง ก็ดูจะปรักปรำไปหน่อย เพราะจีน&ญี่ปุ่น "ไม่อยาก" เงินอ่อนเลย
    เงินอ่อน ก็ดีในแข่งขันเพื่อส่งออกน่ะใช่
    แต่อ่อนบัดซบระดับ 2 ทศวรรษงี้ 4 ทศวรรษงี้ ไม่อยากแหงๆ!!!!!
    อ่อนไป

    ญี่ปุ่น "สู้ค่าเงิน" หลายครั้งหลายครา เพื่อปลุกให้ลุกแข็งกลับมา
    จีนก็พยายามใช้หลายมาตรการมาขืนๆ ไม่ให้อ่อนไปกว่านี้

    แต่ได้ผลไม่มาก
    ต่อให้ได้ผล ก็เป็นพักๆ ไม่นาน

    ดอกเบี้ยมันต่างกันมาก
    อเมริกาดอกสูงกว่าลิบลิ่ว
    (ยิ่งดอกสูง ยิ่งทำให้ค่าเงินตัวเองยิ่งแข็ง)
    อเมริกาเริ่มลด แต่ก็ยังสูง
    ญี่ปุ่นเพิ่งเริ่มๆ ขึ้น แต่ก็อีกไกลมาก กว่าจะไล่ไปถึงอเมริกา
    ส่วนจีนมีแต่ต้องลดๆ เพราะเศรษฐกิจฝืด
    และยิ่งลดก็ยิ่งฉีกต่ำจากอเมริกาอีก

    ด้วยกลไกมันเป็นแบบนั้น

    ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลจะไปแข็งขืนได้เท่าไหร่
    ทรัมป์เองก็รู้ ไม่ใช่มารู้
    แต่ "ชง" ขึ้นมาดื้อๆ แบบนี้ แสดงว่าลวดลายกำลังจะเล่นอะไร

    หรือ {สงครามค่าเงิน} คือหมากต่อไป ...
    จะทำอะไรกันแน่
    ?

    https://www.reuters.com/markets/cur...p-reducing-value-their-currencies-2025-03-03/

    https://www.facebook.com/share/p/1BUvb1uazs/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150


    Screenshot_2025-03-04-21-33-20-63_f9ee0578fe1cc94de7482bd41accb329.jpg
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1741407567442.jpg

    (Mar 7) คุยกับแบงก์ชาติเรื่อง ‘บัญชีม้า’ บัญชีม้าคืออะไร มาตรการปิดปากม้าหมายถึงอะไร และหากถูกแปะป้ายว่าเป็นบัญชีม้า ต้องแก้ไขอย่างไร : ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สาเหตุที่มิจฉาชีพยังคงมีช่องทางหากินอยู่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการมีอยู่ของ ‘บัญชีม้า’ หรือกลุ่มคนที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้มิจฉาชีพนำไปใช้ก่ออาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นการฟอกเงิน การฉ้อโกง หรือการหลอกให้เหยื่อโอนเงิน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พบเห็นได้บ่อยในข่าว
    อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมาตรการ ‘ปิดปากม้า’ ห้ามธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีต้องสงสัย และต้องส่งแจ้งเตือนผู้ใช้งานด้วยว่า บัญชีที่ตนกำลังโอนเงินไปนั้น ปลายทางเป็นบัญชีม้า
    TODAY Bizview มีโอกาสพูดคุยกับ ‘รุ่ง มัลลิกะมาส’ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน และ ‘ดารณี แซ่จู’ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน รวมถึงผู้บริหารของแบงก์ชาติอีกหลายคนที่มาร่วมแชร์ข้อมูล
    [ บัญชีม้าคืออะไร ]
    ตามนิยามของแบงก์ชาติ บัญชีม้า คือ บัญชีธนาคารที่ถูกใช้เพื่อรับโอนเงินผิดกฎหมาย ทั้งจากแก๊งคอลเซนเตอร์ เว็บพนัน หลอกลงทุน หรือฟอกเงิน ซึ่งอาจเป็นมิจฉาชีพเปิดเอง หรือจ้างคนอื่นให้เปิด และยังมีบัญชีม้าที่เจ้าของไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพราะถูกสวมรอยขโมยข้อมูลส่วนตัว
    เพื่อการจัดการที่ง่ายขึ้น แบงก์ชาติแบ่งบัญชีม้าออกเป็น 3 สีด้วยกัน หลักๆ คือ สีดำ สีเทา และสีน้ำตาล แต่ก็อาจจะแยกย่อยลงไปได้อีก เช่น สีเทาเข้ม สีเทาอ่อน สีน้ำตาลเข้ม สีน้ำตาลอ่อน ฯลฯ โดยบทความนี้จะยึด 4 สีตามที่ผู้บริหารของแบงก์ชาติได้แชร์ให้ฟัง
    1. ม้าดำ: บัญชีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ประกาศชื่อ
    2. ม้าเทาเข้ม: บัญชีที่มีคนแจ้งความดำเนินคดี
    3. ม้าเทาอ่อน: บัญชีที่อยู่ในเส้นทางเงินผิดกฎหมาย
    4. ม้าน้ำตาล: บัญชีที่ธนาคารตั้งข้อสงสัย
    [ มาตรการปิดปากม้า ]
    ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการปิดปากม้าไปแล้ว ตามที่เล่าข้างต้น แม้จะเร็วเกินไปที่จะประเมินว่า มาตรการดังกล่าวเห็นผลมากน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าเกิดความตื่นตัวในอุตสาหกรรมพอสมควร เพราะม้าดำและม้าเทาเข้มไม่สามารถทำธุรกรรมได้ แต่ก็ยังหลงเหลือม้าเทาอ่อนและม้าน้ำตาลอยู่
    ล่าสุด แบงก์ชาติกำลังพูดคุยกับธนาคาร เพื่อให้ธนาคารส่งแจ้งเตือนประชาชนให้ชัดๆ เพราะตอนนี้อย่างที่บอกไปว่ามีแจ้งเตือน แต่เป็นการแจ้งเตือนแค่ว่า การทำธุรกรรมไม่สำเร็จเท่านั้น ยังไม่สามารถระบุว่าเป็นบัญชีม้าได้ ก็ต้องมาดูว่า จะใช้วิธีไหนไม่ให้เข้าข่ายปรักปรำเจ้าของบัญชี
    ที่ผ่านมาจับบัญชีม้าได้เกือบ 2 ล้านบัญชีก็จริง แต่ยังไม่สามารถจับบัญชีม้าที่โอนออกไปยังบัญชีคริปโตเคอร์เรนซีได้ ซึ่งมิจฉาชีพก็มีการปรับตัวเช่นกันหลังออกมาตรการปิดปากมาก กล่าวคือ จากเดิมโอน 5-6 ทอดค่อยออกไปบัญชีคริปโตฯ ตอนนี้โอนแค่ 1 ทอดแล้วก็ไปคริปโตฯ เลย
    แต่โชคยังดีที่บัญชีคริปโตฯ ที่โอนออกยังเป็นบัญชีที่ซื้อขายอยู่บนกระดานซื้อขายในไทย (ราว 75%) ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีการแชร์ข้อมูลระหว่างธนาคารและกระดานเทรดคริปโตฯ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการแก้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บัญชีม้าอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่ครอบคลุมการโอนออกไปยังกระดานเทรดต่างประเทศ
    [ บัญชีม้า แก้ยังไง ]
    หลังจากแบงก์ชาติเริ่มใช้มาตรการปิดปากม้าอย่างจริงจัง ก็มีเสียงสะท้อนจากคนบางกลุ่มว่าได้รับความเดือดร้อน ซึ่งบางคนอาจโดนสวมรอยเปิดบัญชี หรืออยู่ในเส้นทางเงินโดยไม่รู้ตัว ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ ซึ่งแบงก์ชาติก็แชร์ ‘วิธีปลดม้า’ ให้ โดยหลักคิด คือ ใครเป็นคนประกาศ ก็ต้องให้คนนั้นเป็นคนปลด
    • ม้าดำ: ปปง.ประกาศ ต้องแจ้งให้ ปปง.ปลด
    • ม้าเทา: ตำรวจประกาศ ต้องแจ้งให้ตำรวจปลด (โทร 1441 กด 2)
    • ม้าน้ำตาล: ธนาคารประกาศ ต้องแจ้งให้ธนาคารปลด
    หากมั่นใจว่าบริสุทธิ์ ซึ่งบางคนมองเผินๆ อาจจะดูเหมือน ‘เซนทอร์’ หรือครึ่งคนครึ่งม้า ก็สามารถติดต่อ ปปง. ตำรวจ หรือธนาคาร เพื่อให้ดำเนินการปลดล็อกได้ อย่างไรก็ตาม กระบวนการปลดล็อกยังใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ในอนาคตจะมีการปรับกระบวนการให้สามารถปลดล็อกได้ภายใน 1 วัน
    ทั้งนี้ การปลดล็อกบัญชีม้า สามารถปลดได้เพียง 1 บัญชีเท่านั้น ซึ่งแบงก์ชาติมองว่าเพียงพอกับการยังชีพแล้ว
    และเพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อของขบวนการมิจฉาชีพโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งบัญชีอาจถูกล็อกได้ เมื่อมีคนโอนเงินผิดบัญชีเข้ามายังบัญชีเรา ไม่ควรโอนกลับเองทันที แม้จะรู้ชื่อ-นามสกุลของผู้โอนแน่ชัดก็ตาม โดยแนะนำให้ติดต่อธนาคาร เพื่อให้ธนาคารดำเนินการต่อ
    [ ม้านิติบุคคลคืออะไร ]
    บัญชีม้านิติบุคคล เหมือนบัญชีม้าทั่วไปตรงที่ใช้การจ้างวานบุคคลให้ไปจดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ก่อนจะนำหลักฐานการจดทะเบียนนิติบุคคลไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำไปใช้ก่ออาชญากรรม
    สาเหตุที่มิจฉาชีพเลือกเปิดบัญชีม้านิติบุคคล เพราะ 1) เปิดบัญชีปกติไม่ได้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มิจฉาชีพที่จดทะเบียนในรูปแบบม้านิติบุคคล จะเป็นกลุ่มม้าดำและม้าเทาเข้มอยู่แล้ว 2) วงเงินในการทำธุรกรรมสูงกว่าบัญชีบุคคล ทำให้หลอกเงินประชาชนได้เยอะกว่า และ 3) ชื่อบัญชีเป็นชื่อบริษัทดูน่าเชื่อถือกว่าเป็นชื่อบุคคล
    อย่างไรก็ตาม แบงก์ชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีการพูดคุยกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและธนาคารเพื่อจัดทำฐานข้อมูล ซึ่งในอนาคตหากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า บุคคลที่ขอจดทะเบียนตั้งนิติบุคคลมีชื่อเป็นบัญชีม้า ก็จะจดไม่ได้ เป็นต้น
    [ โดนหลอกโอนเงิน ใครรับผิดชอบ ]
    มาในส่วนของผู้บริโภคกันบ้าง ที่ผ่านมามีการผลักดันให้ธนาคารและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ (Telco) รับผิดชอบ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการให้ความเห็นว่าใครควรต้องร่วมรับผิดชอบเท่าไหร่บ้าง คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ แต่เบื้องต้นไม่ได้กำหนดไว้เป็นเปอร์เซ็นต์
    อย่างไรก็ตาม การตัดสินว่าผู้ใดต้องรับผิดชอบเท่าไหร่นั้น ท้ายที่สุดเป็นหน้าที่ของศาล ซึ่งอาจใช้หลักเกณฑ์ของแบงก์ชาติมาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินหรือไม่ก็ได้ เช่น ถูกหลอกโอนเงินผ่านโมบายแบงก์กิ้ง หากแบงก์มีระบบป้องกันการขโมยข้อมูลแล้ว แบงก์ก็อาจจะไม่ต้องรับผิดชอบ 100% ก็ได้ เป็นต้น
    ทั้งนี้ กรณีของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา (ประมาณ 2-3 กรณี) ธนาคารเคยร่วมรับผิดชอบสูงสุดเพียง 50% เท่านั้น ยังไม่มีเคสที่แบงก์ต้องรับผิดชอบ 100% นอกจากนี้ การรับผิดชอบของธนาคาร เป็นการรับผิดชอบ ‘ตามที่เสียหาย’ ไม่ใช่โทษปรับ
    แบงก์ชาติยอมรับว่า การผลักดันเรื่องนี้ไม่ง่าย เพราะมีหลายส่วนที่ต้องทำงานร่วมกัน และหากออกหลักเกณฑ์ไม่ได้ อาจก่อให้เกิดภัยทางศีลธรรม (Moral Hazard) ได้ หรืออาจทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวก เช่น แบงก์หน่วงธุรกรรมไว้ 3 ชั่วโมงค่อยอนุมัติ เป็นต้น
    อย่างไรก็ตาม แบงก์ชาติเตรียมออกมาตรการดูแลความเสี่ยงบนโมบายแบงก์กิ้ง เฟส 2 ซึ่งอาจประกอบด้วย ปุ่มรีพอร์ตบัญชีต้องสงสัย (Self-Report) ปุ่มปิดแอปฉุกเฉิน (Kill Switch) การหน่วงธุรกรรม (Cooling-off Period)
    ยกตัวอย่างในสิงคโปร์ หากทำธุรกรรมเกิน 50,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือเกิน 50% ของบัญชี จะต้องหน่วยธุรกรรมไว้ 24 ชั่วโมง เป็นต้น ซึ่งแบงก์ชาติคาดว่าจะได้เห็นภายในเดือน มิ.ย.นี้…
    Source: workpointtoday
    https://workpointtoday.com/755645-2/
    https://www.facebook.com/share/19bXhi4Thx/
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมากล่าววานนี้ (8 มี.ค.) ถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะใช้มาตรการคว่ำบาตรขนานใหญ่ต่อ #รัสเซีย เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ระงับความช่วยเหลือทางทหารและข่าวกรองต่อยูเครน พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายเริ่มต้นเจรจาข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามโดยเร็ว
    .
    คำขู่ขึ้นภาษีและคว่ำบาตรระบบธนาคารรัสเซียมีขึ้น หลังจากที่รอยเตอร์รายงานเมื่อวันจันทร์ (4) ว่า ทำเนียบขาวกำลังกรุยทางไปสู่การผ่อนคลายคว่ำบาตรให้รัสเซียบางส่วน เพื่อโน้มน้าวให้ยุติสงคราม และยังเป็นความพยายามที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับมอสโกด้วย
    .
    "สืบเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า รัสเซียกำลังถล่มยูเครนอย่างหนักในสนามรบตอนนี้ ผมจึงพิจารณาอย่างจริงจังว่าอาจจะคว่ำบาตรระบบธนาคารของพวกเขาอย่างขนานใหญ่ และขึ้นภาษีสินค้ารัสเซียจนกว่าจะมีการหยุดยิงและมีการบรรลุข้อตกลงสันติภาพขั้นสุดท้าย" ทรัมป์ ประกาศผ่าน Truth Social
    .
    "ฝากถึงรัสเซียและยูเครน มาตั้งโต๊ะเจรจากันเสียเดียวนี้ ก่อนที่มันจะสายเกินไป ขอบคุณ!!!"
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ซึ่งดึงสหรัฐฯ เข้าใกล้รัสเซียมากขึ้นและวิพากษ์วิจารณ์ยูเครนอย่างหนักตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาวเมื่อเดือน ม.ค. กลับแสดงความเห็นเชิงปรองดองกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียในเวลาต่อมา โดยกล่าวว่าตนเชื่อว่า ปูติน ต้องการสันติภาพ
    .
    "ผมเชื่อว่าเขาต้องการให้มันจบลงและได้ข้อตกลงกัน และผมคิดว่าเขาโจมตีพวกเขา (ยูเครน) หนักขึ้นยิ่งกว่าที่เคยทำ และผมคิดว่าบางทีใครก็ตามที่ยืนอยู่ในจุดที่เขายืนก็คงจะต้องทำแบบนั้นในตอนนี้" ทรัมป์ เอ่ยถึงปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียต่อยูเครน
    .
    "พูดตรงๆ ผมรู้สึกดีลกัยยูเครนยากกว่า" ทรัมป์ เอ่ยเสริม
    .
    ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ซึ่งกำลังพยายามวิ่งเต้นขอความช่วยเหลือจากชาติยุโรปหลังสหรัฐฯ เปลี่ยนข้าง ออกมาเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทั้งทางทะเลและอากาศเพื่อปูทางสู่การเจรจา
    .
    “ขั้นตอนแรกของการสร้างสันติภาพที่แท้จริงก็คือ การบังคับให้รัสเซียซึ่งเป็นต้นเหตุหนึ่งเดียวของสงครามครั้งนี้ยุติการโจมตี” เซเลนสกี โพสต์ข้อความผ่านเทเลแกรม
    .
    มอสโกปฏิเสธแนวคิดหยุดยิงชั่วคราวซึ่งเป็นสิ่งที่อังกฤษและฝรั่งเศสเสนอ พร้อมประกาศกร้าวว่าจะไม่มีวันยอมให้ประเทศในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพ เข้าไปในยูเครน หลังจากที่ทั้ง 2 ชาติเสนอให้มีการตั้งกองกำลังยุโรปเพื่อช่วยกำกับควบคุมข้อตกลงสันติภาพที่ยั่งยืน
    .
    มีรายงานล่าสุดว่า กองกำลังรัสเซียสามารถปิดล้อมทหารยูเครนในแคว้นคูสก์ (Kursk) เอาไว้ได้เกือบทั้งหมดแล้ว โดยทหารกลุ่มนี้ได้บุกข้ามแดนเข้าไปยังฝั่งรัสเซียเมื่อฤดูร้อนปีที่ผ่านมา และยึดดินแดนแคว้นคูสก์เอาไว้บางส่วน หวังใช้เป็นเครื่องมือต่อรองในการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย
    .
    ฐานที่มั่นของทหารยูเครนในแคว้นคูสก์ลดลงไปอย่างฮวบฮาบในช่วง 3 วันที่ผ่านมาตามข้อมูลแผนที่โอเพนซอร์ส โดยเวลานี้รัสเซียสามารถหั่นกองกำลังยูเครนออกเป็น 2 ส่วน และตัดเส้นทางลำเลียงของกองกำลังหลักได้แล้ว
    .
    "สถานการณ์ (สำหรับทหารยูเครนในแคว้นคูสก์) ย่ำแย่มาก" พาซี พารอยเนน นักวิเคราะห์ด้านการทหารจาก Black Bird Group ในฟินแลนด์ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
    .
    ทหารรัสเซียยังยิงทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและก๊าซในยูเครนเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ในปฏิบัติการยิงถล่มด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่หนแรกนับตั้งแต่สหรัฐฯ ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรองแก่ยูเครน และทำให้มีผู้บาดเจ็บไป 10 คน ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่ยูเครน
    .
    ที่มา: รอยเตอร์

    https://www.facebook.com/share/p/18oPTmeZpK/
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารยูเครนหลายพันนายที่บุกเข้าไปยึดดินแดน #แคว้นคูสก์ (Kursk) ของรัสเซียเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วกำลังตกที่นั่งลำบาก โดยถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อมเอาไว้เกือบจะทุกด้านแล้ว กลายเป็นความเพลี่ยงพล้ำครั้งใหญ่ของเคียฟที่หวังจะยึดดินแดนส่วนนี้เอาไว้เป็นไพ่ต่อรองกับรัสเซียในการเจรจาสันติภาพ
    .
    ข้อมูลจากแผนที่โอเพนซอร์สชี้ว่า สถานการณ์ของยูเครนในแคว้นคูสก์กำลังย่ำแย่หนักในช่วง 3 วันที่ผ่านมา หลังกองทัพรัสเซียเปิดปฏิบัติการโจมตีโต้กลับจนสามารถยึดดินแดนคืน และหั่นกองกำลังยูเครนออกเป็น 2 ฝั่ง นอกจากนี้ยังตัดกองกำลังหลักออกจากเส้นทางลำเลียงได้สำเร็จด้วย
    .
    แผนที่โอเพนซอร์สจาก Deep State ซึ่งเป็นบล็อกด้านการทหารของยูเครนเผยให้เห็นวานนี้ (8 มี.ค.) ว่า กองกำลังยูเครนในรัสเซียประมาณ 2 ใน 3 ถูกทหารหมีขาวโอบล้อมไว้เกือบทั้งหมด และยังมีส่วนที่เชื่อมต่อกับทหารส่วนที่เหลือตรงจุดใกล้ๆ ชายแดนรัสเซียผ่านระเบียงทางบกยาว 1 กิโลเมตร กว้าง 500 เมตร ซึ่งกองทัพรัสเซียก็กำลังพยายามที่จะตัดขาดเส้นทางดังกล่าวด้วย
    .
    ความเพลี่ยงพล้ำนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรองแก่เคียฟ ซึ่งอาจส่งผลให้ทหารยูเครนในแคว้นคูสก์ต้องจำยอมล่าถอยอย่างยากลำบากและน่าอับอาย หรือแม้กระทั่งอาจถูกจับกุมและถูกสังหาร
    .
    รัฐบาลยูเครนเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้ต้องยอมเข้าสู่กระบวนการเจรจาหยุดยิงกับรัสเซีย ในขณะที่ทหารมอสโกยังคงรุกคืบยึดดินแดนแนวหน้าของยูเครนอย่างต่อเนื่อง
    .
    “สถานการณ์ (สำหรับยูเครนในแคว้นคูสก์) ถือว่าย่ำแย่มาก” พาซี พารอยเนน นักวิเคราะห์ด้านการทหารจาก Black Bird Group ในฟินแลนด์ บอกกับรอยเตอร์
    .
    “ตอนนี้แค่รอเวลาว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะถูกปิดล้อมหรือถูกบีบให้ล่าถอยออกไป และการล่าถอยย่อมหมายถึงการเดินเข้าไปสู่อันตรายใหญ่หลวง เพราะจะต้องถูกฝูงโดรนและปืนใหญ่รัสเซียเล่นงาน” พารอยเนน ระบุ
    .
    “หากกองกำลังยูเครนไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาจะกลายเป็นฝ่ายถูกปิดล้อม”
    .
    ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียและกองทัพยูเครนยังไม่ออกมาแถลงข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ในแคว้นคูสก์ ซึ่งโดยปกติแล้วทั้ง 2 ฝ่ายจะรายงานทันทีหากเกิดความเปลี่ยนแปลงในสนามรบ
    .
    ปฏิบัติการบุกข้ามแดนเข้าไปยังแคว้นคูสก์ของยูเครนเมื่อปีที่แล้วถือว่าเป็นการโจมตีดินแดนรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่กองทัพนาซีรุกรานสหภาพโซเวียตในปี 1941 และมีเป้าหมายเพื่อให้พลเรือนรัสเซียรับรู้ถึงพิษภัยของสงครามอย่างแท้จริง หลังจากที่ทำเนียบเครมลินพยายามปกป้องประชาชนของตนเองจากผลกระทบของสงครามภายในยูเครนมาโดยตลอด
    .
    ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนระบุว่า การบุกแคว้นคูสก์ยังมีเป้าหมายเพื่อลดแรงกดดันให้กับทหารที่ปกป้องดินแดนยูเครนในฝั่งตะวันออก โดยทำให้รัสเซียต้องกระจายทรัพยากรบางส่วนไปปกป้องแคว้นคูสก์ และอาจจะเป็นเครื่องมือต่อรองที่ดีสำหรับยูเครนหากต้องมีการเจรจาสันติภาพในอนาคต
    .
    การถูกยูเครดยึดแคว้นคูสก์ไปได้บางส่วนนี้สร้างความอับอายไม่น้อยต่อมอสโก และก่อให้เกิดคำถามว่าเหตุใดกองทัพรัสเซียที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรจึงไม่มีปัญญาแม้แต่จะปกป้องชายแดนตัวเอง ขณะที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน กล่าวย้ำหลายครั้งว่ากองทัพรัสเซียจะฟื้นฟูการควบคุมแคว้นคูสก์ได้ในที่สุด พร้อมปฏิเสธไม่ยอมให้นำดินแดนส่วนนี้เข้าไปเป็นเงื่อนไขในการเจรจากับยูเครน
    .
    ที่มา: รอยเตอร์
    https://www.facebook.com/share/12Ef8BE3dLW/
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ตอบนักข่าว
    เท้าความ ศตวรรษก่อน ที่กรุงปารีส ชาวจีนเคยยกประเด็น 公理胜强权,还是 强权即公理?"ความเที่ยงธรรมอยู่เหนืออำนาจ หรือตกอยู่ใต้อำนาจที่เข้มแข็งกว่า?"
    ผ่านมาร้อยปี วันนี้ชาวจีนยืนหยัดบนความเที่ยงธรรม
    ก้าวจากประวัติศาสตร์พึงเดินหน้า มิอาจถอยหลัง
    ผู้ยิ่งใหญ่ไม่เอาเปรียบไม่รังแกผู้อ่อนแอ
    ชาติตะวันตกมีคำกล่าว 没有永远的朋友,只有永远的利益
    "ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร มีเพียง 'ผลประโยชน์' ที่จีรังยั่งยืน"
    ในมุมมองของจีนแล้ว กลับผิดแผกแตกต่าง ด้วยเห็นว่า "มิตรภาพยืนยงอมตะ ผลประโยชน์พึงแบ่งปัน"
    กล่าวถึงหลักการที่ยึดถือ
    会当凌绝顶,一览众山小
    "สู่ยอดเขาสูงสุดกู่ จึงเห็นใต้หล้าเพียงอณู"
    จากเบื้องบน จึงเห็นความสอดบรรสานของมวลอณู
    หวังอี้รำพัน จีนรื่นรมย์ในทิวทิศน์จากเบื้องบน ยลนานาประเทศ ยิ่งวันยิ่งมาก มาร่วมเรียงเคียงกันผูกสัมพันธ์ ก้าวไปร่วมกัน
    冰冻三尺非一日之寒,消融化解也非一日之功
    เพียง 1 วันอันยะเยือก มิเพียงพอก่อให้เกิดน้ำแข็งหนาสามเชียะ
    และกลับกัน ก้อนเดียวกันนั้นย่อมมิอาจหลอมละลายเพียงผ่านเผชิญ 1 วันแห่งความระอุเร่า
    ขัดแย้งปะทะ ไม่อาจหาผู้ชนะที่จริงแท้
    สมัครสมานปรองดอง ไม่มีผู้พ่ายแพ้ตลอดกาล
    *มิได้บอกว่าจีนกระทำตามหลักการเยี่ยงนี้ได้สมบูรณ์
    เพียงอยากให้ดื่มด่ำกับการใช้คำอันเพริศแพร้ว
    http://cn.chinadiplomacy.org.cn/2025-03/07/content_117752255.shtml
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (Mar 9) ศึกนี้ใครจะชนะ? ‘สงครามการค้า’ เริ่มแล้ว ทรัมป์จะพาโลกไปทางใด: สถานการณ์ใน ‘สงครามการค้า’ ระหว่างรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประเทศคู่ค้า เริ่มสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลก หลังมาตรการปรับขึ้นภาษีกับแคนาดา เม็กซิโก และจีน มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2568
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก อัตราร้อยละ 25 กับสินค้าทุกประเภท แต่หลังจากเจรจากับผู้นำทั้งสองประเทศ และได้รับแรงกดดันจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้ทรัมป์ประกาศเลื่อนขึ้นภาษีสินค้าในกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ ที่อยู่ภายใต้ข้อตกลง USMCA ออกไปก่อนหนึ่งเดือน ซึ่งจะมีผลในวันที่ 2 เมษายน 2568
    ส่วนมหาอำนาจคู่แข่งสำคัญอย่างประเทศจีน ทรัมป์เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเพิ่มอีกเป็นร้อยละ 20 หลังจากขึ้นภาษีไปแล้วในอัตราร้อยละ 10 เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ทำให้จีนโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ และควบคุมการส่งออกแร่หายากที่ใช้ในอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งใช้มาตรการทางกฎหมาย ตรวจสอบบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เช่น Google เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
    ปฏิกริยาของแคนาดาต่อสหรัฐฯ นั้น นายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ออกมาตรการตอบโต้ด้วยการประกาศเก็บภาษีร้อยละ 25 กับสินค้าสหรัฐฯ มูลค่ารวม 107,000 ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งออกเป็นสองระยะ ระยะแรกขึ้นภาษีสินค้ามูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ และระยะที่สอง มูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์ ที่จะมีผลในอีก 21 วันต่อมา นอกจากนี้นายกฯ แคนาดาได้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการละเมิดกฎการค้าภายใต้ข้อตกลง USMCA กับสหรัฐฯ ด้วย
    ในส่วนของเม็กซิโก ดูเหมือนจะตอบโต้สหรัฐฯ แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยประกาศใช้มาตรการเก็บภาษีแบบขั้นบันได ตั้งแต่ร้อยละ 5 ถึง 25 แตกต่างไปตามประเภทสินค้า และอยู่ระหว่างพิจารณาออกมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น จำกัดการใช้ท่าเรือกับเรือขนส่งสินค้าของสหรัฐฯ
    สถานการณ์หลังมาตรการภาษีมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นหลักของสหรัฐฯ ในวันที่ 4 มีนาคม 2568 ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยดาวโจนส์ตกร้อยละ 1.5 และหุ้น S&P 500 ลดร้อยละ 1.8 ส่วนแนสแด็กร่วงถึงร้อยละ 2.6 ขณะที่ค่าเงินเปโซของเม็กซิโกและดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลง
    อย่างไรก็ตาม หลังจากทรัมป์ออกประกาศเลื่อนเก็บภาษีสินค้ายานยนต์ภายใต้ข้อตกลง USMCA หุ้นของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่าง Ford, GM และ Stellantis ปรับตัวขึ้น 5-9% ส่วนราคาน้ำมัน WTI ลดลง 3.2% ทันทีในวันที่ 5 มีนาคม 2568
    หลายฝ่ายมองว่าการที่ทรัมป์ตัดสินใจเลื่อนการเก็บภาษีสินค้ายานยนต์แสดงถึงความโอนอ่อนต่อแรงกดดันจากภาคอุตสาหกรรม และเปิดทางให้เกิดการเจรจาทบทวนข้อตกลง USMCA เพื่อปรับปรุงเงื่อนไขทางการค้า ซึ่งกำหนดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2568
    ทั้งนี้ ทรัมป์ให้เหตุผลในการขึ้นภาษีว่าต้องการให้ประเทศต่างๆ แก้ปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะเฟนทานิลที่ลักลอบเข้ามาในสหรัฐฯ และต้องการให้ควบคุมผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายตามแนวชายแดน อย่างไรก็ตาม คาดว่าเบื้องหลังเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของทรัมป์ คือการผลักดันนโยบาย “America First” รวมทั้งดึงดูดให้บริษัทต่างชาติย้ายฐานการผลิตกลับสู่สหรัฐฯ
    ประเด็นสำคัญที่เราต้องติดตามดูต่อไปคือผลกระทบระยะยาวต่อระบบการค้าโลก และการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานของบริษัทต่างๆ ที่อาจย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุน
    สงครามการค้าครั้งนี้อาจนำไปสู่การแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจ ระหว่างกลุ่มประเทศที่มุ่งเน้นการพึ่งพาตนเองกับกลุ่มที่สนับสนุนระบบการค้าแบบพหุภาคี ซึ่งหลายๆ ประเทศต้องอาศัยความร่วมมือและพึ่งพากันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
    โดย วรภา หฤษฎางค์กูร
    Source: 101 World

    FB_IMG_1741522854817.jpg FB_IMG_1741522858510.jpg FB_IMG_1741522861357.jpg

    https://www.the101.world/trade-war-trump-tariffs-global-impact/
    https://www.facebook.com/share/1H9J1WKHLo/
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "น้ำมันปาล์ม" จ่อแพงสะบัดไปยาวๆอินโดฯ (ผู้ผลิต No.1 โลก) ส่อส่งออกลดฮวบฮาบ เพราะรัฐบาลส่อสั่งลุยดีเซล B40 (ผสมปาล์ม 40%) มี.ค. นี้ ขณะที่ผลิตเพิ่มได้แค่กะปริบกะปรอย
    1.) อินโดนีเซียและมาเลเซีย เอาแค่สองชาตินี้ก็ผลิตน้ำมันปาล์มค่อนโลกแล้ว
    (*อินโดฯ ฯ ผลิต58% ของโลก / มาเลเซีย 24% / ไทย 5%)
    ดังนั้น เกิดอะไรขึ้นกับสองชาตินี้ กระเทือนทั้งปฐพี!
    ตอนนี้ ดีเซลในอินโดฯ เป็น B35 อยู่ (มีไบโอคือน้ำมันปาล์มผสม 35%)
    ที่จริง เปิดปี 2025 รัฐบาลกะจะเอา B40 เลย แต่กระแสค้านแรง จึงเลื่อนไปก่อน
    ซึ่งไม่แคล้วว่าเจอกันแน่ มี.ค. นี้
    (และปีหน้า ตั้งเป้าผลักไปเป็น B50 เลย
    นอกจากนี้ จะสั่งให้เอาไปผสมน้ำมันเครื่องบินด้วย 3%)

    2.) ในบ้าน ใช้ปาล์มเยอะขึ้น ก็เหลือส่งออกน้อยลง
    มิเพียงเท่านั้น จะขึ้นภาษีส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ --- จากเดิม 7.5% ไปเป็น 10%
    ก็ยิ่งไม่เอื้อต่อการส่งออกอีก ...
    ทำทำไม?
    ยิ่งถ้าใช้ปาล์มผสมเยอะ ประเทศก็ยิ่งนำเข้าดีเซลลดลง ประหยัดไปแยะ
    (แล้วก็ช่วยลดยอดขาดดุลงบประมาณด้วย --- เพราะปัจจุบันรัฐบาลต้อง "อุดหนุน" subsidy โปะให้ดีเซลอยู่)

    3.) นั่นส่งผลต่อราคาแน่นอน
    ปกติ ถ้าไม่มีอะไร น้ำมันปาล์มดิบจะ discount หักลงจากราคาน้ำมันถั่วเหลืองดิบสัก 400 ดอลลาร์/ตัน
    (*แต่บางทีก็ "มีอะไร" เช่น ช่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครนใหม่ๆ ซึ่งรัฐบาลอินโดฯ ต้อง "แบน" ห้ามส่งออกน้ำมันปาล์ม เพื่อสกัดเงินเฟ้อในประเทศ)
    ตอนนี้ ไม่มีแล้ว discount อะไรแบบนั้น
    กลายเป็น premium บวกเข้าไปสัก 100 ดอลลาร์/ตัน จากน้ำมันถั่วเหลือง
    มีโอดโอยกันเลยทีเดียว
    และเดี๋ยวน่าจะโหดขึ้นอีก!!!

    4.) ผลิตไม่ปรู๊ดปร๊าดเหมือนเดิม
    ช่วงปี 1980-2020 เป็นเวลา 4 ทศวรรษ ที่ผลิตโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 7%
    ตอนนี้เหลือโตแค่ปีละ 1% (ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา)
    น่าใจหาย
    แล้วมันจะไปทันใช้ไหม!!!???
    ทำไมปลูกไม่พรวดพราดอย่างเดิมล่ะ?
    ที่มันจะไม่มีแล้วน่ะสิ
    แล้วก็ชักปลูกใหม่มาทดแทนไม่ค่อยพออีก
    ธรรมชาติ ต้นปาล์มจะให้ผลผลิตได้สัก 20 ปี ก็เสื่อมถอย
    25 ปีก็ไม่ไหวแล้ว ต้องปลูกใหม่ (ซึ่งก็ต้องใช้เวลา 3-4 ปีกว่าจะให้ผลผลิตได้)
    ปี 2024 มาเลเซียมีปลูกปาล์มใหม่ (บนสวนเดิม) แค่ 2% เท่านั้น
    น้อยจัด
    (*ไม่มีตัวเลขของอินโดฯ)

    5.) อนาคต ...
    สมาคมผู้ค้าปาล์มใหญ่สุดของอินโดฯ GAPKI พยากรณ์ว่าปี 2030 การส่งออกปาล์มของอินโดฯ จะหายไป 1 ใน 3!!! (เทียบกับปี 2024)
    เหลือ 20 ล้านตัน/ปี
    (เพราะในบ้านใช้พุ่ง แต่ผลิตโตแบบคลาน)
    สถานการณ์แบบนี้ มีแต่จะทำให้ราคาแพงขึ้นๆ
    งั้นก็เปลี่ยนไปใช้น้ำมันถั่วเหลืองหรือน้ำมันดอกทานตะวันซิ ... ก็นั่นแหละ มันก็แพงยกแผงล่ะ ลากไปด้วยกัน
    น้ำมันพืช ทรงจะแพงยาวๆ จ้ะ
    https://www.reuters.com/markets/com...ut-stalls-biodiesel-demand-surges-2025-03-09/
    https://www.reuters.com/sustainabil...mplementation-b40-biodiesel-march-2025-02-14/

    https://www.fas.usda.gov/data/production/commodity/4243000
    https://www.facebook.com/share/p/18NV7Aii7H/
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UPDATE: ครม. ไฟเขียวต่ออายุลดค่าไฟกลุ่มเปราะบาง 16.05 สตางค์ต่อหน่วย เดือนมกราคม-เมษายน 2568 ครอบคลุมประชาชน 21.3 ล้านราย
    .
    วันนี้ (11 มีนาคม) คารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่ออายุมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่พี่น้องประชาชน ซึ่งจากเดิมสิ้นสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2567 เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพที่สถานการณ์ราคาพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้น และเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตไปได้
    .
    มาตรการนี้เป็นการลดค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน จำนวน 16.05 สตางค์ต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 4 เดือน คือเดือนมกราคม-เมษายน 2568 ใน 3 กลุ่ม คือ
    .
    1. ผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
    .
    2. ผู้ใช้ไฟฟ้าที่บ้านอยู่อาศัยเป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
    .
    3. ผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ
    .
    ทั้งนี้ คาดว่าผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือประมาณ 21.3 ล้านราย งบประมาณทั้งสิ้น 1,700 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณจากงบกลางปี 2568 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
    .
    #TheStandardNews

    https://www.facebook.com/share/p/1CDdHejxSW/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศาลกลางแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ จีนจ่ายเงินชดใช้ความเสียหายแก่รัฐมิสซูรี เป็นเงิน 24,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 810,000 ล้านบาท) จากคำกล่าวหาที่ว่าปักกิ่งชักนำให้โลกเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และกักตุนอุปกรณ์ป้องกัน ในช่วงเดือนแรกๆ ของโรคระบาดใหญ่
    .
    คำฟ้องนี้เบื้องต้นยื่นโดยอัยการสูงสุดของรัฐมิสซูรีในเดือนเมษายน 2020 ในช่วงเดือนแรกๆ ของโรคระบาดใหญ่ รัฐแห่งนี้กล่าวหาจีนก่ออันตรายแก่พลเรือนของพวกเขา ด้วยการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส ซึ่งทำให้ความพยายามตอบสนองสถานการณ์เป็นไปอย่างล่าช้า
    .
    นอกจากนี้ ในคำฟ้องยังกล่าวหาด้วยว่า จีน จงใจจำกัดการส่งออกอุปกรณ์ป้องกัน เป็นต้นเหตุให้ราคาพุ่งสูงและเกิดภาวะขาดแคลน ทั้งนี้ บรรดาทนายความของรัฐกล่าวโทษการกระทำของปักกิ่งว่าเป็นตัวซ้ำเติมวิกฤต
    .
    คดีนี้เคยถูกตีตกไปในปี 2022 ภายใต้กฎหมายเอกสิทธิ์คุ้มกันอธิปไตยต่างชาติ ซึ่งจำกัดความสามารถของศาลสหรัฐฯ ในการลงโทษรัฐบาลต่างชาติ ต่อการกระทำที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม ต่อมาศาลอุทธรณ์ ไฟเขียวให้เดินหน้าคดีนี้ ในคำกล่าวหาที่แคบลงกว่าเดิม เกี่ยวกับการกักตุนอุปกรณ์ป้องกัน
    .
    ผู้พิพากษาสตีเฟน เอ็น.ลิมบอห์ เมื่อวันศุกร์ (7 มี.ค.) พิพากษาว่ารัฐมิสซูรี ได้มอบหลักฐานที่น่าพอใจ ที่ทำให้ จีน ต้องรับผิดชอบต่อการมีส่วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการผูกขาดกักตุนอุปกรณ์ PPE
    .
    แอนดรูว์ ไบลีย์ อัยการสูงสุดรัฐมิสซูรี แสดงความยินดีกับคำพิพากษาดังกล่าว เรียกมันว่าเป็น "ชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์สำหรับรัฐมิสซูรีและสหรัฐฯ ในการต่อสู้เพื่อให้จีนรับผิดชอบต่อการปลดปล่อยโควิด-19 เข้าสู่โลก" เขากล่าว พร้อมระบุว่ารัฐมิสซูรี "จะเก็บทุกดอลลาร์เท่าที่จะเป็นไปได้ รวมถึงความเป็นไปได้จากการยึดสินทรัพย์ต่างๆ ที่มีจีนเป็นเจ้าของในมิสซูรี ในนั้นรวมถึงที่ดินทางการเกษตร"
    .
    จีนปฏิเสธคำพิพากษานี้ ชี้ว่ามันมีแรงจูงใจทางการเมือง "สิ่งที่เรียกว่าการฟ้องร้องนี้ ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง กฎหมาย หรือแบบอย่างระหว่างประเทศ จีนไม่ยอมรับและจะไม่ยอมรับมัน" โฆษกสถานทูตจีนระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันศุกร์ (7 มี.ค.)
    .
    โฆษกสถานทูตจีนเตือนว่าถ้าคำพิพากษาทำร้ายผลประโยชน์ของจีน ปักกิ่งจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างทัดเทียมกัน ทั้งนี้ ปักกิ่ง เคยเรียกคดีนี้ว่า "เรื่องตลกไร้สาระ" อ้างว่าศาลสหรัฐฯ ไม่มีขอบเขตอำนาจเหนือการกระทำต่างๆ ที่เป็นอธิปไตยของจีน
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    https://mgronline.com/around/detail/9680000022873
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/15FzfRNDvk/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,014
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mar 11, 2025 ยังจิตตก! นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยตกต่ำสุดในรอบ 15 เดือน กุมภาพันธ์ทัวร์จีนหายเฉียด 45% หดต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโรคโควิดอยู่มาก สะเทือนถึงการฟื้นตัวตลาดต่างชาติท่องเที่ยวในไทย คาดปี 68 ต่างชาติจ่อไม่ฟื้นเต็ม 100% ยังอยู่ที่ 38 ล้านคน
    วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวในปี 2568 เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านไป พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยมีทั้งสิ้น 3.12 ล้านคน ลดลงจากเดือนมกราคมที่มีจำนวน 3.71 ล้านคน นอกจากนี้ ยังลดลงจากเดือนเดียวกันของปี 2567 ถึง -7% แต่ยังสามารถสร้างรายได้ 1.51 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา
    ด้านนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ มาเลเซีย จีน รัสเซีย อินเดีย และเกาหลีใต้ สำหรับในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กุมภาพันธ์) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 6.83 ล้านคน ขยายตัว 6.9% YOY สร้างรายได้ 3.32 แสนล้านบาท ขยายตัว 17%
    การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนมีสัญญาณอ่อนแรงลงอย่างชัดเจน สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในเดือนกุมภาพันธ์ที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน เหลือ 371,452 คน และหดตัวสูง 44.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปี 2567 ส่งผลทำให้ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2568 มีนักท่องเที่ยวจีนสะสมเพียง 1.18 ล้านคน หดตัว 12.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปี 2567
    ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงแรงและยังต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดอยู่มาก ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเดินทาง รวมถึงการแข่งขันที่สูงขึ้นจากจุดหมายปลายทางในประเทศอื่น ๆ ที่มีมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวเช่นกัน
    อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่ยังได้แรงหนุนจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวหลักจากมาเลเซีย รัสเซีย และอินเดีย ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยโดยรวมในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 38 ล้านคน สูงกว่า 35.5 ล้านคน ในปี 2567 แม้จะยังต่ำกว่าระดับก่อนโควิดที่ 40 ล้านคน แต่คาดว่าภาคท่องเที่ยวจะยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยในปี 2568
    https://www.facebook.com/share/p/1Bcu1URC8i/
     

แชร์หน้านี้

Loading...