คำสั่งสอนของหลวงปู่ดู่

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย chingchamp, 15 ธันวาคม 2008.

  1. chingchamp

    chingchamp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    788
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +504
    [​IMG]

    คำสั่งสอนของหลวงปู่ดู่

    หลวงปู่ดู่หรือหลวงพ่อดู่ ท่านมีวิธีการสอนลูกศิษย์ของท่าน โดยการใช้คำแนะนำสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่มีความหมายลึกซึ้งในตัว โดยเล่าจากเหตุการณ์ที่ท่านพบเห็นมากับตัวของท่านเองหรือได้มาจากการปฏิบัติธรรมอันยาวนานตลอดชีวิตท่านและบางครั้งก็กล่าวถึงพุทธประวัติ ธรรมบทหรือชาดกต่าง ๆ ตามแต่ท่านจะเห็นควร ในเวลาหรือโอกาสต่าง ๆ ที่จะนำมาสอนศิษย์เพราะลูกศิษย์แต่ละคนนั้นมีภูมิธรรมไม่เท่ากัน คนที่เข้าวัดใหม่ ๆ ท่านก็จะสอนแบบเข้าใจง่าย ๆ แต่ลึกซึ้งและกินใจจนคนที่เข้ามากราบท่านหรือมาฟังธรรมจากท่าน ส่วนใหญ่มักพูดว่าไปหาหลวงพ่อหลวงปู่ที่อื่นก็มาก แต่พอมาพบหลวงปู่ดู่ ท่านสอนได้ถึงจิตที่อยู่ลึก ๆ จนขนลุกขึ้นถึงหัว คำสอนของท่านกินใจและลึกซึ้งจริง ๆ

    และส่วนมากผู้ที่ได้ฟังธรรมะจากท่าน ก็จะขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่านจนนับไม่ถ้วนว่ามีจำนวนเท่าไร ส่วนลูกศิษย์ที่มีภูมิธรรมที่ละเอียดขึ้นมาแล้ว ท่านมองเห็นว่าพอจะทำหรือปฏิบัติได้ดี ท่านก็จะเมตตาสอนเป็นพิเศษอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย

    ครั้งหนึ่งท่านได้บอกกับศิษย์ว่า ข้าอธิษฐานว่าสู้แค่ตาย และก็เป็นจริงอย่างท่านว่า ถ้าใครไปวัดสะแกประมาณหกโมงเช้าก็จะเห็นหลวงปู่ดู่ท่านนั่งอยู่หน้ากุฏิของท่านเสมอ คอยสอนและเมตตาคนที่มีทุกข์ร้อนมาหาให้ท่านช่วยเหลือ หลวงปู่ก็จะอนุเคราะห์ตามเหตุและปัจจัย ท่านจะให้ธรรมะเป็นแนวทางการปฏิบัติ ซึ่งเป็นทางออกจากทุกข์อย่างแท้จริง ท่านจะนั่งสอนธรรมะปฏิบัติ คอยช่วยเหลือคนต่าง ๆ ที่มีทุกข์แล้วมาให้ท่านช่วยจนพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วท่านถึงจะเข้าห้องปฏิบัติกิจของสงฆ์ ท่านทำแบบนี้ตั้งแต่ประมาณก่อน พ.ศ. 2500 จนถึงวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2533 เวลาประมาณ 05.00 น. กว่า ๆ ก่อนหกโมงเช้า ซึ่งท่านจะเดินออกมาคอยสั่งสอนศิษย์ของท่านพอท่านเปิดประตูห้องแล้วเดินออกมาหน้าห้องท่านก็ล้มและละสังขารลงหน้าห้องของท่าน เป็นจริงดังที่ท่านได้อธิษฐานว่าข้าสู้แค่ตาย

    หลายสิบปีที่ผ่านมาท่านไม่เคยออกนอกวัด ก่อนหกโมงเช้าท่านจะนั่งอยู่หน้ากฏิเพื่อคอยผู้ที่ศรัทธาที่มาจากจังหวัดต่าง ๆ บ้าง เหนือ-ใต้-ออก-ตก ภาคกลาง หลวงปู่บอกว่าเขามาจากไกล ๆ เป็นร้อยเป็นพันกิโล ถ้าไม่เจอข้า เขาจะผิดหวัง ผู้ที่มาหาข้านี้ล้วนแต่เคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า ข้าก็จะนั่งคอยอยู่นี้แหละ ครั้งหนึ่งหลวงปู่เคยบอกไว้ว่า หลังจากข้าตายไปแล้ว ลูกศิษย์ที่ไม่เคยพบท่านไม่ต้องเสียใจ และน้อยใจในวาสนาไม่มีโอกาสพบข้า ท่านได้อธิษฐานไว้ว่า ผู้ใดที่เคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลาน สร้างบุญกุศลมากับข้ามา แม้ในชาตินี้ไม่ได้พบสังขารธรรมของข้า แต่พอพบเห็นหลักธรรมคำสั่งสอนของข้า แล้วเกิดศรัทธา คนผู้นั้นแหละเคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลานของข้า ขอให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมะภาวนาไตรสรณคมณ์ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว รีบพากันปฏิบัติเพื่อจะได้ไว้เป็นที่พึ่งในภายหน้า ข้าจะคอยช่วยศรัทธาข้าจริงนับถือข้าจริง แกคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก แกไม่คิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก ข้าอยู่ใกล้ ๆ แกจำไว้

    นี่เป็นความเมตตาของหลวงปู่ที่มีต่อลูกศิษย์ทุกคน ตั้งแต่ พ.ศ. 2533 หลวงปู่ได้จากเราไป แทนที่วัดสะแก จะมีลูกศิษย์ของหลวงปู่น้อยลง เพราท่านไม่อยู่แล้ว แต่กลับตรงกันข้ามลูกศิษย์ของหลวงปู่มากขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตจากวันคล้ายวันมรณะภาพ 17 มกราคมของทุกปี วันเข้า พรรษา วันออกพรรษา ทอดผ้าป่า และวันสำคัญต่าง ๆ จะมีลูกศิษย์ที่นับถือท่านมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ไปอีกไม่นานลานวัดสะแก คงไม่พบกับผู้ที่ศรัทธานับถือหลวงปู่อย่างแน่นอน [​IMG]

    ที่มา: หนังสือ นะโภคทรัพย์
    http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=526
    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  2. slavebuddha

    slavebuddha Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2008
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +59
    หลวงปู่ดู่เป็นพระที่อยู่ในใจผมอีกองค์ครับ รักและเคารพหลวงปู่มากครับ
     
  3. chingchamp

    chingchamp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    788
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +504
    [​IMG]
    ประวัติหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ


    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ มีชาติกำเนิดในสกุล หนูศรี เดิมชื่อ ดู่ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2447 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะโรง ซึ่งเป็นวันวิสาขปุรณมี ณ บ้านข้าวเม่า ตำบลข้าวเม่า อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


    โยมบิดาชื่อ พุด โยมมารดาชื่อ พ่วง ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน ท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง มีโยมพี่สาวอีก 2 คน มีชื่อตามลำดับ ดังนี้


    1. พี่สาวชื่อ ทองคำ สุนิมิตร


    2. พี่สาวชื่อ สุ่ม พึ่งกุศล


    3. หลวงปู่ดู่


    ปฐมวัยและการศึกษาเบื้องต้น


    ชีวิตในวัยเด็กของท่านดูจะขาดความอบอุ่นอยู่มาก ด้วยกำพร้าบิดามารดาตึ้งแต่เยาว์วัย นางยวง พึ่งกุศล ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของท่านได้เล่าให้ฟังว่า บิดามารดาของท่านมีอาชีพทำนา โดยนอกฤดูทำนาจะมีอาชีพทำขนมไข่มงคลขาย


    เมื่อตอนที่ท่านเป็นเด็กทารก มีเหตุการณ์สำคัญที่ควรจะบันทึกไว้คือ วันหนึ่งซึ่งเป็นหน้าน้ำขณะที่บิดามารดาของท่านกำลังทอดขนมมงคลอยู่นั้น ท่านซึ่งถูกวางอยู่บนเบาะนอกชานคนเดียว ไม่ทราบด้วยเหตุใดตัวท่านได้กลิ้งตกน้ำทั้งคนทั้งเบาะ แต่เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งที่ตัวท่านไม่จมน้ำ กลับลอยน้ำจนไปติดอยู่ข้างรั้ว กระทั่งสุนัขเลี้ยงทื่บ้านมาเห็นเข้าจึงได้เห่าพร้อมกับวิ่งกลับไปกลับมาระหว่างตัวท่านกับมารดาท่าน เมื่อมารดาท่านเดินตามสุนัขเลี้ยงออกมาจึงได้พบท่านลอยน้ำติดอยู่ที่ข้างรั้ว ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มารดาท่านเชื่อมั่นว่า ท่านจะต้องเป็นผู้มีบุญวาสนามากมาเกิด


    ในโลกนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากทุกข์ ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป พึงมองเห็นโลกนี้เป็นความว่างเปล่า ว่างเปล่าจากตัวตนที่เที่ยงแท้ บุคคลใดก็ตามที่ยึดมั่นหมายมั่นแม้ว่าเป็นลูกของตน สามีภรรยาของตน บิดามารดาของตน หรือวัตถุสิ่งของของตน เมื่อความไม่เที่ยงมาถึง ความเสื่อมสลายย่อมบังเกิดขึ้นกับสิ่งเหล่านั้นอันเป็นธรรมดาโลก การพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักที่พอใจ จึงนำมาซึ่งความทุกข์ระทมใจของผู้ยึดมั่นหมายมั่นนั้น


    มารดาของท่านได้ถึงแก่กรรมตั้งแต่ท่านยังเป็นทารกอยู่ ต่อมาบิดาของท่านจากไปอีก ขณะท่านมีอายุเพียง 4 ขวบเท่านั้น ท่านจึงต้องกำพร้าบิดามารดาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กจำความไม่ได้


    ท่านได้อาศัยอยู่กับยาย โดยมีโยมพี่สาวชื่อ สุ่ม เป็นผู้ดูแลเอาใจใส่และท่านก็ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนที่วัดกลางคองสระบัว วัดประดู่ทรงธรรม และวัดนิเวศน์ธรรมประวัติ


    สู่เพศพรหมจรรย์


    เมื่อท่านอายุได้ 21 ปี ก็ได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2468 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 4 ค่ำ เดือน 6 ณ วัดสะแก ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีหลวงพ่อกลั่น เจ้าอาวาสวัดพระญาติการาม เป็นพระอุปัชฌาย์ มีหลวงพ่อแด่ เจ้าอาวาสวัดสะแก ขณะนั้นเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และมีหลวงพ่อฉาย วัดกลางคลองสระบัว เป็นพระอนุศาสนาจารย์ ได้รับฉายาว่า พรหมปัญโญ


    ในพรรษาแรก ๆ นั้น ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรม ที่วัดประดู่ทรงธรรม ซึ่งในสมัยนั้นเรียกว่าวัดประดู่โรงธรรม โดยมีพระอาจารย์ผู้สอนคือ ท่านเจ้าคุณเนื่อง, พระครูช เป็นต้น


    ในด้านการปฏิบัติพระกรรมฐานนั้น ท่านก็ได้ศึกษากับหลวงพ่อกลั่น ผู้เป็นอุปัชฌาย์ และหลวงพ่อเภา ศิษย์องค์สำคัญของหลวงพ่อกลั่น ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของท่าน เมื่อท่านบวชได้พรรษาที่ 2 ประมาณปลายปี พ.ศ.2469 หลวงพ่อกลั่นก็มรณภาพ ท่านจึงได้ศึกษาหาความรู้จากหลวงพ่อเภาเป็นสำคัญ นอกจากนี้ท่านยังได้ศึกษาจากตำรับตำราที่มีอยู่ในชาดกบ้าง จากธรรมบทบ้าง และด้วยความที่ท่านเป็นผู้ที่รักการศึกษาค้นคว้า ท่านจึงได้เดินทางไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากพระอาจารย์อีกหลายท่านที่จังหวัดสุพรรณบุรีและสระบุรี


    ประมาณพรรษาที่ 3 ท่านก็ได้เดินธุดงค์ โดยมีสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาเป็นจุดหมายปลายทาง กล่าวคือเดินทางออกจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยามุ่งตรงสู่จังหวัดสระบุรี กราบนมัสการพระพุทธฉายและรอยพระพุทธบาท จากนั้นท่านเดินธุดงค์ไปยังจังหวัดสิงห์บุรี สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี ท่นได้ใช้เวลาเดินธุดงค์ ประมาณ 3 เดือน จนกระทั่งอาพาธจึงได้พักการธุดงค์


    หลวงปู่ดู่ท่านได้ถือข้อวัตร คือฉันอาหารมื้อเดียวมาตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.2500 แต่ภายหลังคือประมาณปี พ.ศ.2525 เหล่าสานุศิษย์ได้กราบนิมนต์ให้ท่านฉัน 2 มื้อ เนื่องจากความชราภาพประกอบกับต้องรับแขกมากขึ้น ท่านจึงได้ผ่อนปรนตามความเหมาะสมควรแห่งอัตภาพ แต่เมื่อถามความเห็นของท่านจึงทราบว่า ท่านต้องการโปรดญาติโยมที่มาจากที่ไกล ๆ จะได้มีโอกาสทำบุญ


    หลวงปู่ดู่ท่านได้ตัดสินใจไม่รับกิจนิมนต์ไปนอกวัดตั้งแต่ก่อนปี พ.ฯศ.2490 ส่วนที่นาอันเป็นสมบัติดั้งเดิมของท่าน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 30 ไร่ ท่านก็แบ่งให้กับหลาน ๆ ของท่าน ซึ่งในจำนวนนี้ นายยวง พึ่งกุศล ผู้เป็นบุตรของนางสุ่ม โยมพี่สาวคนกลางที่เคยเลี้ยงดูท่านมาตลอด ก็ได้รับส่วนแบ่งที่นาจากท่านด้วยจำนวน 18 ไร่เศษ แต่ด้วยความที่นายยวงผู้เป็นหลานของท่านนี้ไม่มีทายาท จึงคิดปรึกษากับนางถมยา ผู้เป็นภรรยา เห็นควรให้ยกเป็นสาธารณประโยชน์ คือยกที่ดินแปลงนี้ให้กับโรงเรียนวัดสะแก ซึ่งหลวงปู่ดู่ท่านก็โมทนาในกุศลเจตนาของคนทั้งสอง


    ในเรื่องการสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น ท่นได้ปฏบัติอย่างสม่ำเสมอมิได้ละเลย นอกจากนี้ท่านยังได้สอนหนังสือให้เด็ก ๆ ในวัดให้อ่านเขียนและทำเลขได้ทั้งชายหญิง


    อยู่มาวันหนึ่งเข้าใจว่าก่อนปีพ.ศ.2500 เล็กน้อย หลังจากที่หลวงปู่ดู่สวดมนต์ทำวัตรเย็นและปฏิบัติกิจส่วนตัว เสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็จำวัด เกิดนำมิตไปว่า ท่านได้ฉันดาวที่มีแสงสว่างเข้าไป 3 ดวง ในขณะที่กำลังฉันอยู่นั้นก็รู้สึกว่ากรอบ ๆ ดี ก็เลยฉันเข้าไปทั้งหมดแล้วจึงตกใจตื่น เมื่อท่านมาพิจารณาใคร่ครวญถึงนิมิตที่เกิดขึ้นเข้าใจได้ว่า แก้ว 3 ดวงนั้นจะต้องเป็นแก้ว 3 ประการได้แก่ พระไตรสรณคมน์ พอว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจมิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ก็เกิดอัศจรรย์ขึ้นในจิตท่าน จนเกิดความมั่นใจว่าพระไตรสรณคมน์นี้เป็นแก่นแท้ และรากแก้วของพระพุทธศาสนา การสมาทานศีล 5 ศีล 8 หรือการขอบรรพชาอุปสมบทก็ต้องว่าไตรสรณคมน์นี้ทุกครั้ง ท่านจึงกำหนดเอาเป็นองค์ภาวนา

    หลวงปู่ทวด
    ท่านให้ความเคารพในองค์หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ เป็นอย่างมากทั้งกล่าวยกย่อง ว่าหลวงปู่ทวดท่านเป็นผู้ที่มีบารมีธรรมเต็มเปี่ยม เป็นโพธิสัตว์จะได้มาตรัสรู้ ในอนาคต ให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ยึดมั่น และระลึกถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อติดขัดในระหว่างการปฏิบัติธรรม หรือประสบปัญหาทางโลก ท่านว่า หลวงปู่ทวดท่านคอยที่จะช่วยเหลือทุกคนอยู่แล้ว แต่ขอให้ทุกคนอย่าท้อถอย หรือละทิ้งการปฏิบัติ


    สร้างพระ

    หลวงพ่อดู่ท่านมิได้ตั้งตัวเป็นเกจิอาจารย์ การที่ท่านสร้าง หรืออนุญาตให้สร้างพระเครื่องหรือพระบูชา ก็เพราะเห็นว่า บุคคลจำนวนมากยังขาดที่ยึดเหนี่ยงทางด้านจิตใจ เพราะศิษย์ หรือ บุคคลนั้น มีทั้งที่ใจใฝ่ธรรมล้วนๆ กับ ยังต้องอิงกับวัตถุมงคล ท่านเคยพูดว่า “ติดวัตถุมงคลยังดีกว่า ที่จะไปให้ติดวัตถุอัปมงคล” แม้ว่าหลวงพ่อดู่ท่านจะรับรองในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องที่ท่านอธิฐานจิตให้ แต่สิ่งที่ท่านยกไว้เหนือกว่านั้นก็คือการปฏิบัติ การภาวนา นี้แหละ เป็นสุดยอดแห่งเครื่องรางของขลัง บางคนมาหาท่านเพื่อต้องการของดีเช่นเครื่องรางของขลัง ซึ่งมักจะได้รับคำตอบจากท่านว่า “ ของดีนั้นอยู่ที่ตัวเรา พุทธัง ธัมมัง สังฆัง นี่แหละของดี ”

    ปัจฉิมวาร

    นับตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เป็นต้นมาสุขภาพหลวงพ่อเริ่มทรุดโทรม เนื่องการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ด้วยเหตุจากการที่ต้องต้อนรับแขก และบรรดาศิษย์ทั่วทุกสารทิศ ที่นับวันก็ยิ่งหลั่งไหลกันมานมัสการท่านมากขึ้นทุกวัน แม้บางครั้งจะมีโรคมาเบียดเบียนอย่างหนัก ท่านก็อุตส่าห์ออกโปรดญาติโยมเป็นปกติ พระที่อุปัฏฐากท่าน เล่าว่า บางครั้งถึงขนาดที่ท่านต้องพยุงตัวเองขึ้นด้วยอาการสั่น และมีน้ำตาคลอเบ้า ท่านก็ไม่เคยปริปากให้ใครต้องเป็นกังวลเลย ภายหลังตรวจพบว่า หลวงพ่อ เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว แม้ว่าทางคณะแพทย์ จะขอร้องท่านให้เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ท่านก็ไม่ยอมไป
    ประมาณปลายปี พ.ศ.2532 หลวงพ่อดู่พูดบ่อยครั้ง เกี่ยวกับ การที่ท่านจะละสังขาร ซึ่ง ในขณะนั้นหลวงพ่อดู่ท่านได้ใช้หลักธรรม ขันติ คือความอดทนอดกลั้นระงับ ทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นจากโรคภัย จิตของท่านยังทรงความเป็นปรกติสงบเย็น จนทำให้คนที่แวดล้อมท่านไม่อาจสังเกตเห็นถึงปัญหาโรคภัยที่คุกคามท่านอย่างหนัก
    วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2533 ช่วงเวลาบ่ายนั้น มีนายทหารอากาศผู้หนึ่งมากราบท่านเป็นครั้งแรก หลวงพ่อท่านได้ลุกขึ้นนั่งตอนรับ ด้วยใบหน้าที่สดใส ราศีเปล่งปลั่งเป็นพิเศษ จนบรรดาศิษย์ เห็นผิดสังเกต หลวงพ่อยินดีที่ได้พบกับศิษย์ผู้นี้ ท่านว่า “ต่อไปนี้ ข้าจะได้หายเจ็บไข้เสียที ” คืนนั้นมีคณะศิษย์มากรายท่าน ท่านได้พูดว่า “ ไม่มีส่วนใดในร่างกายที่ไม่เจ็บปวดเลย ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าห้อง ICU ไปนานแล้ว ” พร้อมทั้งพูดหนักแน่นว่า “ข้าจะไปแล้วนะ” และกล่าวปัจฉิมโอวาทย้ำให้ทุกคนตั้งอยู่ในความไม่ประมาท “ถึงอย่างไรก็ขอให้อย่าได้ละทิ้งการปฏิบัติ ได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติ ก็เหมือนนักมวย ขึ้นเวทีแล้วต้องชก อย่ามัวแต่ตั้งท่า เงอะๆ งะๆ” หลังจากคืนนั้นหลวงพ่อก็กลับเข้ากุฏิ และละสังขารไปด้วยอาการสงบด้วยโรคหัวใจ ในกุฏิท่านเมื่อเวลาประมาณ 5 นาฬิกา ของ วันพุธที่ 17 มกราคมพ.ศ. 2533 รวมสิริอายุได้ 85 ปี 8 เดือน 65 พรรษา ยังความเศร้าโศกและอาลัยแก่ ศิษยานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง อุปมาดั่งดวงประทีปที่เคยให้ความสว่าง ดับไป แต่เมตตาธรรมและคำสั่งสอนของท่านยังปรากฏ อยู่ในดวงใจของ ศิษยานุศิษย์ตลอดไป
    จึงขอยกธรรมคำสอนของหลวงพ่อที่สอนให้ศิษย์ เข้าถึงธรรมด้วยการสร้างคุณงามความดีให้เกิดขึ้นที่ตนเองดังนี้

    “ตราบใดก็ตาม ที่แกยังไม่เห็นความดีในตัวเอง
    ก็ยังไม่นับว่า แกรู้จักข้า
    แต่ถ้าเมื่อใด แกเริ่มเห็นความดีในตัวเองแล้ว
    เมื่อนั้นข้าว่า แกเริ่มรู้จักข้าดีขึ้นแล้วล่ะ”


    http://khwunchai.is.in.th/?md=content&ma=show&id=3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2008
  4. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    ขออนุโมทนา สาธุ ธรรมะของหลวงปู่เป็นแนวทางการปฏิบัติตน
    ในชืวิตประจำวันได้ดีมากค่ะ
     
  5. tatumabcd

    tatumabcd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    470
    ค่าพลัง:
    +3,197
    กราบนมัสการหลวงปู่ดู่ครับ ธรรมใดที่หลวงปู่ได้เห็นแล้ว ลูกขอพบธรรมนั้นในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ

    และขออนุโมทนาบุญกุศลต่างๆ ที่หลวงปู่ได้ทำมาทั้งหมดด้วยครับ
     
  6. โป๊ยเซียนสาว

    โป๊ยเซียนสาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,543
    ค่าพลัง:
    +2,279
    อนุโมทนา สาธุ (_/|\_)
    กราบหลวงปู่ด้วยใจศรัทธา เช่นกันค่ะ

     
  7. vilawan

    vilawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,432
    อนุโมทนาคะ

    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
     
  8. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    (นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ)

    นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ
    มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะสุธรรมา
    พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ
    พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา

    อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง
    อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิธาตุโย
    อะหังวันทามิ สัพพะโส
    พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ<O:p</O:p


    สาธุ สาธุ สาธุ กราบขมาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เจ้าค่ะ <O:p</O:p
    ผลบุญกุศลใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแต่ปฐมชาติ อดีตชาติ ปัจจุบันวันนี้ ที่จะให้ผลแก่ข้าพเจ้าเพียงไร ข้าพเจ้าขออุทิศกุศลนั้น ให้แก่พระโพธิสัตว์ทุกองค์ และบริวารทั้งปวง จงทุกประการเทอญ
    <O:p</O:p
    อนึ่งบุญใดที่พระโพธิสัตว์ทุกองค์ และบริวารทั้งปวง ได้บำเพ็ญมาทุกภพทุกชาติ ข้าพเจ้าขอกราบอนุโมทนา ขอให้ข้าพเจ้า จงมีส่วนแห่งบุญนั้น จงทุกประการเทอญ
    <O:p</O:p
    สิ่งใดข้าพเจ้า ได้เคยล่วงเกินท่านทั้งหลาย ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ข้าพเจ้าขอกราบแทบเท้า ขอขมา ขอท่านจงโปรดเมตตา ยกโทษอโหสิกรรม ให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ
    <O:p</O:p
    สิ่งใดที่ท่านได้เคยล่วงเกินข้าพเจ้า มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี ข้าพเจ้าขอปวารณาให้เป็นอโหสิกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น
    <O:p</O:p
    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญศลทุก ๆประการนั้น ไปกับกระแสเมตตาจิต ขอพระโพธิสัตว์ทุกองค์ และบริวารทั้งปวง สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ๓๑ ภูมิ ทั้งหมื่นโลกธาตุแสนโกฏิจักรวาลอนันตจักรวาล จงมีส่วนแห่งกุศล ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาจงทุกประการเทอญ
    <O:p</O:p
    ข้าพเจ้าขอพรว่า เมื่อใดที่ข้าพเจ้า อุทิศกุศล แผ่เมตตา และอธิษฐานจิต ขอให้ศักดิสิทธิ์มีฤิทธิ์ คล้ายประหนึ่งว่า ท่านทั้งหลายได้โปรดเมตตาบันดาลให้เป็นไปด้วยเทอญ
    <O:p</O:p
    นะ โม พุทธายะ พุทธัง อนันตัง ธรรมัง จักรวาลัง สังฆัง นิพพานัง ปรมัง สุขขัง <O:p</O:p
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2008
  9. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,242
    อนุโมทนา ครับ
    เป็นพระที่ ผมนับถือที่สุดอีกรูป ครับ
    คำสอนท่าน ง่ายๆ แต่ ลึก ครับ
     
  10. ทรัพย์พระฤาษี

    ทรัพย์พระฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    โมทนาด้วยครับ


    <TABLE class=webtitle2 height=76 width="53%" align=center border=0><TBODY><TR><TD height=10>พระนิพพาน ไม่ใช่ภาษาพูด


    </TD></TR><TR><TD height=10>ไม่ใช่ภาษาเขียน แต่เป็นภาษาปฏิบัติ


    </TD></TR><TR><TD height=10>( คำสอนของ พระองค์ที่ 10 )


    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    [​IMG]
     
  11. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    อนุโมทนา สาธุ รู้จักหลวงปู่ จาก แชมป์ นี่แหละ
    เลยได้ ธรรมะ ดี ดี จากหลวงปู่ ด้วย
     
  12. Ghost!!

    Ghost!! Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +34
    [​IMG] อนุโมทนา สาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2008
  13. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +39,008
    เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว รีบพากันปฏิบัติ

    คำพูดประโยคนี้อยู่ในใจเสมอครับ

    ขออนุโมทนา
     
  14. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนาสาธุบุญค่ะ


    ละความชั่วด้วยศีล ทำความดีด้วยทาน จิตเบิกบานด้วยภาวนา
     
  15. เกสรช์

    เกสรช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +1,401
    กราบโมทนาหลวงปู่เจ้าคะ และโมทนาท่านจขกท.ที่นำบทความดีดีนี้มาเผยแพร่ สาธุๆ
     
  16. ศุภกร_ไชยนา

    ศุภกร_ไชยนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,122
    รักหลวงปู่มากคับ
     
  17. Pra_THoNG

    Pra_THoNG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +739
    เยี่ยมครับ ศรัทธาหลวงปู่มาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...