ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญโรงทาน วัดหลวงปู่สิน วัดระหารใหญ่

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Amata_club, 12 พฤศจิกายน 2009.

  1. Bad_measure

    Bad_measure เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,602
    ค่าพลัง:
    +10,421
    จอง องค์นี้ 1 องค์ครับพี่ ขอโอนภายใน ธันวา นะครับ.. รายจ่ายเยอะ ^^
     
  2. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    ช่วงนี้บางที่ก็อากาศหนาว บางที่ก็ฝนตก บาที่ก็ร้อน ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ :cool:
     
  3. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    ขอบคุณมากครับขอให้ รวย รวย รวย และงานบุญต่างๆ สำเร็จได้ด้วยดีนะครับ
    อนุโมทนาด้วยครับ

    คาถาเงินล้าน
    นาสังสี
    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
    <O:pพรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุเม (คาถาเงินแสน)<O:p
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)<O:p
    มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระ โคนายัง วิระหิงสาวิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมานะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัเจกพุทธเจ้า)
    สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
    เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ (บูชา 3, 5,7,9จบ)
    ผู้หมั่นภาวนาก่อนที่จะทำบุญให้ทานใด ๆ หรือสวดก่อนที่จะเข้านอนเสมอ ๆมิได้ขาดท่านว่า จักเป็นบุญบันดาลอันประเสริฐเลิศล้ำด้วยลาภผลเป็นเศรษฐีมิต้องยากจนแล
    <O:p</O:p

    หลวงพ่อพระชาชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ) เมตตามอบให้

    คาถามหาลาภ
    นะมามีมา มะหาลาภา อิติพุทธัสสะ สุวัณณังวา ระชะตังวา มะณีวา ธะนังวา พีชังวาอัตถังวา ปัตถังวา เอหิ เอหิ อาคัจเฉยยะ อิติมีมา นะมามิหัง

    (ให้สวดภาวนาก่อนนอน ๓ จบ และตื่นนอนเช้า ๓ จบเป็นการเรียบทรัพย์ เรียกลาภ จะบังเกิดโภคทรัพย์อย่างมหัศจรรย์)
     
  4. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Amata_club [​IMG]
    รายการที่14 รูปหล่อฤาษีปู่เสือ หลวงปู่กาหลง


    รูปหล่อโบราณฤาษีปู่เสือ นั่งชันเข่า เนื้อสัมฤิทธิ์ขอมโบราณพันปี เทดินไทยโบราณ รุ่น จักรพรรดิ์นารายณ์ พิธีไหว้ครูปี 51 หมั่นภาวนาบูชาเป็นมหาอำนาจ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุภทภัยอันตรายต่างๆ คุ้มครองให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขเสมือนหนึ่งมีครูบาอาจารย์คุ้มครอง ก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน อธิษฐานสิ่งใดสำเร็จตามปรารถนาทุกประการโดยเฉพาะเรื่องโชคลาภดีนักแล

    ฤาษีปู่เสือ ในรุ่นนี้จัดสร้างด้วยมวลสารโลหะ อาถรรพณ์มากมาย ทั้งชนวนมวลสาร ชนวนเก่าและวัตถุมงคลรุ่นเก่าทุกรุ่นของหลวงปู่กาหลง หล่อหลอมรวมกับแผ่นยันต์กว่าพันแผ่น และชิ้นส่วนสัมฤทธิ์ของสมัยนครวัดนครธม แห่งอาณาจักรขอมโบราณพันปีมาเป็นชนวนมวรสารสำคัญในครั้งนี้ โดยได้บรรจุผงวิเศษและ "ผงดินโป่ง 7 โป่ง" บรรจุใต้ฐาน ดังนั้นเรื่องอภินิหารจึงถือว่าสุดยอด

    พร้อมซองเดิมและใบฝอย องค์จริงสวยครับ

    องค์ละ 650 บาท พร้อมส่งEMS<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    รับทราบการจอง โอนตอนไหนก็ได้ครับตามสะดวก มีคาถามาฝากเผื่อจะเอาไปใช้ หรือว่าไม่ต้องใช้แล้ว :cool:

    คาถาทำให้คนรักรักเรา
    พุธธัง รัตะนัง
    ธัมมัง รัตะนัง
    สังฆัง รัตะนัง
    นะผูก โมมัด พุทรัด ธารึงยะกรึงคะเร โอมสวาหะ รักกูเพี้ยง

    ท่านอาจารย์ว่านิยมสวดทุกวันเกิดตนเองเช่นเกิดวันจันทร์สวดทุกวันจันทร์ หรือสวดวันครู (วันพฤหัสบดี) จะทำให้คนรักเราใช้กับคนรักได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2009
  5. Bad_measure

    Bad_measure เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,602
    ค่าพลัง:
    +10,421
    ขอบคุณครับ ^^
     
  6. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    ขอเชิญเที่ยวงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติ ประเทศไทย
    ครั้งที่3 จ.พระนครศรีอยุธยา

    [​IMG]

    นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยโครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทุนทางวัฒนธรรม (วธ.) ว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 วธ.ได้ร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และภาคเอกชน จัดงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติประเทศไทย ครั้งที่ 3 ในชื่อ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เชื่อมไทยเชื่อมโลก” (Thailand International Balloon Festival 2009) ระหว่างวันที่ 3-6 ธันวาคม 2552 ณ โบราณสถานวัดช้างและวัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปเป็นประธานพิธีเปิดในวันที่ 3 ธันวาคม

    [​IMG]

    ทั้งนี้ หลายฝ่ายมีความกังวลกับบอลลูนที่ลอยขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้าในช่วงวันเวลาที่จัดแสดงบริเวณพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอาจจะเกิดอุบัติเหตุส่งผลกระทบต่อโบราณสถานขึ้น คณะกรรมการจึงมีการหารือกันถึงมาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้องค์เจดีย์โบราณสถานเกิดความเสียหาย โดยกำหนดให้บอลลูนลอยอยู่ห่างจากโบราณสถานในรัศมี 60-100 เมตร ที่สำคัญไม่ให้ใช้พื้นที่การแสดงบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นใจกลางโบราณสถานมรดกโลก แต่ใช้พื้นที่โล่งบริเวณวัดมเหยงคณ์จัดแสดง
    อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวอีกว่า การปล่อยบอลลูนขึ้นท้องฟ้าต้องใช้พื้นที่ 50 ตารางเมตรต่อ 1 ลูก ปล่อยขึ้นจนกว่าจะครบจำนวน 8 ลูก ลักษณะของบอลลูนจะมีคนบังคับหรือคนขับ ซึ่งต้องเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝนผ่านการอบรมนักบินมาอย่างดี มีใบอนุญาตเฉพาะจึงจะขึ้นไปขับบอลลูนได้ อย่างไรก็ตาม ผู้จัดได้มีการทำประกันภัยไว้หากเกิดอุบัติเหตุกระทบต่อโบราณสถาน และห้ามผู้ชมขึ้นบอลลูนชมวิวทิวทัศน์อุทยานฯ เพราะจัดแสดงกลางคืน แต่สามารถถ่ายภาพได้

    “การจัดแสดงบอลลูนนานาชาติในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์มรดกโลก มีนักบินบอลลูนจากนานาชาติทั่วโลกเข้าร่วมแสดง ได้แก่ ประเทศอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ ออสเตรีย ญี่ปุ่น ไทย และมีการจัดแสดงทางศิลปวัฒนธรรม นาฏศิลป์โขนละคร ออกร้าน สามารถสร้างความสนใจดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเข้ามาชมหลายแสนคน ช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่จังหวัดตามนโยบายรัฐบาลโครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ในราคา 50 บาท และบัตรเด็กราคา 20 บาท รายได้ทั้งหมดจะนำไปสมทบทุนการปฏิสังขรณ์อุทยานประวิตศาสตร์ และโบราณสถาน

    ที่มา หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2009
  7. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    รายละเอียด

    วันที่ 3 ธันวาคม 2552
    6:30 ตักบาตรพระจำนวน…….รูป
    9:00 พิธีบวงสรวง
    10:30 พิธีเปิดงาน
    15:00 เปิดประตูเข้างาน
    16:00 บอลลูนเข้างาน
    16:30-17:00 หมู่ Balloon ขึ้นทำการบิน
    18:00 บอลลูนเตรียมการแสดง Night Glow
    18:30-19:00 การแสดง Night Glow ประกอบดนตรีและพลุ
    19:15 การแสดงของกรมศิลปากร (ดูรายละเอียดประกอบ)
    20:30 ปิดงาน

    วันที่ 4-6 ธันวาคม 2552
    6:00-6:30 หมู่ Balloon ขึ้นทำการบิน
    15:00 เปิดประตูเข้างาน
    16:00 บอลลูนเข้างาน
    16:30-17:00 หมู่ Balloon ขึ้นทำการบิน18:00 บอลลูนเตรียมการแสดง Night Glow
    18:30-19:00 การแสดง Night Glow ประกอบดนตรีและพลุ
    19:15 การแสดงของกรมศิลปากร
    20:30 ปิดงาน
    หมายเหตุ วันที่ 5 ธันวาคม มีการร่วมจุดเทียนถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


    บรรยากาศภายในงาน
    ซุ้มแสดงผลิตภัณฑ์ศิลปวัฒนธรรมและอาหารไทยพื้นบ้าน ตลาดน้ำ นิทรรศการวิทยาศาสตร์การบินของบอลลูนและอากาศยานเบาอื่นๆ การแสดงว่าวพื้นบ้าน การแสดงการเล่นไทย การแสดงดอกไม้ไฟไทย การแสดงดนตรีไทยพื้นบ้าน การนั่งช้าง นิทรรศการประวัติศาสตร์และโบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา การชมโบราณสถาน วัดมเหยงคณ์ และวัดอื่นๆในบริเวณงานและบริเวณเมืองอโยธยา โดยมีมัคคุเทศก์อาสาสมัครประจำช่วยบรรยาย


    กิจกรรมพิเศษ
    งานเลี้ยงอาหารเย็นและชมการแสดงของกรมศิลปากรแก่คณะบุคคล ในแต่ละวัน จองบัตรล่วงหน้า
    เชิญชวนประชาชนร่วมทำบุญตักบาตรเช้าวันที่ 3 ธันวาคม 2552 เวลา 6:30 น. ณ บริเวณงาน
    การนั่งรถรางชมเมืองตอนกลางคืนและการนมัสการพระพุทธรูปในวัดที่สำคัญ
    ครั้งแรกของเทศกาลบอลลูนนานาชาติ ท่ามกลางบรรยากาศของความยิ่งใหญ่แห่งอดีตกาล ชมการแสดงจากกรมศิลปากร ในโอกาสพิเศษนี้ ค่าบัตรผ่านประตูผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท รายได้ทั้งหมดจากบัตรผ่านประตูเข้างานเทศกาลบอลลูนนานาชาติ มอบให้กรมศิลปากรเพื่อใช้ในการดูแล รักษา บำรุงและซ่อมแซมโบราณสถานของประเทศไทย… การแสดงเริ่มเวลาประมาณ 19.00 น.

    การแสดงดนตรีวงออร์เคสตร้า
    เนื่องในงานเทศกาลบอนลูนนานาชาติประเทศไทย ครั้งที่ ๓
    โดยวงดุริยางค์สากล สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
    วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๒ เวลา …………………น.
    ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    ******

    การบรรเลงวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร( ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที)
    ๑. เพลงแขกเชิญเจ้า บรรเลง
    ๒. พระราชนิพนธ์ แผ่นดินของเรา วาณี จูฑังคะ
    ๓. เพลง บ้านเรา วาณี จูฑังคะ
    ๔. เพลงระบำโบราณคดีชุดทวารวดี บรรเลง ประกอบการแสดง
    ๕. เพลง COME BACK TO SORRENTO สุรพัฒน์ โสภณวิมลรุจน์
    ๖. เพลงหยาดเพชร สุรพัฒน์ โสภณวิมลรุจน์
    ๗. เพลงระบำโบราณคดีชุดศรีวิชัย บรรเลง ประกอบการแสดง
    ๘. เพลง THE SOUND OF MUSIC บรรเลง / ขับร้องหมู่
    ๙. เพลงระบำโบราณคดีชุดสุโขทัย บรรเลง ประกอบการแสดง
    ๑๐. เพลง LA CUMPASITA บรรเลง
    ๑๑. เพลงจันทร์ วาณี จูฑังคะ
    ๑๒. เพลง อสงไขย วาณี จูฑังคะ
    ๑๓. เพลง FLY ME TO THE MOON สุรพัฒน์ โสภณวิมลรุจน์
    ๑๔. เพลง LIVE AND LEARN วาณี จูฑังคะ สุรพัฒน์ โสภณวิมลรุจน์
    ๑๕. พระราชนิพนธ์ แสงเดือน วาณี จูฑังคะ -สุรพัฒน์ โสภณวิมลรุจน์

    การบรรเลงโดยวงมหาดุริยางค์
    เนื่องในงานเทศกาลบอนลูนนานาชาติประเทศไทย ครั้งที่ ๓
    โดยวงดุริยางค์ไทย สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
    วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๒ เวลา …………………น.
    ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    *********
    ๑. เพลงโหมโรงมหาราช
    ๒. เพลงตับนางลอย
    ๓. เพลงตับนางลอย
    ๔. ระบำโบราณคดี
    – ระบำอยุธยา
    – ระบำลพบุรี
    – ระบำเชียงแสน

    การแสดงดนตรีวงออร์เคสตร้า
    เนื่องในงานเทศกาลบอนลูนนานาชาติประเทศไทย ครั้งที่ ๓
    โดยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร
    วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ เวลา …………………น.
    ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    ******
    การบรรเลงวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร ( ๓๐ นาที)
    ๑. พระราชนิพนธ์ แสงเทียน ดวงดาว เถาว์หิรัญ
    ๒. พระราชนิพนธ์ เทวาพาคู่ฝัน ดวงดาว เถาว์หิรัญ
    ๓. พระราชนิพนธ์ อาทิตย์อับแสง กนกนาถ ญาณฤทธิ์
    ๔. พระราชนิพนธ์ ยามเย็น กนกนาถ ญาณฤทธิ์
    ๕. พระราชนิพนธ์ ใกล้รุ่ง บรรเลง Solo Saxophone โดยศิลปชัย สุขประเสริฐ
    ๖. พระราชนิพนธ์ แก้วตาขวัญใจ ดวงดาว เถาว์หิรัญ
    ๗. พระราชนิพนธ์ ภิรมย์รัก ดวงดาว เถาว์หิรัญ
    ๘. พระราชนิพนธ์ ยิ้มสู้ กนกนาถ ญาณฤทธิ์
    ๙. พระราชนิพนธ์ Oh I Say กนกนาถ ญาณฤทธิ์

    วงดุริยางค์ไทย สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ( ๓๐ นาที)
    ๑. เพลงโหมโรงเยี่ยมวิมาน
    ๒. เพลงไทยดำเนินดอย
    ๓. เพลงบุหลันลอยเลื่อน

    การแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติเรื่องรามเกียรติ “ ชุดพระรามรบทศกัณฐ์ ” (๒๐ นาที)

    การแสดงดนตรีวงออร์เคสตร้า
    เนื่องในงานเทศกาลบอนลูนนานาชาติประเทศไทย ครั้งที่ ๓
    โดยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร
    วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๒ เวลา …………………น.
    ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    ******
    การบรรเลงผสมวงดนตรีไทย – สากล ( ๓๐ นาที)
    ๑. เพลงจีนตอกไม้ บรรเลง
    ๒. เพลง สาวไหม บรรเลง
    ๓. เพลงลาวแพน บรรเลง
    ๔. เพลง รองเง็ง บรรเลง
    ๕. เพลงลาวสมเด็จ บรรเลง
    ๖. เพลงชเวดากอง บรรเลง

    การแสดงนาฏศิลป์ไทย ( ๑๕ นาที)

    ที่มา www.thailandballoonfestival.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2009
  8. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    ประกวดถ่ายภาพ Balloon ชาวหลังกล้องพลาดไม่ได้

    ขึ้นชื่อว่าเป็นเวบชุมชนของคนหลังกล้องแล้ว จะไม่เอาข่าวสารเกี่ยวกับการประกวดถ่ายภาพมาฝากกันก็คงจะผิดจุดประสงค์ไปหน่อยใช่ไม๊ครับ ในงาน Balloon Festival 2009 นี้เค้าก็มีการจัดประกวดถ่ายภาพขึ้นด้วยเหมือนกัน โดยกติกาการประกวดก็มีดังนี้

    1. ต้องเป็นภาพถ่ายในงาน Balloon ที่นำมาแสดงในระหว่างวันที่ 3-6 ธันวาคม 2552 นี้เท่านั้น
    2. ภาพที่ส่งเข้าร่วมประกวดต้องอัดขยายเป็นภาพสีขนาด 8×12 นิ้วด้วยกระดาษสีฟูจิเท่านั้น
    3. ภาพต้นฉบับจากกล้องดิจิตอลต้องมีความละเอียดไม่ต่ำกว่า 6 MP
    4. ไฟล์ต้นฉบับจะต้องนำส่งให้คณะกรรมการพร้อมภาพ
    5. ผู้ส่งภาพเข้าประกวดจะต้องติดภาพลงบนกระดาษแข็งหรือวัสดุฟิวเจอร์บอร์ด ให้ใช้สีเทาเท่านั้น และเว้นของภาพให้ห่างไว้ 2 นิ้วโดยรอบ พร้อมใช้กระดาษ A4 พิมพ์ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ตามบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ หรืออีเมล์ไว้ด้านหลังของภาพ
    6. ให้ตั้งชื่อภาพ หมายเลขภาพ ตามลำดับที่ส่ง
    7. ส่งภาพได้ไม่จำกัดจำนวน แต่ต้องเป็นผลงานของผู้ถ่ายภาพเองเท่านั้น
    8. ทางผู้จัดการประกวดภาพมีสิทธิ์ในการจัดพิมพ์ เผยแพร่ภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้ผู้ส่งภาพเข้าประกวดแต่ประการใด
    9. ผู้ได้รับรางวัลมีสิทธิ์รับรางวัลสูงสุดเพียงรางวัลเดียวเท่านั้น แลภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้จัดประกวด ไม่ส่งคืนเจ้าของภาพ
    10. คณะกรรมการตัดสินภาพทำหน้าที่โดยเปิดเผย ยุติธรรม ตามแบบมาตรฐานสากลแห่งศิลปะการถ่ายภาพ
    11. กติกานี้ ถือว่าผู้ร่วมส่งภาพเข้าประกวดได้ยินยอมปฏิบัติตามทุกประการ และผลการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นข้อยุติสิ้นสุดตามกระบวนการ
    ข้อมูลจาก http://www.lungklong.com/balloon-festival-2009/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg.jpg
      1.jpg.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.7 KB
      เปิดดู:
      76
    • 2.jpg.jpg
      2.jpg.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.9 KB
      เปิดดู:
      104
    • 3.jpg.jpg
      3.jpg.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.4 KB
      เปิดดู:
      75
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2009
  9. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    ใครว่างก็แวะมาเที่ยวกันครับ ช่วงวันหยุดรถอาจจะติดหน่อยก็ต้องมากันแต่เช้าๆ ครับ งานนี้ผมคงจะไม่ได้ไปเพราะไปงานแต่งงานพี่ที่ทำงานที่พิษณุโลกครับ
    โอกาสดีๆ แบบนี้ถ้าท่านใดว่างก็อย่าให้พลาดครับ มาดูบอลลูนนานาชาติพร้อมขึ้นบอลลูนดูบรรยากาศรอบๆ ว่าสวยแค่ไหน และเงินที่ซื้อตั๋วยังนำไปทำประโยชน์ต่ออีก และที่สำคัญได้มาทำบุญที่วัดด้วยครับทุกอย่างในงานเดียว หากเพื่อนคนไหนไปก็เก็บรูปมาฝากบ้างนะครับ
     
  10. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    วันนี้มีงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติวันแรกนะครับ ตอนเช้าอากาศเริ่มเย็นแล้ว ช่วงเย็นบรรยากาศสบายๆ ใครว่างก็เชิญนะครับ วันนี้ถ้าไม่ติดธุระที่ไหนจะเก็บบรรยากาศในงานมาให้ชมกันครับ

    [​IMG]
     
  11. Bad_measure

    Bad_measure เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,602
    ค่าพลัง:
    +10,421
    จองบอลลูน 1 ลำครับ อิอิ
     
  12. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
  13. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก

    [​IMG]

    หลวงพ่อจง พุทธัสสโร ท่านมีนามเดิมว่า “จง” กำเนิดมาในตระกูลชาวนาในท้องที่ตำบลหน้าไม้ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    เรียกว่าเป็นเชื้อสายแห่งคนดีศรีอยุธยาอีกคนหนึ่งที่ทั่วสรรพางค์กายล้วนเต็มเปี่ยมด้วยเลือดนักสู้ สมชาติชายไทย บิดาท่านมีนามว่านายยอด มารดานามว่านางขลิบ ซึ่งท่านทั้งสองมีบุตร-ธิดาด้วยกันทั้งสิ้น 3 คน คือ
    1. เด็กชายจง ต่อมาคือหลวงพ่อจง พุทธัสสโร เป็นบุตรคนโต
    2. เด็กชายนิล เป็นคนรองต่อมาคือพระอธิการนิล เจ้าอาวาสวัดหน้าต่างใน
    3. เด็กหญิงปลิก เป็นน้องคนเล็กและเป็นผู้หญิงคนเดียว

    สำหรับวันเดือนปีเกิดหรือวันถือกำเนิดของหลวงพ่อจง พุทธัสสโรนั้นเนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่ล่วงเลยผ่านพ้นมานาน อีกทั้งการบันทึกก็มิได้มีหลักฐานที่เด่นชัด เป็นแต่ระบุไว้พอรู้ความว่าได้กำเนิดในสมัยต้นรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี ณ วันพฤหัสบดี เดือน 4 ปีวอก อันเป็นวันขึ้น 8 ค่ำ ที่ตรงกับวันที่ 6 เดือนมีนาคม พ.ศ.2415 และด้วยเวลานั้นยังไม่มีการใช้ชื่อสกุลจึงไม่มีการระบุชื่อนามสกุลเดิมของท่านไว้

    [​IMG]

    ชีวิตของหลวงพ่อจง หลังจากที่ได้อุปสมบทแล้วได้ปรากฎเหตุอันน่าแปลกมหัศจรรย์เด่นชัดขึ้นเพราะนอกจากจะหายป่วยหายไข้แล้ว เมื่อได้มาศึกษาหาความรู้ในด้านธรรมะคือได้ศึกษาพระปริยัติธรรมและธรรมสิกขาพร้อมทั้งฝึกฝนในด้านการเขียนอ่านอักษรทั้งไทยและขอมจากท่านพระอาจารโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดหน้าต่างใน ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์
    พระภิกษุจงได้แสดงออกถึงความในอัจฉริยะ ด้วยการเรียนรู้จดจำสิ่งที่ได้รับถ่ายทอดมาอย่างแม่นยำและเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง จนใคร ๆ ทั้งหลายที่รู้พื้นความเป็นมาต่างพากันอดแปลกใจสงสัยเสียมิได้ว่า “เอ๊ะ..ทำไมภิกษุจงจึงมิยักงมโข่งหรืออุ้ยอ้ายอับปัญญาเหมือนกับบุคลิกที่อ่อนแออมโรคที่ส่อแสดงว่าน่าจะเป็นไปในทางทึบหรืออับเรียนรู้จดจำอะไรไม่แม่นยำ” และยิ่งเพิ่มความแปลกมหัศจรรย์แปลกไกลไปกว่านั้นภายหลังจากที่ได้กระจ่างแจ้งในพระธรรมและภาษาหนังสือพอสมควรแล้ว พระอาจารย์โพธิ์ที่เล็งเห็นแววว่าน่าจะเป็นไปได้ของพระภิกษุจงได้ให้การถ่ายทอดวิชาในด้านเวทวิทยาคมที่ท่านเชี่ยวชาญจนเป็นที่เลื่องลือถือกันว่าพระอาจารย์โพธิ์คือยอดแห่งผู้ทรงเวทในสมัยนั้นให้กับพระภิกษุจงด้วย
    ผลก็ปรากฎว่าพระภิกษุจงสามารถน้อมรับวิชาไว้ได้ทุกกระบวนมนต์ สำเร็จแตกฉานชนิดสิ้นภูมิผู้เป็นอาจารย์กันเลยทีเดียวและด้วยการได้รับถ่ายทอดวิชาให้ชนิดไม่มีการปิดบังซ่อนเร้นภูมิรู้ใดไว้ของพระอาจารโพธิ์จึงทำให้พระภิกษุจงได้ก้าวเข้ามาทำหน้าที่เป็นที่รวมใจที่พึ่งพิงของญาติโยมแทนผู้เป็นอาจารย์ในเวลาต่อมา

    [​IMG]

    เมื่ออรุณทอแสงจับขอบฟ้าวันที่ 24 มกราคม 2508 ทุกคนผู้เป็นศิษย์ใครบ้างจะรู้ว่า วันนี้แล้วสัญญาณแห่งความวิปโยคจะเริ่มขึ้น ตอนสายมีข่าวว่าหลวงพ่ออาพาธด้วยโรคอัมพาตหมดความรู้สึกทางซีกขวาไปแถบหนึ่ง ได้แพร่สะพัดไปสู่บรรดาศิษย์ทั้งหลายและแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วปานกระแสลมกล้า ตอนสายวันนั้นที่กุฎีหลวงพ่อคราคร่ำไปด้วยผู้มาเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงพ่อ ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตสาเหตุของการอาพาธครั้งนี้มีอยู่ว่า
    เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. เช้าวันที่ 24 มกราคม หลวงพ่อเข้าสุขาตามเวลาปกติ ขณะเสร็จกิจแล้วท่านลุกขึ้นมากุฎีไม่ได้ เพราะซีกกายข้างขวาของท่านหมดความรู้สึก นายขัน และพระเพ็ง ขนติโก ผู้ปฏิบัติหลวงพ่อเห็นว่า ท่านสุขานานเกินควร จึงตามเข้าไปเปิดประตูสุขาพบว่าหลวงพ่อกำลังพยายามจะทรงกายลุกขึ้น จึงช่วยพยุงท่านมายังเตียงนอน สังเกตเห็นว่าปากข้างขวาของท่านเบี้ยวผิดปกติ ได้ยินเสียงหลวงพ่ออุทานว่า
    "เขาเอาเราแน่ละคราวนี้เขายึดเราหมดแล้ว"
    เสมือนหนึ่งหลวงพ่อทราบว่า กายนครของท่านจะต้องประสบภาวะขั้นสุดยอดเสมือนหนึ่งหลวงพ่อทราบว่า กายนครของท่านจะต้องประสบภาวะขั้นสุดยอดของกฏธรรมดาในอนาคตอันใกล้นี้ ปัจฉิมอุทานของหลวงพ่อคราวนี้ ทำให้ทุกคนใจหายวาบหนักใจในอาพาธของหลวงพ่อเป็นอย่างยิ่ง เพราะแต่ไหนแต่ไรมาหลวงพ่อไม่เคยอุทานเช่นนี้เลย ทุกคนซ่อนความทุกข์ใจไว้ภายใน เฝ้าปรนนิบัติพยาบาลท่านเป็นอย่างดี ระยะ 7 วันแรก หลวงพ่อพูดได้เกือบปกติ ฟังชัด เมื่อล่วง 7 วันแล้วเสียงของท่านเริ่มน้อยลง แหบเครือลงโดยลำดับ เพราะความชราแห่งสังขารอันเก่าแก่ยาวนานถึง 99 ปี ประกอบกับฉันอาหารได้น้อยด้วย
    ต่อมาคณะศิษย์มีหลวงพ่อนิลเป็นประธาน ได้พร้อมใจกันมอบให้นายแพทย์สถานีอนามัยชั้นหนึ่งวัดโพธิ อำเภอบางบาล ร่วมด้วย นายประทิน อัมพานนท์ สถานีอนามัยพระขาว เป็นผู้ถวายการรักษาท่าน ในระยะนี้อาการของท่านทรงอยู่และดีขึ้นเล็กน้อย ด้วยความเอาใจใส่และความสามารถของแพทย์ ทุกคนภาวนาว่าแม้หลวงพ่อจะไม่หายขาดก็ขอให้พอทุเลาพอนั่งได้ก็ยังดี เพราะโรคนี้ใคร ๆ ก็รู้ว่า เป็นโรคที่รักษาให้หายขาดได้ยาก
    วันแล้ววันเล่าผ่านไป อาการของหลวงพ่อเริ่มทรุดลง พูดไม่ได้ยินเสียง หายใจไม่สะดวก มีเสมหะมาก สังเกตว่าหลวงพ่อมีทุกขเวทนาอย่างหนัก แต่เสียงครวญครางอย่างสามัญชนมิได้มีรอดจากปากให้ใครได้ยินเลย เมื่อท่านเจ็บปวดก็เป็นเพียงแสดงอาการส่ายหน้าไปมาให้เป็นที่สังเกตว่าท่านไม่สบายเท่านั้น หลวงพ่อมีใจแท้อยู่เหนือเวทนาทั้งปวง ไม่หวั่นไหว ใช้อธิวาสขันตีที่ท่านมีอยู่เป็นปกตินิสัย ข่มความทุกข์ทรมานอันเกิดจากอาพาธกล้าได้อย่างน่าสรรเสริญยิ่ง
    หลวงพ่อใช้ธรรมโอสถรักษาใจของท่านเองให้มั่นคงแจ่มใส ในยามที่ร่างกายเจ็บไข้ ได้นิมนต์พระมหาแสวง ฐิติสมฺปนฺโน ป.ธ. 5 วัดสันติการาม มาสวดสาธยาย ทวัตติงสาการ โพชฌงคปริตร อุณหิสวิชัย คาถาพระพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ อยู่เป็นนิจ แสดงว่า อาพาธนั้นจะชนะท่านได้ก็เพียงภายนอกเท่านั้น แต่ภายในอาพาธจะกล้ำกลายท่านไม่ได้เลย
    ระยะที่หลวงพ่ออาพาธหนัก บรรดาศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือทั้งใกล้และไกลไปมาเยี่ยมเยือน สดับตรับฟังอาการอยู่ทุกวันอย่างแน่นขนัดทุกคนมีใจตรงกันอยู่จุดเดียว คือ สนองพระคุณหลวงพ่อให้สมกับที่ท่านได้บำเพ็ญประโยชน์เป็นบุรพการีแก่ทุกคนมานานแสนนาน บางท่านแนะนำให้นำพาหลวงพ่อไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลสงฆ์บ้าง โรงพยาบาลอื่น ๆ บ้าง บรรดาศิษย์ขอขอบพระคุณในความปรารถนาดีของท่านเหล่านั้น แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะเสียงส่วนใหญ่เห็นว่า หลวงพ่อชราภาพมากแล้วและอาการอาพาธก็หนัก ถ้าพาท่านเดินทางไปอาจเป็นการกระทบกระเทือนบอบช้ำ จนเป็นเหตุให้ท่านถึงมรณภาพเสียกลางทางก็อาจเป็นได้ จึงตกลงกันว่าขอให้หลวงพ่อได้หลับตาจากไปในท่ามกลางการสนองพระคุณของญาติและศิษย์ บนสยนาสนะที่หลวงพ่อเคยอาศัย ในท่ามกลางสถานวิเวกอันน่าอภิรมย์ด้วยดวงจิตอันสงบเถิด
    แล้ววาระแห่งความโศกสลดก็มาถึง วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2508 ค่ำลงแล้ว ดวงจันทร์ใกล้วันมาฆะปุรณมีทอแสงจ้าแจ่มใส คล้ายเป็นประทีปส่องทางให้ท่านได้เดินทางไกลไปสู่สุคติภพอันสงบ ตอนหัวค่ำดูเหมือนหลวงพ่อจะมีอาการทุเลากว่าเวลาอื่นที่ผ่านมา ไม่มีวี่แววว่าอาการจะทรุดหนักลงเลย บรรดาผู้ที่นั่งเฝ้าอาการอยู่ดูอุ่นใจขึ้น ถวายยาประจำตามปกติแล้ว ก็ผลัดเปลี่ยนกันเข้าประคองท่าน พัดวีถวายเท่าที่สามารถจะทำได้ แม้ว่าหลวงพ่อจะผ่ายผอมจนผิดตา แต่ก็มีรัศมีอิ่มเอิบใบหน้ายิ้มแย้ม แสดงถึงความเมตตาอยู่เป็นนิจ
    เวลาล่วงไป เสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน พระจันทร์โคจรขึ้นสู่วันใหม่ ดิถีแห่งวันมาฆปุรณมี วันจาตุรงคสันนิบาตแห่งพระพุทธศาสนาเริ่มขึ้นแล้ว หลวงพ่อหลับตานิ่งสนิท าน ๆ จึงจะหายใจยาวสักครั้งเงียบสงัด ทุกคนเฝ้าอาการอยู่ด้วยหัวใจอันหดหู่ แสนห่วง ไม่มีใครปริปากหนึ่งนาฬิกาผ่านไป หลวงพ่อสงบไม่ไหวติง จับชีพจรดูยังเต้นอยู่แต่ช้าและลึกลงทุกขณะ เมื่อเข็มนาฬิกาบอกเวลา 01.55 น. ของวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2508 หลวงพ่อก็จากพวกเราไปด้วยอาการอันสงบ ปราศจากอาการกระวนกระวายโดยสิ้นเชิง ท่ามกลางความโศกเศร้าอาดูร พิลาปรำพันของญาติและศิษย์ทั้งหลาย สิริประมวลอายุได้ 93 ปี 10 เดือน กับ 17 วัน ครองสมณเพศมาโดยตลอด 72 พรรษานับแต่เริ่มอาพาธมาจนถึงวาระสุดท้ายรวม 24 วัน
    หลวงพ่อถึงมรณภาพในวันมาฆะปุรณมี มาฆฤกษ์ วันจาตุรงคสันนิบาตแห่งพระพุทธศาสนา เป็นสัญลักษณ์ว่า หลวงพ่อจากไปดีแล้ว ไปประเสริฐแล้ว ขอให้ดวงวิญญาณอันเปี่ยมไปด้วยความดีงาม สงบบริสุทธิ์ด้วยสีลาทิคุรในพระพุทธศาสนายาวนานถึง 72 พรรษาของหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงสุด จงไปสู่สัคคาลัย ได้สถิติอยู่ด้วยปรมสันติสุขในวิสุทธิวิมานเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2009
  14. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    ทายาทธรรม
    ของหลวงพ่อจงองค์สุดท้าย
    พระครูสมบูรณ์จริยธรรม (พระอาจารย์แม้น อาจารสมฺปนฺโน)

    [​IMG]

    พระอาจารย์แม้น ท่านเกิดที่อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เมื่อเดือนสี่ ปีขาล ซึ่งตรงกับวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2481 บิดาชื่อนายทองหล่อ คานอ่อนมารดาชื่อนางหลาบ หรือกุหลาบ ไตรเวทมีพี่น้องรวมทั้งหมด 11 คน พี่สาวคนโตชื่อนางลำเจียกบวชเป็นแม่ชีอยู่ในปัจจุบัน คนที่สองชื่อนางสารภี มรณภาพไปแล้วคนที่สามชื่อนายทองล้วน มรณภาพไปแล้ว คนที่สี่ชื่อ นางท้วม คานอ่อน คนที่ห้าชื่อนายบุญส่ง มรณภาพไปแล้ว คนที่สามชื่อนายทองล้วน มรณภาพไปแล้ว คนที่สี่ชื่อนางท้วน คานอ่อน คนที่ห้าชื่อนายบุญส่ง มรณภาพไปแล้ว คนที่หกชื่อนายทองม้วน มรณภาพไปแล้ว คนที่เจ็ดชื่อนายเมี้ยน คานอ่อน คนที่แปดชื่อพระอาจารย์แม้น คานอ่อน คนที่เก้าชื่อนายสังวน ได้มรณภาพไปแล้ว คนที่สิบชื่อนายแดง มรณภาพไปแล้วตั้งแต่เยาว์วัย คนที่สิบเอ็ดชื่อสังวาล คานอ่อนบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดหน้าต่างนอก
    ในด้านของการศึกษา
    พระอาจารย์แม้นเรียนจบชั้นประถม 4 ที่เล่าเรียนเพียงแค่นี้เป็นเพราะฐานะทางบ้านยากจน ดำรงชีพด้วยการทำนาและทำอิฐขาย

    เข้าสู่ร่มกาสาวพัฒน์

    พระอาจารย์แม้นได้เล่าถึงความเป็นมาในการบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ว่าตัวอาตมาชอบในการฟังเทศน์และชอบทำบุญใส่บาตรจนกระทั่งโยมแม่มักจะพูดอยู่เสมอว่า "เจ้านี้ผ่าเหล่าผ่ากอชอบฟังเทศน์ ชอบใส่บาตร ชอบทำบุญ" อาตมามีนิสัยชอบในเรื่องบุญมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย จนกระทั่งอายุมาถึง 27 ปี อาตมาไม่ได้มีครอบครัว จึงได้มีศรัทธาอยากจะบวชในพระศาสนาก็ให้ญาติโยม มีโยมน้ารับ น้าลอย ทรัพย์พล น้าสง่า และก็พี่สำราญ หลายคนช่วยกันพามาอุปสมบทที่วัดใหญ่ชัยมงคล อำเภอเมือง จังหวัดอยุธยา มีหลวงพ่อพระครูภาวนารังสี เจ้าอาวาสวัดใหญ่ชัยมงคล เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พุท พระอาจารย์สุนทร เป็นพระกรรมวาจาจารย์และอนุสาวนาจารย์ เมื่ออาตมาได้อุปสมบทแล้วในวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 8 พ.ศ. 2508 ก็ได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่วัดกลางคลองสาน อำเภอคลองสาน จังหวัดปทุมธานี อยู่หนึ่งพรรษา พอพ.ศ. 2509 อาตมาก็ย้ายมาอยู่กับพระอุปัชฌาย์ ที่วัดใหญ่ไชยมงคล มาศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับพระอุปัชฌาย์ คือหลวงพ่อพระครูภาวนารังสีอยู่พรรษหนึ่ง พอออกพรรษาแล้ว รับกฐินเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาตมาก็กลับไปอยู่วัดกลางคลองสาน อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานีอย่างเดิม แล้วก็ได้เริ่มเรียนพระปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมตรี ในปีพ.ศ. 2510 พอพ.ศ. 2511 ไปเรียนบาลีที่วัดพระศรีมหาธาตุ พอออกพรรษาครูที่สอนนั้นก็โดนรถชนคอหักตาย อาตมาก็เลยเลิกเรียน แล้วก็มาเรียนนักธรรมโท ก็สอบนักธรรมเอกได้ เมื่อสอบนักธรรมเอกได้แล้วก็ท่องพระปาติโมกข์จบ พ.ศ.2515 ทางคณะกรรมการวัดหน้าต่างนอกได้ไปอาราธนาอาตมา มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอก เป็นต้นมา

    [​IMG]

    เป็นเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอก

    พ.ศ.2515 ทางคณะกรรมการวัดหน้าต่างนอกได้ไปอาราธนาอาตมามาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอกเป็นต้นมา เมื่อแรกที่อาตมาได้ย่างเข้าเหยียบ ณ วัดหน้าต่างนอกนั้น อาตมารู้สึกมีความปีติเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาอยู่ร่วมชาคาเดียวกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อจง แล้วก็ได้ศึกษาปฏิปทาของหลวงพ่อจง ว่าท่านได้เคยปฏิบัติเป็นมาอย่างไร เมื่ออาตมารู้ประวัติความเป็นมาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อจงแล้ว อาตมาก็เริ่มดำเนินรอยตามท่าน แต่การปฏิบัติของอาตมานั้น ก็ไม่สามารถที่จะให้เหมือนหลวงพ่อจงได้ แต่ก็ดำเนินรอยตามพระเดชพระคุณท่านเสมอมา จนกระทั่งมาถึงพ.ศ.2518 ถึง 2520 ได้เริ่มดำเนินการบูรณะหอใหญ่ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านรับแขกสร้างขึ้นมาใหม่ สำเร็จบริบูรณ์จนเมื่อพ.ศ. 2520 และสร้างหอระฆังขึ้นพร้อมกันนั้น ตลอดทั้งบูรณะกุฏิเก่าของท่าน ย้ายออกมาตั้งไว้แถบทางทิศตะวันออก
    ต่อมาพ.ศ. 2526 ก็เริ่มสร้างศาลาการเปรียญ ที่หลังปัจจุบันนี้เพื่อไว้ใช้กิจกรรมต่าง ๆ ในสาธารณสงเคราะห์ เสร็จเรียบร้อยเมื่อพ.ศ. 2527 เมื่อสร้างศาลาการเปรียญเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็บูรณะสิ่งอื่น ๆ ต่อไป จากนั้นก็มาบูรณะวิหารที่ชำรุดทรุดโทรมไปให้ดีขึ้น แล้วก็มาสร้างเป็นมณฑปเพื่อบรรจุอัฐิของหลวงพ่อจง เป็นที่ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งของพระเดชพระคุณหลวงพ่อจง เสร็จเมื่อพ.ศ. 2535 เมื่อสร้างเสร็จฉลองเรียบร้อยแล้วเมื่อพ.ศ. 2535 จากนั้นทางคณะกรรมการและอาตมาก็หันกลับมาสร้างกุฏิ เป็นกุฏิเจ้าอาวาสที่อยู่ปัจจุบันนี้ขึ้นอีกหลังหนึ่ง แล้วก็สร้างเมรุ เมื่อสร้างเมรุเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็หันมาสร้างอุโบสถ์ ซึ่งวางศิลาฤกษ์เมื่อพ.ศ. 2537 เป็นต้นมา แล้วก็ได้สร้างมาถึงปัจจุบันนี้ได้ประมาณ 60 % แต่ยังขาดทุนทรัพย์อีกมาก นี่อาตมาก็ดำเนินการก่อสร้างเรื่อยมา วัดหน้าต่างนอกได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาทุกวันนี้ ก็ได้อาศัยศรัทธาประชาชน ทั่วประเทศที่มีจิตศรัทธาต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อจงฉะนั้นความเจริญรุ่งเรืองที่เกิดขึ้น อาศัยศรัทธาประชาชนทั้งในท้องที่และต่างจังหวัดได้ร่วมมือร่วมใจกัน ได้มาช่วยกันทำนุบำรุงวัดหน้าต่างนอกนี้ ให้เจริญงอกงามมาจนถึงปัจจุบัน ก็ชี้แจงมาพอให้ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบพอสมควร



    [​IMG]

    คำสอนหลวงพ่อแม้น

    ต่อไปอาตมาจะได้บรรยายเกี่ยวกับข้อคิดหรือข้อปฏิบัติที่ประชาชนทั้งหลาย ได้มาพูดคุยกับอาตมาอยู่เสมอว่า เศรษฐกิจไม่ดีบ้างดวงชะตาไม่ดีบ้าง อาตมาก็เลยแนะนำประชาชนไปว่า ในเมื่อเศรษฐกิจมันไม่ดีอย่างนี้เราก็จะต้องมีความอดทน ความมั่นใจ เป็นหลัก ฉะนั้นอาศัยธรรมะ หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ได้สั่งสอนไว้ว่าประการแรกให้มีความขยันหมั่นเพียรในหน้าที่การงานทั้งปวง คือหนักต้องเอาเบาต้องสู้ มันจะหนักสักหน่อย มันจะเหนื่อยก็ต้องเอา เมื่อเรามีความขยันหมั่นเพียรในหน้าที่การงานทั้งปวงแล้ว หนักก็เอาเบาก็สู้มันไม่จนหรอก ขอให้มีความขยันอย่างเดียว สำคัญเราไปเลือกงานเสีย ถ้าหากว่าเราไปเลือกงานเนี่ยการเงินมันก็หายไป ฉะนั้นการเงินเราหาได้ ยากเราก็ต้องมีการประหยัด เมื่อได้ทรัพย์มาแล้ว เราก็ต้องรู้จักประหยัดรู้จักรักษาทรัพย์ ใช้แต่พอสมควร อย่าให้เกินพอดี การใช้เงินหรือจ่ายทรัพย์สมบัติที่เราได้มานี้ เราต้องดูว่าเมื่อเราได้มากับการจ่ายให้มันสมดลยุ์กัน ถ้าหากว่าเราได้เกินเสียเราก็อยู่ได้ แต่ถ้าเราหากว่าเสียเกินได้เราก็อยู่ไม่ได้ ฉะนั้นในยุคปัจจุบันนี้เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี เราก็จะต้องประหยัดในตัวของเรา การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนั้นเราต้องงด จะจ่ายเฉพาะในสิ่งที่จำเป็น สิ่งที่ไม่จำเป็นเราก็ควรงดเสีย เราก็อยู่ได้ ขอให้มีความขยันจริง ๆ ทำจริง ๆ หนักเอาเบาสู้ ต้องใช้ปัญญา ต้องแก้ไข เศรษฐกิจมันจะเป็นอย่างไรก็ตาม เราต้องดินรนสู้ อย่าถอย อย่าท้อใจ ถ้าเราจริงซะอย่างแล้วมันไม่จน ได้ที่จนเพราะมันไม่จริงข้อนี้สำคัญเป็นหลักธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า
    ประการที่สามคือ คบกับคนที่ ถ้าเราคบคนดีทรัพย์สินเงินทองเราก็ไม่เสื่อมเสียไป มีแต่งอกเงย แต่ถ้าเราคบคนไม่ดี มีเงินเท่าไหร่มันก็หมด เช่น คบคนดื่มสุรายาเมา มันก็พาไปกินเหล้า กลุ้มใจก็กินเหล้า ดีใจก็กินเหล้า เสียใจก็กินเหล้า พาเงินไปเข้าขวดหมด เงินก็หมดไปทรัพย์สมบัติมันก็หมด หรือคบคนเล่นการพนัน มันก็ไปกับการพนัน ถ้าคบคนดี คนดีจะแนะประโยชน์ให้เรารู้จักประหยัด รู้จักขยันในหน้าที่การงาน รู้จักประพฤติปฏิบัติในทางที่ชอบ คบคนดีได้ประโยชน์หลายอย่างแนะให้เราทำความดี
    และข้อที่สี่ คือ ให้รู้จักประหยัดใช้จ่าย เช่น เราได้ร้อยหนึ่ง จ่ายแต่เพียงห้าสิบ หรือเจ็ดสิบ ให้เหลือแค่เพียง 30 หรือ 20 ทุกวัน แต่ถ้าหากว่าได้ร้อย ใช้ร้อย มันก็หมดไป มันก็เจ๊ากันไป พรุ่งนี้ไม่มีกิน ฉะนั้นเราต้องหาวันนี้แล้วก็ต้องดูเผื่อพรุ่งนี้ด้วย กินวันนี้เผื่อไปถึงพรุ่งนี้ ใช้จ่ายแต่พอเพียง อย่าใช้จ่ายให้เกินพอดี หรืออย่าใช้จ่ายให้เกินได้ ถ้าว่าได้เกินเสียยังอยู่ได้ ดังที่กล่าวแล้ว นี่ข้อนี้อาตมาขอให้ข้อคิดไว้ ขอให้ท่านทั้งหลายได้ประพฤติปฏิบัติ และรู้จักประหยัดใช้สอย อดออมเอาแต่พออยู่ได้
    ต่อไปเศรษฐกิจมันก็จะดีขึ้นเอง ดังที่อาตมาได้ชี้แจงมา
    อีกประการหนึ่งนั้น เรารู้ว่าเราดวงไม่ดี เราก็ควรเข้าหาพระ ทุกวันนี้คนเราไม่ค่อยเข้าหาพระ ที่จริงแล้วควรจะเข้าหาพระ พระที่ไหนล่ะ พระที่ในบ้านเรานี่แหละ ทุกบ้านก็มีโต๊ะหมู่บูชา มีพระพุทธประจำบ้านทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยได้บูชาพระ ไม่ได้กราบพระ ในบ้านเรานั่นแหละ หยักไย่หรือฝุ่นจับนั่นน่ะ ท่านเป็นโรคภูมิแพ้บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ ฉะนั้นหันไปดูบ้าง ไปปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาด แล้วหมั่นจุดธูปจุดเทียนบูชาพระ หมั่นสวดมนต์เจริญภาวนา โบราณท่านบอกว่านอนไม่ใช่นอนเปล่าให้เอาด้วย นอนยังไง คือสวดมนต์บูชาพระ กราบพระ ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ การที่สวดมนต์สวดพรนี่เท่ากับว่าเสริมดวงชะตา เสริมบารมีของเราให้ดีขึ้น บุญกุศลจะได้ช่วยค้ำจุนให้เราทำอะไรให้เกิดมักเกิดผล อยากจะมีโชคมีลาภแต่ไม่สวดมนต์ไม่สวดพร ไม่ทำบุญใส่บาตร โชคลาภมันจะลอยมาได้อย่างไร ฉะนั้นเราต้องสร้างคุณงามความดี ไม่ใช่ว่าจะทำบุญทำทานนี่จะต้องบริจาคเงินเป็นล้านเป็นหมื่น การทำบุญทำกุศลนี่มันอยู่ที่ใจเรา ทำมากทำน้อยมันอยู่ที่ใจเรา ขอให้ใจเรามั่นอย่างเดียวหมั่นทำคุณงามความดีก็แล้วกัน สวดมนต์สวดพรเจริญภาวนาไปและมีความขยันหมั่นเพียรในหน้าที่การงาน มันก็เจริญรุ่งเรืองไปเอง​

    ที่มา www.watnatangnok.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2009
  15. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    พึ่งกลับจากงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติ คนเยอะมากครับ และถ้าใครเอารถไปก็จอดรถริมถนนได้เลยครับจะมีรถไฟฟ้าคันยาวๆ มารับเข้างาน แต่ถ้าไม่อยากรอก็เดินไปเหมือนผมครับใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็ถึง เข้าไปจะพบกับร้านขายของต่างๆ เครื่องเล่น ซึ่งหากจะเข้าไปในส่วนของบอลลูนจะต้องซื้อบัตรเข้าครับ เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 50 บาท ทีแรกว่าจะเก็บรูปบอลลูนสวยๆ มาฝากแต่พอไปถึงงานเวลาประมาณ 19.00 ปรากฏว่าที่งานไม่มีบอลลูนแล้วครับ สอบถามเจ้าหน้าที่ก็ถึงบางอ้อครับว่า ใครจะขึ้นบอลลูนต้องดูตารางเวลาครับ ซึ่งแต่ละวันจะมี 2 รอบ คือ
    - 6:00-6:30
    - 16:30-17:00

    ซึ่งจะมีบอลลูนทั้งหมด 21 ลูกครับ วันนี้ก็เลยอดไปตามระเบียบ ใครจะไปขึ้นบอลลูนก็เช็คเวลาให้ดีครับ ไปก่อนเวลาก็จะดีมากครับ เพราะคนไปเยอะมาก จะได้ไม่เสียโอกาสเหมือนผม ฮิๆๆ :cool:

    ตารางงานบอลลูนนานาชาติ
    วันที่ 4-6 ธันวาคม 2552
    6:00-6:30 หมู่ Balloon ขึ้นทำการบิน
    15:00 เปิดประตูเข้างาน
    16:00 บอลลูนเข้างาน
    16:30-17:00 หมู่ Balloon ขึ้นทำการบิน18:00 บอลลูนเตรียมการแสดง Night Glow
    18:30-19:00 การแสดง Night Glow ประกอบดนตรีและพลุ
    19:15 การแสดงของกรมศิลปากร
    20:30 ปิดงาน
    หมายเหตุ วันที่ 5 ธันวาคม มีการร่วมจุดเทียนถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
     
  16. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    ภาพบรรยากาศงานบอลลูนนานาชาติเมื่อเช้านี้06.00 -06.30ครับ ช่วงเวลารอรถไปทำงานพอดีก็เลยเก็บภาพสวยๆ มาฝากกัน ช่วงวันหยุดนี้ใครว่างก็เชิญไปเที่ยวกันได้นะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01585.JPG
      DSC01585.JPG
      ขนาดไฟล์:
      162.9 KB
      เปิดดู:
      89
    • DSC01577.jpg
      DSC01577.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.1 KB
      เปิดดู:
      91
    • 1.JPG
      1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      163.9 KB
      เปิดดู:
      70
    • 2.JPG
      2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      153.6 KB
      เปิดดู:
      85
    • 3.JPG
      3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      155.1 KB
      เปิดดู:
      71
    • 4.JPG
      4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      162.3 KB
      เปิดดู:
      85
    • 5.JPG
      5.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164.4 KB
      เปิดดู:
      74
    • 6.JPG
      6.JPG
      ขนาดไฟล์:
      162.2 KB
      เปิดดู:
      81
    • 7.JPG
      7.JPG
      ขนาดไฟล์:
      163.3 KB
      เปิดดู:
      72
    • 8.JPG
      8.JPG
      ขนาดไฟล์:
      155.8 KB
      เปิดดู:
      79
    • 9.JPG
      9.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164.9 KB
      เปิดดู:
      73
    • 10.JPG
      10.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164.7 KB
      เปิดดู:
      99
    • 11.JPG
      11.JPG
      ขนาดไฟล์:
      163.5 KB
      เปิดดู:
      73
    • 12.JPG
      12.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164.5 KB
      เปิดดู:
      76
    • 13.JPG
      13.JPG
      ขนาดไฟล์:
      154.4 KB
      เปิดดู:
      118
    • 14.JPG
      14.JPG
      ขนาดไฟล์:
      162.1 KB
      เปิดดู:
      79
    • 15.JPG
      15.JPG
      ขนาดไฟล์:
      162.9 KB
      เปิดดู:
      97
    • 16.JPG
      16.JPG
      ขนาดไฟล์:
      155.7 KB
      เปิดดู:
      101
    • 17.JPG
      17.JPG
      ขนาดไฟล์:
      158.6 KB
      เปิดดู:
      92
    • 18.JPG
      18.JPG
      ขนาดไฟล์:
      154.3 KB
      เปิดดู:
      92
    • 19.JPG
      19.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164.8 KB
      เปิดดู:
      103
    • 20.JPG
      20.JPG
      ขนาดไฟล์:
      162.8 KB
      เปิดดู:
      73
    • 21.JPG
      21.JPG
      ขนาดไฟล์:
      157.8 KB
      เปิดดู:
      91
  17. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    รายการที่22 ตะกรุดหนังเสือ รุ่นทิ้งทวน หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก

    สร้างปี 50 จำนวนสร้าง 400 ดอก

    บูชาดอกละ 999 บาท พร้อมส่งEMS<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01440.JPG
      DSC01440.JPG
      ขนาดไฟล์:
      161.2 KB
      เปิดดู:
      116
    • DSC01442.JPG
      DSC01442.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164 KB
      เปิดดู:
      114
  18. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,079
    ค่าพลัง:
    +52,186
    หลวงพ่อแม้นวัดหน้าต่างนอก ท่านเกิดปีขาล และวัตถุมงคลที่เกี่ยวกับเสือท่านปลุกเสกได้เข้มขลังนัก ชาวอยุธยาจะรู้ดีว่าวัตถุมงคลที่เกี่ยวกับเสือถ้าหลวงพ่อแม้นปลุกเสกสุดยอดขนาดไหน ดังที่ได้ยินมา "ปลุกเสกจนได้ยินเสือร้องได้" และรุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายของท่านด้วย
     
  19. nu_wa

    nu_wa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,740
    ค่าพลัง:
    +10,698
    อยากได้รักยมหลวงพ่อแม้นครับท่านจักบูชาเท่าไร หาได้ไหมครับสนใจอยู่ครับ
     
  20. Bad_measure

    Bad_measure เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,602
    ค่าพลัง:
    +10,421
    โอ้โห ตายละกิเลศพุ่งแล้วพี่
     

แชร์หน้านี้

Loading...